วิธีรับมือเมื่อลูกคุณมีอาการแพ้แพมเพิส

[พรสัก ส่องแสง]

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในการดูแลเด็ก ไปจนถึงผู้ป่วยสูงอายุที่มีการเคลื่อนไหวไม่สะดวก หรือมีอาการติดเตียง แพมเพิสถือเป็นสิ่งที่ขาดไม่เลยทีเดียว แต่ถ้าพบว่าคนที่ดูแลนั้นมีอาการแพ้แพมเพิส อาจเป็นเรื่องที่ต้องกลับมาคิดหาวิธีแก้ไขต่อไป ซึ่งอย่างไรก็ตาม ด้วยความรู้ และวิธีการดูแลที่ถูกต้อง คุณสามารถจะรับมือกับเรื่องนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในบทความนี้ เราจะพาท่านผู้อ่านมาสำรวจแง่มุมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแพ้แพมเพิส รวมถึงผื่นผ้าอ้อมคืออะไร สาเหตุของอาการแพ้แพมเพิส อาการที่ต้องระวัง มาตรการป้องกัน และผื่นผ้าอ้อมสามารถหายได้เองหรือไม่ ถ้าพร้อมกันแล้ว ไปเริ่มกันเลย

ผื่นผ้าอ้อมคืออะไร?
ผื่นผ้าอ้อม คืออาการที่เกิดขึ้นได้กับทั้งเด็ก และผู้ป่วยจำนวนมาก ซึ่งจะมีลักษณะเป็นรอยแดง เกิดจากผิวหนังอักเสบในบริเวณผ้าอ้อม ซึ่งเป็นอาการทั่วไป ซึ่งผิวหนังที่อาจจะมีอาการคัน หรือรู้สึกไม่สบายตัวได้ ในกรณีที่รุนแรง ผื่นอาจทำให้เกิดแผลพุพอง หรือผิวหนังลอกได้ นอกจากนี้ อาการแพ้แพมเพิสยังสามารถเกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุดังต่อไปนี้

  1.การสัมผัสความชื้นเป็นเวลานาน เมื่อผ้าอ้อมเปียก หรือเปื้อนเป็นเวลานาน ไม่เปลี่ยนในทันที จะทำให้ผิวหนังภายในผ้าอ้อมได้รับความชื้น ซึ่งอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ ซึ่งจะทำให้เกิดผื่นในที่สุด

  2.การเสียดสี การถูแพมเพิสกับผิวหนังอยู่ตลอดเวลา อาจจะทำให้เกิดการเสียดสี และเกิดผื่นได้

  3.ความไวต่อวัสดุผ้าอ้อม เด็กหรือผู้ป่วยบางคนอาจมีผิวที่บาง ซึ่งทำปฏิกิริยาเมื่อโดนวัสดุบางชนิด อาจจะทำให้เกิดการอักเสบได้ง่ายกว่าคนปกติ

  4.การติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา การติดเชื้อถือเป็นอีกสาเหตุที่ไม่สามารถมองข้ามได้ เพราะเชื้อราหรือแบคทีเรียจะทำให้ผื่นผ้าอ้อมรุนแรงยิ่งขึ้น ด้วยเพราะเชื้อต่าง ๆ มักเติบโตได้ดีในที่ชื้น และอบอุ่น

ต้นเหตุของอาการแพ้แพมเพิส


เมื่อพูดถึงการแพ้แพมเพิส มีด้วยกันหลากหลายสาเหตุ ที่กระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ในเด็กและผู้ป่วย แต่เมื่อคุณทำความเข้าใจถึงต้นเหตุของอาการแพ้แพมเพิสแล้ว คุณจะสามารถดูแลเด็ก หรือผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสาเหตุทั่วไปของการแพ้แพมเพิสมีดังนี้

  1.น้ำหอม แพมเพิสก็เหมือนกับสินค้าชนิดอื่น ๆ ที่มีแบรนด์ต่าง ๆ มากมาย ซึ่งบางแบรนด์อาจใช้น้ำหอมเพื่อปกปิดกลิ่นเหม็น แต่น้ำหอมเหล่านี้อาจเป็นสาเหตุของการแพ้ในเด็กหรือผู้ป่วยได้ ซึ่งสารเคมีที่ใช้ในน้ำหอมนั้นสามารถทำให้เกิดอาการระคายเคืองต่อผิวหนังได้นั้นเอง

  2.สีย้อม การออกแบบแพมเพิสให้มีสีสันดึงดูดความน่าสนใจด้วยของผู้ปกครองได้เป็นอย่างดี แต่สีย้อมเหล่านี้อาจจะเป็นสาเหตุของอาการแพ้แพมเพิสได้ เนื่องจากสารเคมีที่มาจากการย้อมอาจทำให้ผิวเด็กหรือผู้ป่วยระคายเคืองได้

  3.ลาเท็กซ์ แพมเพิสบางชนิดจะมีการใช้ลาเท็กซ์ซึ่งเป็นวัสดุยางธรรมชาติ แม้อาการแพ้ยางธรรมชาติจะเกิดค่อนข้างยาก แต่ถ้าเกิดอาการแพ้ ก็ควรหลีกเลี่ยงการใช้แพมเพิสที่ผลิตจากยางธรรมชาติ

  4.วัสดุดูดซับ วัสดุดูดซับที่ใช้ในแพมเพิสนั้นมีด้วยกันหลากหลายแบบ ยกตัวอย่างเช่น โพลิเมอร์ที่ดูดซับยิ่งยวด เป็นต้น ซึ่งสารเหล่านี้ก็มีโอกาสที่จะทำให้เกิดอาการแพ้แพมเพิสขึ้นมาได้ด้วยเช่นกัน โดยจะทำให้เกิดการระคายเคืองหรือผื่นตามมา โดยเฉพาะเด็ก หรือผู้ป่วยที่มีอาการแพ้ง่ายอีกด้วย

  5.สารเคมีและสารเติมแต่ง เนื่องจากแพมเพิสนั้นมีกระบวนการผลิตอยู่หลายขั้นตอน ซึ่งล้วนแต่ใช้สารเคมีเข้ามาเกี่ยวข้องเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการฟอกขาว การบำบัดด้วยสารต้านจุลชีพ ซึ่งสารเคมีและสารเสริมแต่งเหล่านี้ล้วนแล้วมีโอกาสที่จะทำให้เกิดอาการแพ้ได้

แต่สิ่งสำคัญมากที่สุดนั้นคือ ต้องสังเกตว่าความไวต่อปฏิกิริยาของเด็ก หรือผู้ป่วยแต่ละคนจะแตกต่างกันไป ดังนั้นสิ่งที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้ในแต่ละคนจึงแตกต่างกันด้วยเช่นกัน หากคุณต้องการทราบว่าเด็ก หรือผู้ป่วยคนนั้นมีอาการแพ้แพมเพิส คุณอาจจะลองเปลี่ยนแบรนด์แพมเพิสเพื่อสังเกตอาการ

แต่ถ้าคุณไม่อยากที่จะให้เด็กหรือผู้ป่วยมีอาการแพ้แพมเพิส ควรที่จะเลือกใช้แพมเพิสที่ไม่มีน้ำหอม สีย้อม ยางธรรมชาติ และสารก่อภูมิแพ้อื่น ๆ หรือจะเป็นการปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ จะช่วยหลีกเลี่ยงอาการดังกล่าว

อาการแพ้แพมเพิสมีลักษณะอย่างไร
เมื่อทราบว่าเด็กหรือผู้ป่วยมีอาการแพ้แพมเพิส ซึ่งถือเป็นปัจจัยแรกที่เราจะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาการต่อไปนี้จะแสดงให้คุณทราบว่าเด็ก หรือผู้ป่วยกำลังมีอาการแพ้แพมเพิส

  1.การระคายเคืองผิวหนัง ถือเป็นอาการหลังของการแพ้แพมเพิสเลยก็ว่าได้ ซึ่งอาการระคายเคืองผิวหนังในบริเวณผ้าอ้อมนั้น จะทำให้ผิวบริเวณนั้นอาจจะแดง อักเสบ และคันได้ ซึ่งคุณจะสามารถสังเกตได้จากรอยเกา หรือรอยนูนบนผิวได้เช่นกัน

  2.ผื่น เนื่องจากการแพ้แพมเพิสเป็นเวลานาน จะพัฒนาต่อไปเป็นผื่นในบริเวณผ้าอ้อม ซึ่งอาการนั้นจะแตกต่างกันไปตามความรุนแรง โดยจะมีตั้งแต่รอยเล็ก ๆ ไปจนถึงผิวหนังอักเสบเป็นอย่อม ๆ แต่ในกรณีที่รุนแรง ผื่นอาจจะพุพอง หรือลอกได้

  3.อาการคันและรู้สึกไม่สบายตัว เด็กหรือผู้ป่วยที่มีอาการแพ้แพมเพิสอาจจะมีอาการคันและรู้สึกไม่สบายตัว พวกเขาจะอยู่ไม่สุข โดยจะพยายามลดอาการคันหรือไม่สบายตัวนั้นอยู่ตลอดเวลา

  4.อาการบวม บางครั้งอาการแพ้แพมเพิสอาจจะทำให้เกิดอาการบวมเฉพาะที่ โดยเฉพาะในบริเวณแพมเพิส ผิวหนังจะบวม ซึ่งนั้นก็เป็นข้อบ่งชี้ถึงการอักเสบของร่างกาย

  5.การติดเชื้อ ในบางครั้ง การแพ้แพมเพิสจะทำให้ผิวหนังไวต่อการติดเชื้อมากขึ้น ซึ่งจะสังเกตอาการติดเชื้อได้โดยสังเกตจากจุดแดง ตุ่มหนอง หรือมีกลิ่นเหม็น

หากคุณสังเกตเห็นอาการเหล่านี้ในเด็ก หรือผู้ป่วย สิ่งสำคัญคือต้องรีบไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ เพื่อรับการวินิจฉัย และรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญมาใช้ ว่ามีอาการแพ้เพราะอะไร และวิธีการรักษาเป็นอย่างไร เพื่อให้หายจากอาการเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว

อาการแพ้แพมเพิสป้องกันได้ไหม


แม้ว่าเราอาจไม่สามารถป้องกันการแพ้แพมเพิสได้แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็มีวิธีที่สามารถลดความเสี่ยงที่อาจจะทำให้เกิดอาการแพ้แพมเพิสได้ดังต่อไปนี้

  1.แพมเพิสไฮโปอัลเลอร์เจนิก เลือกใช้แพมเพิสไฮโปอัลเลอร์เจนิก ที่ถูกออกแบบมาสำหรับเด็กที่มีผิวบอบบางหรือแพ้ง่าย ซึ่งผู้ป่วยเองก็สามารถใช้งานได้ โดยผ้าเหล่านี้จะไม่มีการใช้น้ำหอม สีย้อม ลาเท็กซ์ หรือสารก่อภูมิแพ้อื่น ๆ จึงช่วยลดโอกาสในการเกิดอาการแพ้

  2.อ่านฉลากข้อมูลผลิตภัณฑ์ ก่อนที่จะทำการซื้อแพมเพิส ควรที่จะอ่านฉลากของผลิตภัณฑ์อย่างละเอียด เพื่อให้ทราบสารเคมีต่าง ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงสารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ หรือจะมองหาแพมเพิสที่ระบุว่า เหมาะกับผิวแพ้ง่าย ก็จะสามารถช่วยให้การเลือกซื้อเป็นไปอย่างราบรื่น

  3.ทดสอบการใช้งาน เพื่อเป็นการยืนยันอีกครั้ง ก่อนใช้งานจริง คุณควรที่จะตัดเนื้อแพมเพิสมาบางส่วน จากนั้นจึงเอาไปติดไว้บนผิวหนังของผู้ใช้เป็นระยะเวลาหนึ่ง จากนั้นค่อยสังเกตอาการแพ้ภายใน 24-48 ชั่วโมง

  4.เปลี่ยนแพมเพิสบ่อย ๆ การเปลี่ยนแพมเพิสบ่อย ๆ จะช่วยลดโอกาสเกิดความอับชื้น หรือความระคายเคืองขึ้นมาได้ ซึ่งควรเปลี่ยนหลังใส่ประมาณ 2-3 ชั่วโมง หรือแพเพิสเกิดชื้นขึ้น

  5.การดูแลที่เหมาะสม จำเป็นต้องมีการตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณทำความสะอาดบริเวณแพมเพิสอย่างทั่วถึง ในระหว่างการเปลี่ยนแพมเพิสแต่ละครั้ง ใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาด หลีกเลี่ยงการใช้สารที่ระคายเคืองต่อผิว

  6.ใช้ครีม การทาครีมสามารถช่วยสร้างเกราะป้องกัน ระหว่างแพมเพิสกับผิวผู้ใช้ ครีมเหล่านี้จะทำหน้าที่ลดความเสียดทาน ลดการสัมผัสที่อาจทำให้เกิดการระคายเคือง

  7.สังเกตและตรวจสอบ ควรสังเกตบริเวณแพมเพิสของเด็ก หรือผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด เพื่อจะได้สังเกตได้ว่ามีอาการผิดปกติหรือไม่ หากสังเกตเห็นรอยแดง บวม มีผื่นขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรืออาการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในทันที

ต้องจำไว้ว่า ร่างกายแต่ละคนนั้นมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ดังนั้นอาการแพ้แพมเพิสอาจจะเกิดขึ้นหนัก-เบา ไม่เท่ากัน ซึ่งยังเกิดจากหลากหลายปัจจัย แตกต่างกันไปในแต่ละคน จึงจำเป็นที่จะต้องได้รับการปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้การรักษาเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผื่นผ้าอ้อมหายเองได้ไหม
อาการผื่นผ้าอ้อมสามารถดีขึ้น และหายเองได้ เมื่อได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสมตามสุขอนามัยที่ดี เปลี่ยนแพมเพิสบ่อย ๆ หมั่นคอยดูแลบริเวณที่เกิดอาการอักเสบให้แห้งและสะอาด อยู่เสมอ แต่หากทำตามที่กล่าวมาแล้ว อาการแพ้แพมเพิสยังคงไม่ดีขึ้น จำเป็นที่ต้องไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อหาสาเหตุของอาการแพ้ แล้วรักษาต่อไป

สรุปเรื่องอาการแพ้แพมเพิส
อาการแพ้แพมเพิส เป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งภายในเด็ก หรือผู้ป่วยที่ใช้งาน ซึ่งแต่ละคนจะมีปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการแพ้มาก-น้อยแตกต่างกันไป สำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดอาการแพ้แพมเพิสนั้น ควรเลือกซื้อแพมเพิสที่ไม่มีส่วนประกอบพวกน้ำหอม สีย้อม ยางธรรมชาติ และสารก่อภูมิแพ้อื่น ๆ จะช่วยลดโอกาสไปได้อย่างมาก