ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


เปิดตำนาน R-Series รถสปอร์ตไบค์ DNA จากสนามแข่งระดับโลก by Boxzaracing

ถ้าหากพูดถึงรถยนต์สปอร์ตไบค์ที่ชนะใจไบค์เกอร์มานานนับทศวรรษ ด้วยเอกลักษณ์ของรูปร่างพร้อมขุมพลังที่บอกถึงจิตวิญญาณที่จริงจริงของสายพันธุ์ กับ Yamaha R-Series ที่ครอบครองใจไบค์เกอร์มาแล้วนับไม่ถ้วน ในคราวนี้ BoxzaRacing จะมาเล่าถึงเรื่องราวโดยสังเขปตั้งแต่โฉมแรกของพี่ใหญ่ในเครือญาติอย่าง Yamaha YZF-R1 ไปจนกระทั่งน้องเล็กสุด Yamaha YZF-R15 ว่าเพราะอะไรถึงเป็นเชื้อสายสปอร์ตไบค์ที่ใครๆก็ต้องการเป็นเจ้าของ รถมอเตอร์ไซค์ สปอร์ต



จวบจนกระทั่งโมเดลปี 2014 ได้ทำตลาดมาจนกระทั่งปี 2016 ที่มีการตอบรับจากไบค์เกอร์ทุกเพศทุกวัย กระทั่งขายดีกันแบบเทน้ำเทท่ากันอย่างยิ่งจริงๆ และไม่นาน Yamaha ก็เลยได้เปิดตัว YZF-R15 โมเดลใหม่ในปี 2017 ที่มีความสปอร์ตเพิ่มขึ้น หล่อเพิ่มขึ้น...โดยในคราวนี้เกือบจะบอกได้เต็มปากเลยว่า เลียนแบบจากพี่ใหญ่ที่เป็นโมเดลใหม่ปัจจุบันอย่าง YZF-R1 และก็ YZF-R6 ออกมาได้อย่างเห็นได้ชัดมากกว่าโมเดลที่แล้วเสียอีกไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์สุดหล่อที่ให้อารมณ์ซูเปอร์สปอร์ตแบบเต็มขั้น และก็อีกหนึ่งจุดแข็งก็คือเรือนไมล์รูปแบบใหม่แบบ Full LCD Digital Meter กับมุมมองซูเปอร์สปอร์ตอย่างแท้จริง พร้อมทั้งบล็อคเครื่องจักรกลใหม่ขนาด 155 ซีซี. พร้อมระบบวาล์วเปลี่ยน VVA อันโด่งดังของ Yamaha ที่จะทำให้กำลังวังชารถยนต์จัดจ้าตั้งแต่รอบต่ำจนกระทั่งรอบสูง รวมถึง Assist & Slipper Clutch ที่สามารถช่วยลดแรงลากของล้อหลังเมื่อศาสนาเชนจ์เกียร์จากเกียร์สูงลงสู่เกียร์ต่ำ ที่สามารถเรียกได้เลยว่าถูกอกถูกใจสายสปอร์ตไม่น้อย นับว่าเป็นลักษณะเด่นของเทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนาสู่เครื่องยนต์กลไกในคลาส 150 ซีซี. ได้อย่างมีคุณภาพ

และก็ตามด้วยตอนล่างอัพเกรดใหม่ไม่ว่าจะเป็นโช้คหน้า Up Side Down รวมถึงสวิงอาร์มออกแบบใหม่ (New Design Alluminium Rear Arm) และก็ล้อแม็กวางแบบใหม่ที่เพิ่มเนื้อหาให้มองแม็ทช์กับสรีระรูปลักษณ์ที่มีความเป็นสปอร์ตไบค์อย่างสุดกำลัง รัดด้วยยางเรเดียลขนาดใหญ่ (Super Wide Tire) โดยยางหน้ามีขนาด 100/80-R17 และก็ยางข้างหลังขนาด 140/70R17 เพิ่มพื้นที่หน้ายางที่จะทำให้การสัมผัสผิวถนนในยามเข้าโค้งได้อย่างมั่นอกมั่นใจ พร้อมด้วยความสามารถระบบเบรกที่เด่นไม่ด้อยกว่าผู้ใดกับดิสก์เบรกหน้าขนาดใหญ่ 282 มิลลิเมตร (Big Size Disc Brake) เพื่อความแน่ใจสำหรับเพื่อการหยุดรถยนต์ทุกเหตุการณ์ โดยภาพรวมแล้วไม่น่าประหลาดใจเลยครับผมที่ Yamaha YZF-R15 เป็นรถยนต์สปอร์ตไบค์ขวัญใจวัยรุ่นในยุคนี้ โดยรับประกันจากยอดจำหน่ายแล้วก็ผู้ใช้งานบนถนนที่ไม่ว่าจะดูไปทางไหนใครๆก็รัก R15 จนได้รับการตั้งชื่อว่าสปอร์ตไบค์เล็กพริกขี้หนูกันอย่างยิ่งจริงๆขอรับ

ต่อด้วยน้องรองสุดท้องในเครือญาติอย่าง Yamaha YZF-R3 สปอร์ตไบค์ Entry Class รูปลักษณ์สุดโฉบเฉี่ยว ที่เปิดตัวหนแรกเมื่อปี 2015 รวมทั้งทำเอาไบค์เกอร์ผู้คนจำนวนมากในขณะนั้นจำเป็นต้องร้องว้าวกับขุมพลังเครื่องยนต์กลไกที่ให้มาเกินราษฎรชาวช่องในพิกัดเดียวกันอย่างยิ่งจริงๆ...กับบล็อคเครื่องจักรกล 2 ลูกสูบเรียง ขนาด 321 ซีซี. 4 จังหวะ DOHC 4 วาล์วต่อดูด ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้กำลังสูงสุด 42 แรงม้า ที่ 10,750 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 29.6 นิวตัน-เมตร ที่ 9000 รอบต่อนาที แล้วก็เป็นสปอร์ตไบค์คลาส Under 400 ในตลาดประเทศไทยคันแรกที่มีลูกเล่นถูกอกถูกใจไบค์เกอร์ด้วยการต่อว่าดตั้งชิพไลท์มาให้จากโรงงาน...

ถัดมาในปี 2019 Yamaha YZF-R3 ได้ทำเปิดตัวโมเดลใหม่อีกที โดยคราวนี้ได้เพิ่มความสปอร์ตเข้าไปอีกด้วยดูดีไซน์ใหม่ละม้ายกับรุ่นพี่ใหญ่อย่าง Yamaha YZF-R1 ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ใหม่โดยเฉพาะอย่างยิ่งชุดแฟริ่งด้านหน้าที่ให้อารมณ์สปอร์ตไบค์ Full Fairing เพิ่มมากขึ้น และก็ตามด้วยไฟหน้า Full แอลอีดี Headlight สุดทันสมัย รวมถึงชุดเรือนไมล์แบบ Full LCD ที่มีความคล้ายกับ Yamaha MT-10 สื่ออารมณ์ความทันสมัยในคลาสพิกัด 300 ซีซี.ได้อย่างเหนือชั้น แล้วก็ชุดสวิตช์สตาร์ทรูปแบบใหม่พร้อมทั้งแผงคอ Handle Crown วางแบบซูเปอร์สปอร์ตให้ความแข็งแรง แล้วก็ลดความอ้วนได้มากขึ้น พร้อมเสริมความสปอร์ตขึ้นไปอีกขั้นเพื่อเหนือกว่าคู่แข่งขันด้วยการตำหนิดตั้งโช้คหน้า Up Side Down มาให้ เรียกเอาเสียงฮือจากไบค์เกอร์พอได้ แถมน้ำหนักตัวรถยนต์จากเดิมในโมเดลก่อนหน้าอยู่ที่ 170 โล แม้กระนั้นโมเดลปัจจุบันจากการจัดวางส่วนประกอบตัวรถยนต์ใหม่ทำให้น้ำหนักต่ำลงเหลือ 167 โล ก็ถือว่าเป็นต้องใจพอได้สำหรับคนใดกันแน่ที่กำลังต้องการเริ่มขี่แนวสปอร์ตเป็นคันแรก ที่จำเป็นต้องขอเสนอแนะเลยครับผมว่า Yamaha YZF-R3 เฟี้ยวแน่ๆขอรับ

ถึงคิวของน้องชายสุดหล่อสายโลหิตซูเปอร์สปอร์ตสุดจี๊ด กับความเฟี้ยวฉุดกระชากดวงใจไบค์เกอร์มาแล้วนับไม่ถ้วนกับ Yamaha YZF-R6 ที่มีประวัติตั้งแต่ปี 1999 ไม่แพ้พี่ใหญ่อย่างยิ่งจริงๆ...และก็ถัดไปพวกเราจะมากล่าวถึงรายละเอียดของเจ้า YZF-R6 กันว่าเพราะเหตุใดถึงเป็นเยี่ยมในซูเปอร์สปอร์ตที่ไบค์เกอร์ต่างต้องการทดลองสัมผัสสักหนึ่งครั้ง

ย้อนกลับไปเมื่อปี 1999 ถือว่าเป็นความเคลื่อนไหวอีกรอบของคลาส 600 ค่าย Yamaha ซึ่งจากเดิมก่อนหน้า ที่จะเกิด Yamaha YZF-R6 ขึ้นมา Yamaha ได้สร้างรุ่น YZF600 ขึ้นมาในปี 1996 ที่มีทรงยังเป็นครึ่งสปอร์ตทัวร์ริ่งรวมทั้งอีก 3 ปีถัดมาก็ได้ให้กำเนิด Yamaha YZF-R6 ที่มาในแบบซูเปอร์สปอร์ตเต็มกำลังพร้อมบล็อคเครื่องยนต์กลไกใหม่ 4 ลูกสูบ 599 ซีซี. DOHC 16 วาล์ว จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยคาร์บูเรเตอร์ ให้กำลังสูงสุด 120 แรงม้าที่ 13,000 รอบต่อนาที แล้วก็มีแรงบิดสูงสุด 68 นิวตันเมตรที่ 11,500 รอบต่อนาที โดยหามน้ำหนักตัวรถยนต์ไว้ที่ 192 โล ซึ่งในสมัยนั้นนับว่า Yamaha YZF-R6 เป็นซูเปอร์สปอร์ตที่มีน้ำหนักค่อยแล้วก็มีกำลังที่จัดจ้ากว่ารุ่นอื่นในพิกัดเดียวกันอย่างยิ่งจริงๆ

เมื่อการเปิดตัว Yamaha YZF-R6 โฉมแรกในตอนปี 1999-2002 Yamaha ได้ทำปรับปรุงโดยตลอดแล้วก็เปิดตัวรูปแบบใหม่ขึ้นในปี 2003 โดยมีการปรับรูปลักษณ์ใหม่ให้มีความสปอร์ตเพิ่มขึ้นรวมถึงสมรรถนะของเครื่องยนต์กลไกที่ได้เปลี่ยนแปลงจากคาร์บูเรเตอร์เป็นหัวฉีด และก็มีการปรับจูนด้านในเครื่องจักรให้มีพลังมากขึ้นเป็น 123 แรงม้า กับอัพเกรดระบบเบรกจากเดิมที่เป็น Axial Mount มาเป็น Radial Mount แบบรุ่นพี่ใหญ่อย่าง Yamaha YZF-R1

มาถึงโฉมที่สามารถเรียกได้เลยว่าเป็นที่คุ้นตาคุ้นหน้าอย่างมากมายสำหรับชื่อ YZF-R6 กับการปรับโฉมอีกทีจนถึงพูดได้ว่ามีความนำสมัยขึ้นอย่างชัดเจน โดยการปรับโฉมโมเดลนี้ของ Yamaha YZF-R6 ทาง Yamaha ได้ย้ำในเรื่องของ Aerodynamic อย่างเต็มเปี่ยมเพื่อการแหกของตัวรถยนต์ทำออกมาได้ดิบได้ดีที่สุด และก็ตามด้วยการอัพเกรดเครื่องจักรกลด้วยการต่อว่าดตั้งระบบ YCC-I หรือ Yamaha Chip Controlled Intake พร้อมด้วยปรับจูนด้านในเพิ่มเติมทำให้มีรอบเครื่องยนต์กลไกที่สูงถึง 17,500 รอบต่อนาที รวมทั้งสามารถรีดกำลังวังชาแรงม้าได้สูงสุดถึง 129 แรงม้า อย่างยิ่งจริงๆ...เพียงพอมาถึงตอนปี 2010 Yamaha YZF-R6 ได้มีการปรับน้อยที่เรียกว่าเป็นไมเนอร์ศาสนาเชนจ์ก็ว่าได้ ด้วยการเปลี่ยนแปลงโทนสีเพื่อเพิ่มความสปอร์ตมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงการตัดทอนพลังลงให้เหลือแค่ 124 แรงม้า และก็วางแบบท่อไอเสียใหม่ให้ยาวมากขึ้นทำให้ตัวรถยนต์มีแรงบิดที่มากขึ้นกว่าเดิม เพราะฉะนั้นทาง Yamaha อยากให้ YZF-R6 เป็นซูเปอร์สปอร์ตซึ่งสามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้ในระดับนึง เพราะว่าในโมเดลนี้ YZF-R6 นับว่าเป็นโมเดลยอดนิยมอย่างมากมายแล้วก็เป็นโมเดลที่อยู่นานที่สุด การีนตีถึงประสิทธิภาพจริงๆนะครับ

ในปี 2017 หนึ่งในกระแสรถยนต์ใหม่ที่สามารถเรียกได้เลยว่าฮอตสุดๆอีกหนึ่งรุ่นน่าจะจำต้องชูให้ Yamaha YZF-R6 โมเดลใหม่ปัจจุบันกันอย่างยิ่งจริงๆ กับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบใหม่หมดสะกดรอยพี่ใหญ่อย่าง Yamaha YZF-R1 กล่าวได้ว่าโมเดล 2017 ที่เป็นโมเดลศาสนาเชนจ์คราวนี้ได้จัดเต็มความสามารถมาอย่างยิ่งจริงๆอีกทั้งในด้านเครื่องยนต์กลไกที่ใช้สิ่งของพิเศษเพื่อความคงทนในรอบสูง แล้วก็ระบบช่วยเหลือสำหรับการขับรถต่างๆตัวอย่างเช่น โหมดสำหรับในการขับรถที่มีถึง 3 โหมดหมายถึงA , STD แล้วก็ B และก็ตามด้วย Traction Control รวมถึง Quick Shifter ที่รถยนต์ซูเปอร์สปอร์ตจะต้องมีไว้ ก็เลยกล้าเรียกได้เต็มปากว่า Yamaha YZF-R6 เป็นซูเปอร์สปอร์ตยอดนิยมของศักราชนี้เลยครับผม

มาจบท้ายกันที่พี่ใหญ่สุดในเครือญาติอย่าง Yamaha YZF-R1 โดยเกิดขึ้นโฉมแรกในปี 1998 เพื่อต่อร้อยกรองกับคู่ปรปักษ์ในสมัยนั้น พูดได้ว่าในตอนปี 1998 Yamaha YZF-R1 เป็นเลิศในรถยนต์สปอร์ตไบค์ที่มีขุมพลังถึง 1,000 ซีซี. เพียงแค่ไม่กี่รุ่นเลยก็ว่าได้ กับบล็อคเครื่องจักร Genesis ขนาด 998 ซีซี. 4 ลูกสูบ DOHC 5 วาล์วต่อลูกสูบ จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยคาบูเรเตอร์ Mikuni ให้พลังสูงสุด 148.8 แรงม้าที่ 10,000 รอบต่อนาที และก็หามน้ำหนักตัวรถยนต์อยู่ที่ 192 กก. ซึ่งจัดว่าน้ำหนักราวๆนี้กำลังพอดีสำหรับสปอร์ตไบค์ไซส์บิ๊ก โดยเป็นผลมาจากความสะดุดตาของเฟรม Aluminium DeltaBox อันโด่งดังของ Yamaha ถัดมาในตอนปี 2000-2003 YZF-R1 ได้มีการปรับโฉมน้อยในส่วนของภาพลักษณ์และก็ทรงให้ดียิ่งขึ้นในเรื่องของ Aerodynamic พร้อมด้วยปรับตำแหน่งท่านั่งใหม่ให้คนขับขี่กระชับกับตัวรถยนต์...รวมถึงการอัพเกรดขุมพลังให้แรงขึ้น ทนขึ้นและก็ทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นต่างๆของเฟรมให้มีความแข็งแรง กระจัดกระจายน้ำหนักได้ดียิ่งไปกว่าเดิม

มาถึงปี 2004-2006 Yamaha YZF-R1 ได้มีการเปลี่ยนแปลงโฉมครั้งใหญ่แบบที่เรียกได้เลยว่าหล่อดึงจิตใจเลยก็ว่าได้ กับเอกลักษณ์ที่ทำให้ไบค์เกอร์หลายท่านจำเป็นการออกแบบตำแหน่งท่อไอเสียคู่ที่จัดตั้งไว้ใต้ซุ้มล้อ กับหน้าตาใหม่ทรงใหม่ที่ให้ความสปอร์ตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเป็นกอง รวมถึงการเริ่มใช้สวิงอาร์มวางแบบสลับด้านสุดโก้เก๋ และก็ตามด้วยอัพเกรดขุมพลังเป็นระบบหัวฉีดรวมทั้งเพิ่มช่องแรมเครื่องปรับอากาศเข้าไป ทำให้สมรรถนะของเครื่องยนต์กลไกจัดจ้าขึ้น ไปจนกระทั่งระบบเบรกที่อัพเกรดให้เป็นแบบ Radial Mount ที่จะตอบสนองการเบรกได้อย่างแน่ใจ

ในปี 2007-2008 Yamaha YZF-R1 ได้มีการอัพเกรดอีกทีโดยเริ่มที่ภาพลักษณ์รวมทั้งทรง ที่มีการวางแบบข้างหน้าใหม่ให้มีความโฉบเฉี่ยวด้วยไฟหน้าสุดเฉียบคมอันเป็นเอกลักษณ์ที่คนจำนวนไม่น้อยจำ กับแรมเครื่องปรับอากาศที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และก็ตามด้วยการอัพเกรดเฟรมใหม่เป็น Aluminium Deltabox V ที่ทำให้ตัวรถยนต์มีการกระจัดกระจายน้ำหนักได้ดิบได้ดีมากยิ่งกว่าเดิม ขยับลงมาที่ข้างล่างกับการอัพเกรดระบบเบรกโดยใช้เป็นปั๊มเบรก Radial Mount ขนาด 6 ลูกสูบพร้อมกันกับดิสก์เบรกขนาด 310 มิลลิเมตร เพื่อล็อคคอความแรงจากการเปลี่ยนใช้เครื่องยนต์กลไกบล็อคใหม่ที่มีการเริ่มใช้เทคโนโลยีจากรถแข่ง MotoGP กับขนาดปริมาตรกระบอกสูบ 998 ซีซี. 4 ลูกสูบ DOHC 4 วาล์วต่อดูด พร้อมระบบหัวฉีด YCC-T และก็ YCC-I ให้พลังสูงสุด 180 แรงม้าที่ 12,500 รอบต่อนาที พร้อมสลิปเปอร์คลัทช์ที่จะทำให้การใช้คลัทช์นิ่มนวลขึ้น...จัดว่าเมื่อ 12 ปีที่ผ่านมา ถ้าเกิดผู้ใดกันได้ควบ Yamaha YZF-R1 ความหล่ออาจไม่ต้องชี้แจงกันอย่างยิ่งจริงๆนะครับ

ปี 2009 กล่าวได้ว่าเป็นการเปลี่ยนครั้งใหญ่ของ Yamaha YZF-R1 เลยก็ว่าได้ กับการเปลี่ยนรูปแบบใหม่หมดโดยในปี 2009-2011 YZF-R1 ได้ดิบได้ดีไซน์รูปโฉมโนมพรรณใหม่ให้มีความดุเดือดเยอะขึ้น จากเดิมที่ไฟหน้าเป็นไฟหน้า 4 ตาในโฉม 2007-2008 ได้เปลี่ยนแปลงเป็นไฟหน้าโปรเจคเตอร์คู่หน้าเพียวๆและก็ย้ายช่องแรมเครื่องปรับอากาศมาเอาไว้ในรอบๆไฟหน้าแถวข้างๆดวงไฟโปรเจคเตอร์ และก็ตามด้วยการออกแบบให้ตัวรถยนต์มีความกระทัดรัดเข้ามากขึ้นเพื่อทำให้การขับขี่กระปรี้กระเปร่ามากยิ่งกว่าเดิม และก็สิ่งที่ยังคงอยู่เป็นเอกลักษณ์ให้มองเห็นอย่างแจ้งชัดเป็นตำแหน่งท่อไอเสียคู่ที่จัดตั้งอยู่ใต้ซุ้มล้อแต่ว่ามีดีไซน์ใหม่เพื่อกับรูปร่างของตัวรถยนต์ที่กระชับมากยิ่งกว่าเดิม รวมทั้งสิ่งที่ซึ่งพูดได้ว่าเป็นจุดไคลแม็กซ์ของความเคลื่อนไหวในปี 2009 เลยก็ว่าได้ เป็นการเปลี่ยนใช้เครื่องจักรบล็อคใหม่รูปแบบใหม่โดยถ่ายทอดมาจากรถแข่ง MotoGP อย่าง Yamaha YZR-M1 ที่ใช้ระบบเพลาข้อเหวี่ยง CrossPlane จุดระเบิดแตกต่าง 270° จนถึงทำให้เสียงเครื่องจักรกลเป็นเอกลักษณ์ส่วนตัวจนถึงทำให้ไบค์เกอร์หลายคนในสมัยนั้นต่างก็เป็นที่ผิดหูกันเป็นว่าเล่นอย่างยิ่งจริงๆ และก็ให้กำลังสูงสุดที่ 182 แรงม้าที่ 12,500 รอบต่อนาที พร้อมโหมดการขับขี่ 3 โหมด ไม่ว่าจะเป็นโหมด A ที่ให้กำลังวังชาสูงสุด , โหมด STD ที่ให้พลังปานกลาง และก็โหมด B ที่ให้กำลังวังชาสมูธที่สุด สามารถเลือกใช้ตามสมควรของผู้ใช้งานครับผม พูดได้ว่าเริ่มไปสู่สมัยการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาจัดตั้งกับตัวรถยนต์เพื่อมีคุณภาพมากขึ้นแล้วนะครับ

ถัดมาในปี 2012-2014 Yamaha YZF-R1 ได้มีการเปลี่ยนแปลงอีกนิดหน่อยด้วยการเสริมความดุเดือดที่เค้าหน้าด้วยเพิ่มไฟ Day Time Running Light ที่รอบๆขอบไฟหน้า พร้อมด้วยตัดส่วนโค้งมนที่รอบๆคางใต้ไฟหน้าให้เป็นเหลี่ยมสัน เพื่อเค้าหน้ามีความทารุณรวมทั้งดุเดือดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และก็ตามด้วยการเพิ่มระบบ Traction Control หรือระบบกันล้อสไลด์ที่จะดำเนินการเมื่อเซนเซอร์ตรวจหาลักษณะการทำงานของล้อหน้ารวมทั้งล้อหลังหมุนไม่เกี่ยวข้องกัน เพื่อทำให้การขับขี่มั่นคงมากกว่าเดิม และก็ Yamaha YZF-R1 ปี 2009-2014 ที่มีรูปโฉมโนมพรรณเดียวกันพูดได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเจเนเรชั่นยอดนิยมเลยก็ว่าได้

และก็แล้วหลังจากนั้นก็มาถึงโฉมที่สามารถพูดได้ว่าเป็นการเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือของ Yamaha YZF-R1 ในปี 2015 พร้อมทั้งรุ่นพิเศษความสามารถสูงโดยมีรหัสต่อท้ายเป็น Yamaha YZF-R1M ที่ได้รับการเลียนแบบมาจากรถแข่ง MotoGP อย่าง Yamaha YZR-M1 โดยดีไซน์รูปลักษณ์ฉีกทั้งผองจากแบบอย่างเดิมที่มีหน้ายิ้มและก็ท่อไอเสียใต้ซุ้มล้อ ให้เปลี่ยนเป็นรถยนต์ซูเปอร์ไบค์สุดล้ำสมัยที่มีรูปร่างบึกบึนใหญ่โต พร้อมการตำหนิดตั้งเทคโนโลยีมาตรฐานมากมายก่ายกองที่จะเข้ามาช่วยสำหรับในการขับรถทั้งยังในถนนหนทางแล้วก็สนามสำหรับเพื่อการแข่งขันไม่ว่าจะเป็น Traction Control , Anti-Wheelie Control , Slide Control ที่จะปฏิบัติหน้าที่ควบคุมไม่ให้รถยนต์เสียอาการหรือล้อสไลด์ และก็ตามด้วยระบบ Launch Control หรือระบบช่วยเหลือสำหรับในการออกสตาร์ทและก็ ระบบ Quick Shifter ที่ผู้ขี่สามารถเข้าเกียร์โดยไม่ต้องกำคลัทช์หรือผ่อนคันเร่ง...เหนือชั้นขึ้นไปอีกด้วยระบบ IMU 6 แกนที่จะปฏิบัติหน้าที่ประเมินผลการเคลื่อนไหวต่างๆของตัวรถยนต์อย่างเที่ยงตรงซึ่งจะปฏิบัติภารกิจร่วมกับระบบ Traction Control และก็ ABS ถัดมาในตัวของ Yamaha YZF-R1M ที่เป็นตัวท็อปสุดจะมีความพิเศษที่ชี้แจงได้อย่างไม่ยากเย็นเลยเป็นแฟริ่งส่วนใหญ่จะเป็นอุปกรณ์คาร์บอนเส้นใยที่จะส่งผลในเรื่องของน้ำหนักที่เบาลง พร้อมด้วยโช้คอัพหน้า-ข้างหลัง Ohlins กระแสไฟฟ้าซึ่งสามารถปรับเซ็ตได้ตามเหตุการณ์การใช้แรงงานโดยระบบทั้งสิ้นจะแสดงผลลัพธ์ผ่านทางจอรูปแบบใหม่ที่เป็นหน้าจอสีแสดงผลอย่างงดงามและก็ล้ำสมัยหรือที่เรียกกันว่าหน้าจอ TFT

และก็ตามด้วยเครื่องจักรบล็อคใหม่ขุมพลัง CrossPlane CP4 พร้อมใช้อุปกรณ์พิเศษข้างในเครื่องจักรไม่ว่าจะเป็น ลูกสูบแบบ Forged Aluminum , เพลาข้อเหวี่ยงแบบ Titanium และก็วาล์ว โดยขนาดปริมาตรกระบอกสูบอยู่ที่ 998 ซีซี. DOHC 4 วาล์วต่อดูดที่ใช้สิ่งของ Titanium เหมือนกัน รวมทั้งจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีด YCC-T แล้วก็ YCC-I ให้กำลังวังชาแรงม้าสูงสุด 200 แรงม้าที่ 13,000 รอบต่อนาที รวมทั้งมีแรงบิดสูงสุด 112.4 นิวตันเมตรที่ 11,500 รอบต่อนาที พร้อมกันเทคโนโลยีเยอะมากที่ตอบปัญหาให้กับคนที่รักความเร็วแล้วก็ความทันสมัย กระทั่งทำให้ Yamaha YZF-R1 โฉมปี 2015 ขึ้นไป เปลี่ยนเป็นซูเปอร์ไบค์ที่ใครๆก็ต่างเผลอไผลของยุคนี้อย่างยิ่งจริงๆ

ปัจจุบันเมื่อกลางปี 2019 ก่อนหน้านี้ Yamaha ได้กระทำการเผยโฉม Yamaha YZF-R1 แล้วก็ YZF-R1M ปี 2020 โดยยังคงใช้ฐานรากเดิมจากโฉม 2015-2018 จะพูดได้ว่าเป็นตอนต่อเนื่องกันของการอัพเกรด Yamaha YZF-R1 โฉมที่คนประเทศไทยต่างให้ชื่อเล่นว่า ปลากระเบน โดยในโฉมปี 2020 นั้น มีการอัพเกรดขุมพลังและก็ระบบเทคโนโลยีแทบจะทั้งหมด กระทั่งใครกันแน่ที่ได้สัมผัสต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าราวกับหนังคนละม้วนจากโมเดลที่แล้วอย่างยิ่งจริงๆ พร้อมทั้งรูปลักษณ์ใหม่ที่ปรับโฉมให้ถูกตามหลักอากาศพลศาสตร์หรือ Aerodynamic ที่ดียิ่งขึ้นถึง 5.3% แล้วก็ใบหน้าถูกปรับโฉมให้มีความโฉบเฉี่ยวเหมือนน้องชายคันรองอย่าง Yamaha YZF-R6 ที่เพิ่มอารมณ์ความสปอร์ตขึ้นได้อีก ตามมาด้วยในส่วนของตัวท็อปอย่าง Yamaha YZF-R1M ที่มีการเปลี่ยนแปลงใช้แฟริ่งโดยให้เป็นสิ่งของคาร์บอนเส้นใยมากยิ่งกว่าโมเดลที่แล้ว ทำให้ส่งผลในเรื่องของน้ำหนักตัวรถยนต์ที่ค่อยมากกว่าเดิม

ส่วนของขุมพลังรวมทั้งเทคโนโลยีนั้นยังเป็นบล็อคเดียวกันกับโมเดล 2015-2019 แม้กระนั้นได้มีการอัพเกรดด้านในให้มีคุณภาพมากขึ้นในบล็อค Crossplane CP4 ขนาด 998 ซีซี. DOHC 4 วาล์วต่อดูด ได้มีการแปลงหัวจากจาก Bosch จากเดิม 12 รู เป็น 10 รู รวมถึงการเปลี่ยนแปลงระบบกลไกด้านในเครื่องยนต์กลไก เพื่อหมนูดำเนินงานในรอบสูงได้อย่างเต็มคุณภาพเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งแปลงมาใช้ระบบคันเร่งกระแสไฟฟ้า Ride By Wire ที่จะไปปฏิบัติหน้าที่พร้อมกันกับเทคโนโลยีที่ได้รับการอัพเกรดเข้ามาใหม่ไม่ว่าจะเป็นระบบ Engine Braking Control ซึ่งสามารถปรับ-ลดความหน่วงของ Engine Brake ได้ถึง 3 ระดับ และก็ตามด้วยระบบ Brake Control ที่จะเข้ามาปฏิบัติภารกิจควบคุมเบรกขณะเข้าโค้งซึ่งสามารถปรับการโต้ตอบได้ถึง 2 ระดับ โดยจะประเมินผลผ่านระบบ IMU 6 แกนอย่างเที่ยงตรงซึ่งพูดได้ว่าระบบนี้ถูกใจสายสนามกันอย่างยิ่งจริงๆ รวมทั้งระบบที่ถูกใจอีกหนึ่งตัวเป็น Quick Shifter แบบ Up-Down ซึ่งสามารถเข้าเกียร์รวมทั้งถอนเกียร์โดยที่ไม่ต้องกำคลัทช์ ทำให้การเปลี่ยนเกียร์สั่งได้เช่นดวงใจ แล้วก็ระบบทั้งสิ้นจะแสดงผลลัพธ์ผ่านทางจอ TFT สุดล้ำ โดยราคา Yamaha YZF-R1 2020 อยู่ที่ 849,000 บาท รวมทั้ง Yamaha YZF-R1M 2020 อยู่ที่ 1,149,000 บาท

แล้วก็นี่ก็คือเรื่องราวของเชื้อสายรถยนต์สปอร์ตไบค์ที่ไบค์เกอร์ทั่วทั้งโลกไม่มีผู้ใดไม่รู้...ด้วยการพัฒนามากมายว่า 2 ทศวรรษตั้งแต่รุ่นใหญ่จนกระทั่งรุ่นเล็ก และก็สามารถเป็นที่ชนะใจให้กับไบค์เกอร์ผู้คลั่งไคล้ในสปอร์ตไบค์แล้วก็อยากได้ที่จะครองรถเครื่องที่ครบองค์ไว้โลดแล่นอีกทั้งบนถนนหนทางแล้วก็ในสนามให้สดชื่น จะต้องขอบอกว่า Yamaha R Series เป็นคำตอบให้กับคุณได้แล้วขอรับ ในคราวหลัง BoxzaRacing จะนำความเข้าใจเรื่องรถยนต์เรื่องไหนมาฝากแฟนคลับกันอีก...สามารถติดตามดูกันเลยได้เลยขอรับที่ www.BoxzaRacing.com สำหรับวันนี้จะต้องขออำลากันไปก่อน สวัสดีขอรับ

สามารถติดตามข่าวการอัพเดทของ Yamaha ถึงที่กะไว้เว็บ www.yamaha-motor.co.th แล้วก็ Facebook Fanpage : Yamaha Society Thailand