ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


ฉีด PRP เกล็ดเลือดความเข้มข้นสูง มีขั้นตอนอะไรบ้าง?

ฉีด PRP

สำหรับปัญหาที่เกี่ยวกับเส้นผมและหนังศีรษะของแต่ละคนนั้นจะมีปัญหาที่เหมือน ๆ กัน เช่น ผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นได้หลายปัจจัย การรักษาปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน แบบวิธีรักษาธรรมชาติ และกำลังเป็นที่นิยมอยู่ ณ ตอนนี้ก็คือ ฉีด PRP ซึ่งเป็นนวัตกรรมในรูปแบบใหม่ที่ได้รับความนิยมในการรักษาที่เกี่ยวกับเส้นผม และหนังศีรษะ ไม่เจ็บตัว และไม่ต้องผ่าตัด  ฉีด PRP ผม การนำเอาเลือดของตัวเองออกมา 10 มิลลิลิตร หลังจากนั้นมาปั่นกับเครื่องปั่น เพื่อแยกส่วนของเกล็ดเลือดอก เกล็ดเลือดที่ได้จะเข้มข้น อุดมไปด้วยสารอาหารที่เรียกว่า Growth factor ที่ช่วยในเรื่องของการชะลอผมหลุดร่วง กระตุ้นเส้นผมให้งอกขึ้นมาใหม่ และทำให้ผมแข็งแรงขึ้นมากขึ้น  ฉีด PRP หรือฉีดเกล็ดเลือดหน้าใสได้อีกเหมือนกัน

ในบทความนี้ทางเราได้รวบรวมข้อมูลที่มีความเกี่ยวข้องกับฉีด PRP ขั้นตอนฉีด PRP แต่ละขั้นตอนมีอะไรบ้าง หรือฉีด PRP เหมาะสมกับใคร เห็นผลจริงหรือไม่? เมื่อฉีด PRP เข้าไป

1.เตรียมตัวก่อนรักษาฉีด PRP ผม

ฉีด PRP

ขั้นตอนนี้เป็นส่วนสำคัญอย่างมากกับคนไข้ที่ต้องการรักษาปัญหาเกี่ยวกับเส้นผม ที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นผมร่วง ผมบาง ผมเป็นหย่อม แลัศีรษะล้าน หากคนไข้มีการเตรียมตัวมาดี จึงจะทำให้ประสิทธิภาพฉีด PRP เห็นผลมาขึ้น สิ่งที่ควรเตรียมตัวก่อนรักษาด้วยวิธีฉีด PRP ผม มีดังนี้

  • คนไข้ควรเตรียมความพร้อมของร่างกาย ควรนอนพักผ่อนให้เพียงพออย่างนอนวันละ 8 ชั่วโมงต่อวัน เพราะจะทำให้เกล็ดเลือดได้คุณภาพ
  • คนไข้ควรดื่มน้ำเปล่าให้ได้วันละ 1.5 - 2 ลิตรต่อวัน และพอถึงวันที่ต้องฉีด PRP ค่อย ๆ ดื่มให้ครบ 1.5 - 2 ลิตรเหมือนกัน
  • คนไข้จำเป็นต้องงดการรับประทานอาหารจำพวก ของมัน ของทอด ของหมัก ของดอง และอาหารที่มีไขมันสูง
  • ก่อนฉีด PRPคนไข้ควรงดดื่มเครื่องที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เครื่องที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน เช่นเหล้า เบียร์ ชา กาแฟ และงดสูบบุหรี่ ควรงดอย่างน้อยประมาณ 1 เดือน
  • คนไข้ควรงดรับประทานอาหารเสริม หรือวิตามินต่าง ๆ เช่น โสม น้ำมันตับปลา แปะก๊วย ถั่งเช่า หอยนางรม สมุนไพรอื่น ๆ วิตามินอี และวิตามินบี
  • คนไข้ที่รับประทานยาจำพวกยาต้านการอักเสบ หรือยาละลายลิ่มเลือด และยาที่อาจจะมีผลต่อการไหลของเลือด ควรงดรับประทานยาที่กล่าวมาข้างต้นก่อนฉีด PRPอย่างน้อยประมาณ 2- 3 วัน
  • คนไข้ควรทำความสะอาดเส้นผม หรือหนังศีรษะก่อนฉีด PRP เช่น สระผม แต่ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับบำรุงเส้นผม และผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม เช่น เจล น้ำมันแต่งผม โพเมด และสเปรย์ฉีดผม
  • วันที่ฉีด PRP คนไข้ไม่จำเป็นต้องงดประทานอาหาร สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ

2.พูดคุยสอบถามกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ฉีด PRP

ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนแรกที่คนไข้จำเป็นต้องพูดคุยกับแพทย์ ทางแพทย์จะสอบถามถึงปัญหาอาการผมร่วง ผมบาง หน้าผากกว่า ศีรษะล้าน และอื่น ๆ  ที่เกิดขึ้นกับคนไข้เกิดจากสาเหตุอะไร เช่น กรรมพันธุ์ โรคประจำตัว หรือมีภาวะความเครียดสะสม และแพทย์จะแนะนำขั้นตอนการรักษาฉีด PRP อย่างละเอียดในแต่ละขั้นตอน

3.เจาะเอาเลือดของคนไข้

ฉีด PRP

ขั้นตอนนี้เมื่อเข้ารับการรักษาฉีด PRPทางแพทย์จะเริ่มฉีดยาชาที่ตรงบริเวณต้นแขน เมื่อยาชาที่ฉีดเข้าไปเริ่มออกฤทธิ์ ทางแพทย์จะเริ่มเจาะเลือดตรงบริเวณต้นแขนของคนไข้อีกครั้ง และจะนำเอาเลือดออกมาประมาณ 10 - 20 มิลลิลิตร ใส่ในขวดภาชนะที่เก็บเลือด หลังจากนั้นเอาเลือดมาใส่ในภาชนะที่เก็บเลือดแล้ว ถัดไปจะนำมาใส่ในเครื่องเหวี่ยงสาร เพื่อปั่นคัดแยกเกล็ดเลือด หรือที่เรียกกันว่า PRP ซึ่งจะได้เป็นเกล็ดเลือดที่มีความเข้มข้นสูง และมีประสิทธิภาพ

4.เริ่มรักษาโดยการฉีด PRP

ฉีด PRP

เมื่อแพทย์ได้เกล็ดเลือดที่มีความเข้มข้นสูง และมีประสิทธิภาพที่สามารถรักษาเพื่อกระตุ้นเซลล์รากผม และสามารถฟื้นฟูการทำงานของเซลล์ต่างๆ บริเวณรากผมได้แล้ว ทางแพทย์จะเริ่มทำความสะอาดตรงบริเวณที่คนไข้ต้องการ หลังจากนั้นทางแพทย์จะเริ่มฉีดยาชาอีกครั้งตรงที่ทำความสะอาด เมื่อยาชาเริ่มออกฤทธิ์ แพทย์จะนำเอาเกล็ดเลือด หรือ PRP  ฉีดเข้าไปที่หนังศีรษะของคนไข้ในปริมาณ 1 มิลลิลิตรต่อตารางเซนติเมตร ใช้เข็มขนาดเบอร์ 32 ฉีดด้วยความลึก 1.5 - 4 มิลลิเมตร พร้อมกับใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อลดอาการปวด เช่น น้ำแข็ง เครื่องสั่นลดปวด ร่วมกัน เมื่อแพทย์ฉีด PRP ให้กับคนไข้เสร็จเป็นที่เรียบร้อย ทางแพทย์จะฉายเลเซอร์ด้วยความเข้มข้นต่ำอีกประมาณ 20 นาทีให้กับคนไข้ เพื่อช่วยกระตุ้นฟื้นฟูการทำงานของเซลล์รากผมให้สร้างผมขึ้นมาใหม่ ช่วยบำรุงเส้นผม และหนังศีรษะ เมื่อถึงขั้นตอนนี้ถือว่าเป็นขั้นตอนรักษาสุดท้าย

5.ข้อควรปฏิบัติตัวหลังจากฉีด PRP

ฉีด PRP

หลังฉีด PRP ผม ทางแพทย์จะแนะนำข้อควรปฏิบัติ และการดูแลเส้นผมให้กับคนไข้อย่างละเอียด มีดังนี้

  • คนไข้จำเป็นต้องงดทำความสะอาดบนเส้นผม เช่น สระผม และห้ามใช้ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเส้นผม เช่น ครีมนวดผม เจล น้ำมันแต่งผม โพเมด และสเปรย์ฉีดผม เป็นอันเด็ดขาดเพราะอาจจะทำให้การฉีด PRP ไม่มีประสิทธิภาพ และอาจจะไม่สามารถกระตุ้นฟื้นฟูเซลล์รากผมได้
  • คนไข้ควรงดดื่มเครื่องที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เครื่องที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน เช่นเหล้า เบียร์ ชา กาแฟ และงดสูบบุหรี่ หลังฉีด PRP ผม โดยประมาณ 1 วัน เพราะไม่ฉะนั้นจะส่งผลกระทบการทำงานของเกล็ดเลือด
  • คนไข้ที่รับประทานยาจำพวกยาต้านการอักเสบ หรือยาละลายลิ่มเลือด และยาที่อาจจะมีผลต่อการไหลของเลือด หลังฉีด PRP ผม ยังคงต้องงดประทานยาโดยประมาณอีก 2 - 3 วัน เพื่อให้เกล็ดเลือดได้ทำงานอย่างปกติ
  • หลังฉีด PRP ผม 2- 3 วัน คนไข้มีความจำเป็นที่จะต้องสระผม คนไข้สามารถสระผมได้ แต่ควรใช้ยาสระผมที่มีสูตรอ่อนโยนกับเส้นผม หนังศีรษะ หรือใช้ยาสระผมที่แพทย์ได้แนะนำให้ ในขณะที่สระผมคนไข้ห้ามถู หรือขยี้ตรงเส้นผม กับหนังศีรษะแรงจนเกินไป หรือตรงบริเวณที่จะฉีดเกล็ดเลือด
  • ถ้าหากคนไข้มีอาการบวมช้ำตรงบริเวณศีรษะ หรือใบหน้า คนไข้สามารถประคบเย็นเพื่อช่วยลดอาการบวมช้ำได้ หรืออาจจะนอนให้ศีรษะอยู่สูงกว่าปลายทาง อาการบวมจะลดลงภายใน 2 วัน ในส่วนของรอยช้ำจะลดลงภายใน 14 วัน ขึ้นอยู่ตัวบุคคล
  • หลังฉีด PRP ผม คนไข้ห้ามโดนแสงแดดโดยเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้การทำงานของเกล็ดเลือดไม่มีประสิทธิภาพ และไม่สามารถฟื้นฟูให้เส้นผมที่งอกขึ้นมาใหม่มีสภาพที่แข็งแรง

ฉีด PRP เหมาะสมกับใครบ้าง? และไม่เหมาะสมกับใคร?
ฉีด PRP เหมาะสมกับคนไข้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นผม เช่น เส้นผมไม่แข็ง ผมร่วงง่าย ผมบาง และศีรษะที่ยังมีเซลล์รากผมอยู่ รวมถึงคนไข้ที่ต้องการรักษาโดยไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องการนอนพักฟื้นตัวเป็นเวลานาน ๆ
การฉีดเกล็ดเลือด หรือ PRP จึงเหมาะสมเพราะจะช่วยกระตุ้นฟื้นฟูเซลล์รากผมที่กำลังงอกขึ้นมาใหม่ให้เส้นผมมีสภาพที่แข็งแรงมากขึ้น

ฉีด PRP ข้อเสีย ไม่สามารถรักษาคนไข้ที่เป็นโรคมะเร็ง ติดเชื้อ คนไข้ที่มีโรคผิวหนังบางประเภท คนไข้ที่มีปัญหาหนังศีรษะที่ไม่มีรากผม เนื่องจากอาจจะทำให้มองไม่เห็นรูขุมขน และคนไข้ที่เป็นโรคโลหิตจาง

ฉีด PRP เห็นผลจริงหรือไม่?
ฉีด PRP เป็นการรักษาในรูปแบบวิธีธรรมชาติ ด้วยนวัตกรรมแบบใหม่ ซึ่งจำเป็นอย่างมากที่จะต้องเข้ารับการรักษาฉีดเกล็ดเลือดอย่างต่อเนื่องกันประมาณ 3 - 10 ครั้ง และควรพบแพทย์ติดต่อกัน 2 - 3 เดือน หลังจากนั้นคนไข้จะเริ่มเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงบนศีรษะมีเส้นผมที่งอกขึ้นมาใหม่หนามากขึ้น และมีเส้นผมที่แข็งแรง

บทสรุปฉีด PRP
วิธีการรักษาอาการผมร่วง ผมบาง ผมอ่อนแอด้วยวิธีฉีด PRP เป็นวิธีที่รักษาโดยใช้สาร หรือเกล็ดเลือดที่มาจากตัวเอง จึงเป็นข้อดีที่ไม่ส่งผลให้เกิดผลกระทบกับคนไข้ เช่น อาการแพ้ หรือติดเชื้อ อีกทั้งข้อดีฉีด PRP ไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัด ไม่ต้องใช้ระยะเวลาพักฟื้น สามารถใช้ชีวิต หรือทำงานได้อย่างปกติ แต่การฉีด PRP ราคาที่ค่อนข้างสูง ควรปรึกษาขอคำแนะนำกับแพทย์ก่อนตัดสินใจเข้ารับการรักษา