ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


โรควิตกกังวล คืออะไร? อันตรายยังไงหากไม่ระวัง

โรควิตกกังวล

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคนส่วนใหญ่มักมีอาการเครียดอันเนื่องมาจากการใช้ชีวิตที่ตึงเครียดจนเกินไป บางรายมีความกดดันมาก เพราะมีบาร์แห่งความคาดหวังในชีวิตที่สูง และเมื่อทำตามที่คาดหวังไม่ได้ ก็อาจทำให้เกิด โรควิตกกังวล หรือ โรควิตกกังวลซึมเศร้า ขึ้นมาในอนาคตโดยที่ไม่รู้ตัวได้เช่นกัน คนที่เป็นโรควิตกกังวลจะรู้สึกวิตกกังวลและกลัวอย่างเกินเหตุ จนมีผลทางลบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน และในบทความนี้เราจะพาคุณมาทำความรู้จักกับโรควิตกกังวลรักษาที่ไหน ให้เข้าใจกันมากขึ้น

โรควิตกกังวล คืออะไร? และมีอาการอย่างไร?

โรควิตกกังวล (Anxiety disorder) คือ โรคทางจิตเวชที่มีลักษณะอาการวิตกกังวลเครียดและความกลัวที่มากเกินไป อาจเกิดได้จากปัจจัยหลัก ๆ อย่างพันธุกรรม เหตุการณ์รอบตัวที่ส่งผลต่ออารมณ์ความรู้สึก การทำงานของสมองส่วนหน้าที่ผิดพลาดไป และเกิดจากความเครียดที่มีระยะเวลายาวนานต่อเนื่อง โดยอาจส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น การทำงาน การเรียน ความสัมพันธ์กับผู้อื่น และคุณภาพชีวิตโดยรวม

ซึ่งความวิตกกังวลเป็นอารมณ์ปกติที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่หากความวิตกกังวลนั้นรุนแรงและส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน อาจเป็นสัญญาณของโรควิตกกังวลประสบการณ์ที่ไม่ดีได้ และอาการเครียดวิตกกังวลอาจแตกต่างกันไปตามประเภทของโรควิตกกังวลอาการโดยทั่วไป อาจมีดังต่อไปนี้

  • ความกังวลและกลัวอย่างรุนแรง
  • รู้สึกกระวนกระวายใจ ไม่สามารถสงบได้
  • ใจสั่น หายใจถี่ เหงื่อออก
  • ปวดท้อง ปวดศีรษะ
  • นอนไม่หลับ
  • หงุดหงิด ฉุนเฉียว
  • ขาดสมาธิ

โรควิตกกังวล มีกี่ประเภท เกิดขึ้นจากอะไรได้บ้าง?

โรควิตกกังวลที่พบได้บ่อย สามารถแบ่งออกเป็น 5 ประเภทหลัก ดังนี้

โรควิตกกังวลทั่วไป (CAD)

โรควิตกกังวลทั่วไป (Generalized anxiety disorder) หรือ CAD เป็นโรควิตกกังวลชนิดหนึ่ง มีลักษณะอาการโรคเครียดวิตกกังวลและกังวลอย่างรุนแรงในเรื่องทั่ว ๆ ไป เช่น งาน ครอบครัว สุขภาพ โดยอาการวิตกกังวลนั้นอาจเกิดขึ้นตลอดทั้งวัน ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น การทำงาน การเรียน ความสัมพันธ์กับผู้อื่น และคุณภาพชีวิตโดยรวม

โรคกลัวแบบเฉพาะเจาะจง (Phobia)

โรควิตกกังวลอาการปวดศีรษะชนิดหนึ่ง มีลักษณะอาการวิตกกังวลกลัวอย่างรุนแรงต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือสถานการณ์หนึ่ง โดยความกลัวนั้นไม่สมเหตุผลและไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ส่งผลให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงสิ่งหรือสถานการณ์ที่กลัวนั้นอย่างสุดความสามารถ ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น การทำงาน การเรียน ความสัมพันธ์กับผู้อื่น และคุณภาพชีวิตโดยรวม

โรคกลัวสังคม (Social Phobia)

โรคกลัวสังคม (Social Anxiety Disorder) หรือ SAD เป็นโรควิตกกังวลชนิดหนึ่ง มีลักษณะอาการของความวิตกกังวลอย่างรุนแรงเมื่อต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องพบปะผู้คน เช่น พูดในที่สาธารณะ รับประทานอาหารในที่สาธารณะ เข้าร่วมกิจกรรมหรืองานสังคม เป็นต้น ผู้ป่วยจึงพยายามหลีกเลี่ยงสถานการณ์เหล่านี้อย่างสุดความสามารถ ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น การทำงาน การเรียน ความสัมพันธ์กับผู้อื่น และคุณภาพชีวิตโดยรวม

โรคย้ำคิดย้ำทำ (OCD)

โรคย้ำคิดย้ำทำ (Obsessive-Compulsive Disorder) หรือ OCD เป็นโรควิตกกังวลอาการที่มีลักษณะอาการโรควิตกกังวลของความคิดซ้ำ ๆ ที่ไม่พึงประสงค์ (obsession) และพฤติกรรมซ้ำ ๆ ที่ทำเพื่อตอบสนองต่อความคิดเหล่านั้น (compulsion) ผู้ป่วยโรค OCD จะรู้สึกกังวลหรือทุกข์ทรมานอย่างมากจากความคิดหรือพฤติกรรมเหล่านี้ ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น การทำงาน การเรียน ความสัมพันธ์กับผู้อื่น และคุณภาพชีวิตโดยรวม

โรคแพนิค (PD)

โรคแพนิค (Panic disorder) หรือโรคตื่นตระหนก เป็นโรควิตกกังวลชนิดหนึ่ง มีลักษณะอาการ Anxiety ของความตื่นตระหนกอย่างรุนแรงแบบฉับพลัน โดยอาจมีอาการใจสั่น หายใจถี่ เหงื่อออก คลื่นไส้ เวียนหัว กลัวตาย เป็นต้น อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นซ้ำ ๆ โดยไม่คาดคิด และอาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกกลัวหรือวิตกกังวลว่าจะเป็นอันตรายหรือเสียชีวิต

โรคเครียดหลังเหตุสะเทือนใจ (PTSD)

โรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญ (Posttraumatic stress disorder) หรือ PTSD เป็นความผิดปกติทางจิตใจหรือ Anxiety อาการที่เกิดขึ้นหลังจากเผชิญกับเหตุการณ์คุกคามที่กระทบกระเทือนต่อจิตใจอย่างรุนแรง หรือเผชิญเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการบาดเจ็บที่มีความเป็นอันตรายถึงชีวิต ซึ่งความเครียดเหล่านี้ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ป่วย

โรควิตกกังวลสังเกตอาการอะไรได้บ้าง

อาการของโรควิตกกังวล

อาการของโรควิตกกังวลสามารถแบ่งโรควิตกกังวลอาการออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ๆ ได้แก่ อาการทางกายและอาการทางจิตใจ

อาการทางกาย ได้แก่

  • ใจสั่น
  • หายใจไม่ออก
  • เหงื่อออก
  • หน้ามืด
  • คลื่นไส้
  • ปวดท้อง
  • ปวดศีรษะ
  • กล้ามเนื้อตึง
  • นอนไม่หลับ

อาการทางจิตใจ ได้แก่

  • กังวลหรือตื่นตระหนกมากเกินไป
  • รู้สึกกระวนกระวาย
  • รู้สึกหงุดหงิดง่าย
  • มีปัญหาสมาธิ
  • รู้สึกเหนื่อยล้า
  • รู้สึกแยกตัวจากผู้อื่น
  • กลัวตาย

อาการของโรคเครียดวิตกกังวลอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับประเภทของโรควิตกกังวลและความรุนแรงของอาการ โดยทั่วไป อาการของโรคกังวลจะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ป่วย เช่น การเรียน การงาน ความสัมพันธ์ และกิจกรรมต่าง ๆ เป็นต้น

วิธีรักษาโรควิตกกังวลอย่างปลอดภัย

การรักษาโรควิตกกังวลขึ้นอยู่กับประเภทของโรคและความรุนแรงของอาการ โดยทั่วไป การรักษาโรคนี้สามารถทำได้ด้วยวิธีต่าง ๆ ดังนี้

1. การรักษาด้วยยา มียาหลายกลุ่มที่สามารถช่วยควบคุมและบรรเทาอาการวิตกกังวลได้ ขึ้นอยู่กับอาการของผู้รับการรักษาโรควิตกกังวลด้วยตัวเองและดุลยพินิจของแพทย์ ซึ่งยาที่ใช้โดยทั่วไป ได้แก่

  • ยาระงับอาการวิตกกังวล เช่น ยากลุ่มเบนโซไดอะซีปีน (Benzodiazepine: BZD) เช่น ยาอัลปราโซแลม และยาโคลนาซีแพม ซึ่งเป็นยาช่วยลดความวิตกกังวล มักจะใช้ในโรควิตกกังวลรักษาเองทั่วไป หรือผู้ที่มีปัญหาการนอน ร่วมด้วย
  • ยารักษาอาการซึมเศร้า เช่น ยากลุ่มเอสเอสอาร์ไอ (SSRI) เป็นยากลุ่มที่ใช้รักษาอาการวิตกกังวลได้ เช่นเดียวกับการรักษาอาการซึมเศร้า
  • ยาช่วยควบคุมอาการทางร่างกาย คือ ยาเบต้า บล็อกเกอร์ เช่น ยาโพรพราโนลอล จะใช้เมื่อมีความวิตกกังวลและเกิดอาการทางกาย เช่น ใจสั่น มือสั่น
  • ยาอื่น ๆ ตามแพทย์สั่ง เช่น ยาระงับอาการทางจิต ยารักษาโรคลมชัก ฯลฯ
2. การปรึกษากับจิตแพทย์ การเข้ารับการบำบัดจากจิตแพทย์หรือนักจิตบำบัด สามารถช่วยให้ผู้ป่วยเรียนรู้วิธีจัดการกับความวิตกกังวลและอาการต่าง ๆ ของโรคขี้กังวลได้ 

โรควิตกกังวลดูแลตนเองอย่างไร จึงจะเห็นผล

การดูแลตัวเองสำหรับผู้ป่วยโรควิตกกังวลอาการต่าง ๆ สามารถทำได้ดังนี้

  • ดูแลสุขภาพกายและใจ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ สูบุหรี่ และสารเสพติด
  • ฝึกเทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การหายใจลึก ๆ การผ่อนคลายกล้ามเนื้อ การนั่งสมาธิ การฟังเพลง หรือการทำกิจกรรมที่ชอบ
  • หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นความวิตกกังวล เช่น การดูข่าวหรืออ่านบทความที่กระตุ้นความเครียด การอยู่ท่ามกลางผู้คนจำนวนมาก หรือสถานที่ที่คุ้นเคย
  • ขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ หากอาการวิตกกังวลรุนแรงหรือส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ควรพบจิตแพทย์เพื่อรับการรักษาด้วยยาหรือจิตบำบัด

เทคนิคการผ่อนคลายที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง เช่น

  • การหายใจลึก ๆ หายใจเข้าช้า ๆ และลึก ๆ ผ่านจมูก ค้างไว้สักครู่ แล้วหายใจออกช้า ๆ ผ่านปาก การทำเช่นนี้จะช่วยลดความวิตกกังวลและทำให้จิตใจสงบลง
  • การผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เกร็งกล้ามเนื้อแต่ละส่วนในร่างกายค้างไว้สักครู่ แล้วค่อย ๆ คลายออก ทำซ้ำไปเรื่อย ๆ จะช่วยลดความตึงเครียดของอาการวิตกกังวลในร่างกายได้
  • การนั่งสมาธิ นั่งสมาธิโดยจดจ่ออยู่กับลมหายใจ ความคิด หรือเสียงใดเสียงหนึ่ง การทำเช่นนี้จะช่วยฝึกจิตใจให้สงบลง

นอกจากนี้ ผู้ป่วยโรควิตกกังวลควรหากิจกรรมหรืองานอดิเรกที่ชอบทำ เพื่อช่วยให้จิตใจผ่อนคลายและลดความเครียดจากอาการวิตกกังวลลงได้ เช่น การอ่านหนังสือ การฟังเพลง การวาดรูป การเล่นเกม เป็นต้น

สรุปโรควิตกกังวล

โรควิตกกังวล เป็นโรควิตกกังวลอาการทำให้เกิดความรู้สึกกังวล กระวนกระวายใจ กลัว หรือตื่นตระหนกอย่างรุนแรง ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันและอาการทางร่างกายร่วมด้วย อย่างไรก็ตาม หากผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมก็สามารถจัดการกับโรควิตกกังวลอาการปวดศีรษะและกลับมาใช้ชีวิตปกติได้