นม uht คือ อะไร และมีประโยชน์ต่างจากนมพาสเจอไรซ์อย่างไรที่นี่มีคำตอบ

[อธิติยา]

นมสดหรือนมวัวตามธรรมชาติจะให้คุณค่าทางโภชนาการเหมือน ๆ กันหมด แต่เนื่องจากนมมีจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดการเน่าเสียและจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรคปนเปื้อนอยู่จึงจำเป็นต้องใช้กระบวนการผลิตเพื่อทำลายจุลินทรีย์และยืดอายุการเก็บรักษาพร้อมคงความสดใหม่เหมาะต่อการดื่มมากที่สุด ดังนั้นความแตกต่างของนมจึงอยู่ที่กระบวนการผลิตที่มีชื่อเรียกต่างกัน

นมพาสเจอไรซ์ (Pasteurized Milk) เป็นนมที่ผ่านกระบวนการผลิตด้วยความร้อนประมาณ 72 องศาเซลเซียส ที่ระยะเวลา 15 วินาที เพื่อต้องการทำลายจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดการเน่าเสียรวมทั้งจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรคหมดไป แต่ด้วยความร้อนที่ไม่สูงพอจะทำลายจุลินทรีย์ได้หมดจดจึงทำให้นมพาสเจอไรซ์จะต้องเก็บรักษาในตู้เย็นตลอดเวลาเพื่อป้องกันการเน่าเสีย และมีอายุอยู่ได้ประมาณ 2 สัปดาห์ ซึ่งถือว่าค่อนข้างสั้นมากแต่ด้านรสชาติของนมพาสเจอไรซ์จะใกล้เคียงกับนมสดจากธรรมชาติมากที่สุด เนื่องจากกระบวนการผลิตส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของรสชาติน้อยมาก
นมสเตอริไลซ์ (Sterilized Milk) คือนมที่ผ่านการผลิตด้วยความร้อนสูงประมาณ 110 – 120 องศาเซลเซียส ที่ระยะเวลาประมาณ 10 – 20 นาที ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่นานเพียงพอต่อการขจัดจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดการเน่าเสียและจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรคออกจนหมดได้ แต่ด้วยกระบวนการผลิตนี้เป็นสาเหตุทำให้รสชาติของนมสเตอริไลซ์เกิดการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย โดยรสชาติจะคล้ายกับนมที่ถูกต้มรวมทั้งสีของนมจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลเข้มเล็กน้อย ทว่าวิธีในการเก็บรักษาจะง่ายกว่าการเก็บนมพาสเจอไรซ์เพราะสามารถเก็บนมสเตอริไลซ์ในอุณหภูมิห้องได้นานถึง 12 เดือน โดยที่ไม่เกิดการเน่าเสีย ส่วนเรื่องคุณค่าทางโภชนาการจะสูญเสียไปเล็กน้อยจากระยะเวลาที่ต้องใช้ในการผลิต
นมยูเอชที (Ultra-High Temperature processing)  uht คือ นมที่ผ่านกระบวนการผลิตด้วยความร้อนสูงเป็นพิเศษ (140 องศาเซลเซียส) แต่ นม uht คือ นมที่ผ่านความร้อนสูงในระยะเวลาที่สั้นมากเพียงแค่ 5 วินาทีเท่านั้น ด้วยกระบวนการผลิต นม uht นี้นอกจากจะสามารถกำจัดจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดการเน่าเสียและจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรคสูญสลายไปได้หมด นม uht คือ นมที่ยังคงรักษาคุณค่าทางโภชนาการได้เกือบทั้งหมดอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต แร่ธาตุ และวิตามิน เนื่องจากไม่ได้ถูกความร้อนจากกระบวนการผลิตเผาผลาญไป ส่วนเรื่องการเก็บรักษานั้นก็สะดวกและง่ายเพียงเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้องได้นานมากกว่า 12 เดือน

สรุปคือไม่ว่านมจะผ่านกระบวนการผลิตแบบไหนก็ยังคงให้ประโยชน์ต่อร่างกายได้อยู่เสมอ เพียงแต่ถ้าหากอยากให้ได้ประโยชน์ของนมจาก Milo อย่างสูงสุดควรเลือกดื่ม นม uht เนื่องจากกระบวนการผลิตน้ำนม uht คือ สามารถรักษาคุณค่าทางโภชนาการที่มีอยู่ในนมอย่างครบถ้วนมากกว่านมชนิดอื่น ๆ อย่างที่แจกแจงมาข้างต้น

ที่มาข้อมูล
https://www.milo.co.th/blog/นม-uht-คืออะไร