แบตเสื่อมทำอย่างไรดี แก้ยากไหม?แบตเสื่อมถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ยืดอายุได้ มาค้นพบสาเหตุหลักที่ทำให้แบตเสื่อมไว พร้อมแนวทางแก้ไขที่แนะนำให้ทำที่สามารถทำเองได้ เข้าใจง่าย ไม่ยุ่งยาก
ถ้ามีคนพูดว่า แบตหมดอีกแล้ว คงเป็นประโยคสุดเซ็งที่ผู้ใช้สมาร์ทโฟนหลายคนต้องอุทานออกมาบ่อยครั้ง โดยเฉพาะเมื่อโทรศัพท์คู่ใจเริ่มมีอายุการใช้งานมากขึ้น อาการ
แบตเสื่อมสภาพถือเป็นปัญหาใหญ่กวนใจที่หลีกเลี่ยงได้ยาก ทำให้การใช้งานโทรศัพท์ไม่ต่อเนื่อง ต้องคอยมองหาปลั๊กหรือพกพาวเวอร์แบงค์ติดตัวตลอดเวลา
หลายคนอาจสงสัยว่าแบตเสื่อมนี้มันแก้ยากจริงหรือ? แล้วเราพอจะทำอะไรกับมันได้บ้างก่อนที่จำเป็นต้องเสียเงิน บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจเรื่องแบตเสื่อมอย่างละเอียด ตั้งแต่การสังเกตอาการ สาเหตุ ไปจนถึงแนวทางการแก้ไขและป้องกัน เพื่อให้สามารถรับมือกับปัญหานี้ได้อย่างถูกวิธี
แบตเสื่อมมีอาการอย่างไรบ้าง?ก่อนจะไปดูวิธีแก้ไข เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าแบตเสื่อมหรือ อาการแบตโทรศัพท์เสื่อมคืออะไรกันแน่? โดยปกติแล้ว แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ใช้ในสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่จะมีอายุการใช้งานจำกัด ซึ่งจะค่อยๆ สูญเสียความสามารถในการเก็บประจุไฟฟ้าไปตามกาลเวลาและการใช้งาน นี่คือวิธีที่แบตเสื่อมตามธรรมชาติ เมื่อแบตเสื่อม คุณจะสังเกตเห็นสัญญาณเตือนหลายอย่าอาการที่พบได้บ่อยมีดังนี้
- แบตเสื่อมหมดเร็วกว่าปกติมากจากที่เคยใช้งานได้เต็มวัน อาจเหลือไม่ถึงครึ่งวัน ทั้งที่รูปแบบการใช้งานยังเหมือนเดิม
- เปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่ลดลงฮวบฮาบเช่น จาก 50% อาจลดเหลือ 20% ภายในเวลาไม่นาน หรือตัวเลขเปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่ไม่นิ่ง มีการกระโดดไปมา
- เครื่องดับเองทั้งที่แบตยังไม่หมด โทรศัพท์อาจปิดเครื่องเองกะทันหัน ทั้งที่หน้าจอยังแสดงว่ามีแบตเตอรี่เหลืออยู่ 20-30% หรือมากกว่านั้น
- ต้องชาร์จแบตตลอดเวลาหรือเครื่องทำงานเฉพาะเมื่อเสียบสายชาร์จ: อาการนี้บ่งบอกว่าแบตเตอรี่ไม่สามารถเก็บประจุไฟได้อีกต่อไป
- เครื่องร้อนผิดปกติขณะชาร์จหรือใช้งานทั่วไปแม้การใช้งานหนักๆ หรือการชาร์จจะทำให้เครื่องอุ่นขึ้นได้บ้าง แต่ถ้าร้อนจี๋จนรู้สึกได้ อาจเป็นสัญญาณของแบตเตอรี่ที่เริ่มมีปัญหา
- ประสิทธิภาพเครื่องลดลงโทรศัพท์บางรุ่นอาจลดความเร็วในการประมวลผลลงเพื่อป้องกันเครื่องดับเมื่อแบตเตอรี่จ่ายไฟได้ไม่เสถียร
- แบตเสื่อมบวมสังเกตเห็นฝาหลังนูนออกมา หรือหน้าจอดันออกมาเล็กน้อย ซึ่งเป็นอาการที่อันตราย ควรรีบแก้ไขทันที
แบตเสื่อมมีกี่สาเหตุ คร่าว ๆ มีอะไรบ้าง?อาการแบตเสื่อมไม่ได้เกิดขึ้นอย่างไร้สาเหตุ แต่มีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่ออายุขัยของแบตเตอรี่โดยตรง การทำความเข้าใจสาเหตุเหล่านี้จะช่วยให้เรารู้วิธีป้องกันและยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้ดียิ่งขึ้น สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เกิดอาการแบตเสื่อมเกิดจากดังนี้
อายุการใช้งานและรอบการชาร์จแบตเตอรี่ทุกก้อนมีจำนวนรอบการชาร์จที่จำกัด (โดยทั่วไปแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนจะอยู่ที่ประมาณ 300-500 รอบ ก่อนที่ประสิทธิภาพจะเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด) หนึ่งรอบการชาร์จหมายถึงการใช้พลังงานจนหมดแล้วชาร์จกลับไปจนเต็ม 100% ดังนั้น ยิ่งเราชาร์จแบตเตอรี่บ่อยครั้งเท่าไหร่ อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ก็จะสั้นลงเร็วขึ้นตามไปด้วย
อุณหภูมิที่สูงหรือต่ำเกินไปอุณหภูมิเป็นศัตรูตัวฉกาจของแบตเสื่อมการปล่อยให้โทรศัพท์สัมผัสกับความร้อนสูงเป็นเวลานาน เช่น วางตากแดดในรถ ทิ้งไว้ในที่ร้อนจัด หรือแม้กระทั่งการใช้งานหนักจนเครื่องร้อนจัดบ่อยๆ จะเร่งให้สารเคมีในแบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วขึ้น ในทางกลับกัน อุณหภูมิที่เย็นจัดก็ส่งผลต่อประสิทธิภาพการจ่ายไฟของแบตเตอรี่ได้เช่นกัน
พฤติกรรมการชาร์จที่ไม่เหมาะสม การปล่อยให้แบตเสื่อมหมดจนเครื่องดับ (0%) หรือชาร์จค้างไว้ที่ 100% เป็นเวลานานเกินไปบ่อยๆ สามารถสร้างความเครียดให้กับแบตเตอรี่และลดอายุการใช้งานได้ ผู้เชี่ยวชาญหลายคนแนะนำให้รักษาระดับแบตเตอรี่ให้อยู่ระหว่าง 20-80% เพื่อสุขภาพแบตเตอรี่ที่ดีในระยะยาว
การใช้อุปกรณ์ชาร์จที่ไม่ได้มาตรฐาน การใช้อแดปเตอร์หรือสายชาร์จราคาถูกที่ไม่ได้คุณภาพ หรือไม่ตรงสเปกกับที่ผู้ผลิตแนะนำ อาจจ่ายกระแสไฟที่ไม่เสถียร ซึ่งส่งผลเสียต่อเซลล์แบตเตอรี่โดยตรงและอาจก่อให้เกิดอันตราย เช่น แบตบวม หรือไฟฟ้าลัดวงจรได้
การใช้งานเครื่องหนักหน่วงต่อเนื่องเป็นเวลานาน การเล่นเกมกราฟิกสูงๆ การสตรีมวิดีโอความละเอียดสูงเป็นเวลานาน หรือการใช้แอปพลิเคชันที่กินทรัพยากรเครื่องหนักๆ ติดต่อกันเป็นเวลานาน จะทำให้แบตเสื่อมต้องทำงานหนักและเกิดความร้อนสะสม ซึ่งส่งผลเสียต่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่
แบตเสื่อมแก้ไขยังไงได้บ้าง?เมื่อแบตเตอรี่โทรศัพท์ของคุณแสดงอาการเสื่อมสภาพอย่างชัดเจนแล้ว หลายคนอาจคิดว่าแบตเสื่อมแก้ยังไง มีวิธีแก้ไขที่สามารถทำได้อยู่บ้าง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของอาการและความคุ้มค่าในการซ่อมแซม ซึ่งวิธีแก้แบตเสื่อมโดยทั่วไปสามารถทำได้ดังนี้
ตรวจสอบสุขภาพแบตเตอรี่ (Battery Health) โทรศัพท์บางรุ่น โดยเฉพาะ iPhone (ในการตั้งค่า > แบตเตอรี่ > สุขภาพแบตเตอรี่) จะมีฟังก์ชันให้ตรวจสอบเปอร์เซ็นต์ความจุสูงสุดที่เหลืออยู่ของ
แบตเตอรี่ได้ หากต่ำกว่า 80% มักจะเริ่มสังเกตเห็นปัญหาอย่างชัดเจน และการซื้อมือถือเครื่องใหม่ก็เป็นอีกวีธีที่น่าสนใจเมื่อแบตเสื่อมเกินเยียวยา
วิธีป้องกันแบตเสื่อมคร่าว ๆแม้ว่าแบตเตอรี่ทุกก้อนจะมีวันเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา แต่เราสามารถยืดอายุการใช้งานของมันออกไปได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ด้วยการดูแลรักษาและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งานเล็กน้อย การป้องกันแบตเสื่อมนั้นง่ายกว่าที่คิดและไม่ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษใดๆ เพียงแค่ใส่ใจในรายละเอียดเหล่านี้:
หลีกเลี่ยงอุณหภูมิสุดขั้วอย่าวางโทรศัพท์ตากแดดในรถ ในที่ร้อนจัด หรือเย็นจัดเป็นเวลานาน หากเครื่องร้อนขณะชาร์จหรือใช้งานหนัก ควรหยุดพักให้เครื่องเย็นลงบ้าง อาจถอดเคสออกขณะชาร์จหากเคสระบายความร้อนไม่ดีพยายามรักษาระดับแบตเตอรี่ให้อยู่ระหว่าง 20-80%: ไม่จำเป็นต้องรอให้แบตเตอรี่เหลือ 0% แล้วค่อยชาร์จ หรือชาร์จทิ้งไว้จนเต็ม 100% ตลอดเวลา การชาร์จเป็นช่วงสั้นๆ บ่อยครั้งดีกว่าการปล่อยให้แบตหมดเกลี้ยงแล้วชาร์จเต็มทีเดียว
แบตเสื่อมไม่อยากแก้ ซื้อใหม่ดีไหม?ปัญหาแบตเสื่อมเป็นเรื่องธรรมชาติของสมาร์ทโฟนที่เราใช้งานกันอยู่ทุกวัน แม้จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ 100% แต่การทำความเข้าใจถึงอาการ สาเหตุ และวิธีการดูแลรักษาที่ถูกต้อง ก็สามารถช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้ยาวนานขึ้น และรับมือกับปัญหาได้อย่างเหมาะสม ตั้งแต่การปรับพฤติกรรมการใช้งาน การเลือกใช้อุปกรณ์ชาร์จที่มีคุณภาพ ไปจนถึงการตัดสินใจเปลี่ยนแบตเตอรี่เมื่อถึงเวลาอันควร