ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


แมลงติดหน้ารถ รถโดนแมวข่วน สารพัดสัตว์กวนใจทำร้ายรถ

ในบางครั้งที่จำเป็นจะต้องนำรถยนต์ไปจอดทิ้งไว้กลางแจ้งหรือที่สาธารณะ แต่เมื่อกลับมาก็อาจทำให้เจ้าของรถยนต์ต้องปวดหัวกับริ้วรอยต่างๆ บนตัวรถ หรือแม้แต่ความเสียหายต่างๆ ของรถยนต์ที่อาจเกิดขึ้นได้จากสัตว์ขาจรที่แวะเวียนมาสร้างรอยไว้บนรถโดยไม่ได้ตั้งใจ ทั้งแมลงติดหน้ารถ หรือรอยแมวข่วน (การป้องกันดูแลสีรถยนต์ คลิก https://www.smk.co.th/newsdetail/208) แล้วจะมีสัตว์ชนิดอื่นๆ ที่สามารถทำร้ายรถได้อีกหรือไม่ จะมีวิธีป้องกันหรือแก้ไขริ้วรอยต่างๆ ได้อย่างไร 

1. สุนัข
ถือเป็นสัตว์ที่อยู่ใกล้ตัวมนุษย์และเป็นต้นเหตุอันอันต้นๆ ที่สร้างความเสียหายให้กับรถยนต์ ด้วยการ “ฉี่ตามล้อรถ” สาเหตุก็เพื่อประกาศอาณาเขตระหว่างเพื่อนสุนัขด้วยกัน โดยฉี่ของสุนัขนี้มีคุณสมบัติเป็นกรด ซึ่งเมื่อเจอกับสารที่เคลือบล้อรถจะกัดกร่อนทำให้มีรอยด่างได้ โดยเฉพาะกับล้อขัดเงาหรือเคลือบสีทั้งแบบเต็มวงหรือเฉพาะขอบล้อ ซึ่งไม่ได้เกิดจากฉี่แค่ครั้งเดียว แต่ต้องใช้เวลา

วิธีป้องกันมีอยู่หลายรูปแบบ เช่น หาที่บังล้อ ไม่ว่าจะเป็นแผ่นไม้ หรือขวดน้ำ, หาสเปรย์กันสุนัขฉีด หรือถ้าพบเห็นให้รีบล้างออกทันที

2. แมว
ปัญหาที่แมวสร้างความเสียให้กับรถได้บ่อยๆ คือการฝนเล็บบนสีรถ หรือกระโดดเหยียบย่ำไปมาบนหลังคา ฝากระโปรง สิ่งที่ตามมาคือริ้วรอยบนพื้นผิวรถ

วิธีป้องกันตามภูมิปัญญาชาวบ้าน คือนำมะกรูดมาผ่าซีกหรือจะปอกเปลือกใส่ตะกร้าหรือภาชนะเล็กๆ วางไว้บนหลังคารถหรือจุดที่แมวชอบขึ้นไปนอน
 
3. นก
ผลกระทบที่ผู้ใช้รถต้องเจอจากนกคือ ‘ขี้นก’ ซึ่งหลีกเลี่ยงค่อนข้างยาก ขี้นกมีฤทธิ์เป็นกรดถ้าปล่อยทิ้งไว้นานๆ ไม่ขจัดออกแต่เนิ่น จะกัดผิวหรือสีรถให้เป็นจุดด่างๆ

วิธีป้องกันเบื้องต้นคือการ ‘เคลือบแก้ว’ ซึ่งสามารถชะลอการเกิดความเสียหายได้ และควรรีบใช้น้ำสะอาดราดหรือฉีดล้างออก เนื่องจากมีชั้นฟิล์มใสเหนือผิวของรถจากการเซ็ตตัวของน้ำยาเคลือบแก้ว ซึ่งมีคุณสมบัติในเรื่องของความแข็งและความลื่น รวมถึงมีประสิทธิภาพในการต่อต้านการยึดเกาะผิวที่ผสมเข้าไป ส่วนเรื่องการทิ้งรอยด่างเป็นคราบบนผิวรถก็จะเกิดได้ยากขึ้นกว่าเดิม
 
4. มด
สาเหตุการมาของมดส่วนมากคงไม่พ้นการรับประทานอาหารบนรถยนต์ส่วนตัวขณะขับรถ เนื่องจากมดเป็นสัตว์ที่ไวต่อกลิ่นของอาหารมาก สามารถกำจัดมดบนรถได้ด้วยวิธีง่ายๆ คือต้องดูแลความสะอาดให้รถปราศจากเศษอาหารที่ตกตามพื้นในรถยนต์ รวมถึงไม่วางภาชนะที่มีอาหารหรือคราบเศษอาหารอยู่ทิ้งไว้บนรถ เพราะอาจเป็นแหล่งอาหารที่ดึงดูดมดให้มารวมกลุ่มกัน

วิธีแก้ไข ให้นำรถจอดทิ้งไว้กลางแดดพร้อมกับเปิดประตูออกทุกบาน ทิ้งไว้เป็นเวลา 2-3 ชั่วโมง ความร้อนจะทำให้มดย้ายออกมาจากตัวรถได้เอง

5. แมลงสาบ
การทิ้งเศษอาหารหรือภาชนะใส่อาหารไว้บนรถจำนวนมาก จะส่งกลิ่นให้แมลงสาบแวะมาเยี่ยมเยียนในรถได้ แต่ถ้าต้องกินอาหารบนรถ โดยเฉพาะรถคันที่มีเด็กนั่งด้วยก็ควรต้องทำความสะอาดอย่างละเอียดทุกครั้ง รวมถึงแมลงสาบยังชื่นชอบสิ่งแวดล้อมที่ชื้นแฉะอีกด้วย การต้องมาพบเจอแมลงสาบในพื้นที่แคบๆ อย่างในรถเป็นเรื่องที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ หากแมลงสาบไต่ขึ้นแขนขึ้นขาขณะขับรถอาจทำให้ตกใจและเผลอหลับตาจนเกิดอุบัติเหตุได้

วิธีป้องกันคือหลีกเลี่ยงการนำอาหารขึ้นไปกินบนรถ เพราะแมลงสาบกับอาหารเป็นของคู่กัน เมื่อทำอาหารหกหรือหล่นในรถให้รีบเช็ดทำความสะอาดทันที โดยเฉพาะบริเวณพรม, ช่องว่างระหว่างเบาะที่นั่ง, และช่องวางของข้างประตู รวมทั้งหลีกเลี่ยงการจอดรถใกล้กับถังขยะหรือฝาท่อน้ำทิ้ง

6. หนู
หนูสามารถสร้างผลกระทบให้กับรถได้อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการกัดสายไฟหรือแทะชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งหนูมักจะเข้ามาในรถได้เพราะกลิ่นจากเศษขนมหรืออาหารโดยตรง และมักเข้ามาหลบในเครื่องยนต์เพราะเงียบและปลอดภัย

วิธีป้องกันและแก้ไข คือ ทำความสะอาดในห้องโดยสารและห้องเครื่อง  ไม่ควรสะสมสิ่งของไว้ในรถ ควรจัดเก็บและหมั่นทำความห้องโดยสารอย่างสม่ำเสมอ และนำลูกเหม็นใส่ตาข่ายมัดวางไว้ตามจุดต่างๆ ในรถ หากจะใช้รถต้องหยิบออกก่อนเพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่ จากนั้นให้ปิดใต้ท้องรถให้สนิทโดยใช้แผ่นปิดใต้ท้องรถ หรือไล่เช็กแผ่นใต้ท้องรถดูว่าติดจุดยึดครบทุกจุด หรือหากขาดก็ควรเปลี่ยนทันที

7. งู
มักพบเจอในช่วงหน้าฝน และเข้าไปอาศัยซุกตัวอยู่ในห้องเครื่อง ซึ่งเมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ก็อาจจะสร้างความเสียหายต่อชิ้นส่วนรถยนต์ได้ หากเป็นงูตัวใหญ่ไปนอนขดที่ใบพัดหม้อน้ำก็อาจทำให้ใบพัดหม้อแตกเสียหาย

วิธีป้องกันเบื้องต้น คือ นำกลิ่นฉุนไปวางไว้ตามจุดต่างๆ ของรถยนต์ เพราะงูไม่ชื่นชอบกลิ่นฉุน เช่น นำผ้าชุบน้ำมันเครื่องเก่าไปวางตามจุดต่างๆ ในโรงจอดรถ หรือใช้กำมะถันไล่งู โดยอาจนำผงกำมะถันมาผสมกับน้ำหรือยาเส้น แล้วนำไปเทราดไว้รอบๆ บริเวณที่จอดรถ หรือเทตามขอบบริเวณโรงจอดรถ

ที่สำคัญหากพบงูอยู่ในห้องเครื่องหรือในตัวรถ อย่าจับเองเป็นอันขาด แม้งูไม่มีพิษก็สามารถกัดจนทำให้เกิดอันตรายหรือเสียเลือดมากได้เช่นกัน เมื่อพบเห็นงูควรโทรแจ้งที่เบอร์ 199 สายด่วนกู้ภัย เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญมาจับงูแล้วนำไปปล่อยสู่ธรรมชาติได้

8. แมลง
แมลงที่บินมาชนรถถึงแม้จะมีขนาดเล็ก แต่ก็สามารถสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงให้กับสีรถได้ เพราะแมลงมีฤทธิ์เป็นกรด หากทำความสะอาดพื้นผิวรถไม่ถูกต้อง คราบจากแมลงที่บินมาชนรถจะกัดสีรถ ไม่ควรทิ้งคราบแมลงบนรถนานจนเกินไป เพราะจะทำความสะอาดยากยิ่งขึ้น หากทำความสะอาดทันที เพียงใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับขจัดรอยน้ำมันและคราบแมลง ทำความสะอาดด้วยผ้านุ่มๆ และออกแรงขัดอีกเล็กน้อยก็สามารถขจัดคราบแมลงได้ง่ายๆ (น้ำยาขัดสีรถ ยี่ห้อไหนดี 2021 ที่ลบรอยได้อย่างหมดจด https://car.kapook.com/view246620.html)

ให้ความคุ้มครองครอบคลุมทุกเรื่อง ทั้งความเสียหายต่อตัวรถยนต์หรือบุคคลภายนอก รถยนต์สูญหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม ผู้ที่มีโปรไฟล์ดี หรือความเสี่ยงน้อย เบี้ยประกันรถยนต์ก็จะยิ่งถูกตามไปด้วย ประกันรถยนต์ตามโปรไฟล์ "การันตีถูกจริง" ประกันรถยนต์ชั้น 1 ..โปรไฟล์ยิ่งดี ความเสี่ยงยิ่งต่ำ เบี้ยยิ่งถูก.. โปรไฟล์คุณอาจดีกว่าที่คุณคิด เบี้ยเริ่มต้น 6,999 บาท และยังถูกลงได้อีก หากเลือกแบบมีดีดัก และระบุชื่อผู้ขับขี่ (ลดสูงสุดเหลือเพียง 3,999 บาท) สนใจรายละเอียด คลิก https://www.smk.co.th/productmotordetail/20 หรือ โทร.1596 Line : @smkinsurance