1601
แม่และเด็ก | Child / หมั่นสังเกตอาการลูกน้อย ลูกร้องไห้ไม่หยุด พ่อแม่ไม่ควรชะล่าใจ!
« เมื่อ: มกราคม 24, 2020, 01:33:50 PM »
การเรียนรู้ความต้องการของลูกผ่านเสียงร้องไห้ถือเป็นโจทย์การบ้านข้อแรก ๆ ที่พ่อแม่มือใหม่ต้องผ่านให้ได้ เพื่อจะสามารถจัดลำดับความเร่งด่วนในการตอบสนองลูกได้อย่างเหมาะสม
โดยปกติแล้ว ทารกร้องไห้ เพื่อแสดงความต้องการบางอย่างหรือเป็นการสื่อสารถึงภาวะที่ไม่สุขสบาย เช่น หิวเจ็บปวด ไม่สบาย และร้องเพื่อต้องการให้อุ้ม ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ต้องช่วยตรวจสอบสภาวะแวดล้อมหรือสาเหตุทีทำให้ลูกน้อยไม่สบายตัวและรีบแก้ไขเพื่อให้ลูกหยุดร้องไห้ แต่หาก ลูกร้องไห้ไม่มีสาเหตุ ร้องไห้ไม่หยุด ต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมง ร้องไห้รุนแรงจนหน้าแดง เกร็งหรือขาบิดงอ โดยเฉพาะในกรณีที่ทารกที่มีอายุในช่วง 3 สัปดาห์ – 4 เดือน คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ก็ไม่ควรชะล่าใจเพราะอาจเป็นอาการ โคลิค หรืออาการที่คนรุ่นปู่ย่าตายายมักใช้เรียกกันว่า “ร้องร้อยวัน” นั่นเอง
อาการโคลิค ไม่ถือเป็นโรคหรือเป็นความผิดปกติของทารกและไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกายของทารก แม้ไม่มีการระบุสาเหตุที่แน่ชัดของ อาการโคลิค แต่คนรุ่นก่อนเชื่อว่า ทารกร้องไห้ เพราะ อาการโคลิค เพราะปวดท้องจากท้องอืดท้องเฟ้อหรือมีลมในกระเพาะมาก จึงนิยมใช้ยามหาหิงคุ์ทารอบสะดือทารก รวมถึงต้องจับทารกเรอหลังอิ่มนมทุกครั้ง แต่ส่วนใหญ่หาก ทารกร้องไห้ จาก อาการโคลิค วิธีการดังกล่าวก็อาจไม่ช่วยได้มากนักคุณพ่อคุณแม่จึงต้องใช้วิธีการอื่น ๆเข้ามาผสมผสานเพื่อรับมือขณะที่ ลูกร้องไม่หยุด เช่นการนวดท้องเบา ๆ การจับเดินโยกไปมา พาลูกน้อยไปในที่สงบ รวมถึงการอาบน้ำอุ่นและห่อตัวให้รู้สึกสบายขึ้น
ทั้งนี้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่จะสังเกตุได้ว่า เด็กร้องไห้ เพราะ อาการโคลิค จะแตกต่างกับการร้องไห้ปกติดังนี้
1.ลูกร้องไม่หยุด แบบไม่มีสาเหตุทั้งที่สุขภาพแข็งแรงและสบายดี
2.ลูกร้องไห้ไม่มีสาเหตุในช่วงเวลาเดียวกันในแต่ละวันโดยเฉพาะในช่วงเย็นและหัวค่ำ
3.เมื่อ เด็กร้องไห้ แล้วจะปลอบได้ยากไม่ว่าจะอุ้มหรือกอดก็ไม่ทำให้สงบได้ ต้องรอให้หยุดร้องเอง
แต่หากลูกร้องไห้จนมีอาการผิดปกติดังต่อไปนี้ คุณพ่อคุณแม่ต้องไม่ชะล่าใจและรีบพาลูกพบแพทย์โดยเร็ว ได้แก่ไม่ยอมกินนมหรือกินน้อยกว่าเดิมไม่ตอบสนองต่อสิ่งต่าง ๆ รอบตัว ผิวซีดหรือคล้ำ อาเจียนและมีไข้ รวมถึงกรณีที่ ลูกร้องไม่หยุด จาก อาการโคลิค และทำให้คุณพ่อคุณแม่รู้สึกกังวล เครียด กดดันหรือมีทัศนคติเชิงลบต่อการดูแลลูกน้อย ก็ควรต้องรีบปรึกษาแพทย์เช่นเดียวกัน
อาการโคลิค ของลูกน้อยจะค่อย ๆ ดีขึ้นตามระยะเวลา เมื่อลูกเติบโตขึ้นการร้องไห้โยเยจะลดลง เมื่อนั้นคุณพ่อคุณแม่จะมีความสุขกับการติดตามพัฒนาการใหม่ ๆ ของลูกน้อยที่จะสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับครอบครัวได้แทบทุกวัน
โดยปกติแล้ว ทารกร้องไห้ เพื่อแสดงความต้องการบางอย่างหรือเป็นการสื่อสารถึงภาวะที่ไม่สุขสบาย เช่น หิวเจ็บปวด ไม่สบาย และร้องเพื่อต้องการให้อุ้ม ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ต้องช่วยตรวจสอบสภาวะแวดล้อมหรือสาเหตุทีทำให้ลูกน้อยไม่สบายตัวและรีบแก้ไขเพื่อให้ลูกหยุดร้องไห้ แต่หาก ลูกร้องไห้ไม่มีสาเหตุ ร้องไห้ไม่หยุด ต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมง ร้องไห้รุนแรงจนหน้าแดง เกร็งหรือขาบิดงอ โดยเฉพาะในกรณีที่ทารกที่มีอายุในช่วง 3 สัปดาห์ – 4 เดือน คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ก็ไม่ควรชะล่าใจเพราะอาจเป็นอาการ โคลิค หรืออาการที่คนรุ่นปู่ย่าตายายมักใช้เรียกกันว่า “ร้องร้อยวัน” นั่นเอง
อาการโคลิค ไม่ถือเป็นโรคหรือเป็นความผิดปกติของทารกและไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกายของทารก แม้ไม่มีการระบุสาเหตุที่แน่ชัดของ อาการโคลิค แต่คนรุ่นก่อนเชื่อว่า ทารกร้องไห้ เพราะ อาการโคลิค เพราะปวดท้องจากท้องอืดท้องเฟ้อหรือมีลมในกระเพาะมาก จึงนิยมใช้ยามหาหิงคุ์ทารอบสะดือทารก รวมถึงต้องจับทารกเรอหลังอิ่มนมทุกครั้ง แต่ส่วนใหญ่หาก ทารกร้องไห้ จาก อาการโคลิค วิธีการดังกล่าวก็อาจไม่ช่วยได้มากนักคุณพ่อคุณแม่จึงต้องใช้วิธีการอื่น ๆเข้ามาผสมผสานเพื่อรับมือขณะที่ ลูกร้องไม่หยุด เช่นการนวดท้องเบา ๆ การจับเดินโยกไปมา พาลูกน้อยไปในที่สงบ รวมถึงการอาบน้ำอุ่นและห่อตัวให้รู้สึกสบายขึ้น
ทั้งนี้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่จะสังเกตุได้ว่า เด็กร้องไห้ เพราะ อาการโคลิค จะแตกต่างกับการร้องไห้ปกติดังนี้
1.ลูกร้องไม่หยุด แบบไม่มีสาเหตุทั้งที่สุขภาพแข็งแรงและสบายดี
2.ลูกร้องไห้ไม่มีสาเหตุในช่วงเวลาเดียวกันในแต่ละวันโดยเฉพาะในช่วงเย็นและหัวค่ำ
3.เมื่อ เด็กร้องไห้ แล้วจะปลอบได้ยากไม่ว่าจะอุ้มหรือกอดก็ไม่ทำให้สงบได้ ต้องรอให้หยุดร้องเอง
แต่หากลูกร้องไห้จนมีอาการผิดปกติดังต่อไปนี้ คุณพ่อคุณแม่ต้องไม่ชะล่าใจและรีบพาลูกพบแพทย์โดยเร็ว ได้แก่ไม่ยอมกินนมหรือกินน้อยกว่าเดิมไม่ตอบสนองต่อสิ่งต่าง ๆ รอบตัว ผิวซีดหรือคล้ำ อาเจียนและมีไข้ รวมถึงกรณีที่ ลูกร้องไม่หยุด จาก อาการโคลิค และทำให้คุณพ่อคุณแม่รู้สึกกังวล เครียด กดดันหรือมีทัศนคติเชิงลบต่อการดูแลลูกน้อย ก็ควรต้องรีบปรึกษาแพทย์เช่นเดียวกัน
อาการโคลิค ของลูกน้อยจะค่อย ๆ ดีขึ้นตามระยะเวลา เมื่อลูกเติบโตขึ้นการร้องไห้โยเยจะลดลง เมื่อนั้นคุณพ่อคุณแม่จะมีความสุขกับการติดตามพัฒนาการใหม่ ๆ ของลูกน้อยที่จะสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับครอบครัวได้แทบทุกวัน