ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


คีโม (ยาเคมีบำบัด) หนึ่งในทางเลือกของการรักษาโรคมะเร็ง

คีโมคือวิธีต่อสู้กับมะเร็งร้ายทั้งการผ่าตัดและไม่ผ่าตัด
คีโมมีวิธีเตรียมตัวอย่างไร" border="0
เป้าหมายของการรักษาก็คือการทำให้คนไข้หายป่วย การรักษาโดยใช้ยาคืออาวุธของแพทย์เพื่อใช้ในการจัดการเชื้อโรคหรือต้นเหตุที่ก่อให้เกิดโรค และคีโมก็เป็นสิ่งที่จะขาดไม่ได้สำหรับการรักษาผู้ป่วยมะเร็ง เพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์เนื้อร้าย ที่แม้จะมีผลข้างเคียงจากการใช้ยา อาทิเช่น ผมร่วง คลื่นไส้ อาเจียน แต่การให้คีโมก็เป็นวิธีการหลักที่ช่วยในการรักษาและสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกายของผู้ป่วยได้

สำหรับผู้ป่วยที่แพทย์วินิจฉัยให้ต้องใช้ยาเคมีบำบัดหรือคีโมเพื่อช่วยควบคุมเซลล์มะเร็ง ไม่ให้แพร่กระจายไปยังอวัยวะส่วนอื่น ๆ ผู้ป่วยจะต้องรักษาสุขภาพกายและสุขภาพใจให้แข็งแรงสมบูรณ์ให้พร้อมสำหรับการรักษา ซึ่งวิธีการให้คีโมจะแบ่งไปตามอาการและความรุนแรงของโรค และความแข็งแรงของผู้ป่วย แล้วผู้ป่วยจะต้องเตรียมตัวอย่างไร มีขั้นตอนการรักษาอย่างไรบ้าง คอลัมน์นี้ได้รวบรวมข้อมูลไว้ให้คุณแล้ว

คีโม คืออะไร
คีโม คือ" border="0
คีโมหรือเคมีบำบัด (Chemotherapy) คือ สารเคมีชนิดหนึ่งที่ใช้ในการต่อต้านหรือยับยั้งเซลล์ที่สามารถเติบโตหรือแบ่งตัวได้อย่างรวดเร็ว เช่น เซลล์มะเร็ง และการให้คี โมยังสามารถทำลายเซลล์ปกติที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วในร่างกาย เช่น เซลล์เม็ดเลือดขาว เซลล์เส้นผม และเซลล์เยื่อบุกระเพาะอาหาร

โดยธรรมชาติแล้วเซลล์ปกติในร่างกายเราเมื่อถูกทำลายร่างกายก็จะสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทน แต่สำหรับการใช้คีโมยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็ง แพทย์จะให้คนไข้พัก เพื่อรอให้เมล็ดเลือดขาว และสภาพร่างกายแข็งแรงพอจะได้รับการรักษาด้วยเคมีร่วมกับการฉายแสงและการผ่าตัดต่อไป

เป้าหมายของการให้คีโม คือ การทำลายเซลล์มะเร็งให้หายไป แต่ในการรักษาผู้ป่วยบางราย อาจเกิดมะเร็งขึ้นมาใหม่ได้หลังการรักษา ด้วยปัจจัยหลายประการ จึงไม่มีแพทย์คนใดจะสามารถรับรองได้ว่าการทำคีโมจะช่วยรักษาโรคมะเร็งให้หายขาดได้

กระบวนการทำงานของคีโม
ยาเคมีบำบัด หรือคีโม มีฤทธิ์ยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง หลากหลายรูปแบบ ทำให้เซลล์ไม่อาจแบ่งตัวหรือตายไปในที่สุด โดยแพทย์จะใช้ยาเคมีในการรักษา ควบคุม และประคับประคอง โดยแพทย์จะพิจารณาใช้ยาให้เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยแต่ละคน ทั้งการใช้ยาในช่วงก่อน และภายหลังการผ่าตัด หรือการใช้ยาร่วมกับการฉายแสง เป็นต้น ซึ่งขั้นตอนการให้คีโมของแพทย์ก็จะใช้ยาไปตามอาการและความรุนแรงของโรคเพื่อระงับการกระจายของเซลล์มะเร็งไปยังอวัยวะส่วนอื่น ๆ

คีโมช่วยอะไรได้บ้าง
วิธีการให้คีโม" border="0

เมื่อแพทย์ตรวจพบว่าเซลล์มะเร็งได้แพร่กระจายไปสู่อวัยวะส่วนอื่น ๆ การให้คี โมประกอบการรักษาก็คือขั้นตอนสำคัญที่จะทำให้ผู้ป่วยกลับมาเป็นปกติได้ แล้วคีโมมีประโยชน์อย่างไร ช่วยอะไรได้บ้างไปดูกัน

• ช่วยรักษาโรคมะเร็งที่อยู่ในตำแหน่งที่ผ่าตัดไม่ได้ ตลอดจนรักษาร่วมกับการผ่าตัดหรือฉายแสง เพราะโรคมะเร็งบางประเภทไม่อาจรักษาได้ด้วยการผ่าตัดหรือฉายแสงเพียงอย่างเดียวหรือแต่ต้องอาศัยการทำคีโมร่วมด้วย เพื่อไม่ให้เนื้อร้ายกลับมาเกิดขึ้นใหม่ได้อีกจึงต้อง
• ช่วยป้องกันไม่ให้มะเร็งแพร่กระจายไปยังอวัยวะส่วนอื่น ๆ ทำให้เซลล์ลดการแบ่งตัว และตายไปจากร่างกายทั้งก่อนและหลังการผ่าตัด
• ช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยหรือประคับประคองหลังจากที่เซลล์มะเร็งได้แพร่กระจายไปยังอวัยวะส่วนอื่น ๆ จนไม่สามารถควบคุมได้แล้ว โดยเฉพาะการให้คีโมผู้สูงอายุ เพื่อให้อาการดีขึ้น มีชีวิตที่ยาวนานมากขึ้น

ขั้นตอนการรักษาด้วยการทำคีโม
การให้คี โมในผู้สูงอายุ" border="0

วิธีการักษาของสถานพยาบาลแต่ละแห่งจะมีขั้นตอนการรักษาที่มีความคล้ายคลึงกัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้คีโมทำลายเซลล์มะเร็งที่มองไม่เห็น หรือที่หลงเหลืออยู่หลังจากผ่าตัดหรือฉายแสงช่วยป้องกันการกลับไปเป็นโรคซ้ำ ขั้นตอนการให้คีโมมีดังต่อไปนี้

• แพทย์จะสอบถามอาการและซักประวัติผู้ป่วย ว่ามีการแพ้ยา หรือมีบุคคลในครอบครัวเป็นมะเร็งหรือไม่ มีโรคประจำตัวอะไรหรือเปล่า ตลอดจนข้อมูลด้านอื่น ๆ เพื่อประกอบการพิจารณาการรักษาด้วยคีโม
• ตรวจปัสสาวะของผู้ป่วยเพื่อดูการทำงานของตับ
• ตรวจเลือดของผู้ป่วยเพื่อประเมินความสมบูรณ์ของเลือดและการทำงานของอวัยวะที่เกี่ยวข้อง
• ตรวจการทำงานของหัวใจก่อนให้ยาในผู้ป่วยบางราย เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่เกิดขึ้นต่อการใช้ยา
• ตรวจภาพรังสีก่อนใช้ยา ระหว่างใช้ยา และหลังจากใช้ยา เพื่อบันทึกข้อมูลการรักษา
• แพทย์จะแจ้งแผนการรักษา และข้อมูลการใช้ยา เพื่อให้คนไข้ทราบผลดีและผลเสียของการรักษาด้วยคีโม
• ระยะเวลาการรักษาจะมีหลายช่วง ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ และความแข็งแรงของผู้ป่วย

วิธีการให้คีโมทางการแพทย์เพื่อรักษาผู้ป่วยมีดังนี้

• ให้ยาผู้ป่วยชนิดรับประทาน ในรูปแบบเม็ด แคปซูล หรือยาที่ต้องละลายน้ำก่อนดื่ม
• ฉีดคีโมเข้าทางหลอดเลือดดำ
• ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ เพื่อให้ยาไปยับยั้งเซลล์มะเร็งในบริเวณที่ต้องการ
• ฉีดเข้าไขสันหลัง ซึ่งจะฉีดบริเวณช่องว่างระหว่างชิ้นเนื้อเยื่อที่ควบคุมสมองและเส้นประสาทไขสันหลัง
• ฉีดเข้าทางช่องท้อง
• ฉีดเข้าหลอดเลือดแดง เพื่อนำตัวยาผ่านหลอดเลือดแดงไปทำลายเซลล์มะเร็งได้
• ทาบริเวณผิวหนังให้ผู้ป่วย รูปแบบนี้เป็นชนิดครีมที่ทาบนผิวหนังได้โดยตรง

การเตรียมตัวเมื่อต้องทำคีโม
การให้คีโมจะต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ซึ่งใช้ระยะในการรักษาแบ่งออกตามแต่ละช่วง เช่น เข้ารับการรักษาด้วยคีโม 1 สัปดาห์แล้วเว้นให้ร่างกายได้ฟื้นฟูอีก 3 สัปดาห์ ร่างกายถึงจะปรับสมดุลและสร้างเซลล์ขึ้นมาทดแทน ทีนี้ลองมาดูกันว่าต้องเตรียมตัวอย่างไร

• รักษาสุขภาพให้แข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ โดยการรับประทานอาหารให้ครบห้าหมู่ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ และทำใจให้สบาย หลังรับคีโมร่างกายจะได้ฟื้นตัวได้เร็ว
• นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ ให้ร่างกายและจิตพร้อมที่จะรับการรักษา
• ควรแจ้งแพทย์ทุกครั้งว่าใช้ยาอะไรอยู่ ทั้งผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร, วิตามิน, อาหารเสริม หรือสมุนไพรต่าง ๆ เพื่อให้แพทย์ประเมินว่ารบกวนการออกฤทธิ์ของการใช้เคมีบำบัดหรือไม่ และหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างการให้คี โม
• ในผู้ป่วยบางรายที่เป็นเด็ก แพทย์จะต้องเกลี้ยกล่อมให้เข้าใจถึงวิธีการรักษาและผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยเป็นกังวล
• ผู้ป่วยควรงดสูบบุหรี่ เพราะอาจทำให้มะเร็งบางชนิดกลับมาเกิดขึ้นใหม่ได้อีก อีกทั้งยังทำให้ความอยากอาหารลดลง ส่งผลให้ร่างกายมีปัญหาทางสุขภาพ

การปฏิบัติตัวเมื่อต้องทำคีโม
การให้คีโม" border="0

หลังจากเข้ารับการรักษาคีโมแล้ว แพทย์จะให้ผู้ป่วยกลับบ้านไปพักฟื้นเพื่อรอรับการรักษาในรอบใหม่ โดยผู้ป่วยจะต้องดูแลตนเองหลังจากการรักษาอย่างเคร่งครัด และผู้ป่วยควรได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดทั้งร่างกายและจิตใจ เพราะอาจมีอาการข้างเคียงเกิดขึ้นได้ตามสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล ซึ่งวิธีการปฏิบัติตัวหลังจากการให้คี โมจะขาดขั้นตอนเหล่านี้ไปไม่ได้เลย

• ปฏิบัติตามคำสั่งเพื่อลดภาวะการแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
• หากมีอาการผิดปกติ เช่น มีไข้สูง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย มีจุดเลือดตามผิวหนัง หรือมีเลือดออกจากอวัยวะต่าง ๆ ควรติดต่อแพทย์ทันทีโดยไม่ต้องรอให้ถึงวันนัดในครั้งถัดไป
• ไปหาแพทย์อย่างสม่ำเสมอตามที่แพทย์สั่ง ตลอดจนทำคีโมในรอบถัดไป
• ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยขับสารเคมีที่ตกค้างในร่างกาย
• ไม่ควรไปในที่ฝูงชน เพื่อหลีกเลี่ยงการรับเชื้อจากผู้อื่น

การรักษาคีโมอาจมีอาการข้างเคียงมีดังนี้

• คลื่นไส้อาเจียน
• มีไข้สูง
• หนาวสั่น
• หายใจลำบาก
• เจ็บหน้าอก
• ผมร่วง
• เกิดแผลในปาก
• ปริมาณเม็ดเลือดลดลง
• มีผื่นหรืออาการแพ้บริเวณผิวหนัง
• ปวดบริเวณที่รักษาคีโม
• ปัสสาวะหรืออุจจาระมีเลือดปน
• ท้องผูกหรือท้องเสียมากกว่า 4 ครั้งต่อวัน

วิธีแก้อาการข้างเคียงที่เกิดจากการรักษาคีโม

• รับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย
• รับประทานอาหารน้อย ๆ แต่บ่อยครั้ง
• หลีกเลี่ยงของทอดของมันและอาหารที่มีรถจัด
• ทำความสะอาดช่องปากหลังรับประทานอาหาร
• สูดหายใจยาว ๆ ลึก ๆ ช้า ๆ เมื่อรู้สึกคลื่นไส้
• หากอาเจียนไม่หยุดให้รีบพบแพทย์ทันที

วิธีบรรเทาผลข้างเคียงจากคีโม
ด้วยในปัจจุบันมีการขายสินค้าสุขภาพผ่านตู้อัตโนมัติ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็งโดยเฉพาะ สามารถเลือกซื้อสินค้าจากตู้จำหน่ายสินค้าที่พร้อมให้บริการในหลายพื้นที่ คุณสามารถเลือกชมสินค้าที่มีหลากหลายซื้อง่ายตลอด 24 ชั่วโมง และยังสามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ หรือไลน์ของ Bedee

สรุป
วิธีการรักษาด้วยคีโมจะช่วยให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งมีความแข็งแรงขึ้น และช่วยยับยั้งการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง ถึงแม้ว่าแพทย์จะไม่อาจรับรองได้ว่าวิธีการให้คีโมจะทำให้โรคมะเร็งรักษาหายขาด แต่การเข้ารับการรักษาอย่างสม่ำเสมอก็สามารถช่วยบรรเทาอาการของโรคได้ และบางรายก็เซลล์มะเร็งก็ไม่กลับมาเกิดขึ้นอีก ทั้งนี้ผู้ป่วยจะต้องมีความเข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจ เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วหลังเข้ารับการรักษา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 15, 2023, 05:31:34 PM โดย พรสัก ส่องแสง »