ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


AI คืออะไร? รู้จักกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ตัวช่วยสำคัญต่อธุรกิจ

 AI คือ

ในปัจจุบันกระแสการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อเป็นเครื่องทุ่นแรงในการทำงานนั้นกลายเป็นเรื่องปกติในสังคมปัจจุบัน โดยเฉพาะ AI คือตัวช่วยที่จะเปลี่ยนธุรกิจของคุณให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด AI สามารถช่วยงานคุณได้ ทั้งการคิดไอเดียในการทำคอนเทนต์ทางการตลาด ช่วยแปลภาษาในเวลาอันรวดเร็ว หรือแม้แต่การเขียนโค้ด AI

หลายคนอาจจะเกิดความสงสัยว่า AI คือโปรแกรมอะไร? มีประโยชน์อย่างไร? และ AI ย่อมาจากคำว่าอะไร? โดยในบทความนี้จะพาทุกคนไปหาคำตอบและทำความรู้จักว่า AI คืออะไรกันแน่?

AI คืออะไร? มีหลักการทำงานอย่างไร?

Artificial Intelligence (ปัญญาประดิษฐ์)หรือ AI คือการจำลองความฉลาดและความสามารถในการวิเคราะห์คำนวณของมนุษย์ด้วยเทคโนโลยีและเครื่องจักรเพื่อเป็นเครื่องทุ่นแรงในการทำงานต่าง ๆโดย AI จะมีหลักการทำงานโดยการรวบรวมข้อมูล(Data) เพื่อสร้างเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ จากนั้นอัลกอริทึม(Algorithm) จะทำการประมวลผลและเลียนแบบพฤติกรรมต่าง ๆ ตามข้อมูลที่รวบรวมมาได้ซึ่ง AI นั้นไม่ใช่เพียงอัลกอริทึมประมวลผลธรรมดา แต่ AI คือ ระบบการเรียนรู้ขนาดใหญ่หรือ Machine Learning System ที่สามารถช่วยวิเคราะห์แก้ปัญหาและแสดงผลลัพธ์ออกมาตามที่เราต้องการได้ ซึ่งกระบวนการทำงานของ AI นั้นสามารถจำแนกออกเป็นข้อ ๆ ได้ดังนี้

  • การเรียนรู้(Learning): AI คือเครื่องมือในการประมวลผล ดังนั้นการรวบรวมและเรียนรู้ข้อมูลจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด โดยหลังจากที่ได้รับข้อมูล AI จะทำการเรียนรู้รูปแบบของข้อมูลและจัดเรียงกลั่นกรองให้เป็นระบบ
  • การหาความสมเหตุสมผลและตัดสินใจ(Decision Making): กระบวนการทำงานขั้นต่อไปของ AI คือการใช้หลักความเป็นเหตุเป็นผลและความเป็นไปได้ต่าง ๆ เพื่อวิเคราะห์ชุดข้อมูลที่มีอยู่
  • การแก้ปัญหา(Problem Solving): หลังจากวิเคราะห์ข้อมูลเสร็จแล้ว AI จะนำชุดข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์มาทำการหาคำตอบในการแก้ปัญหา
  • การรับรู้(Perception): กระบวนการสุดท้ายของ AI คือ การรับรู้และเข้าใจเนื้อหาที่มนุษย์ต้องการผ่านชุดข้อมูลที่เก็บรวบรวมวิเคราะห์ผ่านกระบวนการต่าง ๆ เพื่อให้คำตอบที่เหมาะสมและดีที่สุด ยกตัวอย่างเช่นเปรียบ AI เป็นนักกีฬาเทนนิสที่วิเคราะห์ข้อมูลและความเป็นไปได้ในการตีลูกและเคลื่อนไหวทั้งหมดของคู่แข่งเพื่อสร้างเป็นหนทางในการรับมือคู่แข่งได้อย่างแม่นยำ

ข้อแตกต่างระหว่าง มนุษย์กับ AI คืออะไร?

หลายคนอาจจะรู้ถึงหลักการทำงานของ AI ไปกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังอาจจะไม่แน่ใจว่าเจ้าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ คือตัวช่วยที่ดีกว่ามนุษย์จริงหรือไม่? ในหัวข้อนี้เราจะมาเรียนรู้สิ่งที่มนุษย์ทำไม่ได้แต่ AI สามารถทำได้กัน!

  • AI ผิดพลาดน้อยกว่ามนุษย์: แน่นอนว่าพูดถึงคำว่า “มนุษย์” ความผิดพลาดย่อมตามมาเป็นของคู่กัน (Humen Error) แตกต่างกับ AI ที่เกิดจากการวิเคราะห์ข้อมูลชุดเดิมมานับครั้งไม่ถ้วน ทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นมีความแม่นยำที่สูง โอกาสผิดพลาดน้อยกว่ามนุษย์
  • AI ทำงานได้เร็วกว่ามนุษย์: เปรียบเทียบ AI คือ Supercomputer เครื่องหนึ่งที่คำนวณเรื่องยาก ๆ และหาคำตอบให้คุณได้อย่างรวดเร็ว ต่างกับมนุษย์ที่ต้องใช้ทั้งเวลาในการเรียนรู้ รวบรวมข้อมูล สร้างความคุ้นชินกับโจทย์ จากนั้นคำนวณหาคำตอบ ซึ่งแน่นอนว่ากระบวนการเหล่านี้ย่อมกินเวลามากกว่าการใช้ AI ในการหาคำตอบมากนัก
  • AI สามารถตัดสินใจได้โดยไม่ลำเอียง: การตัดสินใจบางเรื่องของมนุษย์ย่อมมีอารมณ์ความรู้สึกมาเกี่ยวข้องไม่มากก็น้อยซึ่งสามารถทำให้เกิดความลำเอียงในการตัดสินใจได้ เปรียบเทียบกับ AI คือคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องหนึ่งที่สามารถตัดสินใจผลลัพธ์ออกมาโดยอ้างอิงจากชุดข้อมูลที่รวบรวมไว้เท่านั้น

แน่นอนว่า AI ไม่ได้เหนือกว่ามนุษย์ในทุกเรื่อง จากทางด้านบนเราได้เรียนรู้ข้อได้เปรียบของ AI กันไปแล้ว จากนี้เราลองมาดูข้อได้เปรียบของมนุษย์ที่เหนือกว่า AI บ้าง

  • มนุษย์มีความสร้างสรรค์มากกว่า AI: แม้เราจะสามารถสั่งให้ AI สามารถวาดรูปได้ แต่รูปภาพที่ได้นั้นเกิดจากการรวบรวมชุดข้อมูลภาพวาดจากนั้นวิเคราะห์รูปแบบและสร้างภาพออกมาจากการเรียนรู้นับพันครั้ง แตกต่างจากมนุษย์ที่ใช้ไอเดียความสร้างสรรค์ในการสร้างผลงานต่าง ๆ เช่น การวาดภาพ การเขียนนิยาย การเขียนการ์ตูน
  • มนุษย์มีความยืดหยุ่นมากกว่า AI: เทคโนโลยี AI คือเครื่องมือที่รวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากนั้นตีความผลลัพธ์ออกมา แน่นอนว่า AI ไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ดีนักเมื่อเทียบกับมนุษย์ที่ตัดสินใจจากความหลากหลายนอกจากดูเพียงชุดข้อมูลในมือเพียงอย่างเดียว
  • การสื่อสารหรือ Social Skills ของ AI: การทำงานในปัจจุบัน การสื่อสารนั้นเป็นหัวใจหลักของหลาย ๆ งาน โดยเฉพาะตำแหน่งที่ต้องใช้ศาสตร์ในการพูดคุยและสร้างความประทับใจให้กับผู้คน เช่นตำแหน่งหัวหน้าทีม, ผู้จัดการ, นักขายเป็นต้น แน่นอนว่าทักษะเหล่านี้เกิดจากการเรียนรู้และความสามารถในการสังเกตคู่สนทนาฝ่ายตรงข้าม แน่นอนว่าปัจจุบัน AI ยังไม่สามารถเข้ามาแทนที่ Skill นี้ได้

เหตุผลที่ทำให้ AI ได้รับความนิยมคืออะไร?

คำว่า AI หรือปัญญาประดิษฐ์คือคำที่ถูกใช้มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1956 แต่เริ่มได้รับความนิยมในยุคปัจจุบันเนื่องจากการมาถึงของ Chat GPT ที่เป็นตัวจุดประกายความสนใจของผู้คนในสังคมให้หันมามองเห็น AI มากยิ่งขึ้น ประกอบกับเทคโนโลยีในการเก็บรวบรวม, วิเคราะห์, ประมวลผลข้อมูลที่ทันสมัยมากยิ่งขึ้น ทำให้ AI ตัวใหม่ ๆ ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตามเจ้าตลาดอื่น ๆ ให้ทัน บวกกับทั้งความกลัวและวิตกกังวลว่า AI นั้นจะมาทำงานแทนที่มนุษย์ ยิ่งทำให้คนให้ความสนใจและศึกษาเกี่ยวกับมันมากขึ้น

ประโยชน์ของ AI ในปัจจุบัน คืออะไร?

ประโยชน์ของ AI

AI ช่วยในการรวบรวมและวิเคราะห์ชุดข้อมูล

AI คือตัวช่วยสำคัญในการเก็บรวบรวมข้อมูลที่กระจายอยู่ทั่วไป จากนั้นนำข้อมูลที่ได้นั้นมาวิเคราะห์ได้อย่างแม่นยำในช่วงเวลาสั้น ๆ ช่วยลดเวลาในการทำงานได้เป็นอย่างมาก

AI ช่วยเป็นเครื่องทุ่นแรงของมนุษย์

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าจุดเด่นของ AI คือตัวช่วยสำคัญในการทำงานของมนุษย์ การมาถึงของ AI ไม่ได้หมายความว่าต้องมาแย่งงานมนุษย์เสมอไป แต่มันอาจจะเป็นเพียงเครื่องมือชนิดหนึ่งที่เข้ามาช่วย ยกตัวอย่างเช่นการหาไอเดียใหม่ ๆ ในการทำงานหรือช่วยในการแปลภาษาให้เสร็จได้ในเวลาอันรวดเร็ว

AI สามารถทำงานได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง

ด้วยตัว AI คือเครื่องมือชนิดหนึ่งสามารถทำงานได้โดยไม่ต้องหยุดพักผ่อน กินข้าวหรือกินน้ำเหมือนมนุษย์ ส่งผลให้ทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมงและงานที่ได้ออกมายังมีคุณภาพอีกด้วยเนื่องจากไม่มีปัญหาเรื่องประสิทธิภาพในการทำงานที่ผันผวนตามสภาพร่างกาย

AI ช่วยลดต้นทุนในการทำธุรกิจ

อย่างที่กล่าวไว้ในข้างต้น เพราะว่า AI คือเครื่องมือช่วยทุ่นแรงของมนุษย์ซึ่ง AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้โดยอัตโนมัติและแม่นยำ จะเห็นได้จากหลายแบรนด์ชั้นนำที่เริ่มมีการนำ AI มาช่วยในการทำธุรกิจ ตัวอย่างเช่น

  • Machine Learning ช่วยสร้างกำไรให้กับ Super Market แห่งหนึ่งถึง 6.3% Machine Learning หมายถึงส่วนมันสมองของ AI มีหน้าที่ในการเรียนรู้สิ่งที่เราใส่ข้อมูลเข้าไป ซึ่งในกรณีนี้ บริษัท Wasteless ได้ใช้ระบบ AI ในการเรียนรู้การปรับเปลี่ยนของราคาสินค้าเพื่อจะได้ทำการลดสินค้าทันทีในช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด เป็นการช่วยลดสินค้าที่กำลังหมดอายุหรือทำกำไรไม่ดีเพราะกำลังออกจากช่วงที่สินค้าเป็นที่นิยม
  • บริษัทสื่อขนาดใหญ่ในจีน Bluefocus Intelligent Communications เริ่มมีการวางแผนที่จะนำ AI มาใช้งานแทนที่กราฟิกดีไซเนอร์เพื่อลดต้นทุน

สรุปแล้ว AI คืออะไร? มนุษย์ควรวิตกกังวลหรือไม่?

แน่นอนว่าการมีอยู่ของ AI หรือปัญญาประดิษฐ์หมายถึงการพัฒนาที่ก้าวกระโดดของมนุษย์ทั้งในด้านการทำงาน การใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้หลาย ๆ คนนั้นกังวลว่า AI จะเข้ามาแทนที่ตัวเองในระบบการทำงานต่าง ๆ ซึ่งถ้าตอบตามความเป็นจริงแล้วนั้นมีโอกาสสูงที่หลาย ๆ งานจะถูกแทนที่ได้ด้วย AI แต่ในทางกลับกันมันก็หมายถึงโอกาสในการเติบโตเช่นกันเพราะเราสามารถใช้ประโยชน์จาก AI ได้เช่นกัน

ดังนั้นทุก ๆ คนควรเรียนรู้วิธีการใช้งานและปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยที่กำลังจะเปลี่ยนไป มองว่า AI คือเครื่องมือชนิดหนึ่งที่สามารถสร้างโอกาสในการทำงานและสร้างรายได้ให้กับเราได้