ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


โลหะเหล็กคืออะไร มีอะไรบ้างที่เป็นโลหะเหล็ก

เมื่อพูดถึงโลหะเราสามารถอธิบายได้หลากหลายรูปแบบ โลหะบางชนิดอาจเหนียว บางชนิดอาจเปราะ โลหะอื่น ๆ อาจเป็นแม่เหล็กและบางชนิดไม่มีแม่เหล็กเลย สิ่งที่กล่าวมาล้วนเป็นความแตกต่างที่สำคัญ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อจัดประเภทโลหะแล้ว ความแตกต่างที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งที่ควรสังเกตคือโลหะนั้นเป็นโลหะเหล็กหรือโลหะที่ไม่ใช่เหล็ก

หากสนใจเกี่ยวกับการ ปั๊มโลหะ อยู่ล่ะก็ ทาง Pisit metal work ของเรามี โรงงานปั๊มโลหะ คอยให้บริการนะครับ หากสนใจ สามารถคลิกเข้าไปเพื่อศึกษาเพิ่มเติมได้เลย

เมื่อพูดถึงคำว่า “โลหะเหล็ก (Ferrous Metal)” มักมีความหมายว่าโลหะนั้นๆ มีเหล็กเป็นองค์ประกอบที่มีสัดส่วนมาก ถือเป็นโลหะพื้นฐาน (base metal) นอกเหนือจากส่วนผสมอื่นๆที่มักจะมีปริมาณน้อยกว่า เหล็กเป็นธาตุโลหะที่มีประมาณ 4.5% ในเปลือกโลกโดยส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของออกไซด์ (Oxide, Fe2O3), คาร์บอนเนต, ซิลิเกตและซัลไฟด์ แร่เหล็กที่มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมการผลิตเหล็กมีอยู่ 5 ชนิด ได้แก่ แร่เหล็กแมกเนไทท์ (Magnetite) แร่เหล็กเฮมาไทท์ (Hematite) แร่เหล็กลิโมไนท์ (Limonite) แร่เหล็กซิเดอไรท์ (Siderite) และแร่เหล็กไพไรท์ (Pyrite) แร่เหล็กบริสุทธิ์ที่ได้จากการถลุงนั้นไม่มีความแข็งแรง อ่อนตัว และมีคุณสมบัติเชิงกลที่ไม่ดีนัก จึงต้องนำไปผสมกับส่วนประกอบอื่นๆ เพื่อเพิ่มคุณภาพให้กลายเป็นโลหะเหล็กที่มีคุณสมบัติเหมาะกับการนำไปใช้งานในด้านต่าง ๆ

ตัวอย่างของโลหะเหล็ก (Ferrous Metal)
     
       เหล็กกล้าคาร์บอน (Carbon Steel)
             เหล็กกล้าคาร์บอนส่วนใหญ่ประกอบด้วยเหล็กมากกว่า 90% และมีคาร์บอนผสมอยู่ไม่เกิน 1.7 % และอาจมีธาตุอื่นๆ จำพวกแมงกานีส ฟอสฟอรัส กำมะถัน ผสมอยู่ด้วยในปริมาณเล็กน้อย เหล็กกล้าคาร์บอนมีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายเนื่องจากราคาถูก สามารถขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆได้ง่าย มักพบการใช้งานในรูปของโครงสร้างเฟอร์นิเจอร์และส่วนประกอบยานยนต์

       เหล็กกล้าไร้สนิม (Stainless Steel)
             เหล็กกล้าไร้สนิมเป็นโลหะเหล็กอีกกลุ่มหนึ่งที่นิยมใช้กันโดยทั่วไป เหล็กกล้าไร้สนิมมีการเติมโครเมียม (chromium) ลงไปในปริมาณที่สูง ซึ่งช่วยให้ต้านทานการกัดกร่อนได้ดีกว่าเหล็กกล้าคาร์บอน เหล็กกล้าไร้สนิมสามารถแยกออกเป็นกลุ่มย่อยได้อีกคือ เหล็กกล้าไร้สนิมออสเทนนิติก(Austenitic) มีความต้านทานการกัดกร่อนมากที่สุดโดยมีนิกเกิล (Ni) และโครเมียม (Cr) ในปริมาณสูง นอกจากนี้ยังมีเหล็กกล้าไร้สนิมเฟอร์ริติก(Ferritic), มาร์เทนซิติก(Martensitic) และดูเพล็กซ์ (Duplex) เหล็กกล้าไร้สนิมแต่ละชนิดต่างก็มีข้อดีและข้อเสียของตัวเองขึ้นอยู่กับการใช้งาน ส่วนใหญ่มักนำไปใช้ในงานที่มีความเกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ยาและการแพทย์ เครื่องจักรแปรรูปอาหาร รวมไปถึงอุปกรณ์เกรดอาหาร

      เหล็กหล่อ (Cast Iron)
             เหล็กหล่อเป็นโลหะเหล็กชนิดหนึ่งที่มีคาร์บอนมากกว่าชนิดอื่น ๆ โดยมีคาร์บอนผสมตั้งแต่ 2% ขึ้นไป สิ่งนี้ทำให้เหล็กหล่อมีความแข็งแรงสูง แต่ถึงแม้ว่าจะมีความแข็งแรงดีแต่ก็ค่อนข้างเปราะ นอกจากนี้ยังเป็นโลหะเหล็กที่มีจุดหลอมเหลวต่ำกว่าเหล็กบริสุทธิ์มากทำให้เหมาะแก่การนำมาหล่อขึ้นรูป การใช้งานทั่วไปของเหล็กหล่อ ได้แก่ เครื่องครัวส่วนประกอบขนาดเล็ก เช่นเฟืองแท่ง หมุด และอุปกรณ์ขุดต่างๆ

      เหล็กกล้าผสม (Alloy Steel)
             เป็นโลหะเหล็กชนิดหนึ่งที่มีการเติมธาตุอื่นๆที่ไม่ใช่คาร์บอนลงไปในเหล็ก โดยธาตุต่างๆเหล่านั้นได้แก่ โคบอลต์ ไทเทเนียม นิกเกิล ซิลิกอน วาเนเดียม โมลิบดินัม ทองแดง เป็นต้น ทำให้เหล็กกล้าผสมมีคุณสมบัติอื่นๆที่สูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ความแข็งแรงทนทาน ความเหนียว ทนต่อการกัดกร่อน มีคุณสมบัติทางไฟฟ้าที่พิเศษ รวมไปถึงทนต่ออุณหภูมิที่สูงมากๆ ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ทำให้เหล็กกล้าผสมมีราคาแพงกว่าเหล็กกล้าคาร์บอน มักนำมาใช้งานในเครื่องมือแม่พิมพ์และอุปกรณ์เครื่องจักรกล