รู้ก่อนจะสายไป!!! อาการไอของคุณที่ไม่หายสักที อาจจะไม่ใช่แค่อาการไอธรรมดาแต่อาจจะเป็นอาการ
ไอเรื้อรัง สิ่งที่อาจจะอันตรายกว่าที่คาดคุณคิด ยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของโควิด ทำให้การไอยิ่งทวีความรุนแรงเข้าไปใหญ่ Sistalk เลยจะพาคุณมารู้จักเจ้าโรคนี้กันเลย ถ้าไม่อยากพลาดมาดูกันดีกว่าว่าไอเรื้อรังมีอาการอย่างไรบ้าง!!!
ไอเรื้อรัง เป็นแบบไหนกันนะ ?
อาการไอเป็นอาการที่ร่างกายของเราจะตอบสนองต่อสิ่งแปลกปลอมที่เข้าไปในระบบทางเดินหายใจ โดยจะทำให้เกิดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อที่ท้อง และ การเปิดของกล่องเสียง การไอแบบเรื้อรังจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการไอ
- การไอแบบเฉียบพลัน - เป็นการไอที่ใช้ระยะเวลาน้อยกว่า 3 สัปดาห์
- การไอกึ่งเฉียบพลัน - เป็นการไอที่ใช้ระยะเวลาระหว่าง 3 - 8 สัปดาห์
- การไอแบบเรื้อรัง - เป็นการไอที่ใช้ระยะเวลามากกว่า 8 สัปดาห์
ในผู้ใหญ่ถ้าเกิดว่ามีการไอติดต่อกันนานเกินกว่า 8 อาทิตย์ หรือ 2 เดือน ส่วนถ้ามีการไอติดต่อกันนานเกินกว่า 4 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน จะถือว่าเป็นการไอแบบเรื้อรัง
สาเหตุของการไอเรื้อรัง ?
สาเหตุของการไอเรื้อรังสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย ส่วนใหญ่จะเกิดจากการเป็นไข้หวัด หรือ ภูมิแพ้ ไซนัส กรดไหลย้อน ถึง 85% เลยทีเดียว แต่ก็มีเหตุผลอื่นๆ ด้วยไม่ว่าจะเป็น
- การใช้เสียงมากๆ เป็นประจำ
- สิ่งที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
ไอบ่อยๆ เกิดผลเสียอย่างไรบ้าง ?
- ทำให้ปอดแตก หรือ มีลมเข้าสู่ช่องเยื่อบุหุ้มปอดได้
- นอกจากนั้นยังเกิดผลกับสมอง ทำให้หมดสติได้
- เจ็บบริเวณทรวงอก อาจทำให้เจ็บกล้ามเนื้อ หรือ เกิดการฉีกขาดของกล้ามเนื้อ
- รวมทั้งปัญหาแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น เสียงแหบ ปวดหลัง ไส้เลื่อน ได้
นอกจากผลเสียเหล่านี้แล้วการไอเรื้อรังหากไม่รีบรักษาอาจก่อให้เกิดอันตรายแบบที่ไม่คาดคิดได้ เช่น
- วัณโรคปอด ได้ในช่วงแรกอาจจะยังไม่มีอาการแต่เมื่ออาการไอเรื้อรังขึ้นมา ร่วมกับการเบื่ออาหาร น้ำหนักลด ไอเป็นเลือด
- มะเร็งปอด อาจทำให้เกิดเป็นอาการไอเรื้อรัง จนถึงไอเป็นเลือดได้ มักจะมีอาการเจ็บแน่นที่หน้าอก อ่อนเพลีย น้ำหนักลด
- ถุงลมโป่งพอง มักจะเกิดกับคนที่สูบบุหรี่เป็นประจำ มักจะมีอาการไอเรื้อรังร่วมกับการหายใจเหนื่อยหอบ หายใจมีเสียงดัง
ต้องดูแลตัวเองอย่างไรหากเป็น ไอเรื้อรัง ?
ก่อนที่เราจะไปดูแลตัวเองจากการไอเรื้อรัง เราจะต้องทำการสำรวจตัวเองก่อนว่าสาเหตุที่ทำให้เราไอเรื้อรังนั้นมาจากสาเหตุไหนกันแน่ โดยให้เราพยายามดูแลรักษาตามสาเหตุเบื้องต้นก่อน แล้วลองดูว่าดูขึ้นหรือไม่
หมั่นทำความสะอาด และ หลีกเลี่ยงสิ่งที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
หมั่นทำความสะอาดของที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น ฝุ่นละออง ทำความสะอาดสิ่งของที่ใกล้ชิดสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงสิ่งที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง รวมถึงการใส่สิ่งของป้องกันเมื่อต้องสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้ เช่น ใส่หน้ากากที่ป้องกันได้ มีการเปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศ เป็นต้น
พยายามไม่เอาเครื่องปรับอากาศ หรือ พัดลมจ่อตัวโดยตรง
เนื่องจากอากาศที่เย็นจะไปกระตุ้นให้เกิดการหดตัวของหลอดลม เมื่อเราอยู่ในห้องที่เครื่องปรับอากาศทำงานตลอดก็อาจทำให้อากาศภายในแห้งได้ โดยเฉพาะพัดลม หากเอามาจ่อตัวอาจทำให้ความชื้นในปอดได้ เป็นผลทำให้ยิ่งไอ หากใครที่รู้สึกว่าอากาศภายในห้องแห้งเกินไปก็ให้หาเครื่องทำความชื้นมาช่วยในการปรับสมดุลอากาศให้พอดีต่อการอยู่อาศัย
ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ทานของที่ช่วยรักษาการไอ
- ดื่มน้ำอุ่นๆ ก่อนนอน และ ดื่มน้ำให้ได้สม่ำเสมอ
- กลั้วคอด้วยน้ำเกลือก่อนนอน
- ใช้หมอนหนุนเสริมเพื่อช่วยทำให้การนอนดีขึ้น
- กินยาสมุนไพรที่ช่วยลดอาการไอ เช่น พวกมะขามป้อม น้ำขิง น้ำมะนาว
- ใช้ยาในการลดการไอ ในกรณีที่ไอบ่อยๆ ให้หายามาทานอาจจะเป็นพวกยาอม ยาน้ำ ยาเม็ดก็ได้ ใครที่ไอร่วมกับการมีเสมหะให้ทานยาที่ช่วยในการขับเสมหะร่วมด้วย
หากมีอาการไอหนักๆ หรือ ทานยาเกินกว่า 1 อาทิตย์ก็ยังไม่ดีขึ้น ให้ไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม เพื่อที่จะได้รักษาได้อย่างถูกต้อง เช่น
ไอมีเสมหะปนเลือด
- เบื่ออาหาร น้ำหนักลดบ่อยๆ เหนื่อยง่ายแม้จะอยู่เฉยๆ
- เคยป่วยเป็นโรคปอดอักเสบบ่อยๆ หรือ วัณโรค รวมถึงมีโรคประจำตัวอื่นๆ ร่วมด้วย
อย่าปล่อยให้อาการไอเรื้อรังมาทำให้สุขภาพของคุณแย่ ยิ่งในสถานการณ์โควิดในปัจจุบันด้วยแล้ว ควรจะยิ่งดูแลตัวเองให้ดี คุณสามารถดูแลสุขภาพของคุณดีขึ้นได้ เพียงแค่ปฏิบัติตัวง่ายๆ ตามที่เราแนะนำ!!!
Sistalk เว็บไซต์สำหรับสาวๆ ที่รักสุขภาพ
เรื่องของสาวๆ ก็ต้องให้สาวๆ คุยกันสิคะ หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่มีปัญหา มีข้อสงสัยไม่ว่าจะเรื่องของ สุขภาพ , การดูแลรูปร่าง , เรื่องลับๆ ของสาวๆ นอกจากนั้นยังมีเรื่องของความรัก และ เทรนด์อื่นๆ ไม่อยากพลาด ต้องเข้ามาอ่าน มาติดตามบทความที่เรา Sistalk ได้รวบรวมมาให้ รับรองได้ว่าคุณจะได้ทั้งประโยชน์ สาระความรู้ และ อัปเดตเทรนด์ก่อนใคร เพราะเราเข้าใจผู้หญิงดี!!!
สามารถติดต่อสอบถามข้อมูล
Sistalk ตามช่องทางอื่นๆได้ที่
Facebook :
sistalk.in.thInstagram :
sistalk.in.thTwitter :
@SistalkTH