ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


5 ความรู้เบื้องต้นเรื่อง ยางรถเก๋ง เคล็ดลับเพื่อการขับขี่ปลอดภัย



         ยางรถยนต์ถือว่าเป็นชิ้นส่วนที่ทำหน้าที่สำคัญมาก ๆ ทั้งถ่ายทอดพลังขับเคลื่อน การลดแรงสั่นสะเทือน การหยุดรถ การเปลี่ยนทิศทางรถ และยังต้องแบกรับภาระน้ำหนักของตัวรถเอาไว้ทั้งหมด ดังนั้นไม่ว่าจะเป็น  ยางสำหรับรถเก๋ง  ยางรถกระบะ ยางรถ suv​ ยางออฟโรด ยางนุ่มเงียบ หรือยางประเภทไหนก็ต้องได้รับการใส่ใจนับตั้งแต่การเลือกใช้ยางที่มีประสิทธิภาพไปจนถึงการดูแลรักษายาง เพื่อช่วยให้การขับขี่มีความปลอดภัยและทำให้ยางมีอายุที่ยาวนานใช้งานได้อย่างคุ้มค่า ซึ่งสามารถทำได้ง่าย ๆ โดยใช้ความรู้เรื่องของยางรถเก๋งเบื้องต้น 6 ข้อที่เรานำมาฝากกันในวันนี้

1. จุกยางรถยนต์แม้จะมีขนาดเล็กแต่ก็มีความสำคัญมาก เพราะจุกยางหรือฝาปิดจุ๊บลมจะเป็นตัวทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้ฝุ่นหรือดินโคลนเข้าไปแทรกอยู่ในวาล์วลมจนทำให้ลมยางรั่วซึมออกมานั่นเอง
2.ระดับแรงดันลมยางที่ได้มาตรฐานตามคู่มือกำหนดเป็นสิ่งสำคัญซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการยางบวมหรือยางแตกได้ ดังนั้นจึงควรตรวจเช็กลมยางให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมอยู่เป็นประจำ ซึ่งรถยนต์แต่ละประเภทจะมีวิธีการเติมลมที่ต่างกันออกไป อาทิ รถยนต์ขนาดเล็กควรเติมลมยางอยู่ที่ 25 - 32 PSI รถยนต์ขนาดกลางควรเติมลมยางอยู่ที่ 30 - 35 PSI รถกระบะควรเติมลมยางอยู่ที่ 38 - 40 PSI สำหรับกรณีรถที่ต้องมีการใช้งานบรรทุกหนักแนะนำให้เติมลมยางมากกว่าค่าปกติ 2 - 3 PSI ทั้งนี้ท่านสามารถตรวจสอบระดับแรงดันลมยางตามที่ผู้ผลิตรถกำหนดไว้ได้จากคู่มือรถหรือบริเวณขอบประตูด้านคนขับ เพื่อให้การเติมลมอยู่ในเกณฑ์พอดีอยู่เสมอ
3. ข้อควรระวังในการเติมแรงดันลมยางคือไม่ควรเติมลมยางให้มากหรือน้อยจนเกินไป เพราะถ้าเติมลมยางมากเกินไปจะส่งผลทำให้ดอกยางสึกเร็ว อายุการใช้งานของยางลดลง อีกทั้งความนุ่มนวลในการขับขี่ก็น้อยลงไปด้วย หรือถ้าหากลมยางอ่อนเกินไปหรือต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้จะส่งผลทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนัก สิ้นเปลืองน้ำมัน ประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนลดลง อีกทั้งยังเสี่ยงต่อการเกิดยางระเบิดได้ง่ายขึ้น
4. สภาพอากาศก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประสิทธิภาพของยางรถยนต์เปลี่ยนไป โดยเฉพาะเมื่อตอนฝนตกใหม่ ๆ ถนนจะมีความลื่นมากกว่าปรกติ เพราะน้ำฝนที่เพิ่งตกลงมาได้ผสมเข้ากับดินโคลนกลายเป็นเสมือนฟิล์มลื่นเคลือบผิวถนน หน้ายางจะไม่สามารถสัมผัสผิวถนนได้เต็มที่ ประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนจะลดลง ดังนั้นควรใช้ความระมัดระวังในการขับขี่และตรวจเช็กสภาพยางรถยนต์เป็นประจำ ไม่ควรปล่อยให้ความลึกของดอกยางเหลือน้อยกว่า 2 มม. เพราะหน้าที่สำคัญของดอกยางคือช่วยรักษาการสัมผัสพื้นผิวทั้งการขับขี่บนถนนเปียกน้ำ โคลน หรือถนนแห้ง
5. รถแต่ละประเภทใส่ยางไม่เหมือนกัน อย่างเช่น ยางรถเก๋ง จะเน้นไปที่การขับขี่นุ่มนวล ขับขี่สบาย รองรับการใช้ความเร็วสูง ยึดเกาะถนน และช่วยประหยัดเชื้อเพลิง ส่วนยางรถกระบะหรือรถใช้งานเพื่อบรรทุกก็จะเน้นไปที่ประสิทธิภาพในการรองรับน้ำหนักได้มาก มีความแข็งแกร่ง ทนทาน เพื่อให้การขับขี่มีความปลอดภัยตรงตามประเภทของการใช้งาน


           ทุกข้อที่กล่าวไปแล้วข้างต้นมีส่วนทำให้คำนึงถึงทั้งการเลือกใช้ยางให้เหมาะสม การตรวจเช็กสภาพยางรถยนต์ วิธีการยืดอายุยาง และการดูแลรักษายาง ถ้าหากคุณต้องการเปลี่ยนยางชุดใหม่เพื่อการเดินทางที่ปลอดภัยมากขึ้น แต่ยังไม่รู้ว่าเลือก ยางรถยนต์ขอบ 17 ยี่ห้อไหนดี ขอแนะนำ ยางนุ่มเงียบจาก Bridgestone ที่จะช่วยให้ทุกการเดินทางของคุณสะดวกสบายไร้เสียงรบกวน เป็นยางคุณภาพสูงสามารถยึดเกาะถนนได้ดี มีความคล่องตัวทั้งบนถนนเปียกและแห้ง ระยะเบรกสั้นมีความปลอดภัยสูง นอกจากนั้น Bridgestone ยังมียางรุ่นประหยัดน้ำมันและรุ่นต่าง ๆ อีกมากมายให้เลือกตามความเหมาะสมกับการใช้งานที่หลากหลายอีกด้วย