ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


บุหรี่ไฟฟ้าดีกว่าการสูบบุหรี่มวนจริงหรือไม่

พาไขข้อสงสัยว่าการสูบบุหรี่ไฟฟ้า หรือการสูบบุหรี่แบบธรรมดาแบบไหนที่ให้อันตรายมากน้อยกว่ากัน

ในปัจจุบันมีผู้คนมากมายที่นิยมสูบบุหรี่ บ้างก็เพื่อการเข้าสังคม บ้างก็เพื่อความผ่อนคลายทางอารมณ์ และไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรหลาย ๆ คนที่สูบบุหรี่ไปนาน ๆ ก็มักจะมีอาการเสพติดการสูบบุหรี่ที่เพิ่มมากขึ้น บางคนก็เลิกสูบได้ในระยะเวลาไม่นาน แต่บางคนก็เลิกสูบยาก จึงเกิดการสร้างบุหรี่ไฟฟ้าขึ้นมาเป็นทางเลือกสำหรับคนที่อยากเลิกสูบบุหรี่มวนแล้วหันมาสูบบุหรี่ไฟฟ้าแทนเนื่องจากมีการอ้างอิงว่าการสูบบุหรี่มวนอันตรายมากกว่า ซึ่งในวันนี้เราจะมาพูดถึงหัวข้อ “บุหรี่ไฟฟ้าดีกว่าการสูบบุหรี่มวนจริงหรือไม่” ถ้าพร้อมแล้วตามไปอ่านสาระดีดีและตามหาคำตอบของคำถามกันได้เลย

ทำความรู้จักบุหรี่มวนแบบทั่วไปกันก่อน
บุหรี่ คือ ยาสูบที่นำมาบริโภคโดยมีนิโคตินเป็นสารที่ทำให้เสพติด โดยสารชนิดนี้เป็นสารที่อยู่ในใบยาสูบทุกสายพันธุ์ เมื่อผู้สูบได้รับสารชนิดนี้เข้าไปจะทำให้ผู้ที่สูบเกิดอาการติดนั่นเอง
ลักษณะของบุหรี่ทั่วไป จะเป็นทรงกระบอกที่ม้วนห่อด้วยกระดาษ มีใบยาสูบบดอยู่ภายใน ปลายด้านหนึ่งเป็นปลายเปิดไว้สำหรับจุดไฟเพื่อให้เกิดการเผาไหม้ และอีกด้านหนึ่งไว้สำหรับสูบควัน ซึ่งไส้บุหรี่คือสิ่งสำคัญ ทำจากยาสูบตากแห้ง ที่นำไปผ่านกระบวนการทางเคมีต่าง ๆ รวมไปถึงการแต่งเติมเพิ่มสารอื่น ๆ ซึ่งสารที่พบในบุหรี่นั้นมีมากถึง 4,000 กว่าชนิดเลยทีเดียว เช่น อะซีโตน อะลูมิเนียม แอมโมเนีย สารหนู
เบนซีน บิวเทน แคดเมียม คาเฟอีน คาร์บอนมอนอกไซด์ เป็นต้น โดยสารเหล่านี้หลาย ๆ ตัวล้วนเป็นสารที่ค่อนข้างอันตรายต่อร่างกาย

บุหรี่มวน หรือบุหรี่ไฟฟ้า แบบไหนอันตรายมากกว่ากัน
หลาย ๆ คนคงทราบกันดีว่าอันตรายที่เกิดจากการสูบบุหรี่ หลัก ๆ แล้วเกิดจากการเผาไหม้ของสารเคมีจนก่อให้เกิดเป็นควันที่มีสารพิษอันตรายแฝงอยู่ในนั้นมากมาย เมื่อสูดดมหรือรับเข้าสู่ร่างกายในปริมาณมากในระยะเวลานานก็จะก่อให้เกิดปัญหาทางสุขภาพตามมา เป็นโรคร้ายต่าง ๆ โดยเฉพาะโรคมะเร็งนั่นเอง เพราะฉะนั้นแล้วสิ่งที่เราโฟกัสก็คือสารพิษที่ประกอบอยู่ในควันบุหรี่ โดยสารอันตรายเหล่านี้ส่วนใหญ่จะปรากฎอยู่มากในการสูบบุหรี่มวนเพราะมีการเผาไหม้จากไฟและใบยาสูบ ส่วนบุหรี่ไฟฟ้าจะมีกลไกการทำงานที่แตกต่างกันออกไป ไม่มีกระบวนการเผาไหม้แบบบุหรี่มวน เลยทำให้สามารถลดความเสี่ยงอันจะก่อให้เกิดอันตรายได้ในเรื่องปริมาณสารพิษ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามในบุหรี่ไฟฟ้าก็ยังคงมีสารอันตรายเช่นเดียวกัน แต่เพียงอาจจะไม่เทียบเท่าสารที่พบในบุหรี่มวน
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่ระบุว่า ไอระเหยของบุหรี่ไฟฟ้านั้นมีขนาดของอนุภาคต่าง ๆ ที่ค่อนข้างเล็กกว่าบุหรี่มวนทั่วไปหลายเท่าตัว ทำให้สารเหล่านั้นสามารถถูกสูดเข้าไปในปอดได้ลึกมากกว่าอีกทั้งยังมีการยึดจับเข้ากับเนื้อเยื่อปอดและดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้อย่างรวดเร็วกว่ามาก ทำให้ยากที่ร่างกายจะขับออกมาได้ ถึงแม้ว่าสารที่พบในบุหรี่ไฟฟ้าจะน้อยกว่าบุหรี่มวนจริงอย่างที่กล่าวไป แต่ก็พบสารอันตรายสำคัญอย่าง นิโคตินอยู่ดีและแทรกซึมได้ไวกว่านั่นเอง

ในปัจจุบันมีงานวิจัยที่พูดถึงโทษของการสูบบุหรี่ออกมาอย่างมากมาย เนื่องจากการสูบบุหรี่แบบทั่วไปมีมานานมาก ๆ แล้ว แต่บุหรี่ไฟฟ้าถือกำเนิดขึ้นภายหลัง ทำให้งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้านั้นยังมีในปริมาณที่น้อยมาก ๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการสูบบุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัยกว่าการสูบบุหรี่มวนแต่อย่างใด

ไขข้อสงสัย เลิกสูบบุหรี่ธรรมดาแล้วหันมาสูบบุหรี่ไฟฟ้าแทนดีหรือไม่
จากที่กล่าวไปตั้งแต่แรกว่าจุดประสงค์หลักของการสร้างบุหรี่ไฟฟ้าขึ้นมาก็เพื่อให้ผู้ที่เสพติดการสูบบุหรี่มวน หันมาสูบบุหรี่ไฟฟ้าทดแทน เป็นการช่วยลดอัตราการสูบบุหรี่ ซึ่งบุหรี่มวนนั้นถูกมองว่าอันตรายกว่าการสูบบุหรี่ไฟฟ้า แต่จากบทสรุปที่เราได้บอกไปว่าอันตรายของการสูบบุหรี่ทั้ง 2 แบบแทบจะไม่แตกต่างกันเลย ไม่ว่าวิธีไหนก็มีอันตรายแอบแฝงอยู่ดี มีคนที่กล่าวอ้างถึงงานวิจัยบางชิ้นที่มีการระบุว่า บุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายน้อยกว่าการสูบบุหรี่ธรรมดา แต่สุดท้ายก็เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่าเป็นงานวิจัยที่ไม่ได้มาตรฐาน จึงไม่ได้รับการรับรอง ภายหลังก็มีงานวิจัยบางชิ้นที่ได้คุณภาพได้เผยแพร่ออกมา ให้ผลสรุปในทางตรงกันข้ามว่าการสูบบุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ช่วยลดการสูบบุหรี่ธรรมดาแต่อย่างใด เป็นการเพิ่มอัตราการสูบบุหรี่ให้เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ จึงกล่าวโดยสรุปได้ว่าการสูบบุหรี่ทั้ง 2 แบบต่างก็ให้อันตรายต่อร่างกายไม่ต่างกันเลย ดังนั้นหากคุณเป็น 1 ในบุคคลที่กำลังลังเลหรือกำลังตัดสินใจอยากจะสูบบุหรี่จริง ๆ ก็อาจจะพิจารณาว่าพึงพอใจและสะดวกการสูบในรูปแบบไหน ทั้งนี้ทั้งนั้นควรสูบในปริมาณที่พอดี ในปริมาณที่ร่างกายสามารถรับไหวเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจนเกินไป