ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


วัคซีนไข้เลือดออก เพิ่มความปลอดภัยในการป้องกันโรคไข้เลือดออก

        หากพูดถึง 1 โรคร้าย ที่จะวกกลับมาระบาดในทุก ๆ ปี โดยเฉพาะในฤดูฝน ที่มีน้ำขังและความชื้นสูง หลายคนคงนึกถึงโรคไข้เลือดออก ซึ่งเป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัสเดงกี (Dengue virus) ซึ่งแพร่กระจายโดยยุงลายตัวเมียที่มีเชื้อ และทำการแพร่กระจายให้กับคนอื่นๆ ต่อไป ซึ่งในเบื้องต้น อาจมีอาการที่ไม่รุนแรง แต่หากไม่รักษาให้ดี อาการเหล่านี้จะรุนแรงขึ้น และอาจส่งผลให้เสียชีวิตได้ ดังนั้น หนึ่งในขั้นตอนการป้องกันไม่ให้เกิดที่ดี คือการฉีดวัคซีนไข้เลือดออก ในบทความนี้ จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับวัคซีนไข้เลือดออก มีกี่ประเภท ฉีดแล้วมีผลข้างเคียงอย่างไร


รู้จักวัคซีนไข้เลือดออก
        วัคซีนไข้เลือดออก เป็นวัคซีนที่ผลิตจากเชื้อไวรัสเดงกีที่ตายแล้ว วัคซีนนี้สามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อไข้เลือดออกได้ 93% ในช่วง 3 ปีแรกหลังฉีดวัคซีน ซึ่งในปัจจุบันมีวัคซีนไข้เลือดออก 2 ชนิดที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในประเทศไทย ได้แก่

        - วัคซีน Dengvaxia ผลิตโดยบริษัท Sanofi Pasteur จากประเทศฝรั่งเศส วัคซีนชนิดนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 9-45 ปี และเคยติดเชื้อไข้เลือดออกมาก่อน
        - วัคซีน Qdenga ผลิตโดยบริษัท Janssen จากประเทศเยอรมนี วัคซีนชนิดนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 4-60 ปี และสามารถฉีดได้ทั้งผู้ที่ไม่เคยและเคยติดเชื้อไข้เลือดออก

ประสิทธิภาพของวัคซีนไข้เลือดออก
        วัคซีนไข้เลือดออกมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อไข้เลือดออกได้ 93% ในช่วง 3 ปีแรกหลังฉีดวัคซีน วัคซีนนี้ยังมีประสิทธิภาพในการป้องกันอาการรุนแรงของโรคไข้เลือดออก เช่น ภาวะช็อกจากไข้เลือดออก (Dengue shock syndrome) ได้ 90%

ผลข้างเคียงของวัคซีนไข้เลือดออก
        ผลข้างเคียงของวัคซีนไข้เลือดออกมักไม่รุนแรงและหายได้เองภายใน 1-3 วัน ผลข้างเคียงที่พบบ่อย ได้แก่ อาการปวด บวม แดง ร้อน บริเวณที่ฉีด ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย และคลื่นไส้อาเจียน


ผู้ที่ไม่ควรฉีดวัคซีนไข้เลือดออก
        - ผู้ที่แพ้หรือไวต่อการแพ้ต่อสารออกฤทธิ์หรือส่วนประกอบอื่น ๆ ในวัคซีน
        - ผู้ที่เกิดการแพ้หลังได้รับวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกเข็มแรก โดยอาการแพ้ที่เกิดขึ้น ได้แก่ ผื่นคัน หายใจถี่หอบ หน้าและลิ้นบวม
        - ผู้ที่กำลังป่วยด้วยโรคใดก็ตามที่ทำให้มีไข้ ตั้งแต่ระดับต่ำจนถึงไข้สูง หรือกำลังเจ็บป่วยแบบเฉียบพลัน
        - ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ความผิดปกติทางพันธุกรรม การติดเชื้อเอดส์ (HIV) หรือได้รับยากดภูมิคุ้มกัน เช่น ยา Prednisone หรือเทียบเท่า 20 มก. หรือ : 2 มก./กก. ของน้ำหนักตัวเป็นเวลาตั้งแต่ 4 สัปดาห์ขึ้นไป

         โรคไข้เลือดออกเป็นโรคที่อันตรายและอาจถึงแก่ชีวิตได้ การฉีดวัคซีนไข้เลือดออกเป็นวิธีป้องกันโรคไข้เลือดออกที่มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม วัคซีนไข้เลือดออกไม่ใช่วิธีป้องกันโรคไข้เลือดออกเพียงอย่างเดียว การป้องกันโรคไข้เลือดออกที่ดีที่สุดคือการป้องกันไม่ให้ยุงลายกัด โดยการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย เช่น ภาชนะใส่น้ำทิ้ง ยางรถยนต์เก่า กระถางต้นไม้ เป็นต้น หมั่นสวมเสื้อผ้าที่มิดชิดป้องกันยุงกัดอยู่เสมอ