หลายคนมีข้อสงสัยว่า โอนเงินต่างประเทศผ่านแอพ ใช้เวลากี่วันถึงได้เงิน ซึ่งที่จริงแล้วแม้ว่าจะโอนเงินผ่านแอปก็ใช่ว่าจะมีความรวดเร็วเหมือนกับการโอนเงินภายในประเทศ หนึ่งในเหตุผลของการ โอนเงินข้ามประเทศ ใช้เวลานานเพราะต้องผ่านระบบ Swift อันเป็นระบบการโอนเงินระหว่างประเทศ
ด้วยมาตรฐานสากลที่ต้องมีบริการหลายขั้นตอนกว่าเงินจะถึงมือผู้รับ เราจึงมาดูกันว่า
แอพโอนเงินต่างประเทศ Swift คืออะไร ค่าธรรมเนียมเท่าไร? และการโอนเงินผ่านแอปยุ่งยากหรือไม่
ระบบ Swift และ Swift Code
ในอดีตการ
โอนเงินไประหว่างประเทศ ไม่ได้ง่ายเหมือนในปัจจุบัน เพราะต้องใช้ระบบ Correspondent Banking ผ่านการใช้งานของโทรเลขระหว่างธนาคารของผู้โอนและธนาคารผู้รับ ซึ่งข้อเสียคือการทำธุรกรรมทำได้จำกัดและการประมวลผลของธุรกรรมค่อนข้างช้า ระบบใหม่จึงถูกพัฒนามาที่มีชื่อว่า “Swift” อันเป็นระบบมาตรฐานสากลทุกธนาคารบนโลกนี้ใช้ ด้วยโครงสร้างของรหัสการทำธุรกรรม (Swift Code) จะมีความคล้ายคลึงกันทำให้การค้าระหว่างประเทศรวมถึงการ โอนเงินต่างประเทศ มีความสะดวกรวดเร็ว ซึ่ง Swift Code จะมีรหัสเฉพาะของสถาบันการเงินปลายทางจำนวน 8 – 11 หลัก เช่น KRTHTHBK ความหมายของ 4 ตัวแรก “KRTH” คือตัวย่อของธนาคารกรุงไทย “TH” คือรหัสของประเทศไทย ส่วน “BK” คือที่ตั้งของตำแหน่งธนาคาร (กรุงเทพ) หรือในบางกรณี Swift Code ของธนาคารจะมีตัวอักษรภาษาอังกฤษอีก 3 ตัวอักษรเพิ่มเติมด้วยซึ่งคือรหัสของสาขาย่อย และทุกธนาคารจะใช้โครงสร้างเช่นเดียวกับตัวอย่างที่ยกมา ดังนั้นการ โอนเงินไปต่างประเทศ swift code ของธนาคาร
สิ่งที่จำเป็นต้องรู้คือความหมายของตัวย่อเบื้องต้นเพื่อการทำธุรกรรมของผู้โอนทำได้ง่ายขึ้น
ค่าธรรมเนียมในการโอน
ระบบหลักของโลกการเงินในตอนนี้คือ
โอนเงินผ่านระบบ swift codeซึ่งแน่นอนว่ามีระบบอื่นด้วย เช่น Western Union หรือ PayPal โดยค่าธรรมเนียมของการ โอนเงินแบบ swift code จะมี ค่าธรรมเนียมโอนเงินต่างประเทศ อยู่ราว 300 – 500 บาทต่อรายการ และอาจจะมีการบวกเพิ่มขึ้นอีก 0.05% ของยอดเงินโอน และเนื่องจากมีขั้นตอนที่ไม่เหมือนการโอนเงินด้วยรูปแบบอื่นที่เงินถึงเร็วกว่า เป็นเพราะระบบ Swift Code การโอนเงินจากธนาคาร A ไป E ระหว่างทางต้องผ่านหน่วยงาน B C D ที่มีหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรม ทำให้ต้องใช้เวลาในการโอนอย่างน้อย 3 – 5 วัน และยังมีขั้นต่ำของการโอนเงินในบางสกุลเงิน เช่น JPY ที่ธนาคารกรุงไทยกำหนดขั้นต่ำที่ 5,000 เยน และการโอนเงินด้วยระบบนี้ยังแบ่งเรทของการเก็บค่าธรรมเนียมตามลักษณะของการทำธุรกรรม เช่น การโอนเงินผ่าน Mobile App จะเสียค่าธรรมเนียมถูกกว่าการโอนผ่านเคาน์เตอร์ธนาคาร และเรทของการเก็บค่าธรรมเนียมในแต่ละสกุลเงินก็ไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะสกุลเงินยูโรจะเสียค่าธรรมเนียมในการโอนสูงกว่าสกุลเงินเอเชีย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคารเป็นผู้กำหนด
การโอนเงินผ่านแอป
ทุกธนาคารจะมีหลักการโอนเงินต่างประเทศคล้ายกันหมด คือต้องเริ่มเปิดแอปของธนาคาร เลือกหมวดโอนเงินระหว่างประเทศ ที่เหลือคือการกรอกที่อยู่ของผู้ต้องการโอนเป็นภาษาอังกฤษ จากนั้นเลือกบัญชีของผู้รับเงินโอนด้วยการกรอก Swift Code และระบุจำนวนเงินที่ต้องการลงไป เพียงเท่านี้ก็โอนเงินข้ามประเทศได้แล้ว ส่วนระยะเวลาของเงินที่เข้าขึ้นอยู่กับ Time Zone และการตรวจสอบจากระบบ Swift
แม้ทุกวันนี้เทคโนโลยีจะก้าวหน้าเพียงใดแต่การโอนเงินระหว่างประเทศผ่านแอปยังต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบอยู่ ทั้งนี้เพื่อป้องกันข้อมูลของผู้โอนและผู้รับเงินไม่ให้รั่วไหลและเพื่อความโปร่งใสด้วย