ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


อิฐมวลเบา คืออะไร? กันร้อน กันไฟ ได้จริงหรือไม่ บทความนี้มีคำตอบ



อิฐมวลเบา ได้มีการพัฒนาคุณสมบัติเหมาะกับการใช้งานในสภาพภูมิอากาศ และ สภาพแวดล้อมปัจจุบัน เนื่องจากคุณสมบัติของอิฐมวลเบาไม่อมความร้อน และรักษาอุณหภูมิภายในบ้านได้เป็นอย่างดี ถ้าหากใครที่กำลังวางแผนก่อผนัง หรือสร้างกำแพงด้วยอิฐมวลเบา วันนี้ทาง MTcement จะมาบอกเกี่ยวกับคุณสมบัติ รวมถึงวิธีการคำนวณ เพื่อให้คุณได้ข้อมูลอย่างครบถ้วนก่อนเลือกใช้งาน


อิฐมวลเบา คืออะไร?


"อิฐมวลเบา" ถือเป็นผลิตภัณฑ์คอนกรีตชนิดใหม่ ที่ผลิตขึ้นจากส่วนผสมธรรมชาติ ลักษณะโดยรวมคล้ายกับอิฐบล็อก แต่อิฐมวลเบาจะมีน้ำหนักเบากว่า และเป็นฉนวนกันความร้อนที่ดี ซึ่งประเภทที่นิยมใช้โดยทั่วไปแบ่งตามกระบวนการผลิตได้เป็น 2 แบบ ดังนี้

1. อิฐมวลเบาที่ไม่ผ่านกระบวนการอบไอน้ำภายใต้ความดันสูง (Non – Autoclaved System)

  • ประเภทที่ 1 ใช้วัสดุเบากว่ามาทดแทน อย่างเช่น ขี้เลื่อย ขี้เถ้า ชานอ้อย หรือเม็ดโฟม วัสดุเหล่านี้จะทำให้คอนกรีตมีน้ำหนักเบาขึ้น แต่ข้อเสียคือ มีอายุการใช้งานสั้น และเสื่อมสภาพเร็ว

  • ประเภทที่ 2 ใช้สารเคมี (Circular Lightweight Concrete) เพื่อให้เนื้อคอนกรีตฟู และแข็งตัวเร็ว มีการหดตัวมากกว่าประเภทแรก ข้อเสียคือ ไม่แข็งแรง และทำให้ปูนฉาบแตกร้าวได้ง่าย

2. อิฐมวลเบาระบบอบไอน้ำภายใต้ความดันสูง (Autoclaved System)

  • ประเภทที่ 1 ใช้ปูนขาว (Lime Base) มาเป็นส่วนผสมหลักในการผลิต ขั้นตอนในการผลิตควบคุมได้ยาก ทำให้คุณภาพของคอนกรีตที่ได้ไม่สม่ำเสมอ และมีการดูดซึมน้ำในปริมาณที่สูงมาก

  • ประเภทที่ 2 ใช้ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ (Cement Base) มาเป็นส่วนผสมหลักในการผลิต ทำให้เนื้อคอนกรีตที่ได้นั้นมีความแข็งแรง ทนทาน มากกว่าการผลิตด้วยระบบอื่น

คุณสมบัติของอิฐมวลเบา มีอะไรบ้าง



หากพูดถึงอิฐมวลเบา แน่นอนว่าต้องมีจุดเด่นมากมายที่ทำให้อิฐชนิดนี้เป็นที่นิยม แต่เมื่อมีข้อดีก็ย่อมมีข้อเสียเช่นเดียวกัน ซึ่งในหัวข้อนี้ทางเราได้นำข้อดี และ ข้อเสีย มาสรุปให้ทุกคนได้ทำความเข้าใจก่อนเลือกใช้งาน
ข้อดีของอิฐมวลเบา

1. ไม่อมความร้อน เนื่องจากอิฐมวลเบามีรูพรุนในเนื้อคอนกรีต จึงทำให้สามารถกันความร้อนได้ดีกว่าอิฐทั่วไปถึง 8-11 เท่า และช่วยรักษาอุณหภูมิภายในบ้านได้เป็นอย่างดี

2. ช่วยประหยัดโครงสร้าง ด้วยขนาดและน้ำหนักมีความเบา จึงไม่เป็นปัญหาต่อการรับน้ำหนักของคาน เสา ตอม่อ และรากฐาน ทำให้สามารถช่วยประหยัดโครงสร้างได้
 
3. ดูดซับเสียงได้ดี เนื่องจากโครงสร้างของอิฐมวลเบามีฟองอากาศอยู่ภายในเป็นจำนวนมาก จึงสามารถลดการสะท้อนของเสียงได้ดีกว่าอิฐทั่วไป
 
4. ได้มาตรฐานการผลิต อิฐมวลเบามีขนาดที่ได้มาตรฐานตามการผลิต เมื่อมีการใช้งานกับพื้นที่ อิฐมวลเบาจะถูกออกแบบมาให้พอดีกับพื้นที่ใช้งาน สามารถขึ้นรูป และปรับแต่งได้ง่าย

5. มีอายุการใช้งานยาวนาน เนื่องจากอิฐมวลเบาผลิตจากส่วนผสมจากธรรมชาติที่มีคุณภาพ จึงทำให้มีอายุการใช้งานยาวนาน สามารถรับน้ำหนักและแรงกดได้ดีกว่าอิฐชนิดอื่นๆ

ข้อเสียของอิฐมวลเบา

1. สามารถนำไปปรับแต่งได้น้อย เนื่องจากอิฐมวลมีขนาดใหญ่ และถ้าหากต้องการนำไปประยุกต์ทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่ผนัง อาจจะปรับแต่งได้ค่อนข้างยาก

2. มีผลต่อความชื้น ด้วยลักษณะภายในเนื้อวัสดุมีรูพรุน จึงทำให้อิฐมวลเบาดูดซับน้ำมาก ซึ่งมีผลต่อความชื้น ไม่นิยมนำมาใช้งานภายในห้องน้ำหรือห้องครัว

3. ต้องใช้อุปกรณ์ติดตั้งเฉพาะ ถ้าหากต้องเจาะผนังเพื่อติดตั้งอุปกรณ์ ต้องใช้พุกที่ออกแบบมาเพื่ออิฐมวลเบาเท่านั้น เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

4.มีราคาสูงกว่า หากเปรียบเทียบราคาเฉพาะค่าวัสดุ อิฐมวลเบาจะมีราคาสูงกว่าอิฐมอญ แต่ถ้าหากนำค่าวัสดุมารวมกับค่าแรงของช่างก่อสร้างแล้ว อิฐทั้ง 2 ชนิดนี้จะมีต้นทุนที่ใกล้เคียงกัน

เมื่ออ่านคุณสมบัติเหล่านี้จะเห็นได้ว่าอิฐมวลเบามีทั้งข้อดี และข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป แต่ถ้าหากคิดค่าใช้จ่ายทั้งระบบแล้ว อิฐมวลเบาจะใช้ปูนก่อที่น้อยกว่า และประหยัดเวลาในการทำได้มากกว่า หวังว่าเหตุผลเหล่านี้จะเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจให้กับคุณได้
 
วิธีการเลือกใช้อิฐมวลเบา ในงานแต่ละประเภท


เมื่อเราทำความรู้จักกับคุณสมบัติของอิฐมวลเบากันไปแล้ว ในหัวข้อนี้เราจะพาคุณไปเรียนรู้วิธีการเลือกใช้อิฐมวลเบาขนาดต่างๆ ให้เหมาะสมกับงานแต่ละประเภท โดยอิงขนาดอิฐมวลเบาตามมาตรฐานที่จำหน่ายในท้องตลาดทั่วไป อยู่ที่ 20 x 60 x 7.5 – 20 x 60 x 25 เซนติเมตร ในเนื้อหาต่อไปนี้จะมาอธิบายถึงความเหมาะสมในการใช้งานของอิฐมวลเบา ซึ่งแต่ละแบบจะมีวิธีการเลือกใช้งานอย่างไรบ้างไปดูกันเลย!

  • สร้างผนังกั้นห้องไม่มีบานเปิด ควรเลือกขนาดที่บางและเบา อิฐมวลเบาในปัจจุบันจะมีขนาดความหนาเริ่มต้นอยู่ที่ 7.5 เซนติเมตร ถือว่าเป็นสเปคต่ำสุด เหมาะกับใช้งานร่วมกับผนังภายในบ้าน หรือใช้กั้นห้องที่ไม่มีบานเปิด


  • สร้างผนังห้องมีบานเปิด เลือกที่มีความแข็งแรง หากผนังไม่ได้รับการติดตั้งอย่างถูกวิธี เมื่อเปิดหรือปิดจะเกิดแรงกระแทกกลับ แนะนำให้เลือกอิฐมวลเบาที่มีขนาดความหนา 10 เซนติเมตรขึ้นไป โดยขนาดดังกล่าวจะมีความทนทาน และไม่จำเป็นต้องใช้งานร่วมกับเสาคานเอ็น

  • เลือกปิดมุมเสาด้วยอิฐมวลเบาขนาด 20 เซนติเมตร ถ้าหากเป็นบ้าน 1-2 ชั้น โดยทั่วไปจะมีขนาดเสาอยูที่ 20 เซนติเมตร ควรเลือกใช้อิฐมวลเบาที่มีขนาด 20 เซนติเมตรเช่นกัน เพราะจะช่วยให้ผนังห้องต่างๆ มีขนาดเท่ากับเสาพอดี ทำให้ไม่มีมุมเสามาเป็นจุดรบกวนสายตา

  • ทิศใต้ ทิศตะวันตก ยิ่งสร้างผนังหนา ยิ่งกันความร้อนได้ดี ตามหลักภูมิประเทศแล้วทิศใต้ และทิศตะวันตกจะได้รับผลกระทบจากแสงแดดในยามบ่าย หากต้องการให้บ้านเย็นสบายการเลือกใช้วัสดุกันความร้อนกับทิศทางที่กล่าวไปนี้ จึงควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษ

โดยขนาดของอิฐมวลเบาก่อผนังที่ใช้ในทิศใต้ และทิศตะวันตก ควรมีความหนาอยู่ที่ 10-20 เซนติเมตร ยิ่งมีความหนามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพในการกันความร้อนได้มากขึ้นเท่านั้น
 
วิธีการคำนวณ พื้นที่ใช้งาน


ถ้าหากคุณต้องการเลือกใช้วัสดุในการก่อสร้างผนัง หรือ กำแพงด้วยอิฐมวลเบา วันนี้ทางเราจะมาแนะนำสูตรคำนวณอย่างง่าย ในการใช้อิฐมวลเบาสำหรับงานก่อสร้างให้เพียงพอต่อพื้นที่ก่อสร้างอย่างเหมาะสม

วิธีที่ 1 คำนวณหาปริมาณอิฐที่ใช้ตามขนาดพื้นที่
โดยจำนวนและขนาดความหนาของอิฐมวลเบา ค่าเริ่มต้นจะอยู่ที่ 8.33 ก้อน/ตารางเมตร คือ ขนาดพื้นที่ (ตารางเมตร) x 8.33 = ปริมาณอิฐที่ใช้งาน

ยกตัวอย่างเช่น ขนาดพื้นที่มีความสูง 3 เมตร กว้าง 2.5 เมตร (3 x 2.5 = 7.5) จะได้พื้นทั้งหมด 7.5 ตารางเมตร โดยพื้นที่ขนาด 1 ตารางเมตร จะใช้อิฐมวลเบา จำนวน 8.33 ก้อน (7.5 x 8.33 = 62.47) ดังนั้นผนังขนาด 7.5 ตารางเมตร จะต้องใช้อิฐจำนวน 63 ก้อน

วิธีที่ 2 การคำนวณปูนก่อและฉาบอิฐมวลเบา
วิธีการคำนวณปูนก่อและฉาบอิฐมวลเบา ในการคำนวณวัสดุจะยึดการก่อฉาบผนังหนา 10 เซนติเมตร โดยจะต้องคำนวณพื้นที่ของผนัง = ความสูงผนัง x ความยาวผนัง โดยปูนก่ออิฐมวลเบาสำเร็จรูป 1 ถุง เท่ากับ 50 กิโลกรัม ก่อได้ 38-40 ตารางเมตร (ก่อปูนหนา 3 มิลลิเมตร) และสำหรับปูนฉาบอิฐมวลเบาสำเร็จรูป 1 ถุง เท่ากับ 50 กิโลกรัม จะฉาบได้ 2-2.5 ตารางเมตร (ฉาบหนา 1-1.5 เซนติเมตร)
 
 
มองหาอิฐมวลเบาคุณภาพดี ต้องที่ MTcement
สำหรับใครที่กำลังมองหาหนึ่งในตัวเลือกที่ใช้ในการก่ออย่าง "อิฐมวลเบา" ขอแนะนำ MTcement ธุรกิจจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้าง วัสดุตกแต่ง ทั้งค้าส่ง และค้าปลีกในระยะเวลายาวนานกว่า 40 ปี เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้ารายสำคัญของผู้ผลิตชั้นนำหลายแห่ง มีความสัมพันธ์ทางการค้าที่ดีกับผู้ผลิต ส่งผลให้เรามีอำนาจในการต่อรองราคา และสามารถจำหน่ายสินค้าในราคา ”กันเอง”

หากลูกค้าท่านใดที่ต้องการใช้สินค้าเป็นจำนวนมาก ทางเราสามารถต่อรองกับบริษัทผู้ผลิตเพื่อนำเสนอ “ราคาพิเศษ” ที่สำคัญมีทีมขนส่งเกือบทุกประเภทจากทั่วพื้นที่ โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพ และ ปริมณฑล เพื่อให้ได้รับการบริการที่ทั่วถึง เพราะทางเราใส่ใจความรวดเร็วในการจัดส่งสินค้า เพื่อให้ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย
 
 
 
ติดต่อสอบถามข้อมูล และข้อสงสัยต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook: คอนกรีตผสมเสร็จ โดย เมืองไทยซีเมนต์
E-mail: info@mtcement.com
Line: @mtcement
Tel: 088 – 554 – 1555, 02 – 328 – 0684

Krunker moves quickly and feels a lot like Counter-Strike. Keep track of your wins, scores, and kills/deaths ratio to show how competitive you are. On Poki, you can dare your friends to beat your scores. You don't have to download anything to play Krunker.io on your PC, tablet, or cell phone.

อิฐมวลเบาสามารถกันความร้อนหรือไฟได้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการกันเสี ยงและช่วยลดการสูญเสียความร้อน อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องตรวจสอบข้อมูลและคุณลักษณะของวัสดุก่อสร้างก่อนนำไปใช้งานเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ
ฉันเห็นด้วยกับคุณ.