ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


วิธีจัดการความเครียด ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อสุขภาพจิตและสุขภาพกายที่ดี

จัดการความเครียด

บางครั้งในชีวิตของเราก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่ต้องเผชิญกับความเครียดได้ ทำให้ในปัจจุบันมีผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความเครียดมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกายหรือว่าจิตใจจนส่งผลกระทบต่อบุคคลรอบข้าง ดังนั้นการหาวิธีจัดการความเครียดจึงจะเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้ผู้ที่ต้องเผชิญกับความเครียดสามารถรับมือและจัดการกับความเครียดได้เป็นอย่างดี

แต่ก็มีผู้คนบางส่วนไม่รู้ว่าตอนนี้ตนเองกำลังมีความรู้สึกเครียดอยู่ ซึ่งนั่นจะเป็นอุปสรรคที่ทำให้ไม่สามารถกำจัดความเครียดให้หมดไป หรือแม้ว่าจะรู้ว่ากำลังเครียดอยู่แต่ก็ไม่รู้วิธีกำจัดความเครียด ถ้าปล่อยความเครียดทิ้งไว้ก็จะส่งผลให้ความเครียดสะสมและส่งผลกระทบต่อร่างกายและการใช้ชีวิต ดังนั้นจึงควรจัดการความเครียดอย่างถูกวิธีเพื่อสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยสภาพกายและใจเต็มร้อย

สาเหตุที่ก่อให้เกิดความเครียด
ความเครียดสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน แต่ในที่นี้จะขอจัดสาเหตุการเกิดความเครียดไว้เป็น 2 ปัจจัยใหญ่ คือ ปัจจัยจากภายนอกและปัจจัยจากภายใน

ความเครียดจากภายนอก
เป็นความเครียดที่เกิดขึ้นจากสภาพแวดล้อมภายนอกที่เป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดความเครียด เช่น
- ความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่นระหว่างบุคคลรอบตัว เช่น ครอบครัว เพื่อน
- ตำแหน่ง สถานะทางที่ทำงานหรือสังคม
- สิ่งแวดล้อมรอบตัว เช่น มลภาวะทางอากาศ มลภาวะทางเสียง ความร้อน การจราจร
- สถานะทางการเงิน

ความเครียดจากภายใน
เป็นความเครียดที่เกิดขึ้นจากตนเอง ทั้งนี้อาจเกิดขึ้นได้จากอุปนิสัยหรือพฤติกรรม เช่น
- ผู้ที่ชอบกดดันตัวเอง ต้องทำให้ได้ดี ไม่มีข้อผิดพลาด
- ผู้ที่ชอบเอาชนะ จะต้องเป็นที่ 1 หรือเป็นคนที่อยู่จุดสูงสุด
- ผู้ที่ใจร้อน ชอบใช้เวลาอย่างเร่งรีบจนเกินไป
- ผู้ที่ชอบเก็บความรู้สึกไว้ภายใน ไม่ได้ระบายออกมา
- ผู้ที่ชอบสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์

ปัจจัยดังกล่าวนั้นล้วนส่งผลกระทบต่อชีวิตทั้งร่างกายและจิตใจ หากไม่หาวิธีจัดการความเครียดเพื่อลดความเครียดแล้วก็อาจจะส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันและบุคคลรอบข้างได้

ความเครียดส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตอย่างไร
หากปล่อยให้ตนเองจมอยู่กับความเครียดโดยที่ไม่หาวิธีจัดการความเครียด ความเครียดส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตทั้งทางด้านร่างกายและทางด้านจิตใจ ดังนี้

ผลกระทบทางด้านร่างกาย
- ร่างกายซูบผอมหรือน้ำหนักขึ้นจนเกินเกณฑ์
- เกิดโรคต่าง ๆ เช่น ความดันโลหิตสูง ไมเกรน นอนไม่หลับ กรดไหลย้อน เครียดลงกระเพาะ

ผลกระทบทางด้านจิตใจ
- ใจร้อน โมโหง่าย
- ขี้วิตกกังวล มองโลกในแง่ร้าย
- รู้สึกตัวเองไม่มีคุณค่า

ซึ่งความเครียดเหล่านี้หากไม่ทำการปรับเปลี่ยนหรือการรักษาก็จะทำให้คุณเริ่มเกิดความเครียดสะสม ปลีกวิเวกออกจากสังคม นำไปสู่ของการเป็นโรคซึมเศร้าหรือโรคเครียดได้

วิธีจัดการความเครียด มีอะไรบ้าง?
สำหรับผู้ที่อยากกำจัดความเครียดที่กำลังสะสมอยู่ให้ลดลงจนอยู่ในระดับที่ไม่ส่งผลต่อร่างกายและจิตใจ จนส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ในที่นี้ก็จะมีวิธีจัดการความเครียดที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยตนเองดังนี้

1. ทำความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุความเครียด
เพื่อที่จะใช้วิธีการจัดการความเครียดที่มีให้ลดลงอย่างถูกวิธี ในบางครั้งจะต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุและปัจจัยที่ทำให้เกิดความเครียดก่อน เช่น เครียดเรื่องเรียนหรือเรื่องทำงานก็สามารถทำงานอดิเรกลดความเครียด หรือถ้าเครียดเรื่องเงินหรือเรื่องคนในครอบครัว การพูดคุยปรึกษากับผู้อื่นก็จะช่วยปลดปล่อยความเครียดได้ เป็นต้น

ทั้งนี้ การเข้าใจสาเหตุความเครียดจะต้องยอมรับสภาวะปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ และในช่วงที่กำลังจะจัดการความเครียดที่มีนั้นจะต้องมีสติและระมัดระวังตัวอยู่เสมอเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาความสัมพันธ์ที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ เพราะในช่วงที่มีความเครียดส่วนใหญ่แล้วมักจะควบคุมอารมณ์ได้ค่อนข้างยาก

2. พูดคุยกับผู้อื่น
การพูดคุยก็เป็นหนึ่งในวิธีจัดการความเครียดที่ได้ผลลัพธ์ดีมาก แต่หลาย ๆ คนก็รู้สึกกลัวที่จะพูดระบายความเครียดของตัวเองออกมาเพราะไม่อยากให้ใครมารับรู้ความรู้สึกของตนเอง ในที่นี้การพูดคุยไม่ได้หมายถึงการระบายอารมณ์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่การพูดคุยยังสามารถคุยในรูปแบบการขอความเห็น หรือคุยเรื่องอื่น ๆ ทั่วไป ซึ่งจะช่วยให้เราเปลี่ยนไปคิดเรื่องอื่นแทนหรือได้รับมุมมองใหม่ ๆ เพื่อรับมือกับปัญหาได้

3. ทานอาหาร

วิธีจัดการความเครียด ทานอาหารที่มีประโยชน์

วิธีรับมือกับความเครียดที่ได้ผลลัพธ์ดีอีกวิธีหนึ่งที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ก็คือ การทานอาหาร โดยอาหารบางชนิดก็สามารถทานเพื่อช่วยลดความเครียดได้ เช่น ดาร์กช็อกโกแลต ข้าวไม่ขัดสี แป้ง กล้วย ส้ม ฝรั่ง หรือถ้าในกรณีที่ไม่อยากอาหารก็สามารถดื่มน้ำชาเขียวเพื่อช่วยลดความเครียดได้ แต่การทานอาหารเพื่อลดความเครียดควรทานในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้เกิดผลเสียจากการทานเยอะเกินไป

4. การแบ่งเวลา
การแบ่งเวลาเป็นสิ่งที่หลายคนอาจจะไม่ได้นึกถึง แต่ถ้าแบ่งเวลาการใช้ชีวิตตามความเหมาะสม เช่น ทำงานในเฉพาะเวลางาน อ่านหนังสือ ทบทวนบทเรียนในช่วงเวลาที่กำหนด แบ่งระยะเวลาพักผ่อนร่างกายอย่างชัดเจน โดยไม่เอาเวลาพักผ่อนมาคิดถึงเรื่องเรียนหรือเรื่องงาน ซึ่งวิธีการจัดการความเครียดนี้จะช่วยลดโอกาสการเกิดความเครียดสะสมได้

5. ทำกิจกรรมงานอดิเรก
หากต้องการจัดการกับอารมณ์และความเครียดที่มีอยู่ให้ลดลง การทำงานอดิเรกต่าง ๆ ตามความชอบของตนเอง เช่น วาดรูประบายสี เล่นเกม เย็บปักถักร้อย เดินเล่น ช็อปปิ้ง ท่องเที่ยว ร้องเพลง และอื่น ๆ ก็จะช่วยทำให้เราโฟกัสกับกิจกรรมที่กำลังทำอยู่ปัจจุบันแทนการจมปลักกับความเครียด และในบางครั้งอาจช่วยให้เกิดความคิดแก้ปัญหาได้ด้วย

6. ออกกำลังกาย

 ออกกำลังกาย ลดเครียด

การออกกำลังกายเป็นหนึ่งในวิธีกำจัดความเครียดที่นอกจากจะช่วยให้ความเครียดลดลงแล้ว ยังมีส่วนที่ช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรงได้อีกด้วย เพราะเวลาออกกำลังกายร่างกายจะหลั่งสารเอ็นโดรฟินที่จะช่วยเพิ่มความสุขให้กับร่างกาย และยังช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลายความเครียดได้ โดยใช้เวลาออกกำลังกายประมาณ 30 นาทีต่อครั้งก็สามารถช่วยลดความเครียดได้เป็นอย่างดี

7. ดูหนัง ฟังเพลง
การดูหนัง ฟังเพลง เป็นหนึ่งในวิธีจัดการกับความเครียดที่ได้ผลลัพธ์ดี เพราะจะทำให้มีสมาธิจดจ่อกับเนื้อเรื่องหนังหรือรู้สึกเคลิบเคลิ้มไปกับท่วงทำนองดนตรีแทนการคิดถึงเรื่องเครียด ๆ และยังช่วยทำให้รู้สึกจิตใจปลอดโปร่งพร้อมกลับมาคิดหาวิธีจัดการปัญหาต่าง ๆ ได้

8. นั่งสมาธิ
การนั่งสมาธิเป็นวิธีจัดการอารมณ์และความเครียดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะในระหว่างที่ทำสมาธิ สมองจะโฟกัสกับการกำหนดหายใจเข้าออกเป็นหลักแทนการคิดถึงเรื่องเครียด เรื่องทุกข์ หรือเรื่องอื่น ๆ ทั้งหมด ซึ่งผลลัพธ์จากการนั่งสมาธิจะช่วยให้สมองได้ปรับอารมณ์ และร่างกายและจิตใจรู้สึกสงบ ผ่อนคลาย

9. นอนหลับ

นอนหลับให้เพียงพอ ช่วยลดความเครียด

สิ่งหนึ่งที่สามารถทำได้ง่าย ๆ แต่หลายคนมักจะลืมก็คือ การนอนหลับ ในระหว่างที่นอนร่างกายของเราจะได้รับการพักผ่อน รวมถึงสมองที่คิดถึงเรื่องความเครียดก็จะหยุดพักไปด้วย โดยควรนอนวันละประมาณ 6-8 ชั่วโมง หรือถ้าในระหว่างวันก็อาจจะงีบประมาณ 10-15 นาที เพียงเท่านี้เวลาหลังจากตื่นนอนขึ้นมาก็จะรู้สึกสมองปลอดโปร่ง พร้อมรับมือกับความเครียดได้ดีมากขึ้น

10. พบแพทย์
การพบแพทย์เพื่อกำจัดความเครียดนั้นเป็นหนึ่งในวิธีจัดการความเครียดที่เหมาะกับผู้ที่ไม่สามารถรับมือและจัดการกับความเครียดได้ด้วยตนเองแม้ว่าจะพยายามแล้วก็ตาม ซึ่งถ้าหากปล่อยอาการเครียดสะสมไว้มาก ๆ ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้

ดังนั้นในกรณีที่พบว่ามีอาการทางอารมณ์รุนแรง ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์เศร้าเสียใจ โกรธโมโหรุนแรง เบื่อสิ่งต่าง ๆ แม้ว่าจะลองทำสิ่งที่ชอบ หรือนอนไม่หลับ และอาการอื่น ๆ เป็นระยะเวลานานควรเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจสอบสาเหตุและเข้ารับการรักษาตามอาการความเครียดที่พบต่อไป

สามารถป้องกันความเครียดในชีวิตประจำวันได้อย่างไร
ความเครียดเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงและป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นได้อย่าง 100% แต่สามารถป้องกันไม่ให้ความเครียดที่มีอยู่ถูกสะสมจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งการนำวิธีจัดการความเครียดมาใช้ในช่วงที่มีความเครียด เช่น การนอนหลับพักผ่อน การออกกำลังกาย การทำงานอดิเรก ก็จะช่วยลดความเครียดที่มีอยู่ลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สรุปวิธีจัดการความเครียดสำคัญอย่างไร
ความเครียดเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่าย ๆ หากได้รับแรงกระตุ้น แต่ผู้คนส่วนใหญ่เลือกที่จะเพิกเฉยต่อความเครียดที่มี เป็นเหตุให้ความเครียดถูกสะสมจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งยังมีโอกาสแปรเปลี่ยนเป็นโรค เช่น โรคซึมเศร้า โรคเครียด และโรคอื่น ๆ ได้ ดังนั้นถ้ารู้สึกเครียด หากลองทำตามวิธีจัดการความเครียดก็จะช่วยให้ความเครียดที่มีลดลง และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างจิตใจปลอดโปร่ง