ปัจจุบัน ปัญหาเด็กติดเกม นับได้ว่าเป็นปัญหาที่พบได้มากขึ้น เด็กจำนวนมากมีพฤติกรรมก้าวร้าว ขาดความรับผิดชอบในหน้าที่ จนพ่อแม่เกิดความกังวลว่าลูกของตนเองจะมีปัญหาในด้านการเรียน การใช้ชีวิต และมีปัญหาในพัฒนาการทางการเรียนรู้ ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นและความก้าวหน้าของโลกออนไลน์ ทำให้เกมกลายเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ง่ายสำหรับเด็ก แม้เกมจะมีข้อดีที่ช่วยให้เด็กพัฒนาเรื่องการใช้เทคโนโลยี แต่การเล่นเกมมากเกินไปก็ส่งผลเสียมากเช่นกัน
สาเหตุของการติดเกม
1. การขาดความเอาใจใส่จากผู้ปกครอง พ่อแม่ยุคใหม่มักจะปล่อยให้เด็กอยู่กับโทรศัพท์มือถือมากจนเกินไป ด้วยคิดว่าจะได้เบาแรงในการดูแลลูก เมื่อเห็นว่าลูกสามารถอยู่ได้ด้วยการใช้โทรศัพท์มือถือ ก็มักจะปล่อยปละละเลย ไม่มีการทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัว เป็นสาเหตุทำให้เด็กขาดที่พึ่งและไร้วินัยในตนเอง
2. การเข้าถึงเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่ง่ายและกว้างขวาง ทำให้เด็กเข้าถึงเกมต่าง ๆ ได้ง่ายเช่นกัน และยังมีชุมชนของเกมออนไลน์ต่าง ๆ ให้เด็กเข้าร่วมได้ง่าย กลายเป็นสังคมเกมออนไลน์ขนาดใหญ่ ตอบสนองความต้องการของเด็กได้
3. ความแตกต่างของเด็กแต่ละคน เด็กที่มีภาวะสมาธิสั้น ซึมเศร้า
เด็กก้าวร้าว วิตกกังวล มีปัญหาในการเข้าสังคม หรือมีปัญหาทางการเรียน มีแนวโน้มที่จะมีปัญหาติดเกมมากกว่าเด็กทั่วไป และเด็กกลุ่มเหล่านี้เสี่ยงต่อการแสดงออกด้วยพฤติกรรมก้าวร้าว
วิธีสังเกตว่าลูกมี อาการติดเกม หรือไม่
1. ไม่สามารถควบคุมเวลาในการเล่นเกมได้ เล่นเกมต่อเนื่องโดยไม่หยุดพัก ใช้เวลาเล่นเกมต่อวันนานขึ้นเรื่อย ๆ
2. มีพฤติกรรมก้าวร้าว มีอาการโวยวายหรือโมโหขณะเล่นเกม จนกลายเป็นเด็กก้าวร้าว เมื่อถูกสั่งให้เลิกเล่นก็จะแสดงอาการหงุดหงิด ในเด็กบางคนอาจถึงขั้นด่าทอ ทำลายข้าวของ ทำร้ายตนเองหรือทำร้ายผู้อื่น
3. กระทบต่อหน้าที่ เช่น ไม่สนใจเรียน ผลการเรียนตกต่ำ ไม่ช่วยงานบ้านที่ได้รับมอบหมาย
4. มีพฤติกรรมเก็บตัว เด็กเริ่มตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับครอบครัว สนใจแต่สังคมภายในโลกออนไลน์ของเกมที่ตนเองเล่น
การแก้ ปัญหาเด็กติดเกม
หากพ่อแม่สังเกตว่าลูกมีความเสี่ยงติดเกม ควรเร่งป้องกันแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นก่อนที่จะสายเกินไป แต่การแก้ปัญหาก็ต้องมีวิธีการที่เหมาะสม
เลี้ยงลูกให้ได้ดี มีดังนี้
1. สร้างข้อตกลงให้ชัดเจน จำกัดเวลาเล่นเกม โดยต้องกำหนดจำนวนชั่วโมงที่ลูกสามารถเล่นเกมได้ในแต่ละวัน และต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด หากลูกทำผิดข้อตกลงต้องมีการตักเตือน และต้องให้ลูกปฏิบัติภารกิจประจำวันให้เสร็จสิ้นก่อนเล่นเกม
2. หากิจกรรมที่สามารถทำด้วยกันในครอบครัวได้ จะช่วยให้เด็กออกห่างจากเกมได้ เช่น ไปออกกำลังกาย เล่นกีฬา ทำงานบ้านด้วยกัน หรือกิจกรรมอื่น ๆ ที่เด็กให้ความสนใจ
3. พาลูกไปพบจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา หาก ลูกติดเกม จนมีพฤติกรรมก้าวร้าวมาก พ่อแม่ต้องยอมรับว่าลูกมีความเสี่ยงที่จะมีปัญหาทางจิตใจ และต้องได้รับการบำบัดรักษา การพาลูกไปพบจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาไม่ใช่สิ่งที่ผิด ตรงกันข้ามพ่อแม่จะได้ทราบวิธีดูแลลูก เลี้ยงลูกให้ได้ดี ให้กลับมามีภาวะจิตใจที่ปกติได้ เพื่อให้เขาเติบโตอย่างมีสุขภาพกายและใจที่ดี
ที่มาข้อมูล
https://www.pptvhd36.com/news/สังคม/158047
https://www.milo.co.th/blog/ปัญหาเด็กติดเกม-วิธีรับมืออย่างสร้างสรรค์
https://workpointtoday.com/g-3/