ทานอะไรได้บ้างเมื่อลูกท้องเสีย วิธีดูแลที่ถูกต้อง

[nemophilanie]

   เมื่อคุณแม่สังเกตได้ว่าทารกมีอาการถ่ายเหลวอย่างผิดปกติ อุจจาระมีมูกเลือกปนอยู่ แถมยังดูไม่ร่าเริง เซื่องซึม อ่อนเพลีย  แสดงให้เห็นว่าลูกท้องเสียอย่างแน่นอน นอกจากการพาลูกไปพบแพทย์เพื่อรักษาแล้ว การดูแลอาหารการกินระหว่างท้องเสียก็ควรใส่ใจเช่นกัน รายการต่อไปนี้คือวิธีการดูแลและสิ่งที่คุณแม่สามารถให้ลูกดื่มหรือทานระหว่างท้องเสียได้ เพื่อช่วยให้ระบบการทำงานในลำไส้ฟื้นฟูกลับมาแข็งแรงได้เหมือนเดิม
1. น้ำนมแม่หรือนมผง
   หากลูกท้องเสียในขณะที่ยังเป็นเด็กดื่มได้แค่นม คุณแม่ก็สามารถให้ลูกดื่มนมแม่ต่อได้ เพราะในน้ำนมของแม่มีจุลินทรีย์แอลพีอาร์ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อลูก ช่วยให้ระบบทางเดินอาหารและระบบขับถ่ายของลูกกลับมาฟื้นฟูแข็งแรงขึ้น และสำหรับคุณแม่ที่ไม่สามารถให้นมลูกได้ก็ให้ลูกดื่มนมผงได้เช่นกัน แต่ไม่ควรชงนมผงให้จางกว่าปกติ ถ้าเป็นนมผงสูตรดัดแปลงให้หลีกเลี่ยงสูตรที่มีใยอาหารสูงเพื่อเลี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่ออาการป่วยไว้ก่อน
2. น้ำแร่โออาร์เอส
   น้ำแร่โออาร์เอสเป็นน้ำแร่สำหรับทารกที่มีอาการท้องเสียโดยเฉพาะ เมื่อลูกท้องเสียจึงใช้น้ำแร่ชนิดนี้ทดแทนการสูญเสียน้ำและเกลือแร่ในร่างกายได้ ให้ลูกกลับมามีแรง ไม่เซื่องซึม โดยให้เขาจิบน้ำผสมเกลือแร่โออาร์เอสหลังการขับถ่ายอย่างสม่ำเสมอ แต่ถ้าหากลูกไม่ยอมดื่มน้ำเกลือแร่หรือทานอะไรเลย ให้พาเขาไปพบคุณหมอเพื่อปรึกษาวิธีการรักษา
3. ข้าวบด
   หากเด็กในวัยที่เริ่มทานอาหารได้บ้างแล้วท้องเสีย ให้เขาเน้นทานอาหารที่ย่อยง่าย ข้าวบดหรือโจ๊กรสอ่อน ๆ จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการดูแลลูกท้องเสีย เหมือนผู้ใหญ่ที่มีอาการท้องเสียแล้วต้องทานอาหารย่อยง่ายเช่นกัน เพียงแต่อย่าเสิร์ฟคู่กับน้ำผลไม้หรือน้ำหวาน เพราะอาจไปกระตุ้นอาการท้องเสียทำให้อาการของลูกแย่ลง รวมถึงหลีกเลี่ยงผักและผลไม้ไปก่อนเพราะมีใยอาหารสูง ซึ่งไปกระตุ้นการขับถ่าย
4. เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน
   โปรตีนเป็นสารอาหารที่จำเป็นเมื่อป่วย เมนูข้าวบดที่เสริมด้วยเนื้อสัตว์บดละเอียดก็จะช่วยเสริมสารอาหารให้กับร่างกายของลูกได้ เช่น ไก่บด หมูบด เนื้อปลาที่เนื้อสัมผัสทานง่าย เป็นต้น จะให้ดีควรเป็นเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน เพราะไขมันเป็นสารอาหารที่ย่อยยาก แม้แต่ผู้ใหญ่ที่มีอาการท้องเสียก็ไม่ควรทานเช่นกัน ดังนั้น เมื่อลูกท้องเสียให้เน้นการเสริมโปรตีนด้วยเนื้อสัตว์ที่ทานง่ายและไม่ติดมันจะดีกว่า
   ทั้งนี้ คุณแม่ควรปรึกษาแพทย์ร่วมด้วยทุกครั้งเมื่อลูกท้องเสียและอยู่ในวัยที่ทานอาหารได้แล้ว ว่าควรทานอะไรบ้าง หรือไม่ควรทำอะไรบ้าง เพื่อให้ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องเหมาะสมกับลูกของเราเอง ไม่ทำให้ลูกป่วยหนักขึ้น ขณะป้อนอาหารควรป้อนในปริมาณน้อยกว่าปกติแต่ป้อนบ่อยครั้ง ก็จะช่วยให้เขาทานอาหารได้ง่ายขึ้น สิ่งสำคัญคือการดูแลสุขอนามัยทั้งอาหารและข้าวของเครื่องใช้รอบตัว ซึ่งจะเป็นการป้องกันไม่ให้ลูกท้องเสียได้ตั้งแต่ต้นทาง