“เมื่อผู้หญิงตัดสินใจเปลี่ยนมาให้ลูกกิน
นมผง แทนน้ำนมจากเต้า ถือเป็นสิทธิ์ของเธอเอง ซึ่งเป็นทางเลือกที่เธอได้ตัดสินใจแล้ว ก็ควรได้รับการเคารพ” ผู้ผดุงครรภ์กล่าว จากคำแถลงใหม่ของราชวิทยาลัยผดุงครรภ์ (Royal College of Midwives) ระบุว่า ผู้หญิงต้องได้รับการสนับสนุนหากไม่ต้องการให้นมจากเต้า ในกรณีที่ได้รับคำแนะนำรอบด้านดีแล้ว
คุณแม่ที่ให้นมผงแก่ลูก มักเกิดความรู้สึกผิดคุณแม่ที่ให้
นมผง หรือจากเต้าในช่วงเวลาให้
นมลูกส่วนใหญ่มีความรู้สึกกดันและรู้สึกถูกจำกัด ว่าต้องให้นมบ่อยแค่ไหน ที่ไหน และให้นานเท่าไหร่ ขณะที่คุณแม่ที่ให้ลูกกินนมแบบผงก็เกิดความรู้สึก หรือรู้สึกเป็นปมในใจเช่นกัน
มหาวิทยาลัยลิเวอร์พูลได้ศึกษาตัวอย่างแม่ 1,600 ราย ในปี 2017 พบว่า
นมผงคือตัวเลือกที่คุณแม่ใช้กว่า 890 ราย ซึ่งคุณแม่เหล่านี้รู้สึกผิดร้อยละ 67 รู้สึกว่าถูกร้อยละ 68 และรู้สึกอยากแก้ไขการให้นมลูกของตนเองใหม่ร้อยละ 76 จากการศึกษาผู้หญิงที่ตั้งใจเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ตลอดแต่มีเหตุให้ต้องหยุดลงนั้น มีแนวโน้มรู้สึกผิดมาก เช่นเดียวกับคุณแม่ที่ต้องขาดการให้นมตั่งแต่คลอด ก็รู้สึกผิดไม่ต่างกัน
สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมผงได้ แต่ในช่วง 6 เดือนแรก น้ำนมแม่เหมาะกว่าในสหราชอาณาจัก มีอัตราเลี้ยงลูกด้วย
นมผงสูงมาก ขณะที่การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก็ต่ำที่สุดแห่งหนึ่งของ
ยุโรป ถึงแม้คุณแม่ส่วนใหญ่เริ่มนมแม่ในช่วงแรกก็ตาม แต่ก็มีคุณแม่น้อยกว่าครึ่งที่ให้นมลูกจากเต้าติดต่อกันยาวนาน จนลูกมีอายุ 6 สัปดาห์
คำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ กล่าวว่าอย่าพึ่งให้
นมผง หากเป็นไปได้ควรให้นมแม่อย่างเดียวในช่วงเวลา 6 เดือนแรกของชีวิต และการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ควรทำติดต่อ 2 ปี หรือนานกว่านั้น ควบคู่กับการทานอาหารในปริมาณที่เหมาะสม
อยากเลี้ยงลูกด้วยนมผงจากเว็บ
https://www.dumex.co.th/articles/Pages/0_6months/Child%20Development/choices-baby-imf.aspx หรือเลี้ยงลูกด้วยนมจากเต้า ผู้หญิงมีสิทธิ์เลือกเสมอ กิลล์ วอลตัน –หัวหน้าฝ่ายบริหารราชวิทยาลัยผดุงครรภ์ กล่าวว่า “ผู้ผดุงครรภ์ควรให้ข้อมูลที่ช่วยคุณแม่รู้ตัวว่ามีทางเลือกเสมอ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง”