ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในการใช้ชีวิตประจำวัน การตลาดอัตโนมัติ (
Marketing Automation) กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพผลลัพธ์ทางการตลาด ช่วยให้นักการตลาดสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพประหยัดเวลา และช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น
ในบทความนี้จะพาไปทำความรู้จักเพิ่มเติมกันว่า Marketing Automation คืออะไร? มีขั้นตอนการทำงานอย่างไรบ้าง มีวิธีในการดูอย่างไรว่าธุรกิจของเราเหมาะกับ Marketing Automation หรือไม่ พร้อมตัวอย่างการนำ Marketing Automation ไปใช้งานจริงในการทำธุรกิจ
ทำความรู้จัก Marketing Automation หนึ่งในตัวเลือกของธุรกิจยุคใหม่ที่น่าจับตามองการตลาดอัตโนมัติ หรือ Marketing Automation คือ การใช้ซอฟต์แวร์หรือเครื่องมือต่าง ๆ ในการลดการทำงานแบบแมนนวลลงและแทนที่ด้วยระบบการทำงานแบบอัตโนมัติ ซึ่งการใช้งานเทคโนโลยีในการทำงานแทนมนุษย์ช่วยลดข้อผิดพลาดที่เกิดจาก Human Error ได้เป็นอย่างดี แถมยังช่วยประหยัดเวลาในการทำงานที่มีรูปแบบการทำงานซ้ำ ๆ อีกด้วย
โดยในธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีการทำงานเป็นระบบอย่างชัดเจนจะมีการวาง Marketing Automation ในส่วนต่าง ๆ เพื่อใช้ในการเก็บข้อมูล การโพสต์สื่อบนช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ หรือการส่งอีเมลที่มีจำนวนมหาศาล เป็นต้น ซึ่งงานเหล่านี้ถ้าหากต้องใช้บุคลากรในการทำงานจะต้องใช้แรงงานและงบประมาณที่ค่อนข้างสูงในการจัดการ
จะรู้ได้อย่างไรว่าธุรกิจของเราเหมาะกับ Marketing Automation หรือไม่?สำหรับการใช้งาน Marketing Automation ในธุรกิจหรือองค์กรนั้น ถึงแม้ว่าจะมีประโยชน์ในหลายด้านแต่การใช้ Marketing Automation จะเหมาะกับธุรกิจที่เริ่มมีกระบวนการทำงานที่ชัดเจน มีฐานลูกค้าในระดับหนึ่ง ที่อยากจะประหยัดเวลาจากการทำงานที่มีกระบวนการซ้ำ ๆ และใช้บุคลากรในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
ถึงแม้ว่าการใช้ Marketing Automation จะสามารถช่วยประหยัดเวลาและลดการทำงานลงได้ แต่ก็จะมีค่าใช้จ่ายจากการใช้เครื่องมือต่าง ๆ เพิ่มเติมขึ้นมาเช่นกัน ดังนั้นหากเป็นธุรกิจที่ยังมีฐานลูกค้าไม่มากหรือมีปริมาณ Traffic น้อยอยู่ การเลือกใช้ Marketing Automation อาจจะยังไม่ตอบโจทย์สักเท่าไรนักเพราะค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียนั้นยังไม่คุ้มค่ากับการลงทุนกับเครื่องมือเหล่านี้
ขั้นตอนการทำงานของ Marketing Automation การเลือกใช้เครื่องมือ Marketing Automation จะมีขั้นตอนในการตั้งค่าและการวางกระบวนการการทำงานที่คล้ายคลึงกันในแต่ละชนิดของเครื่องมือ โดยขั้นตอนการทำงานของ Marketing Automation จะมีขั้นตอนในการทำงานหลัก ๆ ดังนี้
- กำหนดเป้าหมาย: ระบุเป้าหมายทางการตลาดให้ชัดเจนเช่น การเพิ่มยอดขาย เพิ่ม Traffic หรือการสร้างแบรนด์
- ระบุกลุ่มเป้าหมาย: เข้าใจกลุ่มเป้าหมาย พฤติกรรม ความต้องการ และความสนใจของลูกค้า
- การเลือกเครื่องมือ: เลือกใช้เครื่องมือ Marketing Automation ที่เหมาะสมกับธุรกิจและงบประมาณ โดยต้องตอบโจทย์กับเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้
- เก็บข้อมูล: เมื่อเลือกเครื่องมือในการใช้งานเรียบร้อยแล้ว ถัดมาจะเป็นการเลือกเก็บข้อมูลที่ต้องการเช่น ข้อมูลติดต่อ พฤติกรรมการซื้อ หรือความสนใจของลูกค้า เป็นต้น
- แบ่งกลุ่มลูกค้า: ตามเกณฑ์ต่าง ๆ เช่น พฤติกรรม ความสนใจ ข้อมูลประชากร
- ออกแบบกระบวนการทำงาน: ออกแบบ Workflow สำหรับลูกค้าในแต่ละกลุ่ม และเริ่มดำเนินการ Automation
- วิเคราะห์ผลลัพธ์: นำผลลัพธ์ที่ได้มาวิเคราะห์และวัดผลแคมเปญ
- ปรับปรุงกลยุทธ์: ปรับปรุงแผน Marketing Automation ตามผลลัพธ์ที่ได้
ตัวอย่างการนำ Marketing Automation ไปใช้งานในธุรกิจหลังจากที่ได้ทราบการทำงานของเครื่องมือ Marketing Automation กันไปแล้ว ถัดมาเราจะมาดูตัวอย่างการใช้งานกันบ้างว่า Marketing Automation สามารถนำไปใช้งานยังไงได้บ้าง
1. ส่งข้อเสนอให้กลุ่มลูกค้าที่เป็นเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นการทำ Email Marketing อย่างการส่ง Welcome Email เพื่อเป็นการสร้างความประทับใจแรกให้กับลูกค้าใหม่ ก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่การทำ Marketing Automation สามารถเข้ามาช่วยจัดการส่ง Email แบบอัตโนมัติได้ในทันที
2. ทำระบบ Scroing เพื่อจัดหมวดหมู่ลูกค้าที่ใช้บริการธุรกิจการทำระบบ Scroing เป็นวิธีที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถแบ่งหมวดหมู่ของลูกค้าได้ เพื่อการบริการและนำเสนอบริการหรือสินค้าได้อย่างถูกจุดกับกลุ่มลูกค้าในแต่ละหมวดหมู่ ซึ่งการนำระบบ Automate มาใช้คือวิธีที่จะช่วยให้การจัดการหมวดหมู่ลูกค้าสามารถทำได้อย่างเป็นระบบ
3. ส่งอีเมลหรือโฆษณาให้ลูกค้าเพื่อเพิ่มโอกาสในการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์อีกหนึ่งวิธีที่เป็นที่นิยมในการใช้ระบบ Automatic คือการส่งอีเมลหรือโฆษณาให้แก่ลูกค้าเพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้าง Conversion หรือการปิดการขายได้มากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างกลยุทธ์ในธุรกิจ E-commerce Marketing คือการส่งคูปองส่วนลดหรือโปรโมชันพิเศษไปทางอีเมล เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้ามีความสนใจอยากซื้อสินค้าหรือบริการมากยิ่งขึ้น
4. การเก็บข้อมูลสำหรับธุรกิจแบบ B2Bสำหรับธุรกิจแบบ B2B แล้ว การทำ Automation Marketing (B2B) จะมีขั้นตอนที่แตกต่างจากธุรกิจแบบ B2C โดยจะมีการใช้เครื่องมือ Marketing Automation ในการเก็บข้อมูลผู้เข้าชมเว็บไซต์เพื่อติดต่อกลับหรือส่งข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นให้เกิด Conversion หลังจากนั้นอาจจะมีการทำ Account-Based Marketing เพิ่มเติมโดยระบบจะส่งข้อความที่มีเนื้อหาแบบ Personalize ให้กับลูกค้าแต่ละราย ซึ่งเป็นการให้ข้อมูลเพื่อกระตุ้นให้เกิดการ Conversion แบบเฉพาะเจาะจงตามพฤติกรรมการบริโภคของลูกค้าแต่ละรายที่มีความแตกต่างกัน
Human VS. Automation อะไรส่งผลดีต่อธุรกิจมากกว่ากัน?หากเปรียบเทียบระหว่างการทำงานโดยมนุษย์กับการใช้เครื่องมือ Marketing Automation แล้ว ในการทำงานแต่ละแบบก็จะมีข้อดีแตกต่างกันออกไปดังนี้
ข้อดีของการทำงานโดยมนุษย์- มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถคิดนอกกรอบ หาวิธีในการแก้ไขปัญหาใหม่ ๆ ได้
- มีการสื่อสารที่ดี มีความเข้าใจอารมณ์ความรู้สึก และภาษากายของผู้อื่น
- มนุษย์สามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดโดยพิจารณาจากสถานการณ์และข้อมูลที่มี
ข้อดีของการทำงานโดยใช้เครื่องมือ Marketing Automation- สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
- ช่วยลดภาระการทำงานที่ซ้ำซ้อน ประหยัดค่าใช้จ่ายและช่วยลดต้นทุนในการผลิตได้
- การใช้ระบบ Automation สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสม่ำเสมอ โดยไม่ต้องหยุดพัก
ทั้งการทำงานโดยมนุษย์และการใช้เครื่องมือ Marketing Automation ต่างก็มีข้อดีที่แตกต่างกัน ซึ่งทำให้การใช้การทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอต่อความสำเร็จของธุรกิจ ดังนั้นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดคือการเลือกใช้งานทั้งมนุษย์และเครื่องมือ Marketing Automation ร่วมกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุด
สรุปการใช้งาน Marketing AutomationMarketing Automation หรือการตลาดแบบอัตโนมัติคือ การใช้เทคโนโลยีหรือโปรแกรมต่าง ๆ ที่เป็นเครื่องมือทางการตลาดเข้ามาช่วยเพิ่มให้การทำงานสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งการใช้ Marketing Automation ยังสามารถช่วยลดภาระการทำงานซ้ำซ้อนหรือช่วยในการทำงานขนาดใหญ่ที่มีรูปแบบชัดเจนได้ ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาอีกทั้งยังทำให้ลดการใช้ทรัพยากรบุคคลในบางกระบวนการได้อีกด้วย
โดยการใช้ Marketing Automation จะเข้ามามีส่วนช่วยในการวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า ทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้า และยังสามารถช่วยเหลือการทำงานทางด้านการตลาดอื่น ๆ ที่หลากหลายได้อีกไม่ว่าจะเป็นการส่งอีเมล การสร้างแคมเปญ หรือการจัดการบนโซเชียลมีเดียตามช่องทางต่าง ๆ ซึ่งการใช้ระบบ Automation ร่วมงานกับการทำงานของมนุษย์จะยิ่งช่วยลดโอกาสการเกิดข้อผิดพลาด และทำให้การทำงานสามารถดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วย