ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


ใช้กีฬา สอนลูกให้สู้คน หนึ่งในสิ่งที่พ่อแม่ควรรู้ตั้งแต่วันนี้

ในสังคมยุคใหม่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการดูแลด้านพัฒนาการให้กับลูกไม่ได้มีเพียงพัฒนาการด้านวิชาการและพัฒนาการด้านอารมณ์เท่านั้น แต่พ่อแม่ยังควรพัฒนาทักษะการอยู่ร่วมกันในสังคมให้กับลูกอีกด้วย เพราะนอกจากอัตราการแข่งขันและระดับความเครียดที่สูงมากขึ้นในสังคมปัจจุบันลูกยังมีโอกาสพบเจอเหตุการณ์ที่ทำให้พวกเขารู้สึกท้อแท้สิ้นหวังไม่มีแรงจะดำเนินชีวิตต่อไปตามปกติได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นการสร้างภูมิต้านทานหรือปลูกฝังทักษะความใจสู้จึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นที่พวกเขาควรมีใช้ไปตลอดชีวิต




วิธีสอนลูก ให้มีทักษะความใจสู้
การ สอนลูกให้สู้คน สู้ชีวิตมีอยู่หลายวิธีด้วยกัน แต่ วิธีสอนลูก ให้เกิดทักษะ RQ ได้ง่ายและได้ผลลัพธ์เป็นรูปธรรมมากที่สุดคือการส่งเสริมให้ลูกเล่นกีฬาที่ตนเองรู้สึกสนใจ
หากพ่อแม่ใช้กีฬา สอนลูก ให้มุ่งไปสู่ความเป็นหนึ่ง มุ่งสู่ความเป็นเลิศ หรือคิดจะเก็บโปรไฟล์ให้กับลูกเพียงอย่างเดียวถือว่าน่าเสียดาย เพราะ การ สอนลูก  ให้เกิดความใจสู้และรู้จักความจริงของชีวิตโดยมีผลพลอยได้เป็นความสำเร็จคือสิ่งที่พ่อแม่ควรทำมากกว่า โดยกีฬาสอนให้ลูกมีทักษะใจสู้ดังนี้
กีฬาช่วย สอนลูก ให้รู้จักความพ่ายแพ้และความผิดหวัง
เมื่อเริ่มเล่นกีฬาแน่นอนว่าลูกจะได้สัมผัสกับความจริงว่ามีผู้เล่นคนอื่นเก่งกว่าตน อาจเพราะผู้เล่นเหล่านั้นเริ่มต้นฝึกฝนมาก่อนหรือฝึกฝนมาหนักกว่า พ่อแม่ควรชี้ให้เห็นในจุดนี้ว่าเป็นหลักการธรรมชาติของชีวิตมนุษย์ หากลูกต้องการ “เก่ง” ขึ้นต้อง “ฝึกฝน” ให้หนักมากขึ้น และเมื่อลงแข่งขันแล้ว “แพ้” พ่อแม่ควรชี้ให้ลูกมองเห็นความธรรมดาของความพ่ายแพ้ เมื่อลงแข่งขันแล้ว “ชนะ” ก็ควรชี้ให้เห็นว่าชัยชนะไม่ได้อยู่กับเราอย่างถาวร เพราะหากเราไม่พยายามฝึกฝนอย่างต่อเนื่องจะกลายเป็นฝ่ายแพ้ได้ในอนาคต และด้วยธรรมชาติของกีฬาที่มีแพ้มีชนะ มีการฝึกฝน มีฟอร์มตก และมีคืนฟอร์ม ลูกจะเข้าใจความเป็นจริงได้ด้วยประสบการณ์ของตนเอง หากเขาประสบกับความผิดหวังรุนแรงในอนาคตจะรู้ได้ด้วยตัวเองว่านี่ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของชีวิต เขายังมีโอกาสจะประสบความสำเร็จได้อีกในอนาคตหากมีความพยายามมากพอ
กีฬาช่วยสอนให้ลูกรู้จักการตั้งเป้าหมายและการวางแผนเพื่อไปถึงเป้าหมายนั้น
หากพ่อแม่กำลังมองหาวิธี การสอนลูก ที่จะช่วยให้พวกเขามีวิสัยทัศน์ การสอนให้พวกเขาตั้งเป้าหมายด้วยตนเองคือสิ่งที่ตอบโจทย์ เพราะเมื่อลูกรู้จักการตั้งเป้าหมายระยะสั้นอย่างง่าย ๆ เขาจะได้เรียนรู้หลักการวางแผนเพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายนั้น เช่น ลูกตั้งเป้าหมายจะโหนบาร์ให้ได้ 10 วินาทีเท่ากับเพื่อนคนหนึ่ง พ่อแม่ควรแนะการวางแผนว่าตอนนี้ลูกโหนได้นาน 4 วินาทีแล้วอีกไม่นานจะโหนได้นาน 10 วินาทีแน่นอน หากฝึกโหนบาร์ให้มากขึ้นกว่าเดิมจากที่ใช้เวลาเล่นโหนบาร์ 5 - 10 นาทีต่อวัน เพิ่มมาเป็น 15 - 20 นาทีต่อวันจะดีกว่าหรือไม่ เมื่อลูกพยายามทำตามแผนจนสามารถโหนบาร์นาน 10 วินาทีได้สำเร็จพ่อแม่ควรแสดงความชื่นชมเขาแล้วชักชวนให้ตั้งเป้าหมายอื่น ๆ ต่อไป วิธีนี้จะช่วยให้ลูกเรียนรู้ว่าการตั้งเป้าหมาย การวางแผน และการทำตามแผนการนั้นจะนำพามาซึ่งความสำเร็จในที่สุด

อย่างไรก็ตาม “น้ำใจนักกีฬา” ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่พ่อแม่ควรปลูกฝังให้กับลูก ๆ เพราะการ สอนลูกให้สู้คน ไม่ได้มีความหมายเพื่อสอนให้ลูกห้ำหั่นต่อสู้กับคนอื่น ๆ ด้วยความรุนแรง แต่หมายถึงการสอนให้ลูกรู้จักการดำเนินชีวิตร่วมกับคนอื่น ๆ ในสังคมได้อย่างเหมาะสม ซึ่ง “น้ำใจนักกีฬา” จะช่วยพัฒนาทักษะการสร้างและรักษาความสัมพันธ์กับผู้อื่น เป็นหนึ่งในทักษะที่จะช่วยสร้าง Resilience (RQ) ให้กับลูกได้เป็นอย่างดีอีกด้วย  สามารดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วิธีสอนลูก ได้ที่นี่ https://www.milo.co.th/blog/วิธีสอนลูกให้เข้มแข็งด้วย-resilience-ผ่านกีฬา