ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


RS Group กับยุคเฟื่องฟู พลิกวิกฤตเป็นโอกาสจากโควิด-19


ช่วงก่อนหน้านี้ ทั่วโลกต่างต้องเผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ปัจจุบันยังถูกซ้ำเติมด้วยการระบาดของโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและวิถีชีวิตครั้งใหญ่ต่อคนทั่วโลก อีกทั้งยังไม่มีทีท่าที่จะกลับมาเป็นปกติอย่างที่เคยเป็นมาได้ในเร็ววัน ทำให้เกิดวิถีชีวิตแบบ New Normal ขึ้น ธุรกิจหลายแห่งจึงต้องปิดตัวลง แต่ในขณะเดียวกัน ธุรกิจอีกหลายแห่งก็กลับเฟื่องฟูขึ้นในยุคของ New Normal นี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ RS Group ผู้ที่เริ่มขับเคลื่อนโมเดลธุรกิจแบบ entertainmerce ก่อนการมาถึงของโควิด-19 เสียอีก


ย้อนกลับไปเมื่อปี 2562 ข่าวที่สร้างความแปลกใจให้กับวงการธุรกิจก็คือการที่ผู้บริหารอาร์เอส ได้ดำเนินการขอเปลี่ยนหมวดธุรกิจในตลาดหุ้นจากเดิมที่เป็นหมวดสื่อกลายมาเป็นหมวดพาณิชย์หรือcommerce นั่นเอง พร้อมกับการประกาศก้องว่าจะขับเคลื่อนโมเดล entertainmerce เพื่อผนึกกำลังระหว่าง entertainment และ commerce อย่างเต็มตัว โดยจะมุ่งสร้างฐานลูกค้าจากกลุ่มผู้ชมและกลุ่มผู้ฟังของตนเอง ทั้งจากทีวีดิจิทัลช่อง 8 และวิทยุคลื่นคูลฟาเรนไฮต์ ซึ่งทางบริษัท RS ก็ได้สร้างฐานผู้ฟังและผู้ชมไว้ได้อย่างแข็งแกร่งแล้ว พูดง่าย ๆ ว่าผู้บริหาร RS ได้มองเห็นถึงช่องทางที่จะทำธุรกิจแบบครบวงจร ด้วยการทำให้ผู้ชมและผู้ฟังนั้นกลายมาเป็นลูกค้าของตนเองด้วยในเวลาเดียวกันนั่นเอง
 
หลังจากที่ RS Group ได้ทำการเปลี่ยนหมวดธุรกิจในตลาดหุ้นได้เพียงไม่นาน มูลค่า หุ้น RS ก็มีทิศทางที่ดีมาโดยตลอด จนกลายเป็นที่น่าจับตามองในกลุ่มของนักลงทุน ล่าสุดในหน้าข่าวเศรษฐกิจเมื่อเดือน พ.ค. 2563 ที่ผ่านมา ก็มีอีกหนึ่งข่าวที่ทำให้ราคาหุ้น RS พุ่งสูงขึ้นและกลายเป็นหุ้นเนื้อหอมอีกครั้ง เนื่องจากในเนื้อข่าวได้ระบุไว้ว่าในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 RS Group มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นจากไตรมาสสุดท้ายของปี 2562 อยู่ที่ 10% หรือเพิ่มขึ้นจำนวน 985 ล้านบาท อีกทั้งยังมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 186 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 184% ซึ่งถือว่าสูงเป็นประวัติการณ์เลยทีเดียว
 
ด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของผู้บริหาร RS โมเดล entertainmerce ที่ถูกนำมาใช้ในช่วงที่ผู้คนเริ่มเข้าสู่โลกยุคดิจิทัลมากขึ้น ประจวบเหมาะกับการเข้ามาของโควิด-19 ซึ่งเปรียบเสมือนกับตัวเร่งปฏิกิริยาให้ผู้คนนั้นเข้ามาสู่ยุคดิจิทัลได้เร็วขึ้นอีกหลายเท่าตัว การต้องใช้เวลาภายในบ้านมากกว่านอกบ้านก็มีส่วนกระตุ้นที่ทำให้ผู้คนรับความบันเทิงเข้ามาภายในบ้านมากกว่าที่จะออกไปหาความบันเทิงนอกบ้าน และยังกระตุ้นให้คนจำนวนมากหันมาซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้นอีก จากกลุ่มคนที่ไม่กล้าจะซื้อของผ่านทางออนไลน์ เมื่อจำเป็นที่จะต้องซื้อและพบว่าช่วยเพิ่มความสะดวกรวดเร็ว ก็จะซื้อของออนไลน์อย่างต่อเนื่อง เข้าสู่การใช้ชีวิตตามวิถีแบบ New Normal ในที่สุด ซึ่งเป็นสไตล์การใช้ชีวิตที่เอื้อต่อธุรกิจของ RS Group แบบพอดิบพอดี นั่นหมายความว่า การมาของโควิด-19 แทนที่จะเป็นพิษภัยต่อธุรกิจ ก็ได้กลับกลายเป็นตัวกระตุ้นรายได้ให้กับบริษัทแทน
 
หลังจากนี้ เชื่อว่าธุรกิจของอาร์เอส ภายใต้การขับเคลื่อนโมเดล entertainmerce ของผู้บริหาร RS นั้นจะยังคงเติบโตต่อไป ความสำเร็จจากรายได้และผลกำไรในไตรมาสแรกของปี น่าจะเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นของความสำเร็จครั้งใหญ่ที่กำลังจะตามมาอีกในไตรมาสที่สอง ไม่แน่ว่าในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ อาร์เอสอาจสร้างนิวไฮครั้งใหม่ และต่อเนื่องไปยังครั้งต่อ ๆ ไปอีกก็เป็นได้

หากใครสนใจลงทุนในหุ้น rs คลิกชมได้ที่นี่เลย http://ir.rs.co.th/investor.html