ทำความรู้จักโรคหนังศีรษะอักเสบ พร้อมวิธีรักษาหนังศีรษะอักเสบเบื้องต้นที่จะช่วยบรรเทา และทุเลาอาการซึ่งสามารถทำได้ด้วยตัวเอง
- หนังศีรษะอักเสบคืออะไร ?
- หนังศรีษะอักเสบเกิดจากอะไร ?
- หนังศีรษะอักเสบควรพบแพทย์หรือไม่ ?
- วิธีรักษาหนังศีรษะอักเสบทำอย่างไร ?
- ดูแลตัวเองเมื่อหนังศีรษะอักเสบอย่างไร ?
ปูพื้นฐาน
วิธีรักษาหนังศีรษะอักเสบ พร้อมวิธีดูแลตัวเอง แบบฉบับเข้าใจง่าย ครบ จบในบทความนี้
หนังศีรษะอักเสบ (Seborrheic Dermatitis)หนังศีรษะอักเสบ (SEBORRHEIC DERMATITIS) เป็นโรคเกี่ยวกับหนังศีรษะที่ทำให้เกิดอาการอักเสบบริเวณหนังศีรษะชั้นนอก ก่อให้เกิดอาการเป็นผื่นแดงในพื้นที่ที่อักเสบ หนังศีรษะลอกออกมาเป็นขุยสีขาว หรือเหลือง หนังศีรษะมัน และมีอาการคัน ในรายที่คันมาก ๆ อาจเการุนแรงจนทำให้เกิดแผลถลอกได้
ในบางรายอาการอักเสบอาจจะไม่เกิดขึ้นแค่ที่หนังศีรษะเพียงอย่างเดียวเท่านั้น อาจเกิดขึ้นที่บริเวณใบหน้า ใบหู คอ หน้าอก หรือหลังได้ด้วย ซึ่งในปัจจุบันมีวิธีรักษาหนังศีรษะอักเสบมากมายหลายวิธี
หนังศีรษะอักเสบ เกิดจากอะไรสาเหตุของการเกิดหนังศีรษะอักเสบมีมากมายหลายปัจจัย จนไม่อาจสรุปให้ชัดเจนได้ด้วยซ้ำ บางครั้งเป็นเรื่องของสภาพแวดล้อม สภาพอากาศ อุณหภูมิ ความชื้นในแต่ละวันที่เราต้องพบเจอ บางครั้งเป็นเรื่องของสารเคมีในร่างกาย ฮอร์โมน หรืออาหารการกิน แต่โดยส่วนใหญ่แล้วหนังศีรษะอักเสบมักเกิดในบริเวณที่หนังศีรษะมีอาการมันมาก ซึ่งจะเป็นข้อบ่งชี้สำคัญไปถึงวิธีรักษาหนังศีรษะอักเสบ
เมื่อหนังศีรษะเกิดอาการมัน ความมันนี้จะก่อให้เกิดสภาวะที่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตของเชื้อราที่ชื่อว่า มาลาสซีเซีย (Malassezia) เนื่องจากเชื้อรามาลาสซีเซียจะกินไขมัน / น้ำมันบนหนังศีรษะ จนปริมาณน้ำมันที่ผิวหนังเสียสมดุล ทำให้ร่างกายต้องตอบสนองโดยการปล่อยกรดโอเลอิก (Oleic acid) ออกมา และก่อให้เกิดการอักเสบ
ดังนั้นปัจจัยที่กระตุ้นให้ผิวหนังผลิตไขมันออกมาเพื่อพยายามรักษาความชุ่มชื้น เช่น อาหารการกิน วิตามิน ยิ่งเมื่อมารวมกับอากาศที่เย็น และแห้ง ก็ยิ่งเสริมกันให้ก่อโรคได้ง่ายมากขึ้น
ทั้งนี้การอักเสบมาก หรือน้อย จะขึ้นอยู่กับการตอบสนองของร่างกาย รวมไปถึงการทำงานของระบบภูมิคุ้มของร่างกายด้วย ในบางรายอาจเกิดโรคหนังศีรษะอักเสบอันเป็นผลต่อเนื่องจากโรคที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันโดยตรง เช่น โรคมะเร็ง, โรคเอดส์ (AIDS), โรคตับอ่อนอักเสบจากแอลกอฮอล์ (alcoholic pancreatitis) เป็นต้น ทำให้ความยาก / ง่ายในการเกิดของโรค และความรุนแรงของอาการหนังศีรษะอักเสบในแต่ละรายต่างกัน ซึ่งจะทำให้การวินิจฉัยวิธีรักษาหนังศีรษะอักเสบก็จะต่างกันออกไปด้วย
เมื่อไหร่ที่ควรพบแพทย์จริง ๆ แล้ว อาการหนังศีรษะอักเสบ ไม่ใช่โรคร้ายแรง หากไม่ได้เกิดการอักเสบร่วมกับการเป็นโรคอย่างอื่น วิธีรักษาหนังศีรษะอักเสบส่วนมาก สามารถทำได้โดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ลดปัจจัยก่อโรค และรักษาให้หายเองได้โดยไม่ต้องพบแพทย์
อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถรักษาให้หายด้วยตัวเอง และอาการของโรคก่อให้เกิดผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น เกิดการระคายเคืองจนไม่มีสมาธิกับการทำงาน รบกวนการนอน เกิดความวิตกกังวลจากการเสียบุคลิกภาพ หรืออับอาย เป็นต้น เหล่านี้เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า ถึงเวลาที่ควรไปพบแพทย์ เพื่อรับคำแนะนำสำหรับวิธีรักษาหนังศีรษะอักเสบจากแพทย์ต่อไป เพราะหนังศีรษะอักเสบ นอกจากจะสร้างความรำคาญ และทำให้เราเสียบุคลิกภาพแล้ว เราอาจเป็นโรคเรื้อรังโดยไม่รู้ตัว และอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ของโรคไม่พึงประสงค์อย่างอื่นได้
วิธีสังเกตอาการหนังศีรษะอักเสบ- หนังศีรษะมัน
- มีขุยหนังศีรษะลอกออกมาในบริเวณที่มีอาการอักเสบ มีลักษณะเป็นรังแคสีเหลือง
- มีอาการแดง ระคายเคือง และคัน
- เจ็บหรือแสบหนังศีรษะ โดยเฉพาะเมื่อเหงื่อออกหรือโดนแสงแดด
วิธีรักษาหนังศีรษะอักเสบดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่าวิธีรักษาหนังศีรษะอักเสบนั้นมีหลายวิธี ซึ่งบางวิธีก็สามารถทำได้ด้วยตัวเองที่บ้าน บางวิธีก็ต้องขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์
1.ใช้แชมพูที่มีส่วนช่วยลดการอักเสบของผิวหนังเป็นวิธีรักษาหนังศีรษะอักเสบวิธีแรกที่เราสามารถทำได้ด้วยตัวเอง เพราะสามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไป ควรเลือกใช้แชมพูที่มีคุณสมบัติดังนี้
- ลด / ควบคุมความมัน
- ลดปริมาณเชื้อรา
- ชะลอการผลัดเซลล์
ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้พบร่วมอยู่ในแชมพูขจัดรังแคเช่นกัน เพราะว่ารังแค และอาการหนังศีรษะอักเสบมีสาเหตุจากเชื้อรามาลาสซีเซียเหมือนกัน โดยอาจเริ่มต้นใช้จากแชมพูอย่างอ่อนก่อน ควรอ่านฉลากโดยละเอียดเพื่อรับทราบปริมาณตัวยา และจำนวนครั้งที่ควรใช้ต่อสัปดาห์ สังเกตอาการก่อน และหลังใช้ ถ้าอาการโดยรวมแย่ลงให้หยุดใช้ หรือหากใช้ติดต่อกันเกิน 12 สัปดาห์แล้วอาการยังไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์ เพื่อรับคำแนะนำ และวินิจฉัยวิธีรักษาหนังศีรษะอักเสบต่อไป เพราะเป็นไปได้ว่าอาการหนังศีรษะอักเสบที่เกิดขึ้น ไม่ได้เกิดจากเชื้อราดังกล่าว
2. การรักษาด้วยการใช้ยาสเตียรอยด์ในกรณีที่มีอาการอักเสบรุนแรง หรือภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ แพทย์อาจให้วิธีรักษาหนังศีรษะอักเสบด้วยยาสเตอรอยด์เฉพาะที่ ซึ่งมีทั้งแบบเม็ด และแบบทา เพื่อรักษาอาการอักเสบโดยการกดภูมิคุ้มกันไม่ให้ตอบสนองต่อเชื้อราด้วยการอักเสบ
อย่างไรก็ตามในกรณีทีใช้ยาสเตอรอยด์จะต้องอยู่ภายใต้การวินิจฉัยของแพทย์
3. ยาต้านเชื้อรามักจะใช้เฉพาะในรายที่มีอาการอักเสบรุนแรง เป็นวิธีรักษาหนังศีรษะอักเสบที่จะต้องอยู่ภายใต้การวินิจฉัยของแพทย์เท่านั้น เนื่องจากยาต้านเชื้อรามีผลข้างเคียงค่อนข้างมาก ยาต้านเชื้อราที่นิยมใช้กันคือ Terbinafine มีทั้งแบบเม็ด และแบบบทา
4. การบำบัดด้วยการใช้แสงเป็นการรักษาโดยใช้แสงอัลตร้าไวโอเลต เอ (Ultraviolet A : UVA) เป็นตัวกระตุ้น ร่วมกับยาซอราเลน (Psoralen) ใช้ในรายที่มีอาการดื้อยาตัวอื่น ๆ
ผู้รับการบำบัดด้วยแสงจะต้องรักษาต่อเนื่อง อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เป็นเวลา 3 – 4 เดือน
การบำบัดหนังศีรษะอักเสบด้วยการใช้แสงเป็นอีกหนึ่งวิธีรักษาหนังศีรษะอักเสบที่จะต้องอยู่ภายใต้การวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
วิธีดูแลตัวเองเมื่อหนังศีรษะอักเสบดังที่กล่าวมาแล้วว่า สาเหตุของการเกิดหนังศีรษะอักเสบที่แท้จริงมีมากมายหลายปัจจัย ซึ่งจะนำไปสู่สภาวะที่ทำให้หนังศีรษะของเราเกิดความมัน และจากความมันนี้เอง ก็จะตามมาด้วยเชื้อรามาลาสซีเซีย ซึ่งก่อให้เกิดอาการหนังศีรษะอักเสบต่อไป
วิธีรักษาหนังศีรษะอักเสบในเบื้องต้น สามารถทำได้โดยการขจัดความมันส่วนเกินออกไปจากหนังศีรษะ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอาการหนังศีรษะอักเสบ บางครั้งเราอาจจะได้วิธีรักษาหนังศีรษะอักเสบที่ถูกต้องจนหายเป็นปกติแล้ว แต่ก็อาจจะเผลอตัว เผลอใจไปบ้าง จนทำให้กลับมาเป็นโรคหนังศีรษะอักเสบอีกครั้งได้
เราสามารถบรรเทา หรือทุเลาอาการได้ด้วยตัวเองโดยการหมั่นดูแลรักษาความสะอาดของหนังศีรษะ ใช้แชมพูสูตรขจัดรังแค หรือสูตรอ่อนโยน โดยไม่สระผมด้วยน้ำที่ร้อน หรือเย็นเกินไป
หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีกับเส้นผม และหนังศีรษะ เช่น ย้อมสีผม ยืดผม หรือผลิตภัณฑ์ประทินผิวที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
นอกจากนี้การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด ทำกิจกรรมผ่อนคลาย รวมทั้งการลดหรือ (จะให้ดี) เลิกสูบบุหรี่ และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็มีส่วนช่วยในการบรรเทา และทุเลาอาการลงได้
ข้อสรุป ‘วิธีรักษาหนังศีรษะอักเสบ’ย้ำก่อนว่าโรคหนังศีรษะอักเสบไม่ใช่โรคร้ายแรง เพียงแต่ว่าอาการของโรคจะสร้างความรำคาญให้เรา และทำให้เราเสียบุคลิกภาพ จนอาจมีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเรา ซึ่งหากเราดูแลตัวเองดีพอโรคนี้ก็จะหายไปเองได้
อย่างไรก็ตามโรคนี้ก็อาจกลับมาเยือนเราอีกได้ หากปัจจัยประกอบต่าง ๆ เอื้ออำนวย เมื่อเราทราบธรรมชาติของโรคแบบนี้แล้ว การหมั่นดูแลเอาใจใส่ ให้เวลากับตัวเองมากขึ้นก็ไม่ยากเกินไป
ในเบื้องต้นเราสามารถมีวิธีรักษาหนังศีรษะอักเสบด้วยตัวเองได้ ทั้งเพื่อป้องกัน บรรเทา และทุเลาอาการของโรคนี้ลงไป ทั้งยังมีการวินิจฉัยวิธีรักษาหนังศีรษะอักเสบทางการแพทย์รอรองรับอยู่ หากเราอาการของโรคอยู่นอกเหนือจากที่เราพอจะสามารถทำได้ด้วยตัวเอง