ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - ploypola

หน้า: 1 2 [3] 4 5 6 7
101

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคนเราจำเป็นจะต้องใช้เสียงอยู่บ่อยครั้งในการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งการพูด การคุย การร้องเพลง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เมื่อเราใช้เสียงไปมากๆ บางคนทำอาชีพที่ต้องใช้เสียง ต้องพูดต้องคุยอยู่ตลอด ก็ทำเอาเสียงของเราแหบ เสียงหายไปได้ วันนี้ทาง Sistalk เลยจะมาไขความลับ และ ข้อสงสัยว่า เสียงแหบ เกิดจากอะไร ใครที่มักเจอปัญหาเสียงแหบ เสียงหายไม่ควรพลาด ใครที่อยากจะกลับมามีเสียงเพราะดังเดิมไปอ่านเลยสิคะซิสสสส!!!

สาเหตุที่ทำให้เรา เสียงแหบ เกิดจากอะไร?
การที่เราเกิดเสียงแหบ เสียงหายเกิดได้จากหลายปัจจัยมักจะเกิดจากการที่ กล่องเสียง หรือ เส้นเสียงเกิดการอักเสบ ซึ่งมักจะมาจาก การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจเลยเป็นเหตุทำให้เวลาที่เราพูดเสียงเราเลยแหบๆ หายๆ นอกจากนั้นยังก็จะต้องดูว่าเสียงแหบ แหบแบบไหน เพราะเสียงแหบแต่ละประเภทก็จะส่งผลต่อปัญหาสุขภาพที่ต่างกัน
เสียงแหบแบบมีลมหายใจแทรก - เป็นการอักเสบที่จะเกิดจากกล่องเสียง อาจจะเกิดเนื้องอก ติ่งเนื้อ หรือ อาจจะเป็ฯมะเร็งกล่องเสียงได้
เสียงแหบแบบแห้ง - เกิดจากการที่เส้นเสียงบวม หรือ อักเสบจากการใช้เสียง การใช้สารเคมีที่ทำให้เส้นเสียงอักเสบ
เสียงแหบแบบแหลม - เป็นการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับการหายใจ มักจะทำให้เสียงสั่น และ เสียงเบากว่าปกติ

ใช้เสียงที่มากเกินไป


อย่างที่เราบอกไปว่าการที่เสียงของเราหาย เสียงแหบเกิดจากการอักเสบภายในกล่องเสียง เส้นเสียง ส่วนมากมักจะเกิดจากการที่เราใช้เสียงมากเกินไป ส่วนใหญ่มักจะเป็นในคนที่ทำอาชีพที่ต้องใช้เสียง เช่น นักร้อง ไกด์ พนักงานขาย ซึ่งจำเป็นจะต้องใช้เสียงอยู่ตลอดด้วยสาเหตุนี้เองจึงทำให้คนส่วนใหญ่ที่ใช้เสียงเป็นประจำ เลยมักจะเกิดอาการเสียงแหบ เสียหายขึ้นนั่นเอง บางคนอาจจะเสียงแหบแค่ไม่กี่วัน แต่สำหรับคนที่ไม่รักษา และ ยังใช้เสียงอย่างต่อเนื่องก็อาจทำให้ต้องใช้ระยะเวลาในการรักษา

ดันเป็นหวัดซะได้


หวัดนอกจากจะทำให้เราปวดหัว ตัวร้อน น้ำมูกไหล รู้สึกเจ็บคอแล้วยังส่งผลต่อเสียงได้อีกด้วย เพราะเมื่อเราเป็นหวัด จะส่งผลทำให้เส้นเสียงบวม และ เกิดการอักเสบได้ เสียงแหบจากการเป็นหวัดมักจะหายไปพร้อมๆ กับอาการหวัด บางคนหวัดหายแต่ก็ยังเสียงแหบอยู่ แต่ถ้าไม่หายก็อาจจะต้องดูว่าเส้นเสียงเกิดการอักเสบหรือไม่แต่ส่วนใหญ่มักจะหายในระยะเวลาไม่นาน

ภูมิแพ้ทำเสียงหาย


อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เสียงแหบ เสียงหายนั่นก็คือการเป็นโรคภูมิแพ้ ซึ่งมักจะเกิดจากกรรมพันธ์ุ และ สิ่งแวดล้อมที่เป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดอาการ เพราะว่าภูมิแพ้จะไปทำให้เส้นเสียงของเราบวมขึ้นมา น้ำมูกไหลลงคอ เป็นเหตุทำให้เส้นเสียงของเราระคายเคืองทำให้เสียงแหบกินเป็นระยะเวลานาน

บุหรี่ทำลายเสียง


ะควันบุหรี่จะไปทำให้เส้นเสียงระคายเคือง นอกจากจะส่งผลทำให้เสียงแหบในระยะสั้นๆ แล้วยังทำให้เกิดปัญหาต่อเสียงในระยะยาวอีกด้วย นอกจากจะทำให้เส้นเสียงบวม หรือ อักเสบแล้ว ยังเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดติ่งเนื้อบนเส้นเสียงอีกด้วย ทำให้เสียงของเราจะแหบ และ มีเสียงลมหายใจออกมา

การใช้ยาบางชนิด


ยานอกจากจะก่อให้เกิดประโยชน์แล้ว ยาบางชนิดก็จะมีผลข้างเคียงทำให้เสียงแหบ เสียงหายได้ โดยเฉพาะยาพ่นสเตียรอยด์ ยาขับปัสสาวะ ยาพวกนี้จะไปทำให้เส้นเสียงเกิดการแห้ง และ ระคายเคืองคอได้ ดังนั้นหากต้องทานยา หรือ ใช้ยาเป็นประจำแล้วดันเสียงแหบ เสียงหายอาจจะลองหยุดใช้ยาเพื่อดูว่าเสียงยังแหบอยู่หรือไม่
 
วิธีดูแลเสียงไม่ให้เสียงหาย เสียงแหบ
สำหรับใครที่มีอาการเสียงแหบแล้วแต่ไม่อยากไปโรงพยาบาล จะมีวิธีไหนบ้างที่ช่วยในการดูแล บรรเทาให้เสียงกลับมาสดใสดังเดิม
พักผ่อนให้เพียงพอ การพักผ่อนเป็นสิ่งที่สำคัญต่อร่างกาย เสียงก็เหมือนกันหากใช้โดยไม่ได้พัก ก็ทำให้เส้นเสียง และ กล่องเสียงเกิดการอักเสบ ดังนั้นควรจะนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอด้วย
ดื่มน้ำ จิบน้ำให้มากๆ ยิ่งใครที่พูดมากๆ ใช้เสียงมากๆ หากไม่ดื่มน้ำจะทำให้เส้นเสียงแห้ง และ ไม่ชุ่มชื่นเป็นสาเหตุทำให้เสียงแหบนั่นเอง และ ไม่ควรกินน้ำเย็น หรือ ร้อนจนเกินไป ควรกินน้ำอุ่นๆ ใครที่อยากใช้ชุ่มคอก็อาจจะใส่น้ำผึ้งลงไป
ใช้เครื่องทำความชื้น เครื่องพ่นไอน้ำที่ช่วยปรับสภาพอากาศ บางคนอาจจะเสียงแหบจากอากาศที่แห้ง การใช้เครื่องพ่นไอน้ำก็ช่วยทำให้เสียงไม่แห้งได้
ยาอมแก้เจ็บคอ อีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยทำให้รู้สึกชุ่มคอได้ ยิ่งยาอมเป็นยาอมที่มีสรรพคุณช่วยในเรื่องทำให้ชุ่มคอ แก้เจ็บคอได้ยิ่งดี เวลาที่รู้สึกเสียงแหบก็สามารถหยิบขึ้นมากินได้เลย ทำให้รู้สึกสบายคอ
ไปพบแพทย์ สำหรับใครที่เสียงแหบเป็นเวลานาน ทำอย่างไรก็เสียงไม่หายแหบสักที หากเสียงแหบเกินอาทิตย์ให้ไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่าปล่อยให้เสียงแหบยาวนาน เพราะอาจจะเกิดอาการที่หนักขึ้นมาได้
เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้เสียงของคุณดีขึ้นแล้ว หากใครที่มีเสียงแหบ เสียงหายลองเอาวิธีเหล่านี้ไปใช้ดูนะคะ ให้ลองเอาวิธีเหล่านี้ไปใช้ดู หากอาการดีขึ้นก็ไม่ต้องไปพบแพทย์ แต่ถ้าใครไม่หายต้องรีบไปพบแพทย์นะคะสาวๆ
 
เพิ่มความชุ่มชื่นให้คอด้วยไอมะ!!!


อย่างที่เราได้ไปบอกไปแล้วว่าส่วนใหญ่ สาเหตุที่ทำให้เสียงแหบมักจะมาจากการใช้เสียงมากๆ ยิ่งถ้าเราทำงานที่ต้องคุยกับคนหลายๆ คน ต้องประชุมงานบ่อยๆ อยู่ในห้องที่หนาวเย็นอยู่เสมอ เลยทำให้บ่อยครั้งที่เสียงของเราจะแหบ หรือ หายไป ซึ่งส่งผลทำให้เวลาที่คุยงานติดขัด และ ยังทำให้รู้สึกไม่มั่นใจเวลาที่ต้องประชุมกับหลายๆ คน
แต่เรามีโอกาสได้ลอง ไอมะ (IMA) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยในเรื่องของช่วยให้ชุ่มคอ โดยปกติเราจะไม่ชอบอมยาอมมากนัก เพราะใช้เวลาในการละลายเพื่อให้ยาออกฤทธิ์ ไอมะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของเราได้ ไอมะเป็นผลิตภัณฑ์รูปแบบผงแกรนูล ที่สามารถละลายได้ทันทีเมื่อทานเข้าไปโดยไม่ต้องดื่มน้ำ ทำให้เมื่อเรารู้สึกเสียงแหบเราก็หยิบมากินได้เลย ส่วนผสมที่ใช้ก็ทำมาจากสมุนไพรหลายชนิดที่ดีต่อลำคอ เรียกได้ว่าทั้งสะดวก ทั้งง่าย นอกจากจะทำให้ชุ่มคอแล้ว เวลาที่อากาศในที่ทำงานหนาวๆ เย็นๆ จนเกิดอาการไอก็ ช่วยบรรเทาอาการไอได้อีกด้วย เรียกได้ว่าเอาใจเราไปเลย นี่แหละยาอมที่ต้องการ!!!
>>สามารถสั่งซื้อได้ที่ Biopharm ลิ้งค์นี้เลย<<

 
สามารถติดต่อสอบถาม Sistalk ช่องทางอื่นๆได้ที่
Facebook : sistalk.in.th
Instagram : sistalk.in.th
Twitter : @SistalkTH


102

ถ้าคุณเป็นอีกคนที่ชื่นชอบพวกเฟอร์นิเจอร์ไม้ อยากมีเฟอร์นิเจอร์ไม้ตกแต่งบ้าน ในราคาประหยัด ขอแนะนำให้คุณรู้จักกับ "ไม้พาเลท" ไม้แปรรูปอีกหนึ่งรูปแบบที่หลายๆ คนนำมาประยุกต์ทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้เก๋งๆ สำหรับตกแต่งบ้านได้   แม้ภายนอกไม้พาเลทจะดูไม่ค่อยมีอะไรมาก แต่หากนำไปตัดแต่ง ประยุกต์ จัดให้เข้ากับบ้าน ไม้พาเลทธรรมดาๆ ก็อาจจะกลายเป็นเฟอร์นิเจอร์แต่งบ้านสวยอีกชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว วันนี้ MTK เลยจะมาแนะนำไอเดียสำหรับ ไม้พาเลททําอะไรได้บ้าง มากกว่าแค่ไม้รองสินค้าแต่สามารถเป็นเฟอร์นิเจอร์ได้!!!!
 
ลักษณะของไม้พาเลท?
มารู้จักกับไม้พาเลทกันก่อน ไม้พาเลทเป็นไม้ที่ถูกนำทำเป็นอุปกรณ์สำหรับใช้ในการจัดเก็บสินค้า วางสินค้า และ ใช้สำหรับเคลื่อนย้ายสินค้าสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ โดยไม้พาเลทจะมีรูปทรงเป็นไม้แผ่นๆ นำมาเชื่อมกันต่อกันโดยเว้นช่องว่างระหว่างไม้แต่ละแผ่นเป็นแท่นทรงสี่เหลี่ยม แต่ไม้พาเลทจะมีลักษณะเฉพาะนั่นก็คือ "คานของไม้พาเลท" ซึ่งจะเป็นช่องสำหรับให้รถขนของ รถยก หรือ รถโฟคลิฟท์ยกเพื่อขนย้าย คานของไม้พาเลทจะมีหลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละรูปแบบก็จะมีลักษณะของคานที่ต่างกัน
คานขาเต็ม คานรูปแบบนี้จะเป็นคานแบบ 2 ทาง ขาของคานจะมีช่องสำหรับใช้รถยก ด้านละ 3 ช่อง ส่วนด้านที่ไม่มีทางเข้าจะเป็นไม้ทึบ
คานขาเต็ม เป็นคานแบบ 4 ทาง คือจะไม่มีฝั่งที่เป็นไม้ทึบ ทุกด้านจะสามารถใช้รถยกได้ แต่ละด้านจะมีช่องสำหรับยก 2 ช่อง แต่ส่วนที่เป็นด้านยาวคานจะเป็นช่อง   แต่ส่วนที่เป็นด้านกว้างจะไม่เป็นช่อง
คานขาเว้า เป็นคานแบบ 4 ทางเหมือนกันคานขาเต็ม เพียงแต่ลักษณะของคานจะแตกต่างกันออกไป ในส่วนของคานด้านยาวที่เป็นช่องจะมีลักษณะโค้งเว้าแคบ แต่ส่วนที่เป็นด้านกว้างจะมีลักษณะเป็นช่องๆ

ซึ่งคานแต่ละรูปแบบจะเหมาะสำหรับการใช้สำหรับอุตสาหกรรมที่แตกต่างกันออกไป แต่ทั้งสามรูปแบบก็เป็นรูปแบบที่นิยมใช้กัน
Euro  Pallet ส่วนใหญ่ไม้พาเลทรูปแบบนี้จะมีขนาดเล็ก ส่วนใหญ่จะมีขนาด ประมาณ 80 x 120 x 15 cm ขนาดแบบนี้จะใช้สำหรับขนย้าย ขนส่งสิ่งของขนาดเล็ก
Japan Pallet  เป็นขนาดของไม้พาเลทมาตรฐาน ส่วนมากจะมีขนาดประมาณ 110 x 110 x 15 cm เป็นขนาดที่นิยมใช้กันมากในการขนส่งสินค้าไปต่างประเทศ
Thai Pallet เป็นอีกหนึ่งขาดพื้นฐานที่นิยมใช้ในประเทศไทย จะนิยมใช้ขนาดประมาณ 110 x 110 x 15 cm เป็นขนาดที่เราใช้สำหรับการขนส่ง และ นำไปใช้ในงานไม้ต่างๆ
 
ทำไมไม้พาเลทถึงเป็นที่นิยมในการนำมาทำเฟอร์นิเจอร์?


เนื่องจากไม้พาเลทมีคุณสมบัติในเรื่องของความแข็งแรง ทนทาน ทนต่อทั้งแดด ทนต่อฝน นอกจากนั้นยังสามารถรองรับน้ำหนักของสินค้าได้ดี จึงทำให้หลายคนนำไม้พาเลทมาใช้ในการขนส่ง ขนย้ายสินค้า ด้วยข้อดีต่างๆ ของไม้พาเลทเลยทำน่าไม่แปลกใจเลยที่ทำให้ คนชอบงานไม้หลายคนนำไม้พาเลทมาประยุกต์ทำเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน
มีความแข็งแรง ทนทานสูง ไม้พาเลทมีความแข็งแรง และ รองรับน้ำหนักได้ดี ทำให้เหมาะในการนำมาทำเฟอร์นิเจอร์
สามารถตัดแต่ง ทาสี และ ซ่อมแซมได้ง่าย ไม้พาเลทสามารถนำไปตัดแต่งเพิ่มเติมอื่นๆ ได้ดี อีกทั้งยังสามารถซ่อมแซมได้ สามารถใช้งานได้ยาวนาน
สามารถนำไปรีไซเคิลได้ หากเราไม่ได้ใช้งานไม้พาเลทแล้วก็สามารถนำไปแปรรูปได้ หรือ เมื่อนำมารีไซเคิลอาจทำให้เนื้อไม้มีความไม่สมบูรณ์เมื่อนำมาใช้งาน
มีราคาถูก และ หาซื้อได้ง่าย ปกติวัสดุที่เป็นไม้มักจะมีราคาแพง แต่กับไม้พาเลทมีราคาถูก เป็นราคาที่จับต้องได้ อีกทั้งยังสามารถหาซื้อได้ง่าย
 
ไม้พาเลททําอะไรได้บ้าง รวมไอเดียทำไม้พาเลทเจ๋งๆ
ไม้พาเลทสามารถนำไปประยุกต์ได้มากกว่าแค่การนำไปวางของ เพราะคุณสามารถประยุกต์นำไม้พาเลทไปใช้ได้กับทุกห้องในบ้าน และ นอกบ้าน
แต่งห้องนอนให้ดูมินิมอลด้วยไม้พาเลท


ห้องนอนนับว่าเป็นห้องที่เหมาะในการนำเฟอร์นิเจอร์ไม้มาตกแต่งในบางจุด เปลี่ยนจากเตียงนอนแบบเดิมให้มินิมอลขึ้นด้วยการใช้ไม้พาเลทมาทำฐานเตียงนอน แถมด้านข้างเตียงก็สามารถทำเป็นที่ใส่ของได้อีกด้วย นอกจากเตียงแล้วยังใช้ในการนำไปทำตู้เสื้อผ้า ชั้นวางของ นอกจากจะเก๋แล้วยังมีความทนทาน ส่วนใครที่อยากให้ไม้พาเลทเข้ากับห้องก็อาจจะทาสีให้ไปในทิศทางเดียวกับโทนห้องก็ได้
-ฐานรองเตียงนอน และ หัวเตียง
-ตู้เสื้อผ้า ตู้วางของหัวเตียง
-โต๊ะวางของ โต๊ะเครื่องแป้ง

เพิ่มดีเทลให้กับห้องนั่งเล่น



ห้องนั่งเล่นนับว่าเป็นห้องที่หลายๆ คนใช้เวลากับห้องนี้นานมาก คุณสามารถเพิ่มดีเทลให้กับห้องได้ด้วยการใช้ไม้พาเลทมาทำโซฟา ชั้นวางของ ที่วางทีวี หรือ ติดล้อสำหรับเคลื่อนย้าย ส่วนใหญ่จะนิยมนำไปทำโต๊ะ เพราะสามารถวางสิ่งของได้หลายทาง ทำให้เก็บข้าวของต่างๆ ได้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งตู้ใส่ของต่างๆ ทำให้มีความแข็งแรงทนทาน
-โซฟา เก้าอี้
-โต๊ะรับแขก โต๊ะวางของ
-ชั้นวางของ ตู้ต่างๆ
-ประยุกต์มาทำโคมไฟเก๋ๆ หรือ กรอบรูปสวยๆ

เพิ่มพื้นที่ใช้สอยภายในห้องครัว


สำหรับห้องครัวที่มีพื้นที่ใช้สอยน้อยอยู่แล้ว ถ้าคุณนำไม้พาเลทมา DIY ตัดแต่งแยกส่วนเล็กน้อยก็จะทำให้ไม้พาเลทกลายมาเป็นที่วาง ที่ห้อยอุปกรณ์ต่างๆ ในครัวได้ หรือ ว่าใครอยากจะเพิ่มความเก๋ก็นำไปทำบาร์ หรือ เคาน์เตอร์วางของได้ นอกจากนั้นก็สามารถทำให้มีที่เก็บของมากยิ่งขึ้น
-ตู้ใส่ของในครัว ชั้นวางของ
-บาร์สำหรับวางของ
-ที่ห้องของ เก็บของแบบชั้นลอย
-โต๊ะกินข้าว เก้าอี้

นอกจากเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านแล้ว ก็สามารถนำไปใช้งานภายนอกได้ เช่น ที่นั่งภายนอก ที่ปลูกต้นไม้ แปลงผัก ม้านั่ง ชั้นวางรองเท้านอกบ้าน สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลาย เมื่อนำไปใช้งานภายนอกก็ไม่ต้องกลัว เพราะไม้พาเลทมีความทนทาน เพียงเท่านี้คุณก็สามารถทำเฟอร์นิเจอร์แต่งบ้านจากไม้พาเลทได้แล้ว นอกจากจะแต่งบ้านได้เก๋ๆ แล้วยังทำให้บ้านดูมินิมอล ดูอบอุ่นได้อีกด้วย
 
ไม้พาเลทที่ดีต้องที่ MTK WOOD
ไม้ดีมีคุณภาพ ซึ่งโรงไม้ของเราผ่านการรับรองมาตรฐาน IPPC จากกรมวิชาการเกษตรแล้วเรียบร้อย ทำให้มั่นใจได้ว่าคุณจะได้ไม้ดี มีมาตรฐานอย่างแน่นอน
ไม้ได้ตามสเปค ทางโรงงานใช้เครื่องจักรคุณภาพไม่ว่าจะเป็น เครื่องเลื่อยสายพาน , เครื่องไสเรียบ 4 หน้า , เครื่องอัดน้ำยา และ เครื่องอบไอน้ำ ทำให้มั่นใจได้ว่าจะได้ไม้ยางพาราที่ได้มาตรฐานอย่างแน่นอน
รูปไม้ได้หลากหลาย โรงงานของเรามีบริการอย่างครบวงจรตั้งแต่ รับผลิตและจำหน่ายไม้ยางพาราแปรรูป , บริการรับเสื่อย-ไสไม้ ตัดแต่งไม้ , บริการอัดน้ำยา-อบไม้ จนถึงบริการขนส่งไม้ทั่วประเทศไทยด้วยรถเทเลอร์ รถบรรทุก ที่พร้อมให้บริการกว่า 20 คัน
ไม้ส่งตรงถึงบ้าน โรงงานของเรามีหน้าโรงงานจริงอยู่ที่ จังหวัดระยอง ที่เปิดให้บริการมากกว่า 25 ปี และ ยังมีบริการขนส่งที่ให้บริการทั่วไทย
 

 
สนใจสั่งซื้อ และ ดูข้อมูลเพิ่มเติม  MTK ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook  : MTK เอ็มทีเค
Line  :   @mtkwood
Tel :  095-654-6551
Email :    marketing@mtkwood.com


103

เคยสังเกตผิวของตัวเองดูไหมว่าผิวของเราเป็น ผิวแข็งแรง หรือไม่? แล้วคนที่มีผิวขาวกระจ่างใสแบบนี้เป็นผิวแข็งแรงหรือเปล่า? แบบไหนถึงเรียกว่าผิวแข็งแรงพร้อมเคล็ดลับดูแลผิวให้กลับมาสตรองจาก ResiSKIN ถ้าคุณเป็นหนึ่งในคนที่อยากดูแลผิวให้แข็งแรง พร้อมลุยกับทุกสภาวะให้กลับมาแข็งแรงภายในระยะเวลาสั้นๆ
 
ทำความรู้จัก ผิวแข็งแรง คืออะไร?


โดยปกติผิวหนังของเราจะมีกลไกการป้องกันผิวตามธรรมชาติอยู่แล้ว เพื่อป้องกันการทำร้ายจากปัจจัยภายนอกต่างๆ และ ยังช่วยในการควบคุมสมดุลภายในอยู่ 3 ชั้นหลักๆ
Epidermis เป็นผิวชั้นนอกสุดซึ่งเป็นชั้นของหนังกำพร้า ที่ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันผิวภายนอก จากมลภาวะ แบคทีเรีย และ ป้องกันการสูญเสียน้ำในชั้นผิวจากภายใน
Dermis เป็นผิวชั้นใน ซึ่งเป็นชั้นของหนังแท้ที่ทำหน้าที่กักเก็บของเหลวในชั้นของผิวหนัง ทำให้ผิวมีสุขภาพดี
Subcutaneous เป็นส่วนของชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ซึ่งช่วยในการกักเก็บพลังงาน และ ของเหลวใต้ผิวหนัง
ปกติสำหรับคนที่มีผิวแข็งแรง ยิ่งผิวแข็งแรงมากๆ ก็ยิ่งปกป้องจากมลภาวะ สภาพแวดล้อมได้ดี ผิวแข็งแรงคือสภาพของผิวที่มี เกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) จากสิ่งแปลกปลอม สภาพแวดล้อม สิ่งสกปรกที่เข้ามาทำร้ายผิว นอกจากนั้นยังช่วยในเรื่องของการกักเก็บความชุ่มชื้นในผิว ถ้าสังเกตง่ายๆ คนที่ผิวแข็งแรงมักจะเป็นคนที่มีผิวชุ่มชื้น ผิวมีสุขภาพที่ดีจะต้องดีทั้งภายใน และ ภาพนอก
ผิวภายนอก - ผิวจะต้องมีเกราะป้องกันจากสภาพแวดล้อมต่างๆ
ผิวภายใน - ผิวจะต้องสามารถกักเก็บความชุ่มชื้นได้ยาวนาน ยิ่งภายในแข็งแรงยิ่งทำให้ภายนอกสามารถป้องกันจากมลภาวะได้ดียิ่งขึ้น

 
ผิวแข็งแรง ดีอย่างไร ทำไมใครๆ ก็อยากมีผิวแข็งแรง?


ข้อดีของผิวที่แข็งแรง นอกจากจะช่วยป้องกันสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ผิวแล้ว ยังทำให้ผิวมีสุขภาพดี ดูเปล่งปลั่ง นอกจากนั้นแล้วผิวที่แข็งแรงยังช่วยในเรื่องของ
ไม่ต้องกลัวมลภาวะ สภาพแวดล้อมต่างๆ เพราะมีเกราะป้องกันผิว ไม่ว่าจะสภาพแวดล้อมแบบไหนก็ไม่มีกลัวพร้อมลุยได้ทุกวัน
ผิวมีความชุ่มชื้นไม่ขาดน้ำ เปร่งปลั่งดูมีสุขภาพที่ดี เพราะเมื่อผิวแข็งแรงจากภายใน จะช่วยในการกระตุ้นการสร้างมอยส์เจอไรเซอร์ในชั้นผิวตามธรรมชาติ ทำให้ไม่ต้องเติมมอยส์เจอไรเซอร์จากสกินแคร์บ่อยๆ
ผิวเนียนเรียบไม่แห้งกร้าน ไม่ลอกเป็นขุย เมื่อผิวมีน้ำหล่อเลี้ยงที่เพียงพอจะทำให้ผิวของเราเนียนนุ่ม ไม่แห้งแตก และ ยังช่วยไม่ให้เกิดรอยย่นบนหน้าได้ง่ายอีกด้วย
ไม่มีปัญหาผิวอื่นๆ มารบกวน เช่น เป็นสิว ผิวแพ้ง่าย ผิวแตก เพราะเมื่อผิวของเราแข็งแรงก็ทำให้สิ่งสกปรกเข้าสู่ผิวได้ยาก เพราะว่าเรามี Skin Barrier ซึ่งเป็นเกราะป้องกันผิวตามธรรมชาติที่ดี ทำให้เกิดปัญหาผิว ไม่ว่าจะเป็นการอุดตันการอักเสบได้ยาก แถมยังทำให้สีผิวของเราสม่ำเสมอ และ ขาวใสแบบมีสุขภาพดีอีกด้วย
ถ้าเรามีผิวที่แข็งแรง ก็จะทำให้กลไกการป้องกันผิวตามธรรมชาติทำงานได้อย่างเต็มที่ ทำให้น้ำในชั้นผิวทำงานได้ดี และ กระตุ้นการสร้างมอยส์เจอไรเซอร์ ซึ่งช่วยทำให้ผิวของเราเปร่งปลั่งดูอิ่มน้ำนั่นเอง
>>สำหรับใครที่มี ปัญหาผิวแห้ง อ่านบทความนี้ได้เลย<<

วิธีที่จะช่วยทำให้ผิวแข็งแรงภายใน 7 วัน!!!


สำหรับใครที่อยากมีผิวแข็งแรง จะต้องดูแลผิวทั้งภายใน และ ภายนอก โดยจะต้องดูแลผิวให้มีสุขภาพที่ดีทั้งจากอาหารการกิน การพักผ่อนที่เพียงพอ รวมถึงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยบำรุงผิว และ เสริมเกราะป้องกันผิวจากภายในสู่ภายนอก ขอแนะนำผลิตภัณฑ์ของ ResiSKIN ครีมเวชสำอางที่เหมาะกับคนทุกสภาพผิว แม้จะเป็นผิวแพ้ง่ายก็สามารถใช้ได้ นอกจากนั้นยังช่วยในเรื่องของการฟื้นฟูผิวให้กลับมาดูดี และ แข็งแรงด้วยส่วนผสมของ Extremolytes 7%
-ที่จะช่วยปกป้องผิวแม้จะอยู่สภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นใจ ทำให้ทนทานต่อทุกสภาวะ
-ช่วยเรื่องการเพิ่มแรงยึดเหนี่ยว และ การเรียงตัวของโมเลกุลน้ำ เพื่อสร้างเกราะความชุ่มชื้นให้ผิว
ซึ่งจะช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว และ ช่วยรักษาน้ำในชั้นผิว โดยการสร้างเกราะความชุ่มชื้น (Hydro complex) เพื่อลดอาการอักเสบ ระคายเคือง เพื่อฟื้นฟูเกราะป้องกันผิวให้กลับมาแข็งแรง นอกจากนั้นยังช่วยในเรื่อง
-สร้างเกราะป้องกันผิวจากสภาพแวดล้อมต่างๆ ซึ่งสามารถใช้กับผิวเด็กทารกที่ยังแข็งแรงไม่พอได้ เพื่อลดการเกิดผดผื่น และ อาการแพ้
-ช่วยในการลดระดับความเสียหายของเซลล์ผิวจาก Visible Light , UVA และ UVB ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้แก่ผิว
-ช่วยป้องกันการเกิดจุดด่างดำจากมลภาวะต่างๆ จากการสร้างเม็ดสีที่สัมผัสมลภาวะลง
-เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ทำให้ผิวของเราชุ่มชื้นได้ยาวนานมากยิ่งขึ้นยาวนานถึง 7 วัน
-ช่วยในเรื่องการลดเลือนริ้วรอย แม้จะเป็นจุดที่อ่อนโยน เช่น รอบดวงตา
-ช่วยลดการอักเสบของผิวที่เกิดความเสียหายจากปัจจัยต่างๆ
-ช่วยแก้ปัญหาโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง และ ป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ

 
เอาชนะทุกปัญหาผิว อักเสบ แพ้ แห้ง แดง ผื่นคัน ให้ผิวกลับมาแข็งแรงภายใน 7 วัน!!!

 
 
 
ใครที่สนใจสั่งซื้อ ResiSKIN สามารถกดที่ link ด้านล่างนี้ได้เลย
Facebook : Resiskin by Qualisk
Line : @resiskin


104

ในยุคนี้สมัยนี้คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการถ่ายวิดีโอ Vlog การสตรีมเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมยอดนิยมที่ใครหลายคนชื่นชอบ ทั้งการถ่ายใน และ นอกสถานที่เพื่อให้ได้วิดีโอเจ๋งๆ แทนที่จะได้วิดีโอที่ดีทั้งภาพทั้งเสียงกลับจะต้องเฟลเพราะเสียงไม่เป็นใจ หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่มักจะมีปัญหาเรื่องเสียง วันนี้ทาง Aquapro เลยจะมาแนะนำ Saramonic blink 500 รีวิว ไมโครโฟนไร้สายที่เพิ่มประสิทธิภาพของเสียงให้แก่วิดีโอ Vlog ของคุณ อยากได้วิดีโอที่เสียงดีมีคุณภาพไม่ควรพลาด!!!
 
Saramonic blink 500 ไมค์ไร้สายสำหรับสาย Vlog!!!
ไมโครโฟนของ Saramonic blink 500 เป็นไมค์แบบ Wireless ไร้สายขนาดเล็ก ที่ทำให้ได้เสียงแบบคมชัด ใช้งานได้ง่าย ต้องขอเกริ่นถึงลักษณะการใช้งานของไมค์รูปแบบนี้ก่อน ไมโครโฟนแบบ Wireless จะเป็นไมค์ที่ต้องอาศัย ตัวส่งสัญญาณ (ไมค์ที่อยู่ไกลกับตัวผู้พูด) และ ตัวรับสัญญาณ (ไมค์ที่อยู่ติดกับกล้องเพื่อรับสัญญาณ) โดยถ้าขาดไมค์รับ หรือ ไมค์ส่งสัญญาณไปจะทำให้เสียงไม่ออก มาดูกันดีกว่าว่าเจ้าไมค์ตัวนี้มีข้อดียังไงบ้าง ทำไมคนถ่าย Vlog หลายคนถึงนิยมใช้กัน!!!
 
มารู้จัก Saramonic blink 500 รีวิว กันเลย!!!
เสียงของไมโครโฟน


เสียงที่ได้ค่อนข้างจะมีความคมชัด สามารรับเสียงได้หลายทิศทางซึ่งจะแตกต่างจากไมค์แบบ Shotgun ที่แม้จะให้เสียงที่คมชัดแต่จะรับเสียงในทิศทางเดียว ซึ่งต่างจากไมค์แบบ Wireless ที่แม้จะขยับตัวไปในทิศทางไหนก็ยังให้เสียงที่ดี สามารถส่งสัญญาณไปได้หลายทิศทาง ให้เสียงถึง 6 ระดับสามารถปรับได้ตามการใช้งาน มีตัวรับสัญญาณขนาด 2.4 GHZ ให้เสียงที่คมชัดในระยะ 30 - 100 เมตรเลยทีเดียว ยิ่งไม่มีสัญญาณรบกวนเสียงที่ได้จะยิ่งชัด หากมีสัญญาณรบกวนอาจทำให้เสียงดรอปลงเล็กน้อย ส่วนวิธีแก้นั่นก็คือในกล่องจะมีไมค์แบบ Lavalier มีสายแถมมาด้วย สามารุใช้ในกรณีที่มีสัญญาณรบกวนเยอะ

ขนาด และ น้ำหนักของไมค์


ขนาดของไมค์มีขนาดกระทัดรัด เล็ก และ เบา ประมาณ  26 กรัม ส่วนน้ำหนักของตัวส่งสัญญาณอยู่ที่ 34 กรัม ซึ่งทำให้พกพาได้ง่ายไม่เป็นภาระเวลาใช้งาน ส่วนขนาดหากเป็นตัวรับจะมีขนาด 62×33×15.5 mm และ ขนาด 63 × 43 × 16.5 มม สำหรับตัวส่งสัญญาณ ด้วยขนาดที่พกพาง่ายเลยทำให้สามารถติดเข้ากับกล้องทั้งกล้องโปร ,  กล้องmirrorless , กล้องAction camera รวมทั้งพวกไม้เซลฟี่ และ อุปกรณ์ต่างๆ ที่มีช่อง hot shoe หรือ ที่หนีบไมค์

ระยะเวลาในการใช้งาน


อย่างที่เราได้บอกไปแล้วว่าไมโครโฟนเป็นแบบไมค์ Wireless ดังนั้นเมื่อใช้งานไปเรื่อยๆ จะทำให้แบตเตอรี่หมด สำหรับตัว ส่งสัญญาณสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องนาน 3 - 4 ชั่วโมง และ ตัวรับสัญญาณสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องนาน 5 - 6 ชั่วโมง (หากใช้งานต่อเนื่องโดยไม่พัก) หากใช้งานจนแบตหมดก็สามารถชาร์จแบตได้อย่างรวดเร็วโดยตัวส่งสัญญาณใช้เวลาในการชาร์จ 1.30 ชั่วโมง และ ตัวรับสัญญาณใช้เวลา 2 ชั่วโมง ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องไม่มีสะดุด

ราคาของไมค์


ในส่วนของราคาก็จะอยู่ราวๆ 7,000 - 12,000* บาท ซึ่งราคาก็จะขึ้นอยู่กับจำนวนของไมโครโฟน รุ่น อุปกรณ์ต่างๆ (บางรุ่นจะมีตัว Type C ราคาก็อาจจะอัพขึ้นมาเพราะใช้งานได้ง่าย) รวมทั้งโปรโมชั่นต่างๆ ของร้านค้า
-Saramonic blink 500 Pro B1 ราคาประมาณ 5,990 บาท (ตัวรับ1 ตัวส่ง1) สีดำ / สีขาว
-Saramonic blink 500 Pro B2 ราคาประมาณ 8,990 บาท (ตัวรับ1 ตัวส่ง2) สีดำ / สีขาว
-Saramonic blink 500 Pro B3 / B4 / B5 / B6 ราคาประมาณ 7,990 - 10,950 บาท (ตัวรับ 1 และ Type C , ตัวรับ 1 ตัวส่ง 1 และ Type C)
 
Saramonic blink 500 คุ้มไหมที่จะซื้อ?
ถือว่าคุ้มค่า เพราะว่าสามารถใช้งานได้หลายรูปแบบทั้งกับ กล้อง โทรศัพท์ อุปกรณ์อื่นๆ ใช้งานได้ง่ายเหมาะมากสำหรับคนที่ทำคอนเทนต์ ถ่ายวิดีโอVlog ถ่ายสตรีมมิ่ง หรือ จะใช้สำหรับสัมภาษณ์ ใช้ได้ทั้งภายใน ภายนอก ใช้ได้เป็นบริเวณกว้างถึง 100 เมตรให้เสียงที่คมชัด
ไมโครโฟนรูปแบบนี้เหมาะกับใคร!!!
-คนที่ถ่ายรีวิว ถ่ายไลฟ์ ถ่ายสตรีม และ ถ่าย Vlog
-คนที่อยากได้วิดีโอที่มีเสียงคมชัด เพื่อเก็บบรรยากาศต่างๆ ทั้งเสียงคน เสียงธรรมชาติ เสียงสัตว์
-คนที่อยากอัพเดตให้วิดีโอของคุณดูโปรมากยิ่งขึ้น เสียงดีมากขึ้น
-คนที่เดินทางคนเดียว ไม่อยากพึ่งอุปกรณ์เยอะๆ เพราะไมค์ Saramonic blink 500 สามารถใช้งานได้ยาวนาน และ ใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง
 
 
ซื้อไมค์Saramonic และ อุปกรณ์อื่นๆต้องที่ Aquapro
คุ้มสุดซื้อ ไมค์Saramonic blink 500 รวมทั้งกล้องโกโปร และ อุปกรณ์เสริมอื่นๆ กับร้าน Aquapro ร้านตัวแทนจำหน่ายกล้องโกโปรแท้ที่มาพร้อมกับ GoPro 10 โปรโมชั่น สุดคุ้ม ของแถมจุกๆ โปรส่งฟรี พร้อมโปรผ่อนชำระ 0%* (ทุกอย่างเป็นไปตามที่ร้านกำหนด) นอกจากจะจำหน่ายโกโปรแล้ว เรายังมีกลุ่มสำหรับแนะนำข่าวสาร และ เทคนิคการใช้งานเกี่ยวกับโกโปรเพิ่มเติมที่สาวกโกโปรควรจะรู้ อย่าพลาดข่าวสารดีๆนะ!!! ติดตามได้ตาม link ด้านล่างเลย

 
ติดตามและสั่งซื้อสินค้า AquaPro เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชั่นใหม่ ๆ ทั้งกล้อง GoPro และอุปกรณ์เสริม GoPro  ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook : AquaproThailand
Line :  @aquapro
Shopee : Aquaprothailand
GoPro Group  : GoPro Club กลุ่ม พูดคุย ซื้อขาย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับ GoPro


105

อยากหุ่นดีหุ่นปังแต่ไม่ชอบออกกำลังกายหนักๆ ทำยังไงดี? ไม่ว่าใครก็อยากมีหุ่นที่ดี รูปร่างที่ดีใช่มั้ยคะสาวๆ แต่จะให้ไปออกกำลังกายหนักๆ คาร์ดิโอหนักๆ ก็คงไม่ไหว ดูคลิปเบเบ้แล้วทำตามทีแทบตาย คุณสามารถลดได้ด้วยการ ปั่นจักรยาน ลดน้ำหนัก หนึ่งในวิธีลดน้ำหนักสุดปังที่ช่วยให้คุณมีหุ่น มีรูปร่างที่ดีได้แบบไม่เหนื่อยมาก สาวๆ หลายคนอาจจะคิดว่าแค่ปั่นจักรยานจะลดน้ำหนักได้จริงหรอ แล้วต้องปั่นจักรยานอย่างไรถึงจะลดน้ำหนักได้แบบปังๆ ไปอ่านบทความกันเลยจ้า!!!

ปั่นจักรยาน ลดน้ำหนัก ได้จริงไหม?


หลายคนอาจจะสงสัยว่าอยากจะลดน้ำหนักทั้งทัว ไม่ใช่แค่ส่วนของขาแล้วแค่ปั่นจักรยานจะลดได้จริงหรือไม่ การปั่นจักรยานสามารถช่วยลดน้ำหนักได้จริงนะคะ และ ไม่ใช่แค่ในส่วนของขาเท่านั้น อยากที่เราเคยบอกสาวๆ ไปในหลายบทความแล้วว่า คุณไม่สามารถทำการลดเฉพาะจุดได้ การปั่นจักรยานก็เช่นกัน การออกกำลังด้วยการปั่นจักรยานไม่ได้ช่วยแค่ลดส่วนของน่อง ส่วนของขาเท่านั้นแต่ยังช่วยลดน้ำหนักได้ทั้งตัว การปั่นจักรยานก็เหมือนกับการออกกำลังรูปแบบอื่นๆ ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถลดเฉพาะส่วนได้แต่ก็จะมีจุดที่เห็นผลได้ชัดจากการปั่นจักรยานนั่นก็คือ ส่วนของหน้าท้อง ต้นขา (ยิ่งส่วนไหนมีไขมันสะสมน้อยก็จะทำให้เห็นผลได้ชัดเจนกว่า เร็วกว่าส่วนที่มีไขมันมาก) แม้จะไม่ได้เป็นการออกกำลังหนักๆ แต่ก็สามารถลดน้ำหนักได้เหมือนกันนะ!!!

ข้อควรรู้สำหรับการลดไขมัน
หลายคนมักจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับการลดน้ำหนัก ก่อนที่เราจะออกกำลังกายเราอาจจะทานอาหารรองท้อง เพื่อสร้างพลังงานระหว่างออก นอกจากนั้นในระหว่างที่ปั่นจักรยานหลายคนมักจะเข้าใจผิดว่าต้องปั่นเร็วๆ แรงๆ เพื่อที่จะได้ช่วยเผาผลาญไขมันได้ดีแต่แทนที่จะเป็นประโยชน์กลับจะเป็นโทษแทน เพราะการปั่นแรงๆ อาจทำให้กล้ามเนื้อเกิดการบาดเจ็บได้ ทางที่ดีควรจะเน้นการปั่นด้วยความเร็วที่พอดี และ ปั่นอย่างต่อเนื่องจะได้ผลที่ดีกว่า ทางที่ดีควรปั่นในทางตรง ปั่นให้ระดับพอดีไม่ชันจนเกินไป ควรจะปั่นอย่างต่อเนื่อง 30 นาที ต่อเนื่องประมาณสัปดาห์ละ 5 วัน จะช่วยเผาผลาญไขมันได้ดี
 
วางแผน ปั่นจักรยาน ลดน้ำหนัก อย่างไรให้น้ำหนักลด!!!

สาวๆ ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าการจะลดน้ำหนักในช่วงแรกๆ น้ำหนักอาจจะลงช้า หรือ ไม่ลงเลยแต่ส่วนที่เปลี่ยนไปอาจจะเป็นสัดส่วนที่กระชับขึ้น โดยการคำนวณอัตราการเต้นของหัวใจ เพื่อดูว่าร่างกายของเราจะต้องออกกำลังเท่าไหร่ถึงจะทำให้น้ำหนักลด เพราะแต่ละคนก็มีสรรถภาพ และ รูปร่างที่แตกต่างกัน
1.คำนวณหาค่าชีพจรสูงสุดของแต่ละคน (MHR)


เพราะแต่ละช่วงอายุก็จะมีค่าของชีพจรที่ไม่เท่ากัน ดังนั้นเราจะต้องมาหาว่าตัวเรามีจีพจรสูงสุดเท่าไหร่ โดยการเอา อัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด(220) - อายุของเรา ก็จะได้ออกมาเป็นค่าของชีพจรสูงสุดของเรา เช่น เราอายุ 25 ปี ก็จะเอา 220 - 25 = 195 ครั้ง / นาที
"แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอายุ 25 ปี ทุกคนจะต้องมีอัตราการเต้นของหัวใจเท่านี้ทุกคน เพราะเมื่อลองให้คนอายุเท่านี้ออกกำลังในระดับหนึ่งจะพบว่าบางคนไม่เหนื่อยเลย แต่บางคนอาจจะเหนื่อยมาก"

2.คำนวณสูตร Karvonen เพื่อหาอัตราการเต้นของหัวใจขณะพัก


แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าค่าชีพจรสูงสุดจริงๆ ของเราคือเท่าไหร่ โดยจะเอา %ความหนักของหัวใจจากการออกกำลังกาย x (ชีพจรสูงสุด - ชีพจรขณะพัก) + ชีพจรขณะพัก (RHR) ก็จะได้ออกมาเป็นค่าอัตราการเต้นหัวใจของแต่ละคน
โดยค่า %ความหนักของหัวใจจากการออกกำลังกาย ได้มาจากตารางโซนอัตราการเต้นของหัวใจเป้าหมาย โดยการออกกำลังที่ดีควรจะออกให้ช่วงการเต้นของหัวใจอยู่ในช่วงประมาณ 50 - 80% และ ไม่ควรหักโหมออกกำลังที่หักเกินไป ส่วนค่าชีพจรขณะพักหาได้จากจับที่ชีพจรเป็นเวลา 1 นาทีแล้วนับว่าได้กี่ครั้ง
อัตราการเต้นของหัวใจช่วง50 - 60% : จะเป็นการออกกำลังกายแบบวอร์มร่างกาย ที่ไม่ทำให้ร่างกายรู้สึกหนัก ช่วยในการอบอุ่นร่างกาย และ ฟื้นฟูร่างกายให้พร้อมในการออกกำลัง
อัตราการเต้นของหัวใจช่วง60 - 70% : เป็นการออกกำลังกายระดับเบา เรียกเหงื่อได้เล็กน้อย ช่วยในการสลายไขมันได้ดี โดยจะเน้นการออกอย่างต่อเนื่อง เหมาะสำหรับคนอยากลดน้ำหนัก
อัตราการเต้นของหัวใจช่วง70 - 80% : เป็นการออกกำลังกายระดับปานกลาง ช่วยในการลดน้ำหนักได้ดี เหมาะสำหรับคนที่ไม่อยากออกกำลังกายหนักๆ
อัตราการเต้นของหัวใจช่วง80 - 90% : ในระดับนี้จะเป็นการออกกำลังระดับหนัก เมื่อออกจะทำให้รู้สึกเหนื่อย มีเหงื่อออก ตึงกล้ามเนื้อ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเพิ่มความทนทาให้ร่างกาย
อัตราการเต้นของหัวใจช่วง90 - 100% : เป็นระดับสูงสุดที่ทำให้เกิดความเหนื่อยล้าเมื่อออกกำลัง หัวใจเต้นเร็ว หายใจหอบ ส่วนใหญ่จะใช้กับการฝึกนักกีฬา
ยกตัวอย่างเช่น เราอายุ 25 ปี มีชีพจรขณะพัก 50 ครั้ง / นาที ต้องการออกกำลังที่ความหนัก 60% = 60% x (195 - 50) + 50 = 137 ครั้ง / นาที แสดงว่าเมื่อเราออกกำลังในระดับความหนัก 60% - จะทำให้เรามีระดับการเต้นของหัวใจอยูที่ราวๆ 137 ครั้ง / นาที ซึ่งอยู่ในระดับที่ช่วยในการเผาผลาญไขมันได้ดี ทำให้สามารถลดน้ำหนักได้ตามเป้าหมาย ในระดับที่ไม่เหนื่อยจนเกินไป และ ไม่ทำให้ร่างกายบาดเจ็บขณะออกกำลัง

3.ปั่นจักรยานให้เหมาะกับสมรรถภาพร่างกาย


เมื่อเราคำนวณค่าต่างๆ แล้วก็ให้เราปั่นจักรยานโดยสามารถทำได้ถึง 2 แบบคือ แบบต่อเนื่อง โดยเราจะเน้นปั่นจักรยานแบบไม่หนักมากๆ แต่จะเน้นระยะเวลา โดยปั่นต่อเนื่องอย่างน้อย 45 - 60 นาที และ แบบอินเทอร์วอล จะเป็นการปั่นแบบสลับ โดยจะปั่นเร็วสลับกับช้า

วิธีปั่นจักรยานลดไขมันอย่างไรให้ปังแบบ STEP BY STEP
1.ยืดกล้ามเนื้อก่อนปั่นจักรยาน เพราะการปั่นอย่างต่อเนื่องอาจทำให้กล้ามเนื้อของคุณตึง ดังนั้นจึงควรยืดกล้ามเนื้อก่อนจะออกกำลังกาย
2.วอร์มก่อนค่อยเร่งเครื่อง ในช่วงแรกอาจจะใช้การวอร์มขาด้วยการปั่นเบาๆ แล้วค่อยๆ เพิ่มความเร็วจนถึงระดับความหนักที่เราต้องการ ไม่ต้องรีบไปเร่งปั่นตั้งแต่ต้น เพราะอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บได้
3.มีช่วงเวลาพักบ้าง ไม่ใช่ว่าปั่นต่อเนื่องจะต้องปั่นโดยไม่พัก เราอาจจะกำหนดระยะเวลาในการปั่น เช่น ปั่นไป 5 นาที แล้วผ่อนกำลังลงมาเพื่อเป็นการพักกล้ามเนื้อไม่ให้ทำงานหนักเกินไป ซึ่งจะเป็นการคูลดาวน์การเต้นของหัวใจ และ กล้ามเนื้อ
4.ปั่นในจังหวะที่ตัวเองไหว ไม่เร่งจนเกินไป เน้นความสม่ำเสมอในการออกกำลัง เพราะไม่เช่นนั้นการออกกำลังกายอาจจะไม่เห็นผลมากนัก

 
อยากหุ่นดี สุขภาพดี Sistalk จัดให้!!!
เพราะเราเข้าใจผู้หญิงเป็นอย่างดี พบกับบทความสุขภาพ และ เรื่องราวข้อมูลต่างๆ ของผู้หญิงได้ที่ Sistalk ทั้งเรื่องความรัก สุขภาพ เรื่องลับๆ ของผู้หญิงที่ควรรู้เอาไว้ ไม่ว่าคุณจะเป็นสาวแบบไหน อายุเท่าไหร่ ก็สามารถมาเป็นสาว Sistalkได้ ด้วยการไปอ่านบทความต่างๆ ของเราด้วยนะคะซิส แล้วคุณจะไม่ตกเทรนด์ใหม่ๆ แถมยังได้ความรู้ สาระต่างๆ ที่จะช่วยให้คุณรับมือกับปัญหาเรื่องของสาวๆ อย่างเราได้ดีมากยิ่งขึ้น แล้วเจอกันใหม่บทความหน้านะคะสาวๆ
 
 
สามารถติดต่อสอบถาม Sistalk ช่องทางอื่นๆได้ที่
Facebook : sistalk.in.th
Instagram : sistalk.in.th
Twitter : @SistalkTH


106

สำหรับมือใหม่หัดใช้กล้อง GoPro เรื่องบางเรื่องง่ายๆ ก็อาจจะกลายเป็นเรื่องที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ วันนี้ทาง Aquapro เลยจะมาแนะนำ GoPro ปิดเครื่องยังไง ปุ่มปิดทำอะไรนอกจากแค่การปิดได้บ้าง ใครที่เป็นมือใหม่ไม่ควรพลาด และ คนที่รู้แล้วจะได้รู้เบื้องลึกขึ้นไปอีก เพราะรู้หรือไม่ว่าโกโปรยังสามารถปิดเครื่องเองได้อีกด้วย อย่ารอช้าไปอ่านบทความกันเลย!!!
 
ลักษณะปุ่มต่างๆ ของ GoPro


ภายนอกของ GoPro 10 แล้ว ตัวบอดี้ของกล้องจะเป็นสีดำด้าน รวมทั้งในส่วนของปุ่มด้วย ซึ่งลักษณะภายนอกจะมีความคล้ายคลึงกับในรุ่นของ GoPro 9 แต่ในส่วนของโลโก้จะเปลี่ยนจากสีขาวมาเป็นสีฟ้าแทน และ ตัวเลนส์จากแตกต่างจากเดิม ในส่วนของปุ่มรอบตัวเครื่องจะมีด้วยกัน 3 ปุ่มหลักๆ นั่นก็คือ
ปุ่มชัตเตอร์ - มีสัญลักษณ์เป็นวงกลมสีแดง สำหรับกดถ่าย
ปุ่มโหมด - มีสัญลักษณ์เขียนว่า Mode สำหรับเปลี่ยนโหมดการใช้งาน
ปุ่มปลดล็อค - เป็นปุ่มที่ใช้เปิดช่องใส่แบตเตอรี่
ซึ่งเป็นปุ่มที่อยู่บนตัวเครื่องโกโปร นอกจากนั้นจะไปพวกพอร์ตสำหรับเชื่อมต่อ หน้าจอแสดงสถานะ ช่องสำหรับใส่แบตเตอรี่ ช่องใส่ SD card และ ไมโครโฟน
 
วิธีการใช้งาน GoPro ปิดเครื่องยังไง?
ในการปิดเครื่อง GoPro สามารถทำได้หลายวิธีอยู่ที่ว่าเราสะดวกวิธีไหน ซึ่งเราจะมาแนะนำ 3 วิธีปิดเครื่องโกโปรง่ายๆ ที่คุณทำได้ด้วยตัวเอง
-ปิดด้วยปุ่ม Mode
-ปิดด้วย QuikCapture
-ปิดด้วยคำสั่งเสียง

ปิดเครื่องด้วยปุ่ม Mode


ให้เลือกที่ปุ่มโหมดบนโกโปรที่จะอยู่ด้านซ้ายของ GoPro > โดยให้กดค้างไว้ประมาณ 2 วินาทีจนได้ยินเสียงโกโปรดังบี๊บๆ และ มีไฟสีแดงกะพริบ > จากนั้นโกโปรจะทำการปิดตัวลง

ปิดเครื่องด้วยปุ่ม QuikCapture


ให้ทำการปัดหน้าจอจากข้างบนลงมาข้างล่าง > ไปที่การตั้งค่าเลือกที่ไอคอนรูปกระต่าย หรือ QuikCapture ซึ่งเป็นโหมดจับภาพด่วนเพื่อใช้งานโหมดนี้ > จากนั้นทำการกดปุ่มอีกครั้งค้างไว้เพื่อเป็นการปิดโกโปรแบบอัตโนมัติ

ปิดเสียงด้วยคำสั่งเสียง


นอกจากการกดปุ่มแล้ว GoPro ยังสามารถสั่งการด้วยเสียงได้อีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นข้อดีของกล้องโกโปรที่ทำให้เราใช้งานกล้องได้ง่ายมากยิ่งขึ้น สำหรับคนที่ยังไม่เคยเปิดคำสั่งเสียงมาก่อนให้ทำการปัดหน้าจอลงมา > เลือกที่ไอคอนรูปคน หรือ Voice control > เลือกภาษา และ คำสั่งเสียงที่เราต้องการ เวลาใช้งานก็เพียงพูดชื่อคำสั่ง เช่น ปิด GoPro หรือ GoPro turn off เพื่อเป็นการปิดเครื่อง

 
GoPro ปิดเครื่องยังไงปิดเองได้ไหม ?
กล้องโกโปรมีระบบปฏิบัติการที่ดี โดยตัวกล้องโกโปรจะถูกเซตเอาไว้ว่า เมื่อกล้องไม่ได้มีการใช้งานเกินกว่า 15 นาที โกโปรจะทำการปิดอัตโนมัติ (ซึ่งเป็นค่าเริ่มต้นของกล้อง) แต่หากใครอยากจะเปลี่ยนเวลาในการปิด ก็สามารถไปตั้งแต่ได้โดยเข้าไปที่การตั้งค่า > เลือกทั่วไป > เลือกปิดเครื่องอัตโนมัติ > เลยเวลาปิดที่ต้องการก็เป็นอันเรียบร้อย

ถ้ากดปุ่มทีเดียวแล้วสามารถทำอะไรได้บ้าง?
-สำหรับ ปุ่มMode เมื่อกดครั้งเดียวจะเป็นการเปิดใช้งานตัวกล้อง ซึ่งจะแตกต่างจากการปิดที่ต้องกดค้าง
-ส่วนถ้ากด ปุ่มชัตเตอร์ กล้องจะเปิดการทำงาน และ เริ่มทำการบันทึกวิดีโอแบบอัตโนมัติ หากต้องการหยุดการบันทึกให้ทำการกดที่ปุ่มอีกรอบ ตัวกล้องจะหยุดการทำงาน และ จะทำการปิดตัวเองอัตโนมัติ
-กดปุ่มชัตเตอร์ เพื่อทำการถ่ายภาพนิ่ง โดยที่ตัวกล้องจะมีไฟกะพริบเพื่อบอกสถานะ
ถ้าใครที่อยากถ่ายไทม์แล็ปส์ด้วย QuikCapture ให้กดปุ่มชัตเตอร์ค้างจนกว่าการบันทึกจะเริ่มต้น หากต้องการหยุดถ่ายให้ทำการกดปุ่มชัตเตอร์อีกครั้ง
-ส่วนปุ่มปลอดล็อคต้องช่องใส่แบตเตอรี่ ทำการกดเพื่อเปิดช่องโดยช่องจะเด้งขึ้นมา
 
เพียงเท่านี้คุณก็สามารถใช้งาน GoPro ได้โปรมาขึ้นแล้ว ส่วนถ้าคุณเป็นมือใหม่ที่หัดใช้แล้วล่ะก็ เมื่อคุณใช้งานกล้องไปอย่างต่อเนื่องจะทำให้กล้องของคุณร้อนขึ้นมา แต่ก็ไม่ต้องตกใจไปหาก กล้อง GoPro ของคุณร้อน ก็สามารถแก้ไขได้ง่ายๆ ในบทความนี้เลย ส่วนถ้าใครอยาก เชื่อมต่อ GoPro กับคอม ที่ทำได้ง่ายๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอน
 
 
ซื้อ GoPro ยังไงให้คุ้มก็ซื้อที่ Aquapro ไง!!!
คุ้มสุดเมื่อซื้อโกโปร และ อุปกรณ์เสริมกับร้าน Aquapro ร้านตัวแทนจำหน่ายกล้องโกโปรแท้ที่มาพร้อมกับ GoPro 10 โปรโมชั่น สุดคุ้ม ของแถมจุกๆ โปรส่งฟรี พร้อมโปรผ่อนชำระ 0%* (ทุกอย่างเป็นไปตามที่ร้านกำหนด) นอกจากจะจำหน่ายโกโปรแล้ว เรายังมีกลุ่มสำหรับแนะนำข่าวสาร และ เทคนิคการใช้งานเกี่ยวกับโกโปรเพิ่มเติมที่สาวกโกโปรควรจะรู้ อย่าพลาดข่าวสารดีๆนะ!!! ติดตามได้ตาม link ด้านล่างเลย

ติดตามและสั่งซื้อสินค้า AquaPro เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชั่นใหม่ ๆ ทั้งกล้อง GoPro และอุปกรณ์เสริม GoPro  ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook : AquaproThailand
Line :  @aquapro
Shopee : Aquaprothailand
GoPro Group  : GoPro Club กลุ่ม พูดคุย ซื้อขาย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับ GoPro


107

คนส่วนมากคิดว่าไม้พาเลททำได้แค่ใช้รองสินค้า หรือ ใช้สำหรับขนส่งสินค้าเท่านั้น นั่นก็เพราะคุณสมบัติในเรื่องของความแข็งแรง ความทนทานของไม้พาเลทนั่นเอง รู้หรือไม่ว่าคุณยังสามารถนำไม้พาเลทที่วางเอาไว้เฉยๆ มาเปลี่ยนเป็น แบบโต๊ะไม้พาเลท รูปแบบต่างๆ สำหรับใช้งานในบ้าน และ นอกบ้าน วันนี้ทาง MTK เลยได้รวบรวมไอเดียสร้างสรรค์โต๊ะไม้พาเลทเจ๋งๆ มาฝากแล้วบ้านของคุณจะดูมินิมอล ดูเก๋ยิ่งขึ้น!!!
รวมไอเดีย แบบโต๊ะไม้พาเลท ที่จะทำให้บ้านของคุณน่าอยู่ขึ้น!!!
หนึ่งในเฟอร์นิเจอร์แต่งบ้านที่ถูกใช้งานมากที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นโต๊ะแบบต่างๆ ทั้งโต๊ะทานข้าว โต๊ะวางของ แต่โต๊ะที่ดีก็ควรจะสามารถรองรับน้ำหนักได้ดี นั่นจึงเป็นสาเหตุทำให้ไม้พาเลทถูกนำมา DIY เป็นโต๊ะกันอย่างแพร่หลาย แต่โต๊ะแบบเดิมๆ นั่นเลยทำให้สามารถประยุกต์เป็นโต๊ะได้หลายรูปแบบ

แบบที่1 - โต๊ะกาแฟ


โต๊ะสำหรับรับแขก เป็นโต๊ะขนาดเล็ก และ เตี้ย ใช้สำหรับวางของกินหน้าทีวี ส่วนมากโต๊ะแบบนี้จะทำได้ง่าย ใช้แค่ไม้พาเลทสองอันมาวางซ้อนกัน หากอยากเพิ่มดีเทลก็อาจจะทาสี หรือ หาผ้าปูโต๊ะสวยๆ มาใส่ ส่วนถ้าใครไม่อยากได้แบบวางติดพื้น หรือ อาจจะติดล้อเข้ากับตัวโต๊ะได้ ก็จะทำให้โต๊ะดูมีลูกเล่น และ สะดวกต่อการเคลื่อนย้าย ให้ความรู้สึกดูมีสไตล์มากยิ่งขึ้น

แบบที่2 - โต๊ะทำงาน


สำหรับใครที่ไม่ชอบโต๊ะเตี้ยๆ สามารถประยุกต์เอาไม้พาเลทมาทำโต๊ะทรงสูงได้ โดยการต่อขาตั้งเข้ากับไม้พาเลท โดยเราจะใช้ไม้พาเลทแค่ 1 ชั้น ไม่เช่นนั้นอาจทำให้ขาไม้แข็งแรง ใครที่อยากให้โต๊ะดูทางการขึ้นก็อาจจะทำลิ้นชักใส่เข้าไปตามช่องของไม้พาเลท นอกจากโต๊ะแบบนี้จะสามารถใช้งานในบ้านได้แล้ว ก็ยังสามารถใช้งานนอกบ้านได้ เช่น ทำเป็นโต๊ะในสวนหากอยากได้ขาตั้งที่แข็งแรงก็อาจจะใช้ตัวไม้พาเลทมาทำขาตั้งเลยได้ จะให้ความรู้สึกเป็นสวนที่ดูร่มรื่น

แบบที่3 - โต๊ะในครัว


นอกจากโต๊ะที่นำเอาไม้พาเลทมาใช้ทั้งแผ่นแล้ว เรายังสามารถแยกส่วนไม้พาเลทแล้วมาประยุกต์เป็นโต๊ะที่ใช้สำหรับวางอาหาร เตรียมอาหารในห้องครัวได้ โต๊ะแบบนี้เป็นที่นิยมในต่างประเทศ เพราะสามารถวางของได้มาก แถมยังไม่กินพื้นที่มาก หากรู้สึกว่าสีของไม้ไม่เข้ากับสีของครัว ก็อาจจะทาสีเพื่อให้ดูไปโทนเดียวกันสีของครัว หรือ หากอยากได้ช่องใส่ของ ส่วนของแผ่นบนก็ไม่ต้องแยกแผ่นสามารถใช้ไม้พาเลททั้งแผ่นได้เลย

แบบที่4 - โต๊ะวางหัวเตียง



นอกจากโต๊ะหลักที่จะใช้ในห้องต่างๆ สามารถนำมาทำโต๊ะสำหรับโชว์ของ ตกแต่งตามมุมต่างๆ ของบ้านได้ เช่น ใช้วางแจกัน ดอกไม้ หรือ พวกมุมหนังสือเล็กๆ สามารถนำไม้พาเลทมาแยกส่วนทำโต๊ะวางของได้ โต๊ะรูปแบบนี้อาจจะต้องใช้การ DIY มากกว่ารูปแบบอื่น เพราะจะต้องอาศัยการตัดแต่งให้ไม้พาเลทมีขนาดเล็กลง และ มีสไตล์ตามที่ต้องการ

แบบที่5 - โต๊ะปิกนิก


หากใครที่เบื่อรูปทรงโต๊ะแบบเดิมๆ หรือ อยากได้โต๊ะที่มีพื้นที่วางของ และ ช่องในของในตัว อาจจะใช้การประยุกต์โดยการนำเอาไม้พาเลทมาต่อเข้าด้วยกัน 4 มุม และ อีกแบบจะเป็นโต๊ะที่ตัวเก้าอี้จะติดกับโต๊ะเลยใช้สำหรับ Outdoor นอกจากจะเป็นโต๊ะได้แล้วยังสามารถเป็นที่นั่งได้อีกด้วย สามารถใช้ได้ทั้งในบ้าน และ นอกบ้านเลย ทั้งเท่ทั้งประหยัดพื้นที่

เห็นไหมละคะว่าไม้พาเลทธรรมดาๆ พอเอามาประยุกต์เป็นโต๊ะไม้พาเลทแล้วก็สามารถใช้ประโยชน์ได้มากกว่าแค่รองสินค้า แถมยังช่วย ทำให้บ้านดูมีมิติมากยิ่งขึ้น ดูมินิมอล ไม่แก่เหมือนไม้ปกติ นอกจากนั้นยัง มีความแข็งแรงทนทานสูง สามารถใช้งานได้ยาวนาน แถมราคาก็ถูก หาซื้อได้ง่าย เรียกได้ว่ามีแต่คุ้มกับคุ้ม ใครที่กำลังหาเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านอยู่ ลองเอาไอเดียที่เราแนะนำไปปรับใช้ดูนะคะ แล้วบ้านของคุณจะน่าอยู่มากยิ่งขึ้น
>>สามารถอ่านบทความ ไม้พาเลททําอะไรได้บ้างสายDIYห้ามพลาด ได้ที่นี่<<

ไม้พาเลทคุณภาพต้องไม้พาเลทที่ MTK WOOD
ไม้พาเลทดีมีคุณภาพ ซึ่งโรงไม้ของเราผ่านการรับรองมาตรฐาน IPPC จากกรมวิชาการเกษตรแล้วเรียบร้อย ทำให้มั่นใจได้ว่าคุณจะได้ไม้ดี มีมาตรฐานอย่างแน่นอน
ไม้พาเลทตามสเปค ทางโรงงานใช้เครื่องจักรคุณภาพไม่ว่าจะเป็น เครื่องเลื่อยสายพาน , เครื่องไสเรียบ 4 หน้า , เครื่องอัดน้ำยา และ เครื่องอบไอน้ำ ทำให้มั่นใจได้ว่าจะได้ไม้ยางพาราที่ได้มาตรฐานอย่างแน่นอน
แปรรูปได้หลายรูปแบบ โรงงานของเรามีบริการอย่างครบวงจรตั้งแต่ รับผลิตและจำหน่ายไม้ยางพาราแปรรูป , บริการรับเสื่อย-ไสไม้ ตัดแต่งไม้ , บริการอัดน้ำยา-อบไม้ จนถึงบริการขนส่งไม้ทั่วประเทศไทยด้วยรถเทเลอร์ รถบรรทุก ที่พร้อมให้บริการกว่า 20 คัน
ไม้พาเลทส่งตรงถึงบ้าน โรงงานของเรามีหน้าโรงงานจริงอยู่ที่ จังหวัดระยอง ที่เปิดให้บริการมากกว่า 25 ปี และ ยังมีบริการขนส่งที่ให้บริการทั่วไทย
 

 
สนใจสั่งซื้อ และ ดูข้อมูลเพิ่มเติม  MTK ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook  : MTK เอ็มทีเค
Line  :   @mtkwood
Tel :  095-654-6551
Email :    marketing@mtkwood.com



108

เป็นเซ็บเดิร์มแล้วเครียด จะรักษาหน้ารักษาผิวอย่างไรดี? หากคุณกำลังประสบปัญหาเรื่องของผิวที่เป็นเซ็บเดิร์ม ทายาตัวไหนก็ไม่หายสักที รักษาแล้วแต่ก็กลับมาเป็นเซ็บเดิร์มซ้ำ มีอาการวนลูปเป็นๆ หายๆ ทำให้ใช้ชีวิตประจำวันได้ลำบาก แถมพอเป็นมากๆ ก็ทำให้เราขาดความมั่นใจในการใช้ชีวิต ResiSKIN จะมาให้ความรู้ที่สำหรับใครที่อยากหายใช้ ยาทาเซ็บเดิร์ม ตัวไหน ส่วนผสมแบบใดถึงจะเอาอยู่ ถ้าคุณเป็นเซ็บเดิร์มไม่ควรพลาดบทความนี้นะคะ!!!

มาทำความรู้จัก "เซ็บเดิร์ม" กันหน่อย


เซ็บเดิร์ม (Seborrheic Dermatitis) หรือ อาการโรคผื่นแพ้ต่อมไขมัน หนึ่งในโรคผิวหนังเรื้อรังยอดฮิต ที่ไม่ได้เป็นโรคติดต่อ และ เป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้แต่สามารถบรรเทาอาการให้น้อยลงจนสงบได้ เซ็บเดิร์มเป็นภาวะของผิวหนังที่เกิดการอักเสบจากต่อมไขมันในชั้นผิว ซึ่งผิวหนังที่ถูกกระตุ้นจะทำให้เกิดผื่นบนผิวหน้า และ ลำตัวนั่นเอง

เซ็บเดิร์มเกิดจากอะไรกันแน่ ทำไมถึงเป็น?


หากจะถามว่าเซ็บเดิร์มเกิดจากอะไร ทำไมหลายคนถึงมักจะเป็นโรคนี้กันมาก เซ็บเดิร์มเกิดจากการที่ต่อมไขมันในชั้นผิวของเราผลิตไขมันออกมา ส่วนมากมักจะเกิดกับบริเวณที่มีความมันมากๆ และ ส่วนที่มีความมัน สาเหตุของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นพันธุกรรม ความเครียด การพักผ่อน รวมไปถึงสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว ซึ่งเป็นสาเหตุที่กระตุ้นการผลิตต่อมไขมันอย่างดี นอกจากอากาศที่ร้อนแล้ว อากาศที่เย็นแห้งๆ ก็สามารถกระตุ้นเซ็บเดิร์มได้
 
ข้อห้ามสำหรับคนเป็นเซ็บเดิร์ม และ ยาทาเซ็บเดิร์ม?


การสัมผัสผิวหน้า เพราะการสัมผัสจุดที่เป็นเซ็บเดิร์มแรงๆ เพราะอาจจะก่อให้เกิดการระคายเคืองผิวได้ เมื่อผิวระคายเคืองจะก่อให้เกิดการอักเสบของต่อมไขมัน ทำให้ผิวยิ่งผลิตไขมันออกมา และ ทำให้ผื่นเซ็บเดิร์มขยายตัว กระจายตัวเป็นวงกว้างมากยิ่งขึ้น (ผื่นเซ็บเดิร์มมักจะขึ้นเป็นกลุ่มก้อน เป็นหย่อมๆ)
เลี่ยงอะไรที่ก่อให้เกิดการกระตุ้น ทั้งจากสาเหตุภายในอย่างความเครียด การทานยาบางชนิด การทานอาหารบางประเภทอย่าง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มมีคาเฟอีน ของหวานของมัน เป็นต้น และ สาเหตุภายนอกอย่างสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง การเกิดเชื้อราบนผิวหนัง ดังนั้นจะต้องรักษาด้วยยาที่ช่วยในเรื่องนี้โดยตรง และ จะต้องดูส่วนผสมให้ดี เพราะส่วนผสมบางตัวอาจจะไปกระตุ้นให้ผื่นยิ่งลุกลามได้
>>นอกจากอาหารจะเป็นตัวกระตุ้นเซ็บเดิร์ม แล้วยังมี อาหารอื่นๆ ที่เป็นของต้องห้ามสำหรับคนเป็นเซ็บเดิร์ม อีกด้วย ใครที่เป็นเซ็บเดิร์มควรอ่าน!!!<<

นอกจาก ยาทาเซ็บเดิร์ม เป็นเซ็บเดิร์มควรใช้ผลิตภัณฑ์แบบไหน?
สำหรับการรักษาเซ็บเดิร์ม ควรเลือกใช้ยา หรือ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ช่วยควบคุมการอักเสบ มีฤทธิ์ในการป้องกันเชื้อรา และ ไม่มีส่วนผสมของสารที่จะไปกระตุ้นให้เกิดการระคายเคือง หรือ มีสารสเตอรอยด์ที่ถึงแม้จะทำให้อาการอักเสบบนใบหน้า ร่างกายหายไปอย่างรวดเร็ว
สำหรับใครทายาจนหายแล้ว แต่ไม่อยากกลับมาเป็นเซ็บเดิร์มซ้ำ จะต้องฟื้นฟูผิวให้กลับมาสตรองด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของ Extremolyte ถึง 7% ซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการของคนที่เป็นโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง
-สร้างเกราะความชุ่มชื้นให้ผิว มีเกราะไว้ซ่อมแซมตัวเอง พร้อมเอาชนะทุกอาการแห้ง แดง ผื่น คัน เซ็บเดิร์ม
-ป้องกันผิวจากมลภาวะต่างๆ ทำให้ผิวของเราแข็งแรง ไม่ถูกกระตุ้นให้กลับไปเกิดอาการอักเสบได้ง่าย ๆ และ ทนทานต่อสภาพอากาศ ไม่ว่าจะร้อน หรือ หนาวก็ไม่ใช่ปัญหา


นอกจากนั้น ResiSKIN ยังเป็นครีมเวชสำอางที่ปราศจากส่วนผสมของ สเตียรอยด์ น้ำหอม สีและสารปรุงแต่ง กรดวิตามินเอ พาราเบน และ อื่นๆ ที่ทำให้แพ้ เรียกได้ว่าอ่อนโยนต่อผิวใครที่มีปัญหาผิวหนังอักเสบอย่างเซ็บเดิร์มส่วนผสมในผลิตภัณฑ์จะตอบโจทย์คนที่อยากจะหายจะเซ็บเดิร์ม หากคุณรักษายังไงก็ไม่หายสักที ลองเปิดใจมาใช้ ResiSKIN ดูสิคะแล้วปัญหาเรื่องของเซ็บเดิร์มจะไม่มากวนใจคุณ
ResiSKIN ครีมเวชสำอางสำหรับจบปัญหาผิวเซ็บเดิร์ม
นอกจากการรักษาด้วยยาแล้ว ก็จะต้องดูแลร่างกาย ดูแลผิวให้ดีด้วย นอกจากเซ็บเดิร์มจะหายแล้ว ผิวยังจะดูดี และ สตรองขึ้นอีกด้วย อย่างที่เราได้บอกไปแล้วว่าเซ็บเดิร์มเป็นโรคที่ไม่หายขาด แต่สามารถบรรเทาอาการให้สงบได้ หากดูแลอย่างต่อเนื่องด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ช่วยในเรื่องของเซ็บเดิร์มโดยตรงอย่าง ResiSKIN จะช่วยให้อาการดีขึ้นภายใน 7 วัน และ เมื่อใช้ต่อเนื่อง 2 อาทิตย์จะไม่มีเซ็บเดิร์มให้เห็นเลย อยากหายต้องลอง!!!
 
 
ใครที่สนใจสั่งซื้อ ResiSKIN สามารถกดที่ link ด้านล่างนี้ได้เลย
Facebook : Resiskin by Qualisk
Line : @resiskin


109

เนื่องจากในสถานการณ์ COVID ในปัจจุบัน เพื่อเป็นการเช็คตัวเองให้ลองกินพวก ยาแก้ไอ สมุนไพร ทาง Sistalk จะมาแนะนำเป็นสมุนไพรตัวเด็ดที่สามารถหาได้ง่ายที่ช่วยลดการเจ็บคอได้ดีแบบไม่ต้องพึ่งยา แถมยังหาได้ง่ายตามท้องตลาดตามบ้านเรือนทั่วไป แต่จะมีตัวไหนบ้างไปดูในบทความกันเลย!!!
 
สมุนไพรแก้ไอ คืออะไร - การไอมีกี่ประเภท?
ยาแก้ไอสมุนไพรเป็นการนำสมุนไพรพื้นบ้าน ที่มีสรรพคุณที่ช่วยในเรื่องของการลดเสมหะ นิยมนำมาใช้ทานแบบสดๆ คั้นเป็นน้ำ หรือ นำไปประกอบอาหาร แถมการไอมีด้วยกัน 2 รูปแบบ คือ
การไอแบบเฉียบพลัน / ทันทีทันใด เป็นอาการที่ร่างกายตอบสนองต่อสิ่งที่แปลกปลอม เช่น สภาพอากาศที่เปลี่ยน มลภาวะต่างๆ มักจะเกิดในช่วงสั้นๆ สามารถหายได้รวดเร็ว หรือ อาจจะเกิดจากการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจก็ได้
การไอแบบเรื้อรัง / ไอติดต่อการเป็นเวลานานไม่หายสักที เป็นการไอที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และ กินระยะเวลานาน บางคนอาจจะมีอาการรุนแรง รวมกับการหายใจ หรือ อาการอื่นๆ ส่วนใหญ่จะไม่หายในระยะเวลาอันสั้น มักจะต้องไปพบแพทย์เพื่อรักษา หรือ ทานยาร่วมด้วย
 
6 ยาแก้ไอ สมุนไพร ตัวเด็ดสุดปัง
อย่างที่เราได้บอกว่าสมุนไพรไทยมีสรรพคุณที่หลากหลายมาก สมุนไพรตัวเดียวอาจจะมีสรรพคุณมากกว่า 1 อย่างเลยด้วยซ้ำ สมุนไพรที่ช่วยแก้บรรเทาการไอก็จะมี 2 รูปแบบ คือ สมุนไพรที่ช่วยลดการคันคอ การไอที่เกิดจากการคันคอมักจะมาจากการที่ลำคอขาดความชุ่มชื้น เกิดการระคายเคืองขึ้น ส่วนอีกรูปแบบคือ สมุนไพรที่ช่วยลดการเจ็บคอ ส่วนใหญ่มักจะมาจากการที่ไอมากๆ จนทำให้ลำคอเกิดการอักเสบ บวม สมุนไพรที่ช่วยจึงจะต้องช่วยลดการระคายเคือง ลดการอักเสบ

มะขามป้อม - Indian Gooseberry


หนึ่งในสมุนไพรที่บางคนอาจจะไม่คุ้นชื่อ แต่คนรุ่นพ่อรุ่นแม่จะรู้จักกันดี เพราะเป็นสมุนไพรที่หากบอกว่าเจ็บคอจะต้องเป็นสมุนไพรตัวนี้เลย มะขามป้อมมีสรรพคุณที่ช่วยในเรื่องของการละลายเสมหะ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เราไอ
วิธีการทาน - มะขามป้อมสามารถทานแบบสดได้ หรือ จะทานแบบนำไปต้มเป็นน้ำก็ได้โดยใส่เกลือลงไปด้วยเล็กน้อย ให้จิบระหว่างวัน หรือ บางคนจะนำไปประกอบอาหารก็ได้
ความรู้สึกที่ทาน - จะมีหลายรสชาติจะรสเปรี้ยวๆ หวานนิดๆ ขมฝาดๆ แต่เมื่อทานไปประมาณหนึ่งจะเริ่มชิน ช่วยในบรรเทาอาการไอแบบเจ็บคอที่มาจากการอักเสบได้ดี

ขิง - Ginger


ขิงนับว่าเป็นสมุนไพรยอดฮิตที่นิยมกินในช่วงหน้าหนาว เพราะขิงเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณช่วยแก้ไอ แถมยังช่วยรักษาอาการหวัดได้ดี ขิงมีสรรพคุณพิเศษที่ช่วยในเรื่องของการต้านการสะสมเชื้อ ที่เป็นสาเหตุของการอักเสบในลำคอได้ดีโดยเฉพาะในขิงสด
วิธีการทาน - สามารถทานได้หลายรูปแบบทั้งการกินขิงสด การนำขิงมาประกอบอาหาร หรือ การนำไปทำน้ำขิง โดยให้ขูดขิง 2 ช้อนชา ผสมกับน้ำอุ่น 1 แก้ว หรือ ใครจะตำขิงแล้วมาคั้นเอาน้ำก็ได้ ส่วนใครที่พึ่งเคยกินแล้วรู้สึกว่ากินยาก ก็อาจจะเติมน้ำผึ้ง หรือ น้ำมะนาวลงไปเล็กน้อยก็ได้
ความรู้สึกที่ทาน - ทานแล้วจะรู้สึกเผ็ดๆ ร้อนๆ เมื่อทานเป็นน้ำจะรู้สึกวูบในลำคอจะรู้สึกอุ่นๆ แต่จะสบายลำคอ รู้สึกลำคอชุ่มชื้นขึ้น สามารถช่วยสำหรับคนที่ไอแบบเจ็บคอได้ดี

สมอไทย / สมอพิเภก - Chebulic Myrobalans / Belleric Myrobalan


ขอแนะนำสมุนไพรไทยชื่อแปลก 2 ตัวนี้ซึ่งเป็นสมุนไพรที่ถูกยกให้เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยามาก ช่วยในการละลาย และ ขับเสมหะได้ดี แถมยังมีสรรพคุณช่วยในการแก้การอักเสบ และ บรรเทาอาการไอได้อีกด้วย
วิธีการทาน - สามารถทานได้หลายรูปแบบ ทั้งทานสด หรือ นำไปตากแห้งแล้วนำมาต้มดื่ม แต่หากเป็นเรื่องของการบรรเทาการไอผลแห้งจะให้ผลที่ดีกว่าผลสด
ความรู้สึกที่ทาน - มีหลายรสชาติมากทั้ง ขม เค็ม หวาน เปรี้ยว และ ฝาด แต่เมื่อทานไปสักระยะจะรู้สึกว่าสบายคอ ชุ่มคอขึ้นมาก และ อาการไอลดน้อยลง สามารถช่วยได้ทั้งอาการคันคอ และ เจ็บคอจากการอักเสบเลย

มะนาว - Lime


มะนาวเป็นสมุนไพรที่ทุกบ้านจะต้องมีติดตู้เย็นเอาไว้ มะนาวเป็นสมุนไพรรสชาติเปรี้ยวที่ช่วยในการลดการอักเสบ ช่วยแก้การกระหายน้ำ และ ช่วยกำจัดเชื้อโรคในลำคอได้ดี
วิธีการทาน - มะนาวสามารถทานสดๆได้ แต่จะทานเฉพาะน้ำเท่านั้น ส่วนใหญ่นิยมนำไปคั้นเอาน้ำ หรือ จะเอาน้ำมะนาวมาผสมกับเกลือ น้ำอุ่น หรือ น้ำผึ้งก็ได้จะช่วยให้ชุ่มคอ จะใช้จิบบ่อยๆ ระหว่างวัน
ความรู้สึกที่ทาน - ความรู้สึกเดียวที่ได้จากการทานคือ ความเปรี้ยว ทานแล้วจะรู้สึกเปรี้ยวคอ แต่จะชุ่มคอมากๆ ช่วยบรรเทาการไอแบบคันคอ หรือ ไอแห้งๆ ได้ดี

กระเจี๊ยบแดง - Roselle


กระเจี๊ยบเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณที่ดีอย่างมากที่ช่วยในการละลายเสมหะ ช่วยให้ชุ่มคอ แถมยังกินได้ง่ายกว่าสมุนไพรบางชนิดอย่างเช่นขิง มะขามป้อม ที่จะมีรสฝาด รสขม รสเผ็ด
วิธีการทาน - กระเจี๊ยบจะนิยมนำมาคั้นเอาน้ำจากแบบสด และ แบบตากแห้งจะนำเอาไปต้มกับน้ำ อาจจะใส่น้ำตาลลงไปนิดๆ เพื่อให้กินได้ง่ายขึ้น นิยมดื่มทั้งแบบร้อน และ แบบเย็น
ความรู้สึกที่ทาน - จะมีรสฝาดหน่อยๆ แต่ส่วนมากจะออกรสเปรี้ยว แต่จะเปรี้ยวคนละแบบกับมะนาว รสจะออกไปทางเปรี้ยวไม่โดด เมื่อใส่น้ำตาลลงไปนิดๆ จะให้รสกลมกล่อมดื่มได้ง่ายขึ้นมาก จะเห็นได้ว่ามีน้ำกระเจี๊ยบขายอยู่ทั่วไป กระเจี๊ยบจะช่วยในเรื่องการไอที่มาจากการคันคอ ไอแห้งๆ

มะแว้งเครือ - Ma Waeng


มะแว้งนับว่าเป็นอีกหนึ่งสมุนไพรแก้เจ็บคอสุดฮิตที่ผู้เฒ่าผู้แก่ชอบปลูก แต่คนรุ่นใหม่จะไม่ชอบ เป็นสมุนไพรที่จะช่วยในเรื่องบรรเทาอาการไอที่ดีเลยตัวหนึ่ง แถมยังช่วยขับเสมหะได้ดีอีกด้วย
วิธีการทาน - สามารถกินเป็นผลสดๆ ได้ หรือ มักจะนำไปประกอบอาหาร แต่ก็จะนิยมนำไปทานเป็นน้ำ โดยจะเอาผลสดไปคั้นเอาน้ำ จากนั้นก็จะผสมเกลือลงไปนิดๆ หน่อยๆ แล้วใช้จิบกินระหว่างวัน
ความรู้สึกที่ทาน - จะมีรสเดียวเลย คือ รสขม แต่โบราณบอกไว้ว่าหวานเป็นลมขมเป็นยา แม้จะขมแต่ช่วยเรื่องอาการไอได้ค่อนข้างดีมาก กินไปไม่นานก็หายไอ หายเจ็บคอ
 
บรรเทาอาการไอง่ายๆ ให้หายเป็นปลิดทิ้ง


สำหรับใครที่มีปัญหาการไอ เจ็บคอ หรือ ระคายเคืองคออยู่บ่อยๆ เนื่องจากการใช้เสียงอยู่เป็นประจำ แต่ก็ไม่ชอบทานสมุนไพรขมๆ แล้วก็ไม่อยากทานยาทางเคมีที่สังเคราะห์ขึ้นมา
ขอแนะนำ ไอมะ (IMA) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนวัตกรรมใหม่ที่ถูกวิจัยโดยทีมเภสัชกรชั้นนำของเมืองไทย และ นักวิทยาศาสตร์จากญี่ปุ่น ในรูปแบบ ผงแกรนูล ที่มีคุณสมบัติที่จะละลายได้ทันทีเมื่อรับประทานเข้าไป ทำให้ไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำตามเลยด้วยซ้ำ สะดวกมากๆ แถมยังมีส่วนผสมของสมุนไพรแก้ไอตัวเด่นๆ อย่าง มะขามป้อม สมอไทย สมอพิเภก ซึ่งจะช่วยในการบรรเทาอาการไอ ช่วยให้รู้สึกชุ่มคอ แถมยังพกพาง่าย กินตอนไหนที่ไหนก็ได้ ทั้งสะดวก และ ทันสมัย ใครที่ไม่ชอบกินแบบเป็นผลสดๆ ลองมากินไอมะดูสิ แล้วก็เตรียมโบกมือลาอาการไอไปได้เลย!!!
>>สามารถสั่งซื้อได้ที่ Biopharm ลิ้งค์นี้เลย<<

สามารถติดต่อสอบถาม Sistalk ช่องทางอื่นๆได้ที่
Facebook : sistalk.in.th
Instagram : sistalk.in.th
Twitter : @SistalkTH


110

แสงแดดนับว่าเป็นหนึ่งในตัวการทำร้ายผิวที่คุณอาจจะไม่คาดคิด แสงแดดทำร้ายผิวได้ลึกมากๆ แถมทำร้ายผิวได้ยาวนาน และ ยังส่งผลทำให้ผิวของเราเจอกับปัญหา หน้าไหม้แดด ได้ง่ายหากคุณตากแดดจัดๆ ปัญหาผิวหน้าไหม้แดด อาจจะส่งผลทำให้สีผิวของคุณคล้ำขึ้น หากใครที่กำลังเจอกับปัญหานี้อยู่ ต้องห้ามพลาดบทความนี้ที่ทาง ResiSKIN จะมาแนะนำเคล็ดลับการฟื้นฟู ดูแลผิวของคุณให้กลับมาเหมือนเดิม ในบทความนี้เลย
หน้าไหม้แดดคืออะไร?
การที่หน้าของเราไหม้แดด เกิดจากการที่ผิวหนังของเราตอบสนองต่อรังสี UV เนื่องจากการโดนแดดเป็นเวลานานจนผิวเกิดการเปลี่ยนสภาพ การที่ผิวของเราโดนแสง UV ทำร้ายโดยตรง จะทำให้เกิดการขยายตัวของหลอดเลือดใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวเกิดการอักเสบ และ ทำให้ผิวหนังเกิดการสูญเสียน้ำ ทำให้ผิวหนังแสบร้อน จากนั้นเมื่อผิวเริ่มตอบสนองโดยการสร้างเมลานิน (เม็ดสีในชั้นผิว) ขึ้นมาเพื่อป้องกันแสง UV จึงทำให้ผิวในจุดที่โดนแสงมีสีต่างจากจุดที่ไม่โดนแดดเผานั่นเอง
 
หน้าไหม้แดด ทำให้เกิดปัญหาผิวอย่างไรบ้าง?


ปัญหาผิวไหมแดดเกิดจากการที่เราตากแดดเป็นเวลานานๆ ยิ่งแดดที่แรงจัดๆ หากโดนเป็นระยะประมาณ 15 - 20 นาที โดยที่โดนแสงโดยตรง เจอแสงแดดมากระทบเป็นเวลานาน ก็เลยทำให้ผิวหนังเลยได้รับแสงแดดไปเต็มๆ ทำให้ผิวของเราแดง แสบ ร้อน ระคายเคืองผิวได้ การที่แสงแดดมาทำร้ายผิวก็ส่งผลทำให้เกิดปัญหาผิวได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น
ผิวคล้ำแดด เป็นปัญหาผิวที่เกิดจากการที่แสง UV ในแสงแดดไปกระตุ้นอนุมูลอิสระภายในผิว ส่งผลทำให้ผิวหนังผลิตเซลล์เม็ดสีออกมามากขึ้น ทำให้ผิวของเราเลยกลายเป็นสีคล้ำ บางคนก็จะคล้ำทั้งตัว บางคนก็อาจจะคล้ำเป็นบางจุด
ผิวไหม้แดด เป็นปัญหาที่เกิดจากการที่ผิวของเราโดนแดดที่ร้อนจัดๆ แรงจัดๆ เป็นระยะเวลานาน แล้วทำให้เกิดอาการแสบแดงบริเวณผิวได้ และ จะพบได้มากในคนที่มีผิวขาว ซึ่งผิวไหม้แดดทำร้ายเซลล์ผิวได้ลึกกว่าผิวคล้ำแดดมาก
ปัญหาผิวจากความร้อน นอกจากการที่ผิวไหม้แดดแล้ว แสงแดด ความร้อนยังทำให้เกิดพวกปัญหาผิวตามมาได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นผดร้อน ฝ้า กระ รอยดำต่างๆ แสงแดดยิ่งจะไปกระตุ้นทำให้ปัญหาผิวลุกลามได้มากยิ่งขึ้น
โรคผิวหนัง มะเร็งผิวหนัง บางคนที่โดนแสงแดดจัดๆ เป็นเวลานาน แล้วมีผื่น หรือ โรคผิวหนังเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อโดนแดดได้ไม่นาน แสงแดดก็จะไปกระตุ้นทำให้ผิวหนังไวต่อแสงจะทำให้สภาพผิวเสื่อมก่อนวัย
 
ระดับของการไหม้แดด


ระดับแรก ในกรณีที่ผิวโดนแดดแรงๆ แต่ไม่นานมากอาจจะทำให้ผิวเปลี่ยนเป็นสีแดง บางคนก็อาจจะมีอาการเจ็บๆ บริเวณผิวร่วมด้วยหากมีผิวบอบบาง บางคนเมื่อผ่านไปไม่กี่วันหากปล่อยผิวไว้ไม่ดูแล อาจจะทำให้เกิดการลอกของผิวหนังได้ หรือ เกิดการผลัดเซลล์ผิวขึ้น อยู่ที่สภาพผิวของแต่ละบุคคล
ระดับสอง ในกรณีที่โดนแดดนานขึ้นในระยะเวลาหนึ่ง อาจจะทำให้ผิวเริ่มมีอาการบวม แดง ผิวแสบ โดยเฉพาะบริเวณที่ผิวไหม้แดด หากใครที่ผิวอ่อนแอ แพ้ง่ายอาจจะมีอาการรุนแรง แสบผิวมากกว่าปกติ
ระดับที่สาม หากโดนแดดเป็นประจำ หรือ โดนแดด ความร้อนที่ร้อนมากๆ เป็นระยะเวลานานก็ส่งผลทำให้ผิวยิ่งปวดร้อน แสบได้มากยิ่งขึ้น บางคนอาจจะเป็นมากจนทำให้มีตุ่มน้ำใสขึ้น และ อาจจะมีอาการคันร่วมด้วย ซึ่งใครที่เป็นขั้นที่สามควรจะไปพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อรีบรักษา
 
วิธีการดูแลฟื้นฟูผิวจากปัญหา หน้าไหม้แดด


ทาผลิตภัณฑ์ที่ลดการระคายเคือง และ ฟื้นฟูผิว หากรู้สึกแสบผิวเมื่อผิวโดนแสงแดดแรงๆ ให้หาว่านหางจระเข้ หรือ อาจจะใช้เป็นครีมช่วยลดการระคายเคือง เพราะว่านหางจระเข้มีสารที่ช่วยในเรื่องการสมานผิว ช่วยฆ่าเชื้อ กระตุ้นให้แผลหายไว
ประคบน้ำเย็น แช่น้ำ ในกรณีที่ผิวบวมแดง เนื่องจากโดนแดดเป็นเวลานาน เพื่อช่วยบรรเทาอาการแสบร้อน ผิวไหม้แดด แต่ไม่ควรรีบประคบหลังโดนแดดทันที แต่ควรปล่อยให้อุณหภูมิคงที่สักหน่อย แล้วจึงประคบเย็น
บำรุงผิวให้ชุ่มชื้นยาวนาน เมื่อโดนแดดเผา ให้บำรุงผิวให้ชุ่มชื้นอยู่สม่ำเสมอ ยิ่งในช่วงที่ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น เช่นหลังจากอาบน้ำ เพื่อกักเก็บน้ำในผิว หากเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่อ่อนโยน อาจจะทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองขึ้นมาแทนได้
ดื่มน้ำให้มากๆ เมื่อผิวโดนทำร้ายจากภายนอกแล้ว การดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวันก็สามารถช่วยในเรื่องการฟื้นคืนผิวจากภายในได้ เมื่อดื่มน้ำเข้าไปร่างกายจะเอาน้ำไปเลี้ยงผิว เพื่อซ่อมแซมผิวที่โดนทำลายไป
ทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ หากจะต้องออกไปข้างนอก หรือ อยู่ในที่ที่มีแสงแดด ความร้อนจัดๆ แม้จะไม่ได้นานแต่ก็ต้องเสริมเกราะป้องกันผิว ครีมกันแดดถือว่าเป็นเกราะป้องกันผิวที่ดีอีกชั้นหนึ่งเลยทีเดียว ที่ช่วยป้องกันแสงแดด ทำให้เลี่ยงการถูกแดดไหม้ผิวได้
ปัญหาผิวไหม้แดดเป็นอะไรที่ต้องรีบแก้ไข เราขอแนะนำผลิตภัณฑ์ของ ResiSKIN ซึ่งช่วยเรื่องของการฟื้นฟูผิวจากการอักเสบ การไหม้ของแดด เสริมเกราะป้องกันผิวจากมลภาวะต่างโดยเฉพาะแสงแดด ลดการระคายเคืองผิวต่างๆ และ ยังช่วยในเรื่องการบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น กู้คืนผิวจากการไหม้แดด ใครที่ผิวอ่อนแอ ผิวบอบบางแพ้ง่าย สามารถใช้ได้ เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากสารก่ออาการแพ้ และ สารระคายเคืองผิว ไม่มีสารปรุงแต่งอย่างน้ำหอม สี เม็ดสครับ พาราเบน นอกจากนั้นยังมี Extremolytes 7% ที่เป็นเกราะป้องกันผิวอีกด้วย
ใครที่อยากให้หน้ากลับมาใส สตรองแข็งแรงดังเดิม ลองเลยผลิตภัณฑ์จาก ResiSKIN!!!

 
ใครที่สนใจสั่งซื้อ ResiSKIN สามารถกดที่ link ด้านล่างนี้ได้เลย
Facebook : Resiskin by Qualisk
Line : @resiskin


111

ปัญหาผิวแห้ง หนึ่งในปัญหาผิวที่สามารถเกิดได้กับทุกเพศ ทุกวัย นอกจากจะเป็นปัญหาที่ทำให้หน้าของเราลอกเป็นขุยแล้ว ยังทำให้สาวๆ ขาดความมั่นใจอีกด้วย แล้วแบบนี้จะรับมือกับปัญหาผิวแห้งอย่างไรถึงจะทำให้หน้ากลับมาชุ่มชื้น และ ดูดีดังเดิม หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่กำลังหนักใจกับปัญหานี้ วันนี้ทางเราจะมาแนะนำ หน้าแห้งใช้อะไรดี มาดูกันเลย!!!
ปัญหาผิวแห้ง คืออะไร?


ผิวแห้ง หรือ Dry Skin เกิดจากการที่ต่อมไขมันในชั้นผิวของเราทำงานลดลง เนื่องจากระดับน้ำในชั้นผิวน้อย โดยปกติผิวของเราจะมีน้ำมัน และ สารให้ความชุ่มชื้นอยู่ในผิว แต่เมื่อผิวของเราสูญเสียความชุ่มชื้นออกไป น้ำในชั้นผิวก็จะทำการระเหยจนทำให้ผิวบริเวณนั้นแห้งเสีย ทำให้ผิวของเราจึงอ่อนแอ และ แห้งเสียได้ง่าย
ผิวสูญเสียน้ำ = ผิวสูญเสียเกราะป้องกันผิว

สาเหตุที่ทำให้ผิวของเราแห้ง


สาเหตุที่ไม่สามารถควบคุมได้
อายุที่เพิ่มขึ้น ยิ่งอายุของเราเพิ่มขึ้น ระบบในร่างกายของเราก็จะทำงานได้ลดลง ทำให้ต่อมไขมันในชั้นผิวทำงานได้น้อยลง เป็นผลทำให้พอยิ่งอายุมากยิ่งผิวแห้งนั่นเอง ดังนั้นเราจึงควรที่จะดูแลผิวเป็นพิเศษ
พันธุกรรม อีกหนึ่งสาเหตุที่เราควบคุมไม่ได้นั่นก็คือโรคผิวหนังทางพันธุกรรม ที่ถูกถ่ายทอดมาจึงยากมากต่อการควบคุม แต่ก็สามารถดูแลให้อาการดีขึ้นได้ หากดูแลอย่างถูกวิธี
สภาพอากาศ มลภาวะ เพราะเราไม่สามารถควบคุมอากาศได้ แต่เราสามารถที่จะป้องกันได้ ด้วยการดูแลผิวให้ดี เลี่ยงการออกไปในสภาพอากาศที่ไม่ดี เช่น แดดร้อนจัด อากาศแห้ง
สาเหตุที่สามารถควบคุมได้
พฤติกรรมการใช้ชีวิต การอาบน้ำ ล้างหน้าด้วยน้ำในอุณหภูมิที่พอเหมาะ ไม่ร้อนเกินไป เพราะจะทำให้รูขุมขนเปิด และ สูญเสียความชื้นได้ง่าย รวมทั้งการขัดผิว สครับผิว ที่ทำให้ผิวบอบบางด้วย และ ควรที่จะบำรุงผิวอยู่สม่ำเสมอ
การดื่มน้ำ รับประทานอาหาร ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้ผิว และ ทานอาหารที่มีประโยชน์ ที่ช่วยบำรุง ฟื้นฟูผิว เช่น พวกวิตามินต่างๆ
 
หน้าแห้งใช้อะไรดี วิธีเลือกครีมสำหรับคนผิวแห้ง


เพื่อที่จะทำผิวหน้าที่แห้งจากการสูญเสียน้ำ กลับมาชุ่มชื้นอีกครั้งจึงจำเป็นต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของ "Extremolytes" เป็นโมเลกุลของสารที่สกัดจากสิ่งมีชีวิต ซึ่งทำหน้าที่ในการปกป้องเซลล์ให้อยู่รอดได้ แม้จะอยู่สภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นใจ เพื่อสร้างเกราะความชุ่มชื้นให้ผิว
-สร้างเกราะป้องกันผิวจากสภาพแวดล้อมต่างๆ แม้ในสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ ช่วยให้ผิวสุขภาพดี (สามารถใช้กับผิวเด็กทารกที่ยังแข็งแรงไม่พอได้) ทำให้ผิวแข็งแรง ไม่มีผดผื่น หรือ อาการแพ้
-ช่วยในการลดระดับความเสียหายของเซลล์ผิวจาก Visible Light , UVA และ UVB ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้แก่ผิว
-ช่วยป้องกันการเกิดจุดด่างดำจากมลภาวะต่างๆ โดยจะทำการลดระดับของการสร้างเม็ดสีที่สัมผัสมลภาวะลง
-เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ทำให้ผิวของเราชุ่มชื้นได้ยาวนานมากยิ่งขึ้นยาวนานถึง 7 วัน
-ช่วยในเรื่องการลดเลือนริ้วรอย สามารถช่วยลดริ้วรอยได้แม้จะจุดที่อ่อนโยนอย่างบริเวณรอบดวงตา
-ช่วยในการลดการอักเสบของผิวที่เกิดความเสียหายจากปัจจัยต่างๆ
-ช่วยสำหรับคนที่มีปัญหาโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง เช่น โรคสะเก็ดเงิน เซ็บเดิร์ม
ดังนั้นสำหรับคนที่มีผิวแห้ง ผิวลอกเป็นขุย จึงควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Extremolytes อย่างครีมเวชสำอางของ ResiSKIN ดังนั้นเราเลยอยากจะแนะนำผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Extremolytes 7% ที่ช่วยในการฟื้นฟูผิวให้กับมาดูดี และ สตรอง เหมือนเดิม เอาชนะทุกปัญหาผิว อักเสบ แพ้ แห้ง แดง ผื่นคัน!!! นอกจากนั้นยังช่วยในเรื่อง การสร้างเกราะความชุ่มชื้น (Hydro complex) นอกจากนั้นยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว เพราะไม่มีส่วนประกอบของน้ำหอม พาราเบน สารปรุงแต่งสังเคราะห์ต่างๆ ช่วยปกป้องผิวทำให้ผิวชุ่มชื้นไม่แห้งแตก เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Extremolytes ดูแล้วคุณจะได้ผิวที่ชุ่มชื้นกลับคืนมาดังเดิม ยิ่งใครที่มีผิวบอบบางลอง ResiSKIN ดูสิคะแล้วคุณจะหลงรัก
 
อย่าให้ปัญหาผิวแห้งมากวนใจ ผิวสตรองขึ้นได้ด้วยResiSKIN

 
ใครที่สนใจสั่งซื้อ ResiSKIN สามารถกดที่ link ด้านล่างนี้ได้เลย
Facebook : Resiskin by Qualisk
Line : @resiskin


112

โรงงานมีองค์ประกอบมากกว่าที่คุณคิด โดยเฉพาะกับพวกอุตสาหกรรมรูปแบบเฉพาะ ที่ต้องมีการออกแบบวางแผนรูปแบบการผลิต และ ระบบต่างๆ ทำให้จะต้องมีการ ออกแบบ โรงงาน ที่มีการวางผังเครื่องจักร ระบบต่างๆ ให้เป็นไปตามมาตรฐานโรงงานที่ดี เพื่อที่จะสามารถใช้งานได้ยาวนาน อยากได้โรงงานที่ดีมีมาตรฐานต้องห้ามพลาดบทความนี้เลย!!!
 
V.K.B ออกแบบ โรงงาน แบบไหนบ้าง?


V.K.B จะเน้นในเรื่องของ "ฟังก์ชั่นการใช้งาน" เป็นหลัก ว่าลูกค้าต้องการโรงงานสำหรับทำอะไร โดยเราจะมุ่งเน้นที่จะออกแบบให้ตอบโจทย์การใช้งานของโรงงานมากที่สุด นอกจากนั้นเรายังเน้นการออกแบบโดยคำนึงจากความสัมพันธ์ของฟังก์ชั่นต่างๆ ให้ซัพพอร์ตกับรูปแบบการใช้งานของโรงงาน และ ออกแบบให้ถูกต้องตาม พ.ร.บ ควบคุมอาคาร เพื่อที่จะทำให้โรงงานของคุณออกมาดีที่สุด
>>อ่าน ระยะร่นโรงงาน เพิ่มเติมได้ที่นี่<<

ขั้นตอนการออกแบบโรงงานเป็นอย่างไร?


1.คุยเรื่องความต้องการในการสร้างโรงงาน ว่ามีความต้องการอะไรบ้าง และ มีงบประมาณเท่าไหร่ในการสร้างโรงงาน เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า โดยเราจะให้ความใส่ใจเรื่องลักษณะรูปแบบการใช้งานเป็นหลัก เช่น ถ้าลูกค้าเป็นโรงงานอาหาร หรือ โรงงานยา เราจะคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยในการผลิต และ ความสะอาดของโรงงาน
2.สำรวจพื้นที่สำหรับสร้างโรงงานจริง เมื่อทำการคุยเรื่องรายละเอียดเบื้องต้น และ ขอบเขตของงานแล้ว จากนั้นลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบที่ดินของลูกค้าว่าเหมาะสมในการสร้างโรงงานหรือไม่
3.ทำการออกแบบโรงงาน ในส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาคารหลัก อาคารประกอบ ให้ตรงตามรูปแบบฟังก์ชั่นการใช้งานที่ลูกค้าต้องการ เพื่อใช้ในการประเมินราคาเบื้องต้นสำหรับก่อสร้างโรงงาน
4.เสนอราคาในการสร้างโรงงาน เข้าไปคุยเรื่องรูปแบบโรงงานว่าลูกค้ามีความพึงพอใจหรือไม่ จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนในการประเมินราคาโรงงาน ว่าใช้งบประมาณในการก่อสร้างจริงเท่าไหร่
**ขั้นตอนต่างๆ อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับแต่ละโครงการ และ ผู้ออกแบบแต่ละคน**

ทำงาน ออกแบบ โรงงาน กับเราดีอย่างไร?


บริษัท V.K.B contracting ของเราเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ให้บริการทั้งการออกแบบโรงงาน และ รับเหมาก่อสร้าง เราให้ความสำคัญมากกับ "บริการหลังการขาย" โดยเมื่อดำเนินการสร้างโรงงานเสร็จเรียบร้อยเราก็ยังจะดูแลคุณ นอกจากนั้นเราจะเน้นเรื่องความรวดเร็วในการบริการทั้งการออกแบบ และ ก่อสร้าง นอกจากนั้นราคาของเรายังเป็นราคามาตรฐาน รับรองได้เลยว่าคุ้มค่ากับราคาอย่างแน่นอน และ ที่เราให้ความสำคัญมากที่สุดก็คือเรื่องของ "ความซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา" เพราะบริษัทเราเป็นบริษัทรับเหมาที่เป็นให้บริการมายาวนานกว่า 30 ปี และ ได้รับความไว้ใจจากองค์กรชั้นนำในการก่อสร้างมามากกว่า 100 โครงการ ทั้งกับ SCG เลยมั่นใจได้เลยว่าในเรื่องของรูปแบบโรงงาน ฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ และ ความปลอดภัยขณะดำเนินการก่อสร้างจะเป็นไปอย่างมีมาตรฐานแน่นอน
 
นอกจากมาตรฐานที่ดีแล้วเราใส่ใจลูกค้า
เพราะเราใส่ใจทุกรายละเอียด และ ใส่ใจลูกค้า V.K.B จึงเน้นการออกแบบ และ ก่อสร้างเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า 3 เรื่องหลักๆ ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ลูกค้า และ องค์กรชั้นนำของเราในการออกแบบโรงงาน
พื้นที่ใช้สอยของโรงงาน ต้องตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้า และ ให้คุ้มค่าต่อการใช้งานมากที่สุด
งบประมาณสำหรับการก่อสร้าง ที่เหมาะสมในการสร้างโรงงานให้เป็นไปตามความต้องการของลูกค้า
เวลาในการก่อสร้าง  ดำเนินการให้ทันระยะเวลาที่ลูกค้าต้องการอย่างมีคุณภาพ
 
 
ค่าใช้จ่ายในการออกแบบโรงงาน?
โกดัง คลังสินค้าทั่วไป ราคาเริ่มต้นจะประมาณ 10,000 - 12,000 บาท / ตรม.
ตัวอาคารโรงงาน ราคาเริ่มต้นจะประมาณ 15,000 บาท / ตรม. (เฉพาะตัวอาคาร)
อาคารที่เป็นออฟฟิศ ที่เน้นฟังก์ชั่น ราคาเริ่มต้นจะประมาณ 17,000 บาท / ตรม. (ราคาจะขึ้นอยู่กับการตกแต่งและวัสดุที่ใช้)
**หมายเหตุ : เป็นราคาคร่าวๆ ราคาสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามปัจจัยอื่นๆ เช่น ราคาตลาดของวัสดุในช่วงเวลานั้นๆ หรือ รูปแบบความซับซ้อนของโครงการ และ ปัจจัยอื่นๆ
การคำนวณค่าใช้จ่ายในการออกแบบเบื้องต้นในการออกแบบ จะคำนวณจากขนาดของพื้นที่ใช้สอยโดยให้เอา ขนาดพื้นที่ใช้สอย x ราคาค่าก่อสร้างต่อตารางเมตร ก็จะออกมาเป็นค่าก่อสร้างทั้งหมด จากนั้นก็ให้นำไปคิดตามเปอร์เซ็นต์ที่นักออกแบบกำหนด เช่น พื้นที่ใช้สอยโรงงาน 500 ตรม. ค่าก่อสร้างตารางเมตรละ 15,000 บาท คิดเป็นเงิน 7,500,000 บาท สมมติว่าค่าออกแบบ 3% ก็จะต้องจ่ายค่าออกแบบทั้งหมด 225,000 บาท ค่าใช้จ่ายในการออกแบบส่วนมากมักจะคิด 3 - 6% ของมูลค่าโครงการ ซึ่งจะรวมค่าเซ็นต์การก่อสร้างในกรณีรับก่อสร้าง และ ออกแบบโรงงาน
 
 
เลือกบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ออกแบบโรงงานเลือก V.K.B
ผู้ประกอบการที่ต้องการจัดสร้างโรงงาน บริษัท V.K.B contracting ของเราเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ให้บริการออกแบบ และ ก่อสร้าง รวมถึงให้คำแนะนำ บริหารโครงการ ที่ให้บริการมายาวนานกว่า 30 ปี ด้วยทีมที่เชี่ยวชาญ และ มีประสบการณ์ ทำให้คุณมั่นใจได้เลยว่างานที่ออกมาจะเป็นไปอย่างที่คุณต้องการ และ มีคุณภาพ
งานก่อสร้าง รับเหมาก่อสร้างด้วยทีมงานบุคลากรคุณภาพที่พร้อมบริการอย่างเต็มที่
งานออกแบบ มีผู้เชี่ยวชาญที่มากประสบการณ์ รวมทั้งนักออกแบบรุ่นใหม่ ที่พร้อมออกแบบเพื่อให้ตอบโจทย์ตามสไตล์ของคุณ
ให้คำปรึกษา และ บริหารโครงการ นอกจากการก่อสร้างแล้ว เรายังให้คำแนะนำ ปรึกษา และ ช่วยเหลือปัญหาที่เกิดจากการก่อสร้างทุกรูปแบบ
บริการอย่างเต็มที่ และ เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ

 
สามารถสอบถาม V.K.B และ ดูข้อมูลเพิ่มเติมช่องทางอื่นๆ
Line : @vkb.cont
Facebook : VKB Contracting
Tel : 02-377-6591 , 02-735-1636 , 02-735-1637
Email : vkb.cont@gmail.com


113

ในช่วงประจำเดือนการใช้ ถุงน้ำร้อน ประคบท้อง ประจําเดือน เป็นหนึ่งในไอเทมที่อยู่คู่กับผู้หญิงมายาวนาน ตั้งแต่สมัยรุ่นแม่ๆ เคยสงสัยกันหรือไม่ว่าถุงน้ำร้อนลดการปวดประจำเดือนได้จริงหรือไม่!!! วันนี้ทาง Sistalk เลยจะมาแชร์ข้อมูลความรู้ และ ประโยชน์ของถุงน้ำร้อนว่าใช้แล้วเป็นอย่างไร แล้วช่วยเรื่องการปวดท้องประจำเดือนได้หรือไม่ในบทความเลย

ประโยชน์ของ ถุงน้ำร้อนประคบท้อง ประจําเดือน


ความร้อนจากถุงน้ำร้อนที่ออกมาจะเข้าไปทำหน้าที่ในการขยายหลอดเลือด ทำให้บริเวณที่เกิดการบีบเกร็งของกล้ามเนื้อมดลูกผ่อนคลายลง  ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี ทำให้ผ่อนคลายขึ้น "เมื่อการบีบเกร็งลดลงเลยทำให้อาการปวดท้องบรรเทาลงนั่นเอง" แถมยังช่วยทำปรับอุณหภูมิในคนที่ประจำเดือนมาหนักๆ แล้วมีไข้ขึ้น หรือ ที่เรียกว่าไข้ทับระดูนั่นเอง
วิธีใช้ถุงน้ำร้อน ใช้ยังไง ใช้แล้วรู้สึกอย่างไร?


หากพูดถึง ถุงน้ำร้อนแบบเติม จะเป็นรุ่นที่ต้องใส่น้ำเข้าไปในถุง โดยน้ำที่ใส่เข้าไปไม่ควรเป็นน้ำเดือด แต่ให้ใช้เป็นน้ำอุ่นเอา เพราะยางที่ใช้ในการทำถุงน้ำร้อนไม่สามารถทนความร้อนสูงๆ ได้
-ก่อนใช้งานให้ตรวจดูถุงน้ำร้อนให้ดีก่อนว่ามีรอยรั่ว รอยแตกที่ถุงหรือไม่
-ให้ใส่น้ำอุ่นเข้าไปในถุงไม่ควรใช้น้ำที่ร้อนจัดๆ ใส่น้ำเข้าไปประมาณ 3 ใน 4 ส่วน ไม่ควรใส่น้ำให้เต็มจนเกินไป จากนั้นหมุนฝาปิดถุงให้แน่น
-ก่อนที่จะเอาถุงน้ำร้อนไปประคบให้หาผ้ามาพันรอบถุงก่อน ไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้ร้อนเกินไป ให้วางบนเสื้อผ้า ไม่ควรให้ถุงน้ำร้อนสัมผัสผิวโดยตรง และ ไม่ควรนอนทับถุงน้ำร้อนเด็ดขาด!!!


แต่ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาเป็น ถุงน้ำร้อนไฟฟ้า ที่เพียงแค่เติมน้ำแล้วเสียบปลั๊ก ก็จะทำให้น้ำในถุงร้อนขึ้นมา โดยไม่จำเป็นต้องไปเสียเวลาต้มน้ำเลย แถมถุงน้ำร้อนไฟฟ้ามักจะมีผ้านิ่มล้อมรอบ ทำให้ไม่ต้องกลัวร้อน!!!
-ก่อนใช้งานให้ตรวจดูถุงน้ำร้อนให้ดีก่อนว่ามีรอยรั่ว รอยแตกที่ถุงหรือไม่
-สำหรับการใช้ครั้งแรกให้เติมน้ำธรรมดาลงไปจากนั้นผิดฝาให้แน่นแล้วทำการชาร์จไฟ ไม่ควรวางถุงน้ำร้อนทับสิ่งของ เมื่อชาร์จเสร็จบางรุ่นห้อจะตัดไฟ บางรุ่นก็จะแจ้งเตือน
-จากนั้นเอาถุงน้ำร้อนไปประคบท้องได้เลย ระหว่างใช้ไม่ควรนอนทับถุงน้ำร้อนเด็ดขาด!!!
เมื่อใช้ครั้งแรกจะรู้สึกร้อนๆ บริเวณที่ประคบ แต่เมื่อประคบไปจะรู้สึกอุ่นๆ บริเวณท้อง ทำให้สบายท้อง รู้สึกผ่อนคลายขึ้น หากใช้ไปแล้วถุงน้ำร้อนเริ่มไม่ร้อนแล้วให้ทำการเปลี่ยนน้ำ หรือ ชาร์จไฟใหม่อีกครั้ง หากน้ำไม่ร้อนก็จะไม่ช่วยในการลดอาการปวดประจำเดือนได้
ถุงน้ำร้อนหาซื้อได้ที่ไหน ถ้าไม่มีใช้อะไรแทนได้!!!


ถุงน้ำร้อนแบบเติมน้ำสามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามพวกร้านขายยา ห้าง หรือ ร้านขายของชำ ส่วนใหญ่ตามต่างจังหวัดจะหาได้ง่ายกว่าในเมือง ส่วนถุงน้ำร้อนไฟฟ้าสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยา ห้างสรรพสินค้า ช่องทางออนไลน์ต่างๆ จะหาได้ง่ายกว่าแบบใส่น้ำเอง

ประสบการณ์การใช้ ถุงน้ำร้อน ประคบท้อง ประจำเดือน
วิธีแก้การปวดท้องประจำเดือนมาหลากหลายวิธี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการใช้ถุงน้ำร้อนประคบท้อง เราเคยใช้ทั้งแบบเติมน้ำ และ แบบถุงน้ำร้อนไฟฟ้า ส่วนตัวเรารู้สึกว่าแบบเติมน้ำความร้อนอยู่ได้นานกว่าแบบไฟฟ้า แต่เราชอบแบบถุงน้ำร้อนไฟฟ้ามากกว่า เพราะว่าใช้ง่าย แนะนำว่าก่อนที่จะประคบให้ลองเอามือแตะๆ ว่าร้อนเกินไปหรือไม่ เราเคยใช้มาหลายรุ่น หลายยี่ห้อ จนมาเจอรุ่นที่ความหนาของผ้าห่อถุงน้ำร้อนที่พอดีกับเรา (ความชอบ ความสบายของแต่ละคนก็แตกต่างกันออกไป ให้เลือกให้เหมาะกับตัวเอง)

ข้อควรระวังในการใช้ถุงน้ำร้อน
ส่วนใครที่คิดจะซื้อถุงน้ำร้อนก็ให้เลือกตามความชอบ ตามความสะดวก แต่ต้องระวังเรื่องของความร้อนให้ดี หากเป็นแบบเติมน้ำต้องปิดฝาให้แน่น ให้ลองเทๆ จับๆ ดูว่ามีน้ำออกมาไหมก่อนที่จะประคบ และ ที่สำคัญมากห้ามใส่น้ำเดือดเด็ดขาด เตือนแล้วนะคะ!!! โดยส่วนตัวคิดว่าวิธีนี้เป็นหนึ่งในวิธีแก้ปวดท้องเมนที่ดีเลยทีเดียว ใครที่ไม่ชอบกินยา ลองวิธีนี้ดูเลย!!!
 
 
Sistalk เพราะเราเข้าใจผู้หญิงดี
เพราะเราเข้าใจผู้หญิงเป็นอย่างดี พบกับบทความสุขภาพ และ เรื่องราวข้อมูลต่างๆ ของผู้หญิงได้ที่ Sistalk ทั้งเรื่องความรัก สุขภาพ เรื่องลับๆ ของผู้หญิงที่ควรรู้เอาไว้ ไม่ว่าคุณจะเป็นสาวแบบไหน อายุเท่าไหร่ ก็สามารถมาเป็นสาว Sistalkได้ ด้วยการไปอ่านบทความต่างๆ ของเราด้วยนะคะซิส แล้วคุณจะไม่ตกเทรนด์ใหม่ๆ แถมยังได้ความรู้ สาระต่างๆ ที่จะช่วยให้คุณรับมือกับปัญหาเรื่องของสาวๆ อย่างเราได้ดีมากยิ่งขึ้น แล้วเจอกันใหม่บทความหน้านะคะสาวๆ
 
 
สามารถติดต่อสอบถาม Sistalk ช่องทางอื่นๆได้ที่
Facebook : sistalk.in.th
Instagram : sistalk.in.th
Twitter : @SistalkTH


114

นอกจากกฎหมายโรงงานที่ผู้ประกอบการจะต้องขออนุญาตในการก่อสร้างแล้ว ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญนั่นก็คือ ระยะร่น โรงงาน ซึ่งถือได้ว่าเป็นสิ่งที่กฎหมายกำหนดในการควบคุมอาคาร โดยจะต้องทำการเช็คให้ดี สิ่งนี้ก็นับว่าสำคัญไม่ใช่น้อย วันนี้ทาง V.K.B เลยเอาข้อมูลเรื่องของระยะร่นมาฝาก ใครที่กำลังมีแพลนจะก่อสร้างโรงงาน หรือ เป็นผู้ประกอบการไม่ควรพลาดบทความนี้เลย!!!
>>อ่านบทความ กฎหมายโรงงานที่ผู้ประกอยการควรต้องรู้ เพิ่มเติมได้ที่นี่<<

ระยะร่น โรงงาน คืออะไร?
ระยะร่น เป็นระยะห่างที่ทำการวัดจากตำแหน่งบนทางสาธารณะจนมาถึงตัวของแนวอาคาร โดยวิธีการวัดก็จะแตกต่างกันไปตามประเภทของอาคาร ประเภทถนน มีทั้งการวัดจากถนนเข้ามา และ วัดจากจุดกึ่งกลางถนน ระยะร่นจะทำการคิดตามประเภทของการอนุญาตการใช้งาน โดยจะต้องยึดตามข้อกำหนดของ กฎกระทรวงฉบับ 55 พ.ศ. 2543 (ข้อที่ 38 และ 39) ซึ่งระยะร่นจะมีด้วยกัน 3 รูปแบบ คือ
-ระยะร่นโกดัง
-ระยะร่นโรงงาน
-ระยะร่นอื่นๆ
นอกจากนั้นยังต้องคำนึงถึงกฎหมายสากลด้วย เช่น ขนาดพื้นที่ทั้งหมดของโรงงานสามารถทำพื้นที่ใช้สอยได้มากน้อยแค่ไหน ทั้งค่า FAR (Floor Area Ratio : ใช้บอกขนาดของพื้นที่ใช้สอย) หรือ ค่า OSR (Open Space Ratio : ใช้บอกพื้นที่ว่างในการทำ Green Area) โดยจะออกแบบให้ตอบโจทย์ฟังก์ชั่นการใช้งานของลูกค้า ระยะร่นที่แตกต่างกันออกไปตาม พรบ. ควบคุมอาคาร และ กฎหมายผังเมืองแต่ละประเภท ที่ใช้ในการควบคุมผู้ประกอบการที่เป็นเจ้าของโรงงานให้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย
>>อ่านบทความ การออกแบบโรงงานโดยมาตรฐานมืออาชีพ เพิ่มเติมได้ที่นี่<<

ระยะร่น โกดัง
ระยะร่นของโกดัง หรือ คลังเก็บสินค้า จะมี 2 รูปแบบ


ระยะร่นโกดังที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 100 ตรม. แต่ไม่เกิน 500 ตรม. (พื้นที่ของอาคารทุกชั้นรวมกัน) จะต้องมีระยะร่นจากแนวเขตที่ดินไม่น้อยกว่า 6 เมตร (ทั้ง 2 ด้าน) และ ด้านข้างที่เหลือจะมีระยะร่นไม่น้อยกว่า 3 เมตร (ทั้ง 2 ด้าน)


ระยะร่นโกดังที่มีพื้นที่มากกว่า 500 ตรม. ขึ้นไป (พื้นที่ของอาคารทุกชั้นรวมกัน) จะต้องมีระยะร่นจากแนวเขตที่ดินสำหรับตัวอาคารไม่น้อยกว่า 10 เมตร (ทั้ง 2 ด้าน) และ ด้านข้างที่เหลือจะมีระยะร่นไม่น้อยกว่า 5 เมตร (ทั้ง 2 ด้าน)

ระยะร่น โรงงาน


ระยะร่นโรงงานที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 200 ตรม. แต่ไม่เกิน 500 ตรม. (พื้นที่ของอาคารทุกชั้นรวมกัน) จะต้องมีระยะร่นจากแนวเขตที่ดินสำหรับการก่อสร้างไม่น้อยกว่า 3 เมตร (ทั้ง 2 ด้าน) โดยในส่วนของผนังจะต้องใช้เป็นผนังทึบ (ยกเว้นในส่วนของประตูหนีไฟ) และ ในส่วนของด้านที่เหลือจะมีระยะร่นไม่น้อยกว่า 6 เมตร


ระยะร่นโรงงานที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 500 ตรม. แต่ไม่เกิน 1,000 ตรม. (พื้นที่ของอาคารทุกชั้นรวมกัน) จะต้องมีระยะร่นจากแนวเขตที่ดินสำหรับการก่อสร้างไม่น้อยกว่า 6 เมตร (ทุกด้าน)


ระยะร่นโรงงานที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 1,000 ตรม. ขึ้นไป (พื้นที่ของอาคารทุกชั้นรวมกัน) จะต้องมีระยะร่นจากแนวเขตที่ดินสำหรับการก่อสร้างไม่น้อยกว่า 10 เมตร (ทุกด้าน)

ส่วนใหญ่จะไม่สามารถทำการสร้างโรงงานเต็มพื้นที่ของที่ดินที่มีได้ เนื่องจากจะต้องถูกหักจากระยะร่นที่ พรบ. ควบคุมโรงงานได้กำหนดไว้ เช่นมีที่ดิน 1,000,000 ตรม. แต่พอเวลาก่อสร้างโรงงานไปแล้วพื้นที่ที่ได้อาจจะไม่ถึง 1,000,000 ตรม. เพราะจะต้องหักในส่วนของระยะร่นออกไป
 
ระยะอื่นๆ
นอกจากระยะร่นของโกดัง และ โรงงานแล้ว เช่น ทางหลวง ระยะร่นระหว่างอาคาร รวมทั้งระยะร่นจากแหล่งชุมชน แม่น้ำลำคลอง
ระยะร่นจากแหล่งน้ำ
แหล่งน้ำที่มีขนาดความกว้างน้อยกว่า 10 เมตร ระยะร่นจะต้องไม่น้อยกว่า 3 เมตร
แหล่งน้ำที่มีขนาดความกว้างใหญ่กว่า 10 เมตรขึ้นไป ระยะร่นจะต้องไม่น้อยกว่า 6 เมตร
แหล่งน้ำขนาดความกว้างใหญ่พิเศษ อย่างทะเลสาบ ทะเล บึงน้ำ ระยะร่นจะต้องไม่น้อยกว่า 12 เมตร
นอกจากแหล่งน้ำแล้วก็ยังมีในส่วนของระยะร่นจากแนวเขตที่ดินผู้อื่นๆ หรือ อาคารขนาดใหญ่ อาคารขนาดใหญ่พิเศษ อาคารขนาดสูง ดังนั้นก่อนที่จะก่อสร้างควรจะทำการศึกษารูปแบบของอาคารที่เราจะสร้างให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจดำเนินการสร้างอาคารนั้นๆ
 
ถ้าไม่เว้นระยะร่นในการก่อสร้างผิดไหม และ ทำไมต้องเว้นระยะร่น?
ผิดอย่างแน่นอน หากยังก่อสร้างจะต้องเสียค่าปรับ และ ทำการรื้อถอนอาคาร หรือ สิ่งปลูกสร้างภายในโรงงานนั้นๆ สาเหตุที่ต้องทำการเว้นระยะร่นนั่นก็เพื่อความปลอดภัยจากเหตุสุดวิสัย นอกจากนั้นยังช่วยในการป้องกันเวลาที่ทำการก่อสร้าง ซ่อมแซมเพิ่มเติม ทำให้เหลือพื้นที่ในการติดตั้งอุปกรณ์เสริมโดยไม่ล้ำไปยังบริเวณอื่นๆ อีกด้วย
 
 
อยากได้โรงงานที่เป็นไปตามมาตรฐานเลือก V.K.B
ผู้ประกอบการที่ต้องการจัดสร้างโรงงาน บริษัท V.K.B contracting ของเราเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ให้บริการออกแบบ และ ก่อสร้าง รวมถึงให้คำแนะนำ บริหารโครงการ ที่ให้บริการมายาวนานกว่า 30 ปี ด้วยทีมที่เชี่ยวชาญ และ มีประสบการณ์ ทำให้คุณมั่นใจได้เลยว่างานที่ออกมาจะเป็นไปอย่างที่คุณต้องการ และ มีคุณภาพ
งานก่อสร้าง รับเหมาก่อสร้างด้วยทีมงานบุคลากรคุณภาพที่พร้อมบริการอย่างเต็มที่
งานออกแบบ มีผู้เชี่ยวชาญที่มากประสบการณ์ รวมทั้งนักออกแบบรุ่นใหม่ ที่พร้อมออกแบบเพื่อให้ตอบโจทย์ตามสไตล์ของคุณ
ให้คำปรึกษา และ บริหารโครงการ นอกจากการก่อสร้างแล้ว เรายังให้คำแนะนำ ปรึกษา และ ช่วยเหลือปัญหาที่เกิดจากการก่อสร้างทุกรูปแบบ
บริการอย่างเต็มที่ และ เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ

สามารถสอบถาม V.K.B และ ดูข้อมูลเพิ่มเติมช่องทางอื่นๆ
Line : @vkb.cont
Facebook : VKB Contracting
Tel : 02-377-6591 , 02-735-1636 , 02-735-1637
Email : vkb.cont@gmail.com


115

แพ้เหงื่อตัวเองต้องอ่านด่วน!!! เหงื่อนับว่าเป็นของเสียในร่างกาย ที่จะถูกขับออกมาทางผิวหนังผ่านรูขุมขนต่างๆ เพื่อช่วยในการระบายความร้อนภายใน ทุกคนมักจะมีเหงื่อออกเป็นเรื่องปกติ ยิ่งในช่วงที่สภาพอากาศร้อน หรือ อบอ้าว ยิ่งทำให้เหงื่อออกมามากกว่าปกติ แล้วยิ่งต้องทำกิจวัตรประจำวันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การขยับร่างกายที่ต้องใช้พลังงานยิ่งทำให้เกิดเหงื่อขึ้นมาได้ แต่เรื่องของเหงื่อก็ไม่ได้เป็นปัญหากับเรามากนัก แต่เป็นปัญหาอย่างมากกับคนที่ แพ้เหงื่อตัวเอง ResiSKIN จึงอยากจะมาแนะนำเคล็ดลับดูแลผิว เมื่อต้องเจอกับปัญหาแพ้เหงื่อตัวเอง!!!
ผื่นแพ้เหงื่อ คืออะไรกันแน่?


ผื่นแพ้เหงื่อ เป็นโรคผิวหนังอักเสบชนิดหนึ่ง เป็นปฏิกิริยาที่ผิวหนังมีความไวต่อต่อมเหงื่อเป็นพิเศษ จึงทำการสร้างภูมิคุ้มกันมาต้านทานต่อมเหงื่อ เกิดขึ้นได้จากทั้งอากาศที่ร้อน การออกกำลังหนักๆ รวมไปถึงความผิดปกติของภูมิต้านทานต่อมเหงื่อของตัวเอง จึงทำให้เกิดผื่นขึ้นนั่นเอง ซึ่งทำให้เป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก มักจะมี ลักษณะของอาการแพ้ ดังต่อไปนี้
-ผื่นมักจะมีลักษณะเป็นปื้นแดงๆ บางครั้งก็อาจจะเป็นผื่นนูนขึ้นมา หรือ เป็นตุ่มใสๆ
-มักจะมีอาการคันร่วมด้วย ในกรณีที่มีผื่นจำนวนมาก บางคนอาจจะมีอาการอื่นๆร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็น ปวดท้อง ท้องเสีย ปวดหัว หายใจไม่เต็มปอด ในบางคนอาจจะมีอาการแพ้อย่างรุนแรง

ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดอาการ แพ้เหงื่อตัวเอง???


"ความร้อน" เป็นสิ่งที่กระตุ้นให้ร่างกายผลิตเหงื่อเพื่อระบายความร้อนภายใน ในบริเวณที่มีความร้อนสูงอย่างเช่น บริเวณอวัยวะที่เป็นจุดอับอย่างตรงข้อพับ ลำคอ จุดรอยพับต่างๆ สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุที่ทำให้เกิดความร้อนภายใน ไม่ว่าจะเป็น
-การทานของเผ็ดๆ อาหารรสจัด การทานอาหารเผ็ดจะทำให้ร่างกายตอบสนองต่อความเผ็ด โดยการระบายออกมาทางเหงื่อ ลองสังเกตดูว่าคนไหนทานเผ็ดมากๆ มักจะเหงื่อไหลออกมาเยอะกว่าคนที่ทานอาหารไม่เผ็ด
-การขยับร่างกายในชีวิตประจำวัน การเคลื่อนไหวร่างกายในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การหยิบของ การเคลื่อนไหวต่างๆ เมื่อทำมากๆ ก็ทำให้เกิดเหงื่อได้ แต่อาจจะไม่ได้ออกมาเหมือนเวลาที่เราออกกำลังกาย
-การสวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายความร้อนได้ยาก เสื้อผ้าบางชนิดก็ดูดความร้อนได้ดี แต่ระบายออกยาก ทำให้เมื่อใส่ไปแล้วจึงรู้สึกอบอ้าว ร้อน ไม่สบายตัว ดังนั้นจึงควรสวมใส่เสื้อผ้าที่อากาศถ่ายเทได้ดี ไม่รัดตัวจนเกินไป
-การออกกำลังกาย การออกกำลังเป็นการเผาผลาญพลังงานภายในร่างกาย เมื่อเผาผลาญมากจึงทำให้เหงื่อออกมา เพื่อระบายความร้อนจากการออกกำลัง ยิ่งออกกำลังหนักๆ เหงื่อยิ่งเยอะ

วิธีเช็คว่าเราแพ้เหงื่อตัวเองไหม?


-ผื่นขึ้นทันทีเมื่อมีเหงื่อออก และ มีอาการคันร่วมด้วยเวลาเหงื่อออกมา ไม่ว่าจะเกิดจากการปัจจัยอะไร แต่หากมีเหงื่อออกจำนวนมากๆ ก็จะทำให้เกิดอาการได้ทันที ในบางคนที่แพ้หนักๆ แค่เหงื่อออกนิดเดียวก็ก่อให้เกิดอาการคันได้
-อาจจะมีอาการแพ้ในช่วงเวลาสั้นๆ แล้วผื่นยุบตัวไปเอง แต่พอเหงื่อออกมาใหม่ก็มีอาการอีกครั้ง คนที่แพ้เหงื่อหนักๆ อาการจะแสดงออกมาไวแม้จะอยู่ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ บางครั้งผื่นอาจจะยุบไปแค่นิดเดียว แต่เมื่อเหงื่อออกใหม่ เมื่อรวมกับการแพ้จากในครั้งเก่าอาจทะให้รู้สึกคันมาหยิ่งขึ้น
 
วิธีการดูแล ป้องกันเมื่อเรา แพ้เหงื่อตัวเอง

-ทานอาหารให้เหมาะสม ดื่มน้ำเพื่อช่วยดับร้อน หากรู้ว่าเป็นคนที่เหงื่อออกง่าย ก็พยายามอย่าทานอาหารที่ไปกระตุ้นให้เหงื่อออก เช่น อาหารรสจัด อาหารร้อนๆ รวมถึงการดื่มเครื่องดื่มร้อนๆ รวมทั้งการดื่มน้ำเพื่อช่วยระบายความร้อนในร่างกาย
-สวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี ความร้อนที่สะสมในเรื่องผ้าก็นับว่าเป็นตัวเรียกเหงื่อได้ดี หากเสื้อผ้าระบายความร้อนไม่ดี ความร้อนจะอบอยู่ในร่างกายไปยาวนาน และ ไม่ยอมระบายออก ทำให้บางครั้งพอไปจับเสื้อผ้าเหงื่อจะท่วมตัว เหมือนไปอาบน้ำมาเลยเชียว
-พยายามอย่าออกไปกลางแจ้ง ที่ร้อนๆ เพราะกลางแจ้งมีพระอาทิตย์ที่เป็นแหล่งความร้อนที่ร้อนมากๆ แค่ออกไปไม่นาน ก็ทำให้เหงื่อออกได้แล้ว พยายามเลี่ยงการออกกลางแดดโดยปราศจากร่ม หรือ หมวก
-อาบน้ำบ่อยๆ และ เสริมความชุ่มชื้นให้ผิว เมื่อเหงื่อออกมามากๆ ให้พยายามอาบน้ำทันที เพื่อช่วยระบายความร้อนในร่างกาย และ ช่วยป้องกันการเกิดผื่นคัน แต่เมื่ออาบน้ำเสร็จควรจะเสริมความชุ่มชื้นให้ผิว ด้วยโลชั่น ครีมบำรุงผิว เพื่อทำให้ผิวชุ่มชื้น
ใครที่มีผื่นแพ้เหงื่อตัวเองโดยเฉพาะกับบริเวณใบหน้าที่ซ่อนได้ยาก ยิ่งเวลาที่ต้องออกไปทำธุระข้างนอกแต่ดันมีผื่นแพ้เหงื่อขึ้นมาก็แย่เลยสิแบบนี้ ดังนั้นมาจบปัญหาผิวด้วยเวชสำอางของ ResiSKIN ที่ช่วยจัดการกับปัญหาผิวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการแพ้ แห้ง แดง ผื่น คัน แถมยังช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื่น  และ แข็งแรงจากภายในอีกด้วย นับว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่คนมีปัญหาผิวง่าย ผิวบอบบางอย่างคนที่แพ้เหงื่อตัวเองควรต้องมีติดกระเป๋าไว้!!!
ทำให้ผิวกลับมาสตรองดังเดิม ฟื้นคืนความแข็งแรงจากภายในให้ผิวด้วยResiskin

 
ใครที่สนใจสั่งซื้อ ResiSKIN สามารถกดที่ link ด้านล่างนี้ได้เลย
Facebook : Resiskin by Qualisk
Line : @resiskin


116

Valentine is coming!!! 14 กุมภาพันธ์กำลังวนมาอีกครั้ง อีกหนึ่งเทศกาลแห่งความรักครั้งใหญ่ของใครหลายๆ คน ที่คนมีคู่สุดแสนจะฟิน ในช่วงวันวาเลนไทน์เราจะได้เห็นคนมีคู่เดินจับมือกัน หรือ อยู่กันเป็นคู่ๆ มองไปทางไหนก็มีแต่คู่รักเต็มไปหมด แล้วจะมัวอิจฉาคนมีคู่ไปทำไมล่ะคะ??? วาเลนไทน์ปีนี้ มาเปลี่ยนสถานะจากคนโสดจากเมื่อปีก่อนให้เป็นคนมีคู่ในปีนี้กันดีกว่ากับ แคปชั่นคนโสด วาเลนไทน์ เด็ดๆ โดนๆ ที่ Sistalk เอามาฝาก คุณจะไม่ต้องทนเหงาอีกต่อไป
 
แคปชั่นคนโสด วาเลนไทน์ ฉันต้องได้ๆ ผู้จงมา!!!
สาวๆ คนไหนที่ไม่อยากไปรุกจีบผู้ชายหนักๆ หรือ เป็นสาวขี้อายแต่ปีนี้อยากมีคู่ ไม่อยากมานั่งทนเหงาแล้ว แคปชั่นวาเลนไทน์ที่เราเอามาฝากวันนี้นับว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีอ่อยดีๆ ที่จะช่วยให้เขาคนนั้นรู้ความรู้สึกของคุณ แคปชั่นวันนี้เราเอามาฝากกันถึง 3 Group ให้สาวๆ ได้เลือกใช้กันตามสไตล์ที่ชอบ รูปแบบที่ใช่
-แคปชั่นคนโสดเดียวดาย
-แคปชั่นคนโสดแอบชอบ
-แคปชั่นคนโสดแบบอ่อยให้สุด
 
แคปชั่นคนโสด วาเลนไทน์ ให้ตายสิโสดได้ไงคะคุณ!!!


ใครที่ทนเหงามาหลายปี ปีนี้ลองอ่อยดูค่ะ อ่อยแบบเหงาๆ ให้เขารู้ว่าเรานะโสดๆ อยู่ทางนี้นะคุณ ถ้าไม่ดูเป็นการรบกวน ก็จะชวนเธอมารักกันนะเตง!!!
-โสดนะเผื่อใครยังไม่รู้ ยังว่างอยู่เผื่อใครอยากจะรัก!!!  ถ้าวาเลนไทน์ปีนี้เธอยังไม่มีใคร ลองมาคบกันดูไหมเผื่ออะไรๆ จะดี >//<
-คนโสดมีทุกที่ แต่คนที่ทั้งโสดทั้งดีมีแค่เรานี่แหละเธอ นอกจากจะโสดมากแล้ว ยังสวย และ น่ารักมากๆ อีกด้วยนะเนี่ยโสดได้ไงก่อน
-อยากคุยสักแสนคน เผื่อจะเจอคนที่แสนดี อุ้ยยยย...ลองมาคุยกันดูดีมั้ย เผื่อใจเราจะตรงกัน ไม่ต้องมาคุยเป็นแสนคนด้วย แล้วเรายังเป็นคนแสนสวยอีกด้วยนะเธอ!!!
-อัปรูปก็ได้แต่คนมากดไลค์ แล้วต้องอัปอะไรถึงจะได้คนมารัก สงสัยจังเลยเราต้องอัปอะไรหรอ ถึงจะได้ใจเธอ หรือ จะข้ามมาอัปสถานะคู่กันเลยก็ไม่ติดนะ
-ไม่น่ารักเหมือนใครเขา แต่คุยแล้วรับรองไม่เหงาแน่นอน ถ้าเธอเหงา มาคุยกับเราบอกเลยว่าคำว่าเหงา เธอจะสะกดไม่เป็น >//< ไม่เชื่อมาคุยกับเราสิ!!!
-ถ่ายรูปคนเดียวมันไม่คูล มาถ่ายรูปคู่กันเอามั้ย!!! วาเลนไทน์ปีนี้มีคนถ่ายรูปคู่ด้วยยังคะ? ถ้ายังเราก็ว่างอยู่นะ ไม่มาถ่ายด้วยกันหรอคะ :)
-เบื่อแล้วความโสด อยากลองเป็นคนโปรดของใครสักคน จะมัวโสดอยู่ทำไมละคะ ไม่ลองมาเป็นคนโปรดของกันและกันดูหน่อยหรอคะ >//<
แคปชั่นหมวดนี้เหมาะสำหรับใช้ในสถานการณ์ที่เราลงแคปชั่นอ่อยกว้างๆ ซึ่งเป็นเหมือนการโปรโมททางอ้อมว่าเราโสดอยู่นะ แคปชั่นโหมดนี้สามารถใช้กับการลงรูปน่ารักๆ รูปอ้อนๆ เผื่อเป็นการโปรโมทตัวเองว่าสวยขนาดนี้ไม่จีบก็บ้าแล้ว!!!

แคปชั่นคนโสดแอบชอบ คุณชอบไหมคะไหมคะผู้หญิงน่ารัก (อยู่ทางนี้!!!)


หมวดนี้เป็นแคปชั่นที่จะขยับสไตล์ขึ้นมา สำหรับใครที่มีคนที่แอบปิ๊ง แอบชอบอยู่แต่ที่ผ่านๆ มาได้แค่แอบปิ๊งอยู่ห่างๆ วาเลนไทน์ปีนี้ถึงเวลาของคุณแล้วค่ะ แคปชั่นน่าจะสามารถช่วยบอกความรู้สึกทางอ้อมได้ ถ้าเขาก็มีใจให้คุณเหมือนกัน ปีนี้เตรียมขึ้นสถานะมีแฟนแล้วได้เลย!!!
-อยากรู้จังในใจเธอมีใคร อยากรู้ไหมในใจเรามีแต่เธอนะ ถ้าใจเธอไม่มีใคร ขอเป็นเราได้มั้ยที่จะไปอยู่ในใจของเธอ >//<
-ไม่อยากเป็นรักข้างเดียว แต่อยากเป็นคนรักเดียวข้างๆ เธอ เบื่อแล้วได้แต่แอบรัก ขอเป็นคนที่ถูกรักบ้างได้มั้ยคะเธอ :)
-วาเลนไทน์วนมาอีกรอบ ก็ไม่เคยได้คบกับคนที่ชอบสักที แต่ถ้าปีนี้เรากับเธอคบกัน ก็ไม่ต้องรอวันวาเลนไทน์วนมาแล้วนะ ปีนี้ก็แค่เตรียมฉลองวันครบรอบแทน ><
-วาเลนไทน์ไม่มีความหมาย ถ้าข้างกายไม่มีเธอ ก็เราชอบเธออ่ะ...ถ้าไม่ใช่เธอเราก็ไม่เอา T^T ก็เราชอบของเรา สรุปเธอชอบเรามั้ย
-ไม่ต้องรอวันวาเลนไทน์หรอก ก็เราชอบเธอมาตลอดนี่ไง ถ้ารู้ความในใจของเราแล้ว เธอยังไม่มาคบกับเราอีก เราน้อยใจแย่เลยนะ :(
-ดอกไม้มีให้วันวาเลนไทน์ ส่วนหัวใจมีให้เธอทุกๆ วัน เราบอกแล้วไงว่าเราชอบเธอมาก เราคิดถึงเธอในทุกๆ วันเลยนะ ไม่มีวันไหนที่เราจะเปลี่ยนใจจากเธอเลย!!!
-วันธรรมดาหายใจออกมาเป็นไอ ส่วนวันวาเลนไทน์หายใจออกมาเป็นเธอ แอบชอบเธอมาตลอด แต่อยากบอกเธอในวันวาเลนไทน์ >//<

แคปชั่นคนโสด วาเลนไทน์ อ่อยให้สุดแล้วหยุดที่มารักกับเรา


ปีนี้จะไม่ยอมทนเหงาอีกต่อไป ต้องแคปชั่นหมวดนี้เลยอ่อยๆ ไปให้สุดแล้วจบที่มีแฟนแล้ว สายไม่อยากรอ สำหรับสาวๆ ที่มีความมั่นใจ แคปชั่นหมวดนี้ตอบโจทย์คุณอย่างแน่นอน เบาๆ มันไม่โดน ขอลุยหนักเลยแล้วกัน
-14 กุมภาไม่ได้มีมาบ่อยๆ จะบอกรักเราก็รีบหน่อย ไม่ได้อ่อยแต่มันเราเปิดโอกาส เปิดโอกาสให้ขนาดนี้แล้วนะคะ ถ้าไม่จีบนี่บอกเลยว่าพลาดมากนะ!!!
-กุมภาไม่ต้องจับมือใคร จับมือเราไงจะจับตลอดไปก็ไม่ว่ากัน ไม่ต้องมัวพูดพร่ำทำเพลง ชอบก็มาคบกันเลยคะ แถมฟรีโปรจับมือตลอดไป >//<
-รีบมาจีบก่อนวาเลนไทน์ แม่พร้อมเป็นแม่ยายให้แล้วนะคะ แม่บอกให้รีบจีบตอนนี้ เดี๋ยวแถมฟรีบ้าน และ รถ รักจริงหวังแต่งนะคะเธอ :)
-คิดไม่ออกให้บอกครู คิดจะมีคู่ให้บอกเรา เราพร้อมแล้ว เธอพร้อมยัง พร้อมที่จะมารักกันยังไงละ >< อย่าทนโสดเลยมาคบกับเราดีกว่า
-ไม่ได้อยากเป็นอนาคตของใคร แต่อยากให้หัวใจเธอเป็นปัจจุบันของเรา เราบอกเธอแล้ว เธอจะเป็นอะไรก็ได้ที่เธออยากเป็น โดยเฉพาะเป็นแฟนของเรา หุ้ยยยย >//<
-อยากมีแฟนน่ารัก ให้ลองทักมาหาเรา แต่เราจะไม่ได้เป็นแค่แฟนนะ เราพร้อมเป็นแม่ของลูกให้ด้วยนะเธอ 2 IN 1 ไปเลย จีบเลยโอกาสดีๆ แบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อย!!!
-ปวดฟันให้ไปหาหมอ แต่ถ้าจะแขนเป็นฟอให้มาหาเรา ชอบก็จีบเลยชอบก็จีบเลยสิ บอกชอบวันนี้พอวาเลนไทน์จะได้ไปเดทกัน >//<

เตรียมตัวมีแฟนรับวาเลนไทน์ !!!
สำหรับใครที่อยากจะหาแฟนให้ได้ก่อนวันวาเลนไทน์ ก่อนอื่นจะต้องทำการตรวจเช็คให้ดีก่อนว่าคนที่เราสนใจ ไม่ได้มีคนพิเศษอยู่แล้วใช่มั้ย จากนั้นอาจจะหาพวกของที่เราชอบ อะไรที่เขาสนใจมาเป็นพร็อบประกอบเวลาที่ลงแคปชั่น เวลาที่ถ่ายรูป อาจจะเป็นอิโมจิของที่เขาชอบ หรือ สิ่งของที่สื่อถึงเขา ก็จะช่วยเรียกคะแนนความสนใจจากเขาได้ไม่ใช่น้อย สำหรับใครลงแคปชั่นไปแต่ว่าเขายังไม่มีปฏิกิริยาอะไรพิเศษ ก็อาจจะใช้การเข้าไปชวนคุยเพิ่มเติมเรื่องที่เขาสนใจ ก็นับว่าเป็นการเปิดที่ดี ลองใช้วิธีนี้ดู แล้วเผลอๆ คุณอาจจะได้มีหวานใจคนใหม่รับวาเลนไทน์ก็ได้นะ :)
 
 
จะเรื่องไหนๆ Sistalk พร้อมแนะนำสิ่งดีๆ
ใครที่มีปัญหาเรื่องของความรัก การจีบหนุ่ม และ ไม่อยากตกเทรนด์ ไม่อยากพลาดข้อมูล ข่าวสารดีๆ ที่เป็นประโยชน์ เคล็ดลับต่างๆ เรื่องของสุขภาพ แฟชั่น เทรนด์ฮิต และ เรื่องของความรัก!!! เพราะเรามีบทความดีๆ เจ๋งๆ ที่จะช่วยให้คุณปังขึ้น และ ไม่ตกเทรนด์กับเรา "เพราะเราเป็นมากว่าเพื่อนสาว" มาเป็นสาว Sistalk ด้วยกันนะคะ สาวๆ คนไหน ที่ไม่อยากพลาดข่าวสารดีๆ ก็ไปกดติดตามช่องทางต่างๆ ของเรากันไว้นะ แล้วพบกันใหม่บทความหน้านะคะสาวๆ
 
 
สามารถติดต่อสอบถาม sistalk ช่องทางอื่นๆได้ที่
Facebook : sistalk.in.th
Instagram : sistalk.in.th
Twitter : @SistalkTH


117

สำหรับคนที่รู้จัก GoPro ก็จะรู้ว่าโกโปรเป็นกล้อที่มีความสามารถในการถ่ายวิดีโอเป็นเลิศ ระบบกันสั่นยอดเยี่ยม ทำให้คนส่วนใหญ่นิยมใช้โกโปมาก รู้หรือไม่ว่า กล้อง GoPro ภาพนิ่ง ออกมาได้ดีไม่แพ้การถ่ายวิดีโอเลย แถมยังสามารถถ่าย Portrait ได้อีกด้วยเพียงแค่เลือกใช้เทคนิคได้ถูกต้อง Aquapro เลยได้เอาเทคนิคการถ่ายภาพมาฝาก ถ้าอยากรู้ต้องไปอ่านในบทความเลย!!!
เทคนิค กล้อง GoPro ภาพนิ่ง ถ่ายยังไงให้ออกมาปัง !!!
หากไม่รู้เทคนิค หรือ ไม่รู้ทริคดีๆ ถึงแม้กล้องจะดี จะเทพแค่ไหนก็อาจทำให้ถ่ายออกมาไม่ดีเท่าที่ควร วันนี้เราจะมาบอกเทคนิคถ่ายภาพนิ่งธรรมดาๆ ให้ออกมาปังมาฝาก แล้วจะคุณจะหลงรักเจ้า GoPro เพิ่มขึ้นไปอีก

เลือกระยะเลนส์ที่เหมาะกับภาพ


อีกหนึ่งสิ่งเบสิคที่หลายคนมองข้าม การเลือกระยะเลนส์ให้เหมาะกับภาพก็เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ง่ายมากๆ GoPro 10 มีระยะเลนส์ให้สามารถเลือกใช้ได้ถึง 4 ระยะ ได้แก่
Superview เป็นระยะเลนส์ที่กว้างที่สุด ให้มุมมองภาพแบบกว้างสามารถเก็บรายละเอียดได้ดี แต่จะให้รูปที่มีความโค้งตามขอบมุม เหมาะสำหรับการถ่ายภาพวิว แต่ไม่ค่อยเหมาะกับการถ่ายรูปคนมากนัก
Wide เป็นระยะเลนส์ที่กว้างรองลงมา สามารถเก็บรายละเอียดได้ดี และ ให้ภาพที่ไม่โค้งเกินไป เหมาะสำหรับถ่ายภาพวิว ถ่ายกิจกรรมต่างๆ สามารถถ่ายคนได้แต่อาจจะทำให้เหลือช่องว่างของภาพเยอะ
Linear ระยะของเลนส์นี้จะแคบลงมา และ ภาพที่ได้จะมีไม่มุมโค้งตามขอบ ให้ภาพที่สมมาตร เหมาะสำหรับการถ่ายในระยะใกล้ และ การถ่ายคน แต่ก็ยังสามารถเห็นรายละเอียดด้านหลังได้อยู่
Narrow เป็นระยะเลนส์ที่แคบที่สุด แต่ก็ไม่ได้แคบจนเกินไป เหมาะสำหรับการถ่ายภาพคน โดยเฉพาะภาพแบบ Portrait ซึ่งเป็นการถ่ายภาพที่เน้นตัวบุคคล แต่ก็จะเห็นรายละเอียดน้อยกว่าระยะ Linear

ใช้ขอบเลนส์ระยะกว้างเพื่อยืดขาให้ยาว


เวลาที่คุณจะถ่ายภาพให้เลือกใช้เลนส์ที่มีระยะเลนส์กว้างๆ อย่าง Superview หรือ Wide เวลาที่เราจะถ่ายพยายามถ่ายให้ขาของเราอยู่ใกล้ๆ ขอบของภาพ แต่อย่าให้ขาติดกับขอบเกินไปควรจะเว้นระยะห่างประมาณหนึ่งเพียงแค่นี้ก็จะทำให้ขาของเรายาวขึ้นแล้ว

ใช้ Burst mode เพื่อให้ได้ภาพที่เหมือนหยุดเวลา


สำหรับใครที่ถ่ายภาพแล้วแต่ได้ช็อตที่ไม่สวยสักทีลองใช้ Burst mode ซึ่งเป็นโหมดที่จะช่วยให้สามารถถ่ายภาพออกมาได้หลายๆ รูปในการกดชัตเตอร์เดียว เมื่อถ่ายออกมาแล้วก็เข้าไปเลือกว่าเราจะเอารูปไหนทำให้เราจะได้ภาพในมุมต่างๆ ที่เหมือนกับหยุดเวลา ส่วนใหญ่จะใช้กับการกระโดด โยนของ การเคลื่อนไหวต่างๆ

ให้ภาพคมชัดด้วย SuperPhoto


หากใครที่อยากจะได้ภาพที่เก็บรายละเอียดเยอะๆ หรือ ต้องการเก็บดีเทลพวกก้อนเมฆ ทะเล แนะนำให้ถ่ายด้วยโหมด SuperPhoto จะช่วยในการเก็บรายละเอียดได้มากยิ่งขึ้น ภาพที่ได้จะมีความคม และ มีคุณภาพสูงเพียงแค่กดชัตเตอร์เดียว เป็นอีกโหมดที่เหมาะมากสำหรับคนที่จะถ่ายภาพนิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการถ่ายรูป Portrait ที่เน้นถ่ายระยะใกล้ๆ

เล่นกับแสงด้วยการถ่ายย้อนแสง


การถ่ายภาพย้อนแสงสามารถถ่ายได้หลายวิธีทั้งการถ่ายด้วย SuperPhoto หรือ จะใช้เป็นโหมด HDR ก็จะช่วยปรับให้ภาพสว่างมากยิ่งขึ้น และ ยังช่วยในการเก็บแสงเงาต่างๆ ทำให้ถ่ายภาพย้อนแสงได้ไม่ต้องมีกังวลเลย นอกจากนั้นตัวเลนส์ของ GoPro 10 ก็ยังช่วยในเรื่องการถ่ายภาพในที่แสงน้อยมากขึ้น และ ยังช่วยลดการเกิดนอยด์ของภาพอีกด้วย

ใช้ Profile Color ครบจบไม่วุ่นวาย


สำสีก็นับว่าเป็นอะไรที่สำคัญมาก แค่โทนสีของกล้องสวยก็ทำให้ภาพดูสวยดูแล้ว ยิ่งเป็น GoPro 10 ที่มีการปรับโทนสีใหม่ก็จะมีโทนให้เลือกเยอะขึ้น อย่างสี Natural ให้โทนสีที่ไม่เข้มจนเกินไป หรือ ถ้าใครจะนำไปแต่งสีต่อก็ใช้เป็นโทน Flat ที่ให้สีจืดๆ เหมาะสำหรับการนำไปแต่งสีต่อ เพียงตั้งค่าโทนของภาพก็จะเป็นไปตามที่เราเลอกจะถ่ายยังไงก็ออกมาสวยแน่นอน

ถ่ายด้วยไฟล์ Raw นำไปแต่งต่อก็ไม่มีปัญหา


ใครที่จะเอาไฟล์ไปแต่งสีต่อ ขอแนะนำให้ถ่ายภาพเป็นไฟล์ Raw ซึ่งเป็นไฟล์ที่มีความคมชัด เมื่อนำไปแต่งต่อ ไม่ว่าจะเป็นการบีบรูป การขยายขนาด ภาพที่ได้ก็จะไม่แตก และ ไม่เสียคุณภาพของรูป โดยเฉพาะกับคนที่ถ่ายแบบ Portrait ถ้าหากไม่ใช้เป็นไฟล์ Raw ก็อาจทำให้เมื่อนำไปแต่งแล้วภาพแตกคนจับโป๊ะได้!!!

GoPro กล้องตัวเล็กแต่คุณภาพเกินตัว
กล้องโกโปรนอกจากนั้นยังมีโหมดให้ได้เลือกใช้งานที่หลากหลาย และ ยังสามารถถ่ายภาพนิ่ง ถ่ายPortrait ได้ดีมากกว่าที่คุณคิด เพราะให้ความละเอียดของภาพที่สูงถึง 23 MP ทำให้ได้ภาพที่มีความละเอียดคมชัดไม่แพ้การถ่ายเป็นวิดีโอเลย นอกจากนั้นก็ไม่ต้องกังวลเรื่องแสงเลย เพราะถ้าหากแสงน้อยก็สามารถใช้โหมดช่วยได้ แถมเลนส์ที่มากับโกโปรรุ่นนี้ยังช่วยทำให้ถ่ายภาพได้ดีขึ้น ช่วยลดนอยส์จากการถ่ายภาพ ส่วนใครที่อยากถ่ายรูปเซลฟฟี่ ถ่ายภาพนิ่ง ถ่ายPortrait ลองเอาเทคนิคที่เราแนะนำเหล่านี้ไปใช้ดูนะคะ รับรองได้ว่าคุณจะถ่ายภาพได้สวยขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน!!!
 
คิดจะซื้อ GoPro เลือกร้าน Aquapro เลย!!!
คุ้มสุดเมื่อซื้อโกโปร และ อุปกรณ์เสริมกับร้าน Aquapro ร้านตัวแทนจำหน่ายกล้องโกโปรแท้ที่มาพร้อมกับ GoPro 10 โปรโมชั่น สุดคุ้ม ของแถมจุกๆ โปรส่งฟรี พร้อมโปรผ่อนชำระ 0%* (ทุกอย่างเป็นไปตามที่ร้านกำหนด) นอกจากจะจำหน่ายโกโปรแล้ว เรายังมีกลุ่มสำหรับแนะนำข่าวสาร และ เทคนิคการใช้งานเกี่ยวกับโกโปรเพิ่มเติมที่สาวกโกโปรควรจะรู้ อย่าพลาดข่าวสารดีๆนะ!!! ติดตามได้ตาม link ด้านล่างเลย

 
ติดตามและสั่งซื้อสินค้า AquaPro เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชั่นใหม่ ๆ ทั้งกล้อง GoPro และอุปกรณ์เสริม GoPro  ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook : AquaproThailand
Line :  @aquapro
Shopee : Aquaprothailand
GoPro Group  : GoPro Club กลุ่ม พูดคุย ซื้อขาย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับ GoPro


118

การกินก็นับว่าเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ส่งผลต่อรูปร่างของเราไม่แพ้การออกกำลังกายเลย สาวๆ รู้หรือไม่ว่าการกินถือว่าเป็นปัจจัยหลักที่สำคัญไม่แพ้การออกกำลังกายเลย ที่เป็นตัวควบคุมรูปร่างของเรา บางคนแค่กินถูกก็ทำให้ต้นขาเรียว และ หุ่นดี แบบไม่ต้องออกกำลังกายเลยด้วยซ้ำ วันนี้ทาง Sistalk เลยจะมาแนะนำเทคนิค กินอะไร ลดต้นขา สำหรับคนที่ไม่ชอบออกกำลังกาย หรือ ไม่มีเวลาแต่อยากให้หุ่นเป๊ะปัง อย่ารอช้าไปดูกันเลยว่าจะกินอะไรดี!!!
สาเหตุที่ทำให้ขาของเราใหญ่


ก่อนที่เราจะไปดูว่ามีอะไรบ้างที่กินแล้วช่วยเราลดต้นขา ก่อนอื่นเราต้องมาทำความเข้าใจก่อนว่า อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ขาของเราใหญ่? อย่างที่เรารู้ๆ กันว่าการที่ขาของเราใหญ่ เกิดจากการที่ไขมันไปสะสมตามส่วนต่างๆ การที่ไขมันสะสมเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยเฉพาะการกินไปเป็น "เซลลูไลต์" สะสมตามส่วนต่างๆ โดยเฉพาะส่วนที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน ทำให้ส่วนนั้นใหญ่ขึ้น อีกรูปแบบหนึ่งที่ทำให้ขาของเราใหญ่ขึ้นนั่นก็คือ การใหญ่จากกล้ามเนื้อ ซึ่งจะมีลักษณะเป็นก้อนๆ จับแล้วแข็งๆ นั่นเอง ซึ่งทั้งสองแบบก็มาจากการกิน และ การใช้ชีวิตประจำวันของเราด้วยการปรับการกิน
ต้องกินอาหารแบบไหน กินอะไร ลดต้นขา ถึงจะดี?
อย่างที่เราได้บอกไปแล้วว่าการกินนับว่าเป็นปัจจัยสำคัญมาก ถ้ากินถูก และ ควบคุมอาหารดี ก็แทบไม่ต้องออกกำลังกายเลย ถึงแม้การอดอาหารจะทำให้น้ำหนักลงเร็วก็ตาม แต่เมื่อเราอดไปมากๆ จะทำให้คุณได้รับสารอาหารไม่พอ และ รู้สึกหิวโหยมากกว่าเดิม แต่ควรจะเลือกการกินให้เหมาะสม
ไข่ช่วยได้


ไข่นับว่าเป็นโปรตีนที่มีประโยชน์มากต่อร่างกาย แถมยังช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันได้ดีอีกด้วย และ ยังช่วยในการสร้างกล้ามเนื้อ หากกินไข่อย่างเพียงพอ (จะเห็นได้ว่าพวกนักเพาะกล้ามเนื้อส่วนมากจะเน้นกินโปรตีน โดยเฉพาะจากไข่) จะช่วยสร้างกล้ามเนื้อได้มาก

เปลี่ยนมาทานปลา


หากใครที่ไม่อยากทานแต่ไข่ แต่อยากกินโปรตีนอื่นๆ ลองเปลี่ยนจากการทานหมู เนื้อ ไก่ มาทานเป็นปลาแทนสิคะ เพราะปลานับว่าเป็นโปรตีนที่ดีต่อร่างกาย แถมยังเป็นโปรตีนที่ดีอีกด้วย ไขมันแทรกก็น้อย แคลอรี่ก็น้อยกว่าโปรตีนที่เป็นเนื้อชนิดอื่นๆ ทำให้ช่วยในการรีดเอาไขมันออกได้ดี แถมยังทำให้อิ่มนานอีกด้วยเพราะถือว่าเป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น ปลาดิบ ปลานึ่ง ปลาต้ม ปลาเผาแทน

กินธัญพืชไม่ขัดสีบ้างก็ดี


ธัญพืชช่วยในการลดต้นขาได้เหมือนกัน เพราะมีคุณประโยชน์ทางโภชนาการหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นโปรตีน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน ไฟเบอร์ ไม่จำเป็นต้องทานตลอดแต่ควรทานบ้าง พวกธัญพืชไม่ขัดสีส่วนใหญ่จะมีรสชาติไม่อร่อย บางคนเลยไม่ชอบให้ลองทานเป็นพวกขนมปังที่ทำจากธัญพืชไม่ขัดสี หรือ พวกข้าวกล้องแทนก็ได้

อยากเผาผลาญต้องกินอัลมอนด์


อัลมอนด์เป็นถั่วชนิดหนึ่งที่มีรสชาติอร่อย เค็มๆ มันๆ นอกจากจะอร่อยแล้วยังแคลอรี่น้อย แถมยังช่วยในการเผาผลาญไขมันได้ดีโดยเฉพาะในส่วนของต้นขา และ มีกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกายสูง เป็นอาหารที่ช่วยทำให้รู้สึกอิ่มได้

ทานเกรปฟลุตสิดี


ผลไม้ก็นับเป็นอีกหนึ่งอย่างที่คนลดน้ำหนักโดยเฉพาะกับเกรปฟลุต ผลไม้ตระกูลส้ม ที่มีวิตามินซี สารต้านอนุมูลอิสระสูง และ ยังช่วยในเรื่องของการกระตุ้นการเผาผลาญพลังงาน ยิ่งกินในช่วงเช้าก่อนตอนท้องว่างยิ่งกระตุ้นการเผาผลาญได้ดี สาวๆ ที่ชอบผลไม้ที่ทานแล้วสดชื่น เปรี้ยวๆ หวานๆ ลองเกรปฟลุตเลยค่ะ
 
อาหารที่เราแนะนำไปเป็นเพียงหนึ่งในอาหารที่ช่วยในการกระตุ้นการเผาผลาญ และ สร้างกล้ามเนื้อ ซึ่งช่วยทำให้ต้นขาของเราเล็กลง ควรจะหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจัดโดยเฉพาะรสเค็ม อาหารที่มีไขมันสูง แคลอรี่สูง นอกจากนั้นควรจะดื่มน้ำเยอะๆ เพราะน้ำจะช่วยให้ระบบต่างๆ ทำงานได้ดีขึ้น ลองเอาวิธีการปรับการกินไปลองใช้ดูนะคะ อาจจะไม่ต้องทำหนักจนเกินไป ให้ลองเอาไปปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ และ พฤติกรรมการใช้ชีวิตของเรา เพียงเท่านี้เป้าหมายที่อยากให้ขาเล็กลง เป๊ะปังก็ไม่ไกลเกินเอื้อม สู้ๆ นะคะสาวๆ !!!
 
 
อยากหุ่นดี เป๊ะปังต้องอ่าน Sistalk
สาวๆ คนไหนที่ไม่อยากตกเทรนด์ ไม่อยากพลาดข้อมูล ข่าวสารดีๆ ที่เป็นประโยชน์ เคล็ดลับต่างๆ สุขภาพ แฟชั่น เทรนด์ฮิต และ เรื่องของความรัก!!! ที่พร้อมเสิร์ฟส่งตรงให้คุณ "เพราะเราเป็นมากว่าเพื่อนสาว" เราไม่ได้แค่อยากแนะนำ แต่เราอยากเป็นตัวช่วยให้คุณปังกว่าเดิม ถ้าไม่อยากพลาดข่าวสารดีๆ มาเป็นสาว Sistalk ด้วยกันนะคะ อย่าไปกดติดตามช่องทางต่างๆ ของเรากันไว้นะ แล้วพบกันใหม่บทความหน้านะคะสาวๆ

 
สามารถติดต่อ สอบถาม Sistalk ช่องทางอื่นๆได้ที่
Facebook : sistalk.in.th
Instagram : sistalk.in.th
Twitter : @SistalkTH


119

ไม่ว่าใครก็มีปัญหาเกี่ยวกับข้อเข่าได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นคนอายุมาก การใช้ชีวิตประจำวันก็ส่งผลต่อข้อเข่าได้ การที่เราเจ็บข้อเข่านับว่าเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ส่งผลต่อเราในระยะยาว ถ้าไม่ทำการดูแล รักษาตั้งแต่เน้นๆ ปั่นจักรยาน รักษาข้อเข่าเสื่อม ได้จริงหรือไม่!!! วันนี้ทาง Sistalk เลยจะมาเฉลยว่าการปั่นจักรยานที่หลายๆ คนสงสัยสามารถช่วยบรรเทาอาการ หรือ รักษาข้อเข่าเสื่อมได้จริงหรือไม่
 
ปั่นจักรยาน รักษาข้อเข่าเสื่อม ได้จริงหรือไม่?


อาการข้อเข่าเสื่อม หรือ การเจ็บข้อเข่าเมื่อทำกิจกรรมหนักๆ เช่น การปั่นจักรยาน การเดิน การวิ่งนานๆ อาการพวกนี้สามารถใช้ การปั่นจักรยานรักษาได้จริงๆ แต่การที่เรารู้สึกเจ็บเวลาปั่นจักรยานเกิดจาก การที่เราปั่นผิดวิธี นั่นเอง เพราะการปั่นจักรยานถือว่าเป็นการออกกำลังกายอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งจะช่วยในเรื่องของการเพิ่มความแข็งแรงให้กับร่างกาย เป็นอีกหนึ่งการออกกำลังกายที่ทำให้เกิดการกระแทกของข้อเข่าน้อยกว่ากีฬาชนิดอื่น แต่ก็ต้องปั่นให้ถูกต้องด้วยนะ ไม่อย่างงั้นอาจทำให้เกิดการเจ็บขณะปั่นจักรยานได้ !!!
การปั่นจักรยานเป็นการกระตุ้นระบบเผาผลาญ และ เสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหัวใจอีกด้วย
 
ข้อดีของการปั่นจักรยานที่ถูกต้อง สำหรับคนข้อเข่าเสื่อม
-บรรเทาอาการปวดเข่า เพราะเป็นการออกกำลังที่ช่วยในการลดการเสียดสีของกระดูก และ ทำให้ข้อต่อเกิดการกระทบกระเทือนน้อย เป็นเหมือนการพักผ่อน และ ออกกำลังไปในตัว ที่ช่วยลดอาการปวด และ ฝืดข้อ
-ลดแรงกดทับบริเวณข้อ เพราะไม่ต้องลงน้ำหนักโดยตรง เลยทำให้ไม่เกิดการกดทับที่ข้อ ทำให้อาการปวด และ ไม่ก่อให้เกิดการกดทับบริเวณข้อ
-เพิ่มความแข็งแรงให้ข้อ และ ช่วยไม่ให้เกิดอาการข้อเข่าเสื่อมในอนาคต เป็นการออกกำลังที่ไม่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บที่ข้อเข่า และ ไม่ทำให้เกิดการกดทับที่ข้อ เหมือนกีฬาอื่นๆ
 
วิธีปั่นจักรยาน รักษาข้อเข่าเสื่อม ที่ถูกต้อง!!!


เวลาที่ปั่นจักรยานดูให้ลำตัวเหยียดตรง และ ควรง้อเข่าประมาณ 5 องศา นอกจากนั้นแล้วยังต้องปรับระดับให้เหมาะสมร่วมด้วย
-ควรมีการยืดเหยียดขา ลำตัวก่อน และ หลังปั่นจักรยานทุกครั้ง เพื่อที่จะไม่ทำให้กล้ามเนื้อตึงจนเกินไป
-ควรเริ่มจากความหนืดระดับต่ำๆ ก่อน ให้ปั่นที่ความหนืดน้อยๆ แล้วจึงเพิ่มเป็นระดับปานกลาง จากนั้นให้ปั่นจนเริ่มรู้สึกล้า แต่ไม่ควรปั่นจนทำให้รู้สึกเจ็บที่เข่า ให้หยุดพักทันที่เมื่อรู้สึกเจ็บ ไม่ควรปั่นในระดับความชันที่มาก ทางที่ดีควรปั่นในทางเรียบ
-สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การปรับระดับของอานนั่ง ให้อยู่ในระดับที่เข่าเหยียดเกือบตรง เพราะความสูงที่น้อยเกินไปจะทำให้เข่าทำมุมแคบ จนเกิดการเสียดสีบริเวณข้อเข่า และ ทำให้รู้สึกปวดเวลาที่ปั่นอยู่ได้
-ควรปั่นโดยให้รอบปั่นอยู่ประมาณ 70 - 80 รอบต่อนาที และ ควรปั่นให้ต่อเนื่องอย่างน้อย 15 - 20 นาที (อย่าฝืนร่างกาย เอาที่ร่างกายไหว)
 
Tip & Trick การปั่นจักรยาน


-ปั่นจักรยานไม่ต้องหนัก แต่เน้นการออกอย่างสม่ำเสมอ ความสม่ำเสมอจะทำให้ข้อเข่าของเราแข็งแรง
-ควรค่อยๆ เพิ่มระดับความหนัก และ ระยะเวลาในการปั่นขึ้น ตามความแข็งแรงของสภาพร่างกาย
-เมื่อเริ่มชินกับการปั่นแล้ว อาจจะปั่นแบบต่อเนื่อง (70 - 80 รอบต่อนาที) สลับกับการปั่นแบบธรรมดาชิลๆ ประมาณ 10 - 15 นาที หรือ จะปั่นแบบเพิ่มระดับความชันขึ้นมาเล็กน้อยก็ได้ ก็จะช่วยทำให้ข้อเข่าของเราแข็งแรง
-หากอยากปั่นให้ได้ผลดี ควรจะออกให้เหงื่อออกแบบการคาร์ดิโอ อาจจะปั่น 30 นาทีขึ้นไป ปั่นไปเรื่อยๆ ไม่ต้องเน้นเร็วอะไร อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 - 4 ครั้ง
 
เสริมความแข็งแรงข้อต่อให้อยู่กับเราไปยาวนาน


สำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องข้อต่อ เวลาที่ออกกำลังกาย หรือ เมื่อเดินนานๆ แล้วรู้สึกปวดเมื่อย เจ็บบริเวณข้อต่อ ไม่ว่าจะเป็นการยืดเหยียด การงอเข่า หากไม่ดูแลข้อต่อตั้งแต่เนิ่นๆ อาจจะส่งผลร้ายในระยะยาวได้ นั่นก็คืออาการข้อเข่าเสื่อมนั่นเอง มาดูแล และ เสริมความแข็งให้กับข้อเข่าตั้งแต่เนิ่นๆ ด้วยอาหารเสริมที่มีส่วนประกอบของ คอลลาเจน ไทพ์ทู (Collagen Type II) ที่ช่วยในการซ่อมแซมกระดูก แถมยังช่วยลดอาการปวดข้อจากการออกกำลังกาย ใครที่ไม่อยากให้ข้อต่อเสื่อมก่อนวัย อยากดูแลให้ข้อต่ออยู่กับเราไปนานๆ อย่าลืมดูแลข้อเข่าตัวเอง และ คนที่คุณรัก เพราะข้อเข่าสำคัญมากต่อการใช้ชีวิต ไม่ใช่แค่ช่วยบำรุง แต่ช่วยฟื้นฟู และ ลดอาการปวด!!!
 
 
มีสุขภาพดีด้วยบทความจาก Sistalk
นอกจากข้อมูลด้านสุขภาพ การออกกำลังกายแล้ว คล็ดลับสุขภาพ แฟชั่น เทรนด์ฮิต และ เรื่องของความรัก!!! ที่พร้อมเสิร์ฟส่งตรงให้คุณ "เพราะเราเป็นมากว่าเพื่อนสาว" เราไม่ได้แค่อยากแนะนำ แต่เราอยากเป็นตัวช่วยให้คุณปังกว่าเดิม ถ้าไม่อยากพลาดข่าวสารดีๆ มาเป็นสาว Sistalk ด้วยกันนะคะ อย่าไปกดติดตามช่องทางต่างๆ ของเรากันไว้นะ แล้วพบกันใหม่บทความหน้านะคะสาวๆ

 
สามารถติดต่อ สอบถาม Sistalk ช่องทางอื่นๆได้ที่
Facebook : sistalk.in.th
Instagram : sistalk.in.th
Twitter : @SistalkTH


120

สำหรับคนที่ต้องการจะสร้างโรงงาน โกดัง บ้าน หรือ การต่อเติมต่างๆ การจะสร้างอะไรขึ้นมาสิ่งที่จำเป็นอย่างแรกเลยก็คือผู้รับเหมาที่เราจะดีลงานด้วย ถ้าได้ผู้รับเหมาไม่ดีอาจทำให้งานที่ได้ไม่เสร็จตามกำหนด หรือ เผลอๆ อาจจะโดนทิ้งงานไปเลยก็ได้ ซึ่งคุณอาจจะเคยได้ยินอยู่บ่อยครั้งที่การก่อสร้างบางแห่งไม่เสร็จสักที นั่นก็เพราะโดนผู้รับเหมาเทงานนั่นเอง วันนี้ทาง V.K.B เลยได้เอา วิธีเลือกผู้รับเหมา ยังไงให้ได้งานที่ดีตรงตามแบบที่ต้องการ และ ไม่ทิ้งงานมาฝากในบทความนี้!!!
 
วิธีเลือกผู้รับเหมา ยังไงให้งานออกมาดี?
จะเลือกผู้รับเหมาแบบไหนดี ถึงจะได้งานที่สมบูรณ์ และ ไม่โดนทิ้งงาน สำหรับการเลือกผู้รับเหมาสำหรับการก่อสร้าง ยิ่งเป็นงานที่สเกลใหญ่ หรือ มีรูปแบบยาก ยิ่งจำเป็นต้องเลือกผู้รับเหมาให้ดีเป็นพิเศษ ไม่ใช่ว่าจะเลือกใครก็ได้ เพราะว่าการก่อสร้างกินระยะเวลานาน นอกจากนั้นเมื่อสร้างเสร็จแล้วการจะมาปรับแก้ หรือ รื้อสร้างใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าอยากให้งานออกมาตามแบบที่เราต้องการ ก็จะต้องเลือกผู้รับเหมาให้ดี

เลือกผู้รับเหมาที่มีความเชี่ยวชาญ


เลือกคนที่มีความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์การก่อสร้างมายาวนาน แต่ถึงแม้การก่อสร้างจะเป็นรูปแบบธรรมดาไม่ได้ซับซ้อน แต่การเลือกผู้รับเหมาที่เชี่ยวชาญก็จะทำให้งานก่อสร้างออกมาดูดี และ สมบูรณ์ ทั้งงานหลังคา งานเหล็ก งานไม้ งานคอนกรีต งานตกแต่ง เพราะงานทุกด้านล้วนต้องการความละเอียด หากก่อสร้างไม่ดี อาจจะทำให้บ้าน หรือ โรงงานของคุณเสียหายก่อนถึงอายุการใช้งานได้ หากได้ผู้รับเหมาดี ปัญหาเรื่องนี้ก็ไม่ต้องกังวล

เลือกผู้รับเหมาที่มีความน่าเชื่อถือ มีผลงานที่ชัดเจน


เลือกผู้รับเหมาที่เราเลือกมีความน่าเชื่อถือหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นผลงานที่ผ่านมา หรือ บ้านตัวอย่าง ประเภทของโรงงานที่เคยมีประสบการณ์ก่อสร้างตรงตามประเภทโรงงานที่ผู้ประกอบการสนใจ  ยิ่งหากผู้รับเหมามีผลงานร่วมกับอุตสาหกรรมใหญ่ๆ หรือ โครงการใหญ่ๆ ก็จะทำให้เรารู้สึกมั่นใจได้มากขึ้น ยิ่งหากแบรนด์ใหญ่ๆ จ้างก็ถือว่าเป็นการการันตีผลงานของผู้รับเหมา ดังนั้นก่อนที่จะก่อสร้าง จึงควรไปเยี่ยมชมผลงานของจริงเสียก่อน เพื่อดูว่าเราพอใจที่จะดีลงานกับผู้รับเหมาหรือไม่ หากไม่สะดวกไปก็ให้ดูผลงานที่ผ่านมาแล้วพิจารณาดูว่าโอเคหรือไม่

เลือกผู้รับเหมาที่เข้ากับเราได้


เลือกผู้รับเหมามีทัศนคติที่เข้ากับเราได้ เพราะถ้าเข้ากันไม่ได้อาจทำให้การก่อสร้างเป็นไปได้ลำบากขึ้น เพราะการก่อสร้างค่อนข้างจะกินระยะเวลานาน ทำให้เราจะต้องมาดูแลตรวจสอบอยู่บ่อยครั้ง เพื่อปรึกษา พูดคุยกับผู้รับเหมา หากเรากับผู้รับเหมาเข้ากันไม่ได้ หรือ มีการมองภาพงานที่แตกต่างกันก็อาจทำให้การก่อสร้างล่าช้าลงไป และ อาจทำให้มีการแก้งานอยู่บ่อยๆ ครั้ง

เลือกผู้รับเหมาที่เป็นบริษัท


การเลือกผู้รับเหมาที่เป็นบริษัทที่ตั้งเป็นหลักเป็นแหล่งที่ทำการจดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัด จะทำให้เราสามารถมั่นใจได้มากกว่าผู้รับเหมารายย่อยที่ไม่มีที่ตั้งชัดเจน การดำเนินเอกสารก็จะมีเอกสารสัญญาที่ชัดเจน รวมทั้งเงื่อนไขการว่าจ้าง และ การรับประกันผลงานที่ชัดเจน ถึงแม้ผู้รับเหมาที่เป็นบริษัทอาจจะมีราคาแพงกว่าผู้รับเหมารายย่อย แต่งานที่ได้ก็จะมีคุณภาพ มีการรับประกันงาน และ ไม่โดนเทงานอย่างแน่นอน
 
สรุปแล้วควรจะเลือกผู้รับเหมาแบบไหนถึงจะดี?


-เลือกผู้รับเหมาที่น่าเชื่อถือ มีแหล่งที่ตั้งที่ชัดเจน ที่สามารถตรวจสอบได้ว่าผู้รับเหมาเป็นใคร หากร่วมงานกันแล้วจะไม่เทงานทิ้งกลางคัน หรือ หนีหายไปไหน
-เลือกผู้รับเหมาที่มีผลงาน และ ความเชี่ยวชาญในการก่อสร้าง ว่าผ่านผลงานแบบไหนมาแล้วบ้าง มีประสบการณ์มานานแล้วหรือไม่
-เลือกผู้รับเหมาที่เหมาะกับเรา และ งานของเรา ไม่ใช่ว่าเราจะสร้างบ้านที่มีรูปแบบเฉพาะ แต่ดันเลือกผู้รับเหมามาไม่เหมาะกับงาน ไม่เหมาะกับตัวเราก็ อาจทำให้ได้งานที่ไม่ดี และ ไม่เป็นไปตามแบบที่ต้องการ
-เลือกผู้รับเหมาที่สามารถรับประกันงาน และ มีเอกสารการว่าจ้างที่ชัดเจน รายย่อยบางคนจะมีเอกสารว่าจ้างทำให้ผู้รับเหมาอาจจะเทงาน หรือ หนีงานไปได้ ผู้รับเหมาที่เป็นบริษัทจะมีความน่าเชื่อถือมากกว่า แต่ก็อาจจะมีราคาที่สูงกกว่าด้วย
 
 
V.K.B ไม่มีทิ้งงานพร้อมบริการอย่างเต็มที่
ใครที่อยากสร้างบ้าน สร้างโรงงาน บริษัทของเราเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ให้บริการออกแบบ และ ก่อสร้าง ด้วยทีมที่เชี่ยวชาญ และ มีประสบการณ์ ทำให้บริษัทของเราได้รับความไว้ใจจากองค์กรชั้นนำมาอย่างมากมาย และ ได้ก่อสร้างให้กับหลายๆ คน หลายๆ องค์กรมายาวนานกว่า 30 ปี เราไม่ใช่แค่ผู้รับเหมาที่ให้บริการแค่ด้านการก่อสร้างเท่านั้น แต่เรายังให้บริการทั้งการออกแบบ การให้คำปรึกษา และ การบริหารโครงการเพื่อที่จะช่วยเหลือ แก้ปัญหาด้านการก่อสร้างทุกรูปแบบ
งานก่อสร้าง รับเหมาก่อสร้างด้วยทีมงานบุคลากรคุณภาพที่พร้อมบริการอย่างเต็มที่
งานออกแบบ มีผู้เชี่ยวชาญที่มากประสบการณ์ รวมทั้งนักออกแบบรุ่นใหม่ ที่พร้อมออกแบบเพื่อให้ตอบโจทย์ตามสไตล์ของคุณ
ให้คำปรึกษา และ บริหารโครงการ นอกจากการก่อสร้างแล้ว เรายังให้คำแนะนำ ปรึกษา และ ช่วยเหลือปัญหาที่เกิดจากการก่อสร้างทุกรูปแบบ
เราพร้อมบริการด้วยใจเลือกจะก่อสร้าง เลือกV.K.B contracting

 
สามารถสอบถาม V.K.B และ ดูข้อมูลเพิ่มเติมช่องทางอื่นๆ
Line : @vkb.cont
Facebook : VKB Contracting
Tel : 02-377-6591 , 02-735-1636 , 02-735-1637
Email : vkb.cont@gmail.com


121

นอกจากจะต้องดูมาตรฐานความแข็งแรงแล้ว มาตรฐานกระบวนการผลิต ความปลอดภัย และ สิ่งแวดล้อมต่างๆ ก็นับว่าเป็นอะไรที่สำคัญมาก เพราะหากมาตรฐานในการทำงาน การผลิตไม่ดีแล้ว ก็จะทำให้เกิดอันตรายแก่ผู้บริโภคได้ ดังนั้นหากจะทำโรงงานก็ควรจะคำนึงถึงมาตรฐาน GMP โรงงาน ทาง V.K.B เลยนำเอาเรื่องราวเกี่ยวกับมาตรฐานโรงงานที่คุณไม่ควรพลาดมาฝาก
 
GMP โรงงาน คืออะไร?


GMP มาจากชื่อเต็มๆ คือ Good Manufacturing Practice เป็นข้อกำหนดขั้นพื้นฐานที่ใช้ในการผลิต และควบคุมเพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่ผู้บริโภค ซึ่งมาตรฐาน GMP สามารถแบ่งออกได้เป็น GMP สุขลักษณะทั่วไป และ GMP เฉพาะผลิตภัณฑ์ ที่ใช้เพื่อควบคุมจัดการมาตรฐานกระบวนการผลิต และ สิ่งแวดล้อมในกระบวนการผลิต เพื่อทำให้ถูกสุขอนามัย ซึ่งมาตรฐานนี้จะเน้นไปที่การครอบคลุมทุกขั้นตอนออกมาดี และ ปลอดภัย

ประเภทของมาตรฐาน GMP
มาตรฐาน GMP สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท
-GMP สุขลักษณะทั่วไป
-GMP เฉพาะผลิตภัณฑ์
โดยที่มาตรฐาน GMP สุขลักษณะทั่วไป หรือ General GMP จะครอบคลุมไปถึง


-สุขลักษณะของสถานที่ อาคารการผลิต ไม่ว่าจะเป็นตัวอาคาร หรือ บริเวณใกล้เคียงต้องมีความเหมาะสม และ สะดวกต่อการทำงาน ต้องมีการแบ่งให้เป็นสัดเป็นส่วน
-เครื่องมือ เครื่องจักร อุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิต ต้องมีการตรวจสอบความแข็งแรง สภาพของเครื่องจักรว่ามีความเหมาะสมต่อการใช้งานหรือไม่
-การควบคุมขั้นตอนการผลิตให้เป็นไปอย่างปลอดภัย ในทุกขั้นตอนจะต้องมีการตรวจสอบ และ ควบคุมดูแลให้เป็นไปอย่างถูกสุขอนามัย ตั้งแต่วัตถุดิบ การผลิต การบรรจุภัณฑ์ ตลอดจนไปถึงการขนส่ง
-สุขาภิบาล สุขลักษณะของโรงงาน จะต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อให้ถูกสุขอนามัยในการปฏิบัติงาน เช่น ห้องน้ำ อ่างล้างมือ ระบบการกำจัดของเสีย และ ขยะมูลฝอยต่างๆ
-การบำรุงรักษา การทำความสะอาด จะต้องมีการทำความสะอาด และ บำรุงรักษาเครื่องจักร อุปกรณ์ต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ
-การดูแลบุคลากรให้ปลอดภัยจากการทำงาน พนักงานในโรงงานควรที่จะมีการแต่งกาย สวมเสื้อผ้าที่เหมาะสมต่อการทำงาน และ มีความสวมใส่เครื่องป้องกันในการทำงาน


GMP เฉพาะผลิตภัณฑ์ จะมีความคล้ายกันกับตัวปกติ เพียงแต่จะเน้นไปที่เรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ว่าผ่านกระบวนการไหนมาบ้าง ส่วนใหญ่จะใช้กับกระบวนการผลิตอาหาร น้ำดื่ม ที่ต้องทำเพื่อป้องกันการปนเปื้อนในเรื่องของ
-คุณภาพของผลิตภัณฑ์
-บรรจุภัณฑ์มีความสะอาด และ ปลอดภัย
-การทำความสะอาด และ การฆ่าเชื้อที่มีคุณภาพ
 
GMP โรงงาน สำคัญกับโรงงานรูปแบบไหน?
-ใช้สำหรับเพื่อประกันความปลอดภัย ที่ได้จากการผลิตว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และ ปลอดภัย
-ช่วยในการลด และ ป้องกันข้อผิดพลาดจากกระบวนการผลิต
-ช่วยให้เกิดความสะดวก สะอาด ถูกสุขลักษณะของโรงงาน และ พนักงาน
-ใช้เพื่อเป็นแนวทางมาตรฐานในการผลิตในระยะยาว ทำให้เราสามารถควบคุมงบประมาณที่จะใช้ในโรงงานได้
-ช่วยให้เกิดความคล่องแตัว และ เกิดความปลอดภัยในการทำงาน
 
 
สร้างโรงงานอย่างปลอดภัยกับ V.K.B
โรงงานจะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของ GMP ตั้งแต่วัตถุดิบที่ใช้ในการก่อสร้าง และ การออกแบบโรงงานที่เป็นตามมาตรฐานโรงงาน การสร้างโรงงานนับว่าเป็นอะไรที่ต้องใส่ใจในการสร้าง ตั้งแต่การวางแผน การออกแบบ ตลอดจนการดูแลจนจบโครงการก่อสร้าง ทำให้จะต้องเลือกผู้รับเหมาที่มีความชำนาญ V.K.B contractingเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ให้บริการมายาวนานกว่า 30 ปี ด้วยทีมที่เชี่ยวชาญ และ มีประสบการณ์ ที่พร้อมให้บริการออกแบบ ก่อสร้าง และ ให้คำแนะนำด้านการก่อสร้างทุกรูปแบบ ด้วยประสบการณ์ที่ยาวนานเราจะบริการอย่างเต็มที่ และ เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ
งานก่อสร้าง รับเหมาก่อสร้างด้วยทีมงาน บุคลากร และ Outsourch คุณภาพที่พร้อมบริการอย่างเต็มที่
งานออกแบบ มีผู้เชี่ยวชาญที่มากประสบการณ์ รวมทั้งนักออกแบบรุ่นใหม่ ที่พร้อมออกแบบเพื่อให้ตอบโจทย์ตามสไตล์ของคุณ
ให้คำปรึกษา และ บริหารโครงการ นอกจากการก่อสร้างแล้ว เรายังให้คำแนะนำ ปรึกษา และ ช่วยเหลือปัญหาที่เกิดจากการก่อสร้างทุกรูปแบบ
 
สามารถสอบถาม V.K.B และ ดูข้อมูลเพิ่มเติมช่องทางอื่นๆ
Line : @vkb.cont
Tel : 02-377-6591 , 02-735-1636 , 02-735-1637
Email : vkb.cont@gmail.com


122

สำหรับผู้ประกอบการที่อยากจะจัดตั้งโรงงานเพื่อขยายธุรกิจ รู้หรือไม่ว่าการที่จะ เปิดโรงงาน สักแห่งได้จะเป็นจะต้องทำการศึกษาข้อมูลให้ดีเสียก่อน นอกจากข้อมูลแล้วยังจำเป็นจะต้องทำการศึกษารายละเอียด และ ค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งให้ดีก่อนว่าคุ้มค่าต่อการจัดตั้งโรงงานหรือไม่ เพราะ การจัดตั้งโรงงานมีทั้งกฎหมาย ข้อบังคับต่างๆ ที่ต้องปฏิบัติตาม วันนี้ทาง V.K.B จะมาแนะนำ ข้อควรรู้สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการเปิดโรงงานไม่ควรพลาด!!!
 
มารู้จักประเภทของโรงงานกันดีกว่า?
ต้องทำการสำรวจว่าโรงงานเราเป็นโรงงานประเภทไหน เพราะแต่ละโรงงานก็มีเอกสารที่ต้องยื่นแตกต่างกัน อีกทั้งประเภทโรงงานที่แตกต่างกันก็มีรูปแบบการขออนุญาตจัดตั้งโรงงาน การเสียค่าธรรมเนียม และ กฎหมายโรงงานที่ต่างกัน โรงงานสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ตามพระราชบัญญัติโรงงาน ปี พ.ศ. 2563
โรงงานประเภทที่1 - โรงงานที่มีเครื่องจักรกำลังไม่เกิน 20 แรงม้า และ มีพนักงานไม่เกิน 20 คน
โรงงานประเภทที่2 - โรงงานที่มีเครื่องจักรกำลังมากกว่า 50 แรงม้าแค่ไม่เกิน 75 แรงม้า และ มีพนักงานตั้งแต่ 50 คนแต่ไม่เกิน 75 คน
โรงงานประเภทที่3 - โรงงานที่มีเครื่องจักรกำลังมากกว่า 75 แรงม้า และ มีพนักงานมากกว่า 75 คนขึ้นไป
โรงงานประเภทที่ 1 และ ประเภทที่ 2 สามารถทำการจัดตั้งโรงงาน และ ดำเนินกิจการได้เลยโดย ไม่ต้องขอใบอนุญาต แต่ก็ควรจะปฏิบัติตามข้อกำหนดของ พ.ร.บ โรงงานอย่างเคร่งครัด ส่วนประเภทที่2 ถึงแม้จะไม่ต้องขอใบอนุญาตแต่จะต้องทำการแจ้งความจำนนว่าต้องการเปิดกิจการ และ เสียค่าธรรมเนียมในการติดตั้งโรงงานทุกๆ ปี โรงงานประเภทที่ 3 จะจัดตั้ง และ ดำเนินกิจการได้ก็ต่อเมื่อทำการ ขอใบอนุญาตก่อนถึงจะประกอบกิจการได้ (*รวมทั้งโรงงานประเภทที่ 1 และ 2 ที่ถูกจัดรวมเป็นโรงงานประเภทที่ 3 เนื่องจากเป็นกิจการที่อาจก่อให้เกิดมลพิษ) หากไม่ขอใบอนุญาตจะถือว่าทำผิดตาม พ.ร.บ โรงงานที่กฎหมายกำหนดเอาไว้

ค่าใช้จ่ายที่ใช้สำหรับการ เปิดโรงงาน
การประเมินค่าใช้จ่ายก็ถือว่าสำคัญไม่แพ้กัน เพราะการจะเปิดโรงงานสักแห่ง ค่าใช้จ่ายไม่ได้มีเฉพาะแค่ค่าก่อสร้างเท่านั้น หากคุณเป็นผู้ประกอบ ที่ต้องการเปิดโรงงานก็จะต้องเตรียมงบเผื่อไว้สำหรับค่าใช้จ่ายต่างๆ ด้วย ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นสำหรับคนที่คิดจะเปิดโรงงานมีดังต่อไปนี้!!!
-ค่ารับเหมาก่อสร้าง
-ค่าสถานที่จัดตั้งโรงงาน
-ค่าเครื่องจักรสำหรับประกอบกิจการ
-ค่าการวางระบบต่างๆ ที่จำเป็นในโรงงาน

ค่าในการก่อสร้าง


การเลือกผู้รับเหมาถือว่าสำคัญมาก เพราะหากได้ผู้รับเหมาไม่ดี อาจทำให้การก่อสร้างเกิดปัญหาตามมาทีหลังได้ ให้เลือกผู้รับเหมาที่น่าเชื่อถือ มีประสบการณ์ทำงานมายาวนาน มีผลงานที่สามารถการันตีคุณภาพของโรงงานได้ การเลือกผู้รับเหมาเจ้าใหญ่อาจจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าแต่คุณจะได้โรงงานที่ดีมีคุณภาพคุ้มค่ากับการลงทุน อย่าง VKB ที่เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่เปิดให้บริการมายาวนานกว่า 30 ปี และ ได้รับความไว้ใจจากองค์กรชั้นนำในการก่อสร้างโรงงานต่างๆ
ตัวอย่างเช่น งานโครงเหล็กในส่วนของโครงหลังคา เสา โครงผนัง และ งานคอนกรีตในส่วนของเสาเข็มอื่นๆ ราคาจะขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานโรงงาน เช่น บริเวณโรงงานที่จะสร้าง พื้นที่จะต้องรับน้ำหนักมากเท่าไหร่ เสาเข็มที่ใช้ก็จะยิ่งใหญ่ขึ้นราคาก็จะสูงขึ้น ส่วนราคาวัสดุที่ใช้จะขึ้นอยู่กับราคาตลาดของวัสดุในช่วงเวลานั้นๆ โดยในปัจจุบันขนาดเล็ก และ ขนาดกลาง ราคาประมาณ 6 - 12K / ตรม. (ในส่วนของราคาสำหรับโกดัง โรงงานเก็บของธรรมดา) นอกจากนั้นก็จะเป็นพวกค่าการตกแต่ง และ งานอื่นๆ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับขนาดของโรงงาน และ สไตล์การตกแต่งของโรงงานว่าต้องการโรงงานแบบไหน สไตล์ไหน

ค่าสถานที่ตั้งโรงงาน


สถานที่จัดตั้งโรงงาน หรือ ทำเลของโรงงานขึ้นอยู่กับว่าคุณจัดตั้งโรงงานที่ไหน ได้ทั้งการเช่าที่ดินสำหรับตั้งโรงงาน และ ซื้อที่ดินสำหรับจัดตั้งโรงงานเลย ซึ่งที่ดินที่จะสร้างโรงงานไม่ใช่ว่าเลือกที่ไหนก็ได้ เพราะโรงงานเองก็มีข้อกฎหมายการจัดตั้งโรงงานว่าต้องอยู่ห่างจากชุมชนเท่าไหร่กำหนดเอาไว้ สถานที่จัดตั้งโรงงานที่ดีจะทำให้สามารถกระจายสินค้าได้ง่าย และ ทำให้คนรู้จักสินค้าของเรา รู้จักโรงงานของเรามากยิ่งขึ้น
ในส่วนของค่าสถานที่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราเป็นเจ้าของที่ดินหรือไม่ หากไม่ได้เป็นจะเช่า หรือ ซื้อเพื่อสร้างโรงงาน นอกจากนั้นค่าที่ดินก็จะขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้ง ส่วนใครที่มีที่ดินเปล่าอยู่แล้วก็ถือว่าเซฟค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไป

ค่าเครื่องจักรสำหรับประกอบกิจการ


ส่วนมากโรงงานจะใช้เครื่องจักรเพื่อทุ่นแรงสำหรับการผลิตสินค้า แต่ก็มีโรงงานจำนวนไม่น้อยที่เลือกที่จะลงทุนกับเครื่องจักรมากกว่าแรงงานคน เพราะความเร็ว และ ประสิทธิภาพในการทำงาน ราคาจะขึ้นอยู่กับขนาดของเครื่องจักร กำลังการผลิต ยี่ห้อ ประเภทของเครื่องจักร และ อีกหลายปัจจัย ส่วนใหญ่ราคาจะเริ่มต้นตั้งแต่หลักหมื่นจนถึงหลักล้าน แต่ก็ต้องเลือกให้ดี และ คำนึงถึงการใช้งานในระยะยาว

ค่าการวางระบบในโรงงาน


โรงงานยังจะต้องทำการวางระบบต่างๆ เอาไว้เพื่อควบคุม และ ดูแลความปลอดภัย นอกจากนั้นก็จะต้องวางคนที่จะตรวจสอบดูแล เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันจากการทำงาน โดยเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยโรงงาน (จป.) ซึ่งหากโรงงานจ้างก็จะต้องเสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ส่วนค่าใช้จ่ายในการวางระบบก็จะแตกต่างกันไปตามรูปแบบของประเภทโรงงาน และ ขนาดของโรงงาน เช่น ระบบดับเพลิง , ระบบน้ำ , ระบบเน็ตเวิร์ค
 
คำนวณค่าใช้จ่ายว่าคุ้มค่าต่อการ เปิดโรงงาน หรือไม่???
ต้องดูว่าเมื่อเราเปิดโรงงานแล้วจะคุ้มค่าหรือไม่ โดยให้คิดจากมูลค่าของสินค้าที่เราจะขาย จากนั้นให้คำนวณว่าจะต้องใช้ระยะเวลาเท่าไหร่ถึงจะสามารถคืนทุนได้ในระยะเวลาอันสั้น เพราะหากใช้เงินลงทุนมากความเสี่ยงที่ตามมาก็ยิ่งมาก (ค่าใช้จ่ายต่างๆ) ต้องนึกถึงอัตราส่วนของกำไรสุทธิเมื่อหักค่าใช้จ่ายเรียบร้อย (ROI) ซึ่งจะช่วยในเรื่องของงบประมาณ โดยวันนี้ทาง V.K.B ก็ได้เอาวิธีการคำนวณค่า ROI ซึ่งจะช่วยในการคำนวณผลลัพธ์ที่ได้จากการเปิดโรงงานว่าเงินทุนที่ลงไปให้ผลตอบแทนคุ้มค่าหรือไม่!!!
วิธีการคิดคำนวณ ROI


ROI หรือ อัตราส่วนผลตอบแทนจากการลงทุน เป็นการนำ (รายได้จากการลงทุน - เงินลงทุน) มาหารด้วยเงินลงทุน และ คูณด้วย100 เพื่อหาเปอร์เซ็นต์ของผลตอบแทนที่จะได้รับ ยิ่งเปอร์เซ็นมากกว่า 0 หรือ 100% แสดงว่าได้กำไรจากการลงทุนมาก (ยิ่งเปอร์เซ็นต์สูงยิ่งดี ถ้าเปอร์เซ็นต์น้อยกว่า 0 หรือ กำไลติดลบแสดงว่าขาดทุน) เช่น ต้นทุนทั้งหมดเป็นจำนวน 1,000,000 บาท เมื่อเปิดโรงงานมามียอดสั่งซื้อสินค้าเข้ามาจำนวนมาก คิดเป็นรายได้ต่อปีประมาณ 2,500,000 บาท หมายความว่าจะได้กำไรจากการลงทุน 1,500,000 บาทต่อปี เมื่อนำไปคำนวณตามสูตรของ ROI จะคิดเป็น 150% แสดงว่าโรงงานจะสามารถคืนทุนได้ภายใน 1 ปี
**การคำนวณดังกล่าวเป็นเพียงสถานการณ์ที่จำลองขึ้นเท่านั้น เพื่อให้ง่ายต่อการคำนวณ**

 
V.K.B พร้อมให้คำปรึกษากับคนที่อยากเปิดโรงงาน
สำหรับใครที่อยากเปิดโรงงาน อยากมีโรงงานเป็นของตัวเอง แต่ไม่รู้จะปรึกษาใคร V.K.B พร้อมให้คำปรึกษา และ ช่วยเหลือปัญหาด้านการก่อสร้างทุกรูปแบบ ไม่เพียงแค่นั้นเรายังเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ให้บริการออกแบบ และ ก่อสร้าง รวมถึงให้คำแนะนำ บริหารโครงการ ที่ให้บริการมายาวนานกว่า 30 ปี ด้วยทีมที่เชี่ยวชาญ และ มีประสบการณ์ ทำให้คุณมั่นใจได้เลยว่างานที่ออกมาจะเป็นไปอย่างที่คุณต้องการ และ มีคุณภาพ
งานก่อสร้าง รับเหมาก่อสร้างด้วยทีมงาน บุคลากร และ Outsourch คุณภาพที่พร้อมบริการอย่างเต็มที่
งานออกแบบ มีผู้เชี่ยวชาญที่มากประสบการณ์ รวมทั้งนักออกแบบรุ่นใหม่ ที่พร้อมออกแบบเพื่อให้ตอบโจทย์ตามสไตล์ของคุณ
ให้คำปรึกษา และ บริหารโครงการ นอกจากการก่อสร้างแล้ว เรายังให้คำแนะนำ ปรึกษา และ ช่วยเหลือปัญหาที่เกิดจากการก่อสร้างทุกรูปแบบ
อยากมีโรงงานๆ ต้องที่ V.K.B contracting !!!

 
สามารถสอบถาม V.K.B และ ดูข้อมูลเพิ่มเติมช่องทางอื่นๆ
Line : @vkb.cont
Tel : 02-377-6591 , 02-735-1636 , 02-735-1637
Email : vkb.cont@gmail.com


123

เมื่อเกิดรายได้สิ่งที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยก็คือ การจ่ายภาษี แต่หากรัฐจะเก็บภาษีทีเดียวปีละหนึ่งครั้งก็ดูจะเป็นเงินก้อนใหญ่มากเกินไปสำหรับผู้ที่ต้องเสียภาษี อาจทำให้เกิดการเลี่ยงภาษี หรือจ่ายล่าช้า รัฐจึงหาวิธีที่จะช่วยผู้เสียภาษี ให้ไม่ต้องเสียเงินเงินก้อนใหญ่ทีเดียว รัฐจึงทำการหักภาษีล่วงหน้าเอาไว้ส่วนนึงแล้ว และทำการออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย หรือก็คือใบ 50 ทวิ นั่นเอง แต่ใบ 50 ทวิเราจะได้จากใคร แล้วเราจะได้เมื่อไหร่ มาหาคำตอบภายในบทความนี้ไปพร้อม ๆ กันค่ะ


ใบ 50 ทวิคืออะไร?
ใบ 50 ทวิคือ เอกสารที่จะแสดงรายละเอียดให้เห็นว่า มีการหักภาษี ณ ที่จ่ายเงินนำส่งให้รัฐไปก่อนเท่าไหร่ จากที่ต้องจ่ายจริงคือเท่าไหร่ เหลือเท่าไหร่ และเป็นเอกสารที่ผู้มีเงินได้จะได้รับเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการยื่นภาษี
 

สำคัญอย่างไร
1. เมื่อถึงเวลายื่นภาษี ใบ 50 ทวิ สามารถนำไปยื่นลดหย่อนจากภาษีที่ต้องจ่ายได้ เนื่องจากถือว่าได้จ่ายล่วงหน้าไปแล้ว
2. ในกรณีที่ถูกหักภาษีไว้มากกว่าจำนวนภาษีที่ต้องชำระทั้งปี ก็สามารถใช้ใบ 50 ทวิ ยื่นเพื่อขอคืนภาษีได้ หรือก็คือรัฐต้องจ่ายคืนค่าภาษีให้เรานั้นเอง
3.ในบางกรณีใบ 50 ทวิสามารถนำไปใช้เป็นหลักฐานแสดงฐานะหรือความมั่นคงทางการเงินให้แก่สถาบันการเงินต่าง ๆ  อีกด้วย
ดังนั้นเมื่อได้รับเอกสารมากแล้ว ควรตรวจสอบความถูกต้อวของข้อมูลให้เรียบร้อยและเก็บรักษาให้ดีด้วยนะคะ


ใครที่ต้องออกใบให้เรา
ในกรณีของลูกจ้างบริษัท นายจ้างหรือบริษัทที่เราทำงานอยู่ที่มีหน้าที่ออก 50 ทวิให้เรา โดยอาจจะจัดทำเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษก็ได้ หรือถ้าหากจัดทำเป็นภาษาอื่นๆ จะต้องมีคำแปลเป็นภาษาไทยกำกับอยู่ด้วย
กรณีฟรีแลนซ์ที่รับค่าจ้าง ก็จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายแตกต่างกันไปตามเนื้องานแต่ละประเภท ตามที่กฎหมายกำหนด อย่างค่าจ้างบริการทั่วไป เช่น จ้างรีวิวสินค้า จ้างทำกราฟฟิค ก็จะถูกกำหนดอัตราภาษีหัก ณ ที่จ่ายที่ 3% เป็นต้น และถ้ายอดที่จ่ายเป็นจำนวนไม่ถึง 1,000 บาท ก็ไม่ต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย

เพิ่มเติม : ใบหักภาษี ณ ที่จ่าย หรือใบ 50 ทวิ คือเอกสารที่ผู้จ่ายเงินได้สามารถจัดทำขึ้นเองได้ โดยจำเป็นต้องมีข้อความตามที่กรมสรรพากรกำหนดทั้งหมด และจะต้องจัดทำขึ้น 2 ฉบับ โดยมีข้อความบนหัวกระดาษแต่ละฉบับ ดังนี้
ฉบับที่ 1 มีข้อความว่า “สำหรับผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายใช้แนบพร้อมกับแบบแสดงรายการ”
ฉบับที่ 2 มีข้อความว่า “สำหรับผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายเก็บ ไว้เป็นหลักฐาน”
 

1. กรณีจ่ายเงินเดือน ค่าจ้าง ค่านายหน้า บำเหน็จ ฯลฯ
ออกภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ของปี ถัดจากปีที่มีการหัก ณ ที่จ่าย ในกรณีที่ผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย ออกจากงานระหว่างปี ใบ 50 ทวิ จะถูกออกให้แก่ภายใน 1 เดือน นับตั้งแต่วันที่ออกจากงาน
 
2. กรณีจ่ายเงินได้อื่น ๆ ฟรีแลนซ์
ออกในทันทีทุกครั้งที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย

เพิ่มเติม : หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย หรือ ใบ 50 ทวิเป็นเอกสารสำคัญที่ผู้มีรายได้ทุกคนต้องใช้ในการคำนวณภาษี และเป็นหลักฐานในการยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลประจำปี (ภ.ง.ด. 91/90) หากคุณไม่ได้รับใบ 50 ทวิ ให้รีบแจ้งผู้ที่มีหน้าที่ออกใบให้เราทันที แต่หากไม่แน่ใจว่าต้องขอจากใคร ให้ติดต่อผู้ที่จ่ายเงินให้เราโดยตรงเท่านั้น


ถ้าหายทำอย่างไร
-ถ้าเราทำใบ 50 ทวิหายสามารถแจ้งผู้จ่ายเงินให้ออกให้ใหม่ได้ แต่จะต้องติดต่อขอรับจากผู้จ่ายเงินเท่านั้น ไม่สามารถติดต่อขอที่กรมสรรพากได้
-หรือหากใบ 50 ทวิ ฉีดขาด/ชำรุด ผู้รับเงินสามารถขอให้ผู้จ่ายเงินออกใบแทนใบ 50 ทวิให้ได้ โดยถ่ายเอกสาร หรือพิมพ์เอกสารสําเนาคู่ฉบับ ซึ่งผู้ออกใบ 50 ทวิ เก็บไว้ และเขียนข้อความว่า "ใบแทน" ไว้ด้านบนของเอกสาร จากนั้นลงลายมือชื่อรับรอง

ใบ 50 ทวิเป็นเอกสารหลักฐานที่สำคัญที่จะแสดงว่าเราถูกหักเงิน ณ ที่จ่ายไปแล้วเท่าไหร่ แล้วจะต้องเสียเพิ่มอีกเท่าไหร่ หรืออาจจะได้กลับคืนมาก็ได้ ดังนั้นอย่าลืมเก็บรักษาใบ 50 ทวิให้ดีด้วยนะคะ


ติดตามนรินทร์ทองเพื่อที่จะไม่พลาดข่าวสารเกี่ยวกับการเงิน
อย่าลืมกดติดตามเพจ นรินทร์การบัญชีและภาษี เพื่อจะได้ไม่พลาดข่าวสารดี ๆ และความรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับ การบัญชี ภาษีและกฎหมาย และหากคอนเทนต์นี้มีประโยชน์อย่าลืมแชร์หรือบอกต่อเพื่อน ๆ กันด้วยนะคะ และหากใครต้องการอ่านข้อมูลเพิ่มเติมหรือบทความอื่น ๆ


ใครมีข้อสงสัย หรือต้องการคำปรึกษา สามารถติดต่อสอบถามได้ที่
Facebook : นรินทร์ การบัญชีและภาษี
Website : นรินทร์ทอง


124

เมื่อธุรกิจของคุณเติบโตขึ้น มีเครื่องจักรในการทำงาน และ มีพนักงานมากขึ้นจนถึงเกณฑ์ที่กำหนด ผู้ประกอบกิจการจะต้องทำการขออนุญาตเพื่อจัดตั้งโรงงานขึ้นสำหรับการประกอบธุรกิจ แต่การจะจัดตั้งโรงงานไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเพียงแค่ทำการก่อสร้างก็จบ!!! แต่จำเป็นจะต้องปฏิบัติตาม กฎหมายโรงงาน และ การจัดตั้งโรงงาน วันนี้ทาง V.K.B เลยได้เอาข้อควรรู้ในการจัดตั้งโรงงาน และ ขั้นตอนการขอใบอนุญาตมาฝาก!!!
 
สาเหตุที่ต้องขออนุญาตตั้งโรงงาน?
โรงงานมีเครื่องจักร หรือ พนักงานถึงเกณฑ์ที่กำหนดเอาไว้ ผู้ประกอบการจะต้องทำการจัดตั้งโรงงานตามที่กฎหมายกำหนด โดยโรงงานที่มีเครื่องจักรขนาด 50 แรงม้า และ มีพนักงานจำนวน 50 คนขึ้นไป จะต้องทำการขออนุญาตเพื่อจัดตั้งโรงงานตาม พ.ร.บ โรงงาน ซึ่งมีขึ้นเพื่อทำการควบคุมดูแลกิจกรรมภายในโรงงานไม่ให้เกิดผลเสียต่อสังคม และ สิ่งแวดล้อม
 
ประเภทของโรงงานมีกี่ประเภท


โรงงานประเภทที่1 - หากโรงงานมีเครื่องจักรไม่เกิน 20 แรงม้า และ มีคนงานไม่เกิน 20 คน โรงงานประเภทนี้ไม่จำเป็นจะต้องขอใบอนุญาต สามารถดำเนินกิจการได้ทันทีไม่ต้องขอใบอนุญาต (*โรงงานบางประเภทถูกจัดรวมเป็นโรงงานประเภทที่ 3 ถึงแม้จะมีจำนวนไม่เป็นไปตามโรงงานจำพวกที่ 3 ก็ตาม เพราะกิจการอาจก่อให้เกิดมลพิษ)
โรงงานประเภทที่2 - ถ้าโรงงานมีเครื่องจักรมากกว่า 50 แรงม้าแต่ไม่เกิน 75 แรงม้า (50-75 แรงม้า) และ มีพนักงานมากกว่า 50 คนแต่ไม่เกิน 75 คน (50-75 คน) ไม่ต้องขอใบอนุญาตในการจัดตั้ง แต่จะต้องทำการแจ้งการความจำนนในการประกอบกิจการ และ ชำระค่าธรรมเนียมรายปี (*โรงงานบางประเภทถูกจัดรวมเป็นโรงงานประเภทที่ 3 ถึงแม้จะมีจำนวนไม่เป็นไปตามโรงงานจำพวกที่ 3 ก็ตาม เพราะกิจการอาจก่อให้เกิดมลพิษ)
โรงงานประเภทที่3 - โรงงานมีเครื่องจักรมากกว่า 75 แรงม้า และ มีพนักงานในโรงงานมากกว่า 75 คน โรงงานประเภทนี้จะต้องทำการขอใบอนุญาตในการจัดตั้งโรงงาน (ใบร.ง.4) เนื่องจากถือว่าเป็นโรงงานที่อาจก่อให้เกิดมลภาวะ
**ข้อมูลดังกล่าวยึดตามรายละเอียดจากกฎกระทรวง : กำหนดประเภท ชนิด และ ขนาดของโรงงาน พ.ศ. 2563**

กฎหมายโรงงาน และ การจัดตั้งโรงงาน
หากเป็นโรงงานจำพวกที่ 3 รวมทั้งโรงงานประเภทที่ 1 และ 2 ที่ถูกจัดรวมเป็นจำพวกที่ 3 เพราะกิจการอาจก่อให้เกิดมลพิษ จะต้องทำการขออนุญาตจัดตั้งโรงงาน และ ขอใบอนุญาตประกอบกิจการ นั่นก็คือใบ ร.ง.4 นั่นเอง ซึ่งเป็นใบที่ออกให้กับโรงงานจำพวกที่ 3 สำหรับการจัดตั้งโรงงาน และ ทำการเสียค่าธรรมเนียมโรงงานรายปีตามขนาดแรงม้าที่โรงงานผลิต หากไม่มีใบนี้แล้วยังจัดตั้งโรงงานจะถือว่าทำผิด พ.ร.บ โรงงาน
เอกสารการขออนุญาตประกอบกิจการโรงงาน


-คำขออนุญาตประกอบกิจการโรงงาน
-หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล (สำหรับกรณีโรงงานที่จดเป็นนิติบุคคล และ คัดลอกสำเนาไม่เกิน 3 เดือน)
-สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และ สำเนาทะเบียนบ้าน / หนังสือเดินทางของผู้ที่จะลงนาม
-หนังสือมอบอำนาจ (กรณีที่ไม่ได้มาดำเนินการด้วยตัวเอง)
-เอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่จัดตั้งโรงงาน (โฉนดที่ดิน)
-แบบแปลนแผนผังอาคารภายในโรงงาน (จะต้องผ่านการลงนามรับรองความปลอดภัยจากวิศวกร)
-แผนผังแสดงการติดตั้งเครื่องจักร (จะต้องผ่านการลงนามรับรองความปลอดภัยจากวิศวกร)
-สำเนาหนังสืออนุญาตก่อสร้าง
-ขั้นตอนการผลิตโดยละเอียด
-เอกสารเพิ่มเติมอื่นๆ ที่เจ้าหน้าที่กำหนด
 
ขั้นตอนการขอใบอนุญาตสำหรับ


1.ผู้ประกอบการทำการยื่นคำขอจัดตั้งโรงงาน (ร.ง.3) และ เอกสารสำหรับการขอใบอนุญาตให้เรียบร้อย
2.เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร และ สถานที่จัดตั้งโรงงาน ตั้งแต่กระบวนการผลิต การป้องกัน และ การบำบัด
3.เจ้าหน้าที่จะทำการแจ้งผลการพิจารณาให้ผู้ประกอบการทราบ

หากได้รับอนุญาตให้จัดตั้งโรงงานได้จะต้องทำการชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาต และ จัดตั้งโรงงานภายในระยะเวลาที่ระบุเอาไว้ และ ในกรณีที่ไม่ได้รับอนุญาตให้จัดตั้งโรงงานสามารถทำการยื่นอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมได้ภายใน 30 วัน
 
ไม่มีใบอนุญาตผิดกฎหมายหรือไหม?
มีความผิดอย่างแน่นอน!!! หากฝ่าฝืนกฎหมาย พ.ร.บ โรงงาน มีโทษจำคุก 2 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ ส่วนหากโรงงานของคุณเป็นจำพวกที่ 2 ที่ต้องแจ้งความจำนนในการประกอบกิจการก่อนจัดตั้งโรงงาน หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือ ปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ การขอใบอนุญาตจัดตั้งโรงงาน และ ประกอบกิจการสำคัญมาก!!! อย่าได้ละเลยกฎหมาย และ อย่าลืมที่จะขอใบอนุญาตก่อนจัดตั้งโรงงาน ไม่เช่นนั้นโรงงานคุณอาจจะเป็นโรงงานผิดกฎหมายได้ (ผิดกฎหมาย พ.ร.บ โรงงาน)
 
 
อยากได้โรงงานที่ดีเลือก V.K.B ก่อสร้างให้คุณ!!!
ผู้ประกอบการที่ต้องการจัดสร้างโรงงาน บริษัท V.K.B contracting ของเราเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ให้บริการออกแบบ และ ก่อสร้าง รวมถึงให้คำแนะนำ บริหารโครงการ ที่ให้บริการมายาวนานกว่า 30 ปี ด้วยทีมที่เชี่ยวชาญ และ มีประสบการณ์ ทำให้คุณมั่นใจได้เลยว่างานที่ออกมาจะเป็นไปอย่างที่คุณต้องการ และ มีคุณภาพ
งานก่อสร้าง รับเหมาก่อสร้างด้วยทีมงาน บุคลากร และ Outsourch คุณภาพที่พร้อมบริการอย่างเต็มที่
งานออกแบบ มีผู้เชี่ยวชาญที่มากประสบการณ์ รวมทั้งนักออกแบบรุ่นใหม่ ที่พร้อมออกแบบเพื่อให้ตอบโจทย์ตามสไตล์ของคุณ
ให้คำปรึกษา และ บริหารโครงการ นอกจากการก่อสร้างแล้ว เรายังให้คำแนะนำ ปรึกษา และ ช่วยเหลือปัญหาที่เกิดจากการก่อสร้างทุกรูปแบบ
บริการอย่างเต็มที่ และ เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ

 
สามารถสอบถาม V.K.B และ ดูข้อมูลเพิ่มเติมช่องทางอื่นๆ
Line : @vkb.cont
Tel : 02-377-6591 , 02-735-1636 , 02-735-1637
Email : vkb.cont@gmail.com


125

การแปรสภาพห้างหุ้นส่วนเป็นบริษัทจำกัดสามารถทำได้ในปัจจุบัน เพราะกฎหมายได้มีการอำนวยความสะดวกให้สามารถแปรสภาพเป็นบริษัทได้โดยไม่ต้องเลิกห้างหุ้นส่วน และสามารถใช้ชื่อเดิมของห้างหุ้นส่วนได้ แต่ก็มีเงื่อนไขอยู่บ้างที่เราต้องปฎิบัติตาม โดยที่เงื่อนไขจะมีอะไรบ้างเรามาดูกัน

การเปลี่ยนจากห้างหุ้นส่วนเป็นบริษัท สามารถทำได้ไหม? เรียกว่าอะไร?
การเปลี่ยนจากห้างหุ้นส่วนจำกัดเป็นบริษัทนั้นสามารถทำได้ โดยมีหลักเกณฑ์ง่ายๆคือ ต้องมีผู้ร่วมลงทุน 3 คนขึ้นไป   


ทำไมต้องเปลี่ยน ห้างหุ้นส่วนเป็นบริษัท?
1. การแปรสภาพจากห้างหุ้นส่วนมาเป็นบริษัทจำกัดจะช่วยให้ตัวกิจการมีความน่าเชื่อถือเพิ่มมากขึ้นจากคู่ค้า
2. มีเครดิตดีกว่าเมื่อจำเป็นต้องกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน
3.สามารถระดมทุนได้มากยิ่งขึ้นผ่านการขายหุ้น
4. เอื้อต่อการขยายกิจการในอนาคต


เงื่อนไข
1.  ห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้นต้องมีผู้เป็นหุ้นส่วนตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป
2. ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคน ต้องร่วมกันทำบันทึกข้อตกลงยินยอม ให้แปรสภาพเป็นบริษัทจำกัด
3. หุ้นส่วนผู้จัดการห้าง ต้องมีหนังสือแจ้งความยินยอมของผู้เป็นหุ้นส่วน ให้นายทะเบียนทราบภายในสิบสี่วัน นับแต่วันที่ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนให้ความยินยอม  โดยแนบสำเนาบันทึกข้อตกลงยินยอมให้แปรสภาพเป็นบริษัทจำกัดด้วย โดยห้างหุ้นส่วนจำกัดที่มีสำนักงานแห่งใหญ่ ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ส่งหนังสือแจ้งความยินยอมที่สำนักบริการข้อมูลธุรกิจ หรือ ส่วนจดทะเบียนธุรกิจกลาง หรือสำนักงานบริการจดทะเบียนธุรกิจแห่งใด แห่งหนึ่ง
สำหรับห้างหุ้นส่วนจำกัดที่มีสำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดอื่น ให้ส่งหนังสือแจ้งความยินยอม ได้ที่สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดที่ห้างหุ้นส่วนนั้น มีสำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่
4. ห้างหุ้นส่วนจำกัดต้องประกาศโฆษณาในหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่อย่างน้อยหนึ่งคราว และมีหนังสือบอกกล่าว ไปยังเจ้าหนี้ของห้างหุ้นส่วนให้ทราบเรื่องที่ห้างหุ้นส่วน จะแปรสภาพเป็นบริษัทจำกัด
 

5. เมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันที่บอกกล่าวแล้ว ไม่มีผู้ใดคัดค้าน หุ้นส่วนจำกัดต้องจัดให้มีการประชุมผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคน เพื่อให้ความยินยอมและดำเนินการในเรื่องดังต่อไปนี้
5.1 จัดทำหนังสือบริคณห์สนธิและข้อบังคับของบริษัท (ถ้ามี)
5.2  กำหนดทุนเรือนหุ้นของบริษัท ซึ่งต้องเท่ากับส่วนลงหุ้นของผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนในห้างหุ้นส่วน และกำหนดจำนวนหุ้นของบริษัทที่จะตกได้แก่หุ้นส่วนแต่ละคน
5.3 กำหนดจำนวนเงินที่ได้ใช้แล้วในแต่ละหุ้น (ไม่น้อยกว่าร้อยละ 25)
5.4 กำหนดจำนวนหุ้นสามัญหรือหุ้นบุริมสิทธิ รวมทั้งกำหนดสภาพและบุริมสิทธิของหุ้นซึ่งจะออกและจัดสรรหุ้นให้แก่ผู้เป็นหุ้นส่วน
5.5 แต่งตั้งกรรมการและกำหนดอำนาจของกรรมการ
5.6 แต่งตั้งผู้สอบบัญชี
5.7 ดำเนินการในเรื่องอื่นๆ ที่จำเป็นในการแปรสภาพ


6. หุ้นส่วนผู้จัดการเดิมต้องส่งมอบกิจการ ทรัพย์สิน บัญชี เอกสารและหลักฐานต่าง ๆ ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ให้แก่กรรมการบริษัทภายในสิบสี่วัน นับแต่วันที่ผู้เป็นหุ้นส่วนได้ให้ความยินยอมและดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ตาม 5. เสร็จสิ้นแล้ว
7. ในกรณีที่ผู้เป็นหุ้นส่วน ยังไม่ได้ชำระเงินค่าหุ้น ไม่ครบร้อยละยี่สิบห้าของมูลค่าหุ้น หรือยังไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สิน หรือทำเอกสารหลักฐานการใช้สิทธิต่าง ๆ ให้แก่คณะกรรมการ คณะกรรมการบริษัทต้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้เป็นหุ้นส่วน ชำระเงินค่าหุ้น
8. คณะกรรมการต้องยื่นคำขอจดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทจำกัด ต่อนายทะเบียน ภายในสิบสี่วัน


ข้อมูลที่ต้องใช้ในการแปรสภาพห้างหุ้นส่วนจำกัดเป็นบริษัทจำกัด
1. ชื่อของบริษัท
2. ที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ (ตั้งอยู่ ณ จังหวัดใด)
3. วัตถุที่ประสงค์ของบริษัทที่จะประกอบกิจการค้า
4. ข้อบังคับ (ถ้ามี)
5. จำนวนทุน (ค่าหุ้น) ที่เรียกชำระแล้ว อย่างน้อยร้อยละ 25 ของทุนจดทะเบียน
6. ชื่อ ที่อยู่ อายุของกรรมการ
7. ชื่อ ที่อยู่ อาชีพ สัญชาติ และจำนวนหุ้นของผู้ถือหุ้นแต่ละคน
8. รายชื่อหรือจำนวนกรรมการที่มีอำนาจลงชื่อแทนบริษัท (อำนาจกรรมการ)
9. ชื่อ เลขทะเบียนผู้สอบบัญชีรับอนุญาตพร้อมค่าตอบแทน
10. ตราสำคัญ
 

เอกสารที่ต้องใช้
1.หนังสือรับรองการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วน
2.สำเนาบัตรประชาชนหุ้นส่วนทุกท่าน
3.สำเนาบัตรประชาชนของกรรมการและผู้ถือหุ้นใหม่ของบริษัท
4.แผนที่ตั้งบริษัท
5.สำเนาทะเบียนบ้านที่ตั้งบริษัท
6.กรอกรายละเอียดเพิ่มเติม ได้แก่ เงื่อนไขการลงนาม, จำนวนชำระทุนครั้งแรก, สัดส่วนของผู้ถือหุ้นแต่ละท่าน, อาชีพของผู้ถือหุ้น, อีเมลและเบอร์โทรศัพท์ทุกท่าน


1. หุ้นส่วนทุกคนต้องยื่นหนังสือแจ้งกับนายทะเบียนและต้องทำบันทึกข้อตกลงยินยอมต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
2. ลงประกาศโฆษณาในหนังสือพิมพ์และมีหนังสือแจ้งกับทางเจ้าหนี้ของห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้น ๆ ว่ามีการเปลี่ยนจาก ห้างหุ้นส่วนจำกัดเป็นบริษัท หลังจากแจ้งกับทางเจ้าหนี้ 30 วัน ถ้าไม่มีใครคัดค้าน ต้องจัดทำแบบฟอร์มและเตรียมเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องและยื่นเอกสารจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงจากห้างหุ้นส่วนเป็นบริษัทจำกัดต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า https://www.dbd.go.th



สามารถติดตามข่าวสาร สาระ เรื่องราวบัญชี ภาษี และ กฎหมาย แบบเข้าใจง่ายๆ ได้ที่ Facebook Fanpage และ ช่องทางอื่นๆ เพื่อที่จะไม่พลาดสาระทางด้านการเงิน และ บัญชี
Facebook : นรินทร์ การบัญชีและภาษี
Website : นรินทร์ทอง



126

การจดทะเบียนบริษัทคงเป็นจุดมุ่งหมายของเจ้าของกิจการหลาย ๆ ท่าน เพราะการจดทะเบียนบริษัทจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับตัวธุรกิจของเราในระยะยาว ทำให้เรามีระบบในการทำธุรกิจ และยังเป็นการแยกตัวธุรกิจเป็น “นิติบุคคล” อีกคนหนึ่งออกจากเจ้าของธุรกิจ ซึ่งจะช่วยจำกัดความเสี่ยงจากหนี้สินของธุรกิจอีกด้วย
แต่ปัญหาหนึ่งของคนที่มีความคิดอยากจะจดทะเบียนบริษัทก็คือ วิธีการจดทะเบียนบริษัท ต้องทำยังไง และต้องเตรียมตัวยังไงทำให้หลายคนถึงกับล้มเลิกความคิดที่จะจดทะเบียนบริษัทกันไปเลยก็มี เพราะขี้เกียจมานั่งศึกษาและทำความเข้าใจ แต่วันนี้เราได้ทำการรวบรวมข้อมูลแบบเข้าใจง่ายไว้ในบทความนี้แล้วค่ะ


การจดทะเบียนบริษัท คือ การที่บุคคลตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปมาร่วมลงทุนจัดตั้งขึ้นมาเป็นองค์กร วัตถุประสงค์หลักในการร่วมจัดตั้งกัน คือ การแสวงหาผลกำไร


ขั้นตอนการ จดทะเบียนบริษัท
1. ตรวจสอบและจองชื่อบริษัท
เงื่อนไขการตั้งชื่อบริษัทคือ
- ต้องไม่ซ้ำหรือคล้ายกับบริษัทอื่นๆ
- ต้องมีทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษที่มีความหมายหรือเสียงเรียกขานตรงกับชื่อภาษาไทย
- สามารถยื่นจองได้สูงสุดถึง 3 ชื่อ และจะได้รับการพิจารณาจากชื่อแรก หากชื่อแรกซ้ำหรือไม่ผ่านเกณฑ์อย่างใดอย่างหนึ่ง ก็นายทะเบียนก็จะพิจารณาชื่อในลำดับถัดไปแทน

เพิ่มเติม :  เมื่อจองชื่อได้แล้วจะต้องยื่นจดทะเบียนภายใน 30 วัน นับจากวันที่นายทะเบียนได้รับรองชื่อ ไม่เช่นนั้นต้องทำการจองชื่อใหม่

2.จดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ หรือ ข้อมูลสำคัญการจดทะเบียนบริษัท
- ชื่อของบริษัท (ต้องเป็นชื่อที่ได้จองไว้และได้รับอนุมัติจากนายทะเบียนแล้ว)
- ที่ตั้งสํานักงานใหญ่ พร้อมเลขรหัสประจําบ้าน (หากไม่ได้เป็นเจ้าของสถานที่เอง ต้องมีหนังสือยินยอมให้ใช้เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่)
- วัตถุประสงค์ของบริษัท ต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรม
- ทุนจดทะเบียน จะต้องแบ่งเป็นหุ้นๆ มีมูลค่าหุ้นละเท่าๆ กัน (ไม่ต่ำกว่า 5 บาท/หุ้น) แต่ถ้าหากอยากให้บริษัทมีความน่าเชื่อถือควรทุนจดทะเบียนขั้นต่ำที่ 100,000-1,000,000 (ส่วนมากจะนิยมจดกันที่ 1,000,000 บาท) และอย่าลืมว่าเงินทุนจดทะเบียนเป็นสิ่งที่แสดงงบประมาณที่ใช้ทำธุรกิจ และรวมไปถึงบอกความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทนั่นเอง
- จํานวนทุน (ค่าหุ้น) ที่เรียกชําระแล้ว อย่างน้อยร้อยละ 25 ของทุนจดทะเบียน
- ข้อมูลผู้ถือหุ้น: ชื่อ ที่อยู่ อายุ หมายเลขโทรศัพท์ เลขที่บัตรประชาชน หรือบัตรอื่นๆ
- ข้อมูลกรรมการ: ชื่อ ที่อยู่ อายุ สัญชาติ หมายเลขโทรศัพท์ เลขที่บัตรประชาชน
- รายชื่อหรือจำนวนกรรมการที่มีอํานาจลงชื่อแทนบริษัท (อํานาจกรรมการ)
- ข้อมูลผู้สอบบัญชีรับอนุญาต: ชื่อ เลขทะเบียน ค่าตอบแทน
- ตราประทับ (มี/ไม่มี ก็ได้)
- ข้อมูลพยาน 2 คน: ชื่อ ที่อยู่ อายุ หมายเลขโทรศัพท์ เลขที่บัตรประชาชน

3.ยื่นคำขอจดทะเบียน
ทำการยื่นคำขอได้ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าในเขตที่ใกล้บ้านผู้ประกอบการ หรือทุกจังหวัดทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 87 แห่ง เมื่อนายทะเบียนรับจดทะเบียนและมอบหนังสือรับรอง ก็แสดงว่าผู้ประกอบการเป็นเจ้าของบริษัทที่ได้จัดตั้งขึ้นอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว

เอกสารอื่นๆที่ต้องใช้
1. เอกสารแบบฟอร์มการจดทะเบียนบริษัทที่ผ่านการตรวจสอบเรียบร้อย พิมพ์ออกมาทุกหน้าแล้วนำมาให้ผู้ร่วมก่อการเป็นผู้เซ็น และ บุคคลที่เราตกลงให้เป็นผู้มีอำนาจในการบริหาร เซ็น
2. แบบจองชื่อนิติบุคคลที่เราได้ทำการจองไว้
3. สำเนาบัตรประชาชน และ สำเนาทะเบียนบ้าน ของผู้ร่วมก่อการและกรรมการทุกคน พร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง
4. หลักฐานการชำระค่าหุ้น ที่ออกให้ผู้ถือหุ้นแต่ละคน ที่สำคัญคือต้องลงวันที่เป็นวันเดียวกับวันที่ในใบรายงานการประชุมจัดตั้งบริษัท
5. แผนที่แสดงที่ตั้งสํานักงานใหญ่และสถานที่สําคัญบริเวณใกล้เคียงโดยสังเขป
 
ค่าธรรมเนียมจดทะเบียนบริษัท
ไม่ว่าทุนจดทะเบียนของกิจการจะเท่าไหร่ จะมีค่าธรรมเนียมการจัดตั้งบริษัทจำกัดอยู่ที่ 5,000 บาท (ราคา ณ ปัจจุบัน)



ไม่พลาดบทความดีๆ จากนรินทร์ทอง เที่จะทำให้คุณไม่พลาดเรื่องเงินและภาษี
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับการจดทะเบียนบริษัท คงไม่ง่ายอย่างที่คิดเลยใช่ไหมหล่ะคะ เพราการจดทะเบียนบริษัทต้องเตรียมเอกสารและกรอกแบบฟอร์มต่าง ๆ มากมาย  จริง ๆ แล้วการจดทะเบียนบริษัทสามารถว่าจ้างผู้ที่มีประสบการณ์ในการจดได้อย่างเช่นสำนักงานบัญชี ซึ่งสำนักงานเหล่านี้จะมีความเชี่ยวชาญในการดำเนินการอย่างเป็นระบบ จะช่วยให้ผู้ประกอบการทั้งหลายมีความสะดวกรวดเร็วเพื่อใช้เวลาในการบริหารธุรกิจต่อค่ะ


ใครมีข้อสงสัยต้องการคำปรึกษา สามารถติดต่อสอบถาม นรินทร์ทอง ได้ที่
Facebook : นรินทร์ การบัญชีและภาษี
ช่องทางอื่นๆ : นรินทร์ทอง

 


127

หน้าแห้งลอก หนึ่งในปัญหาผิวที่ดูเหมือนจะเป็นปัญหาเล็กๆ แต่ไม่เล็ก หลายคนเจอกับอาการหน้าแห้ง หน้าลอกเป็นขุยอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศไม่เป็นใจ ช่วงที่ผิวอ่อนแอ ปัญหาหน้าแห้งเป็นขุยนอกจากจะทำให้ผิวของเราแห้งแล้ว เวลาที่เราแต่งหน้าก็ทำให้แต่งหน้าได้ยากมากยิ่งขึ้น เอามือลูบหน้าก็ให้ความรู้สึกสากมือ ใครที่เจอปัญหานี้อยู่วันนี้ทาง ResiSKIN จะมาแนะนำวิธีที่ทำให้หน้าของคุณไม่แห้ง หน้ากลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม
 
ปัญหาหน้าลอก คืออะไร?


หน้าลอก คือ ภาวะที่ผิวเกิดปัญหาแห้ง อักเสบที่เกิดจากการที่ผิวหนังบริเวณที่มีต่อมไขมันเกิดการแห้ง และ หลุดลอกไป ไม่ว่าจะเป็นบริเวณใบหน้า หนังศีรษะ โดยการที่หน้าของเราลอกก็ขึ้นอยู่กับประเภทของผิวด้วย หากเป็นคนที่มีผิวแห้งอยู่แล้ว หน้าก็จะลอกเป็นขุยๆ ส่วนใหญ่จะพบได้ทั่วทุกบริเวณ และ ถ้าหากคุณเป็นคนผิวผสม ผิวมัน เวลาหน้าลอกจะแห้งเป็นขุยในบริเวณที่มีต่อมไขมัน ทำให้ผิวแสบแดง คันผิวขึ้นมาได้นั่นเอง
 
สาเหตุที่ทำให้ผิวหน้าแห้งลอก?


สาเหตุที่ทำให้ผิวของเราแห้ง มาจากการที่ผิวของเราขาดน้ำ เนื่องจากการสูญเสียน้ำออกจากผิว ยิ่งผิวเสียน้ำออกไปมากๆ จะทำให้ผิวแห้ง และ ลอกเป็นขุยได้ โดยสาเหตุที่ทำให้ผิวเกิดการขาดน้ำมีหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น
ความชุ่มชื้นของผิวลดลง โดยปกติแล้วในร่างกายของเราจะมีสารที่ให้ความชุ่มชื้นผิวอยู่ ซึ่งเจ้าสารเหล่านี้จะทำหน้าที่ในการจับกับโมเลกุลน้ำในร่างกาย ส่วนอีกตัวที่ทำให้ผิวของเราขาดความชุ่มชื้นนั่นก็คือ ไขมันจำเป็นในผิว และ กรดไขมันจำเป็นที่ช่วยในเรื่องการให้ความชุ่มชื้นผิว ซึ่งทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวเกิดความยืดหยุ่น หากขาดก็จะทำให้ผิวของเราอ่อนแอลง
สภาพแวดล้อม และ ปัจจัยภายนอก นอกจากปัจจัยภายในที่ทำให้สภาพผิวภายในขาดความชุ่มชื้นแล้ว ปัจจัยภายนอกก็นับว่ามีผลต่อผิวอย่างมาก จะทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น ผิวยังอาจสูญเสียความชื้นได้จากการทำความสะอาดผิว การทานยาบางชนิด สารเคมีในชีวิตประจำวัน รวมถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเรา
 
ประเภทของอาการ หน้าแห้งลอกเป็นขุย


เนื่องจากสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการผิวแห้งลอกมีหลายสาเหตุ ทั้งจากปัจจัยภายใน และ ปัจจัยภายนอก นอกแต่ละอาการก็อาจจะส่งผลต่อลักษณะการลอก การเป็นขุยที่แตกต่างกัน
หน้าแห้งจากแสงแดด อาการมักจะมีลักษณะเป็นผิวที่มีลักษณะคล้ายผิวไหม้แดด ส่วนที่หน้าลอกจะมีสีที่คล้ำขึ้นนิดหนึ่ง และ มีอาการไหม้ ผิวหลุดลอกออกมา บางคนจะมีอาการแสบร้อน
หน้าแห้งจากอากาศ เวลาที่อยู่ในสภาพอากาศที่หนาวเย็น อากาศแห้งๆ อยู่ในที่ที่มีอุณหภูมิต่ำ ก็จะทำให้น้ำในผิวสร้างความชุ่มชื้นไม่ทัน ผิวสูญเสียน้ำ ทำให้ผิวของเราแห้งแตก
ผิวแห้งจากการใช้สารต่างๆ บางคนก็แพ้สิ่งที่ใกล้ตัว อย่างการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ง่าย อย่างผลิตภัณฑ์ล้างหน้า เนื่องจากมีพวกสารพาราเบน สารปรุงแต่ง นอกจากนั้นยังอาจจะแพ้สารเคมีในชีวิตประจำวันอย่าง น้ำยาล้างจาน น้ำยาล้างห้องน้ำ
 
วิธีการรักษาหน้าแห้งเป็นขุยง่ายๆ !!!


ไม่ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น น้ำร้อนบ่อยๆ เมื่อเราอาบน้ำ ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นจะทำให้รูขุมขนของเราเปิด และ ทำให้น้ำในผิวระเหยออกไปได้ง่าย ดังนั้นจึงควรเลี่ยง แล้วเปลี่ยนมาใช้น้ำอุณหภูมิห้องล้างหน้าแทน
เลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยน นอกจากการล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดแล้ว บางครั้งการไม่เลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยนต่อผิว ก็สามารถทำร้ายผิวได้ พยายามเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของพวก AHA BHA วิตามิน A C เนื่องจากจะไปกระตุ้นทำให้เกิดอาการแพ้ การระคายเคืองผิวขึ้นมาได้
บำรุงเสริมความชุ่มชื้นให้ผิว เมื่อเราล้างหน้าไปแล้ว ผิวจะเสียความชุ่มชื้นออกไป นั่นทำให้เราจำเป็นที่จะต้องเสริมความชุ่มชื้นกลับไปให้ผิว ซึ่งความชุ่มชื้นที่เราบำรุง เสริมเติมเข้าไปเป็นเสมือนเกราะป้องกันผิวอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งเป็นเกราะป้องกันผิวตามธรรมชาติ ยิ่งคุณผิวแห้งมากก็ต้องเลือกบำรุงด้วยผลิตภัณฑ์ที่เสริมความชุ่มชื้นได้ยาวนานหน่อย เพราะผลิตภัณฑ์บางตัวก็ทำให้ผิวชุ่มชื้น แต่ก็ล็อคความชื้นได้ไม่นาน หากอยากล็อคให้ผิวชุ่มชื้นได้ยาวนานต้องผลิตภัณฑ์ของ ResiSKIN เลย เพราะมี Extremolytes ที่ช่วยในเรื่องการเสริมเกราะป้องกันผิว (Hydro Complex) ที่ช่วยล็อคความชุ่มชื้นของผิวได้ยาวนานถึง 7 วัน ทำให้ผิวของคุณอิ่มน้ำ ไม่แห้งกร้าน นอกจากนั้นยังช่วย ช่วยปกป้องผิวไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำ จะแสงแดด มลภาวะ การแพ้สารอะไร ก็ไม่มีกลัว นอกจากนั้นยังอ่อนโยนต่อผิวมาก ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ การระคายเคือง
ดื่มน้ำ และ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ การดื่มน้ำนับว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากต่อผิว หากดื่มน้ำเพียงพอก็จะทำให้น้ำมีปริมาณที่เหมาะสมในการไปล่อเลี้ยงผิว ทำให้ผิวยังคงความชุ่มชื้นได้ยาวนาน การพักผ่อนก็เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อสภาพผิว เนื่องจากเมื่อเราหลับร่างกายของเราจะทำการสร้างคอลลาเจน ดังนั้นการพักผ่อนถือว่าสำคัญมาก
 
ให้หน้าใส ไร้ผิวแห้งต้องให้ ResiSKIN ช่วยดูแลผิวให้กลับมาสตรอง

สามารถติดตาม ResiSKIN เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารช่องทางอื่นๆ ได้ที่
Facebook : Resiskin by Qualisk
Line : @resiskin


128

ไม้กับเชื้อราก็นับว่าเป็นของที่อยู่คู่กัน ที่ไหนมีไม้ที่นั่นยอมเกิดเชื้อราได้ง่าย!!! นั่นเลยเป็นสาเหตุที่หลายคนอยากมีเฟอร์นิเจอร์ไม้แต่ไม้คิดจะซื้อ หนึ่งในสาเหตุนั้นก็คือ "เชื้อรา" นั่นเอง แล้วแบบนี้จะรับมืออย่างไรดี? ด้วยไม้ที่นิยมนำมาทำเฟอร์นิเจอร์อย่าง ไม้ยางพารา ขึ้นรา วันนี้ทาง MTK เลยจะมาบอกวิธีรับมือกับเชื้อราบนไม้ ใครที่อยากมีเฟอร์นิเจอร์ไม้แต่ไม่อยากให้เชื้อราขึ้นไม้ต้องห้ามพลาด!!!
 
สาเหตุที่ทำให้ ไม้ยางพาราขึ้นรา???
ไม้ยางพาราขึ้นราก็มาได้จาก "ความชื้น" นั่นเอง เพราะว่าความชื้นที่มาจากฝน หรือ น้ำ จะพัดเอาความชื้นมาโดนไม้ ด้วยคุณสมบัติในการดูดซึมน้ำของไม้จึงทำให้ไม้ดูดน้ำ ดูดความชื้นเข้าไปจนมาก แต่เพราะไม้ที่นำมาทำเฟอร์นิเจอร์เป็นไม้ที่ตายแล้ว ยิ่งไม้อยู่ในที่อับๆ เช่น ในบ้าน ในห้องด้วยแล้วยิ่งจะไปทำให้เชื้อราลามได้เร็ว นอกจากนั้น "แสงแดด" ยังทำให้เกิดเชื้อราได้ด้วย เพราะเชื้อราบางชนิดชอบอากาศที่ร้อนชื้น ทำให้บางครั้งแม้จะไม้ได้โดนฝนก็อาจจะมีเชื้อราเกิดขึ้นได้
 
วิธีแก้ไขปัญหาเชื้อราบนไม้เบื้องต้น?
ก่อนอื่นต้องบอกว่าเชื้อรานับว่าเป็นอะไรที่กำจัดได้ยาก และ อันตรายต่อสุขภาพ ยิ่งถ้าเข้าไปในร่างกายยิ่งอันตรายแล้วใหญ่ ก่อนอื่นให้ นำเอาเฟอร์นิเจอร์ที่มีเชื้อราออกไปจากบ้าน เพราะเวลาที่ทำความสะอาดเชื้อราจะได้ไม่กระจายแล้วทำให้จุดอื่นพลอยติดเชื้อราไปด้วยก่อนที่จะทำความสะอาดควรจะหากอะไรมารองก่อน


ทำการดูดสปอร์ของเชื้อราด้วยที่ดูดฝุ่น เพราะสิ่งที่ทำให้เชื้อราเกิดไม่จบไม่สิ้นนั่นก็คือสปอร์ที่เชื้อราฝังเอาไว้ในไม้นั่นเอง ซึ่งเป็นเหมือนบ้านของเชื้อราหากไม่ทำลายบ้านเชื้อราก็จะกลับมาได้ทุกเมื่อ การใช้เครื่องดูดฝุ่นจะทำให้สปอร์ไม่ฟุ้งกระจาย
ใช้แสงแดดฆ่าเชื้อรา แดดสามารถช่วยกำจัดเชื้อราได้ ในกรณีที่เชื้อรายังไม่ได้ฝังตัวอยู่ลึกมาก (เป็นเชื้อราบางๆ) การเอาเฟอร์นิเจอร์ไปตากแดดตั้งแต่เช้าๆ โดยทำซ้ำประมาณ 1-2 รอบจะช่วยได้


วอดก้ากำจัดเชื้อราได้ เนื่องจากในวอดก้าจะมีแอลกอฮอล์อยู่ในปริมาณเยอะ ซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยล้างได้ดี แต่ไม่ควรเทวอดก้าตรงๆ ใส่ไม้ แต่อาจจะเทวอดก้าใส่ขวดสเปย์แล้วฉีดพ่นให้ทั่วบริเวณที่มีเชื้อรา หากเชื้อราฝังลึกอาจจะใช้ผ้า หรือ แปรงช่วยในการขัด นอกจากนั้นยังสามารถใช้แอลกอฮล์ผสมน้ำแทนได้ โดยให้ใช้ผ้าชุบแอลกอฮอล์เช็ดเบาๆ
น้ำยาล้างจานสามารถช่วยได้ หากใครที่ไม่มีวอดก้าก็อาจจะใช้น้ำยาล้างจานแทนได้ โดยการนำน้ำยาล้างจานผสมกับน้ำอุ่นแล้วทำการขัดวนๆ บริเวณที่มีเชื้อราเบาๆ (อย่าขัดแรง) เมื่อขัดเสร็จแล้วก็ให้ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ด


น้ำส้มสายชูกลั่นใช้แทนได้ หากน้ำยาล้างจานเอาไม่ออกให้ลองใช้น้ำส้มสายชู แต่ไม่ควรเทลงไปตรงๆ ให้นำน้ำส้มสายชูไปใส่ขวดแล้วค่อยฉีดพ่นให้ทั่วเฟอร์นิเจอร์ แล้วทิ้งไว้ซีกครู่แล้วค่อยเอาผ้าชุบน้ำเช็ดออก
น้ำยาฟอกขาวกำจัดเชื้อราได้ฝังลึก ในกรณีที่ทำวิธีไหนก็ไม่ออกให้ใช้น้ำยาฟอกขาว (ในกรณีที่เชื้อราอยู่ด้านนอกยังไม่ฝังเข้าไปลึก) แต่ถ้าเชื้อราฝังเข้าไปในเนื้อไม้อาจจะต้องทำการเจือจางน้ำยาฟอกขาวโดยผสมเข้ากับน้ำ และ น้ำยาล้างจาน โดยให้เอาแปรงขัดวนๆ ไม่ควรขัดแรงมากจากนั้นให้รอจนแห้ง หากไม่หายให้ทำซ้ำ
ใช้กระดาษทรายขัด กรณีที่ยังเหลือเชื้อราอยู่บ้าง อาจจะใช้กระดาษทรายเบอร์ละเอียดขัด จากนั้นอาจจะใช้น้ำยาฟอกขาวลงอีกรอบ
 
รับมือปัญหาก่อนที่เชื้อราจะขึ้น


อีกหนึ่งวิธีที่ที่จะช่วยให้คุณรับมือกับเชื้อราได้ โดยไม่ต้องมากังวลเรื่องเชื้อรา นั่นก็คือการนำไม้ไปอัดน้ำยา และ อบไม้ ก่อนที่จะนำไม้มาทำเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งเป้นหนึ่งในกระบวนการแปรรูปไม้ ซึ่งน้ำยาเหล่านี้เป็นน้ำยาที่จะอัดเข้าไปในเนื้อไม้เพื่อป้องกันเชื้อรา และ นำไปผ่านการอบไม้เพื่อควบคุมความชื้นภายใน นอกจากนั้นยังทำให้อายุของไม้ยาวนาน ช่วยป้องกันการแตกของไม้จากภายในที่มากจากความชื้น แถมยังทำให้สีของไม้สดได้ยาวนานมากยิ่งขึ้นอีกด้วยวิธีที่ตอบโจทย์กันอย่างมาก!!!
 
จะซื้อไม้ต้องดูอะไรบ้าง?
-ต้องดูว่าสีของไม้เป็นอย่างไร เรียบเสมอกันหรือไม่ เพราะบางครั้งสีของไม้ที่แปลกไปอาจจะมาจากเชื้อราก็เป็นได้
-ดูว่ามีตำหนิของไม้ตรงไหนบ้างหรือไม่ ตำหนิของไม้บางจุดอย่าง ตาไม้ ปกติตาไม้จะมีสีดำๆ สีเข้มๆ แต่บางทีจุดๆ นั้นอาจจะเป้นเชื้อราก็ได้ ต้องดู และ ตรวจสอบให้ดี
-ดูเนื้อไม้ว่าแปลกไปจากเดิมหรือไม่ บางครั้งลายของไม้ที่แปลกๆ อาจจะมาจากการที่เชื้อราเข้าไปฝังตัวในเนื้อไม้
-ดูว่ามีมาตรฐานอะไรบ้าง โดยปกติไม้จะต้องมีการรับประกันมาตรฐาน หากมีมาตรฐาน IPPC ก็มั่นใจได้เลยว่าสามารถนำไปใช้ได้ เพราะแสดงว่าไม้ได้ผ่านกระบวนการ Heat Treatment มาแล้ว ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ออกโดยกรมวิชาการเกษตร
 
 
ไม้ยางพาราคุณภาพดีที่ MTK WOOD
ไม้ดีมีคุณภาพ ซึ่งโรงไม้ของเราผ่านการรับรองมาตรฐาน IPPC จากกรมวิชาการเกษตรแล้วเรียบร้อย ทำให้มั่นใจได้ว่าคุณจะได้ไม้ดี มีมาตรฐานอย่างแน่นอน
ไม้ได้ตามสเปค ทางโรงงานใช้เครื่องจักรคุณภาพไม่ว่าจะเป็น เครื่องเลื่อยสายพาน , เครื่องไสเรียบ 4 หน้า ,   เครื่องอัดน้ำยา และ เครื่องอบไอน้ำ ทำให้มั่นใจได้ว่าจะได้ไม้ยางพาราที่ได้มาตรฐานอย่างแน่นอน
รูปไม้ได้หลากหลาย โรงงานของเรามีบริการอย่างครบวงจรตั้งแต่ รับผลิตและจำหน่ายไม้ยางพาราแปรรูป , บริการรับเสื่อย-ไสไม้ ตัดแต่งไม้ , บริการอัดน้ำยา-อบไม้ จนถึงบริการขนส่งไม้ทั่วประเทศไทยด้วยรถเทเลอร์ รถบรรทุก ที่พร้อมให้บริการกว่า   20 คัน
ไม้ส่งตรงถึงบ้าน โรงงานของเรามีหน้าโรงงานจริงอยู่ที่ จังหวัดระยอง ที่เปิดให้บริการมากกว่า 25 ปี และ ยังมีบริการขนส่งที่ให้บริการทั่วไทย
 

 
สนใจสั่งซื้อ และ ดูข้อมูลเพิ่มเติม MTK ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook  : MTK เอ็มทีเค
Line  :   @mtkwood
Tel :  095-654-6551
Email :    marketing@mtkwood.com


129

หากพูดถึงการท่องเที่ยวที่คนส่วนใหญ่นิยมไปกัน ก็จะมีทั้งทะเล และ ภูเขา กิจกรรมแอดเวนเจอร์ต่างๆ เพราะประเทศเรามีสถานที่ให้ไปท่องเที่ยวมากมาย แต่การจะไปเที่ยว และ ถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอไปด้วยก็อาจจะไม่เอื้อำนวยมากนัก ยิ่งไปเที่ยวคนเดียว หรือ ไปเที่ยวในสถานที่ที่เราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะมีอะไรบ้าง การเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการท่องเที่ยวนับว่าเป็นอะไรที่สำคัญมาก ที่สายท่องเที่ยวไม่ควรพลาดแต่จะมี อุปกรณ์ GoPro 10 ตัวไหนบ้างที่ช่วยทำให้คุณสนุกกับการท่องเที่ยวได้ไม่มีสะดุดอีกด้วย
 
อุปกรณ์ GoPro 10 ที่ควรมีสำหรับใครที่รักในการท่องเที่ยว
GoPro 10 เป็นกล้อง Action camera สำหรับสายลุย ถึงแม้กล้องโกโปรจะเป็นกล้องที่เหมาะกับการท่องเที่ยวมากก็ตาม แต่ก็อาจจะใช้อุปกรณ์เสริมที่จะช่วยให้สามารถถ่ายได้ง่ายขึ้น และ สนุกกับการถ่ายภาพได้มากขึ้น

เมมโมรี่ + กระเป๋าใส่เมมโมรี่


เมมโมรี่ที่มีความจุเยอะๆ และ นอกจากนั้นกระเป๋าในเมมโมรี่ก็จำเป็นมากๆ เมื่อเมมที่ใช้อยู่กำลังจะเต็มก็เปิดกระเป๋าเมมโมรี่หยิบออกมาใส่ได้เลย ทำให้สามารถถ่ายได้ต่อเนื่อง หากไม่มีกระเป๋าใส่เมมเวลาจะใช้ก็อาจจะลำบากมากกว่าเดิม เป็นอุปกรณ์เสริม GoPro ที่เหมาะกับคนที่ชอบVlog ชอบถ่ายวิดีโอยาวๆ
ราคา : เมมโมรี่ราคาประมาณ 390 - 1,800 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับความจุของเมมโมรี่และแบรนด์) ส่วนกระเป๋าเมมโมรี่ราคาประมาณ 40 - 100 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับร้านค้าและโปรโมชั่น)
ใครที่อยากรู้ข้อมูลเมมโมรี่ และ วิธีดูเมมโมรี่เพิ่มเติมอ่านบทความ >> GoPro SD card << ได้ที่นี่

แบตเตอรี่ + ที่ชาร์จแบตเตอรี่


แบตเตอรี่นับว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จำเป็นมากๆ สำหรับการถ่าย การบันทึกวิดีโอ อย่างที่เราได้บอกไปแล้วว่าส่วนใหญ่สายท่องเที่ยวมักจะเน้นความต่อเนื่องของวิดีโอ ดังนั้นหากไม่อยากให้วิดีโอขอคุณสะดุดขณะที่เก็บภาพบรรยากาศระหว่างท่องเที่ยวอยู่แล้วละก็ แบตเตอรี่สำรอง และ ที่ชาร์จแบตเตอรี่จำเป็นอย่างมาก หากไม่มีแล้วล่ะก็ระวังแบตหมดกลางคัน เหมาะมากสำหรับสายท่องเที่ยว ที่อยากลุย อยากเที่ยวได้แบบต่อเนื่องไม่มีสะดุด
ราคา : แบตเตอรี่ราคาประมาณ 390 - 990 บาท ส่วนที่ชาร์จแบตเตอรี่ราคาประมาณ 150 - 1,200 บาท หรือ ถ้าอยากคุ้มค่าก็อาจจะซื้อแบบเป็นเซตคู่กันราคาจะประมาณ 699 - 2,600 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับแบรนด์ ร้านค้า และ โปรโมชั่นต่างๆ)

ไม้ 3 Way


ไม้ 3 Way 2.0 สามารถเป็นได้ทั้งขาตั้งกล้อง และ แขนยึดไปได้ในตัว ซึ่งทำให้คุณสามารถเก็บภาพได้ทุกมุมมอง หากต้องการจะถ่ายเซลฟี่ก็ให้ปรับเป้นไม้เซลฟี่ หากต้องการตั้งกล้องถ่ายก็ให้ปรับเป็นขาตั้งกล้อง ส่วนใครที่อยากได้มุมมองที่แตกต่างก็ให้ปรับเป็นแขนยืด เรียกว่าคุ้มค่าแบบ 3 IN 1 พร้อมตอบโจทย์ทุกกิจกรรม
ราคา : ไม้ 3 Way ราคาประมาณ 199 - 3,200 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของไม้เซลฟี่)

ND filter


ND filter ซึ่งเป็นฟิลเตอร์ที่ช่วยในการกรองแสง ทำให้เมื่อเวลาที่เราไปถ่ายในที่แสงจ้าเกินไป แสงที่เราจะได้จากกล้องจะกลับมาเป็นแสงปกติที่พอดี ซึ่งเราสามารถปรับแสงได้หลายระดับตาม STOP ของฟิลเตอร์ (STOP คือระดับของความเข้มของฟิลเตอร์ ยิ่งเข้มแสงที่ได้ก็จะยิ่งลดลง) นอกจากนั้นยังสามารถประยุกต์ ND filter เข้ากับการตั้งค่า Shutter speed ต่ำๆ ได้ เมื่อทำอย่างงั้นจะทำให้ภาพที่ได้มีความฟุ้งขึ้นมา ซึ่งทำให้เราได้ภาพที่เหมือนกับถูกตัดต่อมาแล้ว เช่น หากถ่ายน้ำตก น้ำของน้ำตกจะฟุ้งขึ้นมา
ราคา : ราคาประมาณ 300 - 800 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับยี่ห้อและโปรโมชั่นของร้านค้า)
ใครที่อยากดูข้อมูลเกี่ยวกับฟิลเตอร์ต่างๆ สำหรับ GoPro เพิ่มก็สามารถอ่านบทความ >> ฟิลเตอร์ GoPro ตัวไหนใช่สำหรับคุณ << ได้ที่นี่

กระเป๋า Aquapro


กระเป๋า Aquapro เป็นกระเป๋าสำหรับใช้เก็บอุปกรณ์ที่มีขนาดกระทัดรัด มีความทนทาน สามารถกันน้ำได้ แถมยังมีช่องเก็บอุปกรณ์แบบเป็นสัดเป็นส่วน สามารถใส่อุปกรณ์ได้เยอะมาก มีซิบเปิดปิดได้ง่าย และ มาพร้อมกับหูหิ้ว และ ห่วงคล้องกระเป๋าในตัว ทำให้สะดวกต่อการพกพา เคลื่อนย้าย อีกทั้งยังระบายความร้อนได้ดี จะหยิบจะเก็บอะไรก็สะดวก ถือว่าเป็นของจำเป็นอย่างมากเวลาที่เราไปเที่ยว
ราคา : 399 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับร้านค้าและโปรโมชั่นต่างๆ)
 
สายท่องเที่ยวอย่างคุณเหมาะกับอุปกรณ์แบบไหน
หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบการถ่าย Vlog ตอนไปเที่ยว ไม่อยากแค่ถ่ายบรรยากาศแต่อยากเล่ารายละเอียดต่างๆ ด้วยอาจจะต้องอาศัยอุปกรณ์เสริมบางตัวเพิ่มเป็นพิเศษ เช่น ไมโครโฟนเสริม หรือ Media Mod สำหรับบันทึกเสียงโดยเฉพาะ ส่วนใครที่ชอบถ่ายวิดีโอแบบหลายมุมมอง มีกล้องหลากหลายตัวก็อาจจะต้องใช้ Remote ที่ช่วยในการสั่งการกล้องให้ถ่ายพร้อมๆ กัน
 
 
อุปกรณ์เสริม GoPro สุดคุ้มต้องร้าน Aquapro
คุ้มสุดเมื่อซื้อโกโปร และ อุปกรณ์เสริมกับร้าน Aquapro ร้านตัวแทนจำหน่ายกล้องโกโปรแท้ที่มาพร้อมกับ GoPro 10 โปรโมชั่น สุดคุ้ม ของแถมจุกๆ โปรส่งฟรี พร้อมโปรผ่อนชำระ 0%* (ทุกอย่างเป็นไปตามที่ร้านกำหนด) นอกจากจะจำหน่ายโกโปรแล้ว เรายังมีกลุ่มสำหรับแนะนำข่าวสาร และ เทคนิคการใช้งานเกี่ยวกับโกโปรเพิ่มเติมที่สาวกโกโปรควรจะรู้ อย่าพลาดข่าวสารดีๆนะ!!! ติดตามได้ตาม link ด้านล่างเลย

 
ติดตามและสั่งซื้อสินค้า AquaPro เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชั่นใหม่ ๆ ทั้งกล้อง GoPro และอุปกรณ์เสริม GoPro  ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook : AquaproThailand
Line :  @aquapro
Shopee : Aquaprothailand
GoPro Group  : GoPro Club กลุ่ม พูดคุย ซื้อขาย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับ GoPro


130


สำหรับใครที่คิดจะอ่อยผู้ แต่ไม่อยากออกตัวแรง และ ยังอยากคีพลุคน่ารักดูดี ดูแพงอยู่ เพราะการจะรุกจีบใครสักคนก่อน หรือ อ่อยก่อนไม่จำเป็นต้องอ่อยแรงเสมอไป เพราะผู้ชายบางคนก็ไม่ชอบการอ่อยที่แรงไป การคีพลุคยั้งๆ มือเอาไว้ก่อน แล้วอ่อยให้เบาลงหน่อยอาจจะดีกว่า วันนี้ทาง Sistalk จะมาแนะนำแคปชั่นอ่อยยังไงให้ดูแพง จะมีแคปชั่นไหนบ้างไปดูกันเลย!!!
รวมสารพัด แคปชั่นอ่อยน่ารักๆ ที่ทำให้เราดูแพง
แคปชั่นก็เหมือนกับคำพูด ต้องคำนึงถึงสถานการณ์อีกว่าจะต้องใช้แคปชั่นแบบไหน เพราะหากเลือกแคปชั่นไม่เหมาะสมก็จะทำให้บริบทของแคปชั่นดรอปลงไป เช่น เลือกแคปชั่นน่ารักแต่ลงรูปเซ็กซี่เกินไปจนดูไม่แพง นอกจากนั้นต้องเลือกให้เหมาะกับคนที่เราจะเอาไปใช้ด้วย ไม่ใช้สุ่มสี่สุ่มห้า

แคปชั่นอ่อยเบาๆ แต่ก็กินขาด


ที่บ้านอากาศหนาวไหม เอาเราไปกอดแก้หนาวมั้ยละ? ถ้าเธอหนาวก็มาเอาเราไปกอดสิ รับรองว่าความน่ารักของเราจะทำให้เธออบอุ่นอย่างแน่นอน >///<
วิธีดูคนที่ไม่เจ้าชู้ ให้ดูที่เราเป็นตัวอย่างนะเธอ ไม่เจ้าชู้ น่ารัก เลี้ยงง่าย ดีขนาดนี้ยังไม่รีบมาจีบเราอีกหรอเธอ ดีกว่านี้ก็นางฟ้าแล้วล่ะ อุ้ย!!! เราก็นางฟ้านะเธอ (สวยระดับนางฟ้า)
อยากเป็นคนนั้นจัง คนที่คิมิโนโต๊ะในใจของเธอ เราขอเป็นได้มั้ยไอ้ต้าวความรักของเธออ่ะ >///< ปกติเราร้องเพลงไม่ค่อยเกง แต่ร้องคิมิโนโต๊ะได้นะเธอ ไม่สนใจหรอ!!!
หน้าหนาวทำให้หน้าชา แต่ถ้าเธอมองมาทำเราหน้าแดง ถ้าเธอไม่เชื่อว่าเราหน้าแดง ก็มาดูหน้าเราใกล้ๆ สิเธอ แดงไม่แดงมาดูใกล้ๆ >< (ไหนยื่นหน้ามาดูกันว่าใครจะเขินใครก่อน)
พัดลมเขาเรียกว่า fan หรือ จะเรียกเราแทน ให้เราเป็นแฟนก็ได้นะ เธอไม่ต้อง งงหรอก คงไม่มีใครเหมาะเป็นแฟนเธอเท่าเราหรอกนะ เชื่อเราสิคะ >///<
เราไม่น่ารักหรอคะ ถ้าน่ารักก็มารักสิคะ!!! >///< น่ารักขนาดนี้ยังอีก ยัง!!! ยังไม่มารักอีกหรอคะคุณ (ไม่น่ารักตรงไหนเอาปากกามาวงหน่อยค่ะ)
เป็นคนขี้อ้อน ที่ไม่รู้จะอ้อนใครดี ไม่มีคนให้เราอ้อนเลยค่ะ ทั้งๆ ที่อ้อนเก่งแทบตาย ไม่เชื่อว่าเราอ้อนเก่งหรอคะ ไม่เชื่อก็ลองมาให้เราอ้อนสิ
น่ารักอ่ะไม่เท่าไหร่ แต่เรื่องใส่ใจไม่แพ้ใครแน่นอนนะคะ ถ้าเธอหาคนใส่ใจเก่ง เราว่าเราคงได้ที่หนึ่งแน่นอน ไม่เชื่อหรอ มาคบกันสิ!!!
มองเผินๆ อาจจะไม่ติดตา แต่มองไปมองมาเธออาจจะติดใจ เธอคะถ้าแน่จริงลองมองมาที่เราดูสิคะ ถ้าไม่ติดใจเดี๋ยวให้กอดเลย!!!
เราบอกซานต้าไว้แล้วนะ ว่าคริสต์มาสนี้อยากได้เธอ คุณซานต้าจะให้มั้ยนะ หรือ จะไม่ต้องรอให้ถึงคริสต์มาส เธอมาเป็นของเราเลยมั้ยคะ!!!

แคปชั่นนี้เหมาะกับใคร - เหมาะสำหรับคนที่ดูนิ่งๆ หรือ คนที่เรายังไม่สนิทมาก ไม่รู้ว่าเขาชอบอะไร ไม่ชอบอะไร อีกทั้งยังใช้ได้กับคนที่มีอายุมากกว่า รุ่นพี่ รับรองได้ว่าใช้แล้วจะน่าเอ็นดูขึ้นแน่นอน

แคปชั่นอ่อยให้ตายกันไปข้างหนึ่ง


เด็กดื้อนี่ต้องโดนอะไรคะ หน้าตาซื่อๆ มาบอกหนูดื้อได้ยังไง ถ้าเราดื้อจริง เราให้เธอลงโทษเราก็ได้ สรุปแล้วเด็กดื้อต้องโดนอะไรคะ >///<
อิจฉาคนที่ผอมๆ ส่วนเราอ่ะหน้าหอมอย่างเดียวเลย หุ้ย คนอะไรน่าหอมจังเลย ไม่เชื่อหรอคะ ลองมาหอมเราสิ ><
เธอ รู้ป่ะว่าเราชอบใคร ลองอ่านคำแรกดูสิ!!! ถ้ารู้แล้วว่าเราชอบใคร แล้วเธอล่ะชอบเรามั้ย ถ้าชอบให้ถามเราประโยคเดิม
ถ้าเธอหนาวเราพร้อมจะเป็นที่ซบ แต่ถ้าเธออยากคบเราพร้อมจะเป็นที่รักให้นะ เราน่ารักขนาดนี้ ต้องแขนเป็นฟอแล้วนะ (ก็ขอเป็นแฟนไงล่ะ) >///<
ภูเขาก็ชอบไป ทะเลก็ชอบมา ส่วนเราก็ชอบเธอไง แล้วสรุปเธอชอบอะไรอ่ะ ภูเขา ทะเล หรือ ว่าชอบเราเหมือนกัน!!!
จะหมดปีแล้ว ถ้าไม่รู้จะชอบอะไรก็มาชอบเราได้นะ เธอไม่ต้องไปนั่งหาสิ่งที่ชอบหรอกมันเหนื่อย ชอบเราดีกว่าง่ายกว่าเยอะเลย
ปีใหม่นี้เที่ยวไหนก้ไม่สำคัญ สำคัญที่ไปกับใครมากกว่า แล้วปีใหม่นี้เธอสนใจไปเที่ยวกับเรามั้ยอ่ะ ไปไหนก็ได้แค่ไปด้วยกันก็พอ >///<
น่ารักมั้ยไม่รู้ แต่รอให้รักอยู่นะรู้ตัวมั้ย เธอค่ะรออยู่นานแล้วนะ เมื่อไหร่จะรักตอบสักที รู้มั้ยคะว่าคนน่ารักมักใจร้ายนะ ถ้าไม่อยากใจร้ายก็มารักสักทีค่ะ!!!
อยู่กับเราอ่ะไม่มีเบื่อ เพราะเราเป็นเหยื่อที่น่ารัก เธอไม่ต้องกลัวเบื่อเลยนะคะ อยู่กับเรา คำว่าเบื่อสะกดยังไงหรอ
ใกล้สิ้นปีแล้ว ยกให้คุณเป็นสิ่งดีๆ ท้ายปีของเราล่ะกัน เป็นสิ่งดีๆ ท้ายปีแล้ว ก็เลยเป็นสิ่งดีๆ ไปจนปีหน้าเลยได้มั้ยคะเธอ >///<

แคปชั่นนี้เหมาะกับใคร - เหมาะสำหรับคนที่เราเริ่มสนิทด้วยแล้ว หรือ เป็นคนขี้เล่น เฟรนลี่ ใช้ได้ทั้งกับรุ่นพี่ รุ่นน้อง รับรองใช้แล้วใครก็หนีไม่รอด!!!
 
ทริคการเลือกใช้แคปชั่น ยังไงให้ไม่เสียลุค
ต้องเลือกใช้ให้เหมาะกับสังคม เช่น วงสังคมของคนที่เราจะเข้าไปอ่อย หากเขาเป็นคนที่ไฮโซหน่อยก็อาจจะต้องเลือกซอร์ฟๆ ไม่แรงจนเกินไป
เลือกใช้เหมาะกับสถานะการคุย หากเราพึ่งเริ่มคุยการจะไปรุกจีบหนักๆ ตั้งแต่ต้นก็อาจจะไม่เป็นผลดีนัก หากคุยมาระดับหนึ่งแล้วก็อาจจะเลือกใช้โหมดที่รุกหนักขึ้นมาได้อยู่ สามารถเลือกแคปชั่นที่ดูกวน ดูแซ่บขึ้นได้
 
ลองเอาแคปชั่นดีจาก Sistalk ไปใช้ดูนะคะ
ใครที่มีปัญหาเรื่องของความรัก การจีบหนุ่ม และ ไม่อยากตกเทรนด์ ไม่อยากพลาดข้อมูล ข่าวสารดีๆ ที่เป็นประโยชน์ เคล็ดลับต่างๆ เรื่องของสุขภาพ แฟชั่น เทรนด์ฮิต และ เรื่องของความรัก!!! เพราะเรามีบทความดีๆ เจ๋งๆ ที่จะช่วยให้คุณปังขึ้น และ ไม่ตกเทรนด์กับเรา "เพราะเราเป็นมากว่าเพื่อนสาว" มาเป็นสาว Sistalk ด้วยกันนะคะ สาวๆ คนไหน ที่ไม่อยากพลาดข่าวสารดีๆ ก็ไปกดติดตามช่องทางต่างๆ ของเรากันไว้นะ แล้วพบกันใหม่บทความหน้านะคะสาวๆ
 
 
สามารถติดต่อสอบถาม Sistalk ช่องทางอื่นๆได้ที่
Facebook : sistalk.in.th
Instagram : sistalk.in.th
Twitter : @SistalkTH


131

ครีมในท้องตลาดมีมากมายหลายตัว หลายรูปแบบ บางตัวก็มีสรรพคุณที่ช่วยในการดูแลหน้าทั้งที่มีมาตรฐาน และ ไม่มีมาตรฐาน ทำให้บางครั้งเราก็เผลอไปใช้ครีมที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์เข้า จนทำให้หน้าของเราติดสารสเตียรอยด์!!! สารสเตียรอยด์ จะช่วยในเรื่องของการต้านการอักเสบ การบวม ช่วยทำให้อาการเหล่านี้หายไปอย่างรวดเร็ว ด้วยคุณสมบัติอันนี้นี่เอง ที่ทำให้หลายคนนำเอาสารสเตียรอยด์สังเคราะห์มาใส่ไว้ในครีมบำรุง ผลิตภัณฑ์ดูแลรักษาผิวหน้าต่างๆ ถึงแม้จะเป็นสารที่มีประโยชน์แต่หากใช้มากเกินไปก็จะทำให้เกิดผลข้างเคียงขึ้นมาได้ จากหน้าที่ใสก็ดันเกิดการระคายเคืองขึ้นมา ใครที่อยากกู้คืนผิวหน้าจากสารสเตียรอยด์ต้องห้ามพลาดบทความที่ทาง ResiSKIN เอามาฝากกันเลย

หน้าติดสารสเตียรอยด์คืออะไร และ มีอาการยังไงบ้าง?


ผิวที่มีสารสเตียรอยด์จะกดภูมิคุ้มกันเอาไว้ ทำให้หน้าทนทานต่อสภาพแวดล้อม มลภาวะ หน้าใสไร้สิว แต่เมื่อหยุดใช้ครีมที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ ก็ทำให้ภูมิคุ้มกันที่โดนกดกลับมาทำงานมากกว่าเดิม อาการของผิวที่ติดสารก็จะมีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับปริมาณความเข้มข้นของสาร และ ระยะเวลาที่ใช้สารสเตียรอยด์ที่ก่อให้เกิดอาการ
ผิวหน้าแดง รู้สึกแสบร้อน เนื่องจากผิวเกิดการอักเสบ จากการที่สารสเตียรอยด์ไปรบกวนการสร้างเม็ดสีผิว หากใช้ไปนานๆ ก็จะทำให้หน้าแดง และ รู้สึกแสบร้อนขึ้น
ผิวคล้ำขึ้นกว่าเดิม ในจุดที่โดนสารสเตียรอยด์บ่อยๆ จะทำให้บริเวณนั้นจากเดิมที่ขาวขึ้นเมื่อใช้ครีมแรกๆ พอเลิกใช้สีผิวกลับจะเข้มขึ้น คล้ำขึ้น และ ตรงจุดนั้นอาจจะกลายเป็นฝ้าได้
ผิวบอบบางลง สารสเตียรอยด์จะทำให้ผิวบางลงอย่างมาก บางคนบางจนเห็นเส้นเลือดได้ และ ทำให้เกราะป้องกันผิวแย่ลง โดยอะไรนิดหน่อยผิวก็แพ้ง่ายกว่าเดิม

อันตรายจากสารสเตียรอยด์ที่ไม่คาดคิด?

สารสเตียรอยด์จะไปทำให้ผิวของเราเกิดการอักเสบ การระคายเคืองต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาการแสบแดง ผิวบอบบาง หรือ สิวสเตียรอยด์ ที่เกิดจากการอักเสบของรูขุมขนที่ของเสียต่างๆ ของเซลล์ถูกขับออกมาแล้วไปรวมตัวกับน้ำมันจากต่อมไขมันทำให้เกิดผด อาจทำให้ สารสเตียรอยด์จะถูกดูดเข้าสู่กระแสเลือด และ ไปทำลายโครงสร้างผิว ทำลายเกราะคุ้มกันผิวตามธรรมชาติ ทำให้ผิวบอบบางแพ้ง่าย
 
วิธีการฟื้นฟูผิวหน้าที่ติดสารสเตียรอยด์ไปแล้วให้กลับมาดูดี และ สตรอง


หยุดใช้ครีม ผลิตภัณฑ์ที่ผสมสารสเตรียรอยด์ ถึงการหยุดใช้สเตียรอยด์จะทำให้หน้าเกิดอาการติดสารขึ้นมาก็ตาม แต่ก็ต้องหยุดใช้ทันทีเพื่อเป็นการพักหน้า
เลี่ยงสารที่ทำให้เกิดการแพ้ ถึงจะหยุดใช้ครีมไปแล้ว แต่ผิวก็ยังบอบบางแพ้ง่าย ดังนั้นหากเราไปใช้อะไรที่ไปกระตุ้นให้ผิวระคายเคือง รวมทั้งการเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว ปราศจากสารปรุงแต่ง และ เมื่อล้างหน้าเสร็จไม่ควรเช็ดหน้าแรงๆ
เลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดการแพ้ต่างๆ เพราะผิวที่บอบบางง่าย ดังนั้นให้เลี่ยงการโดนแดดจัดๆ มลภาวะที่ทำร้ายผิว
เติมความชุ่มชื้น และ เสริมเกราะป้องกันให้ผิว ใช้สกินแคร์เสริมความชุ่มชื้น ที่ทำให้ผิวกลับมาแข็งแรง
เลี่ยงการสัมผัสหน้า ไม่ว่าจะเป็นการแกะ แคะ เกา ลูบใบหน้า บริเวณที่ใช้สารสเตียรอยด์ เพราะจะทำให้หน้าของเราอาจจะเป็นแผล และ ติดเชื้อได้
สำหรับคนที่หน้าสารสเตียรอยด์ การจะกู้หน้าจากการติดสเตียรอยด์จะต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน และ ช่วยในการเสริมเกราะป้องกันผิว ขอแนะนำครีมเวชสำอางของ ResiSKIN ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสำหรับคนที่หน้าติดสารสเตียรอยด์โดยเฉพาะ
-ช่วยในการเสริมเกราะป้องกันผิวจากการติดสารสเตียรอยด์ ทำให้ผิวหน้าของเรากลับมาแข็งแรงอีกครั้ง
-ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น กลับมาอิ่มน้ำจากการติดสารสเตียรอยด์
-ช่วยฟื้นฟูผิวจากการอักเสบ ระคายเคือง ที่มาจากสารสเตียรอยด์
-ช่วยปกป้องผิวจากทุกสภาวะ และ ป้องกันปัญหาผิวกลับมาเป็นซ้ำ
กู้ผิวให้กลับมาสตรอง และ ดูดีอีกครั้งด้วยครีมเวชสำอางจาก ResiSKIN ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับคนมีปัญหา หน้าติดสารสเตียรอยด์

 
สามารถติดตาม ResiSKIN เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารช่องทางอื่นๆ ได้ที่
Facebook : Resiskin by Qualisk
Line : @resiskin


132


ไม้ที่นิยมนำใช้ในอุตสหกรรมของประเทศไทย ส่วนใหญ่จะเป็นไม้เศรษฐกิจที่ปลูกกันอย่างแพร่หลาย เช่น ไม้ยางพารา ไม้เบญจพรรณ ไม้ประดู่ เป็นต้น ในวันนี้ทาง MTK จะพาคุณมารู้จัก ไม้เบญจพรรณ มีกี่ชนิด พร้อมทั้งคุณสมบัติเด่นที่หลายๆ คนอาจจะยังไม่รู้!!!! ไม้เบญจพรรณนับว่าเป็นไม้ที่มีชนิดให้เลือกหลากหลายตามการนำไปใช้งาน เราเลยจะพาคุณมารู้จัก แล้วคุณจะรู้ว่าไม้เบญจพรรณมีดีกว่าที่คิด!!!
 
ทำไมถึงชื่อ ไม้เบญจพรรณ?
ไม้เบญจพรรณ เป็นไม้ประเภทไม้เนื้ออ่อน และ เนื้อแข็ง แถมเป็นไม้ผลัดใบ ที่มาของชื่อมาจากคำว่า "เบญจะ" ที่แปลว่าห้า ซึ่งเป็นคำที่ใช้เรียกพรรณไม้ที่มีลักษณะเด่น 5 ชนิด ได้แก่ ไม้มะค่า ไม้สัก ไม้แดง ไม้ประดู่ และ ไม้ชิงชัน ส่วนใหญ่ไม้เบญจพรรณจะผลัดใบในช่วงหน้าแล้ง และ นอกจากไม้ทั้ง 5 ชนิดแล้วก็ยังมีไม้ชนิดอื่นอีกด้วย
 
ไม้เบญจพรรณ มีกี่ชนิด กันแน่???


อย่างที่เราบอกไปในข้างต้นว่าถึงแม้ว่าไม้เบญจพรรณจะแปลว่าห้าก็ตาม แต่จริงๆ แล้วไม้เบญจพรรณมีถึง 13 ชนิดด้วยกัน!!! มาดูกันดีกว่าว่าจะมีไม้ชนิดไหนกันบ้าง
-ไม้สัก
-ไม้ยาง
-ไม้ชินชัน
-ไม้สะเก็ดแดง
-ไม้อีโมง
-ไม้พยุงแกลบ
-ไม้กระพี้
-ไม้แดงจีน
-ไม้ขะยุง
-ไม้ซิก
-ไม้พะยูน
-ไม้หมากพลู
-ไม้เก็ดดำ
 
ไม้เบญจพรรณ มีลักษณะอย่างไร?


ไม้เบญจพรรณมีหลากหลายสี และ ค่อนข้างจะแข็งแรง ทนทานมาก ในเรื่องของความแข็งแรงถือว่าเป็นไม้ที่แข็งแรงไม่แพ้ไม้เนื้อแข็งชนิดอื่นเลย แต่ในเรื่องความสวยงามของเนื้อไม้อาจจะสู้ไม้ชนิดอื่นยังไม่ได้ แต่ด้วยคุณสมบัติของความแข็งแรง ส่วนใหญ่จึงนิยมนำไม้เบญจพรรณมาทำเป็นเฟอร์นิเจอร์โครงต่างๆ หรือ นำมาใช้ทำไม้โครงสำหรับรองรับน้ำหนักนั่นเอง
-มีสีเรียบเสมอกันทั้งแผ่น สีของไม้จะขึ้นอยู่กับประเทศของไม้ที่เอามา แต่ส่วนใหญ่มักจะมีสีโทนเหลือง ไม่ก็แดง
-เนื้อไม้ และ ลายไม้แม้จะไม่สวยเท่าไม้ชนิดอื่น แต่ก็สามารถนำไปใช้งานได้ยาวนาน
-เป็นไม้ที่มีความแข็งแรง สามารถตัดแต่ง เจาะยึดไม้ได้
 
นิยมนำไม้เบญจพรรณมาทำงานรูปแบบไหน?


ส่วนใหญ่จะนิยมนำไปทำไมเโครงซะส่วนใหญ่ เนื่องจากคุณสมบัติในเรื่องความแข็งแรงนั่นเอง ซึ่งไม้โครงนั่นก็เป็นเสมือนโครงสร้างหลักของเฟอร์นิเจอร์นั้นๆ ไม้พาเลทได้อีกด้วย ซึ่งเป็นไม้สำหรับรองรับสินค้าโดยจะมีคานสำหรับรับน้ำหนัก นอกจากนั้นยังสามารถนำไม้พาเลทที่ทำจากไม้เบญจพรรณมาทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้พาเลทได้อีกด้วย ถึงแม้ตัวไม้อาจจะไม่สวยมาก แต่ถ้าในเรื่องของความแข็งแรงบอกเลยว่าเอาอยู่ ใครที่ต้องการนำไปใช้งานในระยะยาวบอกเลยว่าต้องไม้เบญจพรรณเลย!!!
ไม้โครงเบญจพรรณ เช่น ไม้โครงตู้ ไม้โครงเตียง ไม้โครงบ้าน
ไม้จ๊อยเบญจพรรณ เช่น ไม้จ๊อยสำหรับงาน built-in งานตกแต่งต่างๆ
ไม้พาเลทเบญจพรรณ สำหรับรองรับสินค้า หรือ นำมาทำเฟอร์นิเจอร์จากไม้พาเลท
งานเฟอร์นิเจอร์จากไม้เบญจพรรณต่างๆ เช่น โต๊ะ ตู้ เตียง
 
ไม้เบญจพรรณคุณภาพดีต้องที่ MTK
ไม้ที่ดีต้องโรงงานMTK ไม้ของเราผ่านการรับรองมาตรฐาน IPPC จากกรมวิชาการเกษตรแล้วเรียบร้อย
เครื่องจักรมีคุณภาพทุกขั้นตอน เราใช้เครื่องจักรต่างๆคุณภาพดี  สามารถผลิตไม้ได้หลายรูปแบบตามมาตรฐานแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น
ไม้ยางพารา ไม้ยอดนิยมที่มีความแข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้หลากหลาย ง่ายต่อการตัดแต่ง สามารถย้อมสีได้ง่าย
ไม้เบญจพรรณ ไม้ที่มีความแข็งแรง ทนทาน เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรงสูง รองรับน้ำหนักได้ดี
ไม้ทุเรียน ไม้เนื้อแน่น เหมาะสำหรับนำไปใช้ในการตัด เจาะ ทำไม้โครง ไม้จ๊อย ให้ความแข็งแรง ทนทานที่ดี
จะเป็นการนำไม้ไปแปรรูปเป็นไม้แปรรูป หรือ แปรรูปเป็นไม้รูปแบบอื่นอย่าง
ไม้พาเลท ไม้สำหรับรองรับสินค้า มีรูปแบบคานที่หลากหลาย ที่ช่วยทำให้ง่ายต่อการขนย้าย
ไม้จ๊อย ไม้รอยต่อฟันปลาที่ช่วยให้งาน built-in เป็นเรื่องง่ายขึ้น
ไม้โครง ไม้สำหรับใช้ด้าม ยึดเป็นแกนหลัก มีความแข็งแรง ทนทานสูง
ครบทุกความต้องการ มีบริการตั้งแต่  รับผลิตและจำหน่ายไม้ยางพาราแปรรูป , บริการรับเลื่อย-ไสไม้ ตัดแต่งไม้ , บริการอัดน้ำยา-อบไม้ จนถึงบริการขนส่งไม้ทั่วประเทศไทย
โรงงานมาตรฐาน โรงงานของเรามีหน้าโรงงานจริงอยู่ที่ จังหวัดระยอง ที่เปิดให้บริการมากกว่า 25 ปี
 
 
สนใจสั่งซื้อ และ ดูข้อมูลเพิ่มเติม MTK ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook  : MTK เอ็มทีเค
Line  :   @mtkwood
Tel :  095-654-6551
Email :    marketing@mtkwood.com



133

โกโปรถือว่าเป็นกล้องที่มีความทนทานสูง ซึ่งเป็นจุดเด่นของโกโปร เหมาะทั้งสำหรับทำกิจกรรมทั้งบนบก และ ในน้ำ แต่ถึงแม้กล้องโกโปรจะเป็นกล้องที่ทนทานแค่ไหนก็ตาม แต่หากไม่ดูแลรักษาก็จะทำให้ใช้งานได้ไม่ยาวนาน อุปกรณ์ป้องกันของหน้าจอก็คือ ฟิล์มกันรอย กันกระแทกนั่นเอง อย่าคิดว่าการติดฟิล์มไม่สำคัญนะ!!! เพราะแม้จะไม่ได้เอากล้องออกไปลุย แต่บางครั้งเวลาที่เราวาง หรือ เอากล้องใส่ไปในกระเป๋า บางครั้งพวกเงินเหรียญ กุญแจรถ ก็อาจจะเผลอไปขูดทำให้เกิดรอยที่หน้าจอได้  ใครที่กลัวว่าฟิล์มจะติดยาก วันนี้ทาง Aquapro จะมาแนะนำวิธี ติดฟิล์ม GoPro แที่ง่ายแสนง่ายทำได้ด้วยตัวเอง!!!
 
ติดฟิล์ม GoPro จำเป็นไหม?
หน้าจอนับว่าเป็นส่วนที่ค่อนข้างสำคัญมากสำหรับกล้อง และ เป็นส่วนที่เป็นรอยได้ง่าย เพราะเป็นส่วนที่จะช่วยมองภาพ และ ตั้งค่าต่างๆ เราจึงควรอย่างยิ่งที่จะติดฟิล์มที่หน้าจอ!!! เพราะหากหน้าจอเป็นรอยมากๆ จนไม่สามารถทัสกรีนได้การเปลี่ยนหน้าจอใหม่อาจจะลำบากไม่ใช่น้อยเลย ดังนั้นติดฟิล์มกันรอยกันเถอะ
ช่วยป้องกันรอยขูดขีด และ ช่วยป้องกันการกระแทก
ป้องกันความไวแสง ช่วยในการกรองแสงเวลาที่ถ่ายภาพ
ช่วยป้องกันสิ่งสกปรก และ ง่ายต่อการทำความสะอาด ดูแลรักษา
หลายคนอาจจะสงสัยว่าติดฟิล์มออกมาแล้วภาพจะติดเหลืองไหม? ไม่ติดนะคะ เพราะฟิล์มจะช่วยในการกรองแสง เผลอๆ อาจจะทำให้เราเห็นภาพที่สีไม่ผิดเพี้ยนไป Telesin เป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะเป็นฟิล์มกันรอยที่มีความแข็งแรง ทนทาน สามารถป้องกันรอยขูดขีดได้ดี บางสามารถติดได้แนบสนิทเหมือนไม่ได้ติดฟิล์ม และ มีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า

ประเภทของฟิล์มแต่ละชนิด


ฟิล์มแบบใส - เป็นฟิล์มที่สีไม่มีผลต่อการมองภาพ เมื่อติดลงไปจะเหมือนกับไม่ได้ติด ตัวฟิล์มผิวจะมัน ทำให้เกิดรอยนิ้วมือ และ เห็นรอยขีดข่วนได้ง่าย อาจจะไม่ค่อยกันการกระแทก รอยขีดข่วนได้มากนัก
ฟิล์มแบบด้าน - เป็นฟิล์มที่ไม่ทำให้เกิดรอยนิ้วมือ แต่อาจจะมีผลต่อการมองภาพ เพราะแสงที่เห็นจากฟิล์มจะทำให้แสงจริงดรอปลงเล็กน้อย ช่วยถนอมสายตาได้ดี แต่อาจจะทำให้การมองภาพแย่ลง
ฟิล์มกระจกนิรภัย - เป็นฟิล์มที่มีความแข็งแรง และ ทนทานมาก จะหนากว่าฟิล์มปกติแต่ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการใช้งาน ให้ภาพที่คมชัด ให้สีไม่ผิดเพี้ยนเหมือนฟิล์มแบบใส แต่สามารถป้องกันการกระแทก รอยขูดขีดได้มากกว่าหลายเท่า
 
ในซองฟิล์มให้อะไรมาบ้าง?


-ฟิล์มจอ x 1
-ฟิล์มติดกล้อง x 2
-แผ่น Alcohol x 1
-ผ้าสำหรับเช็ดฟิล์ม x 1
-สติ๊กเกอร์กำจัดฝุ่น x 1
 
วิธีการ ติดฟิล์ม GoPro STEP BY STEP
STEP 1


ทำความสะอาดหน้าจอที่ต้องการติดฟิล์ม อย่าให้มีฝุ่นจับ เพราะไม่อย่างงั้นฟิล์มอาจจะไม่ติด ให้ทำความสะอาดด้วยแผ่นแอลกอฮอล์ที่มาในชุดติดฟิล์ม จากนั้นเช็ดให้แห้ง

STEP 2


จากนั้นใช้สติ๊กเกอร์กำจัดฝุ่น แปะให้ทั่วหน้าจอเพื่อจับฝุ่นให้หมด โดยให้ทำทีละจุดเล็กๆ เพื่อไล่ฝุ่นตามขอบกล้อง

STEP 3


ติดฟิล์มลงไป โดยให้กระจกอยูกึ่งกลางหน้าจอพอดี (หากเริ่มติดจากมุมจะทำให้เหลือช่องของอากาศเยอะ และ จะไล่อากาศออกได้ยาก) > แล้วทำการใช้ผ้าสำหรับเช็ดฟิล์มทำการไล่อากาศบริเวณที่โปร่งๆ ขึ้นมา บริเวณที่ไม่เรียบเสมอกัน
***หากใช้ผ้าดันอากาศออกแล้วแต่ทำยังไงก็ไล่อากาศไม่หมด ให้ทำการดึงฟิล์มออกแล้วติดเข้าไปให้ โดยจะต้องทำตามขั้นตอนทั้งหมดใหม่***

 
เลือกฟิล์มและอุปกรณ์เสริม GoPro ต้องร้าน Aquapro
คุ้มสุดเมื่อ ฟิล์มกันรอย ซื้อโกโปร และ อุปกรณ์เสริมกับร้าน Aquapro ร้านตัวแทนจำหน่ายกล้องโกโปรแท้ที่มาพร้อมกับ GoPro 10 โปรโมชั่น สุดคุ้ม ของแถมจุกๆ โปรส่งฟรี พร้อมโปรผ่อนชำระ 0%* (ทุกอย่างเป็นไปตามที่ร้านกำหนด) นอกจากจะจำหน่ายโกโปรแล้ว เรายังมีกลุ่มสำหรับแนะนำข่าวสาร และ เทคนิคการใช้งานเกี่ยวกับโกโปรเพิ่มเติมที่สาวกโกโปรควรจะรู้ อย่าพลาดข่าวสารดีๆนะ!!! ติดตามได้ตาม link ด้านล่างเลย

 
 
ติดตามและสั่งซื้อสินค้า AquaPro เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชั่นใหม่ ๆ ทั้งกล้อง GoPro และอุปกรณ์เสริม GoPro  ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook : AquaproThailand
Line :  @aquapro
Shopee : Aquaprothailand
GoPro Group  : GoPro Club กลุ่ม พูดคุย ซื้อขาย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับ GoPro


134


โรคผิวหนังยอดฮิตที่หลายคนมักจะเข้าใจกันผิด ก็คงหนีไม่พ้น เซ็บเดิร์ม กับ สะเก็ดเงิน สองโรคผิวหนังที่มีความคล้ายคลึงกัน แต่วิธีการรักษาจะแตกต่างกัน หากรักษาไม่ถูกวิธีก็อาจจะทำให้ไม่สามารถรักษาให้หายได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องแยกสองโรคนี้ให้ออก เพื่อการรักษาที่ถูกวิธีทาง ResiSKIN เลยจะมาบอกความแตกต่างของสองโรคนี้ พร้อมวิธีการรักษา และ การบรรเทาอาการที่คุณไม่ควรพลาด

มารู้จักโรค เซ็บเดิร์ม กับ สะเก็ดเงิน คืออะไรต่างกันอย่างไร?
เซ็บเดิร์ม


เป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบของผิวหนัง มักจะพบได้จากหลายสาเหตุ แต่เหตุผลหลักๆ ที่ทำให้เป็นโรคนี้ยังไม่ชัดมากนัก มักจะมาจากสาเหตุที่คล้ายๆ กันกับโรคสะเก็ดเงิน เพียงแต่จะไม่ได้เกิดจากการที่มีอะไรเข้ามากระตุ้น หรือ ทำให้เกิดการแพ้ ไม่ว่าจะเป็น
-พันธุกรรม
-เชื้อราบนผิวหนัง
-ความเครียด การพักผ่นอที่ไม่เพียงพอ
-สภาพอากาศที่แห้ง และ เย็น
-โรคแทรกซ้อนต่างๆ รวมถึงสาเหตุอื่นๆ
สะเก็ดเป็นแผ่นสะเก็ดสีขาวเหลืองแข็ง คล้ายๆ กับรังแคแต่จะขึ้นมากบนใบหน้า จะพบมากบริเวณใบหน้า หนังศีรษะ ตามร่องจมูก ระหว่างคิ้ว ส่วนมากเซ็บเดิร์มมักจะมีลักษณะการลอกเป็นหย่อมๆ เป็นกลุ่มก้อน ส่วนผื่นแดงๆ จะขึ้นเป็นบริเวณกว้างแต่ก็ยังขึ้นเป็นกลุ่มอยู่ มักอาการคันในกรณีที่เป็นมาก
>>อ่าน ไขข้อสงสัย เซ็บเดิร์ม เพิ่มเติมที่นี่<<

สะเก็ดเงิน


สะเก็ดเงินเป็นโรคผิวหนังเรื้อรังชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถพบได้หลายส่วนทั่วร่างกาย เป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ โรคสะเก็ดเงินมีสาเหตุของโรคที่ยังไม่แน่ชัดมากนัก และ มีสาเหตุที่หลากหลาย ไม่ว่าจะมาจากพันธุกรรม ความผิดปกติที่ผิวหนัง ภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติ สิ่งแวดล้อมที่เข้ามากระตุ้น ไม่ว่าจะเป็น
-ความเครียด
-การติดเชื้อ
-การทานยาบางชนิด
-การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
-พฤติกรรมการสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ และ อีกหลายปัจจัย
มักจะมีลักษณะเป็นเกล็ดสีเงิน และ มีความมันวาว คล้ายๆ กับหนังของปลา จะพบบริเวณที่เป็นสะเก็ดเงินตามใบหน้า ศีรษะ ลำตัวตามข้อศอก ข้อเข่า อาจจะมีอาการคันร่วมด้วย โดยเฉพาะเวลาที่ยิ่งเกาก็ยิ่งคัน อาการของโรคสะเก็ดเงินแต่ละคนอาจจะมีอาการที่แตกต่างกันออกไป ทั้งคนที่เป็นผื่นแดงหนา หรือ มีขุยสีขาวเงิน นอกจากจะพบได้ตามใบหน้า ลำตัวแล้ว ยังสามารถพบได้ที่เล็บอีกด้วย
>>อ่าน ทำความรู้จักโรค สะเก็ดเงิน เพิ่มเติมที่นี่<<

เซ็บเดิร์ม กับ สะเก็ดเงินต่างกันยังไง พร้อมวิธีสังเกต???


อาการของทั้งสองโรคมีความคล้ายคลึงกันคือ เกิดผื่นแดง ที่มีขุย หรือ สะเก็ดปกคลลุม และ มีอาการคัน ระคายเคือง แต่เราสามารถที่จะแยกสองโรคนี้ออกจากกันได้ โดยอาศัยการสังเกตลักษณะอาการที่แตกต่างกันดังนี้
ดูความหนาของบริเวณผื่น ถ้าเป็นเซ็บเดิร์มจะเป็นแผ่นบางๆ ส่วนสะเก็ดเงินจะเป็นแผ่นหนาๆ ขอบชัด เนื่องจากเกิดการหนาตัวขึ้นของชั้นผิวหนัง
ดูสีของผิวหนังที่ลอกเป็นขุย หากเป็นเซ็บเดิร์มจะเป็นสีขาวเหลือง มักจะมีความมัน ส่วนถ้าโรคสะเก็ดเงินจะเป็นสีขาวเงินชัดเจน ผิวจะดูแห้งมากๆ
ลักษณะของผื่น และ สะเก็ด หากเป็นเซ็บเดิร์มจะมีลักษณะเป็นสะเก็ดๆ เป็นกลุ่มก้อน จะไม่ค่อยกระจายเหมือนสะเก็ดเงิน ส่วนถ้าเป็นโรคสะเก็ดเงินผื่นจะกระจายทั่วตามจุดต่างๆ และ ไม่ค่อยจับเป็นกลุ่ม จะเน้นกระจายตัว
การรักษา การบรรเทาอาการต้องทำอย่างไร?


การรักษาโรคสะเก็ดเงิน - ดูแลเรื่องอาหารการกิน อาหารอะไรที่จะไปกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ กระตุ้นให้เกิดอาการหนักขึ้นก็ควรเลี่ยง ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ และ ดูแลร่างกายให้แข็งแรง เลี่ยงสารที่ทำให้เกิดการแพ้ เช่น สารให้ความหอม สารที่เป็นสีปรุงแต่ง ทั้งจากผลิตภัณฑ์ล้างหน้า บำรุงผิว เครื่องสำอางต่างๆ รวมถึงการทานยาเพื่อยับยั้งอาการ
การรักษาเซ็บเดิร์ม - หากเป็นในระยะแรกๆ ที่พึ่งเริ่มเป็น ควรจะพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พยายามใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่อ่อนโยน ปราศจากสารพวกพาราเบน น้ำหอม และ ไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองขึ้น หากแต่งหน้าก็พยายามเลี่ยงใช้เครื่องสำอางที่แรงๆ ทางที่ดีให้เลี่ยงการแต่งหน้าให้มากที่สุด เพื่อให้ผิวหน้าได้พัก รวมทั้งอาจจะมีการทานยาควบคู่ไป
นอกจากการปฏิบัติตัวให้เหมาะสมแล้ว ก็จำเป็นอย่างมากที่จะต้องบำรุงผิวให้ชุ่มชื่นอย่างสม่ำเสมอ ใครที่มีผิวบอบบางแพ้ง่ายเป็นพิเศษก็ต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว อย่างครีมเวชสำอางของ ResiSKIN ที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยฟื้นคืนความแข็งแรงให้ผิวที่อ่อนแอ
>>อ่าน Checklist เป็นเซ็บเดิร์มห้ามกินอะไร เพิ่มเติมที่นี่<<

ResiSKIN ครีมเวชสำอางสำหรับคนเป็นสะเก็ดเงิน และ เซ็บเดิร์ม
ใครที่มีโรคสะเก็ดเงิน เซ็บเดิร์ม สามารถเสริมการดูแลผิวให้กลับมาดูดี และ สตรองได้ด้วย ResiSKIN ครีมเวชสำอางจากเยอรมันที่มีสารประกอบของ Extremolytes ที่จะช่วยในการสร้างเกราะความชุ่มชื้นให้ผิวที่อ่อนแอ ได้ฟื้นฟูตัวเอง เอาชนะทุกอาการแพ้ แห้ง แดง ผื่น คัน เซ็บเดิร์ม สะเก็ดเงิน ในขณะเดียวกัน ก็ต้านทานสภาพแวดล้อมอันไม่เป็นมิตรต่อผิวที่จะเข้ามากระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ระคายเคือง ผิวแข็งแข็งแรง และ ชุ่มชื้นขึ้นอย่างสังเกตเห็นได้ชัด เมื่อใช้เป็นประจำต่อเนื่อง
 
 
ใครที่สนใจสั่งซื้อ ResiSKIN สามารถกดที่ link ด้านล่างนี้ได้เลย
Facebook : Resiskin by Qualisk
Line : @resiskin


135

สำหรับใครที่เป็นสายขับมอเตอร์ไซค์ ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอ ไม่อยากพลาดที่จะเก็บบรรยากาศต่างๆ ระหว่างการเดินทาง นอกจากอุปกรณ์ GoPro ติดหมวก ที่ต้องเลือกให้เหมาะสมแล้ว การเลือกกล้องให้เหมาะสมก็นับว่าอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน วันนี้ทาง AquaPro เลยจะมาแนะนำการ ตั้งค่า GoPro 10 กล้อง Action camera ที่ได้มีการอัปเดตมากที่สุด หากพูดถึงโกโปร ต้องนึกถึงโหมด HyperSmooth ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่เหมาะมากกับเหล่าบรรดาไบค์เกอร์ ที่จะเอากล้องโกโปรไปใช้กับมอเตอร์ไซค์ สายไบค์เกอร์ทั้งหลายไม่ควรพลาด!!!
 
ตั้งค่า GoPro 10 สำหรับมอเตอร์ไซค์อย่างไรดี
เวลาที่เราขับมอเตอร์ไซค์อยู่ เราไม่สามารถไปควบคุมแสง และ บรรยากาศรอบๆ ได้ นั่นทำให้เราจะต้องทำการตั้งค่าวิดีโอให้เหมาะสม เพราะว่าเราไม่สามารถมานั่งปรับการตั้งค่าได้ในระหว่างการขับรถ ทำให้เราจะต้องตั้งค่าเผื่อ ในกรณีที่แสงไม่เป็นใจเอาไว้ซะด้วย จะต้องตั้งค่าอย่างไรไปดูกันเลย


RES / FPS : 4K 25FPS สำหรับในด้านความละเอียด ไม่จำเป็นต้องใช้ความละเอียดที่สูงมากนักแค่ 4K ก็ถือว่าให้ความละเอียดที่เพียงพอแล้ว ส่วนเฟรมเรทไม่จำเป็นต้องสูงมากนักแค่ 25 - 30FPS ก็โอเคแล้ว เพราะเป็นเฟรมเรทมาตรฐาน ที่ทำให้วิดีโอที่ออกมามีการเคลื่อนไหวเป็นธรรมชาติ ทำให้ลื่นไหล อีกทั้งเมื่อนำไปทำเป็น Slow Motion 2X ก็สามารถทำได้ไม่หลุดเฟรม
FOV : Wide ในเรื่องของเลนส์แนะนำให้เลือกเป็นเลนส์มุมมองกว้างๆ เพื่อที่จะสามารถเก็บรายละเอียดของภาพต่างๆ ได้ครบถ้วน หากใช้เลนส์มุมมองแคบจะเก็บบรรยากาศได้ไม่หมด (แต่ก็สามารถเลือกได้ตามไลฟ์สไตล์การถ่ายภาพของแต่ละคนด้วย)
Low light : N/A ปิดเอาไว้ เพราะไม่ได้นำมาใช้งาน ส่วนใหญ่โหมดนี้จะใช้เมื่อถ่ายในที่แสงน้อย
Stabilization : Auto ในส่วนของโหมดกันสั่น ให้เปิดเป็นออโต้ไว้ เพราะเราไม่รู้ว่าเส้นทางที่เราไปจะเป็นยังไง ดังนี้เปิดออโต้ไว้จะดีที่สุด
Proture : On จะช่วยในการตั้งค่าภาพ หากเลือกเป็นออโต้ในโหมดกันสั่นอย่าง HyperSmooth จะถูกเลือกให้ใช้เมื่อทำการอัดวิดีโออยู่เสมอ ซึ่งทำให้ใช้งานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
Shutter : Auto เพราะเราไม่สามารถมานั่งตั้งค่าชัตเตอร์ให้เหมาะกับวิวรอบๆ ได้ดังนั้นการเปิดเป็นออโต้ไว้ก็จะดีกว่า
EV Comp : -1.0 ในส่วนของการชดเชยแสง ที่เราเลือกลบหนึ่งในกรณีที่มีแสงสะท้อน จะทำให้ภาพยังคงความคมชัดอยู่ และ เป็นระดับที่พอดีไม่มากไม่น้อยจนเกินไป (ยิ่งติดลบภาพที่เป็นโทนสีเข้มจะมีการสะท้อนแสงน้อยลง) ใช้ในกรณีที่แสงมากๆ ก็จะทำให้รายละเอียดที่เป็นสีเข้มจะไม่หายไป


White Balance :  Auto สามารถตั้งเป็นออโต้ได้สำหรับใครที่ไม่อยากปรับอะไรมากมาย แต่หากอยู่ในที่ที่ไม่ค่อยมีแสง หรือ ถ่ายวิวที่เป็นวิวทึบแสง แนะนำใช้เพิ่มเป็น 5500K ก็จะได้แสงที่สว่างขึ้น (สามารถปรับได้ตามความเหมาะสมของสถานที่นั้นๆ)
ISO Min : 100 เลือกไว้ที่ 100 ถือว่าโอเคแล้ว เป็นระดับที่พอดี
ISO Max : 200 เราจะไม่เลือกสูง เพราะเราได้ตั้งค่า White Balance และ EV Comp เพื่อช่วยในเรื่องไว้แล้ว
Sharpness : Low ไม่จำเป็นต้องปรับความคมชัดให้สูง เพราะ จะทำให้วิดีโอที่ได้ไม่สมูทเมื่อนำไปอัปโหลด หรือ จัดต่อ
Color : Flat เพราะเราไม่สามารถรู้ได้ว่าเราจะเจอบรรยากาศแบบไหน ดังนั้นการตั้งค่าสีให้ไม่สดเกินไปจึงจะดีกว่า เพราะถ้าเราเลือกสีที่เข้มจะแก้ได้ยากกว่าการเพิ่มความอิ่มสี สำหรับสีที่อ่อน จึงแนะนำโทนสี Flat
 
อุปกรณ์เสริมที่ช่วยให้ ตั้งค่า GoPro 10 แล้วจะเจ๋งขึ้น


สำหรับคนที่อยากได้ภาพเจ๋งๆ เราก็อยากจะมาแนะนำ ฟิลเตอร์ GoPro นั่นเอง ซึ่งเราอยากจะแนะนำเป็น ND Filter ซึ่งเป็นฟิลเตอร์ที่ช่วยในการกรองแสง และ เมื่อใช้คู่กับการปรับ Shutter speed ที่น้อยๆ ก็จะทำให้ได้ภาพฟุ้งๆ เหมาะมากสำหรับการนำไปถ่ายน้ำ ถ่ายก้อนเมฆ ภาพจะฟุ้งๆ นวลๆ เหมือนกล้องโปรๆ ใครที่อยากได้ภาพ ได้วิดีโอที่ต่างไปจากเดิม และ พวกอุปกรณ์เสริมที่ใช้ถ่ายเวลาขับรถอยู่ไม่ว่าจะเป็น Base Mount , Microphone , Media Mod ซึ่งเป็น อุปกรณ์สำหรับ GoPro ติดหมวก
>>อ่าน ฟิลเตอร์ GoPro ตัวไหนใช่คุณ ได้ที่นี่<<

คิดจะซื้อ GoPro คิดถึง Aquapro พร้อมโปรสุดคุ้ม!!!
สุดคุ้มซื้อ GoPro 10 โปรโมชั่น และ อุปกรณ์เสริมกับร้าน Aquapro ร้านตัวแทนจำหน่ายกล้องโกโปรแท้ที่ได้รับการรับรองจากทางเมนทาแกรมแล้ว ร้านของเรามาพร้อมกับ โปรโมชั่นสุดคุ้ม ของแถมจุกๆ พร้อมกับ โปรส่งฟรี โปรผ่อนชำระ 0%* (ทุกอย่างเป็นไปตามที่ร้านกำหนด) ทำให้วางใจได้ว่าคุณจะได้สินค้าที่ดีมีคุณภาพ นอกจากจะจำหน่ายโกโปรแล้ว เรายังมีกลุ่มสำหรับแนะนำข่าวสาร และ เทคนิคการใช้งานเกี่ยวกับโกโปรเพิ่มเติม เคล็ดลับต่างๆที่สาวกโกโปรควรจะรู้ อย่าลืมไปติดตาม GoPro Club กันล่ะ แล้วคุณจะรู้เกี่ยวกับการใช้งานมากยิ่งขึ้น อย่าพลาดข่าวสารดีๆนะ!!!

ติดตามและสั่งซื้อสินค้า AquaPro เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชั่นใหม่ ๆ ทั้งกล้อง GoPro และอุปกรณ์เสริม GoPro  ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook : AquaproThailand
Line :  @aquapro
Shopee : Aquaprothailand
GoPro Group  : GoPro Club กลุ่ม พูดคุย ซื้อขาย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับ GoPro


136

ต้นขานับว่าเป็นอวัยวะที่มีไขมันสะสมมาก ทำให้หลายๆ คนเจอกับปัญหาขาใหญ่นั่นเอง ซึ่งปัญหานี้ก็นับว่าเป็นปัญหาหนักใจของสาวๆ หลายคน เพราะขานับว่าเป็นจุดที่ทำให้ผู้หญิงอย่างเราขาดความมั่นใจได้มาก พอขาใหญ่ก็เลยไม่มั่นใจเวลาใส่ขาสั้น สำหรับสาวๆ คนไหนที่กำลังเจอกับปัญหานี้อยู่ ไม่รู้จะทำอย่างไรเพื่อลดต้นขา วันนี้ทาง Sistalk จะมาแนะนำวิธีการลดต้นขาง่ายๆ ที่ไม่ต้องออกกำลังกายหนักด้วยการ ปั่นจักรยานอากาศ ลดต้นขา ที่จะช่วยให้คุณโบกมือลาปัญหาต้นขาใหญ่ ต้องทำเท่าไหร่ถึงช่วยลดได้!!!

ปั่นจักรยานอากาศ ลดต้นขา ได้ไหม ?

ปั่นจักรยานอากาศจะช่วยทำให้ต้นขากระชับมากยิ่งขึ้น และ เมื่อทำอย่างต่อเนื่องก็จะช่วยในเรื่องการสลายไขมัน โดยจะเปลี่ยนไขมันให้กลายมาเป็นกล้ามเนื้อแทน จึงทำให้ขากระชับขึ้นแล้วจึงทำให้ขาเล็กลง การปั่นจักรยานอากาศได้ผลดีกับการลดขาที่ใหญ่จากไขมัน แต่ไม่ค่อยให้ผลดีสำหรับคนที่ขาใหญ่จากกล้ามเนื้อ เพราะใครที่ขาใหญ่จากกล้ามเนื้อหากปั่นจักรยานอากาศจะยิ่งทำให้ขาใหญ่มากขึ้น!!!
ได้กล้ามเนื้อส่วนไหนบ้าง?
การปั่นจักรยานอากาศจะช่วยลดบริเวณส่วน "น่อง" ได้ดีที่สุด จะสังเกตว่าส่วนนี้จะกระชับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และ ส่วนอื่นๆ ที่มีไขมันสะสม ต้นขา และ ช่วงล่างก็จะดูกระชับขึ้น นอกจากกล้ามเนื้อส่วนล่างแล้ว ยังช่วยลดส่วนอื่นๆ ได้อีกด้วย
-ช่วยลดสะโพกได้ หากใครที่สะโพกใหญ่การปั่นจักรยานอากาศ จะช่วยให้สะโพกของคุณกระชับมากขึ้น (แต่ระหว่างทำต้องยกสะโพกขึ้นด้วยนะ)
-นอกจากนั้นยัง ช่วยในการลดหน้าท้อง ซึ่งเป็นอีกจุดที่สาวๆ หลายคนเป็นกังวล ในระหว่างที่ทำก็เราทำการเกร็งหน้าท้องร่วมไปด้วยก็จะช่วยได้มาก
ถือว่าเป็นการออกกำลังที่ออกครั้งเดียวได้หลายจุดเลย ไม่ว่าจะเป็นหน้าท้อง สะโพก ต้นขา ขา และ น่อง ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้สาวๆ เสียความมั่นใจได้ง่าย เรียกได้ว่าออกแล้วคุ้มอย่างแน่นอน
 
วิธีการ ปั่นจักรยานอากาศ ลดต้นขา
ท่าพื้นฐาน


1.ให้ทำการนอนราบให้ลำตัวขนานกับพื้น หรือ จะนอนลงบนเสื่อโยคะก็ได้ (จะได้ไม่เจ็บหลัง) รวมถึงการนอนบนที่นอนเรียบๆ ก็ทำได้เหมือนกัน
2.ให้ชูขาตรง ให้ขาชี้ขึ้นไปในอากาศ จากนั้นให้ยกขาปั่นสลับกันไปมาให้เหมือนเวลาเราปั่นจักรยานจริงๆ
ท่าที่ช่วยเรื่องหน้าท้อง และ สะโพก


1.ให้ทำการนั่งลงไปกับพื้นให้ขาเหยียดตรง สามารถทำบนเสื่อโยคะได้ (จะช่วยท่านี้ได้ดีมากกว่าทำบนพื้นตรงๆ) ท่านี้จะไม่นอนขนานไปกับพื้น
2.จากนั้นให้ยาขาขึ้นในลักษณะเหมือนกันปั่นแบบท่าพื้นฐาน แต่จะไม่ยกขาสูงเกินเข่า แล้วจะใช้แขนทาบกับพื้นเพื่อช่วยพยุงลำตัว หากอยากได้สะโพกก็ให้ยกสะโพกขึ้นนิดหนึ่งในระหว่างที่ทำ จากนั้นก็ปั่นปกติ (ท่านี้ไม่ค่อยเหมาะกับคนที่แขนไม่แข็งแรง เพราะต้องใช้แขนช่วยพยุงร่างกาย)
ปั่นจักรยานอากาศอย่างไรถึงจะดี???
สายมือใหม่ - สำหรับใครที่เป็นมือใหม่ อาจจะเริ่มจากแบ่งเป็นเซตก็จะง่ายต่อการออกกำลังมากขึ้น สำหรับมือใหม่อาจจะเป็นทำเซตละประมาณ 15-20 ครั้ง ทำประมาณ 4 เซตต่อวัน
สายชำนาญ - สำหรับใครที่ปั่นมาสักพักแล้ว ก็สามารถเพิ่มระดับการปั่นได้ อาจจะปั่น 80 ครั้งขึ้นไป หรือ 30 นาทีต่อวัน ถ้าทำต่อเนื่องได้ยิ่งดี ให้เราปั่นให้เหงื่อออก ปั่นให้รู้สึกว่าตึงที่ขา
 
Tip & Trick ปั่นจักรยานอากาศยังไงให้ได้ผลดี


-ต้องปั่นให้เร็วเสมอกัน หากปั่นช้าๆ จะไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่นัก
-ใช้มือช่วยในการทรงตัว หากใครที่ปั่นแล้วตัวเซไปมา อาจจะใช้มือคล้ำลำตัวไว้ไม่ให้เอียงเวลาที่ปั่น
-ปั่นให้รู้สึกว่าเหงื่อออก หากเหงื่อออกแสดงว่าเริ่มมีการเผาผลาญพลังงานแล้ว
-การปั่นจักรยานอากาศจะให้ผลดี ในกรณีที่ขาใหญ่จากไขมันมากกว่า การที่ขาใหญ่จากกล้ามเนื้อ โดยให้เราเอามือไปจับตรงน่อง หากจับแล้วเด้งๆ ตรงนั้นแหละคือส่วนของไขมัน
-อาจจะใช้การนวดน้ำมัน หรือ ครีมกระชับสัดส่วนช่วย ก็จะช่วยทำให้ต้นขากระชับได้ดีมากขึ้น
-นอกจากนั้นแล้วยังต้องมีวินัยในการปั่นจักรยานอากาศอีกด้วย หากไม่ทำอย่างต่อเนื่องอาจจะไม่เห็นผล
-การกินอาหารก็สำคัญ ไม่ใช่ว่าจะออกกำลังกายอย่างเดียวแล้วจะเห็นผล ไม่ดูแลเรื่องการกินอาหารก็ไม่ได้ เช่น กินแต่ของที่มันๆ ก็ทำให้ไขมันที่เราออกกำลังแทบตายยังคงสะสมอยู่ไม่ลดลง ควรจะทานอาหารที่มีประโยชน์ พยายามเลี่ยงอาหารที่มีแป้ง น้ำตาล
-รวมถึงการพักผ่อนให้เพียงพออีกด้วย อย่าให้ร่างกายล้า เพื่อเป็นการกระตุ้นการทำงานของร่างกาย
-อีกเรื่องหนึ่งที่ควรรู้นั่นก็คือ พันธุกรรมของเรา บางคนเป็นคนต้นขาใหญ่ถึงจะลดขาแล้ว แต่ก็ยังดูใหญ่อยู่ อาจจะไม่ได้ผลเท่าคนที่ไม่มีปัญหาด้านพันธุกรรม แต่ถึงแม้ว่าขาจะยังดูใหญ่แต่ก็จะกระชับขึ้นอย่างแน่นอน
-การปั่นจักรยานอากาศสามารถทำตอนไหนก็ได้ จะตอนเช้า หรือ ก่อนนอน แค่ขยับก็ช่วยลดขาได้แล้ว
 
Sistalk จัดเต็มบทความเด็ดๆ ที่ช่วยให้คุณปังมากยิ่งขึ้น
สาวๆ คนไหนที่ไม่อยากตกเทรนด์ ไม่อยากพลาดข้อมูล ข่าวสารดีๆ ที่เป็นประโยชน์ เคล็ดลับต่างๆ สุขภาพ แฟชั่น เทรนด์ฮิต และ เรื่องของความรัก!!! ที่พร้อมเสิร์ฟส่งตรงให้คุณ "เพราะเราเป็นมากว่าเพื่อนสาว" เราไม่ได้แค่อยากแนะนำ แต่เราอยากเป็นตัวช่วยให้คุณปังกว่าเดิม ถ้าไม่อยากพลาดข่าวสารดีๆ มาเป็นสาว Sistalk ด้วยกันนะคะ อย่าไปกดติดตามช่องทางต่างๆ ของเรากันไว้นะ แล้วพบกันใหม่บทความหน้านะคะสาวๆ
 
 
สามารถติดต่อ สอบถาม Sistalk ช่องทางอื่นๆได้ที่
Facebook : sistalk.in.th
Instagram : sistalk.in.th
Twitter : @SistalkTH


137


สาวๆ ค่ะรู้หรือไม่ว่าในช่วงที่มีประจำเดือน เป็นช่วงที่ร่างกายของเราอ่อนแอมาก เพราะต้องเสียเลือดออกไปในปริมาณมาก อีกทั้งถ้าทานอาหารบางอย่างเมื่อเราทานเข้าไปมากๆ ก็อาจจะทำให้ยิ่งปวดท้องมากขึ้น และ อาจจะส่งผลต่ออาการที่ออกมาในช่วงประจำเดือนได้อีกด้วย เช่น การมีอารมณ์ที่แปรปรวน รู้สึกอ่อนเพลีย ดังนั้นอาหารบางชนิดจึงไม่ควรที่จะทานในช่วงวันนั้นของเดือน แล้วมีอาหารอะไรบ้างที่คน เป็นเมนส์ห้ามกินอะไร เพราะยิ่งกินก็จะยิ่งแย่ บางคนอาจจะสงสัยว่าเป็นเมนส์กินแตงโมได้ไหม? เป็นเมนส์ห้ามกินผลไม้อะไร? เป็นเมนส์กินกาแฟได้ไหม? กินแล้วจะเป็นอะไรมั้ย แล้วมีอะไรอีกบ้างที่มนุษย์เมนส์ควรเลี่ยง สรุปแล้วคนเป็นเมนส์กินอะไรได้บ้างเนี่ย ถ้าอยากรู้ก็ไปอ่านบทความกันเลยจ้าซิส!!!
 
รวมอาหารต้องห้าม เป็นเมนส์ห้ามกินอะไร???
อาหารบางชนิดอาจส่งผลต่อการปวดท้องประจำเดือนของเราได้อย่างมาก นอกจากนั้นยังส่งผลเสียต่อร่างกายได้อีกด้วย ถ้าเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงนะคะสาวๆ ยิ่งมนุษย์เมนส์อย่างเราๆ ในช่วงที่มีประจำเดือนก็ยิ่งเดือดง่าย เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งปวดท้องขึ้นอีกยิ่งระเบิดลงได้ง่ายกว่าเดิมมาก ดังนั้นมนุษย์เมนส์อย่างเราจึงไม่ควรอย่างยิ่งที่จะทานอาหารดังต่อไปนี้

ของหวาน


สาวๆ หลายคนเลือกที่จะทานของหวานในช่วงที่มีประจำเดือน เพราะเชื่อว่าของหวานจะเป็นของที่ทำให้เราอารมณ์ดี ใช่ค่ะของหวานอาจจะทำให้เราอารมณ์ดี แฮปปี้ขึ้นแต่ก็อยู่ในระยะสั้นๆ เท่านั้น ของหวานก็เป็นดาบสองคมเหมือนกัน เพราะหากทานในช่วงที่มีประจำดือนจะทำให้รู้สึกปวดท้องมากยิ่งขึ้น เนื่องจากของหวานต่างๆ มักจะมีส่วนผสมของน้ำตาลในปริมาณมาก เมื่อเราทานน้ำตาลเข้าไปเยอะๆ ร่างกายของเราเผาผลาญน้ำตาลหมดจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลงลงอย่างรวดเร็ว และ ยิ่งทำให้อารมณ์ของคุณยิ่งสวิง แปรปรวนได้ง่าย ถ้าอยากจะทานของหวานอาจจะเลือกทานเป็นผลไม้แทนจะดีกว่า

อาหารแปรรูป


ต้องยอมรับว่าอาหารแปรรูปเป็นอาหารที่หลายๆ คนเลือกที่จะกิน เพราะว่าเป็นอาหารที่ง่ายต่อการทาน หาซื้อได้ง่าย สะดวก และ รวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นอาหารแช่แข็ง อาหารอัดกระป๋อง อาหารประเภทไส้กรอก ชีส ที่ต้องผ่านกระบวนการในการถนอมอาหาร แต่เจ้าอาหารแปรรูปพวกนี้ก็มักจะมีส่วนผสมของโซเดียมในจำนวนมาก เมื่อเราทานเข้าไปเยอะๆ จะทำให้รู้สึกบวมน้ำ และ มีอาการทางร่างกายหลายอย่าง เช่น รู้สึกเจ็บตึงบริเวณเต้านม บางครั้งก็ท้องอืด และ อาจจะทำให้ปวดท้องประจำเดือนมากกว่าเดิมอีกด้วย แถมอาจจะทำให้มีอาการท้องอืดร่วมด้วยได้ ดังนั้นจึงควรเลี่ยงการทานแปรรูปในช่วงมีประจำเดือน

อาหารหมักดอง


ผู้หญิงกับของหมักดองมักเป็นของคู่กัน คงมีสาวๆ หลายคนที่ชื่นชอบของหมักดอง ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ดอง อาหารทะเลดอง และ อาหารรสจัดๆ ที่ใส่เครื่องปรุงรสเยอะๆ  ยิ่งมีรสจัดๆ ยิ่งไม่ดีต่อร่างกาย โดยเฉพาะในช่วงที่มีประจำเดือน อาหารหมักดองหากทานมากๆ จะทำให้ลำไส้เขาคุณหดตัวจนปวดท้องประจำเดือนมากยิ่งขึ้น และ ยังทำให้เกิดอาการท้องร่วงได้อีกด้วย  เพราะระบบย่อยมีความแปรปรวน นอกจากนั้นแล้วยังทำให้ร่างกายบวมอีกด้วย เพราะอาหารพวกนี้มีโซเดียมสูงไม่แพ้อาหารแปรรูปเลย ยิ่งกินมากยิ่งทำให้บวม

เนื้อสัตว์ติดมัน


ยิ่งติดมันยิ่งอร่อยใช่มั้ยคะสาวๆ แต่พวกไขมันสัตว์ส่วนใหญ่จะเป็นไขมันอิ่มตัว ทำให้ย่อยได้ยาก และ ส่งผลทำให้เมื่อกินในช่วงที่มีเมนส์จะยิ่งทำให้รู้สึกปวดท้องประจำเดือนมากยิ่งขึ้น และ ยังทำให้เกิดอาการปวด การอักเสบร่วมด้วยได้ ทางที่ดีควรจะทานเป็นเนื้อสัตว์ที่ย่อยง่ายๆ อย่างพวกเนื้อปลาจะดีกว่า นอกจากจะไม่ทำให้ปวดท้องประจำเดือนแล้ว ยังทานแล้วไม่อ้วนอีกด้วย

เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน และ แอลกอฮอล์


ชา กาแฟ มีส่วนผสมของคาเฟอีนยังเป็นเครื่องดื่มต้องห้ามของสาวๆ ในช่วงมีประจำเดือนอีกด้วย ไม่เพียงแค่เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเท่านั้น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยังเป็นเครื่องดื่มที่ควรงดอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้เมื่อดื่มเข้าไปจะทำให้รู้สึกไม่ค่อยสบายตัว ปวดหัว หงุดหงิดง่าย และ ทำให้ปวดท้องประจำเดือนมากขึ้น เพราะเลือดประจำเดือนจะมามากกว่าปกติ นอกจากนั้นยังทำให้อารมณ์แปรปรวนได้ง่าย เมื่อดื่มไปมากๆ จะไปกระตุ้นการเต้นของหัวใจร่วมด้วย ทำให้ยิ่งอ่อนเพลียได้ง่าย ทางที่ดีงดได้ควรงดจะดีกว่า
>>อ่านบทความ เครื่องดื่มแก้ปวดท้องเมนส์ ได้ที่นี่<<

เป็นเมนส์ห้ามกินอะไร ถ้าเผลอไปกินจะทำอย่างไรดี ?
มนุษย์เมนส์กับของอร่อยๆ ล้วนเป็นของที่ขาดกันไม่ได้ยิ่งในช่วงที่มีประจำเดือนยิ่งยากกินมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว แต่คงมีมนุษย์เมนส์จำนวนไม่น้อยที่ถ้าอยากกินมาก จนเผลอกินเข้าไปซะจนทำให้ปวดท้องเมนส์ หากมีอาการปวดท้องอาจจะใช้การจิบน้ำอุ่นๆ ระหว่างวันเพื่อช่วยในเรื่องการไหลเวียนเลือด ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายลดการหดเกร็งของมดลูก ทำให้ช่วยในการบรรเทาการปวดท้องเมนส์ได้ด้วย หากใครที่รู้สึกว่าไม่ค่อยสดชื่น อาจจะจิบเป็นน้ำขิง หรือ น้ำมะนาว เพราะช่วยให้ร่างกายสดชื่น แถมยังช่วยลดการปวดท้องได้ดี หากใครปวดมากๆ ก็อาจจะใช้ถุงน้ำร้อนประคบร่วมด้วยก็ได้ แค่นี้ก็ช่วยบรรเทาอาการปวดท้องได้แล้วค่ะสาวๆ ลองเอาวิธีเหล่านี้ไปใช้ดูนะคะ

ตัวช่วยสำหรับสาวๆ ช่วงมีประจำเดือน


ใครที่มีอาการปวดท้องหนักอยู่บ่อยๆ ยาแก้ปวดท้องเมนส์ยังเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ดีมาก สำหรับสาวๆ ในช่วงวันแดงเดือด ควรเลือกให้เหมาะกับตัวเอง ควรจะเลือกตัวยาที่เป็น Etoricoxib เพราะเป็นตัวยาแบบใหม่ที่ทานแค่วันละเม็ด ก็ช่วยลดอาการปวดท้องได้ทั้งวัน อีกทั้งยังกินเวลาไหนก็ได้ ไม่ทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหารเหมือนยากลุ่มเดิมๆ นับว่าเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ควรมีติดกระเป๋าเอาไว้ในช่วงมีประจำเดือนเลยทีเดียว!!!

 
Sistalk เว็บไซต์ที่เข้าใจผู้หญิง
ใครบอกผู้หญิงเข้าใจยาก ใครไม่เข้าใจเราเข้าใจนะคะ พบกับบทความสุขภาพ และ เรื่องต่างๆ ของผู้หญิงๆ ได้ที่ Sistalk ไม่ว่าจะเป็นบทความเกี่ยวกับความรัก สุขภาพ เรื่องลับๆ ของผู้หญิงที่ควรรู้เอาไว้ ไม่ว่าคุณจะเป็นสาวแบบไหน อายุเท่าไหร่ ก็สามารถมาเป็นสาว Sistalkได้ ด้วยการไปอ่านบทความต่างๆ ของเราด้วย (อ่านเถอะถ้าไม่อยากตกเทรนด์ใหม่ๆ ><) แล้วเจอกันใหม่บทความหน้านะคะสาวๆ
 
สามารถติดต่อสอบถาม Sistalk ช่องทางอื่นๆได้ที่
Facebook : sistalk.in.th
Instagram : sistalk.in.th
Twitter : @SistalkTH


138

ไม้พาเลทนับว่าเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของไม้แปรรูป ที่นิยมใช้กันอย่างมาก โดยเฉพาะกับพวกงานอุตสหกรรม งานขนส่ง ไม้พาเลท ซื้อที่ไหน ถึงจะได้ไม้ดี วันนี้เราจะมาแนะนำการเลือกไม้พาเลท ว่าควรจะเลือกซื้อไม้อย่างไรดี และ ควรจะซื้อจากที่ไหนถึงจะดี วันนี้ทาง MTK จะมาแนะนำให้!!!
ไม้พาเลท ทำมาจากไม้อะไร?


ไม้พาเลท เป็นการนำไม้มาแปรรูปเป็นแท่นที่มีคาน สำหรับรองรับน้ำหนัก ซึ่งคานสำหรับรองรับในการขนย้ายไม้พาเลทพร้อมกับสินค้าที่วางทับ พวกของที่มีน้ำหนักมาก ส่วนใหญ่ไม้ที่นิยมนำมาทำไม้พาเลทก็จะมีหลากหลาย ไม้แต่ละชนิดก็จะมีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกันออกไป แต่ส่วนใหญ่ไม้ที่นำมาทำไม้พาเลท จะต้องเป็นไม้ที่แข็งแรง ทนทาน สามารถรองรับน้ำหนักได้มาก ไม่ว่าจะเป็น
ไม้ตะแบก ไม้สีน้ำตาลอมเหลือง เนื้อไม้ขึ้นเงาได้ดี มีความทนทานสูง มีความทนทานต่อความชื้นได้สูง
ไม้ยางพารา ไม้สีขาวอมเหลือง มีความแข็งแรง ตัดแต่งแปรรูปเป็นอย่างอื่นได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นการตัด เจาะ ทาสี
ไม้เต็ง เป็นไม้สีน้ำตาลอ่อน แต่เมื่อทิ้งไว้นานๆ สีจะเข้มขึ้น มีความแข็งแรงสูง ตัดแต่งได้ดี
ไม้แดง ไม้สีน้ำตาลอมแดง เป็นไม้ที่มีลายไม้ชัดเจน ผิวไม้ค่อนข้างสวย มีความแข็งแรง และ ทนทาน

วิธีเลือกไม้จะซื้อ ไม้พาเลท ซื้อที่ไหน???
ลักษณะของไม้ และ เกรดของไม้


ไม้พาเลทขาเต็ม คานจะมีลักษณะเป็นช่องสี่เหลี่ยม มีชองสำหรับเข้า 2 ทาง เหมาะสำหรับใช้ขนส่ง วาง และ จัดเก็บสินค้า
ไม้พาเลทขาเต๋า คานจะมีช่องสำหรับเข้า 4 ทาง เหมาะสำหรับใช้ในการขนส่ง อุตสหกรรมต่างๆ และ การนำไปแปรรูปเป็นเฟอร์นิเจอร์
ไม้พาเลทขาเว้า เป็นคานที่จะมีช่องสำหรับเข้า 4 ทาง เหมือนขาเต๋า แต่จะต่างกันที่คานจะมีความเว้าไม่สูงเท่าแบบขาเต๋า เหมาะสำหรับการขนส่ง อุตสหกรรม และ การนำไปแปรรูปเป็นเฟอร์นิเจอร์
ส่วนเกรดของไม้ก็เช่นกัน ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการนำไม้ไปทำอะไร ส่วนมากเกรดของไม้จะมีเกรดที่ใช้แยกแตกต่างกัน แต่เราจะใช้การแบ่งจากความสวยงาม ตำหนิของไม้ในการแบ่ง ประเภทของไม้พาเลท เป็น 2 ประเภท
เกรด AB เป็นไม้ที่เนื้อไม้สวย สีเรียบเสมอกันทั้งแผ่น มีตำหนิน้อย ตัวไม้ค่อนข้างเรียบ เหมาะสำหรับการใช้ทำไม้พาเลทที่ต้องโชว์ลายไม้ อย่างเช่น ไม้พาเลทที่จะใช้ทำเฟอร์นิเจอร์
เกรด C เป็นไม้พาเลทที่เนื้อไม้อาจจะไม่สวยเท่าไม้เกรด AB อาจจะมีจำหนิมากกว่า หรือ สีเรียบไม่เสมอกันทั่วแผ่น อาจจะมีไสไม้ หรือ ตาไม้บางในบางจุด เหมาะสำหรับทำไม้พาเลทสำหรับคมนาคม อุตสหกรรมทั่วไป
มาตรฐานของไม้พาเลทที่ควรมี?


ส่วนใหญ่ไม้พาเลทจะถูกใช้สำหรับการขนส่ง คมนาคม และ อุตสหกรรมซะเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ไม้พาเลทจะต้องถูกขนส่งออกไป ซึ่งในบางประเทศหากไม่มีการรับรองมาตรฐานก็จะไม่อนุญาติให้เข้าประเทศได้ ดังนั้นไม้พาเลทจึงจำเป็นต้องมีมาตรฐานดังต่อไปนี้
มาตรฐาน IPPC เป็นมาตรฐานที่จะถูกปลั๊มลงบนไม้พาเลท ใช้สำหรับบังคับการส่งออกไม้ภายในประเทศ และ ต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นสัญญาลักษณ์ที่ใช้ในการบอกว่าเป็นไม้พาเลทจากที่ไหน และ ไม้พาเลทได้ผ่านวิธีการใดมาแล้วบ้าง เช่น ผ่านการอบความร้อน ผ่านการพ่นแก๊สเพื่อกำจัดแมลงศัตรูไม้
ผ่านตรา HT (Heat Treatment) ที่บอกว่าไม้ได้ผ่านการฆ่าเชื้อ ทั้งเชื้อรา และ สารเคมีมาแล้ว
ผ่านตรา KD (Kiln Dried) เป็นตราที่แสดงว่าไม้พาเลทได้ผ่านการอบแห้งไอน้ำ เพื่อรักษาความชื้นภายในเนื้อไม้มาแล้ว

เวลาจะเลือกซื้อต้องดูอะไรบ้าง?
อย่างแรกต้องดูว่าไม้พาเลทมีสัญญาลักษณ์การรับรองหรือไม่ ถ้ามีมีตราอะไรบ้าง นอกจากเครื่องหมายที่ควรมีในด้านบนแล้ว หากมีตราต้องดูดีๆ ว่าใช่ตราอันตรายหรือไม่ เช่น MB DB ถือเป็นตราอันตรายห้ามนำมาใช้ หรือ ถ้าใช้ควรทำการศึกษาให้ดีๆ
ไม้พาเลท ผ่านมาตรฐานอะไรมาบ้าง หลักๆ ควรจะต้องมีตรามาตรฐาน IPPC เพราะตรามาตรฐานสามารถบอกได้อย่างชัดเจนแล้วว่า ไม้พาเลทนี้ผ่านกระบวนการอะไรมาแล้วบ้าง และ ผลิตที่ไหน
หากใช้สำหรับทำเฟอร์นิเจอร์ หรือ ค่อนข้างให้ความสำคัญกับเนื้อไม้ควรดูว่า สีของไม้เรียบเสมอกันทั้งแผ่นหรือไม่
 
ไม้พาเลทมือ1 ดีกว่ามือ2 อย่างไรสำหรับการทำเฟอร์นิเจอร์
อย่างที่เราได้บอกไปว่าไม้พาเลทก็มีทั้งไม้พาเลทที่ผ่านกระบวนการที่ดี ที่ทำให้ไม้อยู่ได้ยาวนาน และ ผ่านกระบวนการที่เป็นอันตรายซึ่งไม่ควรนำมาใช้งานต่อ สาเหตุว่าทำไมคุณถึงไม่ควรจะใช้ไม้พาเลทมือ2 ยิ่งกับการนำไปทำเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องใช้งานไปยาวๆ ทางที่ดีไม้พาเลทมือ1ตอบโจทย์การใช้งานมากกว่า ไม่ต้องกลัวสารเคมีตกค้าง แถมอายุการใช้งาน ความแข็งแรงยังมากกว่าอีกด้วยนะ

 
 
สนใจสั่งซื้อ และ ดูข้อมูลเพิ่มเติม MTK ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook  : MTK เอ็มทีเค
Line  :   @mtkwood
Tel :  095-654-6551
Email :    marketing@mtkwood.com


139


โรคเซ็บเดิร์ม หรือ โรคผิวหนังอักเสบต่อมไขมัน เป็นหนึ่งในโรคผิวหนังเรื้อรังที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ อาการของเซ็บเดิร์มจะมีอาการคัน มีผื่นแดง หน้าแห้งเป็นขุย บางคนจะเรียกโรคนี้ว่าโรครังบนหน้า เพราะหน้าแห้งเป็นขุยๆ เป็นสะเก็ดๆ แบบรังแค ส่วนใหญ่จะพบได้ตามหนังศีรษะ ใบหน้า และ ผิวหนังส่วนอื่นๆ ผิวส่วนบน โดยเฉพาะบริเวณจุดไขมันต่างๆ วันนี้ทาง ResiSKIN จะมาแนะนำว่า เป็นเซ็บเดิร์ม ห้ามกินอะไร ถ้าอยากให้โรคเซ็บเดิร์มดีขึ้น เซ็บเดิร์มหายขาด เข้าไปอ่านคอนเทนต์เซ็บเดิร์มเพิ่มเติมได้เลย อย่ารอช้าไปอ่านบทความนี้กันเลย!!!
 
เป็นเซ็บเดิร์ม ห้ามกินอะไร มีอะไรบ้างที่ควรระวัง!!!


การเป็นเซ็บเดิร์มเกิดจากการอักเสบจากภายใน ซึ่งก็เหมือนกับการแพ้ การอักเสบบางชนิดที่มีของที่ควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากอาหารบางชนิดไม่ได้ให้แค่ประโยชน์แก่ร่างกายเท่านั้น เกิดการระคายเคืองจากภายในขึ้น ดังนั้นหากคุณเป็นเซ็บเดิร์มแล้วเผลอทานอาหารพวกนี้เข้าไป ก็ให้งด หรือ หลีกเลี่ยงการทานให้ได้มากที่สุด
แอลกอฮอล์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เหล้า เบียร์ สุราต่างๆ ถือว่าเป็นของต้องห้ามของผู้ป่วยทุกประเภท โดยเฉพาะกับคนที่เป็นเซ็บเดิร์ม เนื่องจากพวกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะไปกระตุ้นเซลล์ผิว ซึ่งทำให้เกิดอาการอักเสบขึ้นมา และ ยังจะไปกระตุ้นให้อาการแพ้ การอักเสบลุกลามขึ้นไปใหญ่ นอกจากนั้นยังไปดูดเอาความชุ่มชื้นออกจากร่างกายเราอีกด้วย
ของหวาน ของมัน พวกของหวานต่างๆ ของที่มันมากๆ หรือ พวกอาหารไขมันสูง อย่างเช่น เวลาที่เรากินของหวาน ของมันมากๆ สิวก็จะขึ้นได้ง่ายกว่าปกติ เนื่องจากน้ำตาล น้ำมัน ของพวกนี้จะไปกระตุ้นให้ผิวหนังเกิดการอักเสบขึ้น แถมยังทำให้ร่างกายอ่อนแอลง ทำให้อาการที่ซอร์ฟลงไปจากการเป็นเซ็บเดิร์มกลับมาเป็นอีกครั้งได้ แต่ก็สามารถทานได้หากเป็นพวกไขมันดี เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันเมล็ดฟักทอง แต่ก็ต้องกินในปริมาณที่เหมาะสม แต่หากเลี่ยงทานได้ก็ควรเลี่ยง
อาหารที่มียีสต์ เป็นเซ็บเดิร์ม ห้ามกินอะไร ที่มียีสต์เป็นส่วนประกอบ เนื่องจากเชื้อยีสต์เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้โรคนี้เป็นโรคที่รักษาไม่หาย หากร่างกายมียีสต์มากเกินไปจนเสียสมดุลก็จะทำให้เกิดผื่นขึ้นมาได้ โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาว หน้าฝน แถมยังส่งผลกับผิวหนังอีกด้วย ควรเลี่ยงอาหารที่มียีสต์เป็นส่วนประกอบ
เบเกอรี่ เช่น ขนมปัง ของหวานที่ต้องขึ้นฟู ขนมอบต่างๆ เพราะมีส่วนประกอบของยีสต์ที่ทำให้ขนมฟูขึ้นมา
อาหารแปรรูปที่มียีสต์ เนื่องจากอาหารบางชนิดจำเป็นต้องใช้ยีสต์ ในการถนอมอาหารให้อยู่ได้ยาวนาน เช่น แหนม ชีส กิมจิ  เห็ดรา นมเปรี้ยว โยเกิร์ต อาหารหมักดอง ซอสเครื่องปรุงต่างๆ เช่น ซีอิ๊ว เต้าเจี้ยว
เครื่องดื่มมีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ คาเฟอีนจะไปกระตุ้นทำให้ยีสต์เกิดการเจริญเติบโตขึ้น
ของที่มีน้ำตาลสูงๆ เนื่องจากน้ำตาลเป็นแหล่งอาหารของยีสต์ หากทานน้ำตาลเยอะก็เหมือนการกระตุ้นให้ยีสต์เติบโตขึ้น ทำให้ผิวของเราเกิดการอักเสบขึ้นได้ ดังนั้นจึงควรเลี่ยง
อาหารทะเล อาหารทะเล อย่างเช่น กุ้ง ปู หอย มักจะมีสารที่ก่อให้เกิดอาการผิวหนังอักเสบ ยิ่งคนที่เป็นเซ็บเดิร์ม มีผื่นแดงขึ้นควรห้ามกิน เพราะจะส่งผลให้เกิดอาการแพ้ขึ้น แต่อาหารทะเลก็ไม่ใช่อาหารต้องห้ามซะทีเดียว ส่วนใหญ่อาหารทะเลที่จะทำให้เกิดการแพ้ การอักเสบก็จะแตกต่างกันไป บางคนกินกุ้งได้ บางคนกินไม่ได้ แต่ทางที่ดีก็ให้พยายามเลี่ยงที่จะกินให้ได้มากที่สุด
 
เป็นเซ็บเดิร์ม ควรปฎิบัติตัวอย่างไร ?


ควรจะปฏิบัติตนให้เหมาะสม กินอาหารให้เหมาะสม ควรเน้นการทานผัก ผลไม้ ทานไขมันที่ดี ทานโปรตีนที่ย่อยง่าย และ ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อไม่ให้ผิวแห้ง ผิวลอกเป็นขุย นอกจากการทานอาหารแล้ว ก็ต้องปฎิบัติตัวให้เหมาะสมด้วย
-ห้ามนอนดึก นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
-เลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดการแพ้ พวกแอลกอฮอล์ ของทอด ของมัน
-ไม่เครียด ทำจิตใจให้แจ่มใส
-เลี่ยงสิ่งที่จะไปกระตุ้นให้เกิดเซ็บเดิร์ม ทั้งจากภายนอก และ ภายใน
-เลี่ยงการโดนแสงแดดจัดๆ เป็นเวลานานๆ
-ใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน และ รักษาเซ็บเดิร์มได้
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยดูแลผิวเซ็บเดิร์มให้ดีขึ้น เราขอแนะนำผลิตภัณฑ์ของ ResiSKIN ที่เป็นครีมเวชสำอางจากเยอรมันที่ช่วยในการปกป้องเซลล์ผิวจากสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นมิตรต่างๆ ด้วยการสร้างเกราะความชุ่มชื้นในชั้นผิว ทำให้ผิวของเราแข็งแรงขึ้นแม้บริเวณผิวบอบบางแพ้ง่าย และ ยังลดการอักเสบของผิวหนังจากปัจจัยที่มากระตุ้น แถมยังช่วยในการลดอาการแห้งของผิว ผื่น อาการคัน
 
ใครที่สนใจสั่งซื้อ ResiSKIN สามารถกดที่ link ด้านล่างนี้ได้เลย
Facebook : Resiskin by Qualisk
Line : @resiskin


140


การถ่าย Vlog นับว่าเป็นอีกหนึ่งรูปแบบการถ่ายวิดีโอที่เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย แถมฟังก์ชั่นการใช้งานยังครบครันอีกด้วย และ นอกจากตัวกล้องแล้วยังต้องอาศัย อุปกรณ์เสริม GoPro 10 ที่เหมาะสมที่จะช่วยให้วิดีโอ Vlog ของคุณออกมาสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น รู้หรือไม่? สำหรับการถ่าย Vlog ภาพ และ องค์ประกอบต่างๆ นับว่าเป็นอะไรที่สำคัญมาก ที่จะใช้ในการสื่อสารให้กับคนดู นอกจากนั้นวิดีโอที่มีความน่าสนใจก็ยังช่วยทำให้คนอยากดูมากขึ้นอีกด้วย มีอุปกรณ์ตัวไหนบ้างที่สาย Vlog ควรมี!!!
จะVlog ทั้งทีควรมีอุปกรณ์เสริม GoPro 10 ต่อไปนี้ !!!
การถ่าย Vlog ต้องอาศัยมุมมอง การเคลื่อนไหว เพื่อที่จะสามารถสื่อสารสิ่งที่ถ่ายออกมาได้ แล้วยิ่งเป็นการถ่ายวิดีโอท่องเที่ยว หรือ ถ่ายนอกสถานที่ก็จำเป็นจะต้องมีอุปกรณ์ที่จะช่วยซัพพอร์ต เพราะบางครั้งสภาพอากาศ สถานการณ์บางอย่างก็ไม่เป็นใจให้เรา ดังนั้นเราเลยอยากแนะนำอุปกรณ์เสริมพื้นฐานที่ควรมี
ถ่ายได้ไม่มีสะดุดด้วย แบตเตอรี่ และ ที่ชาร์จแบต


หากถ่ายนานไป โดยไม่มีแบตเตอรี่สำรอง หรือ ที่ชาร์จแบตเตอรี่ก็อาจทำให้แบตหมดระหว่างการถ่ายได้ เพราะตัวโกโปรเองเมื่อทำการถ่ายต่อเนื่องเกินไปจะทำให้ GoPro ร้อน ทำให้แบตเตอรี่สำรอง และ ที่ชาร์จกลายมาเป็นอุปกรณ์เสริมที่ควรพกติดกระเป๋าไว้เลยห้ามขาด เหมาะมากสำหรับคนที่ถ่าย Vlog ท่องเที่ยว ถ่ายหลายๆ วิดีโอในทีเดียว และ สายไลฟ์สด ที่ต้องการความต่อเนื่องของวิดีโอ
ราคา - 300 - 2,500 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับร้านค้า และ โปรโมชั่น)

เป็นมากกว่าแค่ไม้เซลฟี่ต้อง 3 Way 2.0


ไม้เซลฟี่นับว่าเป็นอีกอุปกรณ์ที่หลายๆ คนที่ถ่าย Vlog ต้องมีกันอยู่แล้ว แต่เราอยากจะแนะนำให้เลือกไม้เซลฟี่ที่มีขาตั้งด้วย เพราะบางครั้งหากเราถ่ายแต่มุมมองเดิมๆ หรือ ถ่ายแต่มุมที่เป็นเซลฟี่ ก็จะทำให้ไม่เห็นรายละเอียดในมุมกว้างๆ หากเลือกที่มีขาตั้งในตัวก็จะสามารถตั้งถ่ายได้ ทำให้ง่ายต่อการถ่าย อีกทั้งยังไม่ทำให้เราเมื่อยอีกด้วย แต่ไม้ 3 Way 2.0 ไม่ได้มีดีเพียงแค่นั้นเพราะสามารถทำได้ถึง 3 อย่างในตัวเดียว เป็นทั้งไม้เซลฟี่สำหรับถ่าย เป็นขาตั้งกล้องได้ และ ยังใช้เป็นแขนยืดสำหรับใช้ถ่ายมุมมองใหม่ๆ ที่ไม่จำเจ ช่วยทำให้การถ่ายของคุณง่ายขึ้นแม้จะถ่ายคนเดียวก็ตาม เหมาะมากสำหรับคนที่อยากได้ภาพหลายมุม และ ทำกิจกรรมแอดเวนเจอร์ ที่ต้องการความคล่องตัวพกหนึ่งได้ถึง 3 อย่าง (3 IN 1 ไปเลย)
ราคา - 2,800 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับร้านค้า และ โปรโมชั่น)

เชื่อมต่อตรง อัปเดตข้อมูลก่อนใครด้วยสายต่อ



สายเชื่อมต่อสำหรับการส่งข้อมูลถือว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จำเป็นอย่างมากที่ใช้เมื่อคุณต้องการอัปโหลดไฟล์ต่างๆ โดยเฉพาะการเชื่อมต่อก็จะเร็วขึ้นด้วยเมื่อคุณใช้ GoPro 10 หากเชื่อมต่อสายตรงจะเร็วขึ้นถึง 30% ส่วนถ้าเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi จะเร็วขึ้น 40 - 50% อีกทั้งยังสามารถใช้สายเพื่ออัปโหลดลงมือถือ เพื่อนำมาตัดลงบนแอพ Quick ได้อีกด้วย นอกจากนั้นก็ยังสามารถอัปไปที่ Cloud ได้อีกด้วย ทำให้ไม่ต้องไปหนักที่ SD Card อุปกรณ์นี้เหมาะมากสำหรับคนที่ SD Card ไม่เยอะ หรือ คนที่ต้องการตัดต่อวิดีโอ ทำให้ไม่ต้องไปนั่งอัปโหลดให้เสียเวลาแบบเดิมๆ แค่เสียบสายก็อัปได้เร็วขึ้น สะดวกขึ้นอย่างมาก
ราคา - 100 - 300 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับร้านค้า และ โปรโมชั่น)

ให้เสียงที่คมชัดด้วยไมโครโฟนเริ่มต้น


ถึงแม้กล้องโกโปรจะมีไมค์ในตัวเอง แต่ว่าเมื่อเราไปถ่าย Vlog นอกสถานที่ กลางแจ้ง เราก็ไม่สามารถไปบังคับเสียงรอบๆ ข้างได้ ไม่ว่าจะเป็นเสียงลม เสียงสัตว์ เสียงพูดคุยต่างๆ เสียงเหล่านี้จะไปกลบเสียงพูดของเราเมื่อเราถ่ายวิดีโอ พอมาเปิดดูก็จะมีเสียงต่างๆ แทรกเต็มไปหมด เพื่อแก้ปัญหานี้ทำให้ไมโครโฟนเสริม นับว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับสาย Vlog เหมาะมากสำหรับคนที่ต้องเดินทาง หรือ ไปถ่ายนอกสถานที่บ่อยๆ ไมค์เริ่มต้นแนะนำให้หาเป็นไมค์เล็กๆ เช่น ไมค์ที่เป็นสาย (Lavalier) ที่ใช้ติดเข้ากับเสื้อผ้า อีกทั้งยังสามารถซ่อนสายตามเสื้อผ้าได้ ตัวเล็กแต่ให้เสียงที่ดีขึ้นอย่างมาก เมื่อเทียบตอนใช้ไมค์เสริมกับไม่ใช้ไมค์เสริม
ราคา - 300 - 2,000 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับร้านค้า และ โปรโมชั่น)

ไมโครโฟนแบบโปรสำหรับคนที่ต้องการเสียงคมชัด


หากเสียงของวิดีโอแย่จะทำให้วิดีโอ Vlog มีความน่าสนใจน้อยลง หากอยากได้เสียงที่โปรมากยิ่งขึ้น ขอแนะนำไมค์แบบ Wireless ของ Saramonic เป็นไมค์แบบไร้สาย ที่ช่วยให้ได้เสียงที่ดี เพราะตัวรับสัญญาณจะทำการโฟกัสเสียงที่อยู่ใกล้ไมค์ ทำให้ได้เสียงที่คมชัด ทำให้เป็นที่นิยมใช้อย่างมากในการถ่าย Vlog หรือ วิดีโอที่เน้นการพูดในระหว่างทำกิจกรรม เหมาะมากสำหรับคนที่พูดคนเดียว เพราะยิ่งมีตัวรับเสียงก็จะเบาลง แต่ถ้ามีตัวรับตัวเดียวจะให้เสียงที่ดี เหมาะกับคนที่ต้องเคลื่อนไหวตลอด เช่น การเดินถ่าย Vlog
ราคา - 1,000 - 20,000 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับร้านค้า และ โปรโมชั่น)

ไม่ต้องง้อแสงด้วยไฟเสริมส่วนตัว


สำหรับใครที่เวลาถ่ายวิดีโอออกมาแล้วหน้ามืด เหมือนโดนของมา ปัญหาเรื่องของแสงสว่างไม่เพียงพอ ไม่ใช่ปัญหาที่เจอเฉพาะในตอนกลางคืนเท่านั้น เวลาที่เราถ่ายบางที่แสงก็อาจจะไม่พอ ทำให้ถ่ายออกมาแล้วหน้าหมอง เราเลยอยากแนะนำไฟเสริม ที่ช่วยให้ถ่ายวิดีโอในที่แสงน้อยได้แบบไม่มีกังวล หากใครที่มีงบขึ้นมาหน่อย อยากแนะนำเป็น Light Mod ซึ่งเป็นไฟ LED ที่สามารถปรับได้ถึง 4 ระดับ (ให้ความสว่างสูงสุด 200 ลูเมน) ใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานถึง 6 ชั่วโมง กันน้ำกันฝน และ สามารถดูสถานะแบตเตอรี่ได้ด้วยนะ และ เมื่อถึงตอนกลางคืนก็ไม่ต้องกังวลเลย ใช้งานโดยติดเข้ากับช่อง cold shoe ซึ่งหากคุณใช้ Media mod ก็สามารถติดเข้าด้วยกันได้เลย หรือ จะติดเข้ากับขาตั้งกล้องเพื่อฉายแสงเข้ามาเวลาที่เราเซลฟี่อยู่ก็ได้
ราคา - 300 - 2,200 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับร้านค้า และ โปรโมชั่น)

เชื่อมต่อกล้องหลายตัว และ สั่งการจากระยะไกลด้วย The Remote



รีโมทจะช่วยให้สามารถควบคุมกล้องจากระยะไกลได้ ก็จะถือว่าช่วยให้ถ่ายได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการถ่าย การตั้งค่าต่างๆ นอกจากนั้นหากคุณมีกล้องหลายตัวก็สามารถใช้รีโมทควบคุมพร้อมกันได้ นอกจากนั้นยังกันน้ำ นอกจากนั้นยังสามารถใช้งานร่วมกับไมโครโฟนได้ด้วย เหมาะมากสำหรับคนที่ถ่ายคนเดียว เดินทางคนเดียว หรือ คนที่ถ่ายด้วยกล้องหลายตัว เพื่อที่จะได้มุมมองภาพที่หลากหลาย เช่น ตัวหนึ่งตั้งไว้ด้านหน้า อีกตัววางไว้ในระยะที่ไกลขึ้น
ราคา - 1,900 - 3,200 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับร้านค้า และ โปรโมชั่น)

เก็บอุปกรณ์ได้ครบ พร้อมลุยทุกกิจกรรมด้วยกระเป๋า Aquapro


กระเป๋าใส่อุปกรณ์เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์เสริมที่หลายๆ คนมองข้ามไป ขอแนะนำกระเป๋า Aquapro ที่เป็นกระเป๋าขนาดกะทัดรัดแต่ใส่ของได้หลากหลายแถมยังแบ่งเป็นสัดส่วน มีน้ำหนักเบา แถมสามารถกันน้ำได้อีกด้วย เหมาะมากสำหรับคนที่ถ่าย Vlog คนเดียว หรือ คนที่มีอุปกรณ์เยอะๆ จะกิจกรรมแบบไหนก็ลุยได้ไม่สะดุด
ราคา : 399 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับร้านค้า และ โปรโมชั่น)
เพียงเท่านี้คุณก็พร้อมสำหรับการไปถ่าย Vlog แล้ว อุปกรณ์ที่เราแนะนำเป็นอุปกรณ์เสริม GoProที่เหมาะมากทั้งสำหรับการถ่าย Vlog คนเดียว อีกทั้งยังเหมาะกับคนที่มีกล้องหลายตัว ทำกิจกรรมที่หลากหลาย เพื่อทำให้ได้มุมมองภาพที่เจ๋งๆ แตกต่าง และ โดดเด่นยิ่งขึ้น
 
นึกถึงอุปกรณ์เสริม GoPro นึกถึงร้าน Aquapro
คุ้มสุดเมื่อซื้อ GoPro 10 รวมทั้งอุปกรณ์เสริมกับร้าน Aquapro ร้านตัวแทนจำหน่ายกล้องโกโปรแท้มาพร้อมกับ GoPro 10 โปรโมชั่น สุดคุ้ม ของแถมจุกๆ พร้อมกับ โปรส่งฟรี พร้อมโปรผ่อนชำระ 0%* (ทุกอย่างเป็นไปตามที่ร้านกำหนด) ทำให้วางใจได้ว่าคุณจะได้สินค้าที่ดีมีคุณภาพพร้อมของแถมจุใจเฉพาะที่ร้านเราเท่านั้น!!! นอกจากจะจำหน่ายโกโปรแล้ว เรายังมีกลุ่มสำหรับแนะนำข่าวสาร และ เทคนิคการใช้งานเกี่ยวกับโกโปรเพิ่มเติม เคล็ดลับต่างๆที่สาวกโกโปรควรจะรู้ อย่าลืมไปติดตาม GoPro Club กันล่ะ แล้วคุณจะรู้เกี่ยวกับการใช้งานมากยิ่งขึ้น อย่าพลาดข่าวสารดีๆนะ!!!

 
ติดตามและสั่งซื้อสินค้า AquaPro เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชั่นใหม่ ๆ ทั้งกล้อง GoPro และอุปกรณ์เสริม GoPro  ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook : AquaproThailand
Line :  @aquapro
Shopee : Aquaprothailand
GoPro Group  : GoPro Club กลุ่ม พูดคุย ซื้อขาย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับ GoPro


141

สาวๆ ค่ะรังแคนับว่าเป็นปัญหาใหญ่อย่างยิ่งที่ผู้หญิงอย่างเราๆ จนทำให้หลายคนสูญเสียความมั่นใจในการใช้ชีวิต การที่เรามีรังแคก็เกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศ เชื้อรา ฮอร์โมน การใช้สารเคมีกับผม หรือ การใช้ผลิตภัณฑ์บางชนิด เช่น น้ำยาย้อมผม น้ำยายืดผม รวมถึงการใช้แชมพูที่ทำให้ระคายเคืองหนังศีรษะ หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่มีปัญหาเรื่องของรังแค ไม่รู้ว่า เป็นรังแค ใช้แชมพูอะไรดี  Sistalk มีคำตอบให้ในบทความนี้เลยค่ะซิส ถ้าพร้อมจะหายจากรังแคแล้วไปอ่านกันเลยสิคะซิส!!!!
เป็นรังแค ใช้แชมพูอะไรดี เรามีมาแนะนำ!!!
Yves Rocher BHC Anti Dandruff Treatment Shampoo


เป็นแชมพูที่ออกแนวธรรมชาติ ไม่ปรุงแต่งสี ปรุงแต่งกลิ่นมากนัก หรือ เป็นคนที่ผิวบอบบางแพ้ง่าย ขอแนะนำแชมพูจากแบรนด์ Yves Rocher เป็นแชมพูที่มีส่วนผสมของเปลือกทับทิม ที่ช่วยในเรื่องของการป้องกันแบคทีเรียที่เป็นต้นกำเนิดของรังแค มีเนื้อสัมผัสเป็นเจลสีเหลือง ไม่เหลวซะทีเดียว เมื่อใช้สระผมแล้วไม่ทำให้ผมแห้ง(ปกติพวกแชมพูเจลจะทำให้ผมแห้ง) แต่ตัวนี้ไม่ใช่เลยใช้แล้วสบายผมมาก แต่ใช้แล้วผมจะไม่นุ่มเท่าแชมพูที่เป็นเนื้อปกติ มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ธรรมชาติ(กลิ่นจะจางมากใครที่ไม่ชอบแชมพูที่กลิ่นแรงจะต้องชอบ) ไม่หอมโดดเด่นเหมือนแชมพูทั่วไป ใช้แค่นิดเดียวฟองก็ทั่วหัวแล้ว  ใครที่เป็นคนที่มีรังแค แต่มีผิวแพ้ง่าย ชอบอะไรที่เป็นธรรมชาติมากๆ
ปริมาณ : 300 ml.
ราคา : 289 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับร้าน และ โปรโมชั่น)
ซื้อได้ที่ : ร้าน Yves Rocher และ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ

Head & Shoulders Cool Menthol Shampoo


แชมพูตัวนี้เป็นแชมพูที่ช่วยให้รู้สึกเย็นศีรษะ เพราะมีส่วนผสมของเมนทอล และ ใบมินต์ ที่เป็นจุดเด่นของแบรนด์ ช่วยทำให้รู้สึกสบายหัว และ ลดความมันบนหนังศีรษะได้ดี ช่วยขจัดรังแค เนื้อแชมพูสีขาว นุ่ม ขึ้นฟองได้ดี ใช้แค่นิดเดียวก็สระได้ทั่วหัว เมื่อสระแล้วจะรู้สึกเย็นหนังศีรษะมากๆ(เย็นมากจริงๆ) หอมกลิ่นมินต์อย่างชัดเจน ใช้แล้วผมนิ่มไม่แห้ง ใครที่ชอบมินต์บอกเลยว่าห้ามพลาด รังแคลดลงตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ เหมาะมากกับอากาศบ้านเราที่ร้อนอบอ้าวอยู่ตลอด แต่ถ้าใครที่ไม่ชอบมินต์ หรือ ไม่ชอบความเย็นสดชื่นมากๆ อาจจะไม่ชอบส่วนตัวรู้สึกสดชื่น แต่เมื่อสระแล้วรู้สึกไม่ชินหนังศีรษะ เพราะเย็นมาก
ปริมาณ : 330 ml.
ราคา : 149 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับร้าน และ โปรโมชั่น)
ซื้อได้ที่ : ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป

Fungazol Shampoo Ketoconazole 2%


แชมพูตัวนี้เป็นแชมพูยาที่มีตัวยา 2% Ketoconazole ที่ช่วยในเรื่องของการลดรังแคโดยเฉพาะ ทำให้ได้ประสิทธิภาพในการรักษารังแคที่ดี และ เร็วกว่าแชมพูแบบปกติ เนื้อสัมผัสจะเป็นแชมพูใสๆ เมื่อสระแล้วจะมีฟองขึ้นมา(ปกติเจลไม่มีสีมักจะไม่ค่อยมีฟอง) แต่มีกลิ่นหอมน่าใช้ ไม่ฉุน ไม่ทำให้ระคายเคือง คนผิวบอบบางใช้ได้ เมื่อใช้งานจะรู้สึกว่าความมันของหนังศีรษะลดลงอย่างมาก และ รังแคกลับมาเป็นซ้ำดีกว่าแชมพูตัวอื่นๆ ใช้ประมาณ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เมื่อใช้ต่อเนื่องจะรู้ว่ารังแคลดลงจริงๆ นอกจากนั้นยังสามารถใช้กับผมที่ทำสีได้อีกด้วย แถมไม่ทำให้สีผมเปลี่ยนไปจากเดิม ใครที่มีปัญหารังแค เชื้อรา เกลื้อนบนหนังศีรษะลองแล้วคุณจะรู้สึกว่าอาการดีขึ้น ใครที่ใช้ตัวไหนมาไม่เห็นผลลองตัวนี้ดูเลยจ้า
ปริมาณ : 150 ml.
ราคา : 170 - 180 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับร้าน และ โปรโมชั่น)
ซื้อได้ที่ : ร้านยา และ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ

Selsun selenium sulfide 2.5


แชมพูตัวนี้เป็นแชมพูยา ที่ช่วยในเรื่องของการรักษารังแค อาการคันบนหนังศีรษะที่เกิดจากรังแค เนื้อแชมพูจะเป็นน้ำเหลวๆ สีเนื้อนวลๆ เมื่อใช้จะมีฟองน้อยมากเมื่อเทียบกับแชมพูตัวอื่น กลิ่นของแชมพูจะไม่หอม ค่อนข้างฉุน เมื่อใช้งานจะทำให้ผมแข็งกระด้าง ไม่นุ่มเหมือนแชมพูปกติ เพราะเป็นแชมพูที่เน้นในด้านการรักษารังแค ใครที่ไม่ชอบกลิ่นฉุน(กลิ่นยา) หรือ สภาพผมที่แข็งๆ ก็ให้ข้ามไป แต่ถ้าใครที่ทนได้เมื่อใช้จะรู้ว่ารังแคลดลงไปเยอะ ถ้าไม่ติดเรื่องกลิ่นก็ถือว่าเป็นแชมพูขจัดรังแคที่ดี
ปริมาณ :  60 ml.
ราคา : 135 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับร้าน และ โปรโมชั่น)
ซื้อได้ที่ : ร้านยา และ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ

Eucerin DermoCapillaire Anti-Dandruff Shampoo


แชมพูตัวนี้จะช่วยในเรื่องของการขจัดรังแค ความมันบนหนังศีรษะ เป็นสูตรที่เหมาะกับคนผิวบอบบางแพ้ง่าย คนที่คันหนังศีรษะบ่อยๆ เนื้อสัมผัสจะเป็นน้ำใสๆ เนื้อเจล มีกลิ่นหอมนิดๆ(ไม่หอมมากนัก) เมื่อใช้ไม่ทำให้ผมแห้ง ล้างได้ง่าย เป็นอีกหนึ่งตัวของแชมพูยาที่ช่วยในเรื่องของรังแค และ หนังศีรษะแห้ง นอกจากนั้นยังช่วยในเรื่องของการทำให้ผมสุขภาพดี ช่วยรักษา และ บำรุงไปในตัว ใครที่อยากหายจากรังแค และ มีผมสุขภาพดีตัวนี้ก็น่าตำนะคะซิส (แต่จะแอบราคาสูงไปหน่อยเมื่อเทียบกับแชมพูตัวอื่น)
ปริมาณ :  250 ml.
ราคา : 495 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับร้าน และ โปรโมชั่น)
ซื้อได้ที่ : ร้านยา และ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ
 
เป็นไงละคะซิสกับแชมพูขจัดรังแคที่เราเอามาฝาก ใครที่ไม่รู้ว่าเป็นรังแคใช้ยาสระผมอะไรดี หรือ หนังศีรษะแห้ง หนังศีรษะลอกจะใช้แชมพูตัวไหน บอกเลยว่าแชมพูที่เราคัดมาเด็ดทุกตัว ตัวไหนก็น่าตำ ถ้าอยากหายจากรังแคแล้วกลับมาเฉิดฉาย มามั่นใจอีกครั้งต้องไปตำตามนะคะซิส หากชอบความธรรมชาติตัวที่ 1(Yves Rocher) ตอบโจทย์ ใครชอบความเย็นสบายก็ตัวที่ 2(Head & Shoulders) ใครที่อยากใช้แชมพูยาก็ตัวที่ 4(Selsun selenium) , 5(Eucerin DermoCapillaire) ส่วนใครที่อยากจากรังแคไวๆ ก็แนะนำตัวที่ 3(Fungazol Shampoo) เลย ไปตำสิคะรออะไร!!!
 
อย่าพลาดบทความดีๆ จาก Sistalk
สาวๆ คนไหนที่ไม่อยากตกเทรนด์ ไม่อยากพลาดข้อมูล ข่าวสารดีๆ ที่เป็นประโยชน์ เคล็ดลับต่างๆ สุขภาพ แฟชั่น เทรนด์ฮิต และ เรื่องของความรัก!!! ก็อย่าพลาดบทความดีๆ จากเรา แล้วคุณจะไม่ตกเทรนด์ "เพราะเราเป็นมากว่าเพื่อนสาว" มาเป็นสาว Sistalk ด้วยกันนะคะ สาวๆ คนไหน ที่ไม่อยากพลาดข่าวสารดีๆ ก็ไปกดติดตามช่องทางต่างๆ ของเรากันไว้นะ แล้วพบกันใหม่บทความหน้านะคะสาวๆ
 
 
สามารถติดต่อ ติดตาม Sistalk ช่องทางอื่นๆได้ที่
Facebook : sistalk.in.th
Instagram : sistalk.in.th
Twitter : @SistalkTH


142

ทุกวันนี้ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่โลกออนไลน์ ที่เรียกว่า “Digital Economy” อย่างเต็มตัวแล้ว ซึ่งเห็นได้จากจำนวนคนไทยที่ใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้นถึง 31 ล้านคน รวมถึงการใช้อินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือสูงขึ้นถึง 77% หลาย ๆ ธุรกิจเริ่มปรับตัวมาเป็นออนไลน์กันมากขึ้น รวมไปถึงสถาบันการเงินต่าง ๆ ที่ได้ออกแอปพลิเคชันที่ทำให้เราไม่ต้องออกไปโอนเงินตามตู้อีกต่อไป การขายของก็ไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้านด้วยซ้ำ ทำให้เกิดรายได้มหาศาลบนโลกออนไลน์ ด้วยสิ่งนี้จึงทำให้รัฐบาลต้องเข้ามาควบคุมดูแล และเกิดสิ่งที่เรียกว่า ภาษี “e-payment ”นั่นเอง แล้วภาษีตัวนี้มันเกี่ยวอะไรกับเรากันหล่ะ ภายในบทความนี้มีคำตอบอย่างแน่นอนค่ะ


กฎหมาย e-payment คืออะไร
 
กฎหมาย e-payment อาจเรียกได้ว่าเป็นชื่อเล่นของ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 48) พ.ศ. 2562 เกิดขึ้นเพื่อรองรับระบบภาษี และเอกสารธุรกรรมทางการอิเล็กทรอนิกส์ตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการนำส่งเงินภาษี การยื่นรายการ หรือเอกสารที่เกี่ยวข้องกับภาษีอากร มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2562 โดยให้สถาบันการเงินส่งรายงานธุรกรรมครั้งแรกต่อกรมสรรพากร

เงื่อนไขของการส่งข้อมูลบัญชีให้กรมสรรพากร
กฎหมายได้บังคับว่า สถาบันการเงิน หรือ ผู้ให้บริการทางการเงินอิเล็กทรอนิกส์ต้องรายงานข้อมูลผู้มีบัญชีธุรกรรมเฉพาะ ให้กรมสรรพากรไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล ไม่ว่าคนไทยหรือต่างชาติ โดยเงื่อนไขมีดังนี้
1. จำนวนครั้งการฝาก/รับโอนเงิน เกิน 3,000 ครั้งขึ้นไปต่อปี
2. จำนวนครั้งการฝาก/รับ โอน เงิน เกิน 400 ครั้ง ขึ้นไป และต้องมียอดรวมมากกว่า 2,000,000 บาท ต่อปี


หน่วยงานที่ต้องรายงานกรมสรรพากร
1.สถาบันการเงิน เช่น ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารภาครัฐ
2.รวมไปถึงผู้ให้บริการด้านการเงินอื่นๆ เช่น True money , Rabbit LINE Pay , e-Wallet เป็นต้น
 
ข้อมูลที่กรมสรรพากร จะได้จากหน่วยงาน
• เลขบัตรประจำตัวประชาชน (หรือเลขทะเบียนนิติบุคคล)
• ชื่อ-สกุล (หรือชื่อบริษัท)
• เลขบัญชีเงินฝาก
• จำนวนครั้งของการฝาก/รับโอนเงิน
• ยอดรวมของการฝาก/รับโอนเงิน


กรมสรรพพากรจะนำข้อมูลที่ได้ไปใช้อย่างไร?
กรมสรรพากรจะนำข้อมูลที่ได้จากกสถาบันการเงินหรือผู้ให้ที่บริการด้านการเงิน ไปวิเคราะห์ผ่านระบบคอมพิวเตอร์เพื่อจัดกลุ่มผู้เสียภาษี


แนะนำวิธีการเตรียมตัว สำหรับคนที่เข้าเกณฑ์ ภาษี โอน เงิน 400 ครั้ง
1.ต้องทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายให้ชัดเจน เพื่อที่จะได้ทราบสถานะทางการเงินของเรา และ เพื่อเป็นหลักฐานไว้แสดงกับทางสรรพากรที่จะเข้ามาตรวจสอบ และทางที่ดีควรแยกบัญชีธนาคารเพื่อใช้ส่วนตัวและเพื่อทำธุรกิจออนไลน์ออกจากกัน
2.เก็บหลักฐานทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ เพื่อจัดการทำรายรับ รายขจ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงจัดการต้นทุนต่าง ๆ อย่างต้นทุนภาษีให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
3.ต้องยืนแบบแสดงรายกการภาษีให้ครบถ้วนและตรงเวลา
4.อัพเดทข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับภาษีอยู่เสมอ หากมีการเปลี่ยนแปลงของภาษี เราจะได้ไม่เสียผลประโยชน์ของเราเอง


ติดตาม นรินทร์ทอง เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารเกี่ยวกับบัญชี ภาษีที่ควรรู้
เป็นยังไงกันบ้างคะ ถ้าทุกท่านอ่านมาถึงตรงนี้ดิฉันคิดว่า ทุก ๆ ท่านน่าจะพอรู้แล้วว่ากฎหมาย e-payment คืออะไร แล้วเราเข้าเกณฑ์ที่จะเสียภาษีตัวนี้หรือไม่ ครั้งหน้าจะมีบทความเกี่ยวกับบัญชี ภาษี หรือ กฎหมายอะไรอีกอย่าลืมกดไลค์และกดติดตามเฟสบุ๊คแฟนเพจ นรินทร์ การบัญชีและภาษี  จะได้ไม่พลาดข้อมูลข่าวสารอื่น ๆ และที่สำคัญหากคอนเทนต์นี้มีประโยชน์ อย่าลืมแชร์ให้เพื่อนๆของคุณทราบด้วยนะคะ

 
 
ใครมีข้อสงสัย ต้องการคำปรึกษา สามารถติดต่อสอบถามได้ที่
Facebook : นรินทร์ การบัญชีและภาษี
Website : นรินทร์ทอง

143

โยคะลดต้นขา เป็นหนึ่งในเทคนิคลดต้นขาง่ายๆ เอาใจสาวๆ ที่ไม่ชอบเคลื่อนไหวตัวมากๆ ไม่ชอบวิ่ง นอกจากเจ้าตัวโยคะจะช่วยลดต้นขา กระชับสัดส่วนได้แล้ว ยังช่วยเสริมความแข็งแรง และ ยืดร่างกายไปได้ในตัวอีกด้วยนะคะ เริ่ดสุดๆ ใครที่อยากขาสวย ขาเรียลแต่ไม่อยากออกกำลังหนักๆ มาลองทำโยคะลดต้นขาแทนดูสิคะ แล้วคุณอาจจะติดใจไปดูท่าโยคะง่ายๆ ในบทความเลยค่ะ!!!
>>อ่านบทความ ท่าคาร์ดิโอ อยู่บ้านก็ลดได้ เพิ่มได้ที่นี่<<


โยคะช่วยลดต้นขาได้จริงหรือไม่?
การทำโยคะเป็นการออกกำลังเพื่อกระตุ้นการทำงานของอวัยวะ และ การทำงานของต่อมต่างๆ ในร่างกาย ซึ่งสามารถช่วยในเรื่องการยืดกล้ามเนื้อ การปรับรูปร่างให้ได้รูป ได้สัดส่วนๆ นั่นทำให้การเล่นโยคะจึงสามารถช่วยลดต้นขาให้กลับมาเรียวสวย ปังเหมือนเดิมได้ โดยปกติส่วนไหนของร่างกายที่เราไม่ค่อยใช้งานก็จะใหญ่ขึ้น มีไขมันมาสะสมบริเวณนั้นมากขึ้น ดังนั้นหากยืดกล้ามเนื้อบริเวณขาบ่อยๆ ด้วยการทำท่าโยคะที่เหมาะสมก็จะสามารถลดต้นขาได้อย่างแน่นอน
>>อ่านบทความ เคล็ด(ไม่)ลับ ปั่นจักรยานลดต้นขา ได้ที่นี่<<

6 ท่า โยคะลดต้นขา ที่ช่วยลดต้นขา

ท่าที่ 1

ท่านี้ถือว่าเป็นหนึ่งในท่าเบสิคที่ทำได้ไม่ยาก  ช่วยในเรื่องของหน้าท้อง และ สะโพก นอกจากนั้นยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับต้นขาได้อีกด้วย เรียกว่าเป็นท่าที่ทำแค่ 1 ได้ถึง 3
วิธีการทำ
1.ให้นอนราบกับพื้น หรือ เสื่อโยคะ ให้มือแนบกับลำตัว
2.จากนั้นค่อยๆ ยกตัวส่วนบน และ ส่วนล่างขึ้นพร้อมๆ กันให้เป็นเหมือนตัววี (V) หรือ ทำมุม 45 องศากับพื้น ให้ค้างท่านี้ไปประมาณ 5 -10 วินาที จากนั้นค่อยกับสู่ท่านอนราบ ทำสลับกันไปกับท่าที่ 1
เทคนิคของท่านี้ - พยายามยกขาให้เข้าหาลำตัวมากที่สุด และ ในจังหวะที่ค้างหากเป็นมือใหม่อาจจะเอาแขนทั้งสองข้างยันตัวเองไว้ข้างๆ ลำตัว แต่หากชำนาญแล้วก็อาจจะยืดแขนเหยียดให้ขนาบด้านข้างลำตัว (แต่ไม่แตะพื้นขณะที่ยกลำตัวขึ้น)

ท่าที่ 2
ใครที่ทำท่าแรกแล้วรู้สึกเมื่อย ตัวตึงๆ ยังรู้สึกว่าตัวยังเกร็งอยู่ ท่านี้จะช่วยยืดกล้ามเนื้อได้ดี ท่านี้จะช่วยบริเวณกล้ามเนื้อด้านใน และ สะโพก ในส่วนของหลังก็สามารถช่วยได้ ใครที่ส่วนของขาด้านในไม่กระชับบอกเลยว่าท่านี้ช่วยได้มาก
วิธีการทำ
1.ให้นั่งหลังตรงคล้ายกับท่าขัดสมาธิ จากนั้นให้แยกขาออกแล้วประกบฝ่าเท้าเข้าหากัน โดยพยายามให้ขาที่ประกบเข้ามาใกล้ลำตัวมากที่สุด แล้วพยายามยืดตัวให้หลังตรงมากที่สุด
2.โน้มตัวลงไปข้างหน้า พยายามให้หัวเข่าติดพื้น หรือ ขึ้นมาน้อยที่สุด จากนั้นค้างไว้สักครู่ แล้วกลับเข้าสู่ท่าที่ 1 (กลับเข้าสู่ท่าขัดสมาธิ)
เทคนิคของท่านี้ - ในระหว่างที่โน้มตัวไปข้างหน้า พยายามอย่าให้เข่ายกขึ้นสูง ยิ่งเข่าติดพื้นยิ่งช่วยลดต้นขาด้านในได้ดี

ท่าที่ 3
ท่านี้จะช่วยโดยตรงในการลดต้นขา โดยเฉพาะขาด้านใน และ หน้าท้อง อีกทั้งยังช่วยในเรื่องของการยืดลำตัวอีกด้วย ใครที่ตัวแข็งๆ ความยืดหยุ่นของลำตัวไม่ค่อยดี บอกเลยว่าท่านี้ช่วยได้มาก
วิธีการทำ
1.ให้นั่งหลังตรง ยืดขาทั้งสองข้างมาด้านหน้า จากนั้นให้พับขาด้านใดด้านหนึ่งเข้าหาลำตัว (เลือกได้ตามความสะดวก) ส่วนอีกข้างจะยืดตรง
2.จากนั้นให้โน้มตัวไปจับที่เท้าข้างที่ยืดขา พยายามยืดให้สุดตัว โน้มตัวไปเยอะๆ และ ให้จับที่เท้าค้างเอาไว้ประมาณ 5 - 10 วินาที แล้วทำการสลับมาทำที่ขาอีกข้าง โดยให้ทำเหมือนกับข้างแรก ทำสลับไปสลับมาระหว่างขาทั้งสองข้าง
เทคนิคของท่านี้ - ให้พยายามยืดแขนไปแตะเท้าข้างที่ยืดให้มากที่สุด พยายามค้างไว้ให้นานจนรู้สึกตึงๆ ที่ต้นขา ก็จะช่วยให้ขากระชับมากยิ่งขึ้น

ท่าที่ 4
มาเปลี่ยนท่ากันบ้าง ท่านี้จะเปลี่ยนจากท่านั่งมาเป็นท่ายืน เผื่อบางคนจะรู้สึกตึงขาเมื่อทำ 3 ท่าแรกไปแล้ว ท่านี้ช่วยในเรื่องของต้นขา น่อง และ สะโพก แถมยังช่วยในเรื่องของการเสริมความแข็งแรง การยืดกล้ามเนื้อในส่วนของหลังได้ดี
วิธีการทำ
1.ให้ยืนตรงแยกขาออกจากกันเล็กน้อย จากนั้นให้พนมมือแล้วชูขึ้นไปด้านบน เหนือหัว พยายามยืดแขนให้ตึง
2.จากนั้นให้ย่อเข่าลง แล้วทำท่านั่งคล้ายๆ กับการนั่งเก้าอี้ในอากาศ และ ค้างอยู่ประมาณ 10 - 15 วินาที แล้วกลับเข้าสู่ท่ายืน
เทคนิคของท่านี้ - หากใครที่รู้สึกว่าทรงตัวไม่ดี หรือ เป็นมือใหม่หัดเล่นโยคะ สามารถใช้กำแพงเพื่อช่วยในการทรงตัวได้ โดยระหว่างทำให้หลังชิดกับกำแพง

ท่าที่ 5
ท่านี้ช่วยทำให้ต้นขากระชับได้ดีมาก ยิ่งต้นขาด้านในยิ่งช่วยลดไขมันสะสมได้ดี และ ยังช่วยในเรื่องของสะโพกได้อีกด้วย ท่านี้เป็นท่าโยคะที่นิยมมากในหมู่คุณแม่ที่ต้องครรภ์ เพราะช่วยทำให้เด็กคลอดง่าย แถมยังช่วยให้มดลูกกระชับ
วิธีการทำ
1.ให้ยืนตัวตรง จากนั้นแยกขาออกจากกันให้หัวเข่ากางออกจากกัน แล้วย่อเข่าลง ให้เข่าที่แยกออกตั้งฉากกับพื้น
2.จากนั้นให้ชู้แขนขึ้นให้แขนตั้งเป็นมุมฉาก หรือ จะพนมมือให้แขนตึงขนานไปกับพื้นก็ได้ แล้วให้ค้างเอาไว้ประมาณ 10 - 15 วินาที แล้วกลับเข้าสู่ท่ายืน (ท่าผ่อนคลาย) จากนั้นทำท่าสลับกันไป
เทคนิคของท่านี้ - พยายามเกร็งขา จังหวะย่อลงพยายามอ้าขาให้ขาตึง ให้ขาตั้งฉากได้ยิ่งดี

ท่าที่ 6
มาถึงท่าสุดท้ายกันบ้าง ท่านี้จะช่วยได้ดีมากในส่วนของต้นขา สะโพก และ หลัง เป็นท่าที่ช่วยทำให้ลำตัวแข็งแรง ทำให้ต้นขา น่อง กระชับ สามารถช่วยได้หลายส่วน เป็นท่าที่ช่วยปรับสมดุลในร่างกาย ลดอาการปวดหลังได้ดี
วิธีการทำ
1.ยืดตัวตรงจากนั้นให้ยืดขาข้างใดข้างหนึ่งไปด้านหลัง พยายามยืดให้เยอะๆ แต่ไม่มากเกินไป ให้ลำตัวยังคงตรงอยู่ จากนั้นขาอีกข้างให้งอลงให้ทำมุมฉากกับพื้น
2.ให้แขนเหยียดตรงขึ้นไปด้านบน หรือ จะประสานมือกันเพื่อยืดตัวร่วมด้วยก็ได้ แล้วค้างท่านี้ไว้ประมาณ 5 -10 วินาที จากนั้นสลับเป็นขาอีกข้าง (ถ้าตอนแรกขาข้างซ้ายอยู่หน้า พอสลับขาข้างขวาจะต้องอยู่หน้า)
เทคนิคของท่านี้ - จังหวะที่ต้องงอเข่าไปด้านหน้า พยายามทิ้งน้ำหนักไปด้านหน้าอย่าทิ้งไปด้านหลัง ไม่งั้นเดี๋ยวจะล้มเอาได้นะ


ใครที่มีปัญหาเรื่องของการนั่ง การงอเข่า ต้องเสริมความแข็งแรงให้กับข้อต่อต่างๆ ด้วยอาหารเสริมที่มีส่วนประกอบของ คอลลาเจน ไทพ์ทู (Collagen Type II) ที่ช่วยในการซ่อมแซมกระดูก แถมยังช่วยลดอาการปวดข้อจากการออกกำลังกาย เพราะข้อต่อสำคัญมากกับการใช้ชีวิต อย่าปล่อยให้ข้อต่ออ่อนแอ มาเสริมความแข็งแรงไปด้วยกัน

สายสุขภาพห้ามพลาดบทความจาก Sistalk
สาวๆ คนไหนที่ไม่อยากตกเทรนด์ ไม่อยากพลาดข้อมูล ข่าวสารดีๆ ที่เป็นประโยชน์ เคล็ดลับต่างๆ สุขภาพ แฟชั่น เทรนด์ฮิต และ เรื่องของความรัก!!! ที่พร้อมเสิร์ฟส่งตรงให้คุณ "เพราะเราเป็นมากว่าเพื่อนสาว" เราไม่ได้แค่อยากแนะนำ แต่เราอยากเป็นตัวช่วยให้คุณปังกว่าเดิม ถ้าไม่อยากพลาดข่าวสารดีๆ มาเป็นสาว Sistalk ด้วยกันนะคะ อย่าไปกดติดตามช่องทางต่างๆ ของเรากันไว้นะ แล้วพบกันใหม่บทความหน้านะคะสาวๆ

 
สามารถติดต่อสอบถาม Sistalk ช่องทางอื่นๆได้ที่
Facebook : sistalk.in.th
Instagram : sistalk.in.th
Twitter : @SistalkTH


144

สำหรับบริษัทจำกัดเป็นคำที่หลายๆคนคงคุ้นหูกัน แต่เอ๊ะ!! แล้วคำว่าบริษัทจำกัดมีความหมายว่าอะไร? มีรูปแบบอย่างไร? ใครที่มีอำนาจวันนี้เราจะพาเพื่อนไปดูด้วยกัน


บริษัทจำกัด คืออะไร?
มาเริ่มกันที่คำว่าบริษัท จริงๆแล้วคือ บุคคลตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป ร่วมกันทำธุรกิจ เพื่อหาผลหากำไรร่วมกัน แบ่งผลประโยชน์กันในรูปแบบของหุ้น

ส่วนคำว่าจำกัด หมายถึง การจำกัดความรับผิดชอบ ในกรณีที่เกิดปัญหา ลูกค้าสามารถฟ้องได้ตามทุนจดทะเบียน ที่จดทะเบียนไว้ตอนจัดตั้งเท่านั้น ไม่สามารถเรียกร้องทรัพย์สินส่วนตัวได้!!


อำนาจการจัดการใน บริษัท?
ก่อนอื่นเลยเราต้องมาเรียนรู้ใน 2 คำนี้ก่อนกันก่อน
1.) ถือหุ้นบริษัทจำกัด
2.) กรรมการ



ผู้ถือหุ้นบริษัทจำกัด
ผู้ถือหุ้นถ้าว่ากันง่ายก็คือผู้ที่มีความเป็นเจ้าของบริษัท แต่ว่าไม่มีสิทธิในการบริหาร กิจการใดๆในองค์กร ถ้าจะใช้อำนาจต้องผ่าน การประชุมผู้ถือหุ้นเท่านั้น

กรรมการบริษัทจำกัด
ส่วนกรรมการมีอำนาจในการบริหาร ในบริษัทแต่ต้องมาจากการลงลงมติ การประชุมกรรมการ หรือ ผู้ถือหุ้น โดยการโหวตเสียงข้างมากจึงจะมีสิทธิที่จะดำเนินการ
แล้วกรรมการไม่ใช่เจ้าของแล้วมีที่มากจากไหน กรรมการเองมีที่มาจากการแต่งตั้งของผู้ถือหุ้น ซึ่งกรรมการ จะมีกี่ท่านก็ได้ขึ้นอยู่กับการตกลงกันของผู้ถือหุ้นนั้นเอง แต่ต้องบอกก่อนว่า ผู้ถือหุ้นหลายๆบางครั้งก็แต่งตั้งตัวเองเป็นกรรมการเพื่อ ดำเนินกิจการ บริหารด้วยตัวเองเหมือนกัน !!!


ใครที่ควรจดบริษัท
ให้เราวิเคราะห์ตัวเอง ลูกค้าเราเป็นใคร การจะรับงานมีเงื่อนไขเรื่องของการเป็นบริษัทไหม เนื่องจากลูกค้าบางเจ้าต้องการเข้าระบบ หรือ ต้องมีทุนจดทะเบียนที่เหมาะสมกับงานถึงจะสามารถทำงานได้โดยไม่มีปัญหา ดังนั้นให้เราวิเคราะห์ธุรกิจของเราให้ดี


ส่วนใครที่ต้องการคำปรึกษา ต้องการจะจดทะเบียนบริษัท หรือ บริการบัญชีด้านอื่นๆ  สามารถติดต่อพูดคุยกับเราได้ที่ 
Facebook : นรินทร์ การบัญชีและภาษี
Website : บริษัท นรินทร์ทองการบัญชีและกฏหมาย จำกัด


145
GoPro ร้อน ทำยังไงดี!!! ปัญหานี้นับว่าเป็นปัญหาที่คนใช้งานโกโปรหลายๆ คนจะพบเจอได้อยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะเมื่อใช้งานกล้องโกโปรไปอย่างต่อเนื่อง ใช้งานไปนานๆ การที่เครื่องร้อนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะเมื่อคุณใช้งานเครื่องหนักๆ แบตเตอรี่ก็เลยทำงานหนักขึ้น เลยส่งผลทำให้เครื่องโกโปรร้อนขึ้นมาในขณะที่ใช้งาน แล้วแบบนี้จะต้องทำอย่างไรดี ถ้ากล้องโกโปรร้อนให้มาทำให้การถ่ายของคุณสะดุด วันนี้ทาง Aquapro จะมาแนะนำการแก้ปัญหากล้องโกโปรร้อนง่ายๆ ที่คุณไม่ควรพลาดถ้าไม่อยากให้เครื่องร้อน!!!
 
สาเหตุของปัญหา GoPro ร้อน???
บางคนที่ใช้งานกล้องโกโปรอย่างต่อเนื่องมากๆ โดยไม่พักกล้องจะทำให้อุณหภูมิของกล้องโกโปรร้อน ส่วนใหญ่การที่เครื่องร้อนมาจากการใช้งานกล้องโกโปรหนักเกินไป เนื่องจากแบตเตอรี่ของโกโปรไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก อีกทั้งกล้องAction camera ส่วนใหญ่ก็ระบายความร้อนไม่ค่อยดีนัก ทำให้ แบตเตอรี่ทำงานหนักขึ้น จึงเป็นสาเหตุทำให้เครื่องร้อนนั่นเอง
 
วิธีแก้ปัญหา GoPro ร้อน ง่ายๆ ทำได้ไม่ยาก
อย่างที่เราได้บอกไปแล้วในข้างต้นว่า สาเหตุที่ทำกล้องโกโปรร้อนนั่นก็คือ แบตเตอรี่ที่ทำงานหนักเกินไป แล้วจะมีวิธีไหนบ้างที่ทำให้ใช้งานโกโปรแล้วไม่ทำให้เครื่องร้อน!!!
วิธีที่1 - ปิดโหมดที่ไม่ได้ใช้งาน
บางครั้งที่เราเผลอเปิดโหมดบางอย่างเอาไว้ แม้เราจะไม่ได้ใช้งาน โหมดบางโหมดก็กินพลังงานจากแบตเตอรี่ของเรา อย่างเช่น โหมดWi-Fi , โหมดGPS , โหมดVoice control รวมถึงการปิดหน้าจอที่ไม่ได้ใช้งานร่วมด้วย เช่น หากใครที่ถ่ายแต่จอหน้า เน้นถ่ายเซลฟี่ก็อาจจะทำการปิดจอหลังไปเลยก็ได้ หรือ ปิดเครื่องเมื่อไม่ได้ใช้งานก็สามารถช่วยเรื่องการถนอมไม่ให้โกโปรร้อนได้
การปิดโหมดที่ไม่ได้ใช้งาน
-เลือกที่ Preference > เลือกที่ Regional
-เลือก GPS / Wi-Fi > เลือก Off
การปิดหน้าจอที่ไม่ได้ใช้งาน
-ให้สไลด์หน้าจอจากข้างบนลงมา > เลือกไอคอนอันที่2 นับจากแถบล่าง ที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมมีคนอยู่ด้านใน
-จากนั้นเลือกที่ว่าจะปิดหน้าจอไหนหากเป็นจอหน้าก็เลือก > แล้วกดที่ไอคอนกากบาท เพื่อปิดการใช้งาน
วิธีที่2 - ลดความละเอียดของภาพ และ วิดีโอให้เหมาะสม
ความละเอียดสูงๆ ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้กล้องโกโปรร้อนได้ เวลาที่เราถ่ายวิดีโอที่มีความละเอียดสูงๆ ที่กินระยะเวลานานๆ จะยิ่งกินแบตเตอรี่อย่างมาก ต้องเลือกใช้ความละเอียดให้เหมาะกับรูปแบบวิดีโอที่เราถ่าย ส่วนใครที่อยากจะได้วิดีโอที่มีความคมชัดสูงก็สามารถเลือกใช้การปรับ Bit rate แทนได้
-เลือกที่ Video setting > เลือก Resolution
-แล้วเลือกความละเอียด และ เฟรมเรทที่ต้องการ
วิธีที่3 - วางแผนการใช้งานให้เป็นระยะๆ
เพื่อไม่ให้แบตเตอรี่ร้อนมากจนเกินไป เวลาใช้งานจึงควรจะใช้งานเป็นระยะ เพื่อให้เครื่องได้ระบายความร้อน
เปิดใช้ความละเอียดของวิดีโอสูงสุด เมื่อถ่ายในที่ห้อง
-GoPro 10 ใช้เวลาถ่ายไปเพียง 12.46 นาที ก็ทำให้เครื่องร้อน (5.3K60FPS)
-ในขณะที่ GoPro 9 ใช้เวลา 31 นาที (5K60FPS) และ GoPro 8 ใช้เวลา 26.42 นาที (4K60FPS)
-ส่วนเมื่อเปลี่ยนมาใช้งานเป็น 4K GoPro 10 ใช้เวลาไปทั้งหมด 16.56 นาที ส่วน GoPro 9  ใช้เวลาไป 22.55 นาที
เมื่อนำไปถ่ายกลางแจ้ง 35.6 C ด้วยความละเอียด 4K
-GoPro 10 ใช้เวลาไปแค่ 9.52 นาที ก็ทำให้เครื่องร้อนแล้ว
-ส่วนGoPro 9 ใช้เวลา 13.51 นาที และ GoPro 8 ใช้เวลา 16.33 นาที
ควรวางแผนการถ่ายวิดีโออย่างไรดี?
-5.3K 30FPS จะสามารถถ่ายได้ต่อเนื่อง 24.48 นาที (ในสภาพอากาศกลางแจ้ง) ก่อนที่เครื่องจะร้อนเกินไป ควรถ่ายไม่เกิน 25 นาที แล้วทำการพักเครื่อง
-5K 60FPS จะสามารถถ่ายได้ต่อเนื่อง 15 นาที เครื่องจึงร้อน ดังนั้นควรถ่ายประมาณ 10-15 นาที แล้วทำการพักเครื่อง
-4K 120FPS จะสามารถถ่ายได้ 13.28 นาที ดังนั้นควรถ่ายไม่เกิน 15 นาที จากนั้นให้ทำการพักเครื่อง
จะเห็นได้ว่ายิ่งเฟรมเรทเยอะยิ่งทำให้เครื่องทำงานหนักมากขึ้น จะเห็นได้ว่าความละเอียดที่มากกว่าแต่เฟรมเรทต่ำว่า สามารถใช้งานได้นานกว่าความละเอียดต่ำแต่เฟรมเรทสูง
 
GoPro10 ที่ร้าน Aquapro มาพร้อมโปรโมชั่นโคตรคุ้ม!!!
สุดคุ้มซื้อ GoPro 10 โปรโมชั่น และ อุปกรณ์เสริมกับร้าน Aquapro ร้านตัวแทนจำหน่ายกล้องโกโปรแท้ที่ได้รับการรับรองจากทางเมนทาแกรมแล้ว ร้านของเรามาพร้อมกับ โปรโมชั่นสุดคุ้ม ของแถมจุกๆ พร้อมกับ โปรส่งฟรี โปรผ่อนชำระ 0%* (ทุกอย่างเป็นไปตามที่ร้านกำหนด) ทำให้วางใจได้ว่าคุณจะได้สินค้าที่ดีมีคุณภาพ นอกจากจะจำหน่ายโกโปรแล้ว เรายังมีกลุ่มสำหรับแนะนำข่าวสาร และ เทคนิคการใช้งานเกี่ยวกับโกโปรเพิ่มเติม เคล็ดลับต่างๆที่สาวกโกโปรควรจะรู้ อย่าลืมไปติดตาม GoPro Club กันล่ะ แล้วคุณจะรู้เกี่ยวกับการใช้งานมากยิ่งขึ้น อย่าพลาดข่าวสารดีๆนะ!!!

 
ติดตามและสั่งซื้อสินค้า AquaPro เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชั่นใหม่ ๆ ทั้งกล้อง GoPro และอุปกรณ์เสริม GoPro  ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook : AquaproThailand
Line :  @aquapro
Shopee : Aquaprothailand
GoPro Group  : GoPro Club กลุ่ม พูดคุย ซื้อขาย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับ GoPro


146
ปัญหาผิวนับว่าเป็นปัญหาใหญ่ของใครหลายคน โดยเฉพาะปัญหา ผิวหนังอักเสบ ที่ทำให้เกิดอาการคัน บวมแดงบริเวณผิวหนัง และ อาจจะทำให้ผิวหนังเปลี่ยนสภาพ เช่น เป็นสะเก็ด เป็นขุย มีแผล มีตุ่มหนองเกิดขึ้น โดยวันนี้ทาง ResiSKIN จะมาบอกเคล็ดลับการดูแลผิวเมื่อคุณมีผิวหนังอักเสบ ไม่ว่าจะเป็นโรคยอดฮิตอย่าง
สะเก็ดเงิน ผิวหนังจะมีทั้งลักษณะที่เป็นผื่นแดงขอบหนา และ หลุดลอกเป็นสะเก็ดสีเงิน นอกจากนั้นอาจจะเกิดการอักเสบที่เล็บได้
เซ็บเดิร์ม เป็นโรคผิวหนังที่จะทำให้เกิดผิวหนังลอกเป็นแผ่นหนา และ หลุดลอกเป็นขุย เป็นสะเก็ดแข็งสีขาวเหลือง คล้ายกับรังแค
ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง จะทำให้เกิดอาการคัน และ มีผิวแดงบริเวณที่ผิวหนังอักเสบ บางคนอาจจะมีหนองไหลร่วมด้วยหากไปแกะ ไปเกาบริเวณที่อักเสบ
ผื่นระคายเคืองผิวการสัมผัส อาการจะขึ้นอยู่กับชนิดของสารที่ทำให้ระคายเคือง และ ระยะเวลาที่สัมผัส จะทำให้เกิดอาการแสบร้อน คันบริเวณที่สัมผัส บางรายอาจจะทำให้เกิดการกัดกร่อนจนเป็นแผลพุพองได้
ผื่นผิวแห้ง เป็นการอักเสบอีกรูปแบบหนึ่งที่จะทำให้ผิวของเราแห้งมากเกินไป รู้สึกเจ็บบริเวณที่ผิวแห้งแตก บางคนอาจจะเกิดตุ่มหนองได้ เนื่องจากผิวติดเชื้อ เพราะผิวหนังไม่มีความชุ่มชื้นไปเลี้ยงผิว
ผื่นตุ่มใส บางครั้งผื่นก็อยู่ในรูปแบบของตุ่มน้ำใสๆ จะมีตุ่มขึ้นตามจุดต่างๆ บางคนก็อาจจะมีอาการคันร่วมด้วย
ซึ่งทำให้เกิดอาการแตกต่างกันออกไปตามชนิดของโรคที่เป็น ไม่ว่าจะเป็นอาการระคายเคืองจากการสัมผัส ที่มาจากสาเหตุต่างๆ ปัญหาผิวหนังบางอย่างก็สามารถดูแลเบื้องต้นด้วยตัวเองได้ เช่นการทานอาหารที่มีประโยชน์ การดูแลความสะอาดผิว การเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารปรุงแต่งต่างๆ แต่ถ้าหากใครดันมีปัญหาผิวเรื้อรังอย่าง เซ็บเดิร์ม กับ สะเก็ดเงิน ก็อาจจะต้องรักษาตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ
เมื่อเป็นผิวอักเสบควรดูแลผิวอย่างไร?
-ไม่ไปสัมผัสใบหน้า แกะ เกาบ่อยนัก เพราะจะทำให้หน้าเกิดการอักเสบ ติดเชื้อได้
-เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนกับผิว ไม่มีสารปรุงแต่งที่ทำให้เกิดการอักเสบ ระคายเคือง
-ไม่อาบน้ำ ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น น้ำร้อน เพราะจะยิ่งทำให้รูขุมขนเปิด และ ผิวจะยิ่งสูญเสียน้ำ
-เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว เมื่อผิวสูญเสียความชุ่มชื้น เช่น หลังจากที่อาบน้ำ ล้างหน้า
-เลี่ยงสารที่ทำให้เกิดการแพ้ ระคายเคือง เช่น สารเคมี สารที่มีน้ำหอม
-ทานอาหารที่มีประโยชน์ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และ ทำจิตใจให้แจ่มใสไม่เครียด
-หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ และ การสูบบุหรี่ เพราะจะไปทำให้พวกผื่น อาการคันต่างๆ ไม่หาย
-ใช้ครีมที่ช่วยในการลดอาการอักเสบ เสริมเกราะป้องกันผิวจากภายใน และ ฟื้นฟูผิวไม่ให้แห้ง ทำให้ผิวอิ่มน้ำชุ่มชื่น

 
ดูแลฟื้นฟู ผิวหนังอักเสบ ด้วยผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
การรักษาผิวหนังอักเสบ ไม่ใช่ว่าจะทายาตัวไหน จะใช้ผลิตภัณฑ์ตัวไหนก็ได้ แต่การจะรักษาปัญหานี้จะต้องรักษาตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อย่างกรณีที่เป็นโรคผิวหนังอักเสบจาก สะเก็ดเงิน เซ็บเดิร์ม ผิวของคนที่เป็นจะค่อนข้างจะอ่อนแอ และ บอบบาง คุณก็สามารถรักษาให้หายได้ หากดูแลอย่างถูกวิธี ควบคู่ไปกับการใช้ผลิตภัณฑ์ของ ResiSKIN ผลิตภัณฑ์ที่แพทย์แนะนำให้ใช้กับคนที่เป็นโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง จะได้ผลออกมาเป็นอย่างไรไปดูกัน!!!

ดูว่าปัญหาผิวของเราอยู่ในระดับไหน เป็นมากเป็นน้อยอย่างไร?
เนื่องจากโรคผิวหนังอักเสบเป็นโรคผิวหนังเรื้อรังที่จะกระจายตัวตามจุดต่างๆ ของร่างกายถึงร้อยละ 80 บางคนก็พบมาก บางคนก็มีการกระจายตัวน้อย ก่อนที่จะไปทำการดูแลผิว เราควรจะต้องตรวจสอบก่อนว่า ปัญหาผิวหนังอักเสบของเราเป็นมาก หรือ น้อยเพียงใด เช่น กรณีที่เป็นสะเก็ดเงิน มีการกระจายตัวมากหรือไม่?
ระดับเบา - มีการอักเสบ เกิดผื่น รอยแดงที่มีรูปแบบกระจายตัวน้อยกว่า 10% ของร่างกาย จะถือว่าเป็นระดับที่ไม่รุนแรงมาก แต่อาจจะมีอาการคันตามจุดที่ผิวหนังลอกเป็นขุย
ระดับหนัก - มีการอักเสบ เกิดผื่น รอยแดงที่มีรูปแบบกระจายตัวมากกว่า 10% ของร่างกายถือว่าเป็นระดับรุนแรง ที่ต้องรีบรักษา ส่วนใหญ่ระดับนี้มักจะมีอาการปวดข้อร่วมด้วย
เมื่อเราสำราจตัวเองแล้วว่า อาการผิวหนังอักเสบของเราคือรูปแบบไหนแล้ว หากใครที่มีอาการน้อย และ สามารถดูแลผิวด้วยตัวเองได้ ก็สามารถดูแลผิวด้วยเคล็ดลับจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เราเอามาบอก หากใครที่ดูแลผิวมานานแต่ก็ยังไม่หายสักที อย่าพลาดเคล็ดลับดีๆ ที่เราเอามาบอก!!
 
เคล็ดลับดูแลผิวหนังอักเสบจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
"ผมนพ.บริพัตร วงศ์ประชุม ผมเป็น Plastic surgery ผ่าตัดด้านเสริมสวย และ เสริมสร้าง ผมรักษาทุกโรคที่เกี่ยวกับความงาม สะเก็ดเงินเองก็อยู่กลุ่มที่คนไข้พยายามหาหมอที่จะช่วยรักษาให้หาย ซึ่งผมก็จะดูว่าสะเก็ดเงินนี่รุนแรงเยอะไหม ผมทำการรักษาสะเก็ดเงินมา 20 ปี" นพ.บริพัตร วงศ์ประชุม ศัลยกรรมตกแต่งความงาม Plastic surgery และ ตกแต่งแผลเบาหวาน
โรคสะเก็ดเงินเกิดจากการที่ผิวที่เกิดจากการที่ผิวหนังชั้นนอกผลิตออกมามากเกินไป จนทำให้เกิดความหนาขึ้นเรื่อยๆ โรคสะเก็ดเงินสามารถรักษาให้หายได้ถ้าปฏิบัติตามคำแนะนำ ด้วยการใช้ยา และ ปฏิบัติตัวอย่างถูกต้อง ก็จะทำให้สะเก็ดเงินหายไปได้
หาย = สงบลง และ ไม่กำเริบขึ้นมา

ประสบการณ์จากการใช้ ResiSKIN
เคสที่ 1 : มีกรณีคนไข้สะเก็ดเงินรายหนึ่งที่สะเก็ดเงินค่อนข้าง Active มากจนไม่สามารถใช้สเตรียรอยด์ได้ เพราะแพ้จะยังไม่หาย คุณหมอเลยได้ให้ทางคนไข้สะเก็ดเงินรายนี้ได้ลองใช้ผลิตภัณฑ์ของ ResiSKIN โดยการทาทั้งตัว
"ปรากฏว่าภายใน 3 วัน ผิวหนังของคนไข้ดีขึ้นมามาก เลยแนะนำหมอสกินให้ใช้ตัวนี้ เพราะตัวนี้มีผลเชิงประจักษ์ว่า คนไข้รายนี้เป็นมากขนาดนี้ไม่ต้องใช้สเตรียรอยด์เลย ก็สามารถระงับโรคได้" นพ.บริพัตร วงศ์ประชุม
เคสที่ 2 : เคสนี้เป็นสะเก็ดเงินที่มือ คนนี้มือเป็นขุยแดงจนกำมือไม่ได้ พอลองให้ทาเช้าเย็น
"ปรากฏว่าภายใน 1 อาทิตย์ แผลหายสนิท ประทับใจมาก เมื่อมารักษากับเราปรากฏว่าสะเก็ดเงินเขาแทบจะเป็นศูนย์" นพ.บริพัตร วงศ์ประชุม

ทำไมต้อง ResiSKIN???
ครีมนี้จะช่วยในการลดการอักเสบของผิวหนัง (Anti-inflammation) พอลดการอักเสบลง ตัวสะเก็ดเงินก็จะลดตามไปด้วย ขณะนี้เราใช้ไป 3 อาทิตย์ยังไม่กลับมาเป็นซ้ำเลย
"ผมลองใช้ดูกับใบหน้าบริเวณที่เป็นเซ็บเดิร์ม บริเวณจมูก หัวคิ้วก็พบว่าได้ผลที่ดีมาก ใช้ได้กับผิวหนังที่เกิดการอักเสบขึ้นแทบทุกชนิด หรือ ทาบริเวณที่มีรอยเหี่ยวย่นก็พบว่าใช้ได้ผลดี และ ช่วยในเรื่องของความชุ่มชื้น" นพ.บริพัตร วงศ์ประชุม
อาการจะดีขึ้นใน 3-4 วัน และ จะเห็นผลเต็มที่ หายเลยภายใน 2 สัปดาห์
"ผิวหนังอักเสบอื่นๆ ก็สามารถใช้ได้ ไม่ใช่เฉพาะสะเก็ดเงินอย่างเดียว" นพ.บริพัตร วงศ์ประชุม
"คนที่เป็นสะเก็ดเงิน ผิวหนังอักเสบไม่หาย ควรใช้ต่อเนื่องเพื่อป้องกันสะเก็ดเงินกำเริบ เมื่อใช้ไปเรื่อยๆ จะป้องกันได้สูงสุด นอกจากนั้นยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหนังของเรา ลดเลือนริ้วรอย เพิ่มความงามไปด้วย ทำให้รู้สึกมั่นใจในตัวเอง" นพ.บริพัตร วงศ์ประชุม
เวชสำอางของ ResiSKIN จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการคัน อาการแพ้ และ เพราะมี Extremolytes ถึง 7% จึงช่วยในการป้องกัน การเกิดผื่น แถมยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวได้ยาวนานถึง 7 วัน หากคุณมีอาการผิวหนังอักเสบแล้วอยากได้ผิวที่แข็งแรง ผิวที่สวยกลับคืนมา อยากหายจากปัญหาผิวเรื้อรังลองใช้ ResiSKIN ดูสิแล้วคุณจะหลงรัก!!!
 
ResiSKIN ผ่านการทดลองใช้จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และ ผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงิน

ใครที่สนใจสั่งซื้อ ResiSKIN สามารถกดที่ link ด้านล่างนี้ได้เลย
Facebook : Resiskin by Qualisk
Line : @resiskin


147

การเข้ามาของเทคโนโลยีในปัจจุบัน ทำให้เกิดอาชีพใหม่ๆขึ้นมาอย่างมากมาย และหนึ่งในอาชีพที่มาแรงในขณะนี้เลยนั่นก็คือ พ่อค้า แม่ค้า ออนไลน์ ด้วยความเป็นอาชีพที่มีอิสระทางด้านเวลา และมีรายได้ที่ค่อนข้างดี ทำให้ไม่แปลกใจที่จะเจอ พ่อค้า แม่ค้า ออนไลน์ อย่างมากมาย แต่ด้วยความที่มีรายได้หมุนเวียนอยู่ในระบบอย่างมหาศาลทำให้ภาครัฐต้องเข้ามาควบคุมดูแล จึงเกิดสิ่งที่เรียกว่า “ภาษีขายของออนไลน์”  วันนี้เราจะมารู้จักกับภาษีตัวนี้กันว่ามันคืออะไร? แล้วถ้าเราต้องเสียภาษีคำนวณอย่างไร

ขายของออนไลน์ แบบไหนที่ต้องเสียภาษี
การขายของออนไลน์นับเป็นภาษีเงินได้จากการค้าขาย ซึ่งจะมีการแบ่งการคำนวณเป็นสองประเภท คือ
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา : กรณีเป็นพ่อค้าแม่ค้าธรรมดา
ภาษีเงินได้นิติบุคคล : กรณีที่ร้านค้ามีการจดทะเบียนเป็นบริษัท
แต่วันนี้เราจะมาพูดในกรณีบุคคลธรรมดาเท่านั้น


รายได้เท่าไรถึงเกณท์ต้องยื่นภาษี
กรณีบุคคลธรรมดา : คนที่มีรายได้จากการขายของออนไลน์ จะต้องยื่นภาษีเงินได้ประเภทที่ 8 หรือ ม.40 (8) โดยยื่นแบบ ภ.ง.ด.90, 94 เมื่อมีได้รายเกิน 60,000 บาท (กรณีโสด) หรือมีรายได้เกิน 120,000 บาท (กรณีสมรส)

วิธีการคำนวณ ภาษี แม่ค้า ออนไลน์
การเสียภาษีของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล จะเป็นการเสียภาษีแบบบุคคลธรรมดาซึ่งมีวิธีคิดอยู่ 2 วิธีคือ
1. (เงินได้ - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน) x อัตราภาษี ตามอัตราขั้นบันได
โดยวิธีแรกผู้ค้าออนไลน์สามารถเลือกหักค่าใช้จ่ายในการลดหย่อนภาษีได้ 2 แบบคือ
หักค่าใช้จ่ายแบบเหมา 60% ของรายได้
หักตามจริง หากเป็นวิธีนี้เราจะต้องมีเอกสารที่ต้องยืน เช่น บัญชีรายรับ-รายจ่าย และเราต้องทำการเก็บหลักฐานไว้ด้วย เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบ
2. เงินได้ x 0.5% โดยจะใช้วิธีนี้เมื่อเรามีรายได้เกิน 1 ล้านบาทต่อปี แล้วนำไปเปรียบเทียบกับวิธีแรก เพื่อเสียภาษีตามวิธีที่คำนวณได้คุ้มกว่า

ขายของออนไลน์ต้องยื่นภาษีเมื่อไร?
รอบแรก : ยื่นภาษีครึ่งปี  จะยื่นช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย. (แบบ ภ.ง.ด. 94) เป็นการยื่นสรุปรายได้ในช่วงครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.)
รอบสอง : ยื่นภาษีปลายปี จะยื่นช่วงเดือน ม.ค. - มี.ค. (แบบ ภ.ง.ด. 90)  เป็นการสรุปรายได้ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา
สาเหตุที่การยื่นแบ่งเป็นสองรอบก็เพราะว่า คนที่เสียภาษีจะได้ไม่ต้องเสียภาษีแบบหนัก ๆ เพียงรอบเดียว

การยื่นภาษีออนไลน์
การยื่นภาษีในช่องทางออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ของกรมสรรพากร (www.rd.go.th) สามารถใช้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เว้นวันหยุดราชการ


การเสีย ภาษี แม่ค้า ออนไลน์ ต้องเตรียตัวอะไรบ้าง?
1. บันทึกรายการซื้อ-ขายสินค้า เพื่อนำมาใช้ในการทำบัญชีรายรับรายจ่าย ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถบริหารจัดการเรื่องเงินได้ง่ายมากขึ้น
2. เก็บหลักฐานทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการค้า ธุรกรรมทางการเงิน นอกจากจะช่วยให้เราสามารถตรวจสอบความถูกต้องของบัญชีแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาเมื่อสรรพากรเข้ามาขอตรวจสอบอีกด้วย
3. ศึกษาและติดตามข่าวสารทางด้านการเงินและเรื่องที่เกี่ยวข้องกับภาษีอย่างต่อเนื่อง เพราะเงื่อนไขในแต่ละปี อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ และเพื่อผลประโยชน์แก่ตัวเราเอง



อย่าพลาดข่าวสารเรื่องบัญชี ภาษีที่ควรรู้จากนรินทร์ทอง
อย่าลืมกดติดตามเพจ นรินทร์ การบัญชีและภาษี เพื่อจะได้ไม่พลาดข่าวสารดี ๆ และความรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับ การบัญชี ภาษีและกฎหมาย และหากคอนเทนต์นี้มีประโยชน์อย่าลืมแชร์หรือบอกต่อเพื่อน ๆ กันด้วยนะคะ

ใครมีข้อสงสัย หรือต้องการคำปรึกษา สามารถติดต่อสอบถามได้ที่
Facebook : นรินทร์ การบัญชีและภาษี
Website : นรินทร์ทอง

148
ไม้ยางพารา นับว่าเป็นไม้ที่มีข้อดีหลายๆ อย่างไม่ว่าจะเป็นความทนทาน แข็งแรง ทำให้เป็นที่นิยมในการนำมาก่อสร้าง หรือ นำมาทำเฟอร์นิเจอร์อย่างมาก ดังนั้นถ้าคุณอยากได้ไม่ดีมีคุณภาพ ไม้ยางพารา ซื้อที่ไหน ถึงจะดีถ้าอยากได้ไม้ดีต้องห้ามพลาดบทความนี้เลย!!!
 
วิธีการเลือก ไม้ยางพารา ที่ดีต้องดูอะไรบ้าง?
การเลือกไม้ยางพาราสำหรับนำมาทำเฟอร์นิเจอร์ ก็เหมือนกับการเลือกบ้าน ถ้าเลือกไม่ดีพอใช้ไปนานๆ ก็เสียหายได้ง่าย ดังนั้นคุณจึงควรจะเลือกไม้ให้ดีก่อนนำมาใช้งาน ซึ่งเราจะมาบอกวิธีในการเลือกไม้ยางพาราให้ดีว่า จะต้องดูอะไรบ้าง
ลักษณะของไม้ต้องดูอะไรบ้าง?
ดูสีของไม้ ว่ามีสีขาวอมเหลืองมีความสม่ำเสมอ ทั่วกันทั้งแผ่นหรือไม่ เพราะไม้ที่จะนำไปทำเฟอร์จะต้องเห็นสีของไม้ชัดเจน ถ้าหากสีไม่สม่ำเสมอกันก็จะเห็นได้ชัดเจน
ดูมีตำหนิบนไม้ ว่ามีตาไม้ ไสไม้หรือไม่ โดยปกติพวกไม้แท่ง ไม้แผ่นจะมีจำหนิบนไม้เป็นเรื่องปกติ แต่ไม้ที่จะนำมาทำเฟอร์นิเจอร์ควรเลือกไม้ที่ตำหนิน้อย หรือ ตำหนิอยู่ในจุดที่สามารถตัดแต่งได้
ดูเนื้อไม้ ว่าสวย หรือ มีลายไม้ชัดเจนหรือไม่ เพราะสิ่งที่ทำให้ไม้มีเสน่ห์นั่นก็คือลายไม้ หากลายไม่ชัด หรือ ลายไม่สม่ำเสมอก็จะทำให้ได้ไม้ที่ไม่สวย
มาตรฐานของไม้ต้องดูอะไรบ้าง?
มาตรฐานIPPC เป็นมาตรฐานที่บอกว่าไม้ได้ผ่านการอบไม้เพื่อกำจัดแมลงศัตรูพืช เพื่อป้องกันเชื้อรา และ แมลงศัตรูพืช หากมีมาตรฐานนี้แสดงว่าไม้ของคุณได้ผ่านการทำ Heat Treatment มาแล้ว ซึ่งหากไม่ผ่านมาตรฐานนี้บางประเทศจะไม่ให้ขนส่งสินค้าเข้าประเทศ หากเป็นการส่งออกในประเทศ นอกประเทศต้องมีตรฐานนี้
มาตรฐานISPM15 เป็นส่วนหนึ่งของมาตรฐาน IPPC ซึ่งใช้สำหรับการขนส่งสินค้า ใช้สำหรับการป้องกันการแพร่กระจายของแมลงศัตรูไม้ ที่มาจากบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตด้วยไม้
มาตรฐานISO เป็นมาตรฐานที่กำหนดมาตรฐาน และ ขนาดของไม้ว่าตรงตามที่กำหนดไว้หรือไม่ ซึ่งมาตรฐานนี้ถือว่าเป็นมาตรฐานสากลที่นิยมใช้สำหรับธุรกิจ และ อุตสหกรรมต่างๆ

ไม้ยางพารา ซื้อที่ไหน เวลาเลือกซื้อไม้ต้องขอดูอะไรบ้าง?
-เราจะต้องทำการสอบถามพ่อค้า แม่ค้าให้ดีก่อนในเรื่องของมาตรฐาน ว่า มีมาตรฐานอะไรบ้าง หลักๆ เลยควรจะมีมาตรฐาน IPPC เพราะถ้าไม่มีแสดงว่าไม้ยังไม่ผ่านการอบความร้อน เพื่อรักษาเนื้อไม้จากความชื้น เชื้อรา และ แมลงศัตรูพืช
-ถามว่า สีของไม้เรียบเสมอกันทั้งแท่ง แผ่น หรือไม่ เพราะสำหรับงานเฟอร์นิเนื้อของไม้ถือว่าสำคัญมาก ถ้าสีของเนื้อไม้ไม่สวยคือจบ
-ขอดูว่าไม้ได้ ผ่านการอัดน้ำยา และ อบไม้หรือไม่ ซึ่งเป็นการอัดน้ำสำหรับป้องกัน และ รักษาเนื้อไม้จากเชื้อรา แมลง แถมยังทำให้สีของไม้สดยาวนานมากขึ้นด้วย และ การอบไม้ที่จะช่วยควบคุมความชื้นในเนื้อไม้ เพื่อไม่ให้เนื้อไม้แตกออกมา และ เพื่อคงรูปไม่ให้อยู่ไปนานๆ

คิดจะซื้อไม้ยางพารา เลือกโรงไม้ MTK WOOD
ผลิตไม้ดีมีคุณภาพ ซึ่งโรงไม้ของเราผ่านการรับรองมาตรฐาน IPPC จากกรมวิชาการเกษตรแล้วเรียบร้อย ทำให้มั่นใจได้ว่าคุณจะได้ไม้ดี มีมาตรฐานอย่างแน่นอน
ผลิตไม้ได้ตามสเปค ความต้องการ  ทางโรงงานใช้เครื่องจักรคุณภาพไม่ว่าจะเป็น เครื่องเลื่อยสายพาน , เครื่องไสเรียบ 4 หน้า ,   เครื่องอัดน้ำยา และ เครื่องอบไอน้ำ ทำให้มั่นใจได้ว่าจะได้ไม้ยางพาราที่ได้มาตรฐานอย่างแน่นอน
แปรรูปไม้ได้หลากหลาย โรงงานของเรามีบริการอย่างครบวงจรตั้งแต่  รับผลิตและจำหน่ายไม้ยางพาราแปรรูป , บริการรับเสื่อย-ไสไม้ ตัดแต่งไม้ , บริการอัดน้ำยา-อบไม้ จนถึงบริการขนส่งไม้ทั่วประเทศไทยด้วยรถเทเลอร์ รถบรรทุก ที่พร้อมให้บริการกว่า   20   คัน
ได้ไม้ส่งตรงถึงที่  โรงงานของเรามีหน้าโรงงานจริงอยู่ที่ จังหวัด ระยอง ที่เปิดให้บริการมากกว่า 25 ปี และ ยังมีบริการขนส่งที่ให้บริการทั่วไทย


 
สนใจสั่งซื้อ และ ดูข้อมูลเพิ่มเติม MTK ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook  : MTK เอ็มทีเค
Line  : @mtkwood
Tel :  095-654-6551
Email :    marketing@mtkwood.com


149



1. จำนวนผู้ร่วมลงทุน
บริษัทจำกัด : ผู้ร่วมลงทุนหรือว่าผู้ถือหุ้นจะต้องมีอย่างน้อย 3 คนขึ้นไป
ห้างหุ้นส่วน จำกัด : จัดตั้งได้โดยต้องมีผู้ร่วมลงทุนหรือผู้ถือหุ้น 2 คน ขึ้นไป
การลงทุน
บริษัทจำกัด : การลงทุนแบบการจดทะเบียนบริษัท จะเป็นลักษณะของทุนเรือนหุ้น โดยจะต้องแบ่งทุนออกเป็นหุ้น แต่ละหุ้นจะต้องมีมูลค่าเท่า ๆ กัน (มูลค่าหุ้นจะต้องไม่ต่ำกว่าหุ้นละ 5 บาท) และสามารถจัดตั้งบริษัทได้โดยหุ้นขั้นต่ำที่ 15 บาทขึ้นไป
2.การลงทุนของห้างหุ้นส่วนจำกัด
มี 2 ประเภท คือ 
หุ้นส่วนผู้จัดการ : หุ้นส่วนผู้จัดการจะมีอำนาจในการบริหารงานทั้งหมดของกิจการ สามารถลงทุนได้ด้วยแรงงาน ทรัพย์สิน หรือเงินสดเป็นต้น
หุ้นส่วนทั่วไป : หุ้นส่วนทั่วไปจะไม่มีอำนาจในการบริหารหรือตัดสินใจแต่มีอำนาจแค่ติดตามผลการดำเนินงานของกิจการ สามารถลงทุนได้แค่ ทรัพย์สิน และเงินสดเท่านั้น
3.ความรับผิดชอบ
บริษัทจำกัด : ผู้ถือหุ้นแต่ละคนรับผิดจำกัด ไม่เกินจำนวนเงินที่ลงหุ้น
ห้างหุ้นส่วนจำกัด : ในส่วนของหุ้นส่วนผู้จัดการต้องร่วมกันรับผิดไม่จำกัดจำนวน (รวมถึงทรัพย์สินส่วนตัวด้วย) แต่หุ้นส่วนทั่วไปรับผิดแค่เงินที่ตัวเองได้ลงทุนไว้
4.ค่าธรรมเนียม
บริษัทจำกัด : บริษัท จำกัด ค่าธรรมเนียมจัดตั้งจะอยู่ที่ 5,000 บาท  (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง)
ห้างหุ้นส่วนจำกัด : ห้างหุ้นส่วน จำกัด ค่าธรรมเนียมจะอยู่ที่ 1,000 บาท (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง)
5. การปิดงบการเงินประจำปี
การปิดงบการเงินประจำปีของ บริษัท จำกัด : สามารถให้ผู้สอบบัญชี (CPA) เซ็นรับรองงบการเงินได้
การปิดงบการเงินประจำปีของ ห้างหุ้นส่วน จำกัด : สามารถให้ผู้สอบบัญชี (CPA) หรือสามารถให้ผู้สอบบัญชีภาษีอากร (TA) เซ็นรับรองงบการเงินได้
6.การเสียภาษี
ทั้ง 2 แบบจะเสียจากกำไรสุทธิ ตามอัตราก้าวหน้าเหมือนกัน จะเสียภาษีเงินได้ที่คิดตามจริง และ มีการคิดในอัตราที่เท่ากันคือ 15%-30%

สรุปแล้วบริษัท VS ห้างหุ้นส่วนต่างกันตรงไหน?
บริษัทจำกัด : มีความน่าเชื่อถือ มีแบบแผน มีความมั่นคงที่มากกว่า เหมาะกับธุรกิจที่ต้องติดต่อกับคนจำนวนมากๆ และข้อดีสำคัญอีกอย่างก็คือสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากกว่า
ห้างหุ้นส่วนจำกัด :  มีความยืดหยุ่นมากกว่า สามารถตัดสินใจได้รวดเร็ว เหมาะสำหรับธุรกิจเล็ก ๆ หรือธุรกิจครอบครัว และในส่วนของห้างหุ้นส่วนจำกัดยังมีขั้นตอนการจดทะเบียนที่ง่ายกว่าและมีค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่า
   ซึ่งการจดทะเบียนทั้งคู่ต่างก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ดังนั้นผู้จดทะเบียนควรวางแผนการดำเนินการธุรกิจให้ดีก่อนว่า จะดำเนินธุรกิจไปในแนวทางไหน เพื่อที่การจดทะเบียนนั้นจะเป็นประโยชน์และเหมาะสมกับเรามากที่สุด

อย่าพลาดบทความเกี่ยวกับบัญชีดีๆจาก นรินทร์ทอง

เป็นยังไงกันบ้างคะ ถ้าทุกท่านอ่านมาถึงตรงนี้ดิฉันคิดว่า ทุก ๆ ท่านน่าจะพอแยกออกแล้วว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัดกับ บริษัทจำกกัด นั้นแตกต่างกันอย่างไร? ครั้งหน้าเราจะมีบทความเกี่ยวกับบัญชี ภาษี หรือ กฎหมายอะไรมาบอกกันอีกบ้างอีกอย่าลืมกดไลค์และกดติดตามเฟสบุ๊คแฟนเพจของเราได้ตามช่องทางด้านล่างนี้เลย จะได้ไม่พลาดข้อมูลข่าวสารอื่นๆ และ คอนเทนต์นี้มีประโยชน์ ถ้าบทความนี้มีประโยชน์ อย่าลืมแชร์ให้เพื่อนๆ ของคุณทราบด้วยนะคะ!!!
 
 
ใครมีข้อสงสัย ต้องการคำปรึกษา สามารถติดต่อสอบถามได้ที่
Facebook : นรินทร์ การบัญชีและภาษี
Website : นรินทร์ทอง

150
อาการอยากเหวี่ยงใครสักคน หงุดหงิดไม่มีสาเหตุ ซึมเศร้า ดราม่าง่าย สาวๆ คนไหนที่เจอกับอาการเหล่านี้อยู่ก่อนที่ประจำเดือนจะมา ไม่ใช่เพราะว่าเราเป็นคนงี่เง่านะคะสาวๆ แต่เพราะอาการเหล่านี้เป็นหนึ่งในอาการ PMDD คือ อาการผิดปกติก่อนที่ประจำเดือนจะมา ที่สาวๆ จะต้องเคยเป็น ทั้งอาการทางร่างกาย และ ทางจิตใจ ถ้าคุณเคยมีอาการแบบนี้ไม่ใช่อาการผิดปกตินะคะ ผู้หญิงทุกคนสามารถเป็นได้ ถ้าอยากจะรู้จักไอ้เจ้าอาการนี้มากขึ้นก็ไปอ่านบทความกันเลย
เราจะพามารู้จัก PMDD คือ อะไร ?
PMDD หรือ ชื่อเต็มๆ Premenstrual Dysphoric Disorder คือ กลุ่มอาการที่จะปรากฏขึ้นก่อนที่ประจำเดือนจะมา เป็นอีกหนึ่งสัญญาณบอกว่าประจำเดือนจะมาแล้วจ้า อาการนี้เป็นกลุ่มอาการผิดปกติก่อนที่ประจำเดือนจะมา โดยจะปรากฏทางร่างกาย และ อารมณ์ โดยจะมีอาการที่หลากหลาย ตั้งแต่อาการเบาๆ จนถึงขั้นปวดหัวหนัก ซึ่งเป็นกลุ่มอาการที่เกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงครึ่งเดือนหลัง โดยจะเกิดอาการก่อนมีประจำเดือนภายใน 5 วัน และ อาการเหล่านี้จะหายไปเองเมื่อประจำเดือนมา และ เกิดจากพวกความเครียด เหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจ  ภาวะซึมเศร้า พันธุกรรม และ การลดลงของสารเคมี (Serotonin) ในร่างกาย โดยไอ้เจ้า PMSS จะพบได้ไม่บ่อยนักในคนมีประจำเดือน (2-10%)
PMDD vs PMS ต่างกันตรงไหน?
หลายคนอาจจะแยกความแตกต่างของเจ้าอาการก่อนที่ประจำเดือนจะมา 2 อย่างนี้ไม่ค่อยออก เนื่องจากเป็นอาการที่เกิดก่อนมีประจำเดือนทั้งคู่ และ เกิดจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไปเหมือนกัน  แต่กลับมีอันตรายที่แตกต่างกัน จะเหมือน หรือ ต่างกันยังไงมาดูกันเลย
-PMS เป็นอาการที่เกิดจากฮอร์โมนเอสโตรเจน โปรเจสเตอโรน ที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้เกิดอาการต่างๆ ส่วน PMDD เป็นอาการที่เกิดการจากเพิ่มระดับความรุนแรงของ PMS ขึ้น
-สาเหตุของการเกิด PMS คือ ฮอร์โมน สารสื่อประสาท ความเครียด การดื่มแอลกอฮอล์ โรคซึมเศร้า ส่วน PMDD เกิดจากพันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ความเครียด เหตุการณ์ที่กระทบกระเทือน การลดลงของสารในร่างกาย
-อาการของ PMS จะมีการคัดเต้านม ตัวบวม อ่อนล้า น้ำหนักเพิ่ม นอนไม่หลับ หงุดหงิดง่าย ซึมเศร้า อารมณ์แปรปรวน ส่วนใหญ่มักจะมี 1 - 2 อาการถ้าจะแสดงออกทางร่างกายก็จะเน้นทางร่างกายไปเลย เช่น ตัวบวมควบคู่กับสิวขึ้น หากเป็นด้านอารมณ์ก็จะเป็นอารมณ์ไปเลย แต่ก็มีบางครั้งที่แสดงออกทั้งสองด้าน แต่พอมาเป็นอาการของ PMDD จะมีอาการคล้ายกับ PMS แต่จะมีความรุนแรงกว่า ส่วนใหญ่มักจะมีหลายอาการเกิดขึ้นทั้งด้านร่างกาย และ อารมณ์ เมื่อเกิดขึ้นพร้อมกันหลายๆ อาการจะทำให้ส่งผลต่อการใช้ชีวิตอย่างมาก
เราจะรู้ได้ไงว่าเป็น PMDD คือ จะดูยังไง???
PMDD จะมีความรุนแรงมากกว่า PMS ซึ่งเกิดได้จากหลายปัจจัย โดยอย่างที่เราได้บอกไปว่าหากพบอาการในกลุ่มเสี่ยงก็แสดงว่าคุณเข้าข่ายการเป็น PMDD โดยเราได้จัดแบบทดสอบพื้นฐานในการวัดว่าคุณเป็น PMDD หรือไม่ โดยแบ่งเป็นทางร่างกาย และ อารมณ์ หากมีตั้งแต่ 5 ข้อขึ้นไปคุณมีโอกาสเป็น PMDD สูงมาก ควรที่จะรีบปรึกษาแพทย์โดยด่วน
-อาการทางร่างกาย เจ็บเต้านม ปวดหัว ปวดตามข้อ แน่นท้องบ่อยๆ
-นอนไม่หลับ นอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ
-รู้สึกเครียด วิตกกังวล
-ขี้โมโห โมโหง่าย หงุดหงิดง่าย
-ดราม่า หมดหวัง ซึมเศร้า
-อ่อนเพลีย ไม่ค่อยมีสมาธิ สมาธิหลุดง่าย
-กินเยอะ กินจุ หรือ เบื่ออาหาร
-อารมณ์ไม่มั่นคง แปรปรวนง่าย
-คิดทำร้ายตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า
วิธีดูแลตัวเองเมื่อเป็น PMDD
-นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ นอนหลับให้ครบ 6-8 ชั่วโมง
-ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายสดชื่น
-พยายามอย่าเครียด ทำจิตใจให้สดใส
-ส่วนในเรื่องของการทานอาหารควรเน้นทานพวกอาหารที่มีวิตามินสูงๆ เน้นอาหารที่มีประโยชน์ รวมทั้งอาจจะเสริมด้วยอาหารเสริม เช่น วิตามินB วิตามินE
-พยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่หวานจัด เค็มจัด และ พวกเครื่องดื่มมีคาเฟอีน แอลกอฮอล์
-กินยาคุมชนิด 24+4 ที่ช่วยในเรื่องการบรรเทาอาการ PMS PMDD (โดยเฉพาะยาคุม 24+4 เท่านั้นที่สามารถช่วยลดอาการได้) ซึ่งเป็นอาการก่อนที่ประจำเดือนจะมา ช่วยลดอาการตัวบวม อาการทางร่างกาย อารมณ์ที่ไม่มั่นคง ยาคุมรายเดือนแบบ 24+4 สามารถช่วยบรรเทาอาการพวกนี้ได้ เนื่องจากยาคุมจะช่วยในการบรรเทาอารมณ์ที่แปรปรวน จากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่เพิ่มขึ้นในช่วงมีประจำเดือน และ ยังช่วยในเรื่องการบรรเทาอาการที่เกิดขึ้นกับร่างกาย วิธีนี้ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีเลยทีเดียว
แต่ถ้าหากมีอาการรุนแรงเกิน 5 ข้อ ให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็ว เพื่อที่จะรักษา แต่หากอาการยังไม่เกิน 5 ข้อก็อาจจะไปพบแพทย์เพื่อรักษาตามอาการ เช่น การปรับฮอร์โมน ใช้ยาคุมกำเนิด ใช้จิตบำบัด ฝังเข็ม ผ่าตัดเอารังไข่ออก แต่ทางที่ดีควรดูแลร่างกายให้ดีที่สุด
 
ใครไม่บอก Talk Sistalk บอกทุกเรื่องสุขภาพนะคะ
อย่าพลาดบทความเกี่ยวกับสุขภาพ และ เรื่องผู้หญิงๆ ได้ที่ Sistalk เท่านั้น ถ้าไม่อยากพลาดบทความที่มีประโยชน์ อย่าลืมกดติดตามช่องทางต่างๆเอาไว้ด้วยนะคะ และ นอกจากบทความนี้คุณยังสามารถเข้าไปอ่านบทความเจ๋งๆ อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นบทความเกี่ยวกับความรัก สุขภาพ เรื่องลับๆ ของผู้หญิง ถ้าอยากรู้ต้องอย่าลืมไปอ่านบทความต่างๆ ด้วยนะคะ แล้วเจอกันใหม่บทความหน้านะคะสาวๆ
 
 
สามารถติดต่อสอบถาม Sistalk ช่องทางอื่นๆได้ที่
Facebook : sistalk.in.th
Instagram : sistalk.in.th
Twitter : @SistalkTH


หน้า: 1 2 [3] 4 5 6 7