ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - กัญณภัทร

หน้า: 1 [2] 3 4
51
    การจดทะเบียนบริษัทคงเป็นจุดมุ่งหมายของเจ้าของกิจการหลาย ๆ ท่าน เพราะการจดทะเบียนบริษัทจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับตัวธุรกิจของเราในระยะยาว ทำให้เรามีระบบในการทำธุรกิจ และยังเป็นการแยกตัวธุรกิจเป็น “นิติบุคคล” อีกคนหนึ่งออกจากเจ้าของธุรกิจ ซึ่งจะช่วยจำกัดความเสี่ยงจากหนี้สินของธุรกิจอีกด้วย

    แต่ปัญหาหนึ่งของคนที่มีความคิดอยากจะจดทะเบียนบริษัทก็คือ วิธีการจดทะเบียนบริษัท ต้องทำยังไง และต้องเตรียมตัวยังไงทำให้หลายคนถึงกับล้มเลิกความคิดที่จะจดทะเบียนบริษัทกันไปเลยก็มี เพราะขี้เกียจมานั่งศึกษาและทำความเข้าใจ แต่วันนี้เราได้ทำการรวบรวมข้อมูลแบบเข้าใจง่ายไว้ในบทความนี้แล้วค่ะ



    การจดทะเบียนบริษัท คือ การที่บุคคลตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปมาร่วมลงทุนจัดตั้งขึ้นมาเป็นองค์กร วัตถุประสงค์หลักในการร่วมจัดตั้งกัน คือ การแสวงหาผลกำไร




    ขั้นตอนการ จดทะเบียนบริษัท
    1. ตรวจสอบและจองชื่อบริษัท
    - ต้องไม่ซ้ำหรือคล้ายกับบริษัทอื่นๆ
    - ต้องมีทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษที่มีความหมายหรือเสียงเรียกขานตรงกับชื่อภาษาไทย
    - สามารถยื่นจองได้สูงสุดถึง 3 ชื่อ และจะได้รับการพิจารณาจากชื่อแรก หากชื่อแรกซ้ำหรือไม่ผ่านเกณฑ์อย่างใดอย่างหนึ่ง ก็นายทะเบียนก็จะพิจารณาชื่อในลำดับถัดไปแทน

    เพิ่มเติม :  เมื่อจองชื่อได้แล้วจะต้องยื่นจดทะเบียนภายใน 30 วัน นับจากวันที่นายทะเบียนได้รับรองชื่อ ไม่เช่นนั้นต้องทำการจองชื่อใหม่

    2.จดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ หรือ ข้อมูลสำคัญการจดทะเบียนบริษัท
    - ชื่อของบริษัท (ต้องเป็นชื่อที่ได้จองไว้และได้รับอนุมัติจากนายทะเบียนแล้ว)
    - ที่ตั้งสํานักงานใหญ่ พร้อมเลขรหัสประจําบ้าน (หากไม่ได้เป็นเจ้าของสถานที่เอง ต้องมีหนังสือยินยอมให้ใช้เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่)
    - วัตถุประสงค์ของบริษัท ต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรม
    - ทุนจดทะเบียน จะต้องแบ่งเป็นหุ้นๆ มีมูลค่าหุ้นละเท่าๆ กัน (ไม่ต่ำกว่า 5 บาท/หุ้น) แต่ถ้าหากอยากให้บริษัทมีความน่าเชื่อถือควรทุนจดทะเบียนขั้นต่ำที่ 100,000-1,000,000 (ส่วนมากจะนิยมจดกันที่ 1,000,000 บาท) และอย่าลืมว่าเงินทุนจดทะเบียนเป็นสิ่งที่แสดงงบประมาณที่ใช้ทำธุรกิจ และรวมไปถึงบอกความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทนั่นเอง
    - จํานวนทุน (ค่าหุ้น) ที่เรียกชําระแล้ว อย่างน้อยร้อยละ 25 ของทุนจดทะเบียน
    - ข้อมูลผู้ถือหุ้น: ชื่อ ที่อยู่ อายุ หมายเลขโทรศัพท์ เลขที่บัตรประชาชน หรือบัตรอื่นๆ
    - ข้อมูลกรรมการ: ชื่อ ที่อยู่ อายุ สัญชาติ หมายเลขโทรศัพท์ เลขที่บัตรประชาชน
    - รายชื่อหรือจำนวนกรรมการที่มีอํานาจลงชื่อแทนบริษัท (อํานาจกรรมการ)
    - ข้อมูลผู้สอบบัญชีรับอนุญาต: ชื่อ เลขทะเบียน ค่าตอบแทน
    - ตราประทับ (มี/ไม่มี ก็ได้)
    - ข้อมูลพยาน 2 คน: ชื่อ ที่อยู่ อายุ หมายเลขโทรศัพท์ เลขที่บัตรประชาชน

    3.ยื่นคำขอจดทะเบียน
    ทำการยื่นคำขอได้ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าในเขตที่ใกล้บ้านผู้ประกอบการ หรือทุกจังหวัดทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 87 แห่ง เมื่อนายทะเบียนรับจดทะเบียนและมอบหนังสือรับรอง ก็แสดงว่าผู้ประกอบการเป็นเจ้าของบริษัทที่ได้จัดตั้งขึ้นอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว




    เอกสารอื่นๆที่ต้องใช้
    • เอกสารแบบฟอร์มการจดทะเบียนบริษัทที่ผ่านการตรวจสอบเรียบร้อย พิมพ์ออกมาทุกหน้าแล้วนำมาให้ผู้ร่วมก่อการเป็นผู้เซ็น และ บุคคลที่เราตกลงให้เป็นผู้มีอำนาจในการบริหาร เซ็น
    • แบบจองชื่อนิติบุคคลที่เราได้ทำการจองไว้
    • สำเนาบัตรประชาชน และ สำเนาทะเบียนบ้าน ของผู้ร่วมก่อการและกรรมการทุกคน พร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง
    • หลักฐานการชำระค่าหุ้น ที่ออกให้ผู้ถือหุ้นแต่ละคน ที่สำคัญคือต้องลงวันที่เป็นวันเดียวกับวันที่ในใบรายงานการประชุมจัดตั้งบริษัท
    • แผนที่แสดงที่ตั้งสํานักงานใหญ่และสถานที่สําคัญบริเวณใกล้เคียงโดยสังเขป

    ค่าธรรมเนียมจดทะเบียนบริษัท
    ไม่ว่าทุนจดทะเบียนของกิจการจะเท่าไหร่ จะมีค่าธรรมเนียมการจัดตั้งบริษัทจำกัดอยู่ที่ 5,000 บาท (ราคา ณ ปัจจุบัน)


    ไม่พลาดบทความดีๆ จากนรินทร์ทอง ที่จะทำให้คุณไม่พลาดเรื่องเงินและภาษี
    เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับการจดทะเบียนบริษัท คงไม่ง่ายอย่างที่คิดเลยใช่ไหมหล่ะคะ เพราการจดทะเบียนบริษัทต้องเตรียมเอกสารและกรอกแบบฟอร์มต่าง ๆ มากมาย  จริง ๆ แล้วการจดทะเบียนบริษัทสามารถว่าจ้างผู้ที่มีประสบการณ์ในการจดได้อย่างเช่นสำนักงานบัญชี ซึ่งสำนักงานเหล่านี้จะมีความเชี่ยวชาญในการดำเนินการอย่างเป็นระบบ จะช่วยให้ผู้ประกอบการทั้งหลายมีความสะดวกรวดเร็วเพื่อใช้เวลาในการบริหารธุรกิจต่อค่ะ


    ใครมีข้อสงสัย ต้องการคำปรึกษา นรินทร์ทอง สามารถติดต่อสอบถามได้ที่…

    Facebook : NarinthongOfficial
    E-mail : narinthong.ac@gmail.com
    Line : @Narinthong
    Tel : 081-627-6872 , 02-404-2339

    52
      ทุกวันนี้ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่โลกออนไลน์ ที่เรียกว่า “Digital Economy” อย่างเต็มตัวแล้ว ซึ่งเห็นได้จากจำนวนคนไทยที่ใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้นถึง 31 ล้านคน รวมถึงการใช้อินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือสูงขึ้นถึง 77% หลาย ๆ ธุรกิจเริ่มปรับตัวมาเป็นออนไลน์กันมากขึ้น รวมไปถึงสถาบันการเงินต่าง ๆ ที่ได้ออกแอปพลิเคชันที่ทำให้เราไม่ต้องออกไปโอนเงินตามตู้อีกต่อไป การขายของก็ไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้านด้วยซ้ำ ทำให้เกิดรายได้มหาศาลบนโลกออนไลน์ ด้วยสิ่งนี้จึงทำให้รัฐบาลต้องเข้ามาควบคุมดูแล และเกิดสิ่งที่เรียกว่า ภาษี “e-payment ”นั่นเอง แล้วภาษีตัวนี้มันเกี่ยวอะไรกับเรากันหล่ะ ภายในบทความนี้มีคำตอบอย่างแน่นอนค่ะ




      กฎหมาย e-payment คืออะไร
      กฎหมาย e-payment อาจเรียกได้ว่าเป็นชื่อเล่นของ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 48) พ.ศ. 2562 เกิดขึ้นเพื่อรองรับระบบภาษี และเอกสารธุรกรรมทางการอิเล็กทรอนิกส์ตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการนำส่งเงินภาษี การยื่นรายการ หรือเอกสารที่เกี่ยวข้องกับภาษีอากร มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2562 โดยให้สถาบันการเงินส่งรายงานธุรกรรมครั้งแรกต่อกรมสรรพากร

      เงื่อนไขของการส่งข้อมูลบัญชีให้กรมสรรพากร
      กฎหมายได้บังคับว่า สถาบันการเงิน หรือ ผู้ให้บริการทางการเงินอิเล็กทรอนิกส์ต้องรายงานข้อมูลผู้มีบัญชีธุรกรรมเฉพาะ ให้กรมสรรพากรไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล ไม่ว่าคนไทยหรือต่างชาติ โดยเงื่อนไขมีดังนี้
      • จำนวนครั้งการฝาก/รับโอนเงิน เกิน 3,000 ครั้งขึ้นไปต่อปี
      • จำนวนครั้งการฝาก/รับ โอน เงิน เกิน 400 ครั้ง ขึ้นไป และต้องมียอดรวมมากกว่า 2,000,000 บาท ต่อปี


      หน่วยงานที่ต้องรายงานกรมสรรพากร
      • สถาบันการเงิน เช่น ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารภาครัฐ
      • รวมไปถึงผู้ให้บริการด้านการเงินอื่นๆ เช่น True money , Rabbit LINE Pay , e-Wallet เป็นต้น
      ข้อมูลที่กรมสรรพากร จะได้จากหน่วยงาน
      • เลขบัตรประจำตัวประชาชน (หรือเลขทะเบียนนิติบุคคล)
      • ชื่อ-สกุล (หรือชื่อบริษัท)
      • เลขบัญชีเงินฝาก
      • จำนวนครั้งของการฝาก/รับโอนเงิน
      • ยอดรวมของการฝาก/รับโอนเงิน

      กรมสรรพากรจะนำข้อมูลที่ได้ไปใช้อย่างไร?
      กรมสรรพากรจะนำข้อมูลที่ได้จากสถาบันการเงินหรือผู้ให้ที่บริการด้านการเงิน ไปวิเคราะห์ผ่านระบบคอมพิวเตอร์เพื่อจัดกลุ่มผู้เสียภาษี



      แนะนำวิธีการเตรียมตัว สำหรับคนที่เข้าเกณฑ์ ภาษี โอน เงิน 400 ครั้ง
      • ต้องทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายให้ชัดเจน เพื่อที่จะได้ทราบสถานะทางการเงินของเรา และ เพื่อเป็นหลักฐานไว้แสดงกับทางสรรพากรที่จะเข้ามาตรวจสอบ และทางที่ดีควรแยกบัญชีธนาคารเพื่อใช้ส่วนตัวและเพื่อทำธุรกิจออนไลน์ออกจากกัน
      • เก็บหลักฐานทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ เพื่อจัดการทำรายรับ รายขจ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงจัดการต้นทุนต่าง ๆ อย่างต้นทุนภาษีให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
      • ต้องยืนแบบแสดงรายการภาษีให้ครบถ้วนและตรงเวลา
      • อัพเดทข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับภาษีอยู่เสมอ หากมีการเปลี่ยนแปลงของภาษี เราจะได้ไม่เสียผลประโยชน์ของเราเอง


      ติดตาม นรินทร์ทอง เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารเกี่ยวกับบัญชี ภาษีที่ควรรู้
      เป็นยังไงกันบ้างคะ ถ้าทุกท่านอ่านมาถึงตรงนี้ดิฉันคิดว่า ทุก ๆ ท่านน่าจะพอรู้แล้วว่ากฎหมาย e-payment คืออะไร แล้วเราเข้าเกณฑ์ที่จะเสียภาษีตัวนี้หรือไม่ ครั้งหน้าจะมีบทความเกี่ยวกับบัญชี ภาษี หรือ กฎหมายอะไรอีกอย่าลืมกดไลค์และกดติดตามเฟสบุ๊คแฟนเพจ นรินทร์ การบัญชีและภาษี  จะได้ไม่พลาดข้อมูลข่าวสารอื่น ๆ และที่สำคัญหากคอนเทนต์นี้มีประโยชน์ อย่าลืมแชร์ให้เพื่อนๆของคุณทราบด้วยนะคะ

      ใครมีข้อสงสัย ต้องการคำปรึกษา นรินทร์ทอง สามารถติดต่อสอบถามได้ที่…

      Facebook : NarinthongOfficial
      E-mail : narinthong.ac@gmail.com
      Line : @Narinthong
      Tel : 081-627-6872 , 02-404-2339

      53
        การเข้ามาของเทคโนโลยีในปัจจุบัน ทำให้เกิดอาชีพใหม่ๆขึ้นมาอย่างมากมาย และหนึ่งในอาชีพที่มาแรงในขณะนี้เลยนั่นก็คือ พ่อค้า แม่ค้า ออนไลน์ ด้วยความเป็นอาชีพที่มีอิสระทางด้านเวลา และมีรายได้ที่ค่อนข้างดี ทำให้ไม่แปลกใจที่จะเจอ พ่อค้า แม่ค้า ออนไลน์ อย่างมากมาย แต่ด้วยความที่มีรายได้หมุนเวียนอยู่ในระบบอย่างมหาศาลทำให้ภาครัฐต้องเข้ามาควบคุมดูแล จึงเกิดสิ่งที่เรียกว่า “ภาษีขายของออนไลน์”  วันนี้เราจะมารู้จักกับภาษีตัวนี้กันว่ามันคืออะไร? แล้วถ้าเราต้องเสียภาษีคำนวณอย่างไร

        ขายของออนไลน์ แบบไหนที่ต้องเสียภาษี
        การขายของออนไลน์นับเป็นภาษีเงินได้จากการค้าขาย ซึ่งจะมีการแบ่งการคำนวณเป็นสองประเภท คือ
        ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา : กรณีเป็นพ่อค้าแม่ค้าธรรมดา
        ภาษีเงินได้นิติบุคคล : กรณีที่ร้านค้ามีการจดทะเบียนเป็นบริษัท
        แต่วันนี้เราจะมาพูดในกรณีบุคคลธรรมดาเท่านั้น



        รายได้เท่าไรถึงเกณท์ต้องยื่นภาษี
        กรณีบุคคลธรรมดา : คนที่มีรายได้จากการขายของออนไลน์ จะต้องยื่นภาษีเงินได้ประเภทที่ 8 หรือ ม.40 ( โดยยื่นแบบ ภ.ง.ด.90, 94 เมื่อมีได้รายเกิน 60,000 บาท (กรณีโสด) หรือมีรายได้เกิน 120,000 บาท (กรณีสมรส)

        วิธีการคำนวณ ภาษี แม่ค้า ออนไลน์
        การเสียภาษีของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล จะเป็นการเสียภาษีแบบบุคคลธรรมดาซึ่งมีวิธีคิดอยู่ 2 วิธีคือ
        1. (เงินได้ - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน) x อัตราภาษี ตามอัตราขั้นบันได
        โดยวิธีแรกผู้ค้าออนไลน์สามารถเลือกหักค่าใช้จ่ายในการลดหย่อนภาษีได้ 2 แบบคือ
        • หักค่าใช้จ่ายแบบเหมา 60% ของรายได้
        • หักตามจริง เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบ
        2. เงินได้ x 0.5% โดยจะใช้วิธีนี้เมื่อเรามีรายได้เกิน 1 ล้านบาทต่อปี แล้วนำไปเปรียบเทียบกับวิธีแรก เพื่อเสียภาษีตามวิธีที่คำนวณได้คุ้มกว่า




        ขายของออนไลน์ต้องยื่นภาษีเมื่อไร?
        รอบแรก : ยื่นภาษีครึ่งปี  จะยื่นช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย. (แบบ ภ.ง.ด. 94) เป็นการยื่นสรุปรายได้ในช่วงครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.)
        รอบสอง : ยื่นภาษีปลายปี จะยื่นช่วงเดือน ม.ค. - มี.ค. (แบบ ภ.ง.ด. 90)  เป็นการสรุปรายได้ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา
        สาเหตุที่การยื่นแบ่งเป็นสองรอบก็เพราะว่า คนที่เสียภาษีจะได้ไม่ต้องเสียภาษีแบบหนัก ๆ เพียงรอบเดียว

        การยื่นภาษีออนไลน์
        การยื่นภาษีในช่องทางออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ของกรมสรรพากร (www.rd.go.th) สามารถใช้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เว้นวันหยุดราชการ




        การเสีย ภาษี แม่ค้า ออนไลน์ ต้องเตรียตัวอะไรบ้าง?
        • บันทึกรายการซื้อ-ขายสินค้า เพื่อนำมาใช้ในการทำบัญชีรายรับรายจ่าย ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถบริหารจัดการเรื่องเงินได้ง่ายมากขึ้น
        • เก็บหลักฐานทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการค้า ธุรกรรมทางการเงิน นอกจากจะช่วยให้เราสามารถตรวจสอบความถูกต้องของบัญชีแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาเมื่อสรรพากรเข้ามาขอตรวจสอบอีกด้วย
        • ศึกษาและติดตามข่าวสารทางด้านการเงินและเรื่องที่เกี่ยวข้องกับภาษีอย่างต่อเนื่อง เพราะเงื่อนไขในแต่ละปี อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ และเพื่อผลประโยชน์แก่ตัวเราเอง

        อย่าพลาดข่าวสารเรื่องบัญชี ภาษีที่ควรรู้จากนรินทร์ทอง
        อย่าลืมกดติดตามเพจ นรินทร์ การบัญชีและภาษี เพื่อจะได้ไม่พลาดข่าวสารดี ๆ และความรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับ การบัญชี ภาษีและกฎหมาย และหากคอนเทนต์นี้มีประโยชน์อย่าลืมแชร์หรือบอกต่อเพื่อน ๆ กันด้วยนะคะ

        ใครมีข้อสงสัย ต้องการคำปรึกษา นรินทร์ทอง สามารถติดต่อสอบถามได้ที่…

        Facebook : NarinthongOfficial
        E-mail : narinthong.ac@gmail.com
        Line : @Narinthong
        Tel : 081-627-6872 , 02-404-2339

        54
        ใครที่อยากจะจัดตั้งบริษัทเพื่อให้ธุรกิจมีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น แต่ยังไม่เข้าใจความแตกต่างระหว่าง บริษัท กับ ห้างหุ้นส่วน ว่าแตกต่างกันอย่างไร วันนี้ นรินทร์ทอง จะมาไขข้อสงสัย และแนะนำรูปแบบการจดทะเบียนทั้งรูปแบบบริษัท


        1.จำนวนผู้ร่วมลงทุน
        บริษัทจำกัด : ผู้ร่วมลงทุนหรือว่าผู้ถือหุ้นจะต้องมีอย่างน้อย 3 คนขึ้นไป
        ห้างหุ้นส่วนจำกัด : จัดตั้งได้โดยต้องมีผู้ร่วมลงทุนหรือผู้ถือหุ้น 2 คน ขึ้นไป
        การลงทุน

        2.การลงทุนของห้างหุ้นส่วนจำกัด
        บริษัทจำกัด : การลงทุนแบบการจดทะเบียนบริษัท จะเป็นลักษณะของทุนเรือนหุ้น โดยจะต้องแบ่งทุนออกเป็นหุ้น แต่ละหุ้นจะต้องมีมูลค่าเท่า ๆ กัน (มูลค่าหุ้นจะต้องไม่ต่ำกว่าหุ้นละ 5 บาท) และสามารถจัดตั้งบริษัทได้โดยหุ้นขั้นต่ำที่ 15 บาทขึ้นไป ส่วนห้างหุ้นส่วนจำกัดมี 2 ประเภท คือ
        หุ้นส่วนผู้จัดการ : หุ้นส่วนผู้จัดการจะมีอำนาจในการบริหารงานทั้งหมดของกิจการ สามารถลงทุนได้ด้วยแรงงาน ทรัพย์สิน หรือเงินสดเป็นต้น
        หุ้นส่วนทั่วไป : หุ้นส่วนทั่วไปจะไม่มีอำนาจในการบริหารหรือตัดสินใจแต่มีอำนาจแค่ติดตามผลการดำเนินงานของกิจการ สามารถลงทุนได้แค่ ทรัพย์สิน และเงินสดเท่านั้น

        3.ความรับผิดชอบ
        บริษัทจำกัด : ผู้ถือหุ้นแต่ละคนรับผิดจำกัด ไม่เกินจำนวนเงินที่ลงหุ้น
        ห้างหุ้นส่วนจำกัด : ในส่วนของหุ้นส่วนผู้จัดการต้องร่วมกันรับผิดไม่จำกัดจำนวน (รวมถึงทรัพย์สินส่วนตัวด้วย) แต่หุ้นส่วนทั่วไปรับผิดแค่เงินที่ตัวเองได้ลงทุนไว้

        4.ค่าธรรมเนียม
        บริษัทจำกัด : บริษัท จำกัด ค่าธรรมเนียมจัดตั้งจะอยู่ที่ 5,000 บาท  (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง)
        ห้างหุ้นส่วนจำกัด : ห้างหุ้นส่วน จำกัด ค่าธรรมเนียมจะอยู่ที่ 1,000 บาท (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง)



        5.การปิดงบการเงินประจำปี
        การปิดงบการเงินประจำปีของ บริษัท จำกัด : สามารถให้ผู้สอบบัญชี (CPA) เซ็นรับรองงบการเงินได้
        การปิดงบการเงินประจำปีของ ห้างหุ้นส่วน จำกัด : สามารถให้ผู้สอบบัญชี (CPA) หรือสามารถให้ผู้สอบบัญชีภาษีอากร (TA) เซ็นรับรองงบการเงินได้

        6.การเสียภาษี
        ทั้ง 2 แบบจะเสียจากกำไรสุทธิ ตามอัตราก้าวหน้าเหมือนกัน จะเสียภาษีเงินได้ที่คิดตามจริง และ มีการคิดในอัตราที่เท่ากันคือ 15%-30%



        สรุปแล้วการจดทะเบียนแบบไหนเด่น และดีด้านไหนบ้าง ?
        บริษัทจำกัด : มีความน่าเชื่อถือ มีแบบแผน มีความมั่นคงที่มากกว่า เหมาะกับธุรกิจที่ต้องติดต่อกับคนจำนวนมากๆ และข้อดีสำคัญอีกอย่างก็คือสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากกว่า
        ห้างหุ้นส่วนจำกัด :  มีความยืดหยุ่นมากกว่า สามารถตัดสินใจได้รวดเร็ว เหมาะสำหรับธุรกิจเล็ก ๆ หรือธุรกิจครอบครัว และในส่วนของห้างหุ้นส่วนจำกัดยังมีขั้นตอนการจดทะเบียนที่ง่ายกว่าและมีค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่า

        ซึ่งการจดทะเบียนทั้งคู่ต่างก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ดังนั้นผู้จดทะเบียนควรวางแผนการดำเนินการธุรกิจให้ดีก่อนว่า จะดำเนินธุรกิจไปในแนวทางไหน เพื่อที่การจดทะเบียนนั้นจะเป็นประโยชน์และเหมาะสมกับเรามากที่สุด


        อย่าพลาดบทความเกี่ยวกับบัญชีดีๆจาก นรินทร์ทอง
        เป็นยังไงกันบ้างคะ ถ้าทุกท่านอ่านมาถึงตรงนี้ดิฉันคิดว่า ทุก ๆ ท่านน่าจะพอแยกออกแล้วว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัดกับ บริษัทจำกกัด นั้นแตกต่างกันอย่างไร? ครั้งหน้าเราจะมีบทความเกี่ยวกับบัญชี ภาษี หรือ กฎหมายอะไรมาบอกกันอีกบ้างอีกอย่าลืมกดไลค์และกดติดตามเฟสบุ๊คแฟนเพจของเราได้ตามช่องทางด้านล่างนี้เลย จะได้ไม่พลาดข้อมูลข่าวสารอื่นๆ และ คอนเทนต์นี้มีประโยชน์ ถ้าบทความนี้มีประโยชน์ อย่าลืมแชร์ให้เพื่อนๆ ของคุณทราบด้วยนะคะ!!!

        สามารถเข้าไปอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.narinthong.com/law/บริษัท-กับ-ห้างหุ้นส่วน/

        ใครมีข้อสงสัย ต้องการคำปรึกษา นรินทร์ทอง สามารถติดต่อสอบถามได้ที่…
        Facebook : NarinthongOfficial
        E-mail : narinthong.ac@gmail.com
        Line : @Narinthong
        Tel : 081-627-6872 , 02-404-2339

        55
        สำหรับบริษัทจำกัดเป็นคำที่หลายๆคนคงคุ้นหูกัน แต่เอ๊ะ!! แล้วคำว่าบริษัทจำกัดมีความหมายว่าอะไร? และมีรูปแบบอย่างไร? ใครที่มีอำนาจวันนี้เราจะพาเพื่อนไปดูด้วยกัน



        บริษัทจำกัด  คือ  ?
        มาเริ่มกันที่คำว่าบริษัท จริงๆแล้วคือ บุคคลตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป ร่วมกันทำธุรกิจ เพื่อหาผลหากำไรร่วมกัน แบ่งผลประโยชน์กันในรูปแบบของหุ้น

        ส่วนคำว่าจำกัด หมายถึง การจำกัดความรับผิดชอบ ในกรณีที่เกิดปัญหา ลูกค้าสามารถฟ้องได้ตามทุนจดทะเบียน ที่จดทะเบียนไว้ตอนจัดตั้งเท่านั้น ไม่สามารถเรียกร้องทรัพย์สินส่วนตัวได้!!



        อำนาจการจัดการใน บริษัท?
        ก่อนอื่นเลยเราต้องมาเรียนรู้ใน 2 คำนี้ก่อนกันก่อน
        1.) ถือหุ้นบริษัทจำกัด
        2.) กรรมการ

        ผู้ถือหุ้นบริษัทจำกัด
        ผู้ถือหุ้นถ้าว่ากันง่ายก็คือผู้ที่มีความเป็นเจ้าของบริษัท แต่ว่าไม่มีสิทธิในการบริหาร กิจการใดๆในองค์กร ถ้าจะใช้อำนาจต้องผ่าน การประชุมผู้ถือหุ้นเท่านั้น

        กรรมการบริษัทจำกัด
        ส่วนกรรมการมีอำนาจในการบริหาร ในบริษัทแต่ต้องมาจากการลงลงมติ การประชุมกรรมการ หรือ ผู้ถือหุ้น โดยการโหวตเสียงข้างมากจึงจะมีสิทธิที่จะดำเนินการ

        แล้วกรรมการไม่ใช่เจ้าของแล้วมีที่มากจากไหน กรรมการเองมีที่มาจากการแต่งตั้งของผู้ถือหุ้น ซึ่งกรรมการ จะมีกี่ท่านก็ได้ขึ้นอยู่กับการตกลงกันของผู้ถือหุ้นนั้นเอง

        แต่ต้องบอกก่อนว่า ผู้ถือหุ้นหลายๆบางครั้งก็แต่งตั้งตัวเองเป็นกรรมการเพื่อ ดำเนินกิจการ บริหารด้วยตัวเองเหมือนกัน !!!



        ใครที่ควรจดบริษัท?
        ให้เราวิเคราะห์ตัวเอง ลูกค้าเราเป็นใคร การจะรับงานมีเงื่อนไขเรื่องของการเป็นบริษัทไหม เนื่องจากลูกค้าบางเจ้าต้องการเข้าระบบ หรือ ต้องมีทุนจดทะเบียนที่เหมาะสมกับงานถึงจะสามารถทำงานได้โดยไม่มีปัญหา ดังนั้นให้เราวิเคราะห์ธุรกิจของเราให้ดี

        ใครมีข้อสงสัย ต้องการคำปรึกษา นรินทร์ทอง สามารถติดต่อสอบถามได้ที่…

        Facebook : NarinthongOfficial
        E-mail : narinthong.ac@gmail.com
        Line : @Narinthong
        Tel : 081-627-6872 , 02-404-2339


        56
        ใครที่กำลังจะจดทะเบียนบริษัทจำกัด หลายคนก็คงมีคำถามเกี่ยวกับเรื่องทุนจดทะเบียน? ต้องมีเงินจริงไหม? ต้องจ่ายให้ใคร? วันนี้เรารวมเรื่องที่คุณควรต้องรู้ ก่อนสาย!!!


        ทุนจดจะเบียน บริษัท คือ?
        สำหรับทุนจดทะเบียน ก็คือ การที่เรานำทุนในรูปแบบต่างๆไม่ว่าจะเป็น เงิน ที่ดิน แรง มาร่วมทำธุรกิจนั้นเองซึ่งเราก็จะได้การแบ่งกำไร หรือ การรับผิดชอบหนี้สิน เป็นรูปแบบของหุ้นนั้นเอง ยิ่งลงทุนเยอะก็จะมีหุ้นในบริษัทเยอะ

        แล้ว ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว คือ?
        ก็คือการที่ผู้ถือหุ้นหรือร่วมหุ้นของเรามีการนำ ทุนมาลง เป็นเรียบร้อยแล้วนั้นเอง ในที่นี้อาจจะเป็นตัวเงินซึ่งในทางกฏหมายต้องลงขั้นต่ำที่ 25% อย่างเช่นเราคิดว่าจะมีทุนจดทะเบียนที่ 1 ล้านบาท เราก็ต้องมีเงินรวบรวมให้ได้ที่ 2 แสนห้า ก่อนแล้วค่อยไปจดทะเบียนบริษัท ซึ่งก็จะลงทุนตามสัดส่วนหุ้นที่ถือ ใครถือเยอะก็ต้องลงทุนสูงนั้นเอง 




        แล้วบริษัทเราควรมีทุนจดทะเบียน บริษัท เท่าไรดี?
        ง่ายๆเลยอยากให้เราลองวิเคราะห์ธุรกิจเราเองก่อน เรามีต้นทุนในการดำเนินการเท่าไร ลูกค้าเราเป็นใคร เช่น เราทำธุรกิจอสังหา โปรเจคนึงของเรามีมูลค่าส่วนใหญ่ที่ 10 ล้าน เราก็ควรจดทะเบียนที่เหมาะสมที่ 10 ล้านบาทเนื่องจากในกรณีที่มูลค่าสูง ลูกค้ามักจะมีเงื่อนไขในเรื่องของการจดทะเบียน ถึงจะรับงานนั้นได้ ส่วนใครที่มูลค่างานต่ำกว่าก็สามารถปรับลดตามความเหมาะสมนั้นเอง


        เราต้องจ่าย ทุนจดทะเบียน บริษัท ตอนไหน? ต้องจ่ายจริงๆไหม?
        ผู้ถือหุ้นมีหน้าที่ชำระ 25% เพื่อนำเป็นเงินในการดำเนินกิจการ แต่เราแค่นำเงินจำนวนนัี้นมารวมเพื่อที่จะดำเนินบริษัท ไม่ต้องชำระให้เจ้าหน้าที่ หรือ แสดงในกรณีที่ต่ำกว่า 5 ล้าน แต่ถ้า ทุนจดทะเบียนสูงกว่า 5 ล้านบาทต้อง นำบัญชี ไปแสดงแก่เจ้าหน้าที่ นั้นเอง


        เราเชื่อว่าการเติบโตในธุรกิจเป็นเรื่องสำคัญ
        สำหรับเพื่อนๆ ใครมีข้อสงสัย ต้องการคำปรึกษา หรือต้องการบริการเรื่องการจดทะเบียนบริษัท เราเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านบัญชี และ ภาษี รวมไปถึงการจดทะเบียนนิติบุคคลไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบ บริษัท หรือ ห้างหุ้นส่วน เราให้บริการมากกว่า 20 ปี สำหรับ 

        ใครมีข้อสงสัย ต้องการคำปรึกษา นรินทร์ทอง สามารถติดต่อสอบถามได้ที่…

        Facebook : NarinthongOfficial
        E-mail : narinthong.ac@gmail.com
        Line : @Narinthong
        Tel : 081-627-6872 , 02-404-2339

        57
          สำหรับประเภทของการจดนิติบุคล หลายๆคนก็จะรู้จักแต่บริษัทจำกัด แต่จริงๆ แล้วยังมีรูปแบบนิติบุคลที่มีความน่าสนใจอย่าง ห้างหุ้นส่วน ที่หลายอาจมองข้ามไป!!!



          สำหรับห้างหุ้นส่วนในทางกฏหมาย ก็คือ บุคคล 2 คน ที่ร่วมกันทำธุรกิจ แล้วแบ่งหุ้นกัน นั้นเอง
          ซึ่งจะสามารถแบ่งได้ 2 ประเภท
          • ห้างหุ้นส่วนจำกัด
          • ห้างหุ้นส่วนสามัญ



          ห้างหุ้นส่วนจำกัด คือ ?

          ห้างหุ้นส่วนจำกัด ก็คือ ธุรกิจที่ดำเนินการมากกว่า 2 คน ซึ่งมีรูปแบบความรับผิดชอบได้ 2 รูปแบบ นั้นเอง

          ประเภทแรกก็คือ หุ้นจำกัดความรับผิดชอบ หรือ ในส่วนนี้จะจำกัดความรับผิดชอบตามทุนจดทะเบียน หจก ที่เราตั้งไว้ ในกรณีถูกฟ้องร้อง ก็รับผิดชอบตามทุนจดทะเบียนไม่ต้องนำสินทรัพย์ส่วนตัวมาชดใช้

          ประเภทที่สองก็คือ หุ้นไม่จำกัดความรับผิดชอบ ในกรณีแบบนี้ ผู้ถือหุ้นของหจก. จ้องชำระหนี้สิน ของหจก.โดยเจ้าหนี้ สามารถฟ้องร้องให้นำสินทรัพย์ส่วนตัวมาชดใช้ได้นั้นเอง



          สำหรับห้างหุ้นส่วนสามัญ ก็คือ ธุรกิจที่ดำเนินการมากกว่า 2 คน ซึ่งมีรูปแบบความรับผิดชอบได้ แค่รูปแบบเดียวคือ ไม่จำกัดความรับผิดชอบนั้นเอง ซึ่งถ้าเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ เราสามารถเลือกได้ว่าจะจดทะเบียนนิติบุคคล ไหม ถ้าจดก็จะเรียกว่า ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคล


          ห้างหุ้นส่วนจำกัด คือ อะไร? ต่างกับ ห้างหุ้นส่วนสามัญ อย่างไร?
          หลายคนก็คงจะสงสัยแล้ว ห้งหุ้นส่วนสามัญ กับ จำกัด ต่างกันแค่รูปแบบความรับผิดชอบรึป่าว วันนี้เราก็รวมมาให้เพื่อนๆแล้ว สามารถดูได้ที่รูปนี้เลย


          สำหรับใครที่อยากอ่านข้อมูล เพิ่มเติมยังตัดสินใจไม่ได้หรือมีข้อสงสัย เราจะจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วน จำกัด หรือ สามัญ ดี

          สามารถเข้าไปอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://narinthong.com/ห้างหุ้นส่วนจำกัด-คือ/

          ใครมีข้อสงสัย ต้องการคำปรึกษา นรินทร์ทอง สามารถติดต่อสอบถามได้ที่…

          Facebook : NarinthongOfficial
          E-mail : narinthong.ac@gmail.com
          Line : @Narinthong
          Tel : 081-627-6872 , 02-404-2339

          58
          การจัดทำบัญชีจะทำให้รู้ว่าการลงทุนได้รับกำไร – ขาดทุนเป็นจำนวนเท่าไหร่ ซึ่งการคำนวณจะรวม ค่าเสื่อมราคา เพื่อช่วยให้คุณสามารถประเมินเกี่ยวกับทิศทางของธุรกิจ วันนี้ นรินทร์ทอง จึงอยากพาคุณมาทำความรู้จักกับค่าเสื่อมราคาให้มากยิ่งขึ้น!


          ค่าเสื่อมราคา คืออะไร?


          ค่าเสื่อมราคา (Depreciation Expense) จะสามารถนำมาคำนวณได้ก็ต่อเมื่อคุณมีสินทรัพย์ถาวรที่ใช้งานมากกว่า 1 ปี หรือรอบบัญชี ช่วยให้การคิดค่าใช้จ่ายเป็นเหมือนกับการทยอยจ่ายในแต่ละปี


          ทำไมถึงเกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ถาวร


          สินทรัพย์ เป็นสิ่งของหรือทรัพยากรที่เรามี และสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจได้ ซึ่ง‘สินทรัพย์ถาวร’ ต้องมีระยะเวลาในการใช้งานมากกว่า 1 ปีขึ้นไป โดยมีทั้งหมด 2 ประเภท
          • สินทรัพย์ถาวรแบบมีตัวตน (Tangible Fixed Asset) เป็นสินทรัพย์ที่คุณสามารถจับ เพื่อนำมาใช้ให้ได้รับผลตอบแทน
          • สินทรัพย์ถาวรแบบไม่มีตัวตน (Intangible Fixed Asset) เป็นสินทรัพย์ที่ไม่สามารถจับต้องได้อย่างทรัพย์สินทางปัญญา แต่ได้รับผลประโยชน์เหมือนกัน
          มีวิธีการคำนวณค่าเสื่อมอย่างไร?
          การคิดค่าเสื่อมราคา ถือว่าเป็นการคิดค่าใช้จ่ายของสินทรัพย์ที่เสื่อมสภาพ ในช่วงตลอดระยะเวลาของการใช้งาน ที่ให้ประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจของคุณ ซึ่งการคิดคำนวณที่นิยมกันมากที่สุด คือ ‘การคำนวณแบบเส้นตรง’

          การคำนวณแบบเส้นตรง



          ค่าเสื่อมราคา = (มูลค่าสินทรัพย์ – มูลค่าคงเหลือ) / อายุการใช้งาน
          • มูลค่าสินทรัพย์ มูลของสินทรัพย์ถาวรที่จะนำมาคำนวณ (รายชิ้น)
          • มูลค่าคงเหลือ ราคาที่คิดว่าจะขายได้ และสินทรัพย์หมดอายุการใช้งานแล้ว
          • อายุการใช้งาน ระยะเวลาที่คุณใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ถาวร

          ตัวอย่าง : ผู้ประกอบการที่ลงทุนซื้อเครื่องจักรผลิต ราคา 100,000 บาท ได้ทำการประเมินแล้วว่ามีมูลค่าคงเหลือ 15,000 และมีอายุการใช้งาน 8 ปี
          • (100,000 – 15,000) / 8
          • ค่าเสื่อมราคาจะอยู่ที่ 10,625 บาท/ปี


          ความสำคัญของการคิดค่าเสื่อมราคา
          ในกรณีที่สินทรัพย์มีมูลค่าสูง และอายุการใช้งานมากกว่า 1 รอบบัญชี จะถูกจัดว่าเป็นสินทรัพย์ถาวรที่ต้องมีการหาค่าเสื่อมราคา เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ได้รับผลกระทบต่อกำไรของกิจการสูง

          หากใครที่ไม่รู้ว่าต้องทำการคิดค่าเสื่อมราคาอย่างไร แนะนำให้ปรึกษากับทาง นรินทร์ทอง เพราะเรามีบริการที่เกี่ยวข้องกับบัญชีให้ครบวงจร ช่วยให้การเงินของบริษัทคุณเป็นเรื่องง่าย


          สนใจใช้บริการสำนักงานบัญชี ต้องที่ นรินทร์ทอง !
          บริษัท นรินทร์ทอง จำกัด เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านบัญชี และภาษี รวมไปถึงการจดทะเบียนนิติบุคคล ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบ บริษัท หรือห้างหุ้นส่วน ด้วยประสบการณ์ที่ให้บริการมากกว่า 20 ปี โดยมีบริการให้คุณได้เลือกใช้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น
          • การส่งภาษีอากร ทางเราสามารถยื่นภาษีให้ได้ โดยที่คุณไม่ต้องยุ่งยากกับการจัดเตรียมเอกสาร รวมไปถึงรับจัดทำรายงาน และให้คำปรึกษาทางด้านภาษี
          • รับจดทะเบียนบริษัท เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับบริษัทของคุณ โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากการจดทะเบียน เพราะเราสามารถช่วยคุณได้
          • รับทำเงินเดือนพนักงาน มีการคำนวณเงินเดือนพนักงานอย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันปัญหาที่ทำให้พนักงานได้รับเงินเดือนช้า หรือไม่ครบตามที่กำหนด
          • ให้บริการรับทำบัญชี หากใครที่กำลังรู้สึกว่าการทำบัญชีนั้นเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก และมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นมากมายภายในบริษัท ทางเราพร้อมที่จะดูแลคุณ
          นรินทร์ทองอยากให้ธุรกิจของคุณพัฒนาได้อย่างก้าวกระโดด

          และรู้ทุกการเคลื่อนไหวทางการเงิน เพื่อให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างรวดเร็ว

          ใครมีข้อสงสัย ต้องการคำปรึกษา นรินทร์ทอง สามารถติดต่อสอบถามได้ที่…

          Facebook : NarinthongOfficial
          E-mail : narinthong.ac@gmail.com
          Line : @Narinthong
          Tel : 081-626-6872 , 02-404-2339

          59
          การที่เป็นเจ้าของกิจการของธุรกิจที่มีการว่าจ้างบริษัทที่ช่วยดูแลบัญชี แต่ยังคงเจอกับปัญหาที่ทำให้ปวดหัว เช่น มีการทำงานที่ล่าช้า หรือเอกสารเกิดข้อผิดพลาดอยู่เป็นประจำ วันนี้ นรินทร์ทอง จะมาแนะนำคุณเกี่ยวกับการเปลี่ยนสำนักงานบัญชี โดยเริ่มจากระยะเวลาที่เปลี่ยนควรเป็นช่วงไหน และขั้นตอนของการเปลี่ยนมีอะไรบ้าง

          เปลี่ยนสำนักงานบัญชี ควรเปลี่ยนตอนไหน?

          เปลี่ยนระหว่างรอบ
          ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เปลี่ยนอย่างกะทันหัน และต้องมีความจำเป็นอย่างมากในการเปลี่ยนสำนักงานบัญชี เพราะคุณต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม จากสำนักงานบัญชีเก่าที่ไม่ได้อยู่ครบปีตามสัญญา

          เปลี่ยนตอนต้นรอบ
          ช่วงที่นิยมเปลี่ยนสำนักงานบัญชีมากที่สุด คือ ตอนต้นรอบของบัญชีใหม่ เพราะการทำบัญชีในแต่ละรอบจะต้องมีการปิดบัญชี และส่งมอบเอกสารคืนให้กับผู้ประกอบการ (หากไม่ได้รับเอกสารต้องแจ้งกับทางสำนักงานบัญชี)

          ซึ่ง 1 รอบของระยะเวลาในการทำบัญชี สามารถเริ่มต้นและสิ้นสุดในเดือนไหนก็ได้ แต่โดยส่วนมากจะเริ่มรอบในเดือนแรกของปี

          ขั้นตอนการเปลี่ยนต้องทำอย่างไร?
          รหัสผ่านตามช่องทางต่างๆ

          • ขอรหัสในการนำส่งงบการเงิน ทางกรมพัฒนาธุรกิจการค้าให้ส่งงบการเงินผ่านระบบออนไลน์ หรือ DBD e-Filing
          • ขอรหัสของการยื่นแบบนำส่งภาษี หากคุณเป็นผู้ประกอบการที่มีเกณฑ์ต้องเสียภาษี สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ E-FILING
          • ขอรหัสที่ทำธุรกรรมของประกันสังคม ถ้าต้องทำเรื่องแจ้งเข้า – แจ้งออกจากประกันสังคม สามารถทำผ่านเว็บไซต์ สำนักงานประกันสังคม
          เอกสารประกอบการบันทึกบัญชี

          • บิลซื้อและบิลขาย จะเกี่ยวข้องกับเงินที่เข้า – เงินที่ออก ซึ่งทางสำนักงานบัญชีจะทำเป็นชุดเอกสาร เช่น ใบสำคัญจ่าย และ ใบสำคัญรับ
          • แบบนำส่งภาษีและใบเสร็จ ประกอบไปด้วยแบบ ภ.ง.ด 1, ภ.ง.ด 3, ภ.ง.ด 53 และ ภ.พ. 30 กับส่งภาษีประจำปี ภ.ง.ด 50 และ ภ.ง.ด 51
          • ภาษีซื้อและภาษีขาย (กรณีที่มี) ถ้าคุณมีรายได้ต่อปีมากกว่า 1.8 ล้านบาท จะมีการจัดทำรายงานภาษีมูลค่าเพิ่มที่เรียกเก็บ VAT อยู่ที่ 7%
          • แบบนำส่งประกันสังคมและใบเสร็จรับเงิน นายจ้างหรือผู้ประกอบการที่มีการขึ้นทะเบียนนายจ้างเรียบร้อยแล้ว จะต้องขอแบบนำส่งประกันสังคมกับใบเสร็จรับเงิน
          ข้อมูลการบันทึกบัญชี


          ข้อมูลที่ต้องได้รับคืน :เป็นการหายอดคงเหลือที่ถูกต้อง ณ วันสิ้นงวดบัญชี ของบัญชีทุน บัญชีสินทรัพย์ และบัญชีหนี้สิน
          • สมุดรายวันเฉพาะ คือ รายวันซื้อ, รายวันขาย, รายวันจ่าย และรายวันรับ
          • สมุดรายวันแยกประเภท มีการแยกประเภทออกเป็น 2 ส่วน คือ ประเภททั่วไป และ ประเภทย่อย
          • งบทดลอง มีทั้งหมด 5 หมวด คือ สินทรัพย์, หนี้สิน, ส่วนเจ้าของ, รายได้ และค่าใช้จ่าย
          • ทะเบียนทรัพย์สิน จะเป็นการตรวจสอบข้อเท็จจริงของทรัพย์สินที่คุณมีอยู่
          ข้อมูลที่อาจจะมี : สมุดรายวันเฉพาะ, สมุดรายวันแยกประเภท, งบทดลอง และทะเบียนทรัพย์สิน
          • ทะเบียนลูกหนี้ ทะเบียนเจ้าหนี้ สำหรับผู้ประกอบการที่มีลูกหนี้การค้าหรือเจ้าหนี้การค้า
          • รายละเอียดสินค้าคงเหลือ ในกรณีที่ธุรกิจของคุณมีการจำหน่ายสินค้า
          • ยอดคงเหลือฝั่งสินทรัพย์และหนี้สิน การดำเนินธุรกิจของคุณมีสินทรัพย์และหนี้สินยอดคงเหลือในระดับที่สูง
          ทำไมถึงต้องเตรียมตัวก่อนที่จะเปลี่ยนสำนักงานบัญชี?
          การเตรียมตัวจะช่วยให้คุณเลือกระยะเวลาที่เหมาะสมอย่าง ตอนต้นรอบของบัญชีใหม่ เพื่อป้องกันการทำงานที่ซ้ำซ้อน และที่สำคัญอย่าลืมขอรหัสผ่าน ขอเอกสารประกอบการบันทึกบัญชี รวมไปถึงขอข้อมูลการบันทึกบัญชีจากสำนักงานบัญชีที่เก่า

          หากคุณกำลังเจอกับปัญหาจากสำนักงานบัญชีเก่า จนรู้สึกว่าต้องการเปลี่ยนเป็นสำนักงานบัญชีที่ใหม่ ทาง นรินทร์ทอง เป็นบริษัทรับทำบัญชีที่พร้อมให้บริการ เพื่อช่วยรักษาผลประโยชน์ให้กับธุรกิจคุณมากที่สุด

          สนใจเปลี่ยนสำนักงานบัญชี ติดต่อได้ที่ นรินทร์ทอง!
          บริษัท นรินทร์ทอง จำกัด เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านบัญชี และภาษี รวมไปถึงการจดทะเบียนนิติบุคคล ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบ บริษัท หรือห้างหุ้นส่วน ด้วยประสบการณ์ที่ให้บริการมากกว่า 20 ปี เพื่อให้ธุรกิจของคุณพัฒนาได้อย่างก้าวกระโดด และรู้ทุกการเคลื่อนไหวทางการเงิน เพื่อให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างรวดเร็ว โดยมีบริการให้คุณได้เลือกใช้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น
          • การส่งภาษีอากร
          • รับจดทะเบียนบริษัท
          • รับทำเงินเดือนพนักงาน
          • ให้บริการรับทำบัญชี

          ใครมีข้อสงสัย ต้องการคำปรึกษา นรินทร์ทอง สามารถติดต่อสอบถามได้ที่…

          Facebook : NarinthongOfficial
          E-mail : narinthong.ac@gmail.com
          Line : @Narinthong
          Tel : 081-626-6872 , 02-404-2339

          60
            การลงทุนร่วมกันในรูปแบบของห้างหุ้นส่วนจำกัดหรือบริษัท ที่มีสถานะเป็นหุ้นส่วนร่วมกัน หากธุรกิจของคุณต้องการเปลี่ยนผู้ถือหุ้น แต่ไม่รู้ว่ามีวิธีการจดเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นอย่างไร วันนี้ นรินทร์ทอง จะพาคุณมาทำความรู้จักกับการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นมากยิ่งขึ้น ถ้าพร้อมแล้วคุณต้องไม่พลาดกับบทความนี้!

            การเปลี่ยนผู้ถือหุ้น คืออะไร?


            การเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น คือ การซื้อขายหุ้นระหว่างผู้ถือหุ้นรายเก่าและรายใหม่ โดยต้องทำการนำส่ง ‘บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5)’  ฉบับใหม่ให้กับทางกรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยการนำส่งสามารถยื่นผ่านทางเว็บไซต์ได้ โดยช่วงระยะเวลาของการเปลี่ยนรายชื่อผู้ถือหุ้น สามารถทำการเปลี่ยนเมื่อไหร่ก็ได้

            รูปแบบการเปลี่ยนผู้ถือหุ้นมีอะไรบ้าง?


            การดำเนินธุรกิจที่ลงทุนร่วมกันจะต้องมีการตกลงและจัดทำเอกสาร จึงทำให้รูปแบบการเปลี่ยนผู้ถือหุ้นมีรายละเอียด ดังนี้

            รายชื่อของผู้ถือหุ้น
            การเปลี่ยนรายชื่อของผู้ถือหุ้น ถือว่าเป็นการเพิ่มและถอนรายชื่อ ที่ต้องมีการตกลงราคาในการซื้อหุ้นของผู้ที่ถอดหุ้น หลังจากนั้นให้ทำการยื่นแบบ บอจ.5 กับทางกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อให้ข้อมูลอยู่ในสถานะปัจจุบัน

            สัดส่วนของผู้ถือหุ้น
            จะเกิดจากความสมัครใจของทั้ง 2 ฝ่าย ระหว่างผู้โอนกับผู้รับ และต้องทำหนังสือที่มีพยานเพื่อเป็นการยืนยัน โดยที่ไม่ต้องแจ้งกับทางนายทะเบียนจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า


            วิธีการ เปลี่ยนผู้ถือหุ้น ต้องทำอย่างไร?
            เอกสารที่ต้องเตรียม
            สำเนาบัตรประชาชน
            สำเนาบัตรประชาชนที่จัดเตรียมจะต้องเป็นของบุคคลที่เข้ามาถือหุ้นคนใหม่

            หนังสือสัญญาโอนหุ้น
            เป็นสัญญาที่ควรมี เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาฟ้องร้อง ในกรณีที่มีการเปลี่ยนผู้ถือหุ้น

            สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5)
            ในกรณีที่มีการโอนหุ้นเรียบร้อยแล้ว จะต้องทำสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) เป็นฉบับล่าสุด โดยประกอบไปด้วยรายละเอียดที่สำคัญ
            • ชื่อ เลขทะเบียน ของบริษัท
            • วันที่ของทะเบียนผู้ถือหุ้น
            • มูลค่าของทุนจดทะเบียน จำนวนหุ้น และมูลค่าหุ้น
            • จำนวนของผู้ถือหุ้นทั้งหมดภายในบริษัท
            • รายละเอียดของผู้ถือหุ้นในแต่ละคน

            หนังสือนำส่งบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น
            การทำสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) ฉบับใหม่ ต้องส่งควบคู่กับ หนังสือนำส่งบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น แต่ถ้าไม่ต้องการทำหนังสือนำส่ง ก็สามารถทำในวันที่มีประชุมสามัญประจำปีพร้อมกับงบการเงินได้

            แบบขอคัดรายชื่อผู้ถือหุ้นฉบับใหม่
            สามารถทำผ่านช่องทางออนไลน์ จากเว็บไซต์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และต้องทำการชำระค่าธรรมเนียม 50 บาท


            การยื่นบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น

            • ยื่นด้วยตนเอง สามารถยื่นตามสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าทั้ง 6 เขต หรือที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด
            • ยื่นผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ เตรียมสำเนาบอจ.5 แบบไฟล์ .xlsm หลังจากนั้นให้พิมพ์ใบนำส่งข้อมูลผ่าน DBD e-Filing (คู่มือนำส่งรายชื่อผู้ถือหุ้น)
            สำหรับใครที่ต้องทำการจดทะเบียนนิติบุคคล พร้อมกับมีผู้ถือหุ้นร่วมด้วย หากถึงช่วงที่ต้องทำการเปลี่ยนผู้ถือหุ้นจะต้องเตรียมเอกสารให้พร้อม แต่ถ้าคุณยังคงมีความไม่เข้าใจเกี่ยวกับเอกสาร แนะนำให้ปรึกษาได้ที่ นรินทร์ทอง เพราะเราเป็นบริษัทที่รับทำบัญชี ที่ช่วยทำให้การเปลี่ยนผู้ถือเป็นเรื่องที่ง่าย

            หากต้องการเปลี่ยนผู้ถือหุ้น นรินทร์ทองช่วยคุณได้!
            บริษัท นรินทร์ทอง จำกัด เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านบัญชี และภาษี รวมไปถึงการจดทะเบียนนิติบุคคล ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบ บริษัท หรือห้างหุ้นส่วน ด้วยประสบการณ์ที่ให้บริการมากกว่า 20 ปี โดยมีบริการให้คุณได้เลือกใช้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น
            • การส่งภาษีอากร ทางเราสามารถยื่นภาษีให้ได้ โดยที่คุณไม่ต้องยุ่งยากกับการจัดเตรียมเอกสาร รวมไปถึงรับจัดทำรายงาน และให้คำปรึกษาทางด้านภาษี
            • รับจดทะเบียนบริษัท เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับบริษัทของคุณ โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากการจดทะเบียน เพราะเราสามารถช่วยคุณได้
            • รับทำเงินเดือนพนักงาน มีการคำนวณเงินเดือนพนักงานอย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันปัญหาที่ทำให้พนักงานได้รับเงินเดือนช้า หรือไม่ครบตามที่กำหนด
            • ให้บริการรับทำบัญชี หากใครที่กำลังรู้สึกว่าการทำบัญชีนั้นเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก และมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นมากมายภายในบริษัท ทางเราพร้อมที่จะดูแลคุณ
            นรินทร์ทองอยากให้ธุรกิจของคุณพัฒนาได้อย่างก้าวกระโดด
            และรู้ทุกการเคลื่อนไหวทางการเงิน เพื่อให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างรวดเร็ว

            ใครมีข้อสงสัย ต้องการคำปรึกษา นรินทร์ทอง สามารถติดต่อสอบถามได้ที่…

            Facebook : NarinthongOfficial
            E-mail : narinthong.ac@gmail.com
            Line : @Narinthong
            Tel : 081-626-6872 , 02-404-2339

            61
            การแจ้งออกประกันออกประกันสังคมเป็นสิ่งที่นายจ้างจะต้องรับผิดชอบ เพื่อเป็นการช่วยให้รักษาสิทธิของลูกจ้างหรือผู้ประกันตนเอาไว้ สำหรับใครที่เป็นนายจ้างและไม่เคยแจ้งออกประกันสังคมให้กับลูกจ้างมาก่อน วันนี้ นรินทร์ทอง จะพาคุณมารู้จักกับวิธีการแจ้งออกประกันสังคม ตั้งแต่เอกสารที่ต้องเตรียม, ระยะเวลาในการยื่น และสามารถยื่นเอกสารที่ไหนได้บ้าง


            ประกันสังคมมีทั้งหมดกี่ประเภท?


            การเป็นผู้ประกันตนที่อยู่ในประกันสังคม ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 'ภาคบังคับ' นายจ้างเป็นผู้แจ้งเข้าประกันสังคมอัตโนมัติ ในกรณีที่ลูกจ้างถูกบรรจุเข้าสู่บริษัท ก็จะได้รับมาตรา 33 และ 'ภาคสมัครใจ' คือคนที่เคยอยู่ในมาตรา 33 มาก่อนก็เปลี่ยนเป็น 39 ได้ แต่ถ้าคุณไม่เคยอยู่ในมาตรา 33 กับ 39 จะสมัครมาตรา 40 ได้ ซึ่งแต่ละมาตรามีอัตราในการเรียกเก็บเงินในจำนวนที่ไม่เท่ากัน และความคุ้มครองก็แตกต่างกันออกไปเช่นกัน


            วิธีการ “แจ้งออกประกันสังคม” ให้กับลูกจ้าง


            แจ้งออกที่สำนักงานประกันสังคม
            • เตรียม เอกสาร สปส.6-09 หรือ แบบแจ้งการสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตน
            • ทำการกรอกรายละเอียดทั้งหมดให้เรียบร้อย รวมถึงวันที่สิ้นสุด
            • เซ็นลงชื่อพร้อมกับประทับตราบริษัทให้เอกสารสมบูรณ์
            • ยื่นเอกสารที่สำนักงานประกันสังคมในพื้นที่ได้เลย

            แจ้งออกผ่านทางเว็บไซต์
            • เข้าไปที่เว็บไซต์ ‘สำนักงานประกันสังคม หรือ www.sso.go.th
            • หากเป็นนายจ้างจะต้องเข้าสู่ระบบแล้วกดไปที่ ‘สถานประกอบการ’
            • เลือก ‘ทะเบียนผู้ประกันตน’ และทำการ ‘แจ้งสิ้นสุดการเป็นผู้ประกันตน (สปส.6-09)’ โดยใส่รายละเอียดให้ครบ
            • หลังจากนั้นให้ตรวจสอบข้อมูลอีกครั้ง เพื่อทำการยืนยันบันทึกข้อมูล


            หากนายจ้างไม่ทำการแจ้งออกจะมีความผิดอย่างไร?


            การแจ้งออกประกันสังคมเป็นหน้าที่ของนายจ้างที่ต้องรับผิดชอบ หากไม่ดำเนินเรื่อง “แจ้งออกประกันสังคม” จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ. 2533 ที่ได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน, ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เพราะลูกจ้างจะไม่สามารถขอเงินชดเชยว่างงานได้ ถือว่าข้อมูลในระบบยังมีสถานะที่เป็นพนักงานบริษัทอยู่


            ทำไมนายจ้างถึงต้องทำการแจ้งออกประกันสังคม?
            นายจ้างต้องแจ้งออกประกันสังคมให้กับทางลูกจ้าง เพราะเป็นสิทธิที่ผู้ประกันตนควรได้รับในเรื่องของการลงทะเบียนว่างงาน เพื่อช่วยให้ผู้ประกันตนได้รับเงินชดเชย และมีเรื่องของกฎหมายมาเกี่ยวข้อง ที่ทำให้นายจ้างมีสิทธิได้รับโทษทั้งจำทั้งปรับอีกด้วย


            ให้การยื่นแจ้งออกประกันสังคมเป็นเรื่องง่ายกับ นรินทร์ทอง
            บริษัท นรินทร์ทอง จำกัด เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านบัญชี และภาษี รวมไปถึงการจดทะเบียนนิติบุคคล ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบ บริษัท หรือห้างหุ้นส่วน ด้วยประสบการณ์ที่ให้บริการมากกว่า 20 ปี ทำให้มั่นใจได้เลยว่าหากเลือกใช้บริการกับเรา จะทำให้ธุรกิจของคุณพัฒนาได้อย่างก้าวกระโดดแน่นอน โดยมีบริการให้คุณได้เลือกใช้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น
            • บริการส่งภาษีอากร
            • บริการจดทะเบียนบริษัท
            • บริการทำเงินเดือนพนักงาน
            • บริการรับทำบัญชี

            นรินทร์ทองอยากให้ธุรกิจของคุณพัฒนาได้อย่างก้าวกระโดด

            ใครมีข้อสงสัย ต้องการคำปรึกษา นรินทร์ทอง สามารถติดต่อสอบถามได้ที่…

            Facebook : NarinthongOfficial
            E-mail : narinthong.ac@gmail.com
            Line : @Narinthong
            Tel : 081-626-6872 , 02-404-2339

            62
            อลูมิเนียมคอมโพสิต มีลักษณะเป็นแผ่นอลูมิเนียมเคลือบสี วัสดุคุณภาพเยี่ยม สามารถทนทานต่อทุกสภาพอากาศ จึงนิยมนำไปใช้กับอาคารขนาดใหญ่หรือตึกที่มีความสูง สำหรับใครที่กำลังสนใจ อยากจะนำอลูมิเนียมคอมโพสิตไปใช้งาน แต่ไม่รู้ว่ามีทั้งหมดกี่แบบ และสามารถนำไปใช้กับงานไหนได้บ้าง วันนี้ Bitec Enterprise จะพาคุณมาทำความรู้จักกับ อลูมิเนียมคอมโพสิตให้ดีมากยิ่งขึ้น!


            อลูมิเนียมคอมโพสิตคืออะไร?


            อลูมิเนียมคอมโพสิต (Aluminium Composite, Aluminium Ceiling Cladding หรือ Aluminium Cladding) เป็นวัสดุที่นำไปใช้กับการก่อสร้างชนิดหนึ่งในรูปแบบของผนังเบา โดยมีกระบวนการผลิตที่นำแผ่นมาประกบกัน โดยที่แผ่นด้านบนกับด้านล่างเป็นวัสดุอลูมิเนียม ส่วนไส้กลางจะมีความแตกต่างกันออกไป แต่ตัวแผ่นจะต้องมีน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 5 กิโลกรัม/ตารางเมตร และใช้งานได้มากกว่า 10 ปี


            อลูมิเนียมคอมโพสิต มีทั้งหมดกี่แบบ?

            ไส้กลางของแผ่นอลูมิเนียมคอมโพสิต

            • ไส้กลาง PE (Polyethylene) เป็นวัสดุที่เหมาะกับการนำไปใช้ภายนอกของอาคาร เพราะมีความเหนียว แข็งแรงทนทาน และสามารถปรับเปลี่ยนรูปทรงได้
            • ไส้กลาง FR (Fire Resistant) มีความสามารถที่ช่วยป้องกันการลามไฟได้ จากการผสมสารที่ช่วยลดการเกิดเปลวไฟกับควัน ถือว่าเป็นมาตรฐานเรื่องของความปลอดภัย
            สีของแผ่น อลูมิเนียมคอมโพสิต

            • PE Coating วัสดุที่นำมาใช้จะเป็นโพลีเอสเตอร์ที่นำมาเคลือบ จึงเหมาะกับการใช้งานภายในอาคาร หมดปัญหาเรื่องของรอยขูดขีด
            • PVDF Coating มี 2 ประเภท คือ พีวีดีเอฟแบบทั่วไป จะนิยมใช้ในวงการของอุตสาหกรรม และพีวีดีเอฟแบบนาโน ช่วยให้การทำความสะอาดเป็นเรื่องที่ง่ายมากขึ้น
            • FEVE Coating ผิวจะเงางามมากกว่าปกติ และสีที่เคลือบจะไม่เพี้ยน เพราะต้องผ่านกระบวนการเคลือบแล้วนำไปอบมากกว่า 1 ครั้ง
            • Spectra Color Coating แผ่นจะมีความมันวาวแบบค่อยๆ เปลี่ยนสี เพราะมีการนำสารเคมีของมาใช้มากกว่า 70% แล้วนำไปผสมกับผงมุก
            • Special Color Coating จะสามารถแต่งเติมลวดลายได้ตามที่ต้องการ ช่วยให้ดีไซน์มีความโดดเด่นมากที่สุด
            สามารถนำไปใช้กับงานประเภทไหนได้บ้าง?


            อลูมิเนียมคอมโพสิต เป็นนวัตกรรมแบบใหม่ของการก่อสร้าง ที่ช่วยลดระยะเวลาในการทำงานให้สามารถติดตั้งได้ง่าย แต่ยังคงมีความแข็งแรง ทนทานต่อทุกสภาพอากาศ และมีดีไซน์ที่ทันสมัย สามารถนำไปใช้กับงานได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างอาคาร ที่มีการนำแผ่นมาติดปิดทั้งตัวของอาคาร, ตกแต่งภายในด้วยการทำฝ้าหรือเสา และนำไปผลิตเฟอร์นิเจอร์ อย่าง ตู้เก็บเอกสาร และเคาน์เตอร์ที่มีความหรูหรา เป็นต้น


            ทำไมจึงควรรู้ว่าอลูมิเนียมคอมโพสิตมีกี่แบบ?
            การที่ได้รู้ว่าอลูมิเนียมคอมโพสิตมีกี่แบบ จะเป็นการช่วยให้คุณสามารถเลือกคุณสมบัติของตัวแผ่น ให้เหมาะสมกับพื้นที่หน้างานมากยิ่งขึ้น หากใครที่รู้สึกว่าไม่มั่นใจกับการเลือกแผ่นอลูมิเนียมคอมโพสิต สามารถติดต่อไปยังบริษัท Bitec Enterprise เพื่อช่วยให้คุณได้รับคำแนะนำ และเกิดความคุ้มค่ามากที่สุด


            สนใจอลูมิเนียมคอมโพสิต ต้องที่ Bitec Enterprise
            Bitec Enterprise เป็นบริษัทที่มีประสบการณ์ทางด้านสถาปัตยกรรมและวิศวกรรมมาอย่างยาวนานมากกว่า 25 ปี ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2015 ในเรื่องของระบบบริหารที่มีคุณภาพ ช่วยให้ผู้ใช้งานมั่นใจในบริการได้อย่างแน่นอน

            นอกจากนั้นทางบริษัทยังมีการจำหน่ายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง เพื่อช่วยยกระดับในเรื่องของการใช้งานที่มีคุณภาพ โดยมีการร่วมมือกันระหว่างสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม ที่ทำการออกแบบกับเลือกใช้วัสดุ ในการเพิ่มประสิทธิภาพของงาน ไม่ว่าจะเป็น
            • Alutech Aluminium Composites นอกเหนือจากความแข็งแกร่ง ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดปัญหาการซ่อมบำรุง และคุณภาพสูง ใช้ได้ทั้งภายในและภายนอก
            • Aluminium Composites มีความแข็งแรงและทนทาน สามารถนำไปติดตั้งได้ง่าย เพื่อประหยัดเวลาในการทำงาน โดยมีสีสันที่สวยงามเลือกได้ตามความต้องการ
            • แผ่นไส้กลาง FR ได้รับมาตรฐานเรื่องความปลอดภัยจากเหตุไฟไหม้หรืออัคคีภัย ไม่ทำให้เกิดการลุกลามของไฟ และลดปริมาณของควันได้อย่างดีเยี่ยม
            • แผ่นไส้กลาง PE เป็นที่นิยมใช้กันทั่วไปทั้งภายในและภายนอกของอาคาร สามารถนำไปใช้กับงานได้หลากหลายรูปแบบ เช่น ฝ้า, ผนังภายใน, ผนังภายนอก เป็นต้น
            ติดต่อสอบถามข้อมูล และข้อสงสัยต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ เพิ่มเติมได้ที่นี่
            Facebook: BITEC Enterprise Ltd.
            E-mail: info@bitecenterprise.com
            Line: @Bitecenterprise
            Tel: 02-717-1155

            63
            “เต็นท์ติดแอร์ให้เช่า ราคาแพงไหม?” เป็นคำถามสำหรับคนที่กำลังสนใจ อยากจะนำ เต็นท์ติดแอร์ ไปใช้ในพื้นที่จัดงานหรือจัดกิจกรรมต่างๆ ซึ่งการที่คุณจะสามารถทราบราคาของการเช่าเต็นท์ติดแอร์ได้นั้น ต้องรู้ก่อนว่าเต็นท์มีกี่รูปแบบ และแอร์ที่ใช้ภายในเต็นท์มีกี่ประเภท ถ้าพร้อมแล้วคุณต้องไม่พลาดกับบทความนี้ จาก Yushi Rental !


            เต็นท์ติดแอร์ คือ ?
            เต็นท์ผ้าใบจะมีหลากหลายรูปแบบ เพื่อความเหมาะสมของการนำไปใช้งานที่มีขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ หลังจากนั้นก็จะทำการติดตั้งเครื่องปรับอากาศภายในเต็นท์ ซึ่งส่วนมากจะใช้ในงานเลี้ยง งานประชุม งานพิธี และงานอื่นๆ อีกมากมาย


            เต็นท์ติดแอร์ให้เช่า มีกี่รูปแบบให้เลือก?

            ขนาดของเต็นท์

            • ขนาดเล็ก เป็นขนาดเริ่มต้นที่ 3 x 3 เมตร สามารถรองรับได้ตั้งแต่ 1 – 2 คน เหมาะสำหรับใครที่ต้องการนำไปใช้นอกสถานที่
            • ขนาดใหญ่ จะไม่ได้มีการกำหนดขนาดที่ตายตัว เพราะขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่หน้างาน และความสามารถในการบรรจุคน ซึ่งรองรับได้ตั้งแต่ 1,000 คนขึ้นไป
            สำหรับใครที่รู้สึกไม่มั่นใจว่าจะต้องเลือกเต็นท์ขนาดเท่าไหร่ สามารถขอคำปรึกษาไปยังบริษัทที่ให้บริการเช่าได้ เพราะเขาจะมีทีมที่คอยให้คำแนะนำ เพื่อให้คุณได้ขนาดของเต็นท์ที่เหมาะสม


            ประเภทของแอร์


            แอร์ที่ใช้ภายในเต็นท์แตกต่างไม่เหมือนกับแอร์ทั่วไป เพราะมีความสามารถในการเคลื่อนย้ายได้ เพียงแค่นำแอร์ไปวางไว้ในพื้นที่ก็ใช้งานได้เลย
            • แอร์เคลื่อนที่ มีดีไซน์ที่ทันสมัย ใช้งานง่าย และมาพร้อมกับล้อเลื่อน BTU เริ่มต้นที่ 12,000 BTU, 14,000 BTU และ 18,000 BTU
            • แอร์ตู้ตั้งพื้น ลักษณะของแอร์เอาไว้ใช้ในพื้นที่มีขนาดใหญ่ จึงทำให้มี BTU ตั้งแต่ 36,000 BTU, 60,000 BTU, 120,000 BTU และ 200,000 BTU
            แต่สิ่งสำคัญของการติดตั้งแอร์ภายในเต็นท์ จะต้องเลือก BTU ให้เหมาะสมกับพื้นที่ หากใครที่กังวลไม่รู้ว่าควรเลือก BTU เท่าไหร่ สามารถปรึกษากับบริษัทที่ให้บริการเช่าได้


            เช่าเต็นท์ติดแอร์ ราคาเท่าไหร่?


            ราคาเช่าเต็นท์ติดแอร์จะมีราคาตามมาตรฐาน สามารถกำหนดได้ง่ายกว่าอาคาร จึงต้องติดต่อไปยังบริษัทที่ให้บริการเช่า เพื่อทำการประเมินค่าใช้จ่ายให้กับคุณได้ทันที หลังจากนั้นทางทีมที่เกี่ยวข้องก็จะส่งใบเสนอราคา ที่มีทั้งรายละเอียดของการเช่าและราคาไปให้คุณเพื่อทำการพิจารณา


            ทำไมเราจึงต้องรู้กับรูปแบบของการเช่าเต็นท์ติดแอร์?
            การที่เรารู้รูปแบบของการเช่าเต็นท์ติดแอร์ จะทำให้คุณสามารถเลือกขนาดของเต็นท์กับแอร์ได้อย่างเหมาะสม สำหรับใครที่ต้องการใช้บริการเช่าเต็นท์ติดแอร์ แต่ไม่รู้ว่าต้องเริ่มอย่างไร ทาง Yushi Rental มีทีมงานที่พร้อมให้คำปรึกษา และสามารถตรวจสอบพื้นที่หน้างานให้คุณโดยไม่มีค่าใช้จ่าย


            เช่าเต็นท์ติดแอร์ ต้องที่ Yushi Rental
            Yushi Rental เปิดให้บริการงานเช่า และรับจัดงานอีเวนต์ โดยมีประสบการณ์มามากกว่า 20 ปี ไม่ว่าจะเป็นงานสัมมนา, งานขึ้นบ้านใหม่, งานเลี้ยง และงานอื่นๆ ในรูปแบบการจัดงานขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ ซึ่งทางเรามีให้เช่าตั้งแต่
            • เช่าพัดลมไอน้ำ มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่แบบเคลื่อนที่, แบบตั้งพื้น และแบบแขวน ที่ให้คุณนำไปใช้ได้ตามจุดต่างๆ ในพื้นที่หน้างาน
            • เช่าพัดลมไอเย็น มีดีไซน์ให้เลือกใช้ ทั้งเรียบง่าย กลมกลืนกับสถานที่ หรือหรูหรา และสวยงาม เพื่อความเหมาะสมที่นำไปใช้หน้างานจริง
            • เช่าพัดลมอุตสาหกรรม มี 2 แบบให้เลือกใช้งาน เป็นแบบตั้งพื้นกับแบบแขวน ตัวเครื่องเป็นพัดลมใบดำ ที่มีความแข็งแรง ทนทานกับทุกสถานการณ์
            • เช่าเต็นท์ เต็นท์มีให้เลือกหลากหลายขนาด และสามารถเลือกดีไซน์ ตั้งแต่ทรงหลังคา, ผ้าทึบ, ผ้าใส, มีหน้าต่าง, รูปแบบประตู, มีแอร์ และอื่นๆ อีกมากมาย
            • เช่าอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ถือว่าเป็นบริการที่จะช่วยดูแลคุณอย่างครบวงจร มีให้เช่าตั้งแต่ แบคดรอป, วิทยุสื่อสาร, ชุดโพเดียม, เวที, ไฟส่องสว่าง และทุกอุปกรณ์ที่คุณต้องการ
            สำหรับใครที่สนใจ แต่ไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับบริการเช่า หรือวิธีในการเช่า ทางเรามีทีมที่พร้อมให้คำปรึกษากับคุณ และสำรวจหน้างานให้ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

            หากท่านสนใจบริการเช่า หรือบริการซ่อมบำรุง สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่
            Facebook: Yushi Rental & Service บริการงานเช่า รับติดตั้ง และ ซ่อมบำรุงรักษา
            Line@: Yushi Rental
            Tel: 084-155-8553 , 02-517-0688

            64
            “พัดลมไอเย็น อันตรายไหม?” เพราะพัดลมมีน้ำเป็นองค์ประกอบหลักในการสร้างความเย็น อาจทำให้ผู้ที่กำลังสนใจในพัดลมไอเย็นเกิดความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพ วันนี้ Yushi Rental จะมาช่วยคุณไขข้อสงสัยเกี่ยวกับพัดลมไอเย็น ว่าถ้านำไปใช้งานแล้วทำให้ปอดชื้นจริงหรือไม่ มาอ่านบทความนี้กันเลย!


            หลักการทำงานของพัดลมไอเย็น


            การทำงานของ พัดลมไอเย็น เป็นแบบ Evaporative Cooling Systems ที่มีการนำน้ำมาเป็นองค์ประกอบหลักในการสร้างความเย็น จึงทำให้ถังบรรจุน้ำกับปั๊มน้ำที่ช่วยให้แผ่นทำความเย็น (Cooling Pad) มีน้ำไหลเวียนอยู่อย่างสม่ำเสมอ พอลมร้อนพัดผ่านจะเปลี่ยนสถานะให้ลมที่ถูกพัดออกมากลายเป็นลมเย็น แต่อุณหภูมิที่พัดลมไอเย็นสร้างขึ้นมา จะมีโอกาสเปลี่ยนแปลงตามสถานที่ว่ามีอุณหภูมิโดยรอบเท่าไหร่


            พัดลมไอเย็น อันตรายไหม?


            พัดลมไอเย็นจะสามารถสร้างความเย็นได้โดยที่ไม่ทำให้เกิดละอองน้ำ ช่วยให้กระแสลมที่พัดออกมามีความสดชื่นคล้ายกับธรรมชาติ โดยครอบคลุมพื้นที่ได้สูงสุด 20 ตร.ม. แต่หลายคนมักจะเกิดความสับสนระหว่างพัดลมไอเย็นกับพัดลมไอน้ำ ซึ่งการทำงานของพัดลมไอน้ำจะมีความชื้นสูงมากกว่า จึงทำให้พัดลมไอเย็นไม่เป็นอันตราย หากใช้ในพื้นที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อเป็นการป้องกันความชื้นที่จะเกิดขึ้น


            คำแนะนำการใช้พัดลมไอเย็น

            • เหมาะกับพื้นที่ขนาดใหญ่ หากผู้ประกอบการที่ต้องการนำพัดลมไอเย็นไปใช้งาน จะเป็นการช่วยประหยัดงบได้อย่างดีเยี่ยม โดยมีคุณสมบัติที่ช่วยสร้างความเย็นภายในพื้นที่
            • ห้องต้องมีอากาศถ่ายเท พัดลมไอเย็นสามารถนำไปใช้ได้ทั้งภายนอกหรือภายในของอาคาร แต่ต้องมีอากาศถ่ายเท เพื่อเป็นการป้องกันความชื้น
            • ทำความสะอาดสม่ำเสมอ แผ่นทำความเย็นกับถังบรรจุน้ำ ต้องนำมาทำความสะอาดให้หมด เป็นการป้องกันการสะสมของฝุ่น
            วิธีทำความสะอาดพัดลมไอเย็น

            • เริ่มจากถอดปลั๊กพัดลมออกก่อน
            • ถอดฟิลเตอร์กรองฝุ่น (สำหรับรุ่นที่มี) มาล้างทำความสะอาดด้วยน้ำธรรมดา
            • ถอดแผ่นทำความเย็น (Cooling Pad) ห้ามใช้สารเคมีทำความสะอาด ต้องน้ำธรรมดาเท่านั้น
            • ทำความสะอาดถังบรรจุน้ำ โดยระบายน้ำที่อยู่ในถังออกและนำไปตากแดดจนแห้ง
            สรุปแล้ว “พัดลมไอเย็น อันตรายไหม?” เพราะถ้าไม่รู้จักกับหลักการทำงานของพัดลม จะมีโอกาสที่ทำให้พัดลมส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างแน่นอน แต่สำหรับใครที่ไม่ได้มีความต้องการลงทุน ซื้อพัดลมไอเย็นมาใช้งาน ทาง Yushi Rental มี ‘บริการเช่าพัดลมไอเย็น’ โดยระยะเวลาในการเช่ามีตั้งแต่รายวัน, รายเดือน และรายปี ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้งาน


            อยากเช่าพัดลมไอเย็น ต้องที่ Yushi Rental
            Yushi Rental เปิดให้บริการงานเช่า และรับจัดงานอิเวนต์ โดยมีประสบการณ์มามากกว่า 20 ปี ไม่ว่าจะเป็นงานสัมมนา, งานขึ้นบ้านใหม่, งานเลี้ยง และงานอื่นๆ ในรูปแบบการจัดงานขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ จึงทำให้พัดลมไอเย็นมีดีไซน์ให้เลือกใช้ที่หลากหลาย ทั้งเรียบง่าย กลมกลืนกับสถานที่ หรือหรูหราและสวยงาม เพื่อความเหมาะสมที่นำไปใช้หน้างานจริง

            สนใจใช้บริการเช่าสินค้าอื่นๆ เพิ่มเติม
            • เช่าพัดลมไอน้ำ มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่แบบเคลื่อนที่, แบบตั้งพื้น และแบบแขวน ที่ให้คุณนำไปใช้ได้ตามจุดต่างๆ ในพื้นที่หน้างาน
            • เช่าแอร์ เป็นแอร์เคลื่อนที่ มี 2 รุ่น ได้แก่ รุ่นเคลื่อนที่ได้กับรุ่นตู้ตั้งพื้น ถือว่ามีขนาด BTU แอร์ให้เลือกตั้งแต่ 18,000 BTU, 36,000 BTU, 60,000 BTU, 120,000 BTU และ 200,000 BTU
            • ช่าพัดลมอุตสาหกรรม มี 2 แบบให้เลือกใช้งาน เป็นแบบตั้งพื้นกับแบบแขวน ตัวเครื่องเป็นพัดลมใบดำ ที่มีความแข็งแรง ทนทานกับทุกสถานการณ์
            • เช่าเต็นท์ เต็นท์มีให้เลือกหลากหลายขนาด และสามารถเลือกดีไซน์ ตั้งแต่ทรงหลังคา, ผ้าทึบ, ผ้าใส, มีหน้าต่าง, รูปแบบประตู, มีแอร์ และอื่นๆ อีกมากมาย
            • เช่าอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ถือว่าเป็นบริการที่จะช่วยดูแลคุณอย่างครบวงจร มีให้เช่าตั้งแต่ แบคดรอป, วิทยุสื่อสาร, ชุดโพเดียม, เวที, ไฟส่องสว่าง และทุกอุปกรณ์ที่คุณต้องการ
            สนใจเกี่ยวกับบริการเช่า แต่ไม่ได้มีความรู้วิธีในการเช่า ทางเรามีทีมที่พร้อมให้คำปรึกษากับคุณ และสำรวจหน้างานให้ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

            หากท่านสนใจบริการเช่า หรือบริการซ่อมบำรุง สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่
            Facebook: Yushi Rental & Service บริการงานเช่า รับติดตั้ง และ ซ่อมบำรุงรักษา
            Line@: Yushi Rental
            Tel: 084-155-8553 , 02-517-0688

            65
            เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เกี่ยวข้องกับระบบทำความเย็นในปัจจุบัน ทำให้ใครหลายคนเกิดความสงสัยว่า “พัดลมไอเย็น กับ แอร์เคลื่อนที่” มีความแตกต่างกันอย่างไร วันนี้ Yushi Rental อยากจะขอเปรียบเทียบให้คุณได้เห็น เพื่อเป็นการช่วยในการตัดสินใจให้คุณเลือกตัวที่ใช่มากที่สุด!


            พัดลมไอเย็น คือ?


            พัดลมมีการนำ ‘น้ำ’ มาใช้เป็นองค์ประกอบหลักในการสร้างความเย็น โดยมีการนำลมที่มีอุณหภูมิสูงพัดผ่านแผ่นทำความเย็น หลังจากนั้นจะเกิดการระเหยของน้ำกลายเป็นละอองอณูขนาดเล็ก ทำให้ลมที่พัดออกมาเป็นกระแสลมเย็น ช่วยลดอุณหภูมิได้สูงสุดไม่เกิน 10 องศาเซลเซียส เพราะขึ้นอยู่กับสถานที่นำไปใช้ว่ามีอุณหภูมิโดยรอบเป็นอย่างไร 


            แอร์เคลื่อนที่ คือ?


            เป็นแอร์ที่เหมือนกับแอร์ติดผนังทั่วไป เพียงแต่ลักษณะของตัวเครื่องมีขนาดกะทัดรัด และมีล้อเลื่อนในตัว การสร้างความเย็นของแอร์เคลื่อนที่จะเหมือนกับแอร์ทั่วไป ที่ใช้สารเคมีแยกร้อนออก เพื่อทำให้ลมที่ออกมาจากแอร์มีแต่ความเย็น แต่ต้องระวังการเลือก BTU แอร์ ให้มีความเหมาะสมกับขนาดหรือพื้นที่ภายในห้อง เพื่อช่วยให้สามารถทำความเย็นได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด


            ความแตกต่างระหว่าง พัดลมไอเย็น กับ แอร์เคลื่อนที่

            การทำความเย็น


            หลักการทำงานของพัดลมไอเย็นกับแอร์เคลื่อนที่มีความแตกต่างกัน เพราะพัดลมไอเย็นก็เปรียบเหมือนกับพัดลม แต่สร้างความเย็นด้วยการนำน้ำมาใช้ เพื่อให้พัดลมไอเย็นช่วยลดอุณหภูมิภายในพื้นที่ได้ไม่เกิน 10 องศาเซลเซียส ส่วนแอร์เคลื่อนที่มีการทำงานเหมือนกับแอร์ทั่วไป จึงประกอบได้ด้วยน้ำยาทำความเย็นหรือคอมเพรสเซอร์ ที่ทำให้แอร์เคลื่อนมีความสามารถในการปรับอุณหภูมิได้ตามที่ต้องการ


            เหมาะกับการนำไปใช้ในสถานที่แบบใด?

            • พัดลมไอเย็น การทำงานของพัดลมมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก ถ้านำไปใช้ในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทสะดวกหรือเป็นพื้นที่โล่ง จะช่วยลดความชื้นได้เป็นอย่างดี
            • แอร์เคลื่อนที่ เหมาะกับห้องที่มีขนาดเล็กและเป็นพื้นที่ปิด แต่ต้องมีประตูหรือหน้าต่างเพื่อปล่อยลมออกไปสู่ด้านนอก เนื่องจากตัวเครื่องมีท่อปล่อยลมร้อน
            สำหรับใครที่กำลังสนใจ อยากจะนำไปใช้ในพื้นที่มีการจัดงานสำคัญ อย่าง งานอิเวนต์, งานสัมมนา, งานประชุม และงานอื่นๆ อีกมากมาย ก็สามารถนำพัดลมไอเย็นหรือแอร์เคลื่อนที่ไปใช้ได้เช่นกัน


            อัตราในการใช้ไฟ
            พัดลมไอเย็นมีอัตราในการใช้ไฟฟ้าที่น้อยกว่า เพราะการทำงานของพัดลมไอเย็นจะใกล้เคียงกับพัดลมธรรมดา ส่วนแอร์เคลื่อนที่มีการใช้ไฟฟ้าเท่ากับหรือมากกว่าแอร์ติดตั้งผนังทั่วไป จะทำให้มีค่าไฟที่สูงขึ้น


            การดูแลรักษา

            • พัดลมไอเย็น ต้องทำความสะอาดถังบรรจุน้ำเดือนละครั้ง และแผ่นกรองอากาศอาทิตย์ละครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้มีฝุ่นสะสมอยู่ภายในเครื่อง
            • แอร์เคลื่อนที่ ต้องทำความสะอาดอย่างน้อย 3 เดือนครั้ง ที่ถาดรองน้ำทิ้งกับแผ่นกรองอากาศ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความเย็นได้ดีมากยิ่งขึ้น และลดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์จากแอร์
            พัดลมไอเย็นกับแอร์เคลื่อนอันไหนคุ้มค่ากว่ากัน?
            ความคุ้มค่าของการใช้งานพัดลมไอเย็นกับแอร์เคลื่อนที่ จะขึ้นอยู่กับการทำงานแบบไหนจะตอบโจทย์กับผู้ใช้งานมากที่สุด หากใครที่กังวลว่าพัดลมไอเย็นหรือแอร์เคลื่อนที่กันแน่เหมาะสำหรับตัวเอง ทาง Yushi Rental ขอแนะนำ ‘บริการเช่าพัดลมไอเย็น‘ และ ‘บริการเช่าแอร์เคลื่อนที่‘ เพื่อหาคำตอบว่าเครื่องไหนเหมาะสมในการนำไปใช้ที่หน้างานจริง


            สนใจบริการงานเช่าที่เกี่ยวข้องกับระบบปรับอากาศ ต้องที่ Yushi Rental
            Yushi Rental เปิดให้บริการงานเช่า และรับจัดงานอิเวนต์ โดยมีประสบการณ์มามากกว่า 20 ปี ไม่ว่าจะเป็นงานสัมมนา, งานขึ้นบ้านใหม่, งานเลี้ยง และงานอื่นๆ ในรูปแบบการจัดงานขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ ซึ่งทางเรามีให้เช่าตั้งแต่
            • เช่าพัดลมไอน้ำ มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่แบบเคลื่อนที่, แบบตั้งพื้น และแบบแขวน ที่ให้คุณนำไปใช้ได้ตามจุดต่างๆ ในพื้นที่หน้างาน
            • เช่าพัดลมอุตสาหกรรม มี 2 แบบให้เลือกใช้งาน เป็นแบบตั้งพื้นกับแบบแขวน ตัวเครื่องเป็นพัดลมใบดำ ที่มีความแข็งแรง ทนทานกับทุกสถานการณ์
            • เช่าเต็นท์ เต็นท์มีให้เลือกหลากหลายขนาด และสามารถเลือกดีไซน์ ตั้งแต่ทรงหลังคา, ผ้าทึบ, ผ้าใส, มีหน้าต่าง, รูปแบบประตู, มีแอร์ และอื่นๆ อีกมากมาย
            • เช่าอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ถือว่าเป็นบริการที่จะช่วยดูแลคุณอย่างครบวงจร มีให้เช่าตั้งแต่ แบคดรอป, วิทยุสื่อสาร, ชุดโพเดียม, เวที, ไฟส่องสว่าง และทุกอุปกรณ์ที่คุณต้องการ
            สำหรับใครที่สนใจ แต่ไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับบริการเช่า หรือวิธีในการเช่า ทางเรามีทีมที่พร้อมให้คำปรึกษากับคุณ และสำรวจหน้างานให้ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

            หากท่านสนใจบริการเช่า หรือบริการซ่อมบำรุง สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่
            Facebook: Yushi Rental & Service บริการงานเช่า รับติดตั้ง และ ซ่อมบำรุงรักษา
            Line@: Yushi Rental
            Tel: 084-155-8553 , 02-517-0688

            66
            ซีเมนต์บอร์ด มีอายุการใช้งานกี่ปี? มักเป็นคำถามสำหรับใครที่กำลังสนใจ กลัวว่าจะทำให้อายุการใช้งานของแผ่นซีเมนต์บอร์ดสั้นลง จนรู้สึกว่าไม่คุ้มค่าต่อการนำมาใช้ในงานก่อสร้าง ทาง MTcement ขอแนะนำวิธีในการดูแลที่ถูกต้อง เพื่อลดข้อผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นและยืดอายุการใช้งาน ถ้าพร้อมแล้วไปอ่านบทความนี้กันเลย!


            ซีเมนต์บอร์ด หรือ บอร์ดซีเมนต์ คืออะไร?
            นวัตกรรมของซีเมนต์บอร์ดที่มีส่วนประกอบหลักของปูนซีเมนต์ และผสมด้วยไม้หรือเส้นใยพิเศษ โดยกระบวนการผลิตจะต้องนำไปผ่านเครื่องอัดแรงดันสูงให้ส่วนผสมต่างๆ กลายเป็นแผ่นเดียวกัน จนมีความหนาแน่นตั้งแต่ 1,300 กก./ลบ.ม ขึ้นไป ตามมาตรฐานที่ถูกต้อง

            ซีเมนต์บอร์ด มีอายุการใช้งานกี่ปี?
            ซีเมนต์บอร์ดสามารถการันตีอายุการใช้งานได้มากกว่า 10 ปี แต่ขึ้นอยู่กับลักษณะของการนำไปใช้ คุณจึงต้องรู้เกี่ยวกับคุณสมบัติและการนำไปใช้ให้ดีมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานมากยิ่งขึ้น


            จุดที่น่าสนใจของซีเมนต์บอร์ด
            • ทนทานต่อทุกสภาพอากาศ ซีเมนต์บอร์ดต้องผ่านมาตรฐานการทดสอบ
            • มีความสามารถในการทนไฟ มาตรฐานของการผลิตแผ่นซีเมนต์บอร์ด มีเรื่องอันตรายจากไฟรวมอยู่ด้วย
            • ไม่อมความร้อน วัสดุที่นำมาใช้ผลิตซีเมนต์บอร์ดจะเป็นพวกไม้หรือเส้นใยพิเศษ
            • หมดกังวลกับปลวก กระบวนการผลิตจะเป็นการนำเข้าเครื่องอัดแรงดันสูง ช่วยป้องกันไม่ให้ปลวกเข้าถึงเนื้อไม้
            • เป็นมิตรกับผู้ใช้งาน ไม่มีการนำสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกายมาใช้งาน
            • ป้องกันเสียงรบกวน หากใช้คู่กับวัสดุกันเสียงจะช่วยลดเสียงรบกวนไม่เกิน 55 เดซิเบล
            • มีอิสระในการตกแต่ง ซีเมนต์บอร์ดสามารถทาสี ติดวอลล์เปเปอร์ หรือเคลือบผิวได้ตามที่ต้องการ
            การนำแผ่นซีเมนต์บอร์ดไปใช้งาน
            ทำเป็นพื้น
            ซีเมนต์บอร์ดที่เอาไว้ใช้กับงานพื้น จะมีความโดดเด่นในเรื่องของความหนามากที่สุด เพราะต้องมีหน้าที่ในการรองรับน้ำหนัก เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ แผ่นซีเมนต์บอร์ด เกิดการแตกหักได้ง่าย
            • ความหนา 16, 20 และ 24 มม. มีส่วมผสมจากไม้หรือที่เรียกว่า ‘วู๊ดซีเมนต์บอร์ด‘
            • ความหนา 15, 16, 18 และ 20 มม. มีส่วมผสมจากเส้นใยพิเศษหรือที่เรียกว่า ‘ไฟเบอร์ซีเมนต์บอร์ด‘
            ทำเป็นผนัง
            การนำ ซีเมนต์บอร์ด มาทำเป็นผนัง จะเหมาะกับงานที่ต้องการต่อเติมหรือก่อสร้าง เพราะต้องเริ่มจากการทำโครงผนังขึ้นมาก่อน และทำการเจาะเพื่อยึด บอร์ดซีเมนต์ เข้ากับโครง โดยความหนาของซีเมนต์บอร์ดที่เอาไว้ใช้กับงานผนังจะอยู่ที่ประมาณ 8, 10 และ 12 มม.

            ทำเป็นฝ้า
            จะมีวิธีการติดตั้งที่ต้องทำโครงยึดกับฝ้าก่อน และค่อยนำแผ่นซีเมนต์บอร์ดไปประกอบ ซึ่งความหนาของแผ่นจะบางที่สุดอยู่ที่ประมาณ 4 และ 6 มม. มีทั้งแบบไม่มีรูระบายอากาศกับมีรูระบายอากาศ


            วิธีการดูแลซีเมนต์บอร์ด
            วิธีการดูแลเพื่อให้ซีเมนต์บอร์ดมีอายุการใช้งานที่นาน จะต้องมีการนำไปใช้ที่ถูกกับวัตถุประสงค์ของงาน ช่วยให้ลักษณะการทำงานของซีเมนต์บอร์ด มีความสามารถในเรื่องของความแข็งแรงและความทนทานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด


            ทำไมถึงต้องเลือกใช้ซีเมนต์บอร์ดให้ถูกต้องกับประเภทของงาน?
            การนำซีเมนต์บอร์ดไปใช้ให้ถูกต้องกับประเภทของงาน จะเป็นการยืดอายุการใช้งานของแผ่นให้สามารถใช้งานได้ในระยะยาว หากคุณไม่มั่นใจว่าต้องเลือกแผ่นซีเมนต์บอร์ดยังไง แนะนำให้สอบถามผู้ให้บริการจัดจำหน่ายอย่าง MTcement เพื่อช่วยให้คุณได้ใช้ซีเมนต์บอร์ดด้วยความคุ้มค่ามากที่สุด


            สนใจแผ่นซีเมนต์บอร์ด ต้องที่ MTcement !!
            MTcement ประกอบธุรกิจจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้าง วัสดุตกแต่ง ทั้งค้าส่ง และค้าปลีกเป็นเวลานานกว่า 40 ปี โดยทางเราเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้ารายสำคัญของผู้ผลิตชั้นนำหลายแห่งมีความสัมพันธ์ทางการค้าที่ดีกับผู้ผลิต
            • ทำให้เรามีอำนาจในการต่อรองราคา และสามารถจำหน่ายสินค้าในราคา “กันเอง”
            • ถ้าหากลูกค้าท่านใดต้องการใช้สินค้าเป็นจำนวนมาก ทางเราสามารถต่อรองกับบริษัทผู้ผลิตเพื่อนำเสนอ “ราคาพิเศษ”
            และที่สำคัญทางเรามีทีมจัดสรรรถขนส่งเกือบทุกประเภทจากทั่วพื้นที่ โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพ และปริมณฑล เพราะเราใส่ใจเรื่องความรวดเร็วและความปลอดภัยในการจัดส่งสินค้า

            ติดต่อสอบถามข้อมูล และข้อสงสัยต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ เพิ่มเติมได้ที่นี่
            Facebook: คอนกรีตผสมเสร็จ โดย เมืองไทยซีเมนต์
            E-mail: info@mtcement.com
            Line: @mtcement
            Tel: 088 – 554 – 1555, 02 – 328 – 0684


            67
            ซีเมนต์บอร์ดหรือแผ่นซีเมนต์ที่ใครหลายคนรู้จักกัน มีคุณสมบัติในเรื่องของความแข็งแรง และช่วยอำนวยความสะดวกในการก่อสร้างอาคาร สำหรับใครที่กำลังสงสัยว่า “แผ่นซีเมนต์บอร์ดปูพื้น ไปใช้ทำเป็นพื้นดาดฟ้าจะทำได้ไหม?” วันนี้ MTcement จะพามาทำความรู้จักกับ ‘แผ่นซีเมนต์บอร์ด‘ แบบเบื้องต้น เพื่อช่วยไขข้อสงสัยให้กับคุณ


            ซีเมนต์บอร์ด
            ซีเมนต์บอร์ดทำมาจากปูนซีเมนต์ที่มีการนำไปผสม และนำไปอัดให้กลายเป็นแผ่นตามมาตรฐานความหนาแน่น 1,300 กก./ลบ.ม โดยซีเมนต์บอร์ดจะมีความแตกต่างกันออกไปตามวัตถุประสงค์ของการใช้งาน มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 ประเภท
            • งานพื้น มีความสามารถในการรองรับน้ำหนักได้เป็นอย่างดี เพราะการใช้งานที่ต้องรับแรงกระแทกจากการเดิน
            • งานผนัง จะคล้ายกับงานพื้น เพียงแต่ความหนาจะไม่เทียบเท่า
            • งานฝ้า เน้นเรื่องของน้ำหนักเบา จึงทำให้แผ่นซีเมนต์บอร์ดมีความหนาน้อยที่สุด
            แผ่นซีเมนต์บอร์ดปูพื้น ใช้ทำพื้นดาดฟ้าได้หรือไม่?
            แผ่นซีเมนต์บอร์ดปูพื้นสามารถนำไปใช้ทำดาดฟ้าได้ แต่อายุการใช้งานจะสั้นกว่าพื้นดาดฟ้าที่สร้างแบบคอนกรีตเสริมเหล็ก ถ้าจะต้องใช้แผ่นซีเมนต์บอร์ดปูพื้นดาดฟ้า แนะนำให้ทำ ‘ระบบกันซึม’ ที่มีการอุดรอยต่อของแผ่นหรือรูนอต ด้วยการทากาวยาแนวและทับด้วยแผ่นพลาสติกสำเร็จรูป ที่สำคัญต้องไม่ลืม ‘การวางท่อระบายน้ำบนดาดฟ้า’ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดน้ำขังบนพื้นของดาดฟ้า


            แผ่นซีเมนต์บอร์ดงานพื้น มีทั้งหมดกี่แบบ
            แผ่นซีเมนต์บอร์ดปูพื้น จะมีลักษณะของการทำงานที่เอาไว้ใช้กับงานพื้นโดยเฉพาะ แต่แผ่นซีเมนต์บอร์ดงานพื้นจะมีความแตกต่าง ในเรื่องของวัสดุที่นำมาใช้อยู่ด้วยกัน 2 แบบ
            • วู๊ดซีเมนต์บอร์ด มีส่วนประกอบของไม้และปูนซีเมนต์เป็นหลัก จึงเหมาะสมกับความหนาของพื้น 20 และ 24 มม.
            • ไฟเบอร์ซีเมนต์บอร์ด จะผลิตจากการนำเส้นใยคุณภาพสูงกับปูนซีเมนต์ โดยความหนาของพื้นจะน้อยกว่าวู๊ดซีเมนต์อยู่ที่ 18 และ 20 มม.
            วิธีการทำระบบกันซึมของดาดฟ้า
            ระบบกันซึมบนดาดฟ้าของซีเมนต์บอร์ด จะไม่ได้มีการผสมน้ำยาหรือสารพิเศษที่ช่วยกันซึมลงในคอนกรีต โดยมีอยู่ 2 วิธีหลักดังนี้
            • การทาเคลือบ จะเป็นการทาทับลงไปบนซีเมนต์บอร์ด เปรียบเหมือนกับเกราะป้องกัน ที่ไม่ทำให้เกิดการรั่วซึมของรอยต่อ
            • การใช้วัสดุปูพื้น มีชื่อเรียกกันว่า เมมเบรนกันซึม (Membrane) โดยมาในรูปแบบที่คล้ายกับแผ่นพลาสติกสำเร็จรูปที่เอาไว้ใช้ปูพื้นบนดาดฟ้า
            การนำ แผ่นซีเมนต์บอร์ดปูพื้น บนดาดฟ้าสามารถทำได้ แต่มีกระบวนการสร้างหรือรายละเอียดที่มากกว่า เพื่อเป็นการทำให้พื้นบนดาดฟ้ามีความทนทาน เพิ่มอายุการใช้งานให้ยาวนานมากยิ่งขึ้น นอกจากการนำแผ่นซีเมนต์บอร์ดไปใช้กับงานพื้นดาดฟ้า ยังสามารถนำไปทำพื้นในรูปแบบอื่นๆ ได้อีกด้วย สำหรับใครที่ไม่รู้ว่าต้องเลือกซีเมนต์บอร์ดอย่างไรให้เหมาะสมกับงาน MTcement สามารถช่วยคุณได้


            อยากได้ซีเมนต์บอร์ดงานพื้น ต้องที่ MTcement !!
            MTcement ประกอบธุรกิจจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้าง วัสดุตกแต่ง ทั้งค้าส่ง และค้าปลีกเป็นเวลานานกว่า 40 ปี จึงทำให้ซีเมนต์บอร์ดที่เอาไว้ใช้กับงานก่อสร้างแบบแห้ง มีแบรนด์ชั้นนำให้เลือกใช้อย่าง วีว่าบอร์ดและเฌอร่าบอร์ด ที่มีคุณสมบัติโดดเด่นในหลายด้าน และมีหลากหลายประเภทให้เลือกใช้ เพื่อความเหมาะสมของการนำไปใช้งาน

            โดยทางเราเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้ารายสำคัญของผู้ผลิตชั้นนำหลายแห่งมีความสัมพันธ์ทางการค้าที่ดีกับผู้ผลิต ทำให้มีสินค้าอื่นๆ อีกมากมายที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็น
            • ปูนซีเมนต์ มีทั้งปูนงานโครงสร้างและปูนงานก่อกับงานฉาบ ที่มีหลากหลายประเภทให้เลือกใช้ตามความเหมาะสม ทำให้โครงสร้างมีความแข็งแรง สวยงาม ใช้งานได้ในระยะยาว
            • คอนกรีต ให้บริการรถคอนกรีตผสมเสร็จ ขนาดใหญ่ที่จุได้ถึง 5 – 6 คิว เหมาะกับโครงสร้างขนาดใหญ่ที่ต้องการคอนกรีตปริมาณมาก หรือจะเป็นรถขนาดเล็กที่จุคอนกรีต 2 คิวเราก็มี
            • อิฐมวลเบา มีกระบวนการผลิตแบบอบไอน้ำ ที่มีคุณสมบัติแตกต่างกว่าอิฐทั่วไป ทำให้มีความแข็งแรง ทนทานได้ต่อทุกสภาพอากาศ กันเสียงได้เป็นอย่างดี และลดระยะเวลาในการก่อสร้างเพราะมีน้ำหนักเบา
            หากใครที่กำลังสนใจและต้องการใช้สินค้าเป็นจำนวนมาก ทางเราสามารถต่อรองกับบริษัทผู้ผลิตในการนำเสนอ “ราคาพิเศษ” เพื่อเป็นการจำหน่ายสินค้าในราคา “กันเอง” ให้ได้ และที่สำคัญทางเรามีทีมจัดสรรรถขนส่งเกือบทุกประเภทจากทั่วพื้นที่ โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพ และปริมณฑล เพราะเราใส่ใจเรื่องความรวดเร็วและความปลอดภัยในการจัดส่งสินค้า


            ติดต่อสอบถามข้อมูล และข้อสงสัยต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ เพิ่มเติมได้ที่นี่
            Facebook: คอนกรีตผสมเสร็จ โดย เมืองไทยซีเมนต์
            E-mail: info@mtcement.com
            Line: @mtcement
            Tel: 088 – 554 – 1555, 02 – 328 – 0684

            68
            หากคุณเป็นคนที่กำลังสนใจ อยากจะนำพัดลมอุตสาหกรรมไปใช้งาน แต่ไม่รู้ว่า “พัดลมอุตสาหกรรมกินไฟไหม?” วันนี้ Yushi Group จะมาพาคุณมาหาคำตอบว่าพัดลมอุตสาหกรรมเกิดการกินไฟสูงหรือไม่ และถ้าหากลงทุนซื้อมาใช้งานจะคุ้มค่าหรือเปล่า


            พัดลมอุตสาหกรรม คืออะไร? มีทั้งหมดกี่ประเภท
            พัดลมอุตสาหกรรมมีลักษณะที่เหมือนกับพัดลมทั่วไป เพียงแต่ใบพัดจะมีขนาดที่ใหญ่กว่า และมีการออกแบบให้มั่นคงเป็นพิเศษ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการนำไปใช้งาน ซึ่งมีทั้งหมด 3 ประเภทหลัก คือ

            พัดลมตั้งพื้นแบบเคลื่อนที่
            • พัดลมรุ่นตั้งพื้นปรับแหงน สามารถปรับได้ 135 องศา
            • พัดลมรุ่นตั้งพื้นปรับแหงน-ส่าย สามารถปรับได้ 135 องศา
            • พัดลมรุ่นตั้งพื้นปรับแหงนมีล้อ ปรับได้ถึง 360 องศา
            พัดลมตั้งพื้นแบบมีขา
            • พัดลมรุ่น EC Motor เป็นมอเตอร์ที่มีความทนทาน มีใบพัด 3 ใบ
            • พัดลมรุ่นตั้งพื้นฐานกลม เป็นฐานที่มีความมั่นคงและดีไซน์สวยงาม มีใบพัด 3 ใบ
            • พัดลมรุ่นตั้งพื้น 2 ใบพัด ใช้มอเตอร์ระบบลูกปืน ลดการเสียดสี
            พัดลมแบบติดหรือฝังผนัง
            >>อ่านบทความ พัดลมอุตสาหกรรมมีกี่ประเภท เพิ่มเติมได้ที่นี่<<


            พัดลมอุตสาหกรรมกินไฟไหม?
            อัตราในการใช้ไฟฟ้าของพัดลมอุตสาหกรรมจะขึ้นอยู่กับประเภทของใบพัดลมว่าเป็นสีอะไร เนื่องจากใบพัดสีน้ำเงินกับสีแดงเป็นรุ่นแรกๆ ที่ถูกผลิตขึ้นมาและใช้พลังงานไฟฟ้าสูง จึงทำให้มีการพัฒนากลายเป็นใบพัดสีดำที่เราได้เห็นกันในปัจจุบัน ช่วยให้คุณประหยัดพลังงานได้ดีมากกว่า


            เปิดใช้งานพัดลมเป็นเวลานานจะส่งผลกระทบอย่างไร?
            การใช้พัดลมในระยะยาวเป็นเรื่องของการเสื่อมสภาพ ที่จะต้องคอยดูแลรักษาพัดลมและทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันอะไหล่บางส่วนในพัดลมเกิดการชำรุดแล้วส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งาน หรือฝุ่นจับตัวกันเป็นก้อนที่ตะแกรง จนทำให้พัดลมไม่สามารถส่งลมออกมาได้เต็มที่


            ประโยชน์ของการใช้พัดลมอุตสาหกรรม
            • ทำให้มีอากาศหมุนเวียนภายในพื้นที่ เนื่องจากใบพัดที่มีขนาดใหญ่ จะช่วยสร้างกระแสลมได้อย่างดีเยี่ยม
            • ใช้งานได้ในระยะยาว การออกแบบและวัสดุที่นำเหล็กหรืออะลูมิเนียมมาใช้ จึงทำให้มีความแข็งแรงทนทานมากกว่าพัดลมทั่วไป
            • ปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน นอกจากการผลิตที่มีการออกแบบและใช้วัสดุที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรง ยังมีระบบความปลอดภัยจากเทอร์โมฟิวส์
            การใช้งานพัดลมอุตสาหกรรมคุ้มค่าต่อการซื้อหรือไม่?
            พัดลมอุตสาหกรรมคุ้มค่าต่อการซื้อมาใช้งานอย่างแน่นอน เพราะพัดลมที่มีขนาดใหญ่จะช่วยสร้างปริมาณลมได้ดี มาพร้อมกับการคัดสรรวัสดุคุณภาพเยี่ยม เป็นการยืดอายุของพัดลมให้ยาวนานมากยิ่งขึ้น


            พัดลมอุตสาหกรรมคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Yushi Group
            Yushi Group ดำเนินธุรกิจด้านการจำหน่าย ออกแบบ และติดตั้ง สินค้าที่เกี่ยวข้องกับพัดลมระบายอากาศ เพื่อให้อากาศในพื้นที่ถ่ายเทได้สะดวก และสามารถลดกลิ่นที่ไม่พึ่งประสงค์ โดยมีพัดลมอุตสาหกรรมหลากหลายประเภทให้เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็น
            • พัดลมยักษ์ มีบริการตรวจสอบโครงสร้างอาคารก่อนการติดตั้ง พร้อมกับวิธีการติดตั้งที่ถูกต้องตามมาตรฐาน ทำให้ปลอดภัยกับผู้ใช้งาน
            • พัดลมอุตสาหกรรม มีหลายรูปแบบ สามารถนำไปใช้ได้ตามความเหมาะสมของงาน เช่น พัดลมฟาร์ม, พัดลมใบดำ, พัดลมถังกลม และอื่นๆ อีกมากมาย ที่ได้รับมาตรฐาน มอก.
            • พัดลมไอน้ำ มีคุณภาพได้รับมาตรฐาน มอก. เช่นกัน สามารถเคลื่อนย้ายพัดลมได้สะดวก มีถังน้ำภายในตัว และใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง
            • พัดลมอีแวป มีหัวจ่ายลมให้เลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม เช่น ด้านข้าง, ด้านล่าง และด้านบน โดยมีทีมงานที่ช่วยออกแบบท่อให้กระจายลมได้ตามที่ต้องการ
            ถ้าต้องการให้อากาศภายในอาคารเย็นเร็วมากขึ้น สามารถใช้งานพัดลมควบคู่กับ Evaporative Cooler จะช่วยลดความร้อนสะสมในพื้นที่ได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้มีลมเย็นหมุนเวียนในอาคาร สามารถส่งความเย็นได้อย่างครอบคลุมทั้งพื้นที่ถึง 1,600 ตารางเมตร โดยช่วยให้คุณประหยัดพลังงาน และมีบริการหลังการขายที่พร้อมจะดูแลคุณ เพราะมีอะไหล่สำรองทุกชิ้น ทำให้คุณสามารถใช้งานพัดลมระบายอากาศได้สมบูรณ์ตลอดเวลา


            หากต้องการติดต่อสอบถามข้อมูลของสินค้าและบริการ สามารถติดต่อเพิ่มเติมได้ที่นี่

            Facebook: สินค้าอุตสาหกรรม เครื่องจักร งานติดตั้งระบบ Evap,Ventilation-Yushi Group
            Line@: Yushi Group
            YouTube: Yushi Group
            E-mail: info@yushi.co.th
            Tel: 02-517-0688

            69
            ในโรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องการให้มีอากาศถ่ายเทสะดวก การติดตั้ง “พัดลมยักษ์” จึงเป็นตัวช่วยที่สำคัญ ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้อย่างตรงจุด วันนี้ Yushi Group จะพาคุณมาทำความรู้จักกับการทำงานของพัดลมยักษ์ มีอัตราในการนำไฟฟ้าไปใช้อยู่ที่ปริมาณเท่าไหร่ และสามารถเปิดพัดลมทั้งวันได้หรือไม่ ถ้าพร้อมแล้วไปหาคำตอบกันเลย!


            รูปแบบการทำงานของพัดลมยักษ์
            พัดลมยักษ์มีการทำงานของความเร็วลมแบบ HVLS (High Volume Low Speed) ถ้าเป็นพื้นที่ปิดลมจะไหลจากพื้นไปยังผนังของอาคาร แล้วหมุนเวียนขึ้นสู่ด้านบนอีกครั้ง สำหรับพื้นที่เปิดจะมีลมบางส่วนยังคงหมุนเวียนในอาคาร และสามารถไหลออกสู่ภายนอกได้ โดยพัดลมยักษ์จะมีมอเตอร์อยู่ 2 ประเภท
            • AC Motor Fan มอเตอร์จะมีขนาดใหญ่ เพราะที่ตัวเครื่องมีการใช้มอเตอร์ควบคู่กับเกียร์ การหมุนเวียนของทิศทางลมเป็นแบบ 360 องศา
            • DC Motor Fan รูปทรงของมอเตอร์จะมีขนาดเล็กกว่า เพราะการทำงานของพัดลมไม่ต้องติดตั้งคู่กับเกียร์ และไม่ต้องเสียเวลาให้ยุ่งยากกับการซ่อมบำรุง
            พัดลมยักษ์ กินไฟไหม?
            อัตราในการใช้ไฟฟ้าของพัดลมยักษ์ถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำ จึงไม่ส่งผลให้เกิดการกินไฟสักเท่าไหร่ เนื่องจากการทำงานของมอเตอร์ไม่จำเป็นจะต้องใช้กำลังไฟฟ้าสูง รวมไปถึงการออกแบบของใบพัด เมื่อไหร่ที่พัดลมเริ่มทำงาน ตัวใบพัดจะมีส่วนเสริมที่ช่วยสร้างปริมาณลมใต้ใบพัดได้มากขึ้น


            เปิดใช้งานพัดลมยักษ์ 24 ชั่วโมง ได้หรือไม่?
            พัดลมยักษ์ถูกผลิตขึ้นมาให้สามารถสร้างกระแสลมภายในพื้นที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก กำจัดความร้อน และลดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ โดยที่พัดลมยักษ์มีคุณสมบัติในเรื่องของความแข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้ในระยะยาว เพราะจัดว่าเป็นส่วนหนึ่งของพัดลมอุตสาหกรรม จึงทำให้สามารถใช้งานได้ทั้งวัน


            ระบบรักษาความปลอดภัยของการใช้งานพัดลมยักษ์

            ความปลอดภัยจากการติดตั้ง
            • แผ่นป้องกันนิรภัย มีความสำคัญที่ช่วยให้พัดลมยักษ์ยังคงเกิดการยึดได้ดี ลดโอกาสในการร่วงของพัดลม
            • แผ่นวงแหวนกระจายแรง มีบทบาทในการปรับสมดุลของพัดลมยักษ์ ป้องกันไม่ให้ใบพัดหลุดลงมา
            • ลวดสลิงนิรภัย จะช่วยให้สามารถรองรับน้ำหนักได้ถึง 1,000 กิโลกรัม เป็นการป้องกันอีกชั้นที่ช่วยแขวนพัดลมเอาไว้
            • นอตยึด เป็นนอตเฉพาะที่เอาไว้ใช้ภายในงานอุตสาหกรรม ลดโอกาสในการคลายตัวของนอตได้ดีมากยิ่งขึ้น
            ความปลอดภัยของระบบ
            การทำงานของพัดลมยักษ์ต้องใช้งานคู่กับตู้ควบคุมหรือตู้คอนโทรล ช่วยให้แรงดันไฟฟ้าและความถี่คงที่ ไม่ต้องกังวลว่าจะมีการจ่ายไฟที่ไม่สม่ำเสมอ จนส่งผลกระทบทำให้มอเตอร์ได้รับความเสียหาย และมีระบบที่ช่วยตัดการทำงานจากไฟฟ้าลัดวงจรอย่างทันที

            “เพราะความปลอดภัยของผู้ใช้งาน เป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญ”


            สรุปแล้วพัดลมยักษ์กินไฟหรือไม่?
            “พัดลมยักษ์” มีการออกแบบและใช้พลังงานไฟฟ้าที่ค่อนข้างต่ำ จึงทำให้เกิดโอกาสในการกินไฟที่น้อย และถ้าหากใครที่ต้องการเปิดพัดลมทั้งวันก็สามารถทำได้ แต่จะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยด้วยเช่นกัน สำหรับใครที่มีข้อสงสัยและไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับพัดลมยักษ์ เรามีทีมงานที่พร้อมให้คำปรึกษาและประเมินพื้นที่หน้างานให้คุณได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย หากสนใจสามารถติดต่อได้ที่ Yushi Group


            เลือกพัดลมยักษ์ที่ได้รับมาตรฐาน ต้องที่ Yushi Group
            Yushi Group ดำเนินธุรกิจด้านการจำหน่าย ออกแบบ และติดตั้ง สินค้าที่เกี่ยวข้องกับ ‘พัดลมระบายอากาศ’ เพื่อลดอุณหภูมิในพื้นที่ ให้มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก และสามารถลดกลิ่นที่ไม่พึ่งประสงค์ โดยมีทีมงานที่พร้อมให้บริการตรวจสอบพื้นที่หน้างาน เพื่อให้การติดตั้งถูกต้องตามมาตรฐาน ทำให้ปลอดภัยกับผู้ใช้งาน ซึ่งมีพัดลมอุตสาหกรรมหลากหลายประเภทให้เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็น
            • พัดลมยักษ์ มีบริการตรวจสอบโครงสร้างอาคารก่อนการติดตั้ง พร้อมกับวิธีการติดตั้งที่ถูกต้องตามมาตรฐาน ทำให้ปลอดภัยกับผู้ใช้งาน
            • พัดลมอุตสาหกรรม มีหลายรูปแบบ สามารถนำไปใช้ได้ตามความเหมาะสมของงาน เช่น พัดลมฟาร์ม, พัดลมใบดำ, พัดลมถังกลม และอื่นๆ อีกมากมาย ที่ได้รับมาตรฐาน มอก.
            • พัดลมไอน้ำ มีคุณภาพได้รับมาตรฐาน มอก. เช่นกัน สามารถเคลื่อนย้ายพัดลมได้สะดวก มีถังน้ำภายในตัว และใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง
            • พัดลมอีแวป มีหัวจ่ายลมให้เลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม เช่น ด้านข้าง, ด้านล่าง และด้านบน โดยมีทีมงานที่ช่วยออกแบบท่อให้กระจายลมได้ตามที่ต้องการ
            ใครที่สนใจอยากให้อากาศภายในอาคารเย็นเร็วมากขึ้น สามารถใช้งานพัดลมควบคู่กับ Evaporative Cooler จะช่วยลดความร้อนสะสมในพื้นที่ได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้มีลมเย็นหมุนเวียนในอาคาร สามารถส่งความเย็นได้อย่างครอบคลุมทั้งพื้นที่ถึง 1,600 ตารางเมตร โดยช่วยให้คุณประหยัดพลังงาน และมีบริการหลังการขายที่พร้อมจะดูแลคุณ เพราะมีอะไหล่สำรองทุกชิ้น ทำให้คุณสามารถใช้งานพัดลมระบายอากาศได้สมบูรณ์ตลอดเวลา


            หากต้องการติดต่อสอบถามข้อมูลของสินค้าและบริการ สามารถติดต่อเพิ่มเติมได้ที่นี่

            Facebook: สินค้าอุตสาหกรรม เครื่องจักร งานติดตั้งระบบ Evap,Ventilation-Yushi Group
            Line@: Yushi Group
            YouTube: Yushi Group
            E-mail: info@yushi.co.th
            Tel: 02-517-0688

            70
            ปัจจุบันนวัตกรรมในงานก่อสร้างโรงงานได้ถูกพัฒนาจนกลายเป็น “โรงงานสำเร็จรูป” ที่ช่วยลดขั้นตอนของการก่อสร้างให้เสร็จได้เร็วมากยิ่งขึ้น V.K.B จึงอยากมาเปรียบเทียบระหว่าง ‘โรงงานสำเร็จรูปหรือสร้างโรงงาน’ ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร ถ้าพร้อมแล้วต้องไม่พลาดบทความนี้!


            โรงงานสำเร็จรูปคืออะไร ?
            ข้อดี
            • ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ราคาของโรงงานสำเร็จรูปถือว่าประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะถูกกำหนดเงื่อนไขการก่อสร้างในหลายด้าน
            • ก่อสร้างเสร็จเร็วมากขึ้น โรงงานสำเร็จรูปมีการก่อสร้างที่สะดวกและรวดเร็วมากกว่าการก่อสร้างทั่วไป
            ข้อเสีย
            • ข้อจำกัดของการออกแบบ ผู้ประกอบการที่ต้องการออกแบบตามจุดต่างๆ จะค่อนข้างมีข้อจำกัดในบางกรณี
            • ผู้ติดตั้งต้องมีความเชี่ยวชาญ โครงสร้างแบบ PEB จะต้องใช้ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้โดยเฉพาะทำการติดตั้ง
            ความแตกต่างระหว่าง โรงงานสำเร็จรูป กับ สร้างโรงงาน
            โครงสร้างของโรงงาน
            โรงงานสำเร็จรูป
            การทำโครงสร้างของโรงงานสำเร็จรูปนิยมใช้วิธีที่เรียกว่า PEB (Pre-Engineered Building) หลังจากนั้นจะนำไปติดตั้งที่หน้างานด้วยระบบยิงสกรู (Bolt System) เพื่อช่วยลดระยะเวลาในการทำงาน แต่วิธีในการติดตั้งโครงสร้างเหล็กสำเร็จรูปจะต้องมีมาตรฐาน เพื่อสามารถยึดโครงสร้างเข้าด้วยกันได้อย่างดีเยี่ยม

            สร้างโรงงาน
            การสร้างโรงงานจะมีความยืดหยุ่นในการออกแบบโรงงาน ซึ่งโครงสร้างจะขึ้นอยู่กับผู้ออกแบบว่าวิธีการก่อสร้างโครงแบบใด ระหว่าง PEB (Pre-Engineered Building) กับ Conventional Steel Building


            งบประมาณ
            • โรงงานสำเร็จรูป มีการคิดราคาแบบเบื้องต้น คือ ราคาต่อตารางเมตร ที่ประกอบไปด้วยการติดตั้งโครงสร้าง การทำฐานราก และวางระบบไฟฟ้า
            • สร้างโรงงาน จะมีขั้นตอนที่ละเอียดอ่อนกว่า เริ่มจากการจ้างสถาปนิกให้ทำการออกแบบโรงงาน แล้วให้นำแบบนั้นไปปรึกษากับผู้รับเหมาอีกที เพื่อให้เขาทำการประเมินราคาแบบเบื้องต้น
            การออกแบบ
            โรงงานสำเร็จรูปสามารถก่อสร้างได้ง่าย ซึ่งเบื้องหลังของการออกแบบจะมีรายละเอียดมากกว่าที่คุณเห็น เพราะเป็นสำเร็จรูปจึงทำให้สถาปนิกและวิศวกรต้องใช้เวลาในการจัดวางชิ้นส่วนต่างๆ ส่วนใครที่มีความต้องการรูปแบบของโรงงานที่เฉพาะ การออกแบบเพื่อสร้างโรงงานตามความต้องการของตนเอง โดยสถาปนิกออกแบบให้จะตอบโจทย์กับกิจการของคุณมากที่สุด เพราะมีอิสระในการออกแบบหรือวางผังโรงงาน ทำให้คุณสร้างแบบใดก็ได้ตามความต้องการ


            การก่อสร้าง
            การก่อสร้างโรงงานสำเร็จรูป
            หากมีการออกแบบและยินยอมให้ทำการก่อสร้างแล้ว ทางบริษัทที่ให้บริการสร้างโรงงานสำเร็จรูปจะเริ่มดำเนินการสร้างฐานรากหน้างาน ระยะเวลาในการสร้างโรงงานสำเร็จรูป เพียงแค่ไม่กี่เดือนก็สามารถเข้าไปใช้งานได้แล้ว

            การก่อสร้างโรงงาน
            การก่อสร้างโรงงานในลักษณะที่ออกแบบตามความต้องการจะมีขั้นตอน และรูปแบบที่ไม่ซ้ำซ้อนเหมือนกับโรงงานสำเร็จรูป เพราะมีความยืดหยุ่นในการออกแบบมากกว่า ส่งผลให้ใช้ระยะเวลาในการสร้างโรงงานสั้นหรือยาวแตกต่างกันออกไป


            โรงงานแบบไหนคุ้มค่ากับคุณมากที่สุด?
            ความคุ้มค่าของการสร้างโรงงานจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างของผู้ประกอบการ เช่น งบประมาณ, ระยะเวลาในการก่อสร้าง หรือต้องการโรงงานที่ตอบโจทย์กับการใช้งาน แต่ถ้าผู้ประกอบการไม่ได้มีข้อจำกัดในเรื่องของงบประมาณ อยากเน้นฟังก์ชันการใช้งานให้ตรงตามความต้องการของพื้นที่ภายในโรงงาน ‘การสร้างโรงงาน’ จะตอบโจทย์สำหรับคุณมากที่สุด


            สร้างโรงงานให้ได้คุณภาพ ต้องที่ V.K.B
            V.K.B เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ให้บริการมายาวนานกว่า 30 ปี มีการออกแบบ ก่อสร้าง และให้คำแนะนำ หรือบริหารโครงการ จากทีมที่เชี่ยวชาญ และ มีประสบการณ์ ทำให้คุณมั่นใจได้เลยว่างานที่ออกมาจะเป็นไปอย่างที่คุณต้องการ และ มีคุณภาพ
            • งานก่อสร้าง สามารถไว้ใจได้ด้วยทีมงาน บุคลากร และ Outsource ที่มีคุณภาพ พร้อมให้บริการคุณได้อย่างเต็มที่
            • งานออกแบบ มีผู้เชี่ยวชาญที่มากประสบการณ์ รวมทั้งนักออกแบบรุ่นใหม่ ที่จะช่วยให้การออกแบบได้ตอบโจทย์ตามสไตล์ที่ทันสมัยของคุณ
            • ให้คำปรึกษา และบริหารโครงการ นอกจากการก่อสร้างแล้ว เรายังให้คำแนะนำ ปรึกษา และช่วยเหลือปัญหาที่เกิดจากการก่อสร้างทุกรูปแบบได้อีกด้วย
            สามารถสอบถาม V.K.B และ ดูข้อมูลเพิ่มเติมช่องทางอื่นๆ
            Facebook : VKB Contracting
            Line : @vkbth
            Tel : 02-377-6591 , 02-735-1636 , 02-735-1637
            Email : vkb.cont@gmail.com

            71
            หากธุรกิจมีการเติบโตจนต้องทำการขยับขยายการผลิตหรือโรงจัดเก็บสินค้า โรงงานต้องถูกออกแบบให้ตรงตามมาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็นการ “ออกแบบโรงงานขนาดเล็ก” หรือออกแบบโรงงานขนาดใหญ่ วันนี้ V.K.B จะพาคุณมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับความสำคัญโรงงาน เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ก่อสร้างโรงงานที่ไม่ได้มาตรฐาน


            โรงงานที่มีประสิทธิภาพควรให้ความสำคัญเรื่องใดบ้าง?
            • ผลิตสินค้าที่ได้มาตรฐาน โรงงานที่ได้รับมาตรฐาน ต้องมีการจัดวางเครื่องจักรให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมกับพนักงานที่ปฏิบัติงานในพื้นที่
            • ลดต้นทุนของสินค้า การวางระบบโรงงานถือว่าเป็นแบบแผนที่ช่วยให้คุณสามารถควบคุมวัตถุดิบ และลดปัญหาที่จะเกิดขึ้นระหว่างการผลิต
            • ทำงานสะดวกมากขึ้น เนื่องจากโรงงานเป็นพื้นที่สำหรับการทำงานโดยเฉพาะ จึงได้มีการออกแบบเพื่อจัดแบ่งพื้นที่ภายในให้เหมาะสมกับขั้นตอนการผลิตในแต่ละส่วน
            การ ออกแบบโรงงานขนาดเล็ก ต้องเตรียมตัวอย่างไร?
            การออกแบบโรงงานทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ผู้ประกอบการต้องทำตามกฎหมาย พ.ร.บ โรงงาน ก่อนที่จะเริ่มดำเนินการก่อสร้าง


            รู้จักกับประเภทของโรงงานที่แบ่งตามกฎหมาย
            โรงงานที่มีขนาดใหญ่, ขนาดกลาง และขนาดเล็ก จะไม่ได้ถูกวัดจากโครงสร้างว่ามีขนาดเท่าไหร่ แต่จะมีการจัดประเภทของโรงงาน โดยถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก คือ
            • ประเภทที่1 มีเครื่องจักรไม่เกิน 20 แรงม้า และมีพนักงานไม่ถึง 20 คน ถือว่าไม่ได้เป็นโรงงานตามกฎหมาย
            • ประเภทที่2 มีเครื่องจักรเกิน 75 แรงม้า และมีพนักงานไม่เกิน 75 คน การก่อสร้างไม่ต้องขอใบอนุญาต แต่ต้องทำการจ่ายค่าธรรมเนียมรายปี
            • ประเภทที่3 มีเครื่องจักรเกิน 75 แรงม้า และมีพนักงานมากกว่า 75 คน ต้องขอใบอนุญาตก่อสร้างโรงงาน (ร.ง.3) และยื่นเอกสารในการประกอบกิจการ (ร.ง.4 )


            จัดสรรเงินทุนที่ใช้ในการก่อสร้าง
            • ที่ดิน ก่อนเริ่มทำการก่อสร้างต้องหาพื้นที่สำหรับโรงงาน ซึ่งควรศึกษาว่าพื้นที่ตั้งโรงงานเป็นแบบเช่าหรือซื้อ
            • จ้างผู้ออกแบบ เปรียบเหมือนกับการเสียค่าออกแบบของโรงงาน โดยผู้ออกแบบจะมีใบวิชาชีพเฉพาะ
            • จ้างผู้รับเหมา จะเข้าสู่ขั้นตอนในการสร้างโรงงานที่ผู้รับเหมาเป็นฝ่ายรับผิดชอบ โดยจะมีการประเมินค่าใช้จ่ายต่างๆ
            การจัดวางระบบที่ไม่ควรลืม
            หากรู้แล้วว่าโรงงานมีพื้นที่เท่าไหร่ จะช่วยให้สามารถทำการจัดสรรพื้นที่ได้ตามความต้องการที่ใช้งาน แต่สำหรับผู้ประกอบการที่ไม่รู้ว่าโรงงานควรมีอะไรบ้าง สามารถปรึกษาผู้ออกแบบหรือสถาปนิกที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับโรงงาน จะช่วยให้คุณได้รับคำแนะนำในการสร้างโรงงานที่ตอบโจทย์กับธุรกิจของคุณมากที่สุด


            การวางผังโรงงาน
            การวางผังโรงงาน (Plant Layout) มีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อการ “ออกแบบโรงงานขนาดเล็ก” เพราะการจัดวางพื้นที่ต่างๆ ให้ลงตัวกับการทำงาน ส่งผลให้การผลิตมีความปลอดภัย และได้มาตรฐาน
            • มีสภาพแวดล้อมที่ดี โรงงานที่มีเครื่องจักรปฏิบัติงานอยู่ หากมีการวางผังที่ดีจะช่วยจัดการกับสิ่งรบกวน แถมยังถูกสุขลักษณะกับพนักงาน
            • ใช้พื้นที่ให้เกิดความคุ้มค่า การวางผังในโรงงานจะเป็นการจัดวางพื้นที่ทั้งหมดให้มีความลงตัว ช่วยให้การทำงานสะดวกและราบรื่น
            • ทำงานได้มีประสิทธิภาพ การทำงานของพนักงานจะสามารถทำได้อย่างดีเยี่ยม และลดระยะเวลาในการทำงานจากการจัดพื้นที่ให้มีความลงตัว
            • ลดอุบัติเหตุ หากมีการจัดวางเครื่องจักรให้อยู่ในระยะห่างที่เหมาะสม จะเป็นการช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงได้
            การเริ่มสร้างโรงงานในทุกครั้งต้องมีการออกแบบโรงงานก่อน เพราะเป็นขั้นตอนที่จะช่วยให้คุณเห็นภาพของโรงงานได้ชัดเจนมากที่สุด สำหรับใครที่ไม่รู้ว่าจะต้องออกแบบอย่างไรที่ตอบโจทย์กับการทำงาน สามารถติดต่อเพื่อขอคำปรึกษาได้จากทาง V.K.B เพื่อให้คุ้มค่าต่อการลงทุนสร้างโรงงานที่ได้รับมาตรฐาน


            ออกแบบโรงงานที่ได้มาตรฐาน ต้องที่ V.K.B.!!
            V.K.B เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ที่ให้บริการมาอย่างยาวนานกว่า 30 ปี มีทีมผู้เชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ สามารถให้คำแนะนำหรือคำปรึกษาด้านการก่อสร้างทุกรูปแบบ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ ให้บริการตั้งแต่การก่อสร้าง ออกแบบ ให้คำปรึกษาในการบริหารโครงการ โดยที่ดูแลคุณตั้งแต่ต้น จนถึงวันที่ส่งมอบงาน

            จึงทำให้เป็นบริษัทที่ได้รับความน่าเชื่อถือ และความไว้วางใจจากลูกค้า ควบคู่กับหนังสือรับรองผลงานจากผู้ว่าจ้าง ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่า ผลงานที่สร้างออกมาเป็นไปตามความต้องการของลูกค้าอย่างแน่นอน

            สามารถสอบถาม V.K.B และ ดูข้อมูลเพิ่มเติมช่องทางอื่นๆ
            Facebook : VKB Contracting
            Line : @vkbth
            Tel : 02-377-6591 , 02-735-1636 , 02-735-1637
            Email : vkb.cont@gmail.com

            72
            “สร้างบ้านต้องตอกเสาเข็มไหม?” เป็นอีกหนึ่งคำถามสำหรับคนที่กำลังจะสร้างบ้านใหม่เกิดข้อสงสัยกัน วันนี้ V.K.B จึงอยากจะพาคุณมาทำความรู้จักกับเสาเข็มให้มากยิ่งขึ้นว่า เสาเข็มมีทั้งหมดกี่แบบ ถ้าพร้อมแล้วไปอ่านบทความนี้กันเลย!


            อยากสร้างบ้านต้องเริ่มอย่างไร?
            ‘บ้าน’ คือ สิ่งปลูกสร้างที่สำคัญต่อการอยู่อาศัยของมนุษย์ สำหรับใครที่อยากจะสร้างบ้าน สามารถเริ่มต้นได้ด้วยวิธีดังนี้
            • ตั้งงบประมาณในการก่อสร้าง การตั้งงบประมาณจะเป็นการป้องกันเบื้องต้น ไม่ทำให้ค่าใช้จ่ายสูงเกินไป
            • ระบุความต้องการ เป็นสิ่งสำคัญที่ควรคำนึง เพราะตัวบ้านจะต้องตอบโจทย์กับผู้อยู่อาศัย
            • หาข้อมูลเกี่ยวกับแบบบ้านที่ต้องการ คุณสามารถค้นหาแบบบ้านทางอินเทอร์เน็ตได้ และนำข้อมูลเหล่านั้นไปปรึกษากับผู้ออกแบบหรือสถาปนิก
            • ติดต่อผู้รับเหมาก่อสร้าง ต้องทำเรื่องติดต่อผู้รับเหมาให้ทำการประเมินพื้นที่หน้างาน เพราะการเลือกใช้เสาเข็มแบบใด ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการออกแบบอาคารว่ามีลักษณะอย่างไร
            สร้างบ้านต้องตอกเสาเข็มไหม และต้องใช้แบบไหน?
            ก่อนที่คุณจะไปหาคำตอบ ‘การสร้างบ้านจะต้องตอกเสาเข็มไหม’ จะต้องมาทำความรู้จักกับเสาเข็มก่อน ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 3 แบบ คือ
            • เสาเข็มคอนกรีตอัดแรง (Prestressed Concrete Pile) เป็นเสาเข็มที่นิยมนำมาใช้กับการก่อสร้างบ้านและอาคาร เพราะเสาเข็มคอนกรีตเป็นแบบสำเร็จรูป
            • เสาเข็มเจาะ (Bored Pile) จะใช้กับสิ่งปลูกสร้างหรืออาคารที่มีพื้นที่อย่างจำกัด เพราะไม่ต้องการให้เกิดแรงสั่นสะเทือนต่อพื้นที่ใกล้เคียงมากที่สุด
            • เสาเข็มกลมแรงเหวี่ยงอัดแรง (Prestressed Concrete Spun Pile) มักจะนำไปใช้กับประเภทอาคารที่มีความสูง จึงทำให้มีความหนาแน่นสูงมากกว่าคอนกรีตหล่อทั่วไป
            >>อ่านบทความ เสาเข็ม มีกี่ประเภท? เพิ่มเติมได้ที่นี่<<


            พื้นที่แบบใดที่ไม่ต้องใช้เสาเข็มมารองรับ
            โครงสร้างที่เป็นพื้นชั้นล่างสุดที่อยู่ใต้ดิน เรียกว่า ‘ฐานราก’ มีหน้าที่ในการรองรับน้ำหนักทั้งหมดของสิ่งปลูกสร้าง โดยลักษณะฐานรากจะมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ
            • ฐานรากตื้น (Shallow Foundation) จะเป็นรากฐานที่ไม่ต้องมีเสาเข็มมาช่วยรองรับน้ำหนัก
            • ฐานรากลึก (Deep Foundation) ต้องมีการตอกเสาเข็ม เพราะเนื้อดินมีความหนาแน่นต่ำ
            ราคาของเสาเข็ม
            การติดตั้งเสาเข็มค่อนข้างเป็นงานที่ละเอียดอ่อน จึงมีบริษัทที่ให้บริการในการติดตั้งเสาเข็มโดยเฉพาะ มีอยู่ด้วยกัน 2 แบบคือ
            • เสาเข็มแบบตอก เป็นการนำเสาเข็มสำเร็จรูปมาตอกลงไปในดิน ทำให้มีราคาที่ถูกกว่าแบบเจาะ
            • เสาเข็มแบบเจาะ เริ่มจากการเจาะดินก่อนแล้วถึงจะหล่อเสาขึ้นมา ทำให้มีราคาที่สูงมากกว่าแบบตอก
            สรุปแล้วการสร้างบ้านจำเป็นต้องตอกเสาเข็มหรือไม่?
            หากคุณอ่านมาถึงตรงนี้ก็คงจะไขข้อสงสัยได้แล้วว่า “สร้างบ้านต้องตอกเสาเข็มไหม?” เพราะเสาเข็มเป็นสิ่งสำคัญกับโครงสร้างบ้าน โดยอาคารที่มีการใช้เสาเข็มจะช่วยป้องกันการทรุดตัวลงของโครงสร้างบ้าน V.K.B เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่พร้อมจะช่วยดูแลคุณอย่างครบวงจร มีการก่อสร้างด้วยขั้นตอนที่ได้มาตรฐาน เพราะเราใส่ใจทุกขั้นตอนของการทำงาน


            อยากจะสร้างบ้านที่ได้มาตรฐาน ต้องที่ V.K.B
            V.K.B เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ให้บริการมายาวนานกว่า 30 ปี มีการออกแบบ ก่อสร้าง และให้คำแนะนำ หรือบริหารโครงการ จากทีมที่เชี่ยวชาญ และ มีประสบการณ์ ทำให้คุณมั่นใจได้เลยว่างานที่ออกมาจะเป็นไปอย่างที่คุณต้องการ และ มีคุณภาพ
            • งานก่อสร้าง สามารถไว้ใจได้ด้วยทีมงาน บุคลากร และ Outsource ที่มีคุณภาพ พร้อมให้บริการคุณได้อย่างเต็มที่
            • งานออกแบบ มีผู้เชี่ยวชาญที่มากประสบการณ์ รวมทั้งนักออกแบบรุ่นใหม่ ที่จะช่วยให้การออกแบบได้ตอบโจทย์ตามสไตล์ที่ทันสมัยของคุณ
            • ให้คำปรึกษา และบริหารโครงการ นอกจากการก่อสร้างแล้ว เรายังให้คำแนะนำ ปรึกษา และช่วยเหลือปัญหาที่เกิดจากการก่อสร้างทุกรูปแบบได้อีกด้วย
            สามารถสอบถาม V.K.B และ ดูข้อมูลเพิ่มเติมช่องทางอื่นๆ
            Facebook : VKB Contracting
            Line : @vkbth
            Tel : 02-377-6591 , 02-735-1636 , 02-735-1637
            Email : vkb.cont@gmail.com

            73
            “แอร์เคลื่อนที่ดีไหม?” ถือว่าเป็นคำถามยอดฮิตสำหรับใครที่กำลังสนใจ วันนี้ Yushi Rental จะพาคุณมารู้จักกับหลักการทำงานของแอร์เคลื่อนที่ว่าเป็นอย่างไร มีข้อดีกับข้อเสียอะไรบ้าง และเหมาะกับใครมากที่สุด


            แอร์เคลื่อนที่ คือ?
            แอร์เคลื่อนที่ (Portable Air Conditioning) เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดหนึ่งที่มีระบบปรับอากาศ ทำให้อุณหภูมิภายในห้องเย็นลงและคงที่ เพื่อแก้ไขปัญหาของอากาศร้อนได้อย่างดีเยี่ยม เพียงแค่เสียบปลั๊กก็สามารถใช้งานได้ หรือจะเคลื่อนย้ายไปมาก็ทำได้ง่าย


            แอร์เคลื่อนที่ดีไหม?

            หลักการทำงานของแอร์เคลื่อนที่เป็นอย่างไร?
            • การนำอากาศเข้าเครื่อง เป็นการนำอากาศของอุณหภูมิปกติผ่านเข้าสู่คอยล์เย็น
            • การปรับอากาศ อยู่ในขึ้นตอนที่ต้องมีการใช้สารเคมีแยกความร้อน แล้วส่งต่อไปยังคอมเพรสเซอร์เพื่อทำการแยก
            • การระบายความร้อน ลมที่ถูกแยกเหล่านั้นไปสะสมอยู่ที่คอยล์ร้อน เพื่อระบายลมออกจากตัวเครื่องไปสู่ด้านนอก
            • การส่งความเย็น หลังจากการที่มีการคัดแยกความร้อนออกจากอากาศ ก็จะหลงเหลือแค่ความเย็น
            ข้อดี – ข้อเสีย ของแอร์เคลื่อนที่
            ข้อดี
            • สามารถทำการติดตั้งได้ง่าย ไม่ต้องทำการเจาะกำแพงเหมือนกับแอร์บ้านทั่วไป
            • เคลื่อนย้ายได้สะดวก ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบาและมีล้อเลื่อน
            • มีวิธีการใช้งานที่ง่าย นำปลั๊กไปเสียบก็สามารถเปิดเครื่องเพื่อใช้งานได้เลย
            • ทำความสะอาดไม่ยุ่งยาก วิธีการทำความสะอาดจะเป็นการนำแผ่นกรองอากาศมาล้าง และหมั่นเช็กถาดน้ำทิ้ง
            ข้อเสีย
            • ไม่เหมาะกับห้องกว้าง แอร์เคลื่อนที่มีขนาดเล็ก ไม่ค่อยเหมาะกับห้องที่มีขนาดกว้างหรือเปิดโล่งสักเท่าไหร่
            • มีอัตราการใช้ไฟเท่ากับแอร์บ้านทั่วไป  เปรียบเทียบระหว่างแอร์เคลื่อนที่กับแอร์บ้านในระดับของ BTU เท่ากัน
            • ส่งเสียงรบกวน เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับแอร์เคลื่อนที่บางรุ่น อาจไม่เหมาะกับการนำไปในห้องนอน
            แอร์เคลื่อนที่เหมาะสำหรับใคร?
            • ห้องเช่าที่ไม่มีแอร์ ที่พักแบบชั่วคราวอย่าง คอนโดมิเนียม, อะพาร์ตเมนต์ และหอพักที่ห้องไม่ได้มีการติดตั้งแอร์ แอร์เคลื่อนที่ไม่ต้องการทำทุบหรือเจาะกำแพงให้ยุ่งยาก
            • กิจกรรมที่ใช้พื้นที่ชั่วคราว การจัดกิจกรรมไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ อย่าง งานพิธีสำคัญ, งานแฟร์, งานแต่งงาน และงานอีเวนต์ เป็นต้น
            • หน่วยงานที่สำคัญ ในบางหน่วยงานที่มีการทำงาน แบบไม่ต้องประจำการอยู่กับที่ เช่น แพทย์อาสาหรือพนักงานที่ให้ความช่วยเหลือประชาชน
            >>อ่านบทความ วิธีเลือกแอร์เคลื่อนที่ เพิ่มเติมได้ที่นี่<<


            สำหรับใครที่ไม่มั่นใจว่าแอร์เคลื่อนที่จะเหมาะสมกับการใช้งานของตัวเองหรือไม่ ทาง Yushi Rental ขอแนะนำให้ใช้ ‘บริการเช่าแอร์เคลื่อนที่‘ โดยระยะเวลาในการเช่าจะมีตั้งแต่ รายวัน, รายเดือน และรายปี ทำให้คุณสามารถทดลองใช้แอร์เคลื่อนที่ก่อนว่าถูกใจหรือเปล่า


            อยากเช่าแอร์เคลื่อนที่ ต้องที่ Yushi Rental
            Yushi Rental เปิดให้บริการงานเช่า และรับจัดงานอีเวนต์ โดยมีประสบการณ์มามากกว่า 20 ปี ไม่ว่าจะเป็นงานสัมมนา, งานขึ้นบ้านใหม่, งานเลี้ยง และงานอื่นๆ ในรูปแบบการจัดงานขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ จึงทำให้แอร์เคลื่อนที่มีทั้งหมด 2 รุ่นให้เช่า คือ
            • รุ่นเคลื่อนที่ มี 12,000 BTU, 14,000 BTU และ 18,000 BTU เหมาะกับการนำไปใช้ในพื้นที่ขนาดเล็ก ใช้งานง่ายและสะดวก
            • รุ่นตู้ตั้งพื้น มี 36,000 BTU, 60,000 BTU, 120,000 BTU และ 200,000 BTU เหมาะสำหรับพื้นที่ขนาดใหญ่ โดยการติดตั้งต้องมีทั้งแอร์กับคอมเพรสเซอร์ เหมือนกับแอร์บ้านทั่วไป
            สนใจใช้บริการเช่าสินค้าอื่นๆ เพิ่มเติม
            • เช่าพัดลมไอน้ำ มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่แบบเคลื่อนที่, แบบตั้งพื้น และแบบแขวน ที่ให้คุณนำไปใช้ได้ตามจุดต่างๆ ในพื้นที่หน้างาน
            • เช่าพัดลมไอเย็น มีดีไซน์ให้เลือกใช้ ทั้งเรียบง่าย กลมกลืนกับสถานที่ หรือหรูหรา และสวยงาม เพื่อความเหมาะสมที่นำไปใช้หน้างานจริง
            • เช่าพัดลมอุตสาหกรรม มี 2 แบบให้เลือกใช้งาน เป็นแบบตั้งพื้นกับแบบแขวน ตัวเครื่องเป็นพัดลมใบดำ ที่มีความแข็งแรง ทนทานกับทุกสถานการณ์
            • เช่าเต็นท์ เป็นเต็นท์ที่มีขนาดเริ่มต้นตั้งแต่ 2 x 2 เมตร สามารถออกแบบว่า อยากได้ดีไซน์ไหน ตั้งแต่ทรงหลังคา, ผ้าทึบ, ผ้าใส, มีหน้าต่าง, รูปแบบประตู, มีแอร์ และอื่นๆ อีกมากมาย
            • เช่าอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ถือว่าเป็นบริการที่จะช่วยดูแลคุณอย่างครบวงจร มีให้เช่าตั้งแต่ แบคดรอป, วิทยุสื่อสาร, ชุดโพเดียม, เวที, ไฟส่องสว่าง และทุกอุปกรณ์ที่คุณต้องการ
            หากใครสนใจเกี่ยวกับบริการเช่า แต่ไม่ได้มีความรู้วิธีในการเช่า ทางเรามีทีมที่พร้อมให้คำปรึกษากับคุณ และสำรวจหน้างานให้ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น


            หากท่านสนใจบริการเช่า หรือบริการซ่อมบำรุง สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่
            Facebook: Yushi Rental & Service บริการงานเช่า รับติดตั้ง และ ซ่อมบำรุงรักษา
            Line@: Yushi Rental
            Tel: 084-155-8553 , 02-517-0688

            74
            ก่อนที่คุณจะนำแอร์ไปใช้งาน จะต้องรู้ “วิธีเลือกแอร์เคลื่อนที่” เพื่อเป็นการช่วยให้คุณนำแอร์ไปติดตั้ง แล้วตอบโจทย์กับการใช้งานมากที่สุด วันนี้ Yushi Rental จะพาคุณไปทำความรู้จักกับแอร์เคลื่อนที่ เพื่อช่วยให้คุณนำไปประกอบกับการตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้น!


            แอร์เคลื่อนที่คืออะไร?
            แอร์เคลื่อนที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบปรับอากาศ เพราะมีหลักการทำงานเหมือนกับแอร์ทั่วไป ที่ต้องมีการเติมน้ำยาแอร์จึงจะสามารถสร้างความเย็นออกมาได้ และมีล้อเลื่อนเพื่อเคลื่อนย้ายได้สะดวก สามารถนำไปใช้ในงานขนาดเล็กที่เป็นงานเลี้ยงสังสรรค์ หรืองานขนาดใหญ่ของงานพิธีสำคัญ, งานนิทรรศการ และงานอีเวนต์


            วิธีเลือกแอร์เคลื่อนที่
            ขั้นตอนในการเลือกแอร์เคลื่อนที่ จะมีหลายปัจจัยที่ต้องคำนึงถึง เพื่อเป็นการช่วยให้เราสามารถนำแอร์เคลื่อนที่ไปใช้งานให้เกิดความคุ้มค่า โดยมีวิธีดังต่อไปนี้
            • เลือก BTU แอร์ ต้องมีการคำนวณขนาดของพื้นที่ก่อนว่ามีขนาดเท่าไหร่ เพื่อเป็นการเลือก BTU ให้เหมาะสม
            • ฟังก์ชันการใช้งาน พื้นฐานของเครื่องปรับอากาศจะสามารถปรับอุณหภูมิ, ปรับความเร็วลม และโหมด Auto Swing เป็นต้น
            • ท่อปล่อยลมร้อน การติดตั้งท่อระบายความร้อน เป็นการนำความร้อนออกไปทางประตูหรือหน้าต่าง
            • ระบบท่อน้ำทิ้ง รุ่นที่ต้องทำการต่อท่อระบายน้ำทิ้ง กับรุ่นที่มีถาดรองน้ำเพื่อกักเก็บน้ำเอาไว้ แล้วเราค่อยนำไปเททิ้ง
            • การทำความสะอาด วิธีในการดูแลรักษาทำความสะอาดของแอร์เคลื่อนที่ สามารถทำได้ง่ายมากกว่าแอร์ทั่วไปที่ติดตั้งกับผนัง
            • การรับประกัน แนะนำให้เลือก ‘แอร์เคลื่อนที่’ ที่มีการรับประกัน เพื่อช่วยให้เรามั่นใจในการใช้งาน
            แอร์เคลื่อนที่จาก Yushi Rental
            การนำแอร์เคลื่อนที่ไปใช้งานชั่วคราวแบบเฉพาะพื้นที่หรืองานสำคัญต่างๆ ไม่ได้ต้องการลงทุนสูงกับการซื้อแอร์แบบถาวร เราขอแนะนำบริการเช่าแอร์เคลื่อนที่จาก Yushi Rental ที่มี 2 รูปแบบให้คุณได้เลือกใช้ คือ
            • แอร์รุ่นเคลื่อนที่ มี BTU ให้เลือกตั้งแต่ 12,000 BTU, 14,000 BTU และ 18,000 BTU จึงทำให้เหมาะกับการนำไปใช้ในพื้นที่ขนาดเล็ก
            • แอร์รุ่นตู้ตั้งพื้น เหมาะสำหรับพื้นที่ขนาดใหญ่ โดย BTU เริ่มต้นที่ 36,000 BTU, 60,000 BTU, 120,000 BTU และ 200,000 BTU
            >>อ่านบทความ เช่าแอร์เคลื่อนที่ เพิ่มเติมได้ที่นี่<<


            วิธีเลือกแอร์เคลื่อนที่สำคัญอย่างไร?
            การที่เรารู้แล้วว่าควรจะเลือกแอร์เคลื่อนที่อย่างไร จะช่วยตอบโจทย์การใช้งาน อำนวยความสะดวก และขนาดของ BTU เหมาะสมกับพื้นที่มากที่สุด หากใครยังรู้สึกว่าไม่มั่นใจกับการเลือกซื้อแอร์เคลื่อนที่ แนะนำให้ปรึกษากับทาง Yushi Rental ที่มาพร้อมกับบริการเช่าแอร์เคลื่อนที่ โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการช่วยคุณตัดสินใจ


            อยากเช่าแอร์เคลื่อนที่บริการครบวงจร ต้อง Yushi Rental
            Yushi Rental เปิดให้บริการงานเช่า และรับจัดงานอีเวนต์ โดยมีประสบการณ์มามากกว่า 20 ปี ไม่ว่าจะเป็นงานสัมมนา, งานขึ้นบ้านใหม่, งานเลี้ยง และงานอื่นๆ ในรูปแบบการจัดงานขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ ซึ่งทางเรามีให้เช่าตั้งแต่
            • เช่าพัดลมไอน้ำ มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่แบบเคลื่อนที่, แบบตั้งพื้น และแบบแขวน ที่ให้คุณนำไปใช้ได้ตามจุดต่างๆ ในพื้นที่หน้างาน
            • เช่าพัดลมไอเย็น มีดีไซน์ให้เลือกใช้ ทั้งเรียบง่าย กลมกลืนกับสถานที่ หรือหรูหรา และสวยงาม เพื่อความเหมาะสมที่นำไปใช้หน้างานจริง
            • เช่าพัดลมอุตสาหกรรม มี 2 แบบให้เลือกใช้งาน เป็นแบบตั้งพื้นกับแบบแขวน ตัวเครื่องเป็นพัดลมใบดำ ที่มีความแข็งแรง ทนทานกับทุกสถานการณ์
            • เช่าเต็นท์ เป็นเต็นท์ที่มีขนาดเริ่มต้นตั้งแต่ 2 x 2 เมตร สามารถออกแบบว่า อยากได้ดีไซน์ไหน ตั้งแต่ทรงหลังคา, ผ้าทึบ, ผ้าใส, มีหน้าต่าง, รูปแบบประตู, มีแอร์ และอื่นๆ อีกมากมาย
            • เช่าอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ถือว่าเป็นบริการที่จะช่วยดูแลคุณอย่างครบวงจร มีให้เช่าตั้งแต่ แบคดรอป, วิทยุสื่อสาร, ชุดโพเดียม, เวที, ไฟส่องสว่าง และทุกอุปกรณ์ที่คุณต้องการ
            สำหรับใครที่สนใจ แต่ไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับบริการเช่า หรือวิธีในการเช่า ทางเรามีทีมที่พร้อมให้คำปรึกษากับคุณ และสำรวจหน้างานให้ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น


            หากท่านสนใจบริการเช่า หรือบริการซ่อมบำรุง สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่
            Facebook: Yushi Rental & Service บริการงานเช่า รับติดตั้ง และ ซ่อมบำรุงรักษา
            Line@: Yushi Rental
            Tel: 084-155-8553 , 02-517-0688

            75
            ไม่รู้ว่าจะเลือกอะไรดีระหว่าง “พัดลมไอเย็น กับ พัดลมธรรมดา” เนื่องจากพัดลมทั้ง 2 รูปแบบ มีคุณสมบัติในการนำพัดลมไปใช้งานค่อนข้างแตกต่างกัน วันนี้ Yushi Rental จะพาคุณมาทำความรู้จักกับพัดลมไอเย็นให้มากยิ่งขึ้น ถ้าพร้อมแล้วไปอ่านบทความกันเลย!


            พัดลมไอเย็น กับ พัดลมธรรมดา คือ ?
            พัดลมไอเย็น
            พัดลมไอเย็นมีความสามารถในการปล่อยลมเย็นที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าบริเวณรอบๆ เพราะหลักการทำงานของพัดลมจะเป็นการนำน้ำเข้ามาใช้ ทำให้เกิดการระเหยของน้ำออกมาเป็นลมเย็น ส่งผลให้ความเย็นที่ปล่อยไม่มีละอองน้ำออกมาเป็นเม็ดๆ

            ข้อดี
            • ช่วยลดอุณหภูมิภายในพื้นที่
            • ใช้งานง่าย เคลื่อนย้ายได้สะดวก
            • เป็นมิตรกับผู้ใช้งาน เพราะมีระบบที่ช่วยฆ่าเชื้อโรคในอากาศ
            • สามารถนำไปใช้ได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร
            • มีอัตราในการใช้ไฟฟ้าที่ใกล้เคียงกับพัดลมธรรมดา

            ข้อเสีย
            • ไม่สามารถทำความเย็นได้เท่ากับแอร์
            • ต้องหมั่นเติมน้ำลงในถังอยู่บ่อยครั้ง และทำความสะอาดถังบรรจุน้ำ
            • ภายในห้องจะต้องไม่เป็นพื้นที่ปิด มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก
            • ราคาค่อนข้างสูงกว่าพัดลมทั่วไป

            >>อ่านบทความ วิธีใช้พัดลมไอเย็น เพิ่มเติมได้ที่นี่<<


            พัดลมธรรมดา
            พัดลมธรรมดาหรือพัดลมที่ใช้กันทั่วไป เป็นพัดลมที่ต้องมีติดอยู่ทุกบ้าน ซึ่งหลักการทำงานไม่ได้มีความซับซ้อน เพราะเมื่อไหร่ที่คุณเริ่มเปิดใช้งานพัดลม ตัวมอเตอร์ก็ทำงานหมุนจนเกิดกระแสลม

            ข้อดี
            • ช่วยสร้างกระแสลมได้ดี
            • วิธีการใช้งานกับการเคลื่อนย้ายสามารถทำได้ง่าย
            • เป็นพัดลมที่หาซื้อง่าย และราคาจับต้องได้

            ข้อเสีย
            • ต้องถอดใบพัดและตะแกรงออกมาทำความสะอาด
            • หากนำไปใช้ในพื้นที่มีความร้อนสูง ลมที่ออกมาก็จะเป็นลมร้อน


            มีความแตกต่างกันอย่างไร?
            การทำงานของ “พัดลมไอเย็นกับพัดลมธรรมดา” มีหน้าที่หลัก คือ ช่วยสร้างกระแสลม แต่ว่าพัดลมทั้ง 2 รูปแบบจะมีคุณสมบัติในบางจุด ดังนี้

            • ดีไซน์ พัดลมไอเย็นจะมาในลักษณะที่เป็นตู้ทรงสี่เหลี่ยม ส่วนพัดลมธรรมดาเป็นพัดลมตั้งพื้นแบบทั่วไป
            • อุณหภูมิ พัดลมไอเย็นสามารถทำความเย็นได้ดีกว่าพัดลมธรรมดา
            • การดูแลรักษา พัดลมธรรมดามีวิธีในการดูแลรักษาค่อนข้างง่ายกว่า ส่วนพัดลมไอเย็นต้องคอยทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ
            • ประหยัดไฟ พัดลมไอเย็นมีการนำไฟฟ้าไปใช้ ในอัตราที่ใกล้เคียงกับพัดลมธรรมดา
            สรุปแล้วพัดลมแบบไหนดีกว่ากัน?
            ‘พัดลมไอเย็น กับ พัดลมธรรมดา’ ทั้งคู่ต่างมีข้อดีที่แตกต่างกัน แต่ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่คุณนำไปใช้งาน สำหรับใครที่สนใจพัดลมไอเย็น แต่ไม่ได้ต้องการซื้อไปใช้งานถาวร อยากจะใช้เพียงแค่ชั่วคราว ทาง Yushi Rental มีบริการให้เช่าพัดลมไอเย็น ตั้งแต่รายวันไปจนถึงรายปี โดยสามารถนำไปใช้ได้ทั้งภายในหรือภายนอกของอาคาร


            สนใจเช่าพัดลมไอเย็นคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Yushi Rental
            Yushi Rental เปิดให้บริการงานเช่า และรับจัดงานอีเวนต์ โดยมีประสบการณ์มามากกว่า 20 ปี ไม่ว่าจะเป็นงานสัมมนา, งานขึ้นบ้านใหม่, งานเลี้ยง และงานอื่นๆ ในรูปแบบการจัดงานขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ ซึ่งทางเรามีให้เช่าตั้งแต่
            • เช่าพัดลมไอน้ำ มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่แบบเคลื่อนที่, แบบตั้งพื้น และแบบแขวน ที่ให้คุณนำไปใช้ได้ตามจุดต่างๆ ในพื้นที่หน้างาน
            • เช่าพัดลมไอเย็น มีดีไซน์ให้เลือกใช้ ทั้งเรียบง่าย กลมกลืนกับสถานที่ หรือหรูหรา และสวยงาม เพื่อความเหมาะสมที่นำไปใช้หน้างานจริง
            • เช่าพัดลมอุตสาหกรรม มี 2 แบบให้เลือกใช้งาน เป็นแบบตั้งพื้นกับแบบแขวน ตัวเครื่องเป็นพัดลมใบดำ ที่มีความแข็งแรง ทนทานกับทุกสถานการณ์
            • เช่าแอร์ เป็นแอร์เคลื่อนที่ มี 2 รุ่น ได้แก่ รุ่นเคลื่อนที่ได้กับรุ่นตู้ตั้งพื้น ถือว่ามีขนาด BTU แอร์ให้เลือกตั้งแต่ 18,000 BTU, 36,000 BTU, 60,000 BTU, 120,000 BTU และ 200,000 BTU
            • เช่าเต็นท์ เป็นเต็นท์ที่มีขนาดเริ่มต้นตั้งแต่ 2 x 2 เมตร สามารถออกแบบว่า อยากได้ดีไซน์ไหน ตั้งแต่ทรงหลังคา, ผ้าทึบ, ผ้าใส, มีหน้าต่าง, รูปแบบประตู, มีแอร์ และอื่นๆ อีกมากมาย
            • เช่าอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ถือว่าเป็นบริการที่จะช่วยดูแลคุณอย่างครบวงจร มีให้เช่าตั้งแต่ แบคดรอป, วิทยุสื่อสาร, ชุดโพเดียม, เวที, ไฟส่องสว่าง และทุกอุปกรณ์ที่คุณต้องการ
            สำหรับใครที่สนใจ แต่ไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับบริการเช่า หรือวิธีในการเช่า ทางเรามีทีมที่พร้อมให้คำปรึกษากับคุณ และสำรวจหน้างานให้ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น


            หากท่านสนใจบริการเช่า หรือบริการซ่อมบำรุง สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่
            Facebook: Yushi Rental & Service บริการงานเช่า รับติดตั้ง และ ซ่อมบำรุงรักษา
            Line@: Yushi Rental
            Tel: 084-155-8553 , 02-517-0688

            76
            “การทำบัญชีบริษัทมีอะไรบ้าง?” เพราะความสำคัญของการทำบัญชีจะเป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพในการดำเนินกิจการ สำหรับใครที่ไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นอย่างไร วันนี้ นรินทร์ทอง ขอแนะนำวิธีการทำบัญชีบริษัทแบบเบื้องต้น ที่ผู้ประกอบการมือใหม่จะต้องรู้ ถ้าพร้อมแล้วไปอ่านบทความนี้กันเลย!


            การทำบัญชีบริษัทมีอะไรบ้าง ที่คุณควรรู้?

            เงินที่เข้า – ออกภายในบริษัท

            ผู้ประกอบการที่เพิ่งดำเนินธุรกิจจะพลาดไม่ได้เลยกับ ‘รายการเดินบัญชี’ ที่เป็นตัวช่วยให้คุณได้ทราบว่ามีเงินเข้า – เงินออกภายในบริษัทเป็นจำนวนเท่าไหร่

            การรับเงิน
            เงินเข้าหรือรายได้ของบริษัท จะมีเงินที่ได้จากการขายสินค้าหรือบริการจากลูกค้าโดยตรง โดยเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการรับเงินจะมีดังนี้
            • ใบวางบิล/ใบแจ้งหนี้
            • ใบกำกับภาษี/ใบเสร็จ
            • ใบรับรองการหัก ณ ที่จ่าย
            การจ่ายเงิน
            เงินออกหรือรายจ่ายของบริษัท จะเป็นเงินที่บริษัทมีการชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยถูกแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ ‘ค่าใช้จ่ายในการขาย’ ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน และ ‘ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน’ เป็นค่าใช้จ่ายทั่วไป เช่น ค่าเช่า ค่าน้ำมัน และเงินเดือนพนักงานเป็นต้น จึงมีเอกสารที่แตกต่างกันดังนี้
            • ค่าใช้จ่ายในการขาย : ใบแจ้งหนี้, ใบกำกับภาษี, ใบรับสินค้า และใบเสร็จรับเงินจากซัพพลายเออร์
            • ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน : ใบแจ้งหนี้, ใบเสร็จรับเงินจากซัพพลายเออร์, ใบรับรองการหัก ณ ที่จ่าย รายงานสรุปเงินเดือน
            เรื่องที่เกี่ยวข้องกับภาษี
            การเรียกเก็บภาษีจะมีอยู่ 2 รูปแบบ คือ ‘ภาษีทางตรง’ ที่มีการเรียกเก็บจากบุคคลมีรายได้จากการทำงาน กับ ‘ภาษีทางอ้อม’ หรือภาษีมูลค่าเพิ่ม จึงทำให้มีการเสียภาษีทั้งหมด 3 ประเภทที่ผู้ประกอบการมือใหม่ควรรู้!


            ภาษีเงินได้ ถือว่าเป็นภาษีทางตรงที่มีโอกาสเรียกเก็บจากบุคคลที่เป็นลูกจ้างพนักงาน และบุคคลที่เป็นเจ้าของธุรกิจหรือกิจการ
            • ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จะเรียกเก็บภาษีจากบุคคลทั่วไป มีรายได้ถึงเกณฑ์ที่กำหนด โดยบุคคลทั่วไปต้องทำการยื่น ภ.ง.ด.90 และ ภ.ง.ด. 91 ซึ่งผู้ประกอบการต้องรู้วิธีในการคำนวณภาษี และจัดทำเอกสาร ภ.ง.ด.1 กับ ภ.ง.ด.1 ก
            • ภาษีเงินได้นิติบุคคล มีหน้าที่ในการเรียกเก็บภาษีจากนิติบุคคล ที่มีการจดทะเบียนเพื่อประกอบธุรกิจโดยการยื่นเสียภาษีภายในปีจะมี 2 รอบ คือ ภ.ง.ด.51 ครึ่งปีแรก และ ภ.ง.ด.50 เต็มปี

            ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ผู้หักเป็นบริษัทหรือนิติบุคคล ที่หักจากผู้รับเงิน (บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล) โดยเปอร์เซ็นต์ในการเสียภาษีจะแตกต่างกันออกไป เพราะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของประเภทเงินได้ เอกสารที่ต้องทำการส่งจะถูกแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ
            • บุคคลธรรมดา ภ.ง.ด.3, ภ.ง.ด.1 และภ.ง.ด.1 ก เป็นการจ่ายเงินให้กับบุคคลทั่วไป
            • นิติบุคคล ภ.ง.ด.53 เป็นการจ่ายเงินให้กับทางบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดที่มีการจดทะเบียน
            ไม่ว่าเราโดนหักหรือเราหักจากลูกค้า ก็สามารถทำเรื่องเพื่อขอเงินคืนจากรัฐในตอนสิ้นปีหรือนำไปลดหย่อนภาษีได้ แต่ต้องทำ ‘หนังสือรับรองหัก ณ ที่จ่าย’ ยื่น

            >>อ่านบทความ ภาษีหัก ณ ที่จ่าย คืออะไร เพิ่มเติมได้ที่นี่<<


            ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ ‘VAT’ มีอัตราในการเรียกเก็บอยู่ 7% ซึ่งถูกแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ ‘ภาษีขาย’ จะเรียกเก็บจากราคาของสินค้าหรือบริการจากทางลูกค้า และ ‘ภาษีซื้อ’ ตอนที่เราไปซื้อสินค้าหรือบริการจากผู้ขายแล้วมีการคิด VAT เป็นภาษีที่เก็บจากสินค้าหรือบริการที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น จนทำให้ธุรกิจมีรายได้ต่อปีมากกว่า 1.8 ล้านบาท และผู้ประกอบการจะต้องรีบทำการจดทะเบียนภายในระยะเวลา 30 วัน

            โดยต้องใช้แบบ ภ.พ.30 เพื่อช่วยรายงานกับทางสรรพากรว่า ธุรกิจที่เรากำลังดำเนินอยู่นั้น มีรายรับ – รายได้ของภาษีมูลค่าเพิ่มเท่าไหร่  (หากยื่นออนไลน์จะเพิ่มระยะเวลาให้อีก 8 วัน)


            >>สามารถอ่านบทความ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ได้ที่นี่<<

            ทำไมผู้ประกอบการถึงต้องมีการทำบัญชี?
            การทำบัญชีบริษัทสำหรับผู้ประกอบการ นอกจากทำให้ทราบว่าธุรกิจของเราได้กำไรหรือขาดทุน เพื่อนำไปพัฒนากับการดำเนินธุรกิจได้ถูกจุด ยังมีเรื่องของการเสียภาษีของแต่ละประเภทที่ผู้ประกอบการควรรู้ เพื่อยื่นเอกสารให้กับทางกรมสรรพากร

            สำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วรู้สึกว่า การทำภาษีบริษัทมีรายละเอียดและมีขั้นตอนที่ยุ่งยาก แนะนำให้ติดต่อบริษัทที่ให้บริการดูแลทางด้านบัญชีอย่างครบวงจรกับ นรินทร์ทอง

            หากรู้สึกว่าการทำบัญชีเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก นรินทร์ทองช่วยคุณได้!
            บริษัท นรินทร์ทอง จำกัด เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านบัญชี และภาษี รวมไปถึงการจดทะเบียนนิติบุคคล ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบ บริษัท หรือห้างหุ้นส่วน ด้วยประสบการณ์ที่ให้บริการมากกว่า 20 ปี โดยมีบริการให้คุณได้เลือกใช้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น
            • การส่งภาษีอากร ทางเราสามารถยื่นภาษีให้ได้ โดยที่คุณไม่ต้องยุ่งยากกับการจัดเตรียมเอกสาร รวมไปถึงรับจัดทำรายงาน และให้คำปรึกษาทางด้านภาษี
            • รับจดทะเบียนบริษัท เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับบริษัทของคุณ โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากการจดทะเบียน เพราะเราสามารถช่วยคุณได้
            • รับทำเงินเดือนพนักงาน มีการคำนวณเงินเดือนพนักงานอย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันปัญหาที่ทำให้พนักงานได้รับเงินเดือนช้า หรือไม่ครบตามที่กำหนด
            • ให้บริการรับทำบัญชี หากใครที่กำลังรู้สึกว่าการทำบัญชีนั้นเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก และมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นมากมายภายในบริษัท ทางเราพร้อมที่จะดูแลคุณ
            นรินทร์ทองอยากให้ธุรกิจของคุณพัฒนาได้อย่างก้าวกระโดด

            และรู้ทุกการเคลื่อนไหวทางการเงิน เพื่อให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างรวดเร็ว

            ใครมีข้อสงสัย ต้องการคำปรึกษา นรินทร์ทอง สามารถติดต่อสอบถามได้ที่…

            Facebook : NarinthongOfficial
            E-mail : narinthong.ac@gmail.com
            Line : @Narinthong
            Tel : 081-626-6872 , 02-404-2339

            77
            “ปูน กับ คอนกรีต” เป็นคำพูดที่ได้ยินในงานก่อสร้างมากที่สุด และมักจะทำให้ใครหลายคนเกิดความสับสนได้ว่าปูนคืออะไร แล้วแตกต่างกันอย่างไรกับคอนกรีต วันนี้ MTcement จะมาช่วยคุณไขข้อสงสัยให้กระจ่างว่า ทำไมปูนซีเมนต์ถึงมีความสำคัญ และคอนกรีตจำเป็นต่อโครงสร้างอย่างไร ถ้าพร้อมแล้วไปอ่านบทความนี้กันเลย!


            ปูนซีเมนต์กับคอนกรีต เป็นชื่อเดียวหรือเปล่า?
            คำตอบคือไม่ใช่และทั้งสองมีวัตถุประสงค์ในการทำงานที่แตกต่างกัน จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ใครหลายคนเรียกผสมกันระหว่างปูนกับคอนกรีต เพราะกระบวนการก่อสร้างจะมีองค์ประกอบของการทำงานอย่าง งานคอนกรีต, งานปูนก่อฉาบ และงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง


            “ปูน กับ คอนกรีต” เหมือนกันหรือไม่?
            ปูนซีเมนต์


            ปูนซีเมนต์ (cement) หรือที่เราชอบเรียกกันติดปากว่า ‘ปูน’ มีหน้าที่ในการผสานทรายและหินเข้าด้วยกัน โดยวัตถุดิบหรือสารประกอบที่นำมาใช้ผลิตปูนจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ
            • เนื้อปูนดิบ เป็นส่วนประกอบหลักที่มีสารแคลเซียมคาร์บอเนต
            • เนื้อดิน ต้องมีส่วนประกอบของสารเคมีจากซิลิกา(SiO2), อะลูมินา (Al2O3) และเหล็กออกไซด์ (Fe2O3)
            • สารผสมอื่นๆ จะเป็นการปรับคุณภาพด้วยการใส่สารประกอบบางอย่างลงไปให้เกิดความลงตัว
            หลังจากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการผลิตปูนซีเมนต์ ที่ต้องทำการเผาวัตถุดิบต่างๆ ให้กลายเป็นเม็ดที่มีอณูขนาดเล็กหรือกลายเป็นผงที่เราเห็นกัน ซึ่งวิธีการผลิตจะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 แบบ
            • การเผาแห้ง เป็นวิธีการผลิตที่นิยมมากที่สุด และช่วยประหยัดพลังงาน เพียงแค่นำวัตถุดิบที่มีทั้งหมดเข้าหม้อบดและเผาในเตาแบบหมุนอุณหภูมิสูงสุดถึง 1,200 – 1,400 องศาเซลเซียส
            • การเผาเปียก นำดินมาผสมกับน้ำในอัตราที่เหมาะสม แล้วทำการบดให้ละเอียดจนได้น้ำดินออกมา ถึงจะนำไปเผาในเตาด้วยอุณหภูมิ 1,480 องศาเซลเซียส
            • การเผาทั้งแห้งและเปียก เป็นการผลิตที่ผสมผสานทั้งแบบแห้งและเปียก ที่นำวัตถุดิบทั้งหมดมาบดก่อนแล้วนำไปผสมกับน้ำ จึงจะสามารถนำไปเข้าเตาเผาได้
            ประเภทของปูนซีเมนต์


            ปูนงานโครงสร้าง
            การก่อสร้างบ้านหรืออาคาร จำเป็นต้องใช้ปูนงานโครงสร้างหรือปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ เพราะทำให้โครงสร้างมีความแข็งแรง และทนทานตามความเหมาะสมกับพื้นที่หน้างาน มีทั้งหมด 5 ชนิด
            • ปูนปอร์ตแลนด์ธรรมดา จะสามารถเห็นได้จากการก่อสร้างทั่วไป เช่น ทำพื้น, ทำเสา และทำคาน เป็นต้น
            • ปูนปอร์ตแลนด์ดัดแปลง ใช้กับงานโครงสร้างขนาดใหญ่ และอยู่ในบริเวณที่มีโอกาสสัมผัสกับความด่างของเกลือทั้งน้ำหรือดิน
            • ปูนให้กำลังอัดสูง เป็นปูนที่ตอบโจทย์กับโครงสร้างขนาดเล็กหรือกลาง เช่น พื้นหรือเสาไฟฟ้า
            • ปูนความร้อนต่ำ เหมาะสำหรับโครงสร้างขนาดใหญ่ อยู่ในพื้นที่มีโอกาสสัมผัสกับน้ำโดยตรงอย่างเขื่อนกั้นน้ำ
            • ปูนต้านทานซัลเฟต เป็นปูนที่มีความต้านทานต่อเกลือซัลเฟต เหมาะสำหรับสิ่งปลูกสร้างใกล้กับทะเลหรือพื้นที่มีดินเค็ม
            ปูนงานก่อและฉาบ
            มีอีกชื่อหนึ่งว่า ‘ปูนงานตกแต่ง’ จึงมีหน้าที่สำหรับการก่อและฉาบ เพราะมีคุณสมบัติของการยึดเกาะอย่างดีเยี่ยม
            • ปูน Masonry เหมาะสมกับการฉาบผนังแบบเนียนสนิท เพราะมีส่วนผสมที่ทำให้ปูนมีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ
            • ปูนผสม สามารถใช้กับงานก่อ, งานฉาบ และสร้างคอนกรีตขนาดเล็กได้
            • ปูนสำเร็จรูป มีการทำงานที่คล้ายกับปูนผสมที่สามารถก่อและฉาบได้ แต่มีวิธีในการผสมปูนง่ายกว่า
            คอนกรีต


            วิธีสร้างคอนกรีตจะมีส่วนประกอบสำคัญอย่างปูนซีเมนต์, ทราย, หิน และน้ำ ซึ่งอัตราส่วนในการผสมจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของสิ่งปลูกสร้าง จึงทำให้คอนกรีตมีหลายประเภท

            ประเภทของคอนกรีตแบบเบื้องต้น
            • คอนกรีตทั่วไป เป็นคอนกรีตมาตรฐานที่ใช้กับงานโครงสร้างทั่วไป สามารถทำเป็นพื้น, เสา และคาน
            • คอนกรีตผิวเรียบ เน้นเรื่องของความสวยงาม เพราะเป็นคอนกรีตที่ทำให้ผิวสม่ำเสมอและเรียบเนียน
            • คอนกรีตกันซึม เหมาะสำหรับพื้นที่ต้องสัมผัสกับน้ำอย่างเป็นประจำ เช่น ห้องน้ำหรือสระว่ายน้ำ
            • คอนกรีตในน้ำ มีคุณสมบัติที่สามารถหล่อคอนกรีตใต้น้ำได้จริง และมีแรงอัดสูงสุด 380 – 450 ksc
            • คอนกรีตติดทะเล จำเป็นต้องใช้กับสิ่งปลูกสร้างที่มีระยะห่างจากทะเลไม่เกิน 15 กม.
            >>อ่านบทความ คอนกรีต คือ มีกี่ประเภท เพิ่มเติมได้ที่นี่<<

            สรุปแล้วปูนกับคอนกรีตแตกต่างกันอย่างไร?
            • ปูนซีเมนต์ จะมีลักษณะเป็นผงที่อยู่ในถุง ยังไม่ได้ถูกนำไปผสมหรือเจือปนด้วยสารประกอบอื่นๆ
            • คอนกรีต เป็นการนำปูนซีเมนต์, ทราย, หิน และน้ำ มาผสมให้กลายเป็นเนื้อเดียวกันจนแปรสภาพเป็นของเหลว จึงจะสามารถนำไปเทหรือหล่อให้ขึ้นรูป
            ถ้าหากคุณรู้แล้วว่าปูนซีเมนต์กับคอนกรีตมีความแตกต่างกันอย่างไร เวลาที่คุณติดต่อไปยังร้านค้าหรือบริษัทที่จำหน่ายวัสดุก่อสร้าง จะไม่ทำให้เกิดการสื่อสารที่ผิดพลาดในการสั่งซื้อปูนหรือคอนกรีตอย่างแน่นอน


            วัสดุก่อสร้างที่ได้มาตรฐาน ต้องที่ MTcement !!
            MTcement ประกอบธุรกิจจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้าง วัสดุตกแต่ง ทั้งค้าส่ง และค้าปลีกเป็นเวลานานกว่า 40 ปี เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้ารายสำคัญของผู้ผลิตชั้นนำหลายแห่งมีความสัมพันธ์ทางการค้าที่ดีกับผู้ผลิต ไม่ว่าจะเป็น
            • ปูนซีเมนต์ มีทั้งปูนงานโครงสร้างและปูนงานก่อกับงานฉาบ ที่มีหลากหลายประเภทให้เลือกใช้ตามความเหมาะสม ทำให้โครงสร้างมีความแข็งแรง สวยงาม ใช้งานได้ในระยะยาว
            • คอนกรีต ให้บริการรถคอนกรีตผสมเสร็จ ขนาดใหญ่ที่จุได้ถึง 5 – 6 คิว เหมาะกับโครงสร้างขนาดใหญ่ที่ต้องการคอนกรีตปริมาณมาก หรือจะเป็นรถขนาดเล็กที่จุคอนกรีต 2 คิวเราก็มี
            • ซีเมนต์บอร์ด สำหรับการก่อสร้างแบบแห้ง ทางเรามีแบรนด์ชั้นนำให้เลือกใช้อย่างวีว่าบอร์ดกับเฌอร่าบอร์ด ที่มีคุณสมบัติโดดเด่นในหลายด้าน ช่วยให้คุณนำซีเมนต์บอร์ดไปใช้ง่ายได้อย่างสะดวก
            • อิฐมวลเบา มีกระบวนการผลิตแบบอบไอน้ำ ที่มีคุณสมบัติแตกต่างกว่าอิฐทั่วไป ทำให้มีความแข็งแรง ทนทานได้ต่อทุกสภาพอากาศ กันเสียงได้เป็นอย่างดี และลดระยะเวลาในการก่อสร้างเพราะมีน้ำหนักเบา
            หากใครที่กำลังสนใจและต้องการใช้สินค้าเป็นจำนวนมาก ทางเราสามารถต่อรองกับบริษัทผู้ผลิตในการนำเสนอ “ราคาพิเศษ” เพื่อเป็นการจำหน่ายสินค้าในราคา “กันเอง” ให้ได้ และที่สำคัญทางเรามีทีมจัดสรรรถขนส่งเกือบทุกประเภทจากทั่วพื้นที่ โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพ และปริมณฑล เพราะเราใส่ใจเรื่องความรวดเร็วและความปลอดภัยในการจัดส่งสินค้า


            ติดต่อสอบถามข้อมูล และข้อสงสัยต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ เพิ่มเติมได้ที่นี่
            Facebook: คอนกรีตผสมเสร็จ โดย เมืองไทยซีเมนต์
            E-mail: info@mtcement.com
            Line: @mtcement
            Tel: 088 – 554 – 1555, 02 – 328 – 0684

            78
            ในอดีตกระบวนการก่อสร้างผนังหรือกำแพงเป็นงานที่ต้องใช้เวลา แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะมี “ซีเมนต์บอร์ด” ที่ถูกพัฒนาให้ช่วยลดระยะเวลาในการทำงานได้เป็นอย่างดี สำหรับใครที่กำลังมีความสนใจเกี่ยวกับซีเมนต์บอร์ด แต่ไม่รู้ว่าสามารถนำไปสร้างทำเป็นผนังภายนอกได้หรือไม่ และทนไฟได้จริงหรือเปล่า วันนี้ MTcement จะพาคุณไปหาคำตอบ!


            ซีเมนต์บอร์ดคืออะไร?
            ซีเมนต์บอร์ดหรือแผ่นซีเมนต์ จัดว่าอยู่ในประเภทของการก่อสร้างแบบแห้ง ที่วิธีการผลิตจะเป็นการใช้ผงปูนซีเมนต์ผสมกับไม้หรือเส้นใยที่มีคุณภาพสูง และมีความหนาแน่นที่ตรงตามมาตรฐาน (1,300 กก./ลบ.ม) เพื่อให้ตอบโจทย์กับการก่อสร้างหรือตกแต่งได้ตามที่ต้องการ โดยซีเมนต์บอร์ดจะมีหลากหลายประเภท เช่น งานพื้น, งานฝ้า และงานผนัง

            >>อ่านบทความ ซีเมนต์บอร์ด คือ? เพิ่มเติมได้ที่นี่<<


            ซีเมนต์บอร์ด ใช้ทำผนังภายนอกได้ไหม?


            ขอแนะนำ วีว่า เอชดี (VIVA HD) จากวีว่าบอร์ดที่ถูกผลิตขึ้นมาเอาไว้ใช้กับงานผนังโดยเฉพาะ มีคุณสมบัติทนทานทั้งความร้อนและความชื้น ทำให้สามารถนำซีเมนต์บอร์ดไปติดตั้งเป็นผนังภายนอก หรือผนังห้องน้ำก็ได้เช่นกัน ซึ่งแผ่นมีขนาดมาตรฐานอยู่ที่ 120 x 240 ซม. (1.2 x 2.4 ม.) และมีความหนา 10 มม. กับ 12 มม.


            ซีเมนต์บอร์ดมีคุณสมบัติทนไฟจริงหรือไม่?


            วัสดุก่อสร้างหรือผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการอยู่อาศัยของมนุษย์จะต้องมีการทดสอบการทนไฟก่อนอยู่เสมอ หมายความว่าวัสดุเหล่านั้นจะมีช่วงเวลาในตอนต้นที่ไม่ติดไฟได้ง่าย เช่นเดียวกันกับ ‘วีว่า เอชดี’ ที่ได้รับมาตรฐานจากยุโรป EN 13501 Class A2 เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในงานก่อสร้างอยู่ในระดับที่ทนไฟ ไม่ต้องกังวลว่าจะมีไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว และเกิดควันพิษที่ส่งผลกระทบต่อทางเดินหายใจ


            วิธีเลือกความหนาให้เหมาะสมกับการใช้งาน


            ขนาดมาตรฐานอยู่ที่ 120 x 240 ซม. หรือ 1.2 x 2.4 ม. แต่วิธีในการเลือกใช้จะเกี่ยวข้องกับความหนาและปัจจัยเสริมอื่นๆ โดยความหนาที่เหมาะสมของ ‘วีว่า เอชดี’ สามารถนำไปใช้ได้ ดังนี้

            10 มิลลิเมตร
            เหมาะสำหรับผนังภายนอกของบ้านที่ต้องการตกแต่งเพื่อเพิ่มความสวยงาม

            12 มิลลิเมตร
            • ผนังภายนอกของอาคาร การใช้งานของอาคารจะต้องมีความแข็งแรงทนทานจึงทำให้ซีเมนต์บอร์ดมีความหนาที่มากกว่าผนังของบ้าน
            • ผนังภายนอกที่เน้นความสวยงาม โดยความสวยงามมีให้เลือกระหว่างการโชว์งานผิวแบบปูนเปลือยที่ต้องมีการทาน้ำยาเคลือบใสเพิ่ม หรือทารองพื้นแล้วต่อด้วยสีน้ำอะคริลิกก็ได้เช่นกัน
            • ผนังที่ต้องการติดกระเบื้อง มีวิธีการที่แตกต่างของการติดกระเบื้องในห้องทั่วไปจที่ใช้กาวชนิดยืดหยุ่นสูง กับติดกระเบื้องในห้องน้ำให้ทาน้ำยากันซึม
            ***ความหนาของผนังที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับแบรนด์ที่คุณเลือกใช้***


            ทำไมถึงต้องเลือกใช้ซีเมนต์บอร์ดจาก “วีว่าบอร์ด”

            • ทนทานต่อทุกสถานการณ์ เพราะมีการเลือกใช้วัสดุที่ได้คุณภาพ และมีวิธีในการผลิตที่ได้มาตรฐาน
            • ไม่เกิดการบวมแบบแยกชั้น การผลิตซีเมนต์บอร์ดมีการผสมผสานที่ลงตัว
            • ไม่ดูดความร้อน วัสดุที่นำไปใช้มีคุณสมบัติพิเศษที่ไม่นำความร้อน
            • ไร้สารอันตราย วีว่าบอร์ดปลอดสารที่เป็นอันตรายกับผู้ใช้งาน
            • ลดเสียงรบกวน ความหนาแน่นของซีเมนต์บอร์ดอยู่ที่ 1,300 กก./ลบ.ม ถ้าใช้กับวัสดุกันเสียงจะช่วยลด 41 – 55 เดซิเบล
            • เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทางวีว่าบอร์ดได้เลือกใช้ไม้ที่ปลูกโตไว เพื่อเป็นการทดแทนไม้ที่ถูกตัด
            “ซีเมนต์บอร์ด” มีคุณสมบัติมากกว่าที่คุณเห็น เพราะไม่ได้มีข้อจำกัดที่ต้องใช้ทำผนังภายในอาคารเท่านั้น แต่ยังมีความสามารถในการทำผนังภายนอกได้และทนทานต่อไฟ ทำให้ช่วยสร้างความสะดวกสบายในการก่อสร้าง สำหรับใครที่อยากเลือกใช้ซีเมนต์บอร์ดในการก่อสร้าง แต่ไม่รู้ว่าควรจะเลือกอย่างไรให้เหมาะสมกับการนำไปติดตั้ง ทาง MTcement พร้อมให้คำปรึกษาและบริการ


            ซีเมนต์บอร์ดคุณภาพดี ต้องที่ MTcement !!

            MTcement ประกอบธุรกิจจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้าง วัสดุตกแต่ง ทั้งค้าส่ง และค้าปลีกเป็นเวลานานกว่า 40 ปี เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้ารายสำคัญของผู้ผลิตชั้นนำหลายแห่งมีความสัมพันธ์ทางการค้าที่ดีกับผู้ผลิต
            • เรามีอำนาจในการต่อรองราคา และสามารถจำหน่ายสินค้าในราคา “กันเอง”
            • ถ้าหากลูกค้าท่านใดต้องการใช้สินค้าเป็นจำนวนมาก ทางเราสามารถต่อรองกับบริษัทผู้ผลิตเพื่อนำเสนอ “ราคาพิเศษ”
            อีกทั้งยังมีทีมจัดสรรรถขนส่งเกือบทุกประเภทจากทั่วพื้นที่ โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพ และปริมณฑล เพราะเราใส่ใจเรื่องความรวดเร็วในการจัดส่งสินค้า รวมไปถึงการให้บริการรถคอนกรีตผสมเสร็จ ขนาดใหญ่ที่จุได้ถึง 5 – 6 คิว เหมาะกับโครงสร้างขนาดใหญ่ที่ต้องการคอนกรีตปริมาณมาก และสำหรับใครที่มีการก่อสร้างในบริเวณที่ต้องจำกัดไม่ให้รถที่มีขนาดใหญ่เข้าไปในพื้นที่ ทางเรามีรถขนาดเล็กที่จุคอนกรีต 2 คิว เป็นอีกทางเลือกที่ให้บริการอย่างทั่วถึง


            ติดต่อสอบถามข้อมูล และข้อสงสัยต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ เพิ่มเติมได้ที่นี่
            Facebook: คอนกรีตผสมเสร็จ โดย เมืองไทยซีเมนต์
            E-mail: info@mtcement.com
            Line: @mtcement
            Tel: 088 – 554 – 1555, 02 – 328 – 0684

            79
            “ระบบอีแวปโรงงาน” เป็นตัวช่วยที่ลดอุณหภูมิในพื้นที่ ไม่ทำให้ภายในอาคารมีอากาศร้อนอบอ้าวมากเกินไป ถือว่าเป็นการควบคุมอุณหภูมิได้เป็นอย่างดี สำหรับใครที่กำลังสนใจระบบอีแวปโรงงาน แต่ไม่รู้ว่ามีลักษณะการทำงานเป็นอย่างไร Yushi Group มีคำตอบให้กับคุณ!


            ระบบอีแวป คือ
            ระบบอีแวป (Evaporative Cooling System) เป็นส่วนหนึ่งของระบบทำความเย็นที่คล้ายกับแอร์ แต่จะไม่สามารถให้ความเย็นเทียบเท่ากับแอร์ได้ เพราะหลักการทำงานจะเป็นการดึงน้ำมาใช้ เพื่อสร้างความเย็นในพื้นที่


            ระบบอีแวปโรงงาน เป็นอย่างไร ?
            การนำ ‘ระบบอีแวป’ ไปใช้กับโรงงานที่เกี่ยวข้องกับภาคอุตสาหกรรม จะช่วยให้อุณหภูมิภายในอาคารไม่ร้อนจนเกินไป และมีอากาศหมุนเวียน เพราะการทำงานของเครื่องจักรบางประเภท จะต้องมีการควบคุมอุณหภูมิของตัวเครื่อง เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ซึ่งรูปแบบที่นิยมนำไปใช้มี 2 แบบ


            กระจายลมเย็นเฉพาะจุด (Spot Air Cooling)
            • ค่อนข้างเหมาะกับโรงงานที่มีเครื่องจักรและพนักงานอยู่ในตำแหน่งเดิม
            • ท่อที่ติดตั้งภายในอาคารวัสดุเป็นกัลวาไนซ์
            • ตัวท่อส่งลมสามารถเลือกดีไซน์ได้ว่า จะใช้ท่อกลมหรือท่อเหลี่ยม
            ถือว่าเป็นรูปแบบที่ตอบโจทย์การใช้งานภายในโรงงาน ที่มีเครื่องจักรขนาดใหญ่และทำงานต่อเนื่องอยู่เป็นประจำ เพราะตัวท่อจะส่งลมเย็นเพื่อให้ตรงจุดนั้นคลายความร้อนได้ดี


            กระจายลมเย็นทั่วทั้งพื้นที่ (Space Air Cooling)
            • ควรจะนำไปใช้กับโรงงานที่มีทั้งเครื่องจักรและพนักงาน โดยมีการเคลื่อนไหวอยู่บ่อยครั้ง
            • การกระจายของลมจะสามารถสร้างความเย็นได้ทั่วทั้งพื้นที่
            • สามารถติดตั้งได้ง่ายและรวดเร็ว
            เป็นรูปแบบของการทำความเย็น ที่ทำให้อุณหภูมิลดลงทุกพื้นที่ของภายในอาคาร นอกจากจะทำให้พนักงานสามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นแล้ว ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการติดตั้งท่อส่งลม


            ควรจะติดตั้งพัดลมระบายอากาศด้วยหรือไม่?
            ถ้าหากเป็นอาคารปิดหรืออาคารเปิด ที่มีปัจจัยทำให้ภายในพื้นที่ไม่สามารถระบายอากาศได้ดีเท่าที่ควร แนะนำให้ติดตั้งพัดลมระบายอากาศจะดีที่สุด เพราะพัดลมช่วยดูดอากาศและความชื้นที่สะสมอยู่ ให้ออกไปที่ด้านนอกของอาคาร


            ระบบอีแวปดีอย่างไร?
            วัตถุประสงค์ของการนำพัดลมอีแวปมาใช้งาน แน่นอนอยู่แล้วว่าเป็นการสร้างความเย็น เพื่อระบายความร้อนภายในพื้นที่ได้ดี และยังมีจุดเด่นที่ช่วยลดค่าใช้จ่าย โดยมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงที่ต่ำ รวมไปถึงการทำงานที่ไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีหรือสารทำความเย็น ทำให้พัดลมอีแวปเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย


            ทำไมถึงต้องติดตั้งระบบอีแวปกับเรา?
            ‘ระบบอีแวป’ ที่มีความสามารถในการสร้างความเย็นได้อย่างดีเยี่ยม และถ้าหากนำไปใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม ต้องมีการติดตั้งที่เหมาะสมกับพื้นที่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้ดีมากยิ่งขึ้น ทาง Yushi Group จึงได้ให้คำปรึกษา ออกแบบ และติดตั้ง โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้งาน เพื่อให้การทำงานภายในโรงงานของคุณสามารถดำเนินได้อย่างสมบูรณ์มากที่สุด


            อยากทำระบบอีแวปโรงงาน Yushi Group ช่วยคุณได้
            Yushi Group ดำเนินธุรกิจด้านการจำหน่าย ออกแบบ และติดตั้ง สินค้าที่เกี่ยวข้องกับพัดลมระบายอากาศ เพื่อให้อากาศในพื้นที่ถ่ายเทได้สะดวก และสามารถลดกลิ่นที่ไม่พึ่งประสงค์ โดยมีพัดลมอุตสาหกรรมหลากหลายประเภทให้เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็น
            • พัดลมยักษ์ มีบริการตรวจสอบโครงสร้างอาคารก่อนการติดตั้ง พร้อมกับวิธีการติดตั้งที่ถูกต้องตามมาตรฐาน ทำให้ปลอดภัยกับผู้ใช้งาน
            • พัดลมอุตสาหกรรม มีหลายรูปแบบ สามารถนำไปใช้ได้ตามความเหมาะสมของงาน เช่น พัดลมฟาร์ม, พัดลมใบดำ, พัดลมถังกลม และอื่นๆ อีกมากมาย ที่ได้รับมาตรฐาน มอก.
            • พัดลมไอน้ำ มีคุณภาพได้รับมาตรฐาน มอก. เช่นกัน สามารถเคลื่อนย้ายพัดลมได้สะดวก มีถังน้ำภายในตัว และใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง
            ถ้าสนใจอยากให้อากาศภายในอาคารเย็นเร็วมากขึ้น สามารถใช้งานระบบอีแวปควบคู่กับพัดลมยักษ์ จะช่วยลดความร้อนสะสมในพื้นที่ได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้มีลมเย็นหมุนเวียนในอาคาร สามารถส่งความเย็นได้อย่างครอบคลุมทั้งพื้นที่ถึง 1,600 ตารางเมตร โดยช่วยให้คุณประหยัดพลังงาน และมีบริการหลังการขายที่พร้อมจะดูแลคุณ เพราะมีอะไหล่สำรองทุกชิ้น ทำให้คุณสามารถใช้งานพัดลมระบายอากาศได้สมบูรณ์ตลอดเวลา

            หากต้องการติดต่อสอบถามข้อมูลของสินค้าและบริการ สามารถติดต่อเพิ่มเติมได้ที่นี่

            Facebook: สินค้าอุตสาหกรรม เครื่องจักร งานติดตั้งระบบ Evap,Ventilation-Yushi Group
            Line@: Yushi Group
            YouTube: Yushi Group
            E-mail: info@yushi.co.th
            Tel: 02-517-0688

            80
            ใครที่กำลังศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับ “พัดลมยักษ์” เพราะมีความสนใจที่จะนำไปติดตั้งในพื้นที่ขนาดใหญ่ แต่ก็ยังมีส่วนหนึ่งที่คุณอาจจะสงสัยอยู่ว่า จำนวนของใบพัดลมมีความสำคัญอย่างไร? วันนี้ Yushi Group จะพาคุณไปหาคำตอบกัน!


            ส่วนประกอบของพัดลมยักษ์
            • แกนยึดพัดลมเพดาน วัสดุของแกนมักจะสร้างจากเหล็กกล้าที่มีความแข็งแรง ทนทานต่อความร้อนใต้หลังคา และออกแบบฐานให้มีความเหมาะสม
            • มอเตอร์ เป็นเหมือนกับหัวใจของพัดลม เพราะเมื่อไหร่ที่คุณเปิดใช้งาน กระแสไฟฟ้าจะเข้าผ่านสู่มอเตอร์ ส่งผลให้ใบพัดลมหมุน
            • โครงพัดลม จะใช้วัสดุที่มีความแข็งแรง และเหนียว เพื่อป้องกันไม่ให้มอเตอร์หรืออุปกรณ์ส่วนอื่นๆ ได้รับความเสียหาย
            • ใบพัดลม สำหรับใบพัดของพัดลมยักษ์ จะเป็นใบพัดที่มีการหล่อขึ้นมาทั้งใบ
            • ตู้คอนโทรล เป็นส่วนที่เอาไว้ควบคุมการทำงานของพัดลม
            พัดลมยักษ์มีกี่แบบ?
            ถ้าเปรียบเทียบกันในเรื่องของลักษณะพัดลม จะมีดีไซน์ในบางส่วนที่แตกต่าง และมีจำนวนใบพัดที่ไม่เท่ากัน เพราะจะขึ้นอยู่กับหลักการทำงานของมอเตอร์ ซึ่งมอเตอร์จะมีอยู่ด้วยกัน 2 รูปแบบ คือ
            • พัดลมกระแสสลับ (AC Motor) จะสามารถสังเกตได้ง่ายจากตัวเครื่องของพัดลม ที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ เพราะมีการทำงานแบบมอเตอร์ที่ใช้งานร่วมกับเกียร์
            • พัดลมกระแสตรง (DC Motor) จะตรงกันข้ามกับมอเตอร์แบบ AC เพราะตัวมอเตอร์มีขนาดเล็ก แต่สามารถสร้างกำลังในการหมุนของใบพัดได้ดี
            จำนวนใบพัดของ พัดลมยักษ์ มีความแตกต่างกันอย่างไร ?
            สำหรับใครที่กำลังสงสัยว่า ทำไมพัดลมยักษ์ถึงมีจำนวนใบพัดที่ไม่เท่ากัน และถ้ายิ่งมีจำนวนใบพัดน้อยจะส่งผลให้ลมไม่แรงหรือเปล่า ทางเราจึงขออธิบายด้วยการเปรียบเทียบพัดลมยักษ์ 2 รุ่นจาก Yushi ระหว่าง

            AC Big Fan ที่มีกำลังมอเตอร์เท่ากัน 2 HP/1.5 Kw
            • ใบพัดมีจำนวน 5 ใบ ให้อัตราการไหลที่ 13,500 ลบ.ม./นาที
            • ใบพัดมีจำนวน 8 ใบ ให้อัตราการไหลที่ 14,000 ลบ.ม./นาที

            Big Ceiling DC Fan จะมีจำนวนใบพัดเท่ากันที่ 5 ใบ
            • ใบพัดที่ยาว 5,500 มม. ให้อัตราการไหลที่ 10,000 ลบ.ม./นาที
            • ใบพัดที่ยาว 6,500 มม. ให้อัตราการไหลที่ 14,800 ลบ.ม./นาที
            • และใบพัดที่ยาวที่สุดของ DC Fan 7,300 มม. ให้อัตราการไหลที่ 17,500 ลบ.ม./นาที

            ดังนั้นการที่มีใบพัดลมหลายใบ ไม่ได้หมายความว่าจะสร้างปริมาณลมได้สูงเสมอไป


            สรุปแล้วจำนวนของใบพัดมีผลต่อปริมาณลมหรือไม่?
            การที่จำนวนของใบพัดมีไม่เท่ากัน ถือว่ามีส่วนต่อปริมาณของลม แต่ไม่ใช่คำตอบที่ตัดสินได้เลยว่า พัดลมยักษ์จะต้องมีจำนวนใบพัดหลายใบจึงทำให้มีลมแรง เพราะมีองค์ประกอบอื่นๆ ที่เป็นส่วนช่วยทำให้ค่าอัตราการไหลของลมเพิ่มขึ้น


            พัดลมยักษ์ที่ได้รับมาตรฐานรับรองคุณภาพ ต้องที่ Yushi Group
            Yushi Group ดำเนินธุรกิจด้านการจำหน่าย ออกแบบ และติดตั้ง สินค้าที่เกี่ยวข้องกับพัดลมระบายอากาศ ไม่ว่าจะเป็น พัดลมยักษ์, พัดลมอุตสาหกรรม, พัดลมไอน้ำ และอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อให้อากาศในพื้นที่ถ่ายเทได้สะดวก ลดความร้อนสะสมในพื้นที่ กำจัดลดกลิ่นที่ไม่พึ่งประสงค์ และมีมาตรการรักษาความปลอดภัยในการติดตั้งพัดลม เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน
            • แผ่นป้องกันนิรภัย เป็นตัวช่วยให้พัดลมยักษ์ไม่ตกลงมา โดยมีการยึดที่ใช้นอตเหมือนกัน แต่จะเป็นส่วนที่แยกออกมาต่างหาก
            • แผ่นวงแหวนกระจายแรง คือ แผ่นที่ช่วยปรับสมดุลของพัดลมยักษ์ ป้องกันไม่ให้เกิดแรงเหวี่ยงที่รุนแรง จนทำให้ใบพัดลมหลุดลงมา
            • ลวดสลิงนิรภัย มีความสามารถในการรองรับน้ำหนักได้ถึง 1 ตัน โดยการติดตั้งลวดนั้นจะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 จุด เพื่อป้องกันพัดลมตกลงมาจากแรงเหวี่ยงหรือความผิดพลาดของแกนยึดพัดลม
            • นอตยึด จะใช้นอตเกลียวอุตสาหกรรม ที่มีความสามารถในการยึดได้ดีกว่านอตเท่าไปถึง 10 เท่า และมีการทาน้ำยากันคลายเพิ่ม เพื่อช่วยให้ก่อนยึดมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
            ใครที่สนใจอยากให้อากาศภายในอาคารเย็นเร็วมากขึ้น สามารถใช้งานพัดลมควบคู่กับ Evaporative Cooler จะช่วยลดความร้อนสะสมในพื้นที่ได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้มีลมเย็นหมุนเวียนในอาคาร สามารถส่งความเย็นได้อย่างครอบคลุมทั้งพื้นที่ถึง 1,600 ตารางเมตร โดยช่วยให้คุณประหยัดพลังงาน และมีบริการหลังการขายที่พร้อมจะดูแลคุณ เพราะมีอะไหล่สำรองทุกชิ้น ทำให้คุณสามารถใช้งานพัดลมระบายอากาศได้สมบูรณ์ตลอดเวลา


            หากต้องการติดต่อสอบถามข้อมูลของสินค้าและบริการ สามารถติดต่อเพิ่มเติมได้ที่นี่

            Facebook: สินค้าอุตสาหกรรม เครื่องจักร งานติดตั้งระบบ Evap,Ventilation-Yushi Group
            Line@: Yushi Group
            YouTube: Yushi Group
            E-mail: info@yushi.co.th
            Tel: 02-517-0688

            81
            การติดตั้งพัดลมยักษ์จะช่วยระบายความร้อนได้อย่างรวดเร็ว และทำให้มีอากาศหมุนเวียนไม่รู้สึกว่าแออัด ซึ่งพัดลมยักษ์จะมีอยู่ด้วยกัน 2 รูปแบบ คือ พัดลมเพดานยักษ์ กับพัดลมยักษ์ตั้งพื้น วันนี้ Yushi Group จะมาเปรียบเทียบให้คุณได้เห็นกันแบบชัดๆ ว่าพัดลมยักษ์รูปแบบไหนจะคุ้มค่าและตอบโจทย์ต่อการใช้งานกับคุณมากที่สุด!


            พัดลมเพดานยักษ์
            ถ้าพูดถึงลักษณะของพัดลมเพดานยักษ์ จะเหมือนกับ ‘พัดลมเพดาน’ ทั่วไปที่ใช้กันตามบ้าน แต่ใบพัดจะมีขนาดใหญ่มากกว่า เพราะเส้นผ่าศูนย์กลางยาวสูงสุดถึง 7 เมตร และใบพัดถูกออกแบบให้คล้ายกับใบพัดของเฮลิคอปเตอร์


            พัดลมยักษ์ตั้งพื้น
            พัดลมยักษ์ตั้งพื้นจะถูกออกแบบให้คล้ายกับ ‘พัดลมตั้งพื้นปรับแหงน’ และสามารถปรับแหงนขึ้น-ลงได้เช่นกัน แต่จะมีเส้นผ่าศูนย์กลางของใบพัดยาวถึง 7 เมตร การติดตั้งค่อนข้างง่ายสามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก


            ความแตกต่างระหว่าง พัดลมเพดานยักษ์ และ พัดลมยักษ์ตั้งพื้น
            ส่วนประกอบของพัดลม

            หลักการทำงานของพัดลมจะเป็นการสร้างกระแสลมขึ้นมา โดยลมที่สามารถเกิดขึ้นได้จะต้องมีส่วนประกอบ 2 สิ่ง คือ มอเตอร์และพัดใบ แต่การออกแบบของพัดลมจะมีความแตกต่างกันออกไป คือ

            ส่วนประกอบของพัดลมเพดานยักษ์
            • แกนพัดลม จะเป็นส่วนที่ทำให้พัดลมสามารถยึดติดกับโครงสร้างของอาคารและยึดอยู่กับตัวเครื่อง
            • ตัวเครื่อง จะมีมอเตอร์ที่อยู่ด้านในทำหน้าที่ให้พัดใบสามารถหมุนได้
            • ใบพัด จะมีหน้าที่ช่วยสร้างกระแสลมขึ้นมา โดยจำนวนของใบพัดลมจะเริ่มที่ 5 – 8 ใบ
            • สวิตช์ควบคุมการทำงาน จะมีการติดตั้งปุ่มให้อยู่ในตำแหน่งที่คุณสามารถสั่งการทำงานของพัดลมได้สะดวก
            ส่วนประกอบของพัดลมยักษ์ตั้งพื้น
            • โครงพัดลม พัดลมยักษ์ตั้งพื้นที่มีโครงสร้างที่ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้งานสัมผัสกับใบพัดแล้วได้รับอันตราย
            • ตัวเครื่อง จะถูกติดตั้งอยู่ตรงจุดกลางของใบพัด
            • สวิตช์ควบคุม อยู่ติดกับพัดลมเพื่อความสะดวกในการเปิดใช้งานและปรับการตั้งค่า
            วิธีในการติดตั้ง
            สำหรับการติดตั้งพัดลมทั้ง 2 รูปแบบมีความแตกต่างกัน เพราะพัดลมเพดานยักษ์จะต้องติดตั้งถาวรจึงทำให้มีขั้นตอนที่มากกว่า ส่วนพัดลมยักษ์ตั้งพื้นไม่ใช่การติดตั้งที่ต้องอยู่กับที่ จึงไม่ได้มีขั้นตอนที่ยุ่งยากมากนัก เพียงแค่คุณนำพัดลมมาไว้ในบริเวณนั้น ก็สามารถเคลื่อนย้ายไปตามจุดต่างๆ ได้ตามที่ต้องการ


            ทิศทางของลม
            พัดลมเพดานยักษ์กับพัดลมยักษ์ตั้งพื้น มีทิศทางลมที่ไม่เหมือนกัน เพราะพัดลมเพดานยักษ์ต้องถูกติดตั้งอยู่ด้านบน โดยทิศทางของลมจะเป็นการลดความร้อนข้างใต้หลังคาลงมาสู่ด้านล่าง ส่วนทิศทางลมของพัดลมยักษ์ตั้งพื้น จะเป็นการสร้างกระแสลมเฉพาะจุด เพราะพัดลมอยู่ในลักษณะของแนวนอน


            เหมาะสำหรับการใช้งานแบบไหน
            ‘พัดลมเพดาน’ จะมีข้อจำกัดที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ จึงนิยมนำไปใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม, หอประชุมขนาดใหญ่ และคลังสินค้า เป็นต้น ส่วนพัดลมตั้งพื้น จะเหมาะกับการใช้งานที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ หรือนำไปใช้กับสถานที่นั้นๆ เพียงแค่ชั่วคราว เช่น มีการจัดงานกิจกรรมแบบ Outdoor ที่มีผู้คนมาร่วมงานมากมาย


            สรุปแล้วซื้อพัดลมแบบไหนคุ้มมากที่สุด
            หากใครอ่านมาถึงตรงนี้ก็คงจะรู้แล้วว่าลักษณะของพัดลมทั้ง 2 รูปแบบ การนำไปใช้งานในพื้นที่จะไม่เหมือนกัน จึงขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของผู้ใช้งานว่าต้องการแบบไหน สำหรับใครที่ไม่อยากจะพลาดโอกาสดีๆ กับบริการที่ช่วยดูแลคุณในทุกขั้นตอนไม่ว่าจะเป็น การออกแบบ ติดตั้ง และบริการหลังการขาย สามารถติดต่อเข้ามาได้ทันทีที่ Yushi Group


            พัดลมยักษ์หรือพัดลมเพดานยักษ์ ต้องที่ Yushi Group
            Yushi Group ดำเนินธุรกิจด้านการจำหน่าย ออกแบบ และติดตั้ง สินค้าที่เกี่ยวข้องกับพัดลมระบายอากาศ เพื่อให้อากาศในพื้นที่ถ่ายเทได้สะดวก และสามารถลดกลิ่นที่ไม่พึ่งประสงค์ โดยมีพัดลมอุตสาหกรรมหลากหลายประเภทให้เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็น
            • พัดลมยักษ์ มีบริการตรวจสอบโครงสร้างอาคารก่อนการติดตั้ง พร้อมกับวิธีการติดตั้งที่ถูกต้องตามมาตรฐาน ทำให้ปลอดภัยกับผู้ใช้งาน
            • พัดลมอุตสาหกรรม มีหลายรูปแบบ สามารถนำไปใช้ได้ตามความเหมาะสมของงาน เช่น พัดลมฟาร์ม, พัดลมใบดำ, พัดลมถังกลม และอื่นๆ อีกมากมาย ที่ได้รับมาตรฐาน มอก.
            • พัดลมไอน้ำ มีคุณภาพได้รับมาตรฐาน มอก. เช่นกัน สามารถเคลื่อนย้ายพัดลมได้สะดวก มีถังน้ำภายในตัว และใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง
            • พัดลมอีแวป มีหัวจ่ายลมให้เลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม เช่น ด้านข้าง, ด้านล่าง และด้านบน โดยมีทีมงานที่ช่วยออกแบบท่อให้กระจายลมได้ตามที่ต้องการ
            หากต้องการให้อากาศภายในอาคารเย็นเร็วมากขึ้น สามารถใช้งานพัดลมควบคู่กับ Evaporative Cooler จะช่วยลดความร้อนสะสมในพื้นที่ได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้มีลมเย็นหมุนเวียนในอาคาร สามารถส่งความเย็นได้อย่างครอบคลุมทั้งพื้นที่ถึง 1,600 ตารางเมตร โดยช่วยให้คุณประหยัดพลังงาน และมีบริการหลังการขายที่พร้อมจะดูแลคุณ เพราะมีอะไหล่สำรองทุกชิ้น ทำให้คุณสามารถใช้งานพัดลมระบายอากาศได้สมบูรณ์ตลอดเวลา

            หากต้องการติดต่อสอบถามข้อมูลของสินค้าและบริการ สามารถติดต่อเพิ่มเติมได้ที่นี่

            Facebook: สินค้าอุตสาหกรรม เครื่องจักร งานติดตั้งระบบ Evap,Ventilation-Yushi Group
            Line@: Yushi Group
            YouTube: Yushi Group
            E-mail: info@yushi.co.th
            Tel: 02-517-0688

            82
            ใครที่ไม่รู้ว่า “โรงเรือนอีแวป คือ” อะไร และมีหน้าที่การทำงานเป็นอย่างไร วันนี้ Yushi Group จะพาคุณมารู้จักกับโรงเรือนอีแวป ว่าทำไมถึงเป็นระบบที่นิยมนำมาใช้กับโรงเรือน


            โรงเรือนอีแวป  คือ ?
            ‘ระบบอีแวป’ คือ ระบบที่ช่วยทำความเย็น โดยมีน้ำเป็นองค์ประกอบหลัก ที่ทำให้เกิดการระเหยของน้ำไปดักจับกับความร้อน เพื่อให้มีอากาศที่เย็นมากขึ้น ถือว่าเป็นระบบที่สามารถนำมาใช้ทดแทนแอร์ได้ โดยการสร้างโรงเรือนอีแวป จะเป็นการนำระบบอีแวปเข้ามาใช้กับโรงเรือน ซึ่งพื้นที่ภายในจะต้องเป็นระบบปิด เพื่อควบคุมความชื้นกับอุณหภูมิเอาไว้


            ควรทำโรงเรือนรูปแบบไหน
            การสร้างโรงเรือนอีแวปจะมีรูปแบบหรือลักษณะที่ไม่เหมือนกัน เพราะจะขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการนำไปใช้งาน โดยรูปแบบของหลังคาที่นิยมใช้กัน คือ
            • หลังคาทรงจั่ว ถือว่าเป็นหลังคาทรงมาตรฐาน สามารถสร้างโรงเรือนให้มีขนาดใหญ่ได้ตามที่ต้องการ
            • หลังคาทรงโค้ง เป็นทรงที่มีความทันสมัย และมีวิธีในการสร้างที่ไม่ได้ซับซ้อน สามารถต้านทานกับแรงลมที่เข้ามาปะทะได้ดี
            ระบบการทำงานเป็นอย่างไร?
            การทำงานของระบบอีแวป (Evaporative Cooling System) ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของระบบทำความเย็นที่เหมือนกับแอร์ แต่หลักการทำงานของระบบมีดังนี้
            • น้ำจะถูกปั๊มให้ไหลผ่านไปยังแผ่นทำความเย็น (Cooling Pad)
            • ตัวเครื่องจะหมุนนำอากาศร้อนที่อยู่ด้านนอก พัดผ่านแผ่นทำความเย็น
            • ทำให้อุณหภูมิภายในโรงเรือนลดลง และมีความชื้นเพิ่มขึ้น

            โรงเรือนอีแวปใช้กับอุตสาหกรรมประเภทไหน
            โรงเรือนอีแวปจะนิยมนำไปใช้กับ อุตสาหกรรมในภาคของการเกษตรที่เป็นระบบปิด เพื่อช่วยระบายความร้อนและป้องกันเชื้อโรคจากด้านนอก
            • โรงเรือนเลี้ยงสัตว์ จะเป็นการใช้ระบบอีแวปควบคู่กับพัดลมระบายอากาศ เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ที่อยู่ภายในโรงเรือนได้รับความชื้นมากเกินไป
            • โรงเรือนปลูกพืช จะค่อนข้างเหมาะกับการใช้ระบบอีแวป เพราะการปลูกผัก, ผลไม้ และพืชบางชนิด ที่ไม่เหมาะกับอากาศร้อนจะทำให้ผลผลิตแห้งเหี่ยว
            ประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้ระบบอีแวป
            • ลดความร้อนของอากาศ ภายในพื้นที่มีอากาศร้อนอบอ้าว การนำพัดลมอีแวปไปใช้งาน จะทำให้อุณหภูมิก็จะลดลง
            • ประหยัดค่าใช้จ่าย พัดลมอีแวปมีการทำงานที่ไม่ซับซ้อน และใช้พลังงานน้อย จึงช่วยให้สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ในทุกๆ ด้าน
            • เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การทำงานของพัดลมอีแวปจะไม่มีการนำสารเคมีใดๆ มาใช้งาน
            โรงเรือนอีแวปตอบโจทย์ในเรื่องใด?
            ในบริเวณที่มักมีอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยๆ จนส่งผลกระทบให้สัตว์และพืชไม่สมบูรณ์ การนำโรงเรือนอีแวปไปใช้งานก็จะช่วยตอบโจทย์ในเรื่องของการควบคุมอุณหภูมิในพื้นที่ ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงของอากาศอย่างฉับพลัน

            สนใจพัดลมอีแวป ต้องที่ Yushi Group
            Yushi Group ดำเนินธุรกิจด้านการจำหน่าย ออกแบบ และติดตั้ง สินค้าที่เกี่ยวข้องกับพัดลมระบายอากาศ เพื่อให้อากาศในพื้นที่ถ่ายเทได้สะดวก และสามารถลดกลิ่นที่ไม่พึ่งประสงค์ โดยมีพัดลมอุตสาหกรรมหลากหลายประเภทให้เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็น
            • พัดลมยักษ์ มีบริการตรวจสอบโครงสร้างอาคารก่อนการติดตั้ง พร้อมกับวิธีการติดตั้งที่ถูกต้องตามมาตรฐาน ทำให้ปลอดภัยกับผู้ใช้งาน
            • พัดลมอุตสาหกรรม มีหลายรูปแบบ สามารถนำไปใช้ได้ตามความเหมาะสมของงาน เช่น พัดลมฟาร์ม, พัดลมใบดำ, พัดลมถังกลม และอื่นๆ อีกมากมาย ที่ได้รับมาตรฐาน มอก.
            • พัดลมไอน้ำ มีคุณภาพได้รับมาตรฐาน มอก. เช่นกัน สามารถเคลื่อนย้ายพัดลมได้สะดวก มีถังน้ำภายในตัว และใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง
            ซึ่งสามารถนำไปใช้ผสมผสานระหว่างระบบปรับอากาศขนาดใหญ่อย่าง อีแวปปอเรทีฟ (Evaporative Cooler) จะช่วยลดความร้อนสะสมในพื้นที่ได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้มีลมเย็นหมุนเวียนในอาคาร โดยสามารถส่งความเย็นได้อย่างครอบคลุมทั้งพื้นที่ถึง 1,600 ตารางเมตร และช่วยให้คุณประหยัดพลังงานได้อีกด้วย

            หากต้องการติดต่อสอบถามข้อมูลของสินค้าและบริการ สามารถติดต่อเพิ่มเติมได้ที่นี่

            Facebook: สินค้าอุตสาหกรรม เครื่องจักร งานติดตั้งระบบ Evap,Ventilation-Yushi Group
            Line@: Yushi Group
            YouTube: Yushi Group
            E-mail: info@yushi.co.th
            Tel: 02-517-0688

            83
            อยากจะนำ “พัดลมอุตสาหกรรม” ไปใช้งานในพื้นที่ขนาดใหญ่แทนพัดลมทั่วไป แต่ไม่รู้ว่าพัดลมอุตสาหกรรมมีกี่ประเภท วันนี้ Yushi Group จะพาคุณมารู้จักกับพัดลมอุตสาหกรรมแบบเบื้องต้น รวมไปถึงสิ่งที่ควรจะรู้เกี่ยวกับพัดลมอุตสาหกรรมแต่ละประเภท ถ้าพร้อมแล้วมาดูกันเลยดีกว่า!


            การทำงานของพัดลมอุตสาหกรรม ?
            พัดลมอุตสาหกรรมมีลักษณะเหมือนพัดลมทั่วไป ที่มีโครง, มอเตอร์ และใบพัดเป็นองค์ประกอบหลัก แต่จะแตกต่างกันในเรื่องของขนาด โดยใบพัดจะมีหน้ากว้างมากกว่า หากนำพัดลมทั่วไปกับพัดลมอุตสาหกรรม มาเปรียบเทียบกันในเรื่องของกำลังลม จะสามารถสร้างกำลังลมได้ดีมากกว่า


            ประโยชน์ของพัดลมอุตสาหกรรมที่คุณควรรู้
            • ช่วยระบายอากาศ เพราะใบพัดมีขนาดใหญ่มากกว่าพัดลมทั่วไป และมีรอบการหมุนที่รวดเร็ว
            • กำจัดมลพิษ ถ้าหากเป็นพื้นที่ในโรงงานอุตสาหกรรมหรือฟาร์ม ที่มักจะมีละอองฝุ่น, กลิ่นสารเคมี และกลิ่นที่ไม่พึ่งประสงค์ต่างๆ
            • ปลอดภัยกับผู้ใช้งาน ตะแกรงของใบพัดออกแบบมาถี่มากขึ้น เพื่อป้องกันอันตรายจากใบพัด
            พัดลมอุตสาหกรรม มีกี่ประเภท
            พัดลมอุตสาหกรรมตั้งพื้นแบบเคลื่อนที่
            สำหรับพัดลมอุตสาหกรรมตั้งพื้นแบบเคลื่อนที่ จะมีจุดเด่นที่ออกแบบมาให้สามารถพกพาได้ง่าย และหน้าพัดลมปรับแหงนได้หลากหลายองศา ซึ่งมีรุ่นดังต่อไปนี้
            พัดลมอุตสาหกรรมตั้งพื้นแบบมีขา
            ลักษณะของพัดลมอุตสาหกรรมตั้งพื้นแบบมีขา เหมือนกับพัดลมทั่วไปที่ใช้กันตามบ้าน แต่จะมีความแตกต่างกันในเรื่องของขนาดที่ใหญ่มากกว่า
            พัดลมอุตสาหกรรมแบบติดหรือฝังผนัง
            ในอาคารที่ไม่ต้องการให้มีพัดลมกีดขวางทางเดิน สามารถติดตั้งพัดลมแบบติดผนังได้หรือฝังผนัง เหมาะกับพื้นที่ขนาดใหญ่ โดยมีรุ่นที่นิยมใช้กัน คือ
            พัดลมอุตสาหกรรมแต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร?
            พัดลมอุตสาหกรรมในทุกประเภท จะแตกต่างกันในเรื่องของรูปแบบในการนำไปใช้งาน สำหรับใครที่รู้แล้วว่า พัดลมอุตสาหกรรมประเภทไหนตอบโจทย์กับการใช้งาน แต่ยังกังวลว่าถ้านำไปใช้งานในพื้นที่จะเหมาะสมหรือเปล่า Yushi Group พร้อมให้คำปรึกษา ออกแบบ ติดตั้ง และบริการหลังการขาย ที่ช่วยดูแลคุณแบบครบวงจร


            พัดลมอุตสาหกรรมที่มาพร้อมกับบริการติดตั้ง ต้องที่ Yushi Group
            Yushi Group ดำเนินธุรกิจด้านการจำหน่าย ออกแบบ และติดตั้ง สินค้าที่เกี่ยวข้องกับพัดลมระบายอากาศ เพื่อให้อากาศในพื้นที่ถ่ายเทได้สะดวก และสามารถลดกลิ่นที่ไม่พึ่งประสงค์ โดยมีพัดลมอุตสาหกรรมหลากหลายประเภทให้เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็น
            • พัดลมยักษ์ มีบริการตรวจสอบโครงสร้างอาคารก่อนการติดตั้ง พร้อมกับวิธีการติดตั้งที่ถูกต้องตามมาตรฐาน ทำให้ปลอดภัยกับผู้ใช้งาน
            • พัดลมอุตสาหกรรม มีหลายรูปแบบ สามารถนำไปใช้ได้ตามความเหมาะสมของงาน เช่น พัดลมฟาร์ม, พัดลมใบดำ, พัดลมถังกลม และอื่นๆ อีกมากมาย ที่ได้รับมาตรฐาน มอก.
            • พัดลมไอน้ำ มีคุณภาพได้รับมาตรฐาน มอก. เช่นกัน สามารถเคลื่อนย้ายพัดลมได้สะดวก มีถังน้ำภายในตัว และใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง
            ซึ่งสามารถนำไปใช้ผสมผสานระหว่างระบบปรับอากาศขนาดใหญ่อย่าง อีแวปปอเรทีฟ (Evaporative Cooler) จะช่วยลดความร้อนสะสมในพื้นที่ได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้มีลมเย็นหมุนเวียนในอาคาร โดยสามารถส่งความเย็นได้อย่างครอบคลุมทั้งพื้นที่ถึง 1,600 ตารางเมตร และช่วยให้คุณประหยัดพลังงานได้อีกด้วย

            หากต้องการติดต่อสอบถามข้อมูลของสินค้าและบริการ สามารถติดต่อเพิ่มเติมได้ที่นี่

            Facebook: สินค้าอุตสาหกรรม เครื่องจักร งานติดตั้งระบบ Evap,Ventilation-Yushi Group
            Line@: Yushi Group
            YouTube: Yushi Group
            E-mail: info@yushi.co.th
            Tel: 02-517-0688

            84
            ใครที่กำลังสงสัยอยู่ว่า “ประเภทของไม้ แบ่งจากอะไร?” เพราะไม้ถือว่าเป็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมา โดยให้ประโยชน์ในการนำไปใช้ตั้งมากมาย วันนี้ MTK WOOD จะมาช่วยให้คุณได้เข้าใจเกี่ยวกับประเภทของไม้ได้ดีมากยิ่งขึ้น ถ้าพร้อมแล้วไปอ่านบทความนี้กันเลย!


            ประเภทของไม้
            ไม้จะถูกแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ ไม้ที่เกิดตามธรรมชาติหรือไม้จริง และไม้ประกอบที่ถูกสร้างจากการนำไม้แต่ละชิ้นมาประกอบกัน โดยไม้มีด้วยกันทั้งหมดกี่ประเภท นั่นก็คือ


            1 – ไม้เนื้อแข็ง
            ไม้เนื้อแข็งถือว่าเป็นไม้ที่ต้องใช้ระยะเวลาในการเติบโต เพราะถ้าหากปลูกต้นไม้ไปได้ประมาณ 4 – 5 ปี เนื้อไม้จะมีความหนาแน่นสูงกว่า 1,000 กก./ลบ.ม. ขึ้นไป ทำให้สามารถรองรับน้ำหนักได้ดี แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นไม้ที่ค่อนข้างมีน้ำหนักมาก เมื่อไหร่ที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงไม้มีโอกาสยืด – หดตัวได้ และมีราคาสูง

            พันธุ์ไม้เนื้อแข็ง: ไม้มะค่า, ไม้ประดู่, ไม้แดง, ไม้เต็ง, ไม้ตะเคียนทอง และไม้รัง เป็นต้น


            2 – ไม้เนื้อแข็งปานกลาง
            ไม้เนื้อแข็งปานกลางจะมีทั้งความแข็งที่ไม่เท่าไม้เนื้อแข็ง และความอ่อนที่กำลังพอดี เนื้อไม้มีความหนาแน่นตั้งแต่ 600 – 1,000 กก./ลบ.ม ถึงแม้ว่าไม้จะมีความทนทานต่อทุกสภาพอากาศ แต่ก็ยังคงต้องระวังเรื่องของความชื้น ที่จะทำให้เกิดเชื้อราขึ้นบนไม้ และเหล่าแมลงที่พร้อมจะกัดกินเนื้อไม้ได้

            พันธุ์ไม้เนื้อแข็งปานกลาง: ไม้สัก, ไม้ยูง, ไม้นนทรีย์, ไม้ตะแบก และไม้พลวง เป็นต้น


            3 – ไม้เนื้ออ่อน
            ไม้เนื้ออ่อนเป็นต้นไม้ที่เติบโตได้เร็ว มีความแข็งแรงหรือความทนทานน้อยที่สุด เพราะเนื้อไม้จะมีความหนาแน่นต่ำกว่า 600 กก./ลบ.ม. เวลาที่นำไปใช้งานก็ควรจะหลีกเลี่ยงความชื้น และเนื้อไม้เป็นที่ชอบสำหรับปลวกเป็นอย่างมาก ทำให้ไม้เนื้ออ่อนจะนิยมนำไปผ่านกระบวนการอัดน้ำยา – อบไม้ให้มีความทนทานมากขึ้น

            พันธุ์ไม้เนื้ออ่อน: ไม้ยาง, ไม้กระท้อน, ไม้พะยอม, ไม้ต้นมะพร้าว และไม้กระเจา เป็นต้น


            โครงสร้างของไม้เป็นอย่างไร?
            • เปลือกไม้ เป็นส่วนที่อยู่ด้านนอกสุดและเราสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
            • แนวเซลล์ จะเกิดขึ้นระหว่างเปลือกไม้กับเนื้อไม้ เรียกว่าวงปีหรือวงเจริญ (1 วง/ปี)
            • เนื้อไม้ จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ชั้น คือ กระพี้เป็นส่วนที่ถัดมาจากเปลือกไม้
            • ใจไม้ คือ จุดที่อยู่ใจกลางของลำต้น
            วงปีไม้ระบุถึงอะไรบ้าง?
            ขึ้นชื่อว่าวงปีหรือวงเจริญ แน่นอนอยู่แล้วว่าเป็นการระบุถึงอายุของต้นไม้ แต่วงปีที่เกิดขึ้นจะมีความกว้างที่ไม่เท่ากันจากปริมาณของน้ำฝน
            • วงปีที่มีความกว้าง ภายในปีมีฝนตกบ่อย ทำให้เกิดปริมาณน้ำมาก
            • วงปีที่มีความแคบ ภายในปีฝนไม่ค่อยตก ทำให้เกิดปริมาณน้ำน้อย
            การที่ได้รู้จักกับประเภทของไม้สำคัญอย่างไร?
            ไม้จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก คือ ไม้เนื้อแข็ง, ไม้เนื้อแข็งปานกลาง และไม้เนื้ออ่อน ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคุณสมบัติต้นไม้ในแต่ละสายพันธุ์ ที่ช่วยให้คุณได้เข้าใจมากยิ่งขึ้นว่า ไม้ประเภทไหนเหมาะกับการใช้งานในรูปแบบใด ถ้าหากใครที่ไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับไม้ แต่ต้องการไม้ที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน และสามารถใช้งานได้ในระยะยาว สามารถติดต่อสอบถามมาได้ที่ MTK WOOD

            สนใจไม้คุณภาพดี ต้องที่ MTK WOOD !!
            • ไม้คุณภาพดี ตรงตามมาตรฐาน เพราะผ่านการรับรองมาตรฐาน IPPC จากกรมวิชาการเกษตร
            • เนื้อสวยไม่มีตำหนิ โรงงานของเรามีเครื่องจักรคุณภาพเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเลื่อยสายพาน, เครื่องไสเรียบ 4 หน้า, เครื่องอัดน้ำยา และเครื่องอบไอน้ำ
            • บริการที่ครบครัน ตั้งแต่รับผลิต และจำหน่ายไม้ยางพาราแปรรูป, บริการรับเสื่อยไม้, บริการอัดน้ำยา-อบไม้ และบริการขนส่งไม้ทั่วประเทศไทย ด้วยรถเทเลอร์ รถบรรทุก ที่พร้อมให้บริการกว่า 20 คัน
            มีไม้ให้เลือกหลากหลาย

            สำหรับใครที่ต้องการนำไปใช้ในงานก่อสร้างหรืองานเฟอร์นิเจอร์ ก็มีไม้ยอดนิยมหลายตัว ที่ให้คุณเลือกใช้ได้ ไม่ว่าจะเป็น
            • ไม้ยางพารา เป็นไม้ยอดนิยม ที่มีความแข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้หลากหลาย และง่ายต่อการตัดแต่ง
            • ไม้เบญจพรรณ มีความแข็งแรง ทนทาน  รองรับน้ำหนักได้ดี ควรนำไปใช้กับงานที่ต้องการความแข็งแรงสูง
            • ไม้ทุเรียน ไม้เนื้อแน่น เหมาะสำหรับนำไปใช้ในการตัด เจาะ ทำไม้โครงไม้จ๊อย ให้ความแข็งแรง ทนทานที่ดี
            สามารถติดตาม และดูข้อมูลเพิ่มเติม MTK ได้หลากหลายช่องทางที่
            Facebook: MTK เอ็มทีเค
            Line: @mtkwood
            Tel: 095-654-6551
            Email: marketing@mtkwood.com

            85
            สำหรับใครที่กำลังต้องการนำไม้ยางพาราไปใช้งาน แต่ไม่รู้ว่าจะเลือก “โรงงานไม้ยางพารา” ที่ไหนดี? วันนี้ MTK WOOD จะมาแนะนำว่า ทำไมเราถึงเป็นโรงงานที่คุณควรเลือกใช้ โดยสามารถจัดจำหน่ายได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศได้อีกด้วย!


            เลือก “โรงงานไม้ยางพารา” ทำไมต้องที่ MTK ?
            MTK หรือโรงไม้เจ้พัชรี อ.แกลง จ.ระยอง ถูกก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2538 ถือว่าดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนานมากกว่า 25 ปี มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับไม้ยางพาราเป็นหลัก โดยการเลื่อยไม้, ไสไม้, ตัดแต่งไม้, อัดน้ำยาไม้ และอบไม้ ด้วยเครื่องจักรคุณภาพเยี่ยม ทำให้การผลิตไม้แปรรูปออกมาตรงตามมาตรฐาน IPPC จากกรมวิชาการเกษตร ที่เป็นมาตรฐานสากลส่งออกต่างประเทศ


            มีไม้ชนิดใดจำหน่ายบ้าง?
            สำหรับไม้ที่มีจำหน่ายภายในโรงงานของเรา จะถูกจัดอยู่ในประเภทของไม้เนื้อแข็งปานกลางไปถึงไม้เนื้ออ่อน โดยมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 ชนิด คือ
            • ไม้ยางพารา ถูกจัดอยู่ในประเภทของไม้เนื้ออ่อน แต่เนื้อไม้มีความหนาแน่นสูง จึงทำให้ไม้ค่อนข้างเหนียว และสามารถนำไปย้อมสีได้ง่าย
            • ไม้ทุเรียน เป็นไม้เนื้ออ่อนที่มีความละเอียดและเนื้อแน่น ไม่ต้องกังวลกับการงอของไม้
            • ไม้เบญจพรรณ ถือว่าเป็นทั้งไม้เนื้อแข็งและไม้เนื้ออ่อน เพราะจากกระบวนการในการผลิต จะเป็นการนำไม้หลายๆ ชนิดมารวมเข้าด้วยกัน
            ซื้อไม้กับเราดีกว่าที่อื่นอย่างไร?มีไม้ยางพาราแปรรูปหลายเกรด
            • ไม้ยางพาราแปรรูปเกรด AB เป็นเกรดที่เหมาะกับการนำไปใช้ทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ หรืองานตกแต่งที่ต้องการนำเสนอความสวยงามของลายไม้
            • ไม้ยางพาราแปรรูปเกรด C เป็นเกรดที่นิยมนำไปทำเป็นพาเลทไม้ ที่เน้นเรื่องของความแข็งแรง รองรับน้ำหนักได้ดี โดยใช้งานควบคู่กับรถโฟล์คลิฟท์
            มีพาเลทไม้หลายรูปแบบและหลายขนาด
            รูปแบบของพาเลทไม้
            • แบบขาเต็ม จะเป็นรูปแบบที่นิยมใช้กัน เพราะขาจะมีความสามารถในการรองรับน้ำหนักได้ดี
            • แบบขาลูกเต๋า ถือว่าเป็นรูปแบบที่มักจะนำไปใช้งานในพื้นที่อุตสาหกรรมขนาดใหญ่
            • แบบขาเว้า จะคล้ายกับขาลูกเต๋า แต่จะมีดีไซน์ที่สวยงามจากความโค้งเว้าของขา
            ขนาดของพาเลทไม้
            • ขนาดเล็ก (80 x 120 x 15 cm) จะนิยมนำไปใช้กับการขนส่งสินค้าไปยังต่างประเทศแถบยุโรป
            • ขนาดกลาง (110 x 110 x 15 cm) เป็นขนาดที่ไม่ค่อยแตกต่างกับขนาดมาตรฐานเท่าไหร่นัก ซึ่งจะนิยมนำไปใช้ขนส่งสินค้าภายในแถบเอเชีย
            • ขนาดมาตรฐาน (100 x 120 x 15 cm) ถือว่าเป็น ‘พาเลทไม้’ ที่นิยมใช้ในประเทศไทย เพราะสินค้าในบ้านเรามีขนาดที่พอดีกับพาเลท
            มีบริการที่ครบครัน
            • การตัดแต่งไม้ โรงงานของเรามีเครื่องมือที่ได้รับมาตรฐาน จากการใช้งานเฉพาะอย่าง เครื่องไสไม้ 4 หน้า และเลื่อยสายพาน
            • การอัดน้ำยาไม้ จะเป็นกระบวนการหนึ่งที่ช่วยให้เนื้อไม้มีความแข็งแรง ป้องกันไม่ให้แมลงกินเนื้อไม้ หรือสามารถเกิดเชื้อราได้ง่าย
            • การอบไม้ กระบวนการอบไม้ เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของไม้ไม่ให้แตกหักได้ง่าย
            • การขนส่งไม้ ทางเรามีรถเทเลอร์และรถบรรทุกสิบล้อมากกว่า 20 คัน ที่พร้อมให้บริการส่งทั่วประเทศไทย
            การเลือกโรงงานไม้ยางพาราที่มีคุณภาพ จะต้องมีการผลิตไม้แปรรูปจากเครื่องจักรที่ได้มาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็นการไสไม้, เลื่อยไม้, อัดน้ำยาไม้ และอบไม้ เพื่อทำให้ไม้มีความแข็งแรง ทนทานได้ดี และนำไม้ไปใช้ได้หลากหลายรูปแบบ

            เลือกโรงงานไม้ยางพารา ต้องที่ MTK WOOD
            • ไม้ดีมีมาตรฐาน ไม้ของเราผ่านการรับรองมาตรฐาน IPPC หรือ International Convention ซึ่งเป็นมาตรฐานที่สากลยอมรับ หากไม่มีการรับรอง IPPC จะทำให้ไม่สามารถขนสินค้าข้ามประเทศได้
            • เครื่องจักรมีคุณภาพทุกขั้นตอน เราใช้เครื่องจักรคุณภาพดี สามารถผลิตไม้ได้หลายรูปแบบตามมาตรฐานแน่นอน
            • ครบทุกความต้องการ ตั้งแต่รับผลิต และจำหน่ายไม้ยางพาราแปรรูป, บริการรับเลื่อยไม้, บริการอัดน้ำยา-อบไม้ และบริการขนส่งไม้ทั่วประเทศไทย ด้วยรถเทเลอร์ รถบรรทุก ที่พร้อมให้บริการกว่า 20 คัน
            สามารถติดตาม และดูข้อมูลเพิ่มเติม MTK ได้หลากหลายช่องทางที่
            Facebook: MTK เอ็มทีเค
            Line: @mtkwood
            Tel: 095-654-6551
            Email: marketing@mtkwood.com

            86
            หากใครที่กำลังสนใจ “พัดลมยักษ์” เพื่อนำมาแก้ปัญหาความร้อนที่สะสมอยู่ภายในพื้นที่ขนาดใหญ่ ช่วยให้มีลมหมุนเวียน แต่ยังไม่กล้าตัดสินใจที่จะซื้อ วันนี้ Yushi Group มี 5 เหตุผลที่คุณต้องรู้ว่า พัดลมยักษ์มีจุดเด่นในเรื่องใดบ้าง!


            5 เหตุผล ที่คุณต้องมี ‘พัดลมยักษ์’
            พัดลมยักษ์ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของ “พัดลมอุตสาหกรรม” เพราะภายในโรงงาน, โกงดังสินค้า และพื้นที่ในภาคอุตสาหกรรม ที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นอาคารเปิดโล่งหรืออาคารปิด ที่มีความสามารถช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งานได้อย่างดีเยี่ยม โดยมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 5 เหตุผล คือ


            1 – ลดอุณหภูมิ ระบายอากาศได้ดี
            ขึ้นชื่อว่าพัดลมยักษ์ ที่อยู่ในระบบพัดลมระบายอากาศ จึงทำให้มีความสามารถในการลดอุณหภูมิ และระบายอากาศได้ดี ยังช่วยกำจัดกลิ่นที่ไม่พึ่งประสงค์สำหรับพื้นที่ ที่ต้องมีกลิ่นอาหาร หรือกลิ่นสารเคมี เป็นต้น และลดการสะสมของฝุ่นตามซอก ตามมุมต่างๆ ด้วยทิศทางของลมที่กระทบลงพื้น


            2 – ประหยัดค่าไฟ
            หลักการทำงานของพัดลมยักษ์ จะเริ่มหมุนก็เมื่อมอเตอร์เริ่มทำงาน โดยลักษณะในการหมุนของใบพัดเป็นแบบ HVLS (High Volume Low Speed) คือ ปริมาณสูงความเร็วต่ำ จึงทำให้ประหยัดพลังงาน ไม่ต้องใช้ไฟกำลังสูง และช่วยลดปัญหาโลกร้อนจากการนำพลังงานมาใช้


            3 – ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง
            หากต้องเปรียบเทียบกันระหว่างพัดลมทั่วไปกับพัดลมยักษ์ ที่สามารถสร้างปริมาณลมเท่ากัน จะมีการใช้พัดลมทั่วไปหลายตัว จึงทำให้การใช้พัดลมยักษ์นอกจากจะช่วยประหยัดงบ แทนการใช้พัดลมหลายตัวแล้ว ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง และลดระยะเวลาในการทำงานอีกด้วย


            4 – มีความแข็งแรง ทนทาน
            พัดลมยักษ์ที่ได้มาตรฐานในเรื่องของความปลอดภัย จึงทำให้วัสดุที่ใช้กับพัดลมมีความแข็งแรงเป็นพิเศษ อย่าง อะลูมิเนียม หรือ Polymer Composites ที่ช่วยทำให้ใบพัดมีความเหนียวมากขึ้น และมีขั้นตอนของการประกอบติดตั้งที่ได้มาตรฐาน จากแผ่นป้องกันนิรภัย, แผ่นวงแหวนกระจายแรง, ลวดสลิงนิรภัย และนอตยึด


            5 – เหมาะกับพื้นที่ขนาดใหญ่
            ‘พัดลมอุตสาหกรรม’ อย่างพัดลมยักษ์ จะมีเส้นผ่าศูนย์กลางสูงสุดถึง 7 เมตร ช่วยสร้างแรงลมครอบคลุมพื้นที่ได้ 1,600 ตร.ม. จึงทำให้เหมาะกับการนำไปใช้ในพื้นที่ขนาดใหญ่ เพราะการติดตั้งพัดลมที่สามารถสร้างปริมาณลมได้ลงตัวกับพื้นที่ จะตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด


            สรุปแล้วพัดลมยักษ์คุ้มค่าหรือไม่?
            การลงทุนซื้อพัดลมยักษ์ถือว่าคุ้มค่า คุ้มราคา เพราะนอกจากจะช่วยระบายความร้อนได้ดี ยังช่วยประหยัดค่าไฟกับค่าซ่อมบำรุง ไม่ต้องกังวลว่าจะมีค่าใช้จ่ายสูงหลังจากการติดตั้ง และมีความแข็งแรงสามารถใช้งานได้ในระยะยาว


            พัดลมยักษ์ที่ได้มาตรฐาน ต้องที่ Yushi Group
            Yushi Group ดำเนินธุรกิจด้านการจำหน่าย ออกแบบ และติดตั้ง สินค้าที่เกี่ยวข้องกับพัดลมระบายอากาศ เพื่อให้อากาศในพื้นที่ถ่ายเทได้สะดวก และสามารถลดกลิ่นที่ไม่พึ่งประสงค์ โดยมีพัดลมอุตสาหกรรมหลากหลายประเภทให้เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็น
            • พัดลมยักษ์ มีบริการตรวจสอบโครงสร้างอาคารก่อนการติดตั้ง พร้อมกับวิธีการติดตั้งที่ถูกต้องตามมาตรฐาน ทำให้ปลอดภัยกับผู้ใช้งาน
            • พัดลมอุตสาหกรรม มีหลายรูปแบบ สามารถนำไปใช้ได้ตามความเหมาะสมของงาน เช่น พัดลมฟาร์ม, พัดลมใบดำ, พัดลมถังกลม และอื่นๆ อีกมากมาย ที่ได้รับมาตรฐาน มอก.
            • พัดลมไอน้ำ มีคุณภาพได้รับมาตรฐาน มอก. เช่นกัน สามารถเคลื่อนย้ายพัดลมได้สะดวก มีถังน้ำภายในตัว และใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง
            • พัดลมอีแวป มีหัวจ่ายลมให้เลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม เช่น ด้านข้าง, ด้านล่าง และด้านบน โดยมีทีมงานที่ช่วยออกแบบท่อให้กระจายลมได้ตามที่ต้องการ
            หากต้องการให้อากาศภายในอาคารเย็นเร็วมากขึ้น สามารถใช้งานพัดลมควบคู่กับ Evaporative Cooler จะช่วยลดความร้อนสะสมในพื้นที่ได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้มีลมเย็นหมุนเวียนในอาคาร สามารถส่งความเย็นได้อย่างครอบคลุมทั้งพื้นที่ถึง 1,600 ตารางเมตร โดยช่วยให้คุณประหยัดพลังงาน และมีบริการหลังการขายที่พร้อมจะดูแลคุณ เพราะมีอะไหล่สำรองทุกชิ้น ทำให้คุณสามารถใช้งานพัดลมระบายอากาศได้สมบูรณ์ตลอดเวลา

            หากต้องการติดต่อสอบถามข้อมูลของสินค้าและบริการ สามารถติดต่อเพิ่มเติมได้ที่นี่

            Facebook: สินค้าอุตสาหกรรม เครื่องจักร งานติดตั้งระบบ Evap,Ventilation-Yushi Group
            Line@: Yushi Group
            YouTube: Yushi Group
            E-mail: info@yushi.co.th
            Tel: 02-517-0688

            87
            พัดลมยักษ์ในวงการอุตสาหกรรมคุ้มค่าต่อการลงทุนที่นำไปใช้งาน โดย “พัดลมยักษ์ ราคา” จะแตกต่างกันออกไปตามรุ่นและขนาด วันนี้ Yushi Group จะพาไปดูว่าแต่ละแบบหรือแต่ละรุ่นมีความแตกต่างกันอย่างไร และราคาจะอยู่ประมาณที่เท่าไหร่


            บทบาทที่สำคัญของพัดลมยักษ์
            “พัดลมยักษ์” ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในระบบของพัดลมระบายอากาศ ที่ช่วยให้อากาศภายในพื้นที่ เกิดการถ่ายเทได้สะดวกมากขึ้น ซึ่งเหมาะสำหรับอาคารขนาดใหญ่อย่าง โรงงานอุตสาหกรรม, คลังสินค้า, หอประชุม หรือในบริเวณที่มีผู้คนสัญจรไปมา


            Yushi ที่หนึ่งด้านพัดลมระบายอากาศ
            Yushi เป็นที่หนึ่งในด้านระบบพัดลมระบายอากาศ โดยเรามีพัดลมยักษ์, พัดลมอุตสาหกรรม, พัดลมไอน้ำ และอื่นๆ อีกมากมาย ที่มีการนำเทคโนโลยีกับนวัตกรรมมาใช้ เพื่อช่วยให้ประหยัดพลังงาน หรือ “Saving Energy System” ทำให้คุณสามารถไว้วางจากเราได้ว่า พัดลมยักษ์ของ Yushi เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม


            พัดลมยักษ์ ราคา จาก Yushi มีกี่รุ่น แตกต่างกันอย่างไร
            ส่วนประกอบหลักของพัดลมยักษ์จะมีใบพัดกับมอเตอร์ ที่ช่วยทำให้เกิดแรงหมุน โดยประเภทของส่วนประกอบเหล่านั้นจะแตกต่างกันออกไป เพื่อให้ตอบโจทย์กับพื้นที่หน้างาน


            • เป็นการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ (AC Motor) โดยเป็นการใช้มอเตอร์คู่กับเกียร์ เพื่อเป็นการลดรอบในการทำงาน
            • วัสดุของตัวถังกับใบพัด สร้างจากอะลูมิเนียมที่มีความเหนียวเป็นพิเศษ
            • มีขนาดของใบพัดให้เลือก 2 ขนาด คือ 7,200 มม. และ 7,310 มม.
            • ราคาอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับความคุ้มค่าของการใช้งาน


            • การทำงานของมอเตอร์เป็นไฟฟ้ากระแสตรง (DC Motor) จึงทำให้มอเตอร์มีขนาดที่ค่อนข้างเล็ก การหมุนของใบพัดจะอยู่ในรอบที่ต่ำ
            • วัสดุของใบพัดทำมาจาก Polymer Composite จึงทำให้น้ำหนักเบา
            • มีขนาดของใบพัดให้เลือกตั้งแต่ 5,500 มม. , 6,500 มม. และ 7,300 มม.
            • ราคาอยู่ในระดับที่สามารถจับต้องได้


            ความสำคัญของพัดลมยักษ์ คือ ?
            สำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ก็คงจะรู้ถึงบทบาทที่สำคัญของพัดลมยักษ์ แล้วว่าเป็นส่วนหนึ่งของ พัดลมระบายอากาศ ที่จะนิยมนำไปใช้กับอาคารขนาดใหญ่ โดยพัดลมยักษ์แต่ละรุ่นจะมีความแตกต่างในบางส่วน เพื่อให้ตอบโจทย์กับการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป


            สนใจพัดลมยักษ์ที่มีบริการครบวงจร ต้องที่ Yushi Group
            Yushi Group ดำเนินธุรกิจด้านการจำหน่าย ออกแบบ และติดตั้ง สินค้าที่เกี่ยวข้องกับ ‘พัดลมระบายอากาศ’ เพื่อลดอุณหภูมิในพื้นที่ ให้มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก และสามารถลดกลิ่นที่ไม่พึ่งประสงค์ อย่างพัดลมยักษ์ ที่จะมีบริการตรวจสอบโครงสร้างอาคารก่อนการติดตั้ง พร้อมกับวิธีการติดตั้งที่ถูกต้องตามมาตรฐาน ทำให้ปลอดภัยกับผู้ใช้งาน โดยมีพัดลมหลากหลายประเภทให้เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็น
            • พัดลมอุตสาหกรรม มีหลายรูปแบบ สามารถนำไปใช้ได้ตามความเหมาะสมของงาน เช่น พัดลมฟาร์ม, พัดลมใบดำ, พัดลมถังกลม และอื่นๆ อีกมากมาย ที่ได้รับมาตรฐาน มอก.
            • พัดลมไอน้ำ มีคุณภาพได้รับมาตรฐาน มอก. เช่นกัน สามารถเคลื่อนย้ายพัดลมได้สะดวก มีถังน้ำภายในตัว และใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง
            หากนำไปใช้งานคู่กับระบบอีแวปปอเรทีฟ (Evaporative Cooler) จะช่วยลดความร้อนสะสมในพื้นที่ได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้มีลมเย็นหมุนเวียนในอาคาร โดยสามารถส่งความเย็นได้อย่างครอบคลุมทั้งพื้นที่ถึง 1,600 ตารางเมตร และช่วยให้คุณประหยัดพลังงานได้อีกด้วย

            หากต้องการติดต่อสอบถามข้อมูลของสินค้าและบริการ สามารถติดต่อเพิ่มเติมได้ที่นี่

            Facebook: สินค้าอุตสาหกรรม เครื่องจักร งานติดตั้งระบบ Evap,Ventilation-Yushi Group
            Line@: Yushi Group
            YouTube: Yushi Group
            E-mail: info@yushi.co.th
            Tel: 02-517-0688

            88
            สำหรับใครที่ไม่รู้ว่า “Evap คือ อะไร”  และมีหน้าที่การทำงานเป็นอย่างไร วันนี้ Yushi Group จะพาคุณมารู้จักกับระบบ Evap ให้มากยิ่งขึ้น เพราะอะไร ทำไมถึงมีอัตราการใช้ไฟที่น้อยกว่า Air Conditioner และ Evap แต่ละรุ่นมีความแตกต่างกันอย่างไร


            Evap คือ ?
            Evap (Evaporative Cooling System) หรือภาษาที่เรียกกันทั่วไปว่า “พัดลมอีแวป” คือระบบทำความเย็นประเภทหนึ่ง ที่สามารถนำไปใช้ได้กับอาคารแบบเปิด และแบบปิดที่มีขนาดใหญ่ เพื่อช่วยลดอุณหภูมิ


            มีหลักการทำงานเป็นอย่างไร
            • “พัดลมอีแวป” จะมีน้ำเป็นองค์ประกอบหลัก
            • เมื่อใบพัดลมทำงาน จะทำให้เกิดปฏิกิริยาการระเหยของน้ำในการสร้างความเย็น
            • ในกรณีที่ปริมาณน้ำในถังลดลง ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องเติมน้ำเอง
            • ตัวเครื่องมีระบบระบายน้ำทิ้ง ที่ช่วยป้องกันสิ่งสกปรกหรือฝุ่นละออง


            มีทั้งหมดกี่รุ่น และวิธีในการสร้างลมเย็นเป็นแบบไหน
            พัดลมอีแวป จะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 รุ่น แต่จะแตกต่างกันแค่เพียงทิศทางของหัวจ่ายลม คือ ด้านข้าง, ด้านล่าง และด้านบน โดยการสร้างลมเย็นจะมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ
            • สร้างลมเย็นเฉพาะจุด (Spot Air Cooling) จะเป็นการกำหนดตำแหน่งเอาไว้แล้วว่า ลมเย็นจะต้องออกมาตรงจุดนั้น
            • สร้างลมเย็นกระจายทั้งพื้นที่ (Space Air Cooling) เป็นการสร้างที่ให้ลมเย็นสามารถกระจายได้ทั่วทั้งพื้นที่
            จะต้องทำความสะอาดพัดลมอีแวปบ่อยแค่ไหน?
            ส่วนใหญ่จะนิยมล้างทำความสะอาด 2 ครั้งต่อปี หรือถ้าคุณอยากให้ระบบมีความสะอาดมากเป็นพิเศษ สามารถทำความสะอาด 4 ครั้งต่อปีได้เช่นกัน เพราะนอกจากจะทำให้ระบบสะอาดไร้กลิ่นที่ไม่พึ่งประสงค์แล้ว ยังเป็นการช่วยให้ลมไหลเวียนผ่านระบบได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


            ประโยชน์ของการใช้งานระบบ Evap
            • ประหยัดพลังงาน หากเปรียบเทียบระบบ Evap กับระบบทำความเย็นอย่าง Air Conditioner จะช่วยประหยัดพลังงาน และลดต้นทุนของค่าไฟได้ดีกว่า
            • ไม่ใช้สารที่เป็นอันตราย ระบบในการทำความเย็นของ Evap จะใช้น้ำเป็นหลัก จึงไม่มีสารทำความเย็น
            • ช่วยลดความร้อนในพื้นที่ การทำงานของพัดลมอีแวป จะช่วยดักจับความร้อน
            • ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง ระบบ Evap จะมีอายุการใช้งานสูงสุดถึง 10 ปี และมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมน้อย
            ทำไมต้องติดพัดลมอีแวป หรือ ทำระบบ Evap ?
            พัดลมอีแวป หรือระบบ Evap จะช่วยสร้างความเย็น ที่สามารถลดอุณหภูมิได้ถึง 4 – 10 องศาเซลเซียส (สำหรับในพื้นที่แห้งและร้อน) และมีการใช้อากาศจากธรรมชาติ มีอัตราในการใช้ไฟที่น้อยกว่า Air Conditioner และไม่ต้องกังวลว่าจะเสียค่าใช้จ่ายสูง ในการซ่อมแซมหรือบำรุงรักษา


            อยากติดตั้งระบบ Evap ที่ครบวงจร ต้อง Yushi Group
            Yushi Group ดำเนินธุรกิจด้านการจำหน่าย ออกแบบ และติดตั้ง สินค้าที่เกี่ยวข้องกับพัดลมระบายอากาศ เพื่อลดอุณหภูมิในพื้นที่ ให้มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก และสามารถลดกลิ่นที่ไม่พึ่งประสงค์ โดยมีพัดลมอุตสาหกรรมหลากหลายประเภทให้เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็น
            • พัดลมยักษ์ มีบริการตรวจสอบโครงสร้างอาคารก่อนการติดตั้ง พร้อมกับวิธีการติดตั้งที่ถูกต้องตามมาตรฐาน ทำให้ปลอดภัยกับผู้ใช้งาน
            • พัดลมอุตสาหกรรม มีหลายรูปแบบ สามารถนำไปใช้ได้ตามความเหมาะสมของงาน เช่น พัดลมฟาร์ม, พัดลมใบดำ, พัดลมถังกลม และอื่นๆ อีกมากมาย ที่ได้รับมาตรฐาน มอก.
            • พัดลมไอน้ำ มีคุณภาพได้รับมาตรฐาน มอก. เช่นกัน สามารถเคลื่อนย้ายพัดลมได้สะดวก มีถังน้ำภายในตัว และใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง
            หากนำไปใช้งานคู่กับระบบอีแวปปอเรทีฟ (Evaporative Cooler) จะช่วยลดความร้อนสะสมในพื้นที่ได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้มีลมเย็นหมุนเวียนในอาคาร โดยสามารถส่งความเย็นได้อย่างครอบคลุมทั้งพื้นที่ถึง 1,600 ตารางเมตร และช่วยให้คุณประหยัดพลังงานได้อีกด้วย


            หากต้องการติดต่อสอบถามข้อมูลของสินค้าและบริการ สามารถติดต่อเพิ่มเติมได้ที่นี่

            Facebook: สินค้าอุตสาหกรรม เครื่องจักร งานติดตั้งระบบ Evap,Ventilation-Yushi Group
            Line@: Yushi Group
            YouTube: Yushi Group
            E-mail: info@yushi.co.th
            Tel: 02-517-0688

            89
            ใครที่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกใช้ “พัดลมอุตสาหกรรมยี่ห้อไหนดี” เพราะในตอนนี้มีหลากหลายรุ่นให้เลือกใช้ ที่ช่วยตอบโจทย์ในเรื่องของการใช้งานแล้ว ยังมีความแข็งแรง วันนี้ Yushi Group จะพาคุณไปรู้จักกับวิธีในการเลือกพัดลมอุตสาหกรรม!


            พัดลมอุตสาหกรรม คืออะไร?
            พัดลมอุตสาหกรรม มีหลักการทำงานที่เหมือนกับพัดลมทั่วไป แต่ใบพัดมีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ และยังมีการออกแบบกับการเลือกใช้วัสดุ ที่ทำให้โครงสร้างมีฐานที่มั่นคง แข็งแรง ซึ่งส่วนมากจะนิยมนำไปใช้ภายในโรงงาน, โรงอาหาร, โกดัง และในพื้นที่กว้างอื่นๆ


            วิธีในการเลือกพัดลมอุตสาหกรรม
            คุณจะต้องรู้วิธีในการเลือกพัดลมก่อน เพราะถ้าหากคุณตัดสินใจได้แล้วว่า อยากจะได้พัดลมยี่ห้อไหน จะไม่ทำให้เสียเวลา และเสียเงินไปโดยสูญเปล่า โดยวิธีในการเลือกหลักๆ คือ
            • เลือกขนาดที่เหมาะสม ปกติแล้วขนาดของพัดลมอุตสาหกรรม โดยทั่วไปจะเริ่มต้นที่ 18 นิ้ว ถึง 30 นิ้วขึ้นไป
            • ฟังก์ชันเสริมของการใช้งาน เช่น ปรับระดับความสูง, ปรับทิศทางการส่ายหัว และมีด้ามจับหรือล้อเข็น
            • การปรับระดับแรงลม ถ้าพัดลมมีหลายระดับให้เลือกก็จะทำให้คุณปรับแรงลมได้ตามความต้องการและความเหมาะสม
            • ปลอดภัยกับผู้ใช้งาน แนะนำให้เลือกใช้พัดลมที่มีระบบตัดการทำงานอัตโนมัติ
            • มีมาตรฐานที่ผ่านการรับรอง จะช่วยให้คุณรู้สึกอุ่นใจมากยิ่งขึ้นเวลาที่นำไปใช้งาน
            พัดลมอุตสาหกรรมยี่ห้อไหนดี รุ่นไหนที่ใช่สำหรับคุณ

            รุ่นตั้งพื้น DFP-T Series

            • มีการดีไซน์ที่ให้ความสวยงามจากใบพัด 2 ใบ
            • สามารถปรับแรงลมได้ถึง 3 ระดับ
            • มีขนาดตั้งแต่ 20, 24, 26 และ 30 นิ้ว
            • มอเตอร์มีระบบตัดการทำงานอัตโนมัติด้วย Thermal fuse
            • การเลือกใช้วัสดุของโครงสร้าง ทำจากเหล็กคุณภาพสูง

            ราคา: อยู่ที่ประมาณ 3,550 – 4,050 บาท


            • ดีไซน์สวยงามแบบเรียบง่าย มีใบพัด 3 ใบ
            • ปรับแรงลมได้ถึง 3 ระดับ
            • มีขนาด 18 และ 20 นิ้ว
            • ที่มอเตอร์มี Thermal fuse ที่ช่วยตัดกระแสไฟเกินให้อัตโนมัติ
            • โครงสร้างทำจากเหล็กคุณภาพสูง และใบพัดทำจากอะลูมิเนียม

            ราคา: อยู่ที่ประมาณ 3,850 – 4,150 บาท


            • ดีไซน์หรูหราทั้งตัวเป็นสีดำ มี 2 ใบพัด
            • มีแรงลมที่สามารถปรับได้ 3 ระดับ
            • มีขนาดตั้งแต่ 20, 24, 26 และ 30 นิ้ว
            • มอเตอร์เป็นฉนวนไฟฟ้า Class E
            • ใบพัดทำจากอะลูมิเนียม ทำให้ไม่ส่งเสียงดังในตอนที่เปิดใช้งาน

            ราคา: อยู่ที่ประมาณ 3,250 – 3,700 บาท


            • ดีไซน์ของพัดลมจะมีใบพัด 4 ใบ
            • มีขนาดตั้งแต่ 8, 10, 12, 14 และ 16 นิ้ว
            • มอเตอร์เป็นฉนวนไฟฟ้า Class E
            • ช่วยระบายความร้อนภายในอาคารได้ถึง 780 – 8,700 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง
            • โครงสร้างของพัดลม และใบพัด ทำจากเหล็กคุณภาพสูง

            ราคา: อยู่ที่ประมาณ 1,390 – 3,450 บาท


            ทำไมถึงต้องรู้จักกับวิธีการเลือกพัดลมก่อน?
            การจะเลือกใช้ “พัดลมอุตสาหกรรมยี่ห้อไหนดี” เพียงแค่คุณรู้จักวิธีในการเลือกพัดลมแบบเบื้องต้น จะทำให้คุณมั่นใจจากการใช้งาน เพราะถ้าคุณไม่รู้วิธีในการเลือกพัดลมอุตสาหกรรม นอกจากจะทำให้คุณเสียทั้งเงินและเวลาแล้ว พัดลมยังไม่ตอบโจทย์การใช้งานของคุณอีกด้วย


            พัดลมอุตสาหกรรมคุณภาพสูง ต้องที่ Yushi Group
            Yushi Group ดำเนินธุรกิจด้านการจำหน่าย ออกแบบ และติดตั้ง สินค้าที่เกี่ยวข้องกับพัดลมระบายอากาศ เพื่อให้อากาศในพื้นที่ถ่ายเทได้สะดวก และสามารถลดกลิ่นที่ไม่พึ่งประสงค์ โดยมีพัดลมอุตสาหกรรมหลากหลายประเภทให้เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็น

            • พัดลมตั้งพื้น มีโครงสร้างที่ออกแบบมาให้ฐานมีความมั่นคง วัสดุทำจากเหล็กคุณภาพสูง ช่วยให้มีความแข็งแรง และมีการใช้อะลูมิเนียมทำเป็นใบพัด ซึ่งช่วยให้ได้รอบที่สูงมากขึ้น
            • พัดลมตั้งพื้นปรับแหงนใบพัด มีความทันสมัย แข็งแรง และสามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย โดยใบพัดจะสามารถปรับแหงนขึ้น-ลง แถมบางรุ่นยังมีปรับซ้าย-ขวาได้อีกด้วย
            • พัดลมติดผนัง โครงสร้างทำจากเหล็กคุณภาพดี ช่วยให้มีความแข็งแรง สามารถใช้งานได้ในระยะยาว มีขนาดของใบพัดให้เลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม
            • พัดลมฟาร์ม ทำจากอะลูมิเนียมคุณภาพดี หมดห่วงเรื่องของสนิม ทนทานกับทุกสภาพอากาศ มีน้ำหนักเบา และสามารถใช้งานในระยะยาวได้
            • พัดลมท่อ ที่ใบพัดกับด้ามจับ จะทำจากอลูมิเนียมอัลลอยด์ ทำให้ทนกับความชื้น และความร้อนได้ดี ไม่ต้องกังวลกับสนิมหรือการบิดงอที่จะเกิดขึ้น
            ซึ่งสามารถนำไปใช้ผสมผสานระหว่างระบบปรับอากาศขนาดใหญ่อย่าง อีแวปปอเรทีฟ (Evaporative Cooler) จะช่วยลดความร้อนสะสมในพื้นที่ได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้มีลมเย็นหมุนเวียนในอาคาร โดยสามารถส่งความเย็นได้อย่างครอบคลุมทั้งพื้นที่ถึง 1,600 ตารางเมตร และช่วยให้คุณประหยัดพลังงานได้อีกด้วย


            หากต้องการติดต่อสอบถามข้อมูลของสินค้าและบริการ สามารถติดต่อเพิ่มเติมได้ที่นี่

            Facebook: สินค้าอุตสาหกรรม เครื่องจักร งานติดตั้งระบบ Evap,Ventilation-Yushi Group
            Line@: Yushi Group
            YouTube: Yushi Group
            E-mail: info@yushi.co.th
            Tel: 02-517-0688


            90
            ส่วนประกอบที่สำคัญต่อสิ่งปลูกสร้างอย่างปูนซีเมนต์ สามารถทำเป็นพื้น เสา และคานได้ เพราะมีคุณสมบัติหลักที่มีความแข็งแรง สำหรับใครที่กำลังสงสัยว่า “ปูนมีกี่ประเภท ?” และแต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร วันนี้ MTcement จะพาคุณมาหาคำตอบกัน!


            ปูนมีกี่ประเภท
            ‘ปูนซีเมนต์’ เป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้เลย เพราะแทบจะอยู่ในทุกขั้นตอนของงานก่อสร้าง และเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน เนื่องจากเกี่ยวข้องกับความแข็งแรง โดยมีทั้งหมด 3 ประเภทหลัก คือ


            ปูนซีเมนต์งานโครงสร้าง
            ปูนซีเมนต์งานโครงสร้าง หรือ ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ เป็นปูนที่เอาไว้ใช้สำหรับงานโครงสร้าง เช่น พื้น, คาน และเสา เป็นต้น ที่มีคุณสมบัติหลักในเรื่องของความแข็งแรง มั่นคง รองรับน้ำหนักได้ดี มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 5 ชนิด
            • ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ธรรมดา เป็นปูนที่มักจะใช้กับงานก่อสร้างทั่วไป เช่น พื้น, เสา, คาน และถนน
            • ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ดัดแปลง จะนำไปใช้กับโครงสร้างขนาดใหญ่อย่าง ฐานราก, ตอม่อ และสะพาน เป็นต้น
            • ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ให้กำลังอัดสูง ถือว่าเป็นปูนที่มีความสามารถแห้งเร็ว มักจะนำไปหล่อเป็นพื้นสำเร็จรูป, เสาเข็ม และเสาไฟฟ้า
            • ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ความร้อนต่ำ เป็นปูนที่เหมาะกับการก่อสร้างเขื่อนกั้นน้ำ
            • ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ต้านทานซัลเฟต ใช้กับโครงสร้างที่สัมผัสกับน้ำทะเลหรือดินเค็ม เช่น ท่าเรือ, สะพาน และอาคารที่อยู่ใกล้ริมทะเล
            ปูนซีเมนต์งานก่อและงานฉาบ
            ปูนซีเมนต์ที่ใช้กับงานก่อและงานฉาบ จะมีแรงอัดหรือกำลังที่น้อยกว่าปูนงานโครงสร้าง เพราะต้องการคุณสมบัติในการยึดเกาะที่ดี โดยมีชนิดของปูนดังนี้
            • ปูนซีเมนต์ผสม จะสามารถนำไปใช้กับงานก่ออิฐ ฉาบผนัง เทปูนเอาไว้ใช้กับงานคอนกรีตขนาดเล็กได้
            • ปูนซีเมนต์สำเร็จรูป หรือปูนมอร์ต้า มีลักษณะในการนำไปใช้งานที่คล้ายกับปูนซีเมนต์ผสม ไม่ว่าจะเป็นการก่อหรือฉาบ
            • ปูนซีเมนต์ Masonry เป็นปูนที่มีคุณสมบัติเอาไว้ใช้สำหรับงานฉาบผนังเท่านั้น
            ปูนซีเมนต์งานพิเศษ
            ปูนซีเมนต์งานพิเศษจะถูกพัฒนาจาก’ปูนซีเมนต์’ ทั่วไป ที่อาจจะยังไม่ครอบคลุมหรือตอบโจทย์กับการใช้งานมากนัก จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
            • ปูนซีเมนต์ขุดเจาะน้ำมัน เป็นปูนที่มีการควบคุมคุณภาพของการผลิต ที่ได้รับมาตรฐานจากอเมริกันปิโตรเลียม
            • ปูนซีเมนต์ขาว มีคุณสมบัติที่นำไปใช้ได้กับงานโครงสร้าง, งานก่อ และงานฉาบเหมือนกับปูนทั่วไปที่มีสีเทา
            ทำไมปูนซีเมนต์ถึงต้องมีหลายประเภท
            ปูนซีเมนต์จะต้องถูกแบ่งออกเป็นหลายประเภท เพราะเวลาที่นำปูนไปใช้จะได้ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ของงาน เพื่อให้โครงสร้างมีความแข็งแรง แต่ถ้าหากคุณไม่รู้ว่าปูนแต่ละประเภทเหมาะกับงานแบบไหน แนะนำให้สอบถามกับบริษัทที่จำหน่ายอย่าง MTcement ที่พร้อมจะให้บริการกับคุณ


            ปูนซีเมนต์คุณภาพเยี่ยม ต้องที่ MTcement !!
            MTcement ประกอบธุรกิจจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้าง วัสดุตกแต่ง ทั้งค้าส่ง และค้าปลีกเป็นเวลานานกว่า 40 ปี เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้ารายสำคัญของผู้ผลิตชั้นนำหลายแห่งมีความสัมพันธ์ทางการค้าที่ดีกับผู้ผลิต
            • เรามีอำนาจในการต่อรองราคา และสามารถจำหน่ายสินค้าในราคา “กันเอง”
            • ถ้าหากลูกค้าท่านใดต้องการใช้สินค้าเป็นจำนวนมาก ทางเราสามารถต่อรองกับบริษัทผู้ผลิตเพื่อนำเสนอ “ราคาพิเศษ”
            อีกทั้งยังมีทีมจัดสรรรถขนส่งเกือบทุกประเภทจากทั่วพื้นที่ โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพ และปริมณฑล เพราะเราใส่ใจเรื่องความรวดเร็วในการจัดส่งสินค้า รวมไปถึงการให้บริการรถคอนกรีตผสมเสร็จ ขนาดใหญ่ที่จุได้ถึง 5 – 6 คิว เหมาะกับโครงสร้างขนาดใหญ่ที่ต้องการคอนกรีตปริมาณมาก และสำหรับใครที่มีการก่อสร้างในบริเวณที่ต้องจำกัดไม่ให้รถที่มีขนาดใหญ่เข้าไปในพื้นที่ ทางเรามีรถขนาดเล็กที่จุคอนกรีต 2 คิว เป็นอีกทางเลือกที่ให้บริการอย่างทั่วถึง


            ติดต่อสอบถามข้อมูล และข้อสงสัยต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ เพิ่มเติมได้ที่นี่
            Facebook: คอนกรีตผสมเสร็จ โดย เมืองไทยซีเมนต์
            E-mail: info@mtcement.com
            Line: @mtcement
            Tel: 088 – 554 – 1555, 02 – 328 – 0684

            91
            “ปูน 1 คิว เทได้กี่ตารางเมตร ?” เป็นคำถามยอดนิยม เพราะการสั่งคอนกรีตผสมเสร็จมาใช้งาน จะต้องมีการคำนวณที่เหมาะสม วันนี้ MTcement จะพาคุณมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ภายในปูน 1 คิวมีปริมาณเท่าไหร่ หากนำไปเทจะได้กี่ตารางเมตร และมีวิธีในการคำนวณพื้นที่อย่างไรบ้าง ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย!


            ปูน 1 คิวมีปริมาณเท่าไหร่?

            การสั่ง ‘คอนกรีตผสมเสร็จ’ มาใช้งานจะมีหน่วยที่เรียกว่า คิว หรือ คิวบิกเมตร เป็นปริมาณในทรงลูกบาศก์ ที่มีความกว้าง 1 เมตร x ความยาว 1 เมตร x ความสูง(ความหนา) 1 เมตร เช่น ต้องการคอนกรีตที่มีกำลัง 240 ksc ต่อจำนวน 1 คิว จะทำให้มีส่วนผสมประกอบดังนี้
            • ปูนงานโครงสร้าง จำนวน 336 กิโลกรัม
            • ทรายหยาบ จำนวน 0.60 ลูกบาศก์เมตร
            • หินเบอร์ 1 หรือ 2 จำนวน  1.09 ลูกบาศก์เมตร
            • น้ำที่จะนำไปผสม ปริมาณ 180 ลิตร
            ปูน 1 คิว เทได้กี่ตารางเมตร?

            หากนำปูน 1 คิวไปใช้กับงานพื้น จะสามารถเทได้ทั้งหมดกี่ตารางเมตรนั้น ต้องขึ้นอยู่กับความหนาของพื้น ซึ่งวิธีในการคำนวณต่อปูน 1 คิว คือ
            • พื้นหนา 10 ซม. เท่ากับ 10 ตารางเมตร
            • พื้นหนา 15 ซม. เท่ากับ 6.7 ตารางเมตร
            • พื้นหนา 20 ซม. เท่ากับ 5 ตารางเมตร
            การคำนวณคิวปูนให้เทพื้นได้พอดี

            การคำนวณเพื่อให้ได้จำนวนคิวที่เหมาะสม จะมีวิธีในการคิดแบบทรงลูกบาศก์ คือ ความกว้าง x ความยาว x ความสูง
            • เช่น คุณต้องการทำพื้นปูนเอาไว้สำหรับเป็นลานจอดรถภายในบ้าน โดยมีความกว้าง 6.5 เมตร, ความยาว 8 เมตร และต้องการความหนาของพื้น 15 เซนติเมตร
            • สูตรในการคำนวณ คือ 6.5 เมตร x 8 เมตร x 0.15 เมตร (15 เซนติเมตร ) เท่ากับ 7.8 คิว
            โดยสามารถปัดขึ้นเป็น 8 คิว จะได้นำปูนที่เหลือมาใช้ให้พื้นได้หนา 15 เซนติเมตร ตามที่ต้องการ


            การรู้จักกับหน่วยคิวนั้นดีอย่างไร?
            สำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ก็คงรู้แล้วว่า ปูน 1 คิวจะเป็นทรงลูกบาศก์ ทำให้คุณสามารถคำนวณหาปริมาณของปูนจากความกว้าง, ความยาว และความสูงเพื่อให้เหมาะสมกับพื้นที่ แต่ถ้าใครที่ไม่มั่นใจว่าจะต้องสั่ง ‘คอนกรีตผสมเสร็จ’ เท่าไหร่ แนะนำให้สอบถามบริษัทที่จำหน่ายคอนกรีตคุณภาพเยี่ยมอย่าง MTcement


            สนใจคอนกรีตผสมเสร็จคุณภาพดี ต้องที่ MTcement !!
            MTcement ประกอบธุรกิจจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้าง วัสดุตกแต่ง ทั้งค้าส่ง และค้าปลีกในระยะเวลานานกว่า 40 ปี ทำให้กลายเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้ารายสำคัญของผู้ผลิตชั้นนำหลายแห่ง ที่มีความสัมพันธ์ทางการค้าที่ดีกับผู้ผลิต จึงทำให้สินค้าและบริการของเรา
            • ราคาถูกทุกวัน เพราะเราคัดสรรสินค้าคุณภาพดี มีมาตรฐาน และราคาถูก มานำเสนออยู่อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งคุณไม่ต้องไปหาสินค้าเองให้ยุ่งยาก เพียงแค่คุณติดตามทางเว็บไซต์ของเรา ก็จะมีสินค้าที่ตอบโจทย์กับงานก่อสร้างของคุณ
            • จัดส่งรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการจัดส่งสินค้าหรือคอนกรีตผสมเสร็จ เราก็สามารถจัดส่งให้ได้ตรงตามเวลาที่กำหนด โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพ และปริมณฑล เพื่อบริการคุณอย่างทั่วถึง เพราะเราใส่ใจเรื่องความรวดเร็วในการจัดส่งสินค้าไปถึงที่หมายอย่างปลอดภัย
            • ตัวแทนจำหน่ายยอดเยี่ยม จากประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจก่อสร้างมาอย่างยาวนาน ทำให้มีความเชี่ยวชาญด้านการก่อสร้าง ส่งผลให้ตัวแทนสามารถเข้าถึงลูกค้าได้เกือบทุกกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็น ร้านค้าหรืองานที่มีโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่
            ติดต่อสอบถามข้อมูล และข้อสงสัยต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ เพิ่มเติมได้ที่นี่
            Facebook: คอนกรีตผสมเสร็จ โดย เมืองไทยซีเมนต์
            E-mail: info@mtcement.com
            Line: @mtcement
            Tel: 088 – 554 – 1555, 02 – 328 – 0684

            92
            ‘ พัดลมไอเย็น ‘ เพราะนอกจากจะช่วยคลายความร้อนได้ดีแล้ว ยังสามารถช่วยคุณประหยัดค่าไฟได้อีกด้วย วันนี้ Yushi Rental ขอแนะนำวิธีใช้งานแบบเบื้องต้น ที่จะช่วยให้คุณรู้ว่า พัดลมไอเย็นทำอะไรได้บ้าง และมีวิธีในการควบคุมพัดลมอย่างไร


            วิธีใช้พัดลมไอเย็น ที่คุณควรรู้ก่อนนำไปใช้งาน
            เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่าง “พัดลมไอเย็น” มีบทบาทที่สำคัญเป็นอย่างมากกับประเทศไทย เพราะสามารถช่วยลดอุณหภูมิได้สูงสุดถึง 15 องศา และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายแทนการใช้แอร์ โดยมีวิธีในการใช้งานดังนี้


            ลักษณะภายนอกของตัวเครื่อง
            • แผงควบคุม และจอแสดงผล อยู่ที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง มีหน้าจอเป็น LED
            • ใบพัดปรับทิศทางลม ใบพัดด้านในสุดจะปรับส่ายซ้าย-ขวา
            • ช่องใส่น้ำ ที่ด้านหน้าช่วงล่างของเครื่อง จะมีช่องใส่น้ำ
            • ถังบรรจุน้ำ เป็นฐานที่อยู่ล่างสุด
            • ล้อเลื่อน ที่ด้านล่างสุดของตัวเครื่อง
            • ที่พันเก็บสายไฟ เป็นช่องที่อยู่ด้านข้างของตัวเครื่อง
            • รูระบายน้ำ อยู่ที่ด้านหลัง ข้างล่างสุดของตัวเครื่อง
            วิธีการควบคุมพัดลมไอเย็น
            สำหรับพัดลมไอเย็นจาก Yushi จะเห็นได้ชัดเลยว่า มีหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ ที่ช่วยให้มองเห็นได้อย่างชัดเจน ส่วนแผงควบคุมเป็นแบบปุ่มกด ใช้งานง่ายไม่ยุ่งยาก และสามารถควบคุมได้หลากหลาย
            • ON/OFF ปุ่มเปิด/ปิดการทำงาน
            • SPEED ปุ่มปรับระดับความเร็วลม
            • COOL  ปุ่มเปิด/ปิดการใช้ระบบน้ำ
            • SWING L/R ปุ่มปรับส่าย
            • MODE ปุ่มปรับโหมด
            • TIMER ปุ่มตั้งเวลา
            • ANION&OZONE ปุ่มเปิด/ปิดระบบฆ่าเชื้อโรคในอากาศ
            • BACKLIGHT ปุ่มเปิด/ปิดไฟของแผงควบคุม
            ขั้นตอนการใช้งาน พัดลมไอเย็นแบบเบื้องต้น
            • ตรวจสอบที่ “ถังบรรจุน้ำ”
            • หากน้ำมีปริมาณที่น้อยเกินไป ให้เติมน้ำเข้า “ช่องใส่น้ำ”
            • กดที่ปุ่ม “ON/OFF” เพื่อเปิดการใช้งาน
            • ถ้ารู้สึกว่าลมเบาเกินไป ให้กดปุ่ม “SPEED”
            • อยากจะเปลี่ยนจากพัดลมธรรมดา กดปุ่ม “COOL”
            • ต้องการส่ายพัดลม กดปุ่ม “SWING L/R”
            • เพียงเท่านี้คุณก็จะรู้วิธีการใช้งานแบบเบื้องต้น

            วิธีการใช้พัดลมไอเย็น คุณจะต้องรู้ก่อนว่าลักษณะภายนอกของตัวเครื่องเป็นอย่างไร เพื่อที่จะได้รู้ฟังก์ชันการใช้งาน ส่วนการปรับค่าต่างๆ ของการควบคุม ถ้าคุณรู้ว่าแต่ละปุ่มสามารถทำอะไรได้บ้าง ก็จะช่วยให้การใช้งานพัดลมไอเย็นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


            เช่าพัดลมไอเย็นได้ที่ Yushi Rental
            Yushi Rental เปิดให้บริการงานเช่า และรับจัดงานอีเวนต์ โดยมีประสบการณ์มามากกว่า 20 ปี ไม่ว่าจะเป็นงานสัมมนา, งานขึ้นบ้านใหม่, งานเลี้ยง และงานอื่นๆ ในรูปแบบการจัดงานขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ ซึ่งทางเรามีให้เช่าตั้งแต่

            • เช่าพัดลมไอน้ำ มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่แบบเคลื่อนที่, แบบตั้งพื้น และแบบแขวน ที่ให้คุณนำไปใช้ได้ตามจุดต่างๆ ในพื้นที่หน้างาน
            • เช่าพัดลมไอเย็น มีดีไซน์ให้เลือกใช้ ทั้งเรียบง่าย กลมกลืนกับสถานที่ หรือหรูหรา และสวยงาม เพื่อความเหมาะสมที่นำไปใช้หน้างานจริง
            • เช่าพัดลมอุตสาหกรรม มี 2 แบบให้เลือกใช้งาน เป็นแบบตั้งพื้นกับแบบแขวน ตัวเครื่องเป็นพัดลมใบดำ ที่มีความแข็งแรง ทนทานกับทุกสถานการณ์
            • เช่าแอร์ เป็นแอร์เคลื่อนที่ มี 2 รุ่น ได้แก่ รุ่นเคลื่อนที่ได้กับรุ่นตู้ตั้งพื้น ถือว่ามีขนาด BTU แอร์ให้เลือกตั้งแต่ 18,000 BTU, 36,000 BTU, 60,000 BTU, 120,000 BTU และ 200,000 BTU
            • เช่าเต็นท์ เป็นเต็นท์ที่มีขนาดเริ่มต้นตั้งแต่ 2 x 2 เมตร สามารถออกแบบว่า อยากได้ดีไซน์ไหน ตั้งแต่ทรงหลังคา, ผ้าทึบ, ผ้าใส, มีหน้าต่าง, รูปแบบประตู, มีแอร์ และอื่นๆ อีกมากมาย
            • เช่าอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ถือว่าเป็นบริการที่จะช่วยดูแลคุณอย่างครบวงจร มีให้เช่าตั้งแต่ แบคดรอป, วิทยุสื่อสาร, ชุดโพเดียม, เวที, ไฟส่องสว่าง และทุกอุปกรณ์ที่คุณต้องการ
            สำหรับใครที่สนใจ แต่ไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับบริการเช่า หรือวิธีในการเช่า ทางเรามีทีมที่พร้อมให้คำปรึกษากับคุณ และสำรวจหน้างานให้ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

            หากท่านสนใจบริการเช่า หรือบริการซ่อมบำรุง สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่
            Facebook: Yushi Rental & Service บริการงานเช่า รับติดตั้ง และ ซ่อมบำรุงรักษา
            Line@: Yushi Rental
            Tel: 084-155-8553 , 02-517-0688


            93
            ธุรกิจที่ให้บริการ “เช่าแอร์เคลื่อนที่” ถือว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้ผู้ใช้งานต้องลงทุนสูง เสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง และไม่ต้องจัดการให้ยุ่งยาก วันนี้ Yushi Rental ขอแนะนำแอร์เคลื่อนที่แต่ละรุ่นที่มีให้เช่า แถมราคายังสบายกระเป๋าอีกด้วย


            เช่าแอร์เคลื่อนที่ มีรุ่นแบบไหนบ้างที่น่าสนใจ
            แอร์เคลื่อนที่สำหรับการให้บริการเช่า จะมีรูปแบบลักษณะของการใช้งานที่ต่างกัน และมีขนาดของ BTU ให้เลือกใช้งานได้หลากหลายตามความเหมาะสม โดยรุ่นที่นิยมนำไปใช้งาน คือ


            รุ่นเคลื่อนที่ได้
            เป็นแอร์เคลื่อนที่ ที่ถูกออกแบบมาให้มีรูปทรงที่ทันสมัย และใช้งานง่าย เพราะที่ตัวเครื่องมีล้อเลื่อน ช่วยให้คุณเคลื่อนย้ายได้สะดวก มีท่อระบายความร้อนให้
            • เป็นแอร์ที่มี BTU ตั้งแต่ 12,000 BTU, 14,000 BTU และ 18,000 BTU
            • ใช้งานง่ายเพียงแค่เสียบปลั๊กก็สามารถใช้งานได้เลย
            • หน้าจอแสดงผลเป็นแบบดิจิตอล และมีปุ่มกด
            • สามารถปรับเปลี่ยนโหมดทำความเย็น ให้ลดความชื้น หรือเป็นพัดลมปกติได้
            • เป็นระบบ AUTO SWING
            • มีฟิลเตอร์ที่ช่วยฟอกอากาศให้
            • ภายในเครื่องจะมีที่บรรจุน้ำยาทำความเย็นภายในตัว
            สามารถนำแอร์รุ่นเคลื่อนที่ ไปใช้ได้ในทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่เปิดหรือปิด เช่น งานอีเว้นท์, งานเปิดพิธีสำคัญ, ร้านอาหาร และวัด เป็นต้น

            ***สนใจใช้บริการเช่า รบกวนติดต่อสอบถาม เพื่อขอใบเสนอราคา***

            รุ่นตู้ตั้งพื้น
            แอร์เคลื่อนที่รุ่นตู้ตั้งพื้น จะมีตัวเครื่องขนาดใหญ่ ทั้งตู้แอร์กับตู้คอมเพรสเซอร์ เพราะมี BTU สูงสุดถึง 20 ตัน โดยการติดตั้งนั้นจะมีเจาะกำแพง
            • 36,000 BTU ขนาด 85.6 x 34.6 x 188.9 ซม.
            • 60,000 BTU มีขนาดของแอร์เท่ากับ 36,000 BTU แต่ขนาดของคอมเพรสเซอร์จะใหญ่มากกว่า
            • 120,000 BTUขนาด 152 x 75 x 230 ซม.
            • ขนาด 20 ตัน หรือ 200,000 BTU เป็นตู้ที่มีขนาดใหญ่มากถึง 147 x 72 x 187 ซม.
            การนำแอร์เคลื่อนที่รุ่นตู้ตั้งพื้นไปใช้งาน จะเป็นการนำไปใช้คู่กับเต็นท์ติดแอร์ และบริเวณที่มีการจัดงานขนาดใหญ่ เช่น งานสัมมนา, งานประชุม และงานพิธี เป็นต้น

            ***สนใจใช้บริการเช่า รบกวนติดต่อสอบถาม เพื่อขอใบเสนอราคา***

            วิธีการเช่า – การคืน กับ Yushi Rental
            • เตรียมข้อมูลที่เกี่ยวกับการจัดงาน
            • ระบุระยะเวลาในการเช่า
            • ติดต่อเข้ามาตามช่องทางต่างๆ ของ Yushi Rental
            • ในขั้นตอนของการคุยรายละเอียด ให้นำข้อมูลที่เตรียมเอาไว้แจ้งกับทางทีม
            • หลังจากที่ทางทีมทำใบเสนอราคาให้พิจารณา รบกวนตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล
            • หากมีการยืนยันและโอนเงินมัดจำเรียบร้อยแล้ว ทางทีมจะเริ่มดำเนินการประกอบให้ที่หน้างาน
            • โดยระยะของวันที่เริ่มทำการติดตั้งแอร์ จะขึ้นอยู่กับลักษณะของงาน
            • เมื่อสิ้นสุดวันที่ใช้บริการเช่า จะมีทีมงานเข้าไปดำเนินการรื้อถอน

            สำหรับใครที่กำลังมองหาบริการ “เช่าแอร์เคลื่อนที่” เอาไว้ใช้สำหรับเพิ่มความเย็น เพื่อรองรับคนในงาน โดยที่ไม่ต้องลงทุนสูง Yushi Rental จะช่วยตอบโจทย์ให้กับคุณ เพราะนอกจากมี BTU ที่หลากหลาย ยังมาพร้อมกับบริการติดตั้งให้ถึงหน้างาน


            เช่าแอร์เคลื่อนที่คุณภาพเยี่ยม ต้อง Yushi Rental
            Yushi Rental เปิดให้บริการงานเช่า และรับจัดงานอีเวนต์ โดยมีประสบการณ์มามากกว่า 20 ปี ไม่ว่าจะเป็นงานสัมมนา, งานขึ้นบ้านใหม่, งานเลี้ยง และงานอื่นๆ ในรูปแบบการจัดงานขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่

            เพราะเรามีพัดลมไอเย็น, พัดลมไอน้ำ, แอร์, เต็นท์, เก้าอี้, โต๊ะ และอุปกรณ์จัดงานอีกมากมายให้เช่า พร้อมที่จะช่วยดูแลคุณอย่างครบวงจร มาพร้อมกับการบริการสำรวจหน้างานให้ฟรีที่คุณไม่ควรพลาด

            หากท่านสนใจบริการเช่า หรือบริการซ่อมบำรุง สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่
            Facebook: Yushi Rental & Service บริการงานเช่า รับติดตั้ง และ ซ่อมบำรุงรักษา
            Line@: Yushi Rental
            Tel: 084-155-8553 , 02-517-0688

            94
            ในพื้นที่โล่งแจ้ง หรือพื้นที่นอกอาคาร มักจะมีอากาศร้อนอบอ้าว การ “เช่าเต็นท์ติดแอร์” จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก วันนี้ Yushi Rental จะพามาทำความรู้กับบริการเช่าเต็นท์ติดแอร์แบบเบื้องต้น


            คุณสมบัติในการ เช่าเต็นท์ติดแอร์ ที่คุณควรรู้
            การเช่าเต็นท์ติดแอร์ สำหรับบางคนอาจจะเข้าใจว่า เป็นการเช่าเต็นท์ที่มีแอร์เพียงอย่างเดียว แต่ความจริงแล้วการให้บริการเต็นท์ติดแอร์ ยังมีฟังก์เสริมที่ทำให้คุณจัดงานได้ตั้งแต่ต้นจนจบ โดยมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้


            การออกแบบ และขนาดของเต็นท์
            ก่อนที่คุณจะใช้บริการเช่าเต็นท์ติดแอร์ เบื้องต้นคุณต้องรู้ก่อนว่าวัตถุประสงค์ที่นำไปใช้งานคืออะไร เช่น ในพื้นที่ขนาดเล็กที่ต้องการให้มีห้องพักหรือห้องแต่งตัวดารา ในการถ่ายทำงานนอกสถานที่ ต้องการเต็นท์ดีไซน์เรียบง่าย เวลาติดต่อไปที่บริษัทเช่าเต็นท์ติดแอร์ ก็จะสามารถแจ้งรายละเอียดได้ถูกต้อง

            แอร์ที่นำไปติดตั้ง
            สำหรับแอร์ที่จะนำไปติดตั้งภายในเต็นท์ อันดับแรกต้องประเมินจากขนาดของพื้นที่ก่อน โดยทางบริษัทที่มีบริการให้เช่าจะมีทีมงานที่ช่วยประเมินให้หน้างานจากการคำนวณพื้นด้านใน เพราะการติดตั้งแอร์ค่อนข้างเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน


            ฟังก์ชันการใช้งานภายในเต็นท์
            “เต็นท์ติดแอร์” ยังมีฟังก์ชันเสริมที่ให้บริการคุณอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้, ชุดโซฟา, โต๊ะ, เวที และจอโปรเจคเตอร์ เป็นต้น ถือว่าเป็นบริการงานเช่ารับจัดงาน ที่จะช่วยให้คุณไม่ต้องลงทุนสูง เพียงแค่คุณระบุสิ่งที่ต้องการภายในงานให้กับทางผู้ให้เช่า


            สามารถนำเต็นท์ติดแอร์ ไปใช้กับงานรูปแบบไหนได้บ้าง?
            การติดตั้ง “เต็นท์ติดแอร์” ส่วนมากจะเป็นงานนอกอาคารและมีรูปแบบการนำไปใช้งานค่อนข้างหลากหลาย มีตั้งแต่งานขนาดเล็กไปจนถึงงานขนาดใหญ่ ซึ่งขนาดของเต็นท์จะเริ่มต้นที่ 3 x 3 เมตร ถือว่าเป็นขนาดเริ่มต้นที่สามารถนำไปใช้ได้กับทุกงาน


            วิธีการเช่า – การคืน กับ Yushi Rental
            • เตรียมข้อมูลที่เกี่ยวกับการจัดงาน
            • ระบุระยะเวลาในการเช่า
            • ติดต่อเข้ามาตามช่องทางต่างๆ ของ Yushi Rental
            • ในขั้นตอนของการคุยรายละเอียด ให้นำข้อมูลที่เตรียมเอาไว้แจ้งกับทางทีม
            • ทางทีมจะทำใบเสนอราคาให้พิจารณา
            • หากมีการยืนยันและโอนเงินมัดจำเรียบร้อยแล้ว ทางทีมจะเริ่มดำเนินการประกอบให้ที่หน้างาน
            • ระยะของวันที่เริ่มทำจะขึ้นอยู่กับลักษณะของงาน
            • เมื่อสิ้นสุดวันที่ให้บริการเช่า จะมีทีมงานเข้าไปดำเนินการรื้อถอน

            หลังจากที่คุณได้อ่านบทความนี้คงจะทราบข้อมูลเบื้องต้นแล้วว่า การใช้งานเต็นท์จะขึ้นอยู่กับพื้นที่หน้างานเป็นหลัก เพราะถ้ารู้ขนาดของพื้นที่แล้ว จะทำให้เลือกเต็นท์ และ BTU แอร์ได้อย่างเหมาะสม ไม่ต้องกังวลว่าด้านในจะร้อน แถมยังมีฟังก์ชันเสริมที่ช่วยเพิ่มสีสัน

            สนใจเช่าเต็นท์ติดแอร์ ต้องที่ Yushi Rental
            Yushi Rental เปิดให้บริการงานเช่า และรับจัดงานอีเวนต์ ที่มีประสบการณ์มามากกว่า 20 ปี ไม่ว่าจะเป็นงานสัมมนา, งานขึ้นบ้านใหม่, งานเลี้ยง และงานอื่นๆ ในรูปแบบการจัดงานขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่

            เรามีพัดลมไอเย็น, พัดลมไอน้ำ, แอร์, เต็นท์, เก้าอี้, โต๊ะ และอุปกรณ์จัดงานอีกมากมายคอยบริการคุณ พร้อมที่จะช่วยดูแลคุณอย่างครบวงจร มาพร้อมกับการบริการสำรวจหน้างานให้ฟรีที่คุณไม่ควรพลาด


            หากท่านสนใจบริการเช่า หรือบริการซ่อมบำรุง สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่
            Facebook: Yushi Rental & Service บริการงานเช่า รับติดตั้ง และ ซ่อมบำรุงรักษา
            Line@: Yushi Rental
            Tel: 084-155-8553 , 02-517-0688

            95
            การจัดงานอีเวนต์ในพื้นที่กลางแจ้งหรือภายในอาคาร การ “เช่าพัดลมไอเย็น” จะช่วยทำให้ในพื้นที่ดังกล่าวไม่กักเก็บความร้อนจนทำให้รู้สึกอึดอัด Yushi Rental ขอแนะนำบริการเช่าพัดลมไอเย็น โดยไม่ต้องมีขั้นตอนที่ยุ่งยาก


            พัดลมไอเย็นจาก Yushi ดีอย่างไร?
            พัดลมไอเย็นจาก Yushi นอกจากจะช่วยลดความร้อนได้ดีแล้ว ยังสามารถนำไปใช้งานได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นภายในอาคารหรือนอกอาคาร โดยที่คุณไม่ต้องกังวลกับอัตราการกินไฟ เพราะพัดลมไอเย็นประหยัดพลังงานมากกว่าแอร์ถึง 10 เท่า ช่วยให้มีลมเย็นที่เป็นธรรมชาติ และไม่มีกลิ่นอับมารบกวน


            เช่าพัดลมไอเย็น รุ่นไหนดี?
            พัดลมไอเย็น รุ่น YSP-12B

            • ตัวเครื่องเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม มีขนาด 90 x 62 x 130 ซม.
            • ด้านหน้าของตัวเครื่อง จะมีหน้าจอ LCD
            • ช่วงล่างสุดที่หน้าเครื่อง จะมีช่องเอาไว้สำหรับเติมน้ำ
            • ตัวเครื่องเป็นวัสดุพลาสติก ABS
            • สามารถปรับได้ทั้งหมด 3 ระดับ
            • ช่วยลดอุณหภูมิได้สูงสุดไม่เกิน 10 องศาเซลเซียส
            • สามารถนำไปใช้ในงานเลี้ยง, งานพิธีสำคัญ, โรงอาหาร และสำนักงาน เป็นต้น
            ***สนใจใช้บริการเช่า รบกวนติดต่อสอบถาม เพื่อขอใบเสนอราคา***


            • ตัวเครื่องรูปทรงสี่เหลี่ยม มีสีสันหรูหรา และเรียบง่าย
            • ด้านบนสุดของตัวเครื่องมีช่องเอาไว้สำหรับเติมน้ำ
            • ที่หน้าเครื่องจะมีแผงควบคุมแบบปุ่มกด
            • ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง มีช่องที่สามารถนำสายยางมาใส่สำหรับเติมน้ำ
            • ตัวเครื่องทำจากวัสดุพลาสติก ABS
            • สามารถปรับระดับแรงลมได้ และมีโหมด Ozone
            • ลดอุณหภูมิได้สูงสุดไม่เกิน 10 องศาเซลเซียส
            • สามารถนำไปใช้ในงานเลี้ยง, งานพิธีสำคัญ, งานสัมมนา และโรงอาหาร เป็นต้น
            ***สนใจใช้บริการเช่า รบกวนติดต่อสอบถาม เพื่อขอใบเสนอราคา***

            วิธีการเช่า – การคืน กับ Yushi Rental
            • เตรียมข้อมูลที่เกี่ยวกับการจัดงาน
            • ระบุระยะเวลาในการเช่า
            • ติดต่อเข้ามาตามช่องทางต่างๆ ของ Yushi Rental
            • ในขั้นตอนของการคุยรายละเอียด ให้นำข้อมูลที่เตรียมเอาไว้แจ้งกับทางทีม
            • ทางทีมจะทำใบเสนอราคาให้พิจารณา
            • หากมีการยืนยันและโอนเงินมัดจำเรียบร้อยแล้ว จะเริ่มดำเนินการติดตั้ง
            • โดยระยะของวันจะขึ้นอยู่กับลักษณะของงาน
            • เมื่อสิ้นสุดวันที่ใช้บริการเช่า จะมีทีมงานเข้าไปดำเนินการรื้อถอน

            การเช่าพัดลมไอเย็น นอกจากจะช่วยลดความร้อน ให้กับผู้เข้าร่วมงานรู้สึกสบายมากยิ่งขึ้น จะต้องมีมาตรฐานในเรื่องของความสะอาด เพื่อเป็นภาพลักษณ์ที่ดีของผู้จัดงาน สำหรับใครที่สนใจอยากจะเช่าพัดลมไอเย็น  แต่ไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มอย่างไร Yushi Rental ช่วยคุณได้


            อยากจะเช่าพัดลมไอเย็น ต้องที่ Yushi Rental
            Yushi Rental เปิดให้บริการงานเช่า และรับจัดงานอีเวนต์ ที่มีประสบการณ์มามากกว่า 20 ปี ไม่ว่าจะเป็นงานสัมมนา, งานขึ้นบ้านใหม่, งานเลี้ยง และงานอื่นๆ ในรูปแบบการจัดงานขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่

            เพราะเรามีพัดลมไอเย็น, พัดลมไอน้ำ, แอร์, เต็นท์, เก้าอี้ และอุปกรณ์จัดงานอีกมากมายให้เช่า พร้อมที่จะช่วยดูแลคุณอย่างครบวงจร มาพร้อมกับการบริการสำรวจหน้างานให้ฟรีที่คุณไม่ควรพลาด

            หากท่านสนใจบริการเช่า หรือบริการซ่อมบำรุง สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่
            Facebook: Yushi Rental & Service บริการงานเช่า รับติดตั้ง และ ซ่อมบำรุงรักษา
            Line@: Yushi Rental
            Tel: 084-155-8553 , 02-517-0688

            96
            นอกจากพัดลมทั่วไปที่ใช้กันภายในบ้านแล้ว ยังมีพัดลมอุตสาหกรรมหรือพัดลมขนาดใหญ่ สำหรับใครที่ไม่รู้ว่า “พัดลมอุตสาหกรรม คือ อะไร?” และมีคุณสมบัติในการใช้งาน ที่แตกต่างกับพัดลมธรรมดาอย่างไร วันนี้ Yushi Group จะพาคุณไปหาคำตอบ!


            พัดลมอุตสาหกรรม คือ ?
            พัดลมขนาดใหญ่หรือพัดลมโรงงาน เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มักจะนำไปใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม หรือพื้นที่มีบริเวณกว้าง ทำให้การใช้งานพัดลม เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด เพราะพัดลมที่มีขนาดใหญ่ จะมีการออกแบบโครงสร้างที่เฉพาะ และเลือกใช้วัสดุคุณภาพ


            หลักการทำงานของพัดลม

            พัดลมอุตสาหกรรมจะมีหลักการทำงานที่เหมือนกับพัดลมทั่วไป ทำให้มีลมพัดผ่านช่วยระบายความร้อน และกำจัดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ต่างๆ จึงทำให้ลักษณะของพัดลมอุตสาหกรรมมีขนาดใหญ่ เพื่อจะได้ส่งแรงลมได้ดีมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังให้ความใส่ใจในการออกแบบ และวัสดุที่นำมาใช้ เพื่อตอบโจทย์เวลานำไปใช้งานจริง


            ประเภทของพัดลมอุตสาหกรรม
            • พัดลมตั้งพื้นแบบขาเดียว จะมาในรูปทรงของพัดลมแบบมาตรฐาน ที่เหมือนกับพัดลมทั่วไป
            • พัดลมตั้งพื้นปรับแหงน จะเป็นพัดลมที่อยู่ในระดับพื้น สามารถแหงนหน้าขึ้น-ลงได้
            • พัดลมติดผนัง จะมีรูปทรงของใบพัดที่คล้ายกับ พัดลมตั้งพื้นแบบขาเดียว แต่เป็นแบบแขวนผนังที่สามารถปรับระยะได้
            • พัดลมฟาร์ม จะมี 2 แบบ โดยแบ่งเป็นตะแกรงกับบานเกล็ด ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการใช้งาน
            • พัดลมมีตะแกรงหน้า-หลัง เป็นพัดลมระบายอากาศที่มีตะแกรงทั้งด้านหน้า และด้านหลัง เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน โดยที่โครงสร้างกับใบพัดทำจากเหล็กคุณภาพสูง
            • พัดลมมีบานเกล็ด-ตะแกรง เป็นพัดลมระบายอากาศ ที่ด้านหนึ่งมีบานเกล็ดส่วนอีกด้านจะเป็นตะแกรง เอาไว้สำหรับป้องกันไม่ให้สิ่งแปลกปลอมเข้ามา
            • พัดลมท่อ จะอยู่ในระดับพื้น ที่ตัวเครื่องมีฐาน 4 ขา เพื่อความมั่นคงในการวาง สามารถช่วยกำจัดกลิ่นอับชื้น หรือควันพิษได้
            พัดลมอุตสาหกรรมกินไฟไหม?
            อัตราการกินไฟของพัดลมจะขึ้นอยู่กับขนาด ถ้าหากพัดลมมีขนาดที่ใหญ่มากขึ้น ก็จะมีการใช้กำลังไฟที่สูงขึ้น และขึ้นอยู่กับประเภทของพัดลมที่นำมาใช้ แต่ในปัจจุบันพัดลมใบดำที่นิยมใช้กัน เพราะนอกจากจะช่วยให้คุณประหยัดไฟมากขึ้นแล้ว ยังติดตั้งได้ง่าย ปลอดภัย และสร้างความคุ้มค่าของการใช้งาน


            มีคุณสมบัติที่แตกต่างจากพัดลมทั่วไปอย่างไร?
            • การออกแบบ สำหรับพัดลมอุตสาหกรรมจะมีการออกแบบที่ไม่เหมือนกับพัดลมทั่วไป เพราะขนาดของใบพัดที่ใหญ่ ทำให้ตะแกรงและโครงสร้างจะต้องมีความสามารถในการรองรับน้ำหนักได้ดี
            • วัสดุที่ใช้ ส่วนมากวัสดุที่ใช้ทำพัดลมอุตสาหกรรม จะมีความแข็งแรงมากเป็นพิเศษ เพราะโครงสร้างที่ทำจากเหล็ก และใบพัดเป็นอะลูมิเนียม
            • ความแข็งแรง เพราะการออกแบบ และวัสดุที่เลือกใช้มีความแตกต่างกัน จึงทำให้พัดลมอุตสาหกรรม มีความแข็งแรงมากกว่า
            พัดลมอุตสาหกรรม เหมาะสำหรับใคร?
            การใช้งานพัดลมอุตสาหกรรม จะเหมาะกับคนที่ต้องการพัดลมขนาดใหญ่ นำไปใช้ในพื้นที่กว้าง เพื่อสร้างแรงลมให้กระจายได้อย่างทั่วถึง ลดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ สำหรับใครที่กำลังมองหาพัดลมอุตสาหกรรม แต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกใช้พัดลมตัวไหนดี Yushi Group มีบริการที่ช่วยคุณได้อย่างครบวงจร โดยเบื้องต้นคุณสามารถปรึกษาจากวิศวกรได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น


            พัดลมอุตสาหกรรมที่ได้มาตรฐาน ต้องที่ Yushi Group
            Yushi Group ดำเนินธุรกิจด้านการจำหน่าย ออกแบบ และติดตั้ง สินค้าที่เกี่ยวข้องกับพัดลมระบายอากาศ เพื่อให้อากาศในพื้นที่ถ่ายเทได้สะดวก และสามารถลดกลิ่นที่ไม่พึ่งประสงค์ โดยมีพัดลมอุตสาหกรรมหลากหลายประเภทให้เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็น
            • พัดลมยักษ์ มีบริการตรวจสอบโครงสร้างอาคารก่อนการติดตั้ง พร้อมกับวิธีการติดตั้งที่ถูกต้องตามมาตรฐาน ทำให้ปลอดภัยกับผู้ใช้งาน
            • พัดลมอุตสาหกรรม มีหลายรูปแบบ สามารถนำไปใช้ได้ตามความเหมาะสมของงาน เช่น พัดลมฟาร์ม, พัดลมใบดำ, พัดลมถังกลม และอื่นๆ อีกมากมาย ที่ได้รับมาตรฐาน มอก.
            • พัดลมไอน้ำ มีคุณภาพได้รับมาตรฐาน มอก. เช่นกัน สามารถเคลื่อนย้ายพัดลมได้สะดวก มีถังน้ำภายในตัว และใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง
            ซึ่งสามารถนำไปใช้ผสมผสานระหว่างระบบปรับอากาศขนาดใหญ่อย่าง อีแวปปอเรทีฟ (Evaporative Cooler) จะช่วยลดความร้อนสะสมในพื้นที่ได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้มีลมเย็นหมุนเวียนในอาคาร โดยสามารถส่งความเย็นได้อย่างครอบคลุมทั้งพื้นที่ถึง 1,600 ตารางเมตร และช่วยให้คุณประหยัดพลังงานได้อีกด้วย

            หากต้องการติดต่อสอบถามข้อมูลของสินค้าและบริการ สามารถติดต่อเพิ่มเติมได้ที่นี่

            Facebook: สินค้าอุตสาหกรรม เครื่องจักร งานติดตั้งระบบ Evap,Ventilation-Yushi Group
            Line@: Yushi Group
            YouTube: Yushi Group
            E-mail: info@yushi.co.th
            Tel: 02-517-0688

            97
            “พัดลมยักษ์” พัดลมอุตสาหกรรมยอดฮิตที่ทุกโรงงานต้องมี สำหรับใครที่กำลังสนใจพัดลมยักษ์หรือพัดลมอุตสาหกรรมอยู่ แต่ไม่รู้ว่าจะต้องเลือกซื้อพัดลมอย่างไร วันนี้ Yushi Group จะช่วยคุณไขข้อสงสัยเหล่านั้น


            Yushi Group คือ ?
            Yushi Group เป็นบริษัทที่มีประสบการณ์ทางด้านอุตสาหกรรมมาอย่างยาวนาน โดยเริ่มต้นธุรกิจด้วยการเป็นตัวแทนนำเข้าชิ้นส่วนต่างๆ ในภาคอุตสาหกรรม (Machinery Components) ไม่ว่าจะเป็น พัดลมระบายอากาศ ที่มีนวัตกรรมของการประหยัดพลังงาน, ระบบออโตเมชั่น เพื่อช่วยลดต้นทุนในการผลิตสินค้า และอื่นๆ อีกมากมาย


            ทำไมถึงต้องซื้อ พัดลมยักษ์ กับ Yushi Group ?
            ยืนหนึ่งในธุรกิจพัดลมอุตสาหกรรม

            การทำงานของพัดลมยักษ์ หรือ Big Ceiling Fan ที่มีขนาดใหญ่ จะช่วยให้มีอากาศหมุนเวียนภายใต้อาคารมากยิ่งขึ้น โดยมอเตอร์จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
            • Big Ceiling AC Fan จะช่วยสร้างแรงลมจะกระจายได้รอบทิศทางถึง 360 องศา ถือว่าให้ปริมาณลมที่ครอบคลุมพื้นที่ได้ดี มีการใช้มอเตอร์คู่กับเกียร์
            • Big Ceiling DC Fan เป็นนวัตกรรมใหม่ ที่ช่วยให้มอเตอร์สามารถทำงานได้ โดยมีคุณภาพ และประหยัดพลังงาน เพราะไม่ต้องมีเฟืองเกียร์กับกล่องเกียร์
            มีสินค้าให้เลือกใช้ มากกว่าพัดลมยักษ์

            ทางเรายังมีพัดลมที่สามารถ นำไปใช้ในอุตสาหกรรมรูปแบบอื่นๆ อีกมากมายแบบครบวงจรตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น
            • พัดลมอุตสาหกรรม (Industrial Fan) เป็นพัดลมที่นำไปใช้ภายในโรงงาน หรือโกดังสินค้า เช่น พัดลมฟาร์มที่มีลักษณะของพัดลมเป็นแบบบานเกล็ด เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำหรือสิ่งแปลกปลอมสัมผัสกับใบพัด
            • พัดลมไอน้ำ (Mobile Misty Fan) จะเหมาะกับพื้นที่เปิดโล่งมากกว่าปิด ช่วยลดอุณหภูมิร้อนได้ เพราะที่พัดลมมีถังให้ใส่น้ำในปริมาณ 4.9 ลิตร
            • พัดลมไอเย็น (Evaporative Air Cooler) สำหรับพัดลมไอเย็นสามารถใช้ได้ทั้งอาคารปิด-เปิด เพื่อทำให้ภายในอาคารมีลมเย็นหมุนเวียน โดยความเย็นที่เกิดขึ้นจะเป็นการใช้น้ำ
            ความรู้ และความเชี่ยวชาญในงานบริการ

            นอกจากการจำหน่ายพัดลมระบายอากาศ ที่มีคุณภาพสูง ได้รับมาตรฐาน มอก. ทางเรายังมีบริการช่วยออกแบบ และติดตั้ง จากทีมงานวิศวกร ที่มีความชำนาญ ด้วยประสบการณ์ที่มีมากกว่า 20 ปี ไม่ว่าจะเป็น การติดตั้ง Evaporation Systems ภายในโรงงาน หรือการติดตั้งพัดลมยักษ์ จะต้องมีอุปกรณ์เฉพาะ ที่ช่วยให้การติดตั้งได้มาตรฐาน รวมไปถึงพัดลมฟาร์ม, พัดลมไอน้ำ และอื่นๆ อีกมากมาย


            การรับประกันสินค้า
            • ในการรับประกันสินค้า จะมีระยะเวลาเริ่มต้นที่ 1 ปี จากวันที่ซื้อสินค้า
            • หากตัวสินค้าหรือตัวเครื่องมีปัญหา ซึ่งเกิดขึ้นจากความผิดพลาดของการผลิต
            • หากมีการแก้ไขหรือดัดแปลงชิ้นส่วนต่างๆ ภายในตัวเครื่อง สินค้าดังกล่าวจะไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขของการรับประกัน
            • หากใบรับประกันหมดอายุหรือมีการแก้ไข จะไม่ได้การรับประกันใดๆ ทั้งสิ้น
            • หากเป็นสินค้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 10,000 บาท ลูกค้าจะต้องนำสินค้ามาส่งซ่อมที่ศูนย์บริการ
            >>สามารถอ่าน เงื่อนไขการรับประกันสินค้า เพิ่มเติมได้ที่นี่<<


            ทำไมต้องเลือกพัดลมยักษ์ที่ Yushi Group ?
            เราเป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับภาคอุตสาหกรรมมาอย่างยาวนาน ดังนั้นการเลือกซื้อพัดลมยักษ์กับเรา นอกจากจะมีรูปแบบของมอเตอร์ให้คุณเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมของหน้างานแล้ว ยังมีบริการที่ช่วยดูแลคุณตั้งแต่ต้นจนจบแบบ One-Stop Service และนอกจากนั้นเรายังมีสินค้าอื่นๆ คอยให้บริการธุรกิจของคุณอีกมากมาย ครบจบในที่เดียว!


            สนใจพัดลมยักษ์ต้องที่ Yushi Group
            Yushi Group ดำเนินกิจการด้านนี้มาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นการจำหน่าย ออกแบบ และติดตั้ง สินค้าที่เกี่ยวข้องกับพัดลมระบายอากาศ ไม่ว่าจะเป็นพัดลมยักษ์, พัดลมอุตสาหกรรม, พัดลมไอน้ำ และอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อแก้ปัญหาอากาศไม่ถ่ายเท และความร้อนสะสมในพื้นที่ ด้วยการนำมาใช้ผสมผสานระหว่างระบบปรับอากาศขนาดใหญ่อย่าง อีแวปปอเรทีฟ (Evaporative Cooler) ที่จะช่วยลดอุณหภูมิภายในอาคารได้อย่างดีเยี่ยม โดยที่สามารถส่งความเย็นได้อย่างครอบคลุมทั้งพื้นที่ได้ถึง 1,600 ตารางเมตร และช่วยให้คุณประหยัดพลังงานได้อีกด้วย


            หากต้องการติดต่อสอบถามข้อมูลของสินค้าและบริการ สามารถติดต่อเพิ่มเติมได้ที่นี่

            Facebook: สินค้าอุตสาหกรรม เครื่องจักร งานติดตั้งระบบ Evap,Ventilation-Yushi Group
            Line@: Yushi Group
            YouTube: Yushi Group
            E-mail: info@yushi.co.th
            Tel: 02-517-0688

            98
            อยากจะได้พัดลมไปใช้งานในพื้นที่อุตสาหกรรม ทั้งแบบเปิด และปิด เพื่อต้องการให้พื้นที่นั้นๆ มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก และไม่แออัด ทาง Yushi Group ขอแนะนำ พัดลมยักษ์ หรือ พัดลมโรงงาน ที่มีขนาดใหญ่ ใช้เพียงไม่กี่ตัวก็สามารถครอบคลุมได้ทั้งพื้นที่


            พัดลมยักษ์ คืออะไร?
            พัดลมยักษ์ มีชื่อเรียกที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น พัดลมโรงงาน, พัดลมใหญ่, พัดลมติดเพดานขนาดใหญ่ หรือ Big Ceiling Fan เป็นพัดลมที่นิยมนำไปใช้งานกับอาคารที่มีความสูง และกว้าง โดยใบพัดมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 7 เมตรขึ้นไป


            พัดลมยักษ์ให้ประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด
            • ไม่ต้องใช้พัดลมหลายตัว หากคุณมีพื้นที่ในอาคารมากกว่า 1,000 ตารางเมตร ถ้าคุณติดตั้งพัดลมขนาดเล็ก ก็จะต้องใช้พัดลมหลายตัว ถึงจะทำให้ภายในอาคารมีลมพัด หรืออากาศถ่ายเท
            • ลดระยะเวลาในการซ่อมบำรุง ถ้าโรงงานของคุณมีขนาดใหญ่ การติดตั้งพัดลมขนาดเล็ก อาจจะต้องใช้พัดลม 50 – 60 ตัวกันเลยทีเดียว
            ควรจะนำไปติดตั้งที่ไหนดี?
            • โรงงานอุตสาหกรรม เป็นพื้นที่ที่นิยมติดตั้งพัดลมยักษ์มากที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะภายในโรงงานจะมีทั้งพนักงาน และเครื่องจักรที่ทำงานอยู่ ทำให้ใต้อาคารมีความร้อนค่อนข้างสูง
            • โกดังสินค้า การติดพัดลมจะช่วยป้องกันไม่ให้สินค้าเกิดความเสียหาย เพราะสินค้าบางประเภทจะไม่สามารถทนกับความร้อนได้
            • โรงเรียน หรือมหาวิทยาลัย มักจะนำพัดลมนี้ไปติดที่หอประชุม หรือว่าลานกิจกรรมเป็นส่วนมาก เพื่อเป็นการลดความร้อน
            • โรงอาหาร ที่มีขนาดใหญ่ ส่วนมากจะทำเป็นแบบเปิด เหมาะกับการนำพัดลมยักษ์ไปติดตั้งเอาไว้ ซึ่งจะช่วยระบายกลิ่นของอาหารหลายๆ ร้านที่ปะปนกันอยู่ได้
            • ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ จะเป็นการลดความร้อนให้กับสัตว์เลี้ยงแล้ว ยังเป็นการช่วยระบายอากาศ และลดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ของมูลสัตว์ได้อีกด้วย
            หลักการทำงานของพัดลม

            การทำความเร็วของรอบหมุนเหมือนกับระบบอินเวอร์เตอร์ในการควบคุมความเร็วแบบ HVLS (High Volume Low Speed) ซึ่งการทำงานจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ
            • AC Fan มีการนำมอเตอร์ใช้คู่กับเกียร์ จึงทำให้พัดลมมีขนาดใหญ่ และน้ำหนักเยอะ ต้องมีการถ่ายของเหลวออกจากเกียร์ทุก 1 ปี
            • DC Fan ใช้มอเตอร์ขนาดเล็กกว่า จึงทำให้พัดลมมีขนาดที่เล็ก และน้ำหนักเบา สามารถส่งแรงลมได้เหมือนกับธรรมชาติ
            สิ่งที่ควรรู้ก่อนการตัดสินใจซื้อ
            • โครงสร้างอาคารเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าโครงสร้างแข็งแรงก็จะสามารถติดตั้งได้ง่าย จึงต้องให้วิศวกรที่มีความชำนาญ ประเมินความแข็งแรงของโครงสร้างที่หน้างานก่อน
            • มีบริการติดตั้งพัดลมให้ หากคุณเลือกบริษัทที่จำหน่ายพัดลมยักษ์ และมีบริการติดตั้งให้ด้วย จะช่วยสร้างความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งานอย่างแน่นอน
            ทำไมถึงต้องรู้จักกับพัดลมยักษ์ให้ดีก่อนซื้อ?
            ถ้าคุณเข้าใจหน้าที่การทำงานของพัดลม ก็จะช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายจากการซื้อพัดลมหลายตัว และลดระยะเวลาในการซ่อมบำรุง โดยสามารถนำพัดลมไปใช้ได้เหมาะสมกับพื้นที่ เพื่อช่วยตอบโจทย์การทำงานได้อย่างสูงสุด


            สนใจพัดลมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ต้องที่ Yushi Group
            Yushi Group มีการจำหน่าย ออกแบบ และติดตั้ง ‘พัดลมอุตสาหกรรม’ แบบครบวงจรของ พัดลมยักษ์หรือพัดลมใหญ่ติดเพดาน เพื่อแก้ปัญหาอากาศไม่ถ่ายเท และความร้อนสะสมในพื้นที่ ด้วยการนำมาใช้ผสมผสานระหว่างระบบปรับอากาศขนาดใหญ่อย่าง อีแวปปอเรทีฟ (Evaporative Cooler) และพัดลมยักษ์ ซึ่งจะช่วยลดอุณหภูมิภายในอาคารได้อย่างดีเยี่ยม โดยที่สามารถส่งความเย็นได้อย่างครอบคลุมทั้งพื้นที่ได้ถึง 1,600 ตารางเมตร และช่วยให้คุณประหยัดพลังงานได้อีกด้วย

            หากต้องการติดต่อสอบถามข้อมูลของสินค้าและบริการ สามารถติดต่อเพิ่มเติมได้ที่นี่

            Facebook: สินค้าอุตสาหกรรม เครื่องจักร งานติดตั้งระบบ Evap,Ventilation-Yushi Group
            Line@: Yushi Group
            YouTube: Yushi Group
            E-mail: info@yushi.co.th
            Tel: 02-517-0688

            99
            ไม้อีกประเภทที่นำไปทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ได้เหมือนกันนั่นก็คือ ไม้ประสาน สำหรับใครที่กำลังสนใจไม้ชนิดนี้ แต่ยังไม่รู้ว่า “ไม้ยางพาราประสานดีไหม?” วันนี้ MTK WOOD จะพาคุณมาทำความรู้จักกับไม้ยางพาราประสานว่า มีข้อดีกับข้อเสียอะไรบ้างที่คุณควรจะรู้!


            ไม้ยางพาราประสาน คือ ?

            ไม้ยางพาราประสาน เป็นไม้ที่นำไปผ่านกระบวนการผลิต โดยนำเศษไม้ยางพาราชิ้นเล็กๆ มาประสานต่อกันเป็นแผ่นด้วยกาวอุตสาหกรรม ซึ่งวิธีในการประสานมีอยู่ด้วยกัน 2 วิธี คือ
            • Finger Joint (ต่อฟันปลา) หากคุณลองมองที่ด้านหน้าของแผ่นไม้ จะมีรอยต่อระหว่างไม้เป็นเส้นหยักที่เหมือนกับฟันปลา
            • Butt Joint (ต่อเส้นตรง) จะตรงกันข้ามกับการต่อฟันปลา จากรอยหยักจะเปลี่ยนเป็นเส้นตรง
            ไม้ยางพาราประสานดีไหม?
            MTK WOOD จะพาคุณมาไขข้อสงสัย สำหรับใครที่กำลังสนใจ อยากจะนำไม้ยางพาราประสานไปใช้งาน มาดูกันดีกว่าว่า ไม้ยางพาราประสานมีจุดเด่นอะไรบ้าง!


            ความแข็งแรง

            ไม้ยางพารา ที่มีความแข็งแรงเทียบเท่ากับไม้สัก จึงมีอีกชื่อว่า “ไม้สักขาว” แต่เนื้อไม้จะไม่ได้แข็งเท่ากับไม้สัก ถือว่าเป็นไม้เนื้อแข็งในระดับปานกลาง และมีโอกาสยืดหยุ่นได้สูงมากกว่า จริงอยู่ที่ว่าการประสาน จะเป็นการนำเศษไม้ชิ้นเล็กๆ มาแปรรูปให้กลายเป็นแผ่น แต่ด้วยคุณสมบัติของไม้ยางพารา จะทำให้ไม้มีความแข็งแรง และทนทานต่อทุกสภาพอากาศ


            ความสวยงาม

            ลักษณะของไม้ยางพาราหลังจากที่นำไปประสานกันแล้ว จะออกมาในรูปแบบของแผ่นที่เหมือนกับไม้อัด แต่ว่าทั้งแผ่นมีรอยต่อ และตาไม้ (บางแผ่นก็จะไม่มีตาไม้) รวมไปถึงมีระดับความหนาให้เลือกใช้มากกว่าไม้อัด สามารถนำไม้ยางพาราประสานไปตกแต่ง เพื่อเพิ่มความสวยงามได้สะดวกและตอบโจทย์


            ข้อดี และข้อเสียของไม้ยางพาราประสาน

            ข้อดี
            • ทำมาจากไม้ยางพารา จึงมีความสามารถในการทนความชื้นได้ดี
            • มีความแข็งแรง ทนทาน
            • สามารถทำการประกอบ และติดตั้งได้ง่าย
            • ไม้มีน้ำหนักเบา จึงทำให้สะดวกต่อการขนส่ง
            • นำไปตกแต่ง ทำสีได้ตามที่ต้องการ
            • มีราคาถูกมากที่สุด

            ข้อเสีย
            • เวลาที่นำไปใช้งานต้องเลือกความหนาของไม้ให้ถูกต้อง
            • ต้องหมั่นทาน้ำยาเคลือบผิวไม้ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำซึมเข้าไปในเนื้อไม้
            • ต้องคอยตรวจสอบด้วยว่ามีปลวก และแมลง เจาะเข้าไปในเนื้อไม้แล้วหรือยัง


            สามารถนำไม้ยางพาราประสานไปทำอะไรได้บ้าง?

            นำไปใช้กับงานอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ ชั้นวางทีวี ตู้เก็บของ และเตียงนอน เป็นต้น ถือว่าเป็นไม้ที่นำไปทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ได้เกือบทุกรูปแบบ เพราะเนื้อไม้ที่แข็งปานกลาง จะมีความยืดหยุ่น ช่วยให้การตัด เจาะ และประกอบได้สะดวก แถมยังมีราคาที่จับต้องได้ง่าย


            สรุปแล้วไม้ยางพาราประสานดีไหม?
            ด้วยคุณสมบัติของไม้ที่มีความแข็งแรง เนื้อไม้มีความยืดหยุ่นสามารถนำไปทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ได้ ช่วยตอบโจทย์ให้กับใครที่อยากจะนำไม้ไปประกอบเอง โดยมีงบประมาณที่จำกัด การเลือกใช้ไม้ยางพาราประสาน จะทำให้คุณได้เฟอร์นิเจอร์ที่ประกอบออกมาแล้วมีฟังก์ชันการใช้งานที่ลงตัว พร้อมกับดีไซน์ที่สวยงาม


            ซื้อไม้ที่มีคุณภาพ คิดถึงโรงไม้ MTK WOOD
            MTK WOOD เป็นโรงไม้ที่เปิดให้บริการมากกว่า 25 ปี ได้รับรองมาตรฐาน IPPC จากกรมวิชาการเกษตร โดยมีเครื่องจักรคุณภาพดี ที่สามารถผลิตไม้ได้หลายรูปแบบ สามารถนำไปใช้ในงานก่อสร้าง งานอุตสาหกรรม งานเฟอร์นิเจอร์ รวมไปถึงบริการตั้งแต่ รับผลิตและจำหน่ายไม้ยางพาราแปรรูป , บริการรับเลื่อย-ไสไม้ ตัดแต่งไม้ , บริการอัดน้ำยา-อบไม้ และบริการขนส่งไม้ทั่วประเทศไทย โดยโรงงานของเราก็มีไม้ยอดนิยมหลายตัวที่ให้คุณได้เลือก ไม่ว่าจะเป็น

            • ไม้ยางพารา ไม้ยอดนิยมที่มีความแข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้หลากหลาย ง่ายต่อการตัดแต่ง และสามารถนำไปทำสีได้ง่าย
            • ไม้เบญจพรรณ ไม้ที่มีความแข็งแรง ทนทาน เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรงสูง และรองรับน้ำหนักได้ดี
            • ไม้ทุเรียน ไม้เนื้อแน่น เหมาะสำหรับนำไปใช้ในการตัด เจาะ ทำไม้โครง ไม้จ๊อย ให้ความแข็งแรง ทนทานที่ดี
            • ไม้พาเลท ไม้สำหรับรองรับสินค้า มีรูปแบบคานที่หลากหลาย ที่ช่วยทำให้ง่ายต่อการขนย้าย
            • ไม้จ๊อย ไม้รอยต่อฟันปลาที่ช่วยให้งาน built-in เป็นเรื่องง่ายขึ้น
            • ไม้โครง ไม้สำหรับใช้ด้าม ยึดเป็นแกนหลัก มีความแข็งแรง ทนทานสูง
            สามารถติดตาม และดูข้อมูลเพิ่มเติม MTK ได้หลากหลายช่องทางที่
            Facebook: MTK เอ็มทีเค
            Line: @mtkwood
            Tel: 095-654-6551
            Email: marketing@mtkwood.com

            100
            สำหรับใครที่ไม่ได้คลุกคลีอยู่ในวงการอุตสาหกรรมไม้ ก็คงเป็นชื่อที่ไม่คุ้นหูมากนัก และไม่รู้ว่า “คุณสมบัติของไม้เบญจพรรณ” เป็นอย่างไร วันนี้ MTK WOOD จะพาคุณไปรู้จักกับไม้เบญจพรรณ อีกหนึ่งไม้คุณภาพดีที่ต้องห้ามพลาด!


            ไม้เบญจพรรณ คือ ?
            ไม้เบญจพรรณ จะเป็นการเอาไม้หลายชนิดมารวมกัน เนื่องจากคำว่า “เบญจพรรณ” มีความหมายว่า 5 ชนิด (แต่จริงๆ แล้วมีมากกว่านี้) ซึ่งสื่อถึงป่าที่มีต้นไม้นานาชนิดอยู่ร่วมกัน โดยไม้เหล่านี้ถูกจัดอยู่ในประเภทของไม้เนื้ออ่อน และไม้เนื้อแข็งที่มีความแข็งแรงทนทาน


            คุณสมบัติของไม้เบญจพรรณ
            ลักษณะของเนื้อไม้
            • ผิวสัมผัสของเนื้อไม้จะหยาบ ไม่ได้เรียบเนียนมากนัก
            • สีของไม้จะไม่ตายตัวสักเท่าไหร่ เพราะเกิดจากการผสมระหว่างไม้เนื้อแข็งกับเนื้ออ่อนเข้าด้วยกัน
            • มีน้ำหนักที่กำลังพอดี ไม่เบาหรือหนักมากเกินไป
            • ไม้มีความแข็งแรง และทนทานต่อสิ่งแวดล้อมต่างๆ
            • ตอนที่ไม้โดนความชื้นในระดับหนึ่ง เนื้อไม้บวมขึ้น หรือว่าหดตัวลง


            มีความแข็งแรงที่เทียบเท่ากับไม้เนื้อแข็ง

            ไม้เบญจพรรณ จะผ่านกระบวนการสร้างจากไม้หลายๆ ชนิด ซึ่งเฉลี่ยแล้วจะใช้ไม้เนื้อแข็งมากกว่าไม้เนื้ออ่อน จึงทำให้ไม้มีความแข็งแรง เนื้อไม้ค่อนข้างแน่น เทียบเท่ากับไม้เนื้อแข็งเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าไม้จะไม่ได้มีลวดลายที่สวยงาม หรือว่าผิวสัมผัสเรียบเนียนเหมือนกับไม้ชนิดอื่นๆ แต่คุณสมบัติในเรื่องของความแข็งแรงก็ไม่เป็นรองใคร


            มีความทนทานต่อปลวกหรือไม่?

            ไม้ถือว่าเป็นอาหารหลักของปลวกเลยก็ว่าได้ และถ้ายิ่งเป็นไม้เนื้ออ่อน ปลวกจะชอบเป็นพิเศษ แต่ไม้เบญจพรรณถูกจัดอยู่ในประเภทของไม้เนื้อแข็ง จึงทำให้นอกจากจะมีความแข็งแรงแล้ว ภายในไม้จะมีสารเคมีหรือกลิ่นเฉพาะ ที่ทำให้พวกปลวกไม่เข้าใกล้ไม้ แต่ไม้เบญจพรรณ มีโอกาสที่ปลวกจะขึ้นได้เช่นกัน


            ไม้เบญจพรรณสามารถนำไปทำอะไรได้บ้าง?

            ถึงแม้ว่าไม้เบญจพรรณ เนื้อไม้ไม่ได้สวย และเรียบเนียนเท่ากับไม้ชนิดอื่นๆ แต่ก็มีความสามารถที่จะนำไปใช้ ทำเป็นประโยชน์ได้อีกมากมาย เพราะเนื้อไม้แข็งแรง มีน้ำหนัก สามารถนำไปใช้งานได้ 3 ประเภท คือ
            • งานก่อสร้าง สำหรับไม้เบญจพรรณที่ใช้กับงานก่อสร้าง ส่วนมากจะทำเป็นโครงสร้างของอาคาร เพราะเป็นไม้เนื้อแข็ง ที่ผสมมาจากไม้หลายชนิด ช่วยให้โครงสร้างมีความแข็งแรง และมีราคาที่เข้าถึงได้ง่าย
            • งานเฟอร์นิเจอร์ ทำเป็นโครงสำหรับเตียงนอน โซฟา โต๊ะ และโครงอื่นๆ อีกมากมาย รวมไปถึงการทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ประเภท built-in ที่สามารถนำไม้ไปประกอบ และตกแต่งให้เรียบร้อยได้สะดวก
            • งานขนส่ง สามารถนำไปทำเป็นไม้พาเลท เพื่อช่วยให้การเคลื่อนย้ายสินค้าสะดวก จากการที่มีไม้พาเลทรองรับสินค้าเอาไว้อีกด้วย
            ไม้เบญจพรรณมีประโยชน์อย่างไร?
            หากคุณอ่านมาถึงตรงนี้ก็คงจะรู้แล้วว่า คุณสมบัติของไม้เบญจพรรณ มีประโยชน์ในด้านต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ลักษณะของไม้ที่ทนได้กับทุกสภาพอากาศ มีความแข็งแรง สามารถรองรับน้ำหนักได้ดี สำหรับใครที่กำลังสนใจ อยากจะใช้ไม้เบญจพรรณ นำไปประกอบและติดตั้งในงานต่างๆ แต่ไม่รู้วิธีในการเลือกไม้ ว่าควรจะเป็นอย่างไร ทาง MTK WOOD ช่วยคุณได้!


            สนใจไม้เบญจพรรณ ต้องที่ MTK WOOD !!
            • ไม้คุณภาพดี ตรงตามมาตรฐาน เพราะผ่านการรับรองมาตรฐาน IPPC จากกรมวิชาการเกษตร
            • เนื้อสวยไม่มีตำหนิ โรงงานของเรามีเครื่องจักรคุณภาพเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเลื่อยสายพาน, เครื่องไสเรียบ 4 หน้า, เครื่องอัดน้ำยา และเครื่องอบไอน้ำ
            • บริการที่ครบครัน ตั้งแต่รับผลิต และจำหน่ายไม้ยางพาราแปรรูป, บริการรับเสื่อยไม้, บริการอัดน้ำยา-อบไม้ และบริการขนส่งไม้ทั่วประเทศไทย ด้วยรถเทเลอร์ รถบรรทุก ที่พร้อมให้บริการกว่า 20 คัน
            • มีไม้ให้เลือกหลากหลาย สำหรับใครที่ต้องการนำไปใช้ในงานก่อสร้างหรืองานเฟอร์นิเจอร์ ก็มีไม้ยอดนิยมหลายตัว ที่ให้คุณเลือกใช้ได้ ไม่ว่าจะเป็น
            • ไม้ยางพารา เป็นไม้ยอดนิยม ที่มีความแข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้หลากหลาย และง่ายต่อการตัดแต่ง
            • ไม้เบญจพรรณ มีความแข็งแรง ทนทาน  รองรับน้ำหนักได้ดี ควรนำไปใช้กับงานที่ต้องการความแข็งแรงสูง
            • ไม้ทุเรียน ไม้เนื้อแน่น เหมาะสำหรับนำไปใช้ในการตัด เจาะ ทำไม้โครงไม้จ๊อย ให้ความแข็งแรง ทนทานที่ดี
            สามารถติดตาม และดูข้อมูลเพิ่มเติม MTK ได้หลากหลายช่องทางที่
            Facebook: MTK เอ็มทีเค
            Line: @mtkwood
            Tel: 095-654-6551
            Email: marketing@mtkwood.com

            หน้า: 1 [2] 3 4