สูตร บานอฟฟี่ สำหรับเชฟมือใหม่ ทำเองได้ง่าย ๆ ไม่ต้องใช้เตาอบ

[อัญณา]

นอฟฟี่ทาร์ต เพราะฉะนั้น สูตร บานอฟฟี่ จะแตกต่างกันไป ส่วนผสมหลัก ๆ นั้นคล้ายกันแต่แตกต่างกันที่รูปทรงและภาชนะเป็นหลัก  สำหรับคอนเทนต์นี้เราจะมาแนะนำวิธีทำบานอฟฟี่เค้กที่มีลักษณะเป็นก้อนกลมเหมือนเค้กขนาด 2 ปอนด์ที่สามารถตัดแบ่งได้เป็น 8 ชิ้นกัน

ส่วนประกอบที่ใช้ทำ บาน อ ฟ ฟี่ เค้กแบบไม่ใช้เตาอบมีดังนี้
บิสกิตหรือแครกเกอร์ 250 กรัม
เนยจืด 150 กรัม
น้ำเปล่า 50 กรัม
น้ำตาลทรายขาว 1 ถ้วยตวง
วิปปิ้งครีม 2 ถ้วยตวง
วานิลลาสกัด ½ ช้อนชา
เกลือ ½ ช้อนชา
กล้วยหอม 4-5 ลูก
ไมโลชนิดผง

วิธีทำบานอฟฟี่ มีดังนี้
เริ่มทำฐานชั้นแรกด้วยการนำบิสกิตหรือแครกเกอร์ใส่ถุงพลาสติกแล้วใช้ไม้คลึงแป้งบดให้ละเอียด หากชอบฐานบาง ๆ ให้ลดบิสกิตลงเหลือ 150-200 กรัม เมื่อบดเสร็จแล้วนำไปเทใส่ชามผสม
แบ่งเนยจืดมา 110 กรัม ไปตั้งไฟให้ละลายหรือใช้ไมโครเวฟอุ่นจนละลาย จากนั้นนำเนยจืดเหลวที่ได้เทลงไปผสมกับบิสกิตที่เตรียมไว้ คนให้ส่วนผสมเข้ากัน จากนั้นให้นำไปใส่พิมพ์แบบถอดก้นได้ขนาด 2 ปอนด์ ใช้ช้อนเกลี่ยแล้วกดบิสกิตให้แน่นเรียบเสมอกัน โรยด้วย ไมโลชนิดผง ให้ทั่วเสร็จแล้วนำไปแช่ช่องแช่แข็ง 30 นาที เพื่อให้บิสกิตเซตตัว เนยจืดจะช่วยให้บิสกิตแข็งตัวไม่แตกหรือร่วงออกจากกัน
ต่อไปให้ทำซอสคาราเมลโดยการนำน้ำตาลทรายขาว 1 ถ้วยตวง และน้ำเปล่า 50 กรัม ไปเคี่ยวโดยใช้ไฟกลาง ระหว่างรอให้เดือดต้องคนไปเรื่อย ๆ ระวังอย่าให้น้ำตาลไหม้เพราะจะขมและใช้ไม่ได้ เมื่อน้ำตาลเริ่มข้นเป็นสีเหลืองให้ใส่วิปปิ้งครีม ½ ถ้วยตวง ลงไปก่อนคนให้เข้ากัน จากนั้นให้ใส่อีก ½ ถ้วยตวง ที่เหลือลงไปคนอีกเล็กน้อยแล้วปิดไฟ นำเนยจืดที่เหลือ 40 กรัม มาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วใส่ลงไป ตามไปด้วยวานิลลาสกัด ½ ช้อนชา และใส่เกลือ ½ ช้อนชา คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน นำซอสคาราเมลที่ได้ราดลงบนบิสกิตที่อยู่ในพิมพ์โดยให้ราดลงไป 1 ใน  4 ถ้วยก่อน
นำกล้วยหอมมาหั่นแบ่งเป็นชิ้นหรือเป็นแว่น ๆ แล้วนำมาเรียงลงในพิมพ์ให้เต็ม ราดคาราเมลที่เหลือลงบนกล้วยเกลี่ยให้น้ำคาราเมลปิดกล้วยให้มิด จากนั้นโรยไมโลชนิดผงให้ทั่วอีกชั้น
สำหรับการทำครีมชั้นบนสุดให้ใช้วิปปิ้งครีม 1 ถ้วยตวง ใส่ลงในถ้วยตีด้วยเครื่องปั่นไฟฟ้าจนครีมข้นและตั้งยอดอ่อน (ระวังอย่าให้ครีมเหนียวเกินไป) นำครีมที่ได้ใส่ลงในพิมพ์แล้วใช้ไม้ปาดเกลี่ยให้เรียบเสมอขอบพิมพ์แล้วนำไปแช่ตู้เย็น 30 นาที เพื่อให้ครีมเซตตัว จากนั้นนำ ไมโลชนิดผง มาร่อนด้านบนเป็นขั้นตอนสุดท้าย

ด้วยรสเข้มข้นของไมโลจะช่วยตัดความหวานของกล้วยและคาราเมลได้เป็นอย่างดี เมื่อเคี้ยวบานอฟฟี่จะได้กลิ่นโปรโตมอลต์สารสกัดจากข้าวบาร์เลย์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของไมโลแทรกตัวอยู่ในแต่ละชั้นของเนื้อบานอฟฟี่ นอกจากความหอมอร่อยแล้วยังมีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่าโกโก้หรือช็อกโกแลตทั่วไปอีกด้วย เสิร์ฟคู่กับเครื่องดื่ม ไมโล 3 อิน 1 รับรองอร่อยอยู่ท้องอิ่มนานไม่หิวระหว่างวัน เนื่องจากคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่อยู่ในไมโลนั้นร่างกายจะใช้เวลาในการดูดซึมได้นานกว่าคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวนั่นเอง เพื่อไม่ให้พลาดเครื่องดื่มที่มีประโยชน์และส่วนประกอบของอาหารว่างที่แสนอร่อย ควรมีผลิตภัณฑ์ไมโลติดบ้านไว้เสมอนะคะ ใครที่สนใจดู วิธีทำบานอฟฟี่ เพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูได้ที่นี่เลย https://www.milo.co.th/เมนูไมโลและอาหารเช้า/เมนูจากไมโล/ไมโลบานอฟฟี่