ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


เฉลยแล้ว!! เพราะอะไร? ทำไมเราควรสมัครสินเชื่อเงินสด

           สินเชื่อเงินด่วน คืออีกชื่อเรียกหนึ่งเท่านั้น โดยสินเชื่อลักษณะนี้เป็นสินเชื่อที่ผู้ขอสินเชื่อไม่จำเป็นต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เมื่อยื่นขอกู้แล้วจะได้รับวงเงินสดหรือเงินสดจากสถาบันการเงินหรือธนาคาร โดยผู้ขอสินเชื่อสามารถผ่อนชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยคืนให้ในภายหลังได้ ภาษาชาวบ้านคือ ขอกู้เงินมาใช้ก่อน เดี๋ยวค่อยทยอยผ่อนคืนทีหลังพร้อมดอกเบี้ยนั่นเอง

สินเชื่อเงินด่วน มีกี่ประเภท เหมาะกับการใช้งานแบบใด
มีทั้งหมด 3 ประเภทด้วยกัน โดยมาในรูปแบบของบัตร จำนวน 2 ประเภท ได้แก่ บัตรเครดิต และบัตรกดเงินสด ส่วนอีกประเภทหนึ่งนั้นคือ สินเชื่อส่วนบุคคล ผู้ขอสินเชื่อจะได้รับมาในรูปแบบเงินก้อน

1. บัตรเครดิต
เชื่อว่าเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทเก่าแก่ที่สุด เริ่มแรกมีไว้ใช้แทนเงินสด ระยะหลังเริ่มมีสิทธิประโยชน์เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อตัวผู้ถือบัตรเครดิตอย่างมาก โดยทั่วไป วงเงินของบัตรเครดิตอยู่ที่ 2-3 เท่าของรายได้ อัตราดอกเบี้ยของบัตรเครดิตมักอยู่ที่ 20% ต่อปี มีระยะปลอดดอกเบี้ยสูงสุด 55 วัน นอกจากใช้รูดซื้อสินค้าแทนเงินสดได้ ยังสามารถเลือกผ่อนชำระ 0% ได้อีกด้วย ในกรณีเป็นสินค้าที่เข้าร่วมรายการ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ถือบัตรเครดิตยังสามารถกดเงินสดออกจากบัตรเครดิตมาใช้จ่ายในยามฉุกเฉินได้ แต่วงเงินจะต่ำกว่าบัตรกดเงินสด และมีค่าธรรมเนียมการกดเงินสดอยู่ที่ 2-4 % ดังนั้นจึงตีความได้ว่า บัตรเครดิตเหมาะกับการใช้จ่ายแทนเงินสด และรับสิทธิประโยชน์จากการรูดจ่ายค่าบริการหรือค่าสินค้า จากตัวอย่างด้านบน ผู้ถือบัตรเครดิตสามารถรูดจ่ายค่ารักษาพยาบาลไปก่อนล่วงหน้าได้เลย เบิกค่ารักษาจากประกันมาได้แล้วค่อยจ่ายตามใบแจ้งหนี้ หรือจะรูดซื้ออุปกรณ์ก่อสร้างต่าง ๆ มาซ่อมแซมบ้านแบบเร่งด่วนก็ยังได้

2. บัตรกดเงินสด
จุดประสงค์การใช้งานเป็นไปตามชื่อ นั่นคือมีบัตรนี้ไว้เพื่อกดเงินสดออกมาใช้งาน โดยปกติหากผู้ถือบัตรกดเงินสดไม่เบิกถอนเงินสดออกมาจากบัตร ก็จะไม่ต้องเสียค่าดอกเบี้ย แต่เมื่อกดเงินสดออกมาจากบัตร จะมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ราว 28% ต่อปี ดอกเบี้ยจะถูกคิดทุกวันจนกว่าจะสามารถปิดหนี้ได้ และด้วยวงเงินที่สูงถึง 5 เท่าของรายได้ ทำให้บัตรกดเงินสดเหมาะกับการกดเงินสดออกมาใช้ในยามฉุกเฉิน และปิดบัญชีหนี้ให้ได้ในระยะเวลาอันสั้น มากกว่าจะผ่อนชำระคืนในระยะยาว จากตัวอย่างข้างต้น ผู้ถือบัตรกดเงินสดสามารถกดเงินสดออกมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลล่วงหน้า หลังจากเบิกประกันแล้วก็นำเงินที่ได้ไปชำระหนี้ หรือกดเงินสดออกมาซื้ออุปกรณ์ก่อสร้าง และเป็นค่าจ้างค่าแรงให้กับทีมงานช่างที่เข้ามาซ่อมแซมบ้านได้อีกด้วย

3. สินเชื่อส่วนบุคคล
แม้ไม่ได้มาในรูปแบบของบัตรอย่าง 2 ประเภทข้างบน แต่สินเชื่อส่วนบุคคลก็มีจุดเด่นที่สามารถยืดระยะเวลาผ่อนชำระหนี้ได้นานถึง 60 เดือน หรือ 5 ปี ช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับการเงินได้แบบสบาย ๆ โดยทั่วไปอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อส่วนบุคคลจะสูงสุดอยู่ที่ 28% ต่อปี แต่ด้วยการแข่งขันระหว่างสถาบันการเงินในปัจจุบันทำให้อัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อส่วนบุคคลต่ำกว่า 28% ต่อปีอยู่พอสมควร ขึ้นอยู่กับนโยบายของสถาบันการเงิน รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ ในขณะนั้น และเนื่องจากสถาบันการเงินต้องการเวลาในการพิจารณาสินเชื่อประเภทนี้ จึงไม่เหมาะกับการใช้งานแบบเร่งด่วน หรือในยามฉุกเฉินมากนัก ผู้คนนิยมขอสินเชื่อส่วนบุคคลไปเพื่อวัตถุประสงค์อื่นมากกว่า เช่น การนำเงินก้อนไปปิดหนี้บัตรเครดิตหลาย ๆ ใบให้หมดในคราวเดียวเพื่อลดภาระทางการเงิน เสริมสภาพคล่อง แล้วมาผ่อนชำระหนี้คืนให้กับสินเชื่อส่วนบุคคลเพียงรายเดียว

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ควรทราบก่อนสมัครสินเชื่อดังกล่าว คือ ประวัติทางการเงินที่ดี สถาบันการเงินจะพิจารณาให้สินเชื่อทั้งหมดนี้กับผู้มีรายได้ประจำ แสดงหลักฐานได้อย่างชัดเจน และไม่มีประวัติเสียในการชำระหนี้ในอดีต ดังนั้นเราจึงต้องรักษาวินัยและเครดิตทางการเงินของตนเองให้อยู่ในระดับดีอยู่เสมอ อย่าลืมศึกษา SME ไว้ด้วยล่ะ


ที่มาข้อมูล
https://moneyhub.in.th/article/cash-loan-4/
https://moneyhub.in.th/article/why-we-should-use-cash-card/
https://www.moneyguru.co.th/personal-loan/articles/5ข้อควรรู้ก่อนขอสินเชื่อส่วนบุคคล/