ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


คุมกำเนิดแบบไหนดี วิธีไหนเหมาะกับคุณ เราจะมาบอก!!!


ในปัจจุบันเรื่องการคุมกำเนิดไม่ใช่เรื่องที่จะต้องอายอีกต่อไปค่ะ การไม่ป้องกันนี่สิน่าอายกว่า การคุมกำเนิดนอกจากจะช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้แล้ว ยังสามารถป้องกันการท้องได้อีกด้วย ถ้าเรายังไม่พร้อมที่จะมีลูกก็อย่าลืมที่จะคุมกำเนิดด้วยนะคะ ในปัจจุบันมีการคุมกำเนิดหลากหลายประเภท ให้เราได้เลือกใช้งานตามความสะดวก แต่จะมีวิธีไหนบ้างไปดูกันเลยค่ะซิส
วิธีการคุมกำเนิด มีกี่ชนิด?
ก่อนที่เราจะไปดูว่ามีวิธีการคุมกำเนิดแบบไหนบ้าง เราจะต้องมารู้จักรูปแบบของการคุมกำเนิดกันก่อน ในปัจจุบันเราสามารถคุมกำเนิดได้ด้วยกันทั้งหมด 2 ชนิดหลักๆ ได้แก่
การคุมกำเนิดแบบถาวร เป็นการป้องกันการท้องที่ได้ผลที่สุด ด้วยการทำหมัน แต่ถ้าหากใช้วิธีนี้จะต้องมั่นใจแล้วว่าไม่ต้องการมีลูกจริงๆ เพราะการทำหมันในผู้หญิงจะเป็นการตัดท่อนำไข่ออก ทำให้ไม่สามารถมีลูกได้แบบถาวร แต่วิธีนี้ค่อนข้างปลอดภัย และ ไม่มีผลข้างเคียงต่อสุขภาพ
การคุมกำเนิดแบบชั่วคราว เป็นการคุมกำเนิดที่มีหลายรูปแบบให้เลือก มีประสิทธิภาพในการป้องกันที่แตกต่างกันตามแต่ละวิธี มีทั้งการคุมกำเนิดแบบภายใน และ แบบภายนอกร่างกาย ทั้งรูปแบบของยาแบบกิน แบบฉีด แบบฝัง และ แบบสวมใส่
วิธีในการ คุมกำเนิดแบบไหนดี แบบไหนเด็ด?
วิธีในการคุมกำเนิดมีหลายรูปแบบ ในที่นี้เราจะขอแนะนำวิธีการคุมกำเนิดแบบชั่วคราวว่าจะมีวิธีไหนกันบ้าง แล้ววิธีไหนเหมาะกับใครกันบ้าง ไม่ใช่ว่าวิธีที่อีกคนใช้ดีแล้ววิธีนั้นจะเหมาะกับเรา การคุมกำเนิดที่เหมาะสมจะต้องเลือกให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ สุขภาพ รูปแบบที่สะดวกใช้งาน แต่จะมีวิธีไหนบ้างไปดูกันเลยยยย!!!
การนับวันที่ปลอดภัย

วิธีนี้เป็นวิธีที่ใช้ช่วงที่ไข่ไม่ตกทำให้มีโอกาสท้องได้น้อยลง โดยเราจะใช้การนับแบบ หน้า 7 หลัง 7 นั้นก็คือ ก่อนที่ประจำเดือนจะมา 7 วัน และ หลังช่วงประจำเดือนมา 7 วัน จะถือว่าเป็นวันที่มีโอกาสท้องได้น้อยกว่าในช่วงวันที่ไข่ตก แต่ว่าก็ไม่สามารถจะรับประกันการคุมกำเนิดได้ถ้าหากว่าคุณเป็นคนที่ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ หรือ มีการนับวันที่ผิด วิธีนี้มีประสิทธิภาพการป้องกันต่ำ (สำหรับคนที่ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ) - จนถึงระดับกลางๆ (สำหรับคนที่ประจำเดือนมาสม่ำเสมอทุกเดือน)
วิธีนี้เหมาะสำหรับใคร - เหมาะสำหรับสาวๆ ที่ประจำเดือนมาสม่ำเสมอทุกๆ เดือน
ข้อดีและข้อเสียของวิธีนี้ - วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่าย ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการคุมกำเนิด แต่ในส่วนของเสียก็คือหากประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอก็ทำให้การคุมกำเนิดอาจจะคลาดเคลื่อนได้
ถุงยางอนามัย

การใช้ถุงยางเป็นวิธีการคุมกำเนิดยอดฮิตที่ง่าย และ ดีที่สุด ใช้สำหรับการใช้งานภายนอก นอกจากจะคุมกำเนิดได้แล้ว ยังใช้ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย สามารถใช้คุมกำเนิดได้ดี แต่ก็มีข้อควรระวังในการใช้งาน หากถุงยางขาด หรือ รั่วขณะมีเพศสัมพันธ์ก็เหมือนกับการไม่ใส่ถุงยางนั้นเอง ดังนั้นจะต้องใช้งานให้เหมาะสมกับขนาด และ รูปแบบการใช้งานของคู่รักด้วย
วิธีนี้เหมาะสำหรับใคร - เหมาะสำหรับคนทั่วไป (แต่ต้องระวังถุงขาดนะ!!!)
ข้อดีและข้อเสียของวิธีนี้ - สามารถซื้อหา ใช้งานได้ง่ายไม่ยุ่งยาก อีกทั้งยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย แต่ก็มีข้อเสียตรงที่ต้องระวังในการใช้งานเพราะอาจทำให้ถุงยางขาด หรือ รั่วขณะใช้งานได้ รวมทั้งอาจทำให้ความรู้สึกขณะมีเพศสัมพันธ์ลดลง
ห่วงคุมกำเนิด

ห่วงคุมกำเนิด หรือ ห่วงอนามัย เป็นการคุมกำเนิดอีกรูปแบบที่หลายๆ คนอาจจะยังไม่รู้จักมากนัก มีลักษณะเป็นรูปตัว T โดยจะต้องให้แพทย์เป็นคนใส่ โดยจะใส่เข้าไปในโพรงมดลูกเพื่อป้องกันการฝังตัวของไข่ ใส่ให้เหลือสายห่วงประมาณ 2 - 3 เซนติเมตร มีอายุในการใช้งานได้ยาวนานถึง 3 - 5 ปี (ขึ้นอยู่กับชนิดของห่วง) ไม่มีผลต่อสุขภาพ และ การมีประจำเดือนต่างๆ สามารถคุมกำเนิดได้ดี ทำให้มีโอกาสตั้งครรภ์น้อยคิดเป็นร้อยละ 0.06 - 0.08 % ถือว่ามีประสิทธิภาพที่ดีเลยทีเดียว
วิธีนี้เหมาะสำหรับใคร - เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบความวุ่นวาย อยากคุมกำเนิดได้ทีละนานๆ (แต่ต้องระวังเรื่องสายของห่วงหลุด)
ข้อดีและข้อเสียของวิธีนี้ - เป็นวิธีที่ใส่แค่ครั้งเดียวก็ช่วยทำให้คุมกำเนิดได้ยาวนาน แต่ก็มีข้อเสียคือต้องใส่ห่วงคุมกำเนิดเข้าไปในโพรงมดลูก ทำให้บางคนรู้สึกระคายเคืองได้ และ ต้องใส่โดยแพทย์เท่านั้น นอกจากนั้นยังอาจมีกรณีที่ห่วงอนามัยหลุด หรือ ทะลุเข้าไปในผนังมดลูกได้
แผ่นแปะคุมกำเนิด

หลายๆ คนอาจจะยังไม่รู้ว่ามีแผ่นแปะที่ช่วยในการคุมกำเนิดด้วย แผ่นแปะจะใช้ฮอร์โมนในการคุมกำเนิดชนิดเดียวกับในยาคุมกำเนิด โดยเราจะแปะแผ่นคุมกำเนิดบริเวณสะโพก หน้าท้อง แผ่นหลัง ต้นแขน โดยตัวยาจะซึมจากผิวหนังเข้าสู่กระแสเลือด จะเริ่มใช้งานแผ่นแปะในวันแรกของการมีประจำเดือน แปะเอาไว้ 7 วัน แล้วทำการเปลี่ยนแผ่นใหม่ แต่ถ้าหากแปะครบ 3 แผ่นแล้ว (ในช่วง 3 สัปดาห์) ให้ทำการหยุดแปะแผ่นคุมกำเนิดไว้ 1 สัปดาห์ แล้วค่อยแปะใหม่อีกที ช่วยในการคุมกำเนิดได้โอเค แต่อาจจะทำให้บริเวณที่แปะเกิดอาการคัน ไม่สบายตัวได้
วิธีนี้เหมาะสำหรับใคร - เหมาะสำหรับคนที่มีน้ำหนักไม่เกิน 90 กิโลกรัม และ คนที่ชอบวิธีง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก
ข้อดีและข้อเสียของวิธีนี้ - เป็นวิธีที่ง่าย อีกทั้งยังใช้งานได้หลายจุด และ ไม่ค่อยมีผลข้างเคียงจากการใช้งาน แต่ก็มีข้อเสียตรงที่ต้องใช้งานให้ต่อเนื่องกัน และ อาจทำให้เกิดการระคายเคืองบริเวณที่แปะได้
ยาคุมกำเนิด

อีกหนึ่งวิธียอดฮิต เป็นวิธีที่ง่าย และ สะดวกสบาย ให้ผลในการคุมกำเนิดที่ดีพอสมควร ยาคุมกำเนิดจะมีทั้งชนิดที่เป็น ยาคุมฉุกเฉิน และ ยาคุมทั่วไป โดยจะมีวิธีการกินที่แตกต่างกัน
ยาคุมฉุกเฉิน ใช้ในกรณีที่พลาดไม่ได้ป้องกันจริง ห้ามนำมาใช้แทนยาคุมปกติ เป็นยาคุมที่สามารถใช้ได้ผลในช่วงเวลาไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ (เป็นไปได้ควรรีบทานให้เร็ว) ปกติยาคุมฉุกเฉิน 1 กล่องจะมี 2 เม็ด สามารถกินได้ 2 แบบ คือ กินพร้อมกันทีเดียว 2 เม็ดหลังมีเพศสัมพันธ์ หรือ กินยาเม็ดแรกหลังมีเพศสัมพันธ์ ส่วนเม็ดที่สองให้ทานอีกทีใน 12 ชั่วโมง ยาคุมฉุกเฉินควรรีบรับประทานไม่เกิน 72 ชั่วโมง สามารถช่วยในการป้องกันการท้องได้ ทำให้มีโอกาสท้องเพียงแค่ 2 - 8 % แต่ไม่ควรทานบ่อย เพราะจะทำให้ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ และ เลือดออกกะปริบกะปรอย
ยาคุมทั่วไป จะมีทั้งแบบ 21 เม็ด และ 28 เม็ด แต่ให้ผลในการคุมกำเนิดไม่แตกต่างกัน สำหรับยาแบบ 21 เม็ด ให้ทานเม็ดแรกในวันแรกที่ประจำเดือนมาทานต่อเนื่องทุกวันวันละ 1 เม็ด จนยาหมดแผง จากนั้นให้งดกินยาไป 7 วัน แล้วค่อยกินแผงใหม่  และ 28 เม็ด ให้ทานต่อเนื่องได้เลยไม่ต้องหยุดยา ซึ่งจะมีด้วยกัน 2 รูปแบบ คือ แบบ 21+7 (ทานต่อเนื่อง 21 วันเว้น 7 วัน) และ 24+4 (ทานต่อเนื่อง 24 วันเว้น 4 วัน) การกินยาคุมให้ได้ผลควรที่จะทานในช่วงเวลาเดียวกันถึงจะได้ผลดี (หากลืมทานยาให้ทานทันทีเมื่อนึกขึ้นได้) ยาคุมหากกินแบบเป๊ะๆ ไม่ขาด กินตรงเวลาจะสามารถป้องกันการท้องได้ดี ทำให้มีโอกาสท้องเพียงแค่ 0.3 % เท่านั้น แต่ถ้าหากใครมีลืมกินบ้าง กินไม่ตรงเวลาบ้าง จะทำให้มีโอกาสท้อง 8 %
วิธีนี้เหมาะสำหรับใคร - เหมาะสำหรับคนที่ชอบวิธีไม่ยุ่งยาก และ พวกที่แพ้ถุงยางอนามัย
ข้อดีและข้อเสียของวิธีนี้ - ข้อดีของยาคุมกำเนิดมีหลายอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ
-ทำให้ประจำเดือนมาตรงเวลา และ สม่ำเสมอ
-ลดอาการ PMS PMDD (อาการก่อนมีประจำเดือน เช่น อารมณ์ที่แปรปรวน เครียด ความรู้สึกอยากอาหารหิว-บ่อย ปวดหลัง ปวดเอว เป็นต้น)
-ลดสิวประจำเดือน ทำให้ผิวมันน้อยลง
-ช่วยเพิ่มฮอร์โมนเพศหญิงทำให้ช่วยให้เส้นขนน้อยลง หน้าอก และ สัดส่วนเด่นชัดมากขึ้น
แต่ก็มีข้อเสียคือ ต้องระวังการลืมทานยาที่ไม่สม่ำเสมอไม่อย่างงั้นวิธีนี้จะไม่ได้ผลเท่าที่ควร ทำให้มีโอกาสที่จะท้องสูงมากยิ่งขึ้น
การฉีดยาคุมกำเนิด

หากใครที่เป็นคนขี้ลืม การฉีดยาคุมก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดีในการคุมกำเนิด สามารถคุมกำเนิดได้ในระยะยาว แต่อาจจะมีผลข้างเคียง เช่น ทำให้น้ำหนักขึ้น ทำให้ประจำเดือนไม่มา หรือ ประจำเดือนมากะปริบกะปรอย สามารถช่วยในการคุมกำเนิดได้ดี สำหรับคนที่ฉีดยาสม่ำเสมอทำให้มีโอกาสท้องแค่ 0.3 % แต่ถ้าเป็นคนที่ไม่ได้ฉีดสม่ำเสมอมีโอกาสท้องได้ 3 % การฉีดยาคุมมีหลายชนิดให้เราได้เลือกฉีด ตั้งแต่ชนิดแบบ 1 - 3 เดือน
-1 เดือน (4 สัปดาห์) โดยจะทำการฉีดในทุกๆ 30 วัน
-2 เดือน (8 สัปดาห์) โดยจะทำการฉีดในทุกๆ 60 วัน
-3 เดือน (12 สัปดาห์) โดยจะทำการฉีดในทุกๆ 90 วัน
วิธีนี้เหมาะสำหรับใคร - เหมาะสำหรับคนที่ต้องการคุมกำเนิดในระยะยาว และ คนที่ขี้ลืมบ่อยๆ
ข้อดีและข้อเสียของวิธีนี้ - เป็นวิธีที่ช่วยคุมกำเนิดได้ในระยะหนึ่งให้ผลในการคุมกำเนิดได้ดี (แล้วแต่ชนิดของตัวยา) ส่วนของเสียอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงในเรื่องของประจำเดือนไม่มา หรือ น้ำหนักขึ้นได้
การฝังยาคุมกำเนิด

อีกหนึ่งวิธีคุมกำเนิดที่ได้ผลดี การฝังยาคุมกำเนิดเข้าร่างกายสามารถใช้ในการคุมกำเนิดได้ถึง 3 - 5 ปี (ขึ้นอยู่กับชนิดของตัวยา) โดยจะต้องไปฝังยาคุมที่โรงพยาบาล โดยยาคุมจะอยู่ในรูปแบบของหลอดพลาสติกเล็กๆ แพทย์จะฝังเข้าที่ต้นแขนด้านใน สามารถป้องกันการท้องได้ดีมาก ทำให้มีโอกาสที่จะท้องเพียงแค่ 0.01 - 0.5 % เท่านั้น แต่ก็มีผลข้างเคียง จะทำให้ประจำเดือนมากะปริบกะปรอย มาไม่ปกตินั้นเอง
วิธีนี้เหมาะสำหรับใคร - เหมาะสำหรับคนที่ต้องการคุมกำเนิดในระยะยาว และ คนที่ขี้ลืมบ่อยๆ
ข้อดีและข้อเสียของวิธีนี้ - สามารถคุมกำเนิดได้ดี และ ออกฤทธิ์ได้ยาวนาน ส่วนข้อเสียอาจจะไม่สะดวกเหมือนวิธีอื่นๆ ต้องทำโดยแพทย์ และ อาจส่งผลทำให้เกิดอาการข้างเคียงเช่น ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ น้ำหนักขึ้น ปวดหัว
 
แล้ววิธีไหนคุมกำเนิดดีที่สุด?
ถ้ามาถามเราว่าวิธีไหนคุมกำเนิดดีที่สุด เราก็บอกไม่ได้ค่ะ เพราะแต่ละคนก็เหมาะกับวิธีที่แตกต่างกัน แต่ถ้าถามถึงเรื่องประสบการณ์การคุมกำเนิดที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย แบบไม่ต้องเตรียมตัวมากก่อน เราว่าเราชอบวิธีในการทานยาคุมกำเนิดที่สุดค่ะ เพราะโดยส่วนตัวเราเป็นคนที่แพ้ถุงยางอนามัยค่ะ การกินยาคุมเลยเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดสำหรับเรา ถ้าเกิดว่ามีสถานการณ์ฉุกเฉินก็ไม่ต้องวิ่งเต้นไปหา อุปกรณ์คุมกำเนิด อย่าง แผ่นแปะคุมกำเนิด อีกทั้งยาคุมนอกจากจะช่วยเรื่องการคุมกำเนิดแล้วยังมีประโยชน์ด้านอื่นๆ อีกด้วยไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปรับฮอร์โมน เรื่องของสิว การปวดประจำเดือน อาการที่มากับการมีประจำเดือนพวกความเครียด แต่ก็ไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดนะคะ แต่เป็นวิธีที่เหมาะกับเราที่สุด
 
อย่าพลาดบทความดีๆ มีประโยชน์จาก Sistalk !!!
ฮั่นแน่สาวๆ คนไหนที่อ่านจนมาถึงตอนนี้แล้วรู้สึกว่าบทความของเราดีมีประโยชน์ และ อยากอ่านบทความอื่นๆ ด้วยแล้วละก็สามารถเข้าไปอ่านบทความอื่นๆ ที่จะช่วยให้คุณไม่ตกเทรนด์ ไม่อยากพลาดข้อมูล ข่าวสารดีๆ ที่เป็นประโยชน์ เคล็ดลับต่างๆ สุขภาพ แฟชั่น เทรนด์ฮิต และ เรื่องของความรัก!!! ก็อย่าลืมติดตามช่องทางต่างๆ ของเราไว้ด้วยนะคะซิส แล้วเจอกันใหม่บทความหน้าค่ะ
 
 
สามารถติดต่อสอบถาม Sistalk ช่องทางอื่นๆได้ที่
Facebook : sistalk.in.th
Instagram : sistalk.in.th
Twitter : @SistalkTH