ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - ษิตร์พัฒจ์ เจิมจริง

หน้า: [1] 2 3
1
โถปัสสาวะชายเป็นสุขภัณฑ์ที่พบเห็นได้ในห้องน้ำสาธารณะ และมักมีขนาดใหญ่ ทำให้ไม่ค่อยนิยมใช้ภายในบ้านมากนัก แต่ปัจจุบันโถปัสสาวะชายถูกออกแบบให้มีขนาดเล็กกะทัดรัดมากขึ้น หลายครอบครัวจึงเลือกติดตั้งโถปัสสาวะชายไว้ที่บ้านเพื่อความสะดวกสบายด้วยเช่นกัน

ประเภทของโถปัสสาวะชาย
1. โถปัสสาวะชายแบบแขวนผนัง
เป็นโถปัสสาวะที่เหมาะกับห้องน้ำที่มีพื้นที่จำกัด เพราะมีขนาดกะทัดรัดและติดตั้งได้ง่าย โดยใช้ตะขอยึดผนังเพื่อแขวนติดตั้ง และแบบพุกยึดผนังกับโถปัสสาวะ
2. โถปัสสาวะชายแบบตั้งพื้น
เป็นโถปัสสาวะที่สามารถติดตั้งโดยใช้วิธียึดตัวโถเข้ากับพื้นส่วนใหญ่ นิยมใช้โถปัสสาวะที่มีท่อน้ำทิ้งแบบเข้าผนัง เพราะติดตั้งได้ง่ายและสะดวก




จุดเด่นของโถปัสสาวะชาย ช่วยแบ่งพื้นที่ให้เป็นสัดส่วน
โถปัสสาวะชายช่วยให้พื้นที่ห้องน้ำแบ่งเป็นสัดส่วนได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการตกแต่งแบบแยกส่วนเปียก และส่วนแห้งทำความสะอาดง่าย

โถปัสสาวะชายช่วยให้การทำความสะอาดง่ายขึ้นเพราะไม่ต้องกังวลเรื่องคราบที่อาจเกิดขึ้นบนโถสุขภัณฑ์หรือน้ำกระเซ็นเปื้อนพื้น นอกจากนี้ตัวโถปัสสาวะยังมีการเคลือบสาร CEFIONTECT ซึ่งทำให้สุขภัณฑ์เรียบลื่นขจัดสิ่งสกปรกได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น เมื่อรวมกับฟลัชวาล์วระบบเซ็นเซอร์ในตัวที่มาพร้อมระบบชำระล้างอัตโนมัติ ช่วยให้คุณไม่ต้องสัมผัสปุ่มกดหรือก้านกดชำระหลังจากใช้งาน ช่วยลดโอกาสเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อโรค รวมถึงหมดกังวลกับปัญหาเรื่องการลืมกดชำระไปได้เลย
ประหยัดน้ำ

โถปัสสาวะชายนั้นใช้น้ำน้อยกว่าการชำระล้างของโถสุขภัณฑ์ทั่วไปจึงได้เพิ่มเทคโนโลยี EWATER+ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้น้ำผ่านกระบวนการอิเล็กโตรไลซ์ มีคุณสมบัติช่วยลดการเกิดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งทำให้ชำระล้างโถปัสสาวะได้สะอาดหมดจด

5 เทคนิคในการเลือกซื้อโถปัสสาวะชาย

1. พื้นที่สำหรับติดตั้งโถปัสสาวะชาย
ควรเลือกโถปัสสาวะชายให้เหมาะกับขนาดห้องน้ำ โดยโถปัสสาวะแบบตั้งพื้นเหมาะสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป และได้ทุกวัย ตัวโถจึงมักมีขนาดใหญ่กว่าแบบแขวนผนังที่เหมาะสำหรับห้องน้ำที่มีพื้นที่จำกัด แต่อย่างไรก็ตามในปัจจุบันโถปัสสาวะชายแบบตั้งพื้นก็ได้รับการพัฒนาและออกแบบให้มีขนาดเล็กลง เหมาะสำหรับติดตั้งในบ้านมากยิ่งขึ้น

2. ระบบชำระล้าง
ควรเลือกใช้โถปัสสาวะชายที่มีระบบชำระล้างหมดจดโดยไม่ทิ้งกลิ่นไม่พึงประสงค์ และควรเลือกแบบที่ใช้น้ำน้อยกว่าโถสุขภัณฑ์ทั่วไป ที่จะช่วยประหยัดน้ำ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

3. ดีไซน์ของโถปัสสาวะชาย
เลือกดีไซน์ที่เข้ากับสไตล์ของห้องน้ำของคุณ เช่น ดีไซน์โมเดิร์น เรียบง่าย

4. ฟังก์ชั่นเสริม
สุขภัณฑ์ห้องน้ํา นอกจากระบบชำระล้างและระบบประหยัดน้ำแล้ว การเลือกโถปัสสาวะชายก็ควรดูที่ฟังก์ชั่นอื่น ๆ ด้วย เช่น ระบบเซ็นเซอร์ที่ช่วยชำระล้างอัตโนมัติ ระบบประหยัดไฟ ไปจนถึงระบบที่ช่วยสร้างน้ำบริสุทธิ์ภายในตัวโถ ช่วยให้โถปัสสาวะสะอาดมากยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งสารเคมี

5. การทำความสะอาด
สุดท้าย คือ การทำความสะอาด ควรเลือกใช้โถปัสสาวะชายที่สามารถทำความสะอาดได้ง่าย มีพื้นผิวเรียบลื่นเป็นพิเศษ ช่วยให้คราบสกปรกและเชื้อโรคที่มองไม่เห็นเกาะติดได้ยาก อีกทั้งยังลดปริมาณการใช้สารเคมีสำหรับทำความสะอาดได้อีกด้วย

2
shopping mall bangkok ร่วมเข้าสู่การเลือกใช้สีสันในแฟชั่นซึ่งสะท้อนถึงอารมณ์ ความคิดสร้างสรรค์ และการจัดการความ น่าตื่นเต้นและแปลกใหม่ที่จะเติมเต็มตู้เสื้อผ้าของคุณให้เต็มไปด้วยชีวิตชีวา
ปี 2025 เป็นปีที่สีสันมีบทบาทสำคัญในการแต่งตัว โดยเฉพาะการเลือกโทนสีที่สะท้อนอารมณ์และพลังบวก มาดูกันว่าโทนสีเสื้อผ้าแฟชั่นไหนมาแรงในปีนี้



1. สีเหลืองเลมอน (Lemon Yellow)
ให้ความรู้สึกสดใส มีพลัง เหมาะกับฤดูร้อน
มิกซ์แอนด์แมทช์ได้ง่ายกับสีขาว หรือสีฟ้าอ่อน

2. สีฟ้าคราม (Cerulean Blue)
โทนสีฟ้าสบายตา ให้ความรู้สึกสงบและมีสไตล์
เหมาะกับลุคมินิมอลและสไตล์วินเทจ

3. สีชมพูบับเบิลกัม (Bubblegum Pink)
สไตล์ Coquette และ Barbiecore ยังมาแรง
แมทช์กับสีแดงหรือสีเบจได้อย่างลงตัว

4. สีส้มแมนดาริน (Mandarin Orange)
สีส้มสดใสที่เพิ่มความสนุกให้กับการแต่งตัว
ใส่คู่กับสีขาวหรือสีดำให้ลุคดูโดดเด่น

5. สีเขียวมะกอก (Olive Green)
โทนสีเอิร์ธโทนที่เหมาะกับสไตล์มินิมอลและสตรีทแวร์
แมทช์กับสีกากีหรือสีเบจให้ดูแพงขึ้น

6. สีเทาเข้ม (Charcoal Grey)
สีที่ให้ความลึกลับและหรูหราในแบบโมเดิร์น
เหมาะกับเสื้อสูทและลุคเท่ ๆ

7. สีเมทัลลิกและประกายมุก (Metallic & Pearl White)
เทรนด์แฟชั่นอนาคต เน้นความล้ำสมัย
สีเงินและทองมาแรง โดยเฉพาะในแฟชั่นสตรีทและปาร์ตี้ลุค

หากคุณกำลังมองหาสถานที่ชอปปิงที่สามารถเติมเต็มทุกความต้องการด้านแฟชั่นและราคาสุดคุ้ม แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ shopping mall bangkok คือคำตอบที่คุณไม่ควรพลาด! มาที่นี่เพื่อช้อปสินค้าดีๆ และมีสไตล์ในราคาที่คุณพอใจ แล้วจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน


3
การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความสุขและความกังวลใจ อาจเป็นเรื่องดีที่จะเสริมความมั่นใจด้วยการทำประกันคนท้อง เพื่อคุ้มครองค่าใช้จ่ายในการฝากครรภ์ การคลอดบุตร และดูแลสุขภาพของแม่และเด็กในอนาคต

การตั้งครรภ์ต้องใส่ใจเรื่องสุขภาพเป็นพิเศษ เพื่อให้คุณแม่และทารกในครรภ์มีสุขภาพแข็งแรง สมบูรณ์ และเติบโตอย่างปลอดภัย การดูแลสุขภาพในช่วงตั้งครรภ์อย่างมีประสิทธิภาพ
1. รับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ
2. ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม
3. พักผ่อนให้เพียงพอและลดความเครียด
4. เข้ารับการตรวจสุขภาพตามนัดหมาย
5. หลีกเลี่ยงสิ่งเสพติดและสารอันตราย
6. ดูแลสุขอนามัยส่วนตัว



ทำไมควรทำประกันคนท้องเมื่อรู้ตัวว่าตั้งครรภ์
    1.ลดภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพ
    ค่ารักษาพยาบาลในระหว่างตั้งครรภ์และคลอดบุตรอาจสูงขึ้นอย่างมาก การทำประกันสามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้
    2.ให้ความคุ้มครองด้านสุขภาพของแม่และเด็ก
    ประกันสุขภาพสำหรับคนท้องมักครอบคลุมทั้งการตรวจครรภ์ การคลอด และภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งสำคัญมากในช่วงเวลาที่แม่และเด็กต้องการการดูแลเป็นพิเศษ
    3.สร้างความอุ่นใจและความมั่นคงในอนาคต
    การมีประกันช่วยให้คุณมั่นใจว่า จะได้รับการดูแลที่ดีที่สุดในช่วงเวลาสำคัญนี้ พร้อมเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด

คำแนะนำในการเลือกทำประกันคนท้อง
    *ตรวจสอบความคุ้มครอง
    เลือกประกันที่ครอบคลุมค่ารักษาในการฝากครรภ์ การคลอดบุตร รวมถึงภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ

    *ดูระยะเวลาคุ้มครอง
    ควรเลือกแผนที่คุ้มครองตั้งแต่ตั้งครรภ์จนถึงหลังคลอด เพื่อความอุ่นใจในทุกช่วงเวลา

    *เปรียบเทียบแผนประกันจากหลายบริษัทประกันภัย
    เปรียบเทียบความคุ้มครอง ราคาค่ารักษา และเงื่อนไขต่าง ๆ เพื่อเลือกแผนที่เหมาะสมกับความต้องการ

การทำประกันคนท้องเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ เพราะนอกจากจะช่วยลดความกังวลด้านค่าใช้จ่ายแล้ว ยังสร้างความอุ่นใจในช่วงเวลาสำคัญนี้ได้อย่างมั่นคง ควรเลือกแผนประกันที่เหมาะสมและมีความคุ้มครองครอบคลุม เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับทุกเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น ประกันอุบัติเหตุเด็ก


4
ในยุคปัจจุบัน อ่างล้างมือและก๊อกน้ำกลายเป็นอุปกรณ์สำคัญในบ้าน สำนักงาน โรงเรียน ร้านอาหาร รวมถึงสถานที่สาธารณะต่าง ๆ การเลือกอ่างล้างมือและก๊อกน้ำที่ดีไม่เพียงแต่ช่วยให้การล้างมือเป็นไปอย่างสะอาดและปลอดภัย แต่ยังสร้างความสะดวกสบายในการใช้งานอีกด้วย บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับเคล็ดลับในการเลือกอ่างล้างมือและก๊อกน้ำให้เหมาะสมกับความต้องการของคุณ
ทำความรู้จักกับอ่างล้างมือและก๊อกน้ำ

    อ่างล้างมือ: เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับล้างมือและทำความสะอาดบริเวณต่าง ๆ อ่างล้างมือมีให้เลือกหลายแบบ เช่น อ่างแขวนผนัง อ่างวางบนเคาน์เตอร์ หรืออ่างฝังเคาน์เตอร์
    ก๊อกน้ำอ่างล้างมือ: เป็นอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับแหล่งน้ำ เพื่อปล่อยน้ำออกมาสู่ในอ่าง ควรเลือกก๊อกน้ำที่ใช้งานง่าย ทนทาน และดูแลรักษาได้ง่าย



เคล็ดลับเลือกอ่างล้างมือที่เหมาะสม

    วัสดุที่ทนทานและทำความสะอาดง่าย
    ควรเลือกอ่างที่ทำจากเซรามิก, คอนกรีต หรือวัสดุสแตนเลส ซึ่งเป็นวัสดุที่แข็งแรง ทนทาน และดูแลรักษาง่าย

    ขนาดและดีไซน์ที่เหมาะสมกับพื้นที่
    คำนวณพื้นที่ใช้งานเพื่อเลือกขนาดอ่างอุปกรณ์ห้องน้ำที่พอดี ไม่เล็กเกินไปจนใช้งานไม่สะดวก และไม่ใหญ่เกินพื้นที่

    ดีไซน์เข้ากับสไตล์ของพื้นที่
    เลือกดีไซน์ที่กลมกลืนกับการตกแต่ง เช่น โมเดิร์น คลาสสิก หรือมินิมัล ให้ความรู้สึกสวยงามและลงตัว

เคล็ดลับเลือกก๊อกน้ำอ่างล้างมือ

    ฟังก์ชันการใช้งาน
    เลือกก๊อกน้ำที่มีฟังก์ชันปรับอุณหภูมิและแรงดันน้ำได้ง่าย เช่น ก๊อกน้ำผสมอุณหภูมิแบบกดเดียว

    วัสดุและคุณภาพ
    ควรเลือกก๊อกน้ำที่ทำจากทองเหลืองหรือสแตนเลส เพื่อความทนทาน ป้องกันสนิม และง่ายต่อการทำความสะอาด

    การติดตั้งและการดูแลรักษา
    เลือกก๊อกน้ำที่สามารถติดตั้งง่าย พร้อมระบบกันรั่วซึม และดูแลรักษาได้ง่าย

คำแนะนำเพิ่มเติมเพื่อความปลอดภัยและสุขอนามัย
    ควรทำความสะอาดอ่างล้างมือและก๊อกน้ำอ่างล้างมือเป็นประจำ เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อโรค
    เลือกก๊อกน้ำที่มีระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ (sensor) เพื่อความสะดวกและสุขอนามัยที่ดีขึ้น
    ตรวจสอบระบบท่อน้ำและก๊อกน้ำเป็นระยะ เพื่อป้องกันการรั่วซึมและลดการใช้น้ำอย่างสิ้นเปลือง

การเลือกอ่างล้างมือและก๊อกน้ำที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การล้างมือเป็นไปอย่างสะดวก สะอาด และปลอดภัย ควรพิจารณาจากวัสดุ การดีไซน์ ฟังก์ชันการใช้งาน รวมถึงความง่ายในการดูแลรักษา เพื่อให้ได้อุปกรณ์ที่ตอบโจทย์และใช้งานได้นาน ค้นหาอ่างล้างมือและก๊อกน้ำคุณภาพดีที่เหมาะสมกับพื้นที่และความต้องการของคุณ เพื่อความสุขและสุขอนามัยที่ดีในทุกวัน

5
สุขภาพ | Health / RSV ไวรัสร้ายในหน้าฝนของเด็กเล็ก
« เมื่อ: มิถุนายน 30, 2025, 07:06:43 AM »
อาการ rsv ในเด็กอาการคล้ายไข้หวัด ผู้ป่วยมีไข้ ไอ จาม น้ำมูกไหล อาจส่งผลให้ทางเดินหายใจส่วนล่างมีการอักเสบ ทำให้เกิดโรคหลอดลมอักเสบ โรคปอดบวม หรือปอดอักเสบ ในรายที่อาการรุนแรง อาจมีไข้สูง ไอแรง หายใจมีเสียงครืดคราด หอบเหนื่อย หากผู้ป่วยมีไข้สูงมากกว่า 39 องศาเซลเซียส ไอจนอาเจียน หายใจเร็ว หอบจนชายโครงหรืออกบุ๋ม หายใจแล้วมีเสียงวี้ด รับประทานอาหารหรือนมได้น้อย ต้องพึงระวัง เพราะผู้ป่วยที่มีอาการหนักอาจเสียชีวิตเนื่องจากระบบทางเดินหายใจล้มเหลวได้

RSV สามารถติดต่อจากผู้ใหญ่สู่เด็กได้ง่าย
โดยเฉพาะเมื่อผู้ใหญ่ที่เป็นพาหะพบเห็นเด็กแล้วเอามือไปจับแก้ม หอมแก้มเด็ก โดยไม่ได้ทำความสะอาดร่างกายให้ดีเสียก่อน ก็อาจทำให้เด็กได้รับเชื่ออย่างไม่ทันรู้ตัว

RSV สามารถป้องกันการติดเชื้อ
โดยการหมั่นล้างมือของตัวเองและของเด็ก ๆ เพราะการล้างมือจะทำให้เชื้อที่ติดมากับมือลดน้อยลง รับประทานอาหารปรุงสุกใหม่ถูกสุขลักษณะ ออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอ บ้านใดที่มี อาการ rsv ในเด็ก แนะนำให้แยกเด็กป่วยออกจากเด็กปกติและให้เด็กป่วยหยุดเรียนเพื่อลดการนำเชื้อไปแพร่สู่เพื่อนที่โรงเรียน



อาการ RSV ในเด็ก สาเหตุ และวิธีป้องกันอย่างได้ผล
เชื้อไวรัส RSV (Respiratory Syncytial Virus) เป็นสาเหตุหลักของโรคระบบทางเดินหายใจในเด็กเล็ก โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวและปลายฝน ถึงแม้จะเป็นโรคที่พบบ่อย แต่ก็สามารถป้องกันและดูแลได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากรู้จักอาการ สาเหตุ และวิธีป้องกันอย่างถูกวิธี
อาการ RSV ในเด็ก มีอะไรบ้าง

อาการของโรค RSV ในเด็กอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละราย แต่โดยทั่วไปมักมีอาการดังนี้
    - ไอเรื้อรังและมีเสมหะมาก
    - มีไข้ต่ำถึงปานกลาง
    - หายใจลำบาก หอบเหนื่อย หายใจเร็ว
    - จมูกอักเสบ คัดจมูก
    - มีเสียงหวีดหรือเสียงวี้ดขณะหายใจ (Wheezing)
    - เบื่ออาหาร หงุดหงิด งอแง
    - ในกรณีรุนแรง อาจเกิดภาวะหายใจลำบากหรือปอดอักเสบ

สาเหตุของ RSV ในเด็ก
เชื้อไวรัส RSV ติดต่อได้ง่ายและเป็นสาเหตุหลักของโรคทางเดินหายใจในเด็กเล็ก โดยสาเหตุหลักได้แก่
    - การสัมผัสกับสารคัดหลั่งจากทางเดินหายใจของผู้ป่วย RSV เช่น น้ำมูก เสมหะ ไอจาม
    - การใช้ของใช้ร่วมกัน เช่น ผ้าห่ม ของเล่นมือหยิบจับบ่อย ๆ
    - การอยู่ในสถานที่แออัด เช่น โรงเรียน คลินิก สถานรับเลี้ยงเด็ก
    - การไม่ล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสเด็กเล็ก

วิธีป้องกัน RSV ในเด็กอย่างได้ผล
เพื่อป้องกันการติดเชื้อ RSV และลดความเสี่ยงในการเกิดโรครุนแรง ควรปฏิบัติตามแนวทางดังนี้
    1. ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่และน้ำสะอาด
    2. หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไอ จาม
    3. ทำความสะอาดของใช้ ของเล่น ของใช้ส่วนตัวของเด็กเป็นประจำ
    4. ระมัดระวังในสถานที่แออัด ควรเว้นระยะห่างจากผู้ป่วย
    5. สวมหน้ากากอนามัยให้กับผู้ดูแลเด็กและผู้ป่วย
    6. ให้เด็กพักผ่อนเพียงพอ และเสริมภูมิคุ้มกันด้วยอาหารที่มีประโยชน์
    7. สำหรับเด็กที่มีความเสี่ยงสูง เช่น น้ำหนักน้อย คลอดก่อนกำหนด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับวัคซีนป้องกัน RSV (ถ้ามี)

เมื่อเด็กมีอาการควรรีบพบแพทย์ทันที
หากเด็กมีอาการไอเรื้อรัง หายใจเร็ว หอบเหนื่อย หรืองอแงผิดปกติ ควรพาไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและดูแลอย่างเหมาะสม อย่าเพิกเฉยต่ออาการรุนแรง เพราะอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้ คลินิกเด็ก เปิด 24 ชั่วโมง ใกล้ ฉัน


6
การวางแผนเกษียณเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้ชีวิตในวัยเกษียณเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย การใช้ประกันสุขภาพและสิทธิ์ลดหย่อนภาษีเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินและสุขภาพของคุณในอนาคต มาดูกันว่าควรทำอะไรบ้างเพื่อวางแผนเกษียณอย่างมีประสิทธิภาพ



1. วางแผนการเงินเพื่อการเกษียณ
    เริ่มออมเงินตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อสะสมทุนสำหรับอนาคต
    เลือกแผนการออมที่เหมาะสม เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์
    คำนวณเป้าหมายเงินเกษียณให้ชัดเจน เพื่อวางแผนการออมและลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

2. เลือกประกันสุขภาพเพื่อความคุ้มครองในวัยเกษียณ
    เลือกประกันสุขภาพที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายสูง เช่น ค่ารักษาในโรงพยาบาล ค่าผ่าตัด หรือโรคร้ายแรง
    ควรเลือกแผนประกันที่สามารถต่ออายุได้ง่ายและคุ้มค่ากับเบี้ยประกัน
    ตรวจสอบความคุ้มครองและเงื่อนไขของกรมธรรม์อย่างละเอียด เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต

3. สิทธิประโยชน์ด้านภาษีเพื่อการวางแผนเกษียณ
    ใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีจากเบี้ยประกันสุขภาพ ลดหย่อนภาษี และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
    รายละเอียดสิทธิ์ลดหย่อนภาษีในแต่ละปี ควรตรวจสอบตามประกาศของกรมสรรพากร
    การวางแผนภาษีอย่างถูกต้อง จะช่วยให้คุณเหลือเงินมากขึ้นในวัยเกษียณ

4. คำแนะนำเพิ่มเติมเพื่อการวางแผนเกษียณที่ประสบผลสำเร็จ
    เรียนรู้และติดตามข้อมูลข่าวสารทางด้านการเงินและประกัน
    ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและประกันเพื่อวางแผนอย่างมืออาชีพ
    ปรับแผนตามสถานการณ์และเป้าหมายชีวิตของคุณอย่างต่อเนื่อง


การวางแผนเกษียณที่ดีต้องเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ การเลือกประกันสุขภาพที่เหมาะสมและใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีอย่างเต็มที่ จะช่วยให้คุณมีความมั่นคงทางการเงินและสุขภาพในอนาคตอย่างยั่งยืน ซื้อประกันออนไลน์



7
หากต้องการผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมหมอกระดูกและข้อ เพื่อดูแลรักษาอาการบาดเจ็บ ข้อเสื่อม หรือปัญหาเกี่ยวกับกระดูกและข้อ ศัลยแพทย์กระดูกและข้อเป็นคำตอบที่ควรพิจารณา ด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการรักษาโรคเกี่ยวกับกระดูกและข้อ ศัลยแพทย์เหล่านี้สามารถช่วยให้คุณกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติและมีความสุขอีกครั้ง



ศัลยแพทย์กระดูกและข้อคือใคร?
ศัลยแพทย์กระดูกและข้อเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการวินิจฉัยและการรักษาโรคและอาการบาดเจ็บของกระดูก ข้อ กระดูกสันหลัง และเนื้อเยื่อรอบข้าง โดยใช้เทคนิคการผ่าตัด การฉีดรักษา การฟื้นฟูสมรรถภาพ และการดูแลหลังผ่าตัด เพื่อให้ผู้ป่วยฟื้นฟูสมรรถภาพได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย
บริการของศัลยแพทย์กระดูกและข้อ

    การรักษาโรคข้อเสื่อมและโรคข้ออักเสบ
    การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าและข้อสะโพก
    การซ่อมแซมกระดูกหักและอุบัติเหตุ
    การรักษาอาการเจ็บปวดจากหมอนรองกระดูกเคลื่อน
    การดูแลฟื้นฟูสมรรถภาพหลังผ่าตัด
    การตรวจวินิจฉัยและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับปัญหากระดูกและข้อ

เหตุผลที่ควรเลือกศัลยแพทย์กระดูกและข้อมืออาชีพ
    หมอศัลยกรรมที่มีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญสูง
    เทคโนโลยีทันสมัยในการวินิจฉัยและรักษา
    คำแนะนำและการดูแลหลังผ่าตัดที่ดีเยี่ยม
    การรักษาที่เน้นความปลอดภัยและผลลัพธ์ระยะยาว

คำแนะนำก่อนเข้ารับการรักษา
    นัดหมายพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและวางแผนการรักษา
    แจ้งประวัติการเจ็บป่วยและข้อมูลทางการแพทย์ให้ครบถ้วน
    ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

8

          โรคตับอาการ หรือ ไวรัสตับอักเสบ (Hepatitis) คือ การที่ตับมีอาการอักเสบ และติดเชื้อ หากพูดถึงไวรัสตับอักเสบ คนส่วนใหญ่คงคุ้นหูกับ “โรคไวรัสตับอักเสบบี” เพราะพบบ่อยในประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้านอย่าง AEC แต่ความจริงแล้วไวรัสตับอักเสบมีหลายสายพันธุ์ ได้แก่ ไวรัสตับอักเสบเอ บี ซี ดี และอี ซึ่งไวรัสตับอักเสบดี และอี พบได้น้อยมากในปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ตามโรคไวรัสตับอักเสบ ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุของโรคตับแข็ง และมะเร็งตับ จึงควรได้รับการตรวจรักษา เพื่อป้องกันการเกิดโรคดังกล่าว
         


 การติดเชื้อ และอาการของผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบ
การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ :
    ติดจากการทานอาหารจากผู้ป่วย
    การล้างมือไม่สะอาดหลังเข้าห้องน้ำ
    การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อ
    ดื่มน้ำที่มีเชื้อแฝงอยู่

*** ไวรัสตับอักเสบเอ จะไม่ติดต่อทางน้ำลาย และปัสสาวะ ***
           อาการผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบเอ : เป็นไข้ตัวร้อน ร่างกายอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน แน่นบริเวณชายโครงด้านขวา ท้องร่วง อุจจาระสีซีด ปัสสาวะสีเข้ม และมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง
ไวรัสตับอักเสบบี

การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี :
    การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อโดยไม่สวมถุงยางอนามัย
    การใช้เข็มฉีดยา เข็มสักตามตัว และการเจาะหู รวมถึงของใช้ส่วนตัว เช่น แปรงสีฟัน มีดโกน และที่ตัดเล็บร่วมกับผู้อื่น
    การติดเชื้อขณะคลอดจากแม่ที่มีเชื้อ (ถ้าแม่มีเชื้อลูกมีโอกาสได้รับเชื้อ 90%)
    การสัมผัสเลือด น้ำคัดหลั่ง โดยผ่านเข้าทางบาดแผล
*** ไวรัสตับอักเสบบี จะไม่ติดต่อทางลมหายใจ อาหารหรือน้ำดื่ม การให้นม และการจูบกัน (ถ้าปากไม่มีแผล) ***

อาการผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบบี : แบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ
    ระยะเฉียบพลัน ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการภายใน 1-4 เดือน หลังติดเชื้อ
        - มีไข้ ตัวเหลือง ตาเหลือง ปวดท้องด้านชายโครงขวา
        - อาการอื่นๆ ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย เป็นผื่น ปวดข้อ

           อาการตับอักเสบระยะเฉียบพลันจะดีขึ้นใน 1-4 สัปดาห์ และจะหายเป็นปกติเมื่อร่างกายสามารถกำจัดและควบคุมเชื้อไวรัสตับอักเสบได้ ซึ่งมักใช้เวลาไม่เกิน 3 เดือน แต่ผู้ป่วยส่วนน้อย (5-10%) ไม่สามารถกำจัดเชื้อออกจากร่างกายได้หมด ทำให้ผู้ป่วยมีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง

    ระยะเรื้อรัง แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
        พาหะ คือ ผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในร่างกาย ซึ่งผู้ป่วยจะไม่แสดงอาการแต่สามารถแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้ ดังนั้นการแต่งงานหรือมีเพศสัมพันธ์ควรตรวจหาไวรัสตับอักเสบบีก่อน เพื่อป้องกันการติดเชื้อ แต่ผู้ป่วยที่เป็นพาหะผลการตรวจเลือดจะพบค่าการทำงานของตับอยู่ในเกณฑ์ปกติ
        ตับอักเสบเรื้อรัง คือ ผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในร่างกาย และตรวจเลือดพบค่าการทำงานของตับผิดปกติ (การติดเชื้อแบบเรื้อรังมักพบบ่อยในเด็กที่ติดเชื้อตั้งแต่แรกเกิด)
        ผู้ป่วยส่วนมากมักไม่แสดงอาการ แต่ในบางรายอาจมีอาการอ่อนเพลียหรือเบื่ออาหาร

ไวรัสตับอักเสบซี

           การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี : สามารถติดต่อกันทางเลือดหรือการมีเพศสัมพันธ์คล้ายกับไวรัสตับอักเสบบี แต่ไม่สามารถติดต่อกันได้ผ่านการให้นมบุตร และการไอ จามรดกัน
           อาการผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซี : อาการของผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบจะมีการคล้ายกัน คือ ตัวเหลือง ตาเหลือง(หรือที่เรียกกันว่าดีซ่าน) มีปัสสาวะสีเข้ม อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ปวดชายโครงขวา ปวดกล้ามเนื้อและปวดข้อ

           ทั้งนี้การที่จะแยกว่าอาการตับอักเสบเกิดจากเชื้อไวรัสชนิดใด ต้องทำการตรวจร่างกายโดยอายุรแพทย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ ตรวจหาเชื้อไวรัสและภูมิคุ้มกัน ภูมิที่แสดงถึงการติดเชื้อ ต่อไวรัสตับอักเสบชนิดต่างๆ และสามารถป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อได้ โดยการไม่นำตัวเองไปเสี่ยงต่อการติดเชื้อตามที่กล่าวมาข้างต้น และฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันไว้รัสตับอักเสบชนิดต่างๆ

9
โถสุขภัณฑ์เป็นอุปกรณ์ชิ้นสำคัญภายในห้องน้ำ การเลือกรูปทรงของ ขนาดชักโครก โถสุขภัณฑ์จึงสำคัญทั้งในแง่ของการใช้งาน และดีไซน์ที่สะท้อนสไตล์ของคุณ

เมื่อพูดถึงห้องน้ำ สิ่งแรกที่คนนึกถึงมักเป็น “โถสุขภัณฑ์” หรือ ทั่วไปเรียกว่า ขนาดชักโครก เพราะเป็นอุปกรณ์ชิ้นสำคัญที่ขาดไม่ได้ ไม่ได้เพียงแค่ใช้เพื่อการขับถ่ายหรือทำธุระส่วนตัวเท่านั้น หากแต่ยังเป็นสิ่งที่ช่วยยกระดับพื้นที่ห้องน้ำของคุณให้สวยงามมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ นอกจากจะเลือกว่าควรใช้โถสุขภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีด้านความสะอาดเพื่อสุขอนามัยที่ดีแล้วนั้น การเลือกรูปทรงของโถสุขภัณฑ์ก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน มาดูว่าโถสุขภัณฑ์โดยทั่วไปนั้นมีรูปทรงอย่างไรบ้าง และแต่ละทรงเหมาะกับสไตล์ห้องน้ำแบบไหน



รูปทรงของโถสุขภัณฑ์ มีอะไรบ้าง
ในความเป็นจริงแล้ว โถสุขภัณฑ์ หรือ โถชักโครก มีอยู่ด้วยกันหลากหลายรูปทรง แต่โดยทั่วไปมักแบ่งออกเป็น 3 รูปทรงใหญ่ ๆ ซึ่งแต่ละทรงนั้น มีจุดดีและจุดเด่นแตกต่างกันออกไป ดังนี้

1. โถสุขภัณฑ์รูปทรงอีลองเกต (Elongated)
สุขภัณฑ์รูปทรงอีลองเกต มีลักษณะเป็นทรงเรียวยาว นับเป็นหนึ่งในทรงที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะเป็นทรงพื้นฐานของโถสุขภัณฑ์ มีให้เลือกด้วยกันหลากหลายรุ่น หลากหลายดีไซน์ สามารถเลือกติดตั้งคู่กับฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET เพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและสุขอนามัยภายในห้องน้ำได้ โดยมีจุดที่ต้องคำนึงถึงคือ หากเป็นโถสุขภัณฑ์ทรงอีลองเกต (ทรงยาว) จำเป็นต้องมีระยะรูยึดน็อตที่โถสุขภัณฑ์เพื่อติดตั้งฝารองนั่ง 14 ซม. และระยะจากรูยึดน็อตของฝารองนั่งด้านใดด้านหนึ่งถึงหม้อน้ำเป็นระยะอย่างน้อย 5 ซม. ก็จะสามารถใส่คู่กับฝารองนั่งอัตโนมัติได้พอดี

ทั้งนี้ โถสุขภัณฑ์ทรงอีลองเกต เหมาะสำหรับดีไซน์ห้องน้ำทั่วไป ติดตั้งได้ทั้งห้องน้ำขนาดเล็ก มีพื้นที่จำกัด ไปจนถึงห้องน้ำขนาดกว้าง เพราะใช้พื้นที่ในการติดตั้งค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับทรงอื่น ๆ โดยหากห้องน้ำของคุณเป็นสไตล์โมเดิร์น แต่ยังมีความผสมผสานกลมกลืนกับธรรมชาติ ก็สามารถเลือกใช้สุขภัณฑ์อัจฉริยะรูปทรงอีลองเกตได้ ตอบโจทย์ทั้งเรื่องของดีไซน์ที่สวยงาม และฟังก์ชันอัตโนมัติที่ช่วยลดการสัมผัสตัวสุขภัณฑ์ เข้ากับไลฟ์สไตล์ วิถีชีวิตแบบ New Normal

2. โถสุขภัณฑ์รูปทรง D (D-Shape)
สุขภัณฑ์ทรงนี้จะต่างจากทรงอีลองเกตเล็กน้อย ตรงที่จะมีความกว้างมากกว่า สามารถนั่งลงบนโถสุขภัณฑ์ได้อย่างเต็มที่ ลักษณะรูปทรงคล้ายตัวอักษรภาษาอังกฤษตัว D ซึ่งหากเป็นโถสุขภัณฑ์ธรรมดานั้น สามารถเลือกติดตั้งคู่กับฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET ได้เช่นเดียวกับทรงอีลองเกต แต่จำเป็นต้องพิจารณาถึงขนาดของฝารองนั่ง รวมถึงฝาอัตโนมัติต้องเป็นทรง D เช่นเดียวกัน
สำหรับสุขภัณฑ์รูปทรง D-Shape นั้นจะมีดีไซน์โค้งมน เรียบหรู ช่วยให้ห้องน้ำของคุณดูนุ่มนวล ไม่ขรึมมากจนเกินไปนัก เข้ากันได้ดีกับกระเบื้องห้องน้ำโทนสีอ่อน เช่น สีครีม หรือ สีเบจ จะช่วยให้ห้องน้ำของคุณดูสว่าง สดใส มองแล้วรู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น

3. โถสุขภัณฑ์รูปทรงสแควร์ อีลองเกต (Square Elongated)
สำหรับใครที่อยากมองหาความแปลกใหม่ นอกเหนือไปจากทรงกลมมนที่คุ้นเคย โถสุขภัณฑ์รูปทรงสแควร์ อีลองเกต อาจตอบโจทย์ที่คุณมองหา เนื่องจากมีดีไซน์โฉบเฉี่ยว เหลี่ยมมุมของสุขภัณฑ์ ช่วยยกระดับให้พื้นที่ห้องน้ำของคุณดูโดดเด่น มีสไตล์มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะหากติดตั้งคู่กับพื้นกระเบื้องห้องน้ำลายก้างปลา ก็จะทำให้ภาพรวมของห้องดูกลมกลืน เป็นไปในแนวทางเดียวกัน แต่ก็ยังคงมีลูกเล่นที่ทำให้ไม่น่าเบื่อเกินไปนัก สุขภัณฑ์ทรงสแควร์ อีลองเกต มีจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือมีพื้นที่ฝารองนั่งค่อนข้างกว้าง นั่งสบาย เหมาะสำหรับฝารองนั่งชักโครก ผู้สูงอายุ และผู้ที่ชอบใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนาน ๆ แต่ควรติดตั้งในห้องน้ำที่มีขนาดใหญ่ เนื่องจากจำเป็นต้องใช้พื้นที่สำหรับติดตั้งมากกว่ารูปทรงก่อนหน้านี้

10
ปัญหาริ้วรอยเกิดจากอะไร

ริ้วรอยเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในผู้ที่มีอายุ โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่วัยกลางคนขึ้นไป สาเหตุของการเกิดริ้วรอยมีหลายประการ อาทิเช่น
    การลดลงของคอลลาเจนและอีลาสติน: เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ร่างกายผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินได้น้อยลง ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่นและเกิดริ้วรอยง่ายขึ้น
    แสงแดดและรังสี UV: แสงแดดเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวเสื่อมสภาพ รังสี UV ทำลายเนื้อเยื่อผิวและเร่งกระบวนการเกิดริ้วรอย
    พฤติกรรมการใช้ชีวิต: การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ การนอนหลับไม่เพียงพอ และความเครียด สามารถส่งผลต่อสุขภาพผิวและทำให้เกิดริ้วรอยเร็วขึ้น
    การแสดงอารมณ์บ่อย: การแสดงสีหน้าบ่อย เช่น การหัวเราะ หงุดหงิด หรือเครียด เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเส้นริ้วบนใบหน้า
    พันธุกรรม: ปัจจัยด้านพันธุกรรมก็มีผลต่อความยืดหยุ่นของผิวและการเกิดริ้วรอย



วิธียกกระชับหน้าให้แลดูอ่อนเยาว์

1. ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว, การทำทรีทเม้นท์, โบท็อก ลดริ้วรอย, ฟิลเลอร์ Filler
ผลิตภัณฑ์สูตรลดริ้วรอย ควรมีคุณสมบัติในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ต้านอนุมูลอิสระ และช่วยผลัดเซลล์ผิว ซึ่งส่วนผสมที่นิยมใช้กันได้แก่ เรตินอยด์ (Retinoids), วิตามินซี (Ascorbic acid), อัลฟา ไฮดรอกซี แอซิด (AHA), ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide), โคเอนไซม์ คิวเทน (Coenzyme Q10), และกรดไฮยาลูโรนิค

2.การทำหัตการด้วยเครื่องมือแพทย์
   
2.1 Exilis Ultra 360
Exilis Ultra 360 คือ การส่งคลื่นความร้อนที่มีความปลอดภัยสูงไปสู่ชั้นผิวหนังเรียกได้ว่าเป็น NEW Model ที่สามารถผสมผสาน ระหว่าง พลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูง (Monopolar RF) และ คลื่นเสียง Ultrasound เข้าไว้ด้วยกัน ทำให้การส่งพลังงานสามารถกระจายได้อย่างทั่วถึง ซึ่ง Exilis Ultra 360 จะส่งผ่านพลังงาน 2 ชนิดเข้าไปกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจน รวมทั้งทำให้คอลาเจนใต้ผิวแข็งแรง ช่วยให้ผิวบริเวณที่มีริ้วรอยกระชับได้
   
2.2 Ulthera
วิธีลดริ้วรอยด้วย Ulthera เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยในการยกกระชับผิวหน้า ปัจจุบันเริ่มเป็นที่คุ้นเคยมากขึ้น โดยการทำงานของ Ulthera จะไม่ต้องฉีดหรือใช้เข็ม ทำงานโดยใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์ที่ยิงเข้าไปใต้ชั้นผิว เหมาะกับคนที่ต้องการปรับโครงสร้างหน้าและมีริ้วรอยเล็ก ๆ ช่วย ลดริ้วรอย แก้ไขความหย่อนคล้อยและเพิ่มความกระชับให้กับบริเวณผิวหน้า
   
3.3. New Doublo 2.0
New Doublo 2.0 คือ เครื่องมือในการยกกระชับผิว ที่มาพร้อมกับ Synergy Effect เป็นการรวม 2 พลังงานสำคัญในการกระตุ้นคอลลาเจน ยกกระชับผิว ด้วย คลื่นเสียง - MFU (Micro Focused Ultrasound) และ คลิ่นวิทยุ - RF (Redio Frequency) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่มีเฉพาะเครื่อง Doublo 2.0 เครื่องแรกและเครื่องเดียวเท่านั้น

ริ้วรอยเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นตามวัยและปัจจัยเสริมต่าง ๆ ซึ่งสามารถป้องกันและบำรุงรักษาได้ด้วยวิธีการดูแลผิวอย่างเหมาะสม รวมถึงการเลือกใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์เพื่อยกกระชับหน้าให้ดูอ่อนเยาว์และสุขภาพดีขึ้น หากสนใจวิธีการดูแลและฟื้นฟูผิว ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกแนวทางที่เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

11
มะเร็งรังไข่และมะเร็งปากมดลูกเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญในกลุ่มผู้หญิง อาการมะเร็ง รังไข่ สามารถป้องกันและตรวจพบได้แต่เนิ่นๆ หากเข้าใจอาการและการตรวจคัดกรองอย่างถูกต้อง บทความนี้จะชี้แนะข้อมูลสำคัญเพื่อให้คุณดูแลสุขภาพของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ



อาการของมะเร็งรังไข่
มะเร็งรังไข่มักมีอาการที่ไม่ชัดเจนในระยะแรก แต่บางอาการที่อาจบ่งบอกถึงความเสี่ยง ได้แก่:

    - ปวดท้องน้อยหรือหลัง
    - ความรู้สึกอึดอัดหรือเต็มในช่องท้อง
    - การเปลี่ยนแปลงของการมีประจำเดือน
    - การเบื่ออาหาร น้ำหนักลดหรือเพิ่มโดยไม่ทราบสาเหตุ
    - ความรู้สึกป่องหรือแน่นท้องเป็นเวลานาน
    - ความรู้สึกอยากปัสสาวะบ่อยหรือไม่สบายขณะปัสสาวะ

หากคุณพบอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและดูแลรักษาอย่างเหมาะสม

ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
มะเร็งปากมดลูกเป็นหนึ่งในมะเร็งที่สามารถป้องกันได้ด้วยการตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งประกอบด้วย:

    - การตรวจ Pap Smear: เป็นการเก็บตัวอย่างเซลล์จากปากมดลูกเพื่อตรวจหาเซลล์ผิดปกติ
    - การตรวจ HPV: ตรวจหาเชื้อไวรัส HPV ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของมะเร็งปากมดลูก

แนะนำให้ผู้หญิงเริ่มตรวจคัดกรองตั้งแต่อายุ 21 ปี และทำซ้ำทุกปี หรือตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อการป้องกันและการรักษาแต่เนิ่นๆ
เคล็ดลับดูแลสุขภาพเพื่อป้องกันมะเร็ง

    - รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และสมดุล
    - ออกกำลังกายเป็นประจำ
    - หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก
    - เข้ารับการตรวจคัดกรองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
    - สังเกตอาการผิดปกติและไปพบแพทย์ทันทีหากมีความกังวล


การรู้จักอาการของมะเร็งรังไข่และการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นขั้นตอนสำคัญในการดูแลสุขภาพของผู้หญิงอย่างมีประสิทธิภาพ การตรวจคัดกรองเป็นสิ่งที่ง่ายและสามารถช่วยชีวิตได้ หากคุณใส่ใจและปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้ คุณจะสามารถลดความเสี่ยงและดูแลตัวเองให้ปลอดภัยจากโรคมะเร็งในระยะยาว

12
ห้องน้ำเป็นพื้นที่สำคัญที่ไม่เพียงแต่ใช้สำหรับทำความสะอาดร่างกายเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่ที่ช่วยให้เราผ่อนคลายและรีเฟรชตัวเองในแต่ละวัน การออกแบบห้องน้ำให้ดีและเหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยสร้างบรรยากาศที่สงบ สบาย และเติมเต็มความสุขในการใช้งาน ร่วมทำความรู้จักกับแบบห้องน้ำที่ดี ที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย พร้อมเคล็ดลับการออกแบบและตกแต่งให้เหมาะสมกับความต้องการ



แบบห้องน้ำที่ดี ควรมีคุณสมบัติอะไรบ้าง
    ความเป็นระเบียบ และการใช้งานที่สะดวกสบาย
จัดเก็บของใช้อย่างเป็นระเบียบ ไม่ให้รกสายตา คือการจัดระเบียบสิ่งของให้เข้าที่เข้าทาง และซ่อนสิ่งของที่ไม่จำเป็นให้พ้นจากสายตา เพื่อให้บ้านดูสะอาดตาและเป็นระเบียบ
การแบ่งโซนเปียกและแห้ง ห้องน้ำควรมีการแยกโซนเปียก (เช่น ฝักบัว, อ่างอาบน้ำ) และโซนแห้ง (เช่น โถสุขภัณฑ์, อ่างล้างหน้า) ที่แยกจากกันอย่างชัดเจน
การระบายอากาศ ห้องน้ำควรมีระบบระบายอากาศที่ดีเพื่อป้องกันกลิ่นอับ และความชื้นสามารถทำช่องระบายอากาศติดตั้งพัดลมดูดอากาศ หรือมีหน้าต่างที่ให้แสงสว่างส่องเข้าถึง มีพื้นที่วางอุปกรณ์และของใช้ที่ใช้งานได้ง่าย

    การเลือกใช้วัสดุที่ปลอดภัย และทนทาน
        กระเบื้องกันลื่นสำหรับพื้นที่ออกแบบมาเพื่อลดความเสี่ยงของการลื่นไถลและอุบัติเหตุจากการลื่นล้ม โดยมีพื้นผิวหยาบกว่ากระเบื้องทั่วไป เหมาะสำหรับปูพื้นในบริเวณที่เสี่ยงต่อการเปียก
        วัสดุที่ทนต่อความชื้นและเชื้อรา ควรเป็นวัสดุที่ดูดซึมน้ำต่ำหรือกันน้ำได้ กระเบื้องพอร์ซเลน กระเบื้องแกรนิต กระเบื้องหินชนวน และผนัง PVC รวมถึงฝ้าที่ทำจากยิปซั่มกันชื้น หรือไฟเบอร์ซีเมนต์

    การติดตั้งอุปกรณ์ที่ช่วยให้ผ่อนคลาย
        อ่างอาบน้ำหรืออ่างจากุซซี่ เป็นอ่างอาบน้ำที่ติดตั้งเครื่องอัดอากาศ เพื่อให้สามารถปล่อยอากาศออกมาให้เป็นเหมือนเครื่องนวด
        ฝักบัว Rain Shower ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและเหมือนได้อาบน้ำกลางธรรมชาติ น้ำไหลลงบนร่างกายอย่างนุ่มนวลและทั่วถึง ทำให้รู้สึกสดชื่นและมีชีวิตชีวามากขึ้น
ที่ฉีดชำระอัตโนมัติ (automatic bidet) คืออุปกรณ์ที่ติดตั้งกับฝารองนั่งชักโครก ทำหน้าที่ฉีดน้ำเพื่อทำความสะอาดหลังการขับถ่าย โดยมีระบบควบคุมอุณหภูมิและแรงดันน้ำที่สามารถปรับได้

    การใช้สี และแสงให้เหมาะสม
        โทนสีอ่อน ๆ ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย โทนสีอ่อนสามารถช่วยสร้างความรู้สึกผ่อนคลายและสงบได้ดี โดยเฉพาะสีฟ้าอ่อน, เขียวอ่อน, และสีชมพูอ่อน ซึ่งมักถูกนำมาใช้เพื่อสร้างบรรยากาศที่น่าผ่อนคลาย
        แสงไฟนวลและสบายตา ความสว่างของห้องน้ำควรเป็นแสงไฟสีขาวนวล (Cool White) ที่มีอุณหภูมิสีประมาณ 4,000 – 5,000 K เป็นแสงที่ให้ความสว่างชัดเจน และสามารถมองเห็นอุปกรณ์ห้องน้ำได้ดี เพื่อการใช้งานที่ปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุด้วย

แบบห้องน้ำที่ดีควรเน้นความสงบ สบาย และเป็นธรรมชาติ การเลือกใช้โทนสีอ่อน วัสดุธรรมชาติ และการจัดวางพื้นที่อย่างลงตัว จะช่วยสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและทำให้ทุกครั้งที่ใช้งานเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับทุกคน หากอยากทำให้ห้องน้ำเป็นพื้นที่แห่งความสุขและความผ่อนคลาย ลองปรับเปลี่ยนดีไซน์และตกแต่งให้เหมาะสมตามแนวทางนี้ รับรองว่าจะได้พื้นที่ในฝันที่ช่วยเติมเต็มความสุขในทุกวัน

13
สาเหตุร่วมที่เกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมตัวผู้ป่วย

    สภาพภูมิศาสตร์ มักอยู่บริเวณที่ราบสูงประเทศ พบมากในภาคอีสานและเหนือ
    สภาพอากาศและฤดูกาลในฤดูร้อน จะพบว่าผู้ป่วยเป็นโรคนิ่วทางเดินปัสสาวะมาก อาจเนื่องมาจากการเสียเหงื่อมาก ทำให้ปัสสาวะเข้มข้นทำให้นิ่วโตเร็วขึ้น จึงเกิดอาการขึ้น
    ปริมาณน้ำดื่ม ซึ่งจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับความเข้มข้นของน้ำปัสสาวะถ้าดื่มน้ำดื่ม และยังอาจจะเกี่ยวกับเกลือแร่ที่ละลายในน้ำดื่มของแต่ละท้องถิ่น
    สภาพโภชนาการ การบริโภคอาหารนานาชนิดและการดื่มน้ำดื่ม เป็นผลให้มีการเพิ่ม/ลดของสารต่างๆ ที่เป็นส่วนประกอบของก้อนนิ่ว เช่น การกินอาหารพวกเครื่องในสัตว์ , ยอดผัก , สาหร่ายจะทำให้เกิดกรดยูริกได้ การกินอาหารจำพวกผักที่มีสารออกซาเลต เช่น ผักโขม ผักแพว หน่อไม้ ชะพลู ก็จะมีโอกาสเกิดนิ่วพวกออกซาเลต เด็กเล็กที่ขาดสารอาหารพวกโปรตีนจะเกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะมาก การขาดวิตามินเอ หรือได้รับวิตามินดีมากเกินไปก็ทำให้เกิดนิ่วได้
    อาชีพ ผู้ที่มีอาชีพเกษตรกรทำงานกลางแจ้ง ก็จะมีการเสียเหงื่อมาก ทำให้ปัสสาวะมีความเข้มข้นก็อาจมีการตกผลึกของสารละลายในน้ำปัสสาวะเกิดนิ่วได้ ผู้ที่มีรายได้ต่ำก็จะบริโภคอาหารจำพวกแป้งและผักมาก โปรตีนน้อย ทำให้เกิดนิ่วจำพวกออกซาเลตได้ง่าย ผิดกันกับผู้ที่มีรายได้สูงมีการบริโภคอาหารที่มีโปรตีน, ไขมันมากกว่าปกติ ทำให้เกิดเป็นนิ่วพวกกรดยูริกและนิ่วแคลเซียมสูง



นิ่วในไต
    ผู้ป่วยที่มีนิ่วในไตอาจจะไม่มีอาการอะไรเลยก็ได้ ถ้าหากมีอาการต่อไปนี้ก็ให้สงสัยว่าเป็นโรคไต ผู้ป่วยจะมีอาการปวดเอว ปัสสาวะขุ่น ปัสสาวะเป็นเลือด หรือสีน้ำล้างเนื้อ หากมีการอักเสบติดเชื้อร่วมด้วยก็จะมีไข้สูง หนาวสั่น ปัสสาวะเป็นหนองมีกลิ่นเหม็นคาว หากมีการอุดตันร่วมด้วยก็จะมีก้อนในท้องส่วนบนซ้ายหรือขวา หากมีนิ่วที่ไต 2 ข้างและประสิทธิภาพในการทำงานเสื่อมไป ผู้ป่วยก็จะมีอาการปัสสาวะน้อยลง บวม โลหิตจาง คลื่นไส้ อาเจียนผิวหนังแห้งคล้ำ และคัน ผู้ป่วยอาจจะซึม หรือไม่รู้สึกตัวถ้ามีของเสีย ค้างอยู่ในกระแสเลือดมาก

นิ่วในท่อไต
    ผู้ป่วยอาจจะมีอาการปวดเอว หรือปวดเป็นพักๆ ในข้างที่มีนิ่วข้างนั้นๆ อาจจะมีปวดร้าวมาท้องน้อย หน้าขา ถุงอัณฑะ หรือ แคมอวัยวะเพศหญิง หากนิ่วอยู่ในท่อไตส่วนล่างใกล้กระเพาะปัสสาวะ ผู้ป่วยก็จะมีอาการปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะขุ่น เป็นหนอง หากผู้ป่วยมีไตข้างเดียว หรือมีนิ่วในไตทั้ง 2 ข้าง ผู้ป่วยอาจจะไม่มีปัสสาวะออกมาเลย ผู้ป่วยอาจจะบวมน้ำ หอบ เหนื่อย ประสาทสับสน หรือไม่รู้สึกตัวได้

นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
    ส่วนมากผู้ป่วยจะมีอาการปวดปัสสาวะ ปัสสาวะขัด ปัสสาวะสะดุด ปัสสาวะขุ่น หรือปัสสาวะเป็นสีเลือดจาง เมื่อหยุดเบ่งผู้ป่วยก็จะได้ปัสสาวะออกมาได้ใหม่และเกิดอาการขึ้นมาอีก

นิ่วในท่อปัสสาวะ
    นิ่วในท่อปัสสาวะจะหลุดลงมาจากกระเพาะปัสสาวะเป็นส่วนใหญ่ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดขึ้นทันทีที่กำลังปัสสาวะไม่ออกมาเลยก็ได้ หากคลำดูตามท่อปัสสาวะก็จะคลำพบก้อนนิ่วแข็งๆ ได้

อาการแทรกซ้อน
    อาจทำให้เกิดการติดเชื้อกลายเป็นกรวยไตอักเสบ อาการ และถ้าปล่อยไว้นานๆ มีการติดเชื้อบ่อยๆ ก็ทำให้เนื้อไตเสียกลายเป็นไตวายเรื้อรังได้

การวินิจฉัย
    มักจะวินิจฉัยโดยการตรวจปัสสาวะ (พบมีเม็ดเลือดแดงจำนวนมาก) ตรวจเลือด เอกซเรย์ไตด้วยการฉีดสี (Intravenous Pyelogram หรือ IVP) และอาจตรวจพิเศษอื่นๆ ถ้าจำเป็น ถ้าก้อนนิ่วเล็กอาจหลุดออกมาได้เอง แต่ถ้าก้อนใหญ่อาจจะต้องผ่าตัดเอาออก

การรักษา
    การรักษาโดยเฝ้าดูจะติดตามโดยการตรวจปัสสาวะว่ามีการติดเชื้อหรือไม่ จะทำการติดตามโดย X-ray เป็นระยะดูการเปลี่ยนแปลง
    การรักษาโดยให้ยา นิ่วที่ได้ทำการวิเคราะห์ว่าเป็นนิ่วชนิดใดแล้วก็อาจให้ยาละลายนิ่วได้ นิ่วยูริกแอซิดก็ทำให้ยาทำให้ปัสสาวะเป็นด่างหรือร่วมให้ยาลดระดับยูริกเอซิด หรือซีสตีนในเลือดอาจให้ยาระงับความเจ็บปวดและยาปฏิชีวนะร่วมด้วย
    การรักษาโดยการผ่าตัดเอานิ่วออก เมื่อนิ่วมีขนาดใหญ่ไตมีการอักเสบไตโป่งพอง หรือไตไม่ทำงานแล้ว
    การรักษาโดยใช้เครื่องสลายนิ่วด้วยพลังเสียง (Extracorporeal shok wave lithotripsy/ESWL) เหมาะสำหรับนิ่วที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 3 ซม. และทางเดินปัสสาวะส่วนที่ต่ำกว่าไม่มีการตีบตัน เพื่อนิ่วที่สลายซึ่งมีขนาดเล็กลงสามารถผ่านปนมากับปัสสาวะได้
    การรักษาโดยใช้เครื่องส่องไตโดยผ่านท่อไต ใช้คลื่นเสียง Ultrasonic หรือ Laser ทำการสลายให้นิ่วมีขนาดเล็กลงแล้วคีบเอาออก

14
ทำความรู้จักกับ Modern Preppy
Modern Preppy เป็นสไตล์แฟชั่นที่นำกลิ่นอายความเนี้ยบและคลาสสิกของ เสื้อผ้าแฟชั่น Preppy มาปรับให้ทันสมัยและเหมาะกับยุคปัจจุบัน โดยมีการผสมผสานไอเทมร่วมสมัยเข้ากับลุคแบบนักเรียน Ivy League หรือการแต่งตัวแนวผู้ดีอังกฤษที่ดูภูมิฐานและเป็นระเบียบ



จุดเด่นของ Modern Preppy
1. การแมตช์เสื้อผ้าคลาสสิกกับความโมเดิร์น
เสื้อผ้าแฟชั่น อย่าง เสื้อโปโล เสื้อเชิ้ตคอปก กระโปรงเทนนิส กางเกงชิโน หรือเสื้อเบลเซอร์ที่เป็นไอเทมหลักของ Preppy ยังคงมีอยู่ แต่ถูกนำมาดีไซน์ใหม่ให้มีความสดใสมากขึ้น เช่น การใช้สีสันจัดจ้าน หรือการตัดเย็บที่มีความโฉบเฉี่ยว

2. ลวดลายและเท็กซ์เจอร์
ลายตาราง (Plaid), ลายทาง (Stripes) และลาย Argyle ยังคงเป็นหัวใจสำคัญ แต่เพิ่มลูกเล่นให้ดูทันสมัย เช่น การเล่นกับขนาดของลาย หรือการใช้สีที่โดดเด่น

3. สไตล์ที่เน้นความเรียบง่ายแต่ดูแพง
Modern Preppy ไม่เน้นความเยอะ แต่ให้ความรู้สึก "Less is More" เช่น แมตช์เบลเซอร์สีคลาสสิกกับกางเกงยีนส์ทรงตรง หรือเสื้อเชิ้ตเรียบๆ กับกระโปรงเทนนิส เพิ่มความลงตัวด้วยเครื่องประดับเล็กๆ

Modern Preppy ไม่ใช่แค่ เสื้อผ้าแฟชั่น แต่เป็นการแสดงออกถึงไลฟ์สไตล์และรสนิยมที่ผสมผสานระหว่างความคลาสสิกกับความทันสมัยได้อย่างลงตัว สถานที่ชอปปิงที่สามารถเติมเต็มทุกความต้องการด้าน เสื้อผ้าแฟชั่น shopping mall bangkok[/size]

15
จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ก๊อกอ่างล้างหน้าได้พัฒนาไปไกล ทั้งในด้าน เทคโนโลยี และ ดีไซน์ เพื่อรองรับความต้องการของผู้ใช้งานในยุคใหม่ ก๊อกอ่างล้างหน้าเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในห้องน้ำและเป็นส่วนหนึ่งของดีไซน์ที่ส่งผลต่อความรู้สึกและความสะดวกในการใช้งานในแต่ละวัน ปัจจุบันนวัตกรรมก๊อกอ่างล้างหน้ามีการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มฟังก์ชันการใช้งานและความสวยงาม เช่น ระบบเซนเซอร์แบบอัตโนมัติ ระบบประหยัดน้ำ และดีไซน์ที่ตอบโจทย์เทรนด์ทันสมัย บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับนวัตกรรมก๊อกอ่างล้างหน้ารูปแบบต่าง ๆ พร้อมเคล็ดลับเลือกใช้อย่างคุ้มค่า



นวัตกรรมก๊อกอ่างล้างหน้า รูปแบบใหม่ที่น่าสนใจ
1. ก๊อกอ่างล้างหน้าระบบเซนเซอร์อัตโนมัติ (Sensor Faucet) เป็นก๊อกน้ำที่เปิด-ปิดด้วยระบบเซ็นเซอร์โดยอัตโนมัติ ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องสัมผัสก๊อกโดยตรง ช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของเชื้อโรคและสิ่งสกปรก ก๊อกน้ำแบบนี้ช่วยประหยัดน้ำ และยังมีฟังก์ชันอื่น ๆ เช่น การหยุดน้ำอัตโนมัติเมื่อใช้งานเกินเวลาที่กำหนด
    ลักษณะ: เปิด-ปิดน้ำโดยไม่ต้องสัมผัส ช่วยลดการแพร่เชื้อโรคและประหยัดน้ำ
    ข้อดี: สะดวกและปลอดภัย เหมาะกับสถานที่สาธารณะหรือบ้านที่เน้นสุขอนามัย

2. ก๊อกอ่างล้างหน้าประหยัดน้ำ (Water-saving Faucet) มีคุณสมบัติในการจำกัดปริมาณน้ำที่ไหลออกมา เพื่อลดการใช้และช่วยประหยัดทรัพยากรน้ำ. นอกจากนี้ ก๊อกประหยัดน้ำยังมีคุณสมบัติอื่น ๆ เช่น การออกแบบที่ทนทานต่อการกัดกร่อน การเคลือบผิวที่ป้องกันรอยขีดข่วน และซีลยางที่ช่วยป้องกันการรั่วซึม
    ลักษณะ: ออกแบบให้ใช้น้ำในปริมาณน้อยลง แต่ยังคงประสิทธิภาพในการใช้งาน
    ข้อดี: ช่วยลดค่าใช้จ่ายน้ำและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

3. ก๊อกอ่างล้างหน้าดีไซน์โมเดิร์นและเรียบง่าย จะเน้นความสะอาดของเส้นสายและสีสันที่หลากหลาย เช่น สีขาว สีดำ สีเงิน หรือสีทอง นอกจากนี้ คุณสมบัติที่ควรมีก็คือ ทนทานต่อการกัดกร่อน ใช้งานง่าย และมีระบบป้องกันการรั่วซึม
    ลักษณะ: ดีไซน์ทันสมัย เน้นความเรียบง่ายดูสะอาดตา เหมาะกับห้องน้ำสไตล์โมเดิร์น
    ข้อดี: เพิ่มความหรูหราและดูแลรักษาง่าย ทำจากทองเหลืองหรือสเตนเลส 304 ซึ่งทนทานต่อการกัดกร่อนและมีอายุการใช้งานยาวนาน

4. ก๊อกอ่างล้างหน้ารุ่นปรับอุณหภูมิน้ำอัตโนมัติ (Automatic Temperature Mixer) คุณสมบัติหลักคือการควบคุมอุณหภูมิน้ำให้คงที่และปลอดภัยผ่านระบบเทอร์โมสตัทวาล์ว ที่ทำหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิของน้ำหล่อเย็นเครื่องยนต์ให้เหมาะสม โดยการเปิดหรือปิดวาล์วเพื่อให้น้ำหล่อเย็นมาระบายความร้อนที่หม้อน้ำ นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติอื่นๆ เช่น ดีไซน์ที่ทันสมัย ระบบป้องกันการเปิดน้ำร้อนเกินไป และตัวเรือนที่ทนทาน
    ลักษณะ: มีฟังก์ชันปรับอุณหภูมิน้ำอัตโนมัติ ช่วยให้ใช้งานสะดวกและง่ายขึ้น
    ข้อดี: การควบคุมอุณหภูมิน้ำอย่างแม่นยำช่วยลดการใช้พลังงานในการทำให้น้ำร้อนเกินความจำเป็น

เคล็ดลับเลือกใช้นวัตกรรมก๊อกอ่างล้างหน้าให้คุ้มค่า

    พิจารณาฟังก์ชันการใช้งาน
        เมื่อพิจารณาฟังก์ชันการใช้งานก๊อกอ่างล้างหน้า ควรคำนึงถึงความต้องการในการปรับอุณหภูมิน้ำ ความต้องการในแบบก๊อกเดี่ยวหรือก๊อกผสม และฟังก์ชันพิเศษ เช่น ก๊อกน้ำอัตโนมัติหรือก๊อกน้ำที่ประหยัดน้ำ นอกจากนี้ ควรเลือกขนาดและความสูงของก๊อกที่เหมาะสมกับอ่างล้างหน้า และวัสดุที่ทนทานและมีอายุการใช้งานยาวนาน

 เลือกดีไซน์ให้เข้ากับสไตล์ห้องน้ำ
        การเลือกดีไซน์ก๊อกอ่างล้างหน้าให้เข้ากับสไตล์ห้องน้ำสวยๆ เป็นเรื่องสำคัญที่ช่วยเสริมความสวยงาม และสร้างความกลมกลืนในห้องน้ำ ควรพิจารณาจากสไตล์ห้องน้ำที่ต้องการ เช่น สไตล์โมเดิร์น, คลาสสิก, หรือวินเทจ เพื่อเลือกก๊อกอ่างล้างหน้าที่มีดีไซน์ที่เข้ากับสไตล์นั้นๆ

    วัสดุและคุณภาพ
        ก๊อกอ่างล้างหน้าควรเลือกวัสดุคุณภาพสูง เช่น ทองเหลืองเคลือบโครเมียมหรือสแตนเลส 304 ก๊อกทองเหลืองทนต่อการกัดกร่อนได้ดี ส่วนสแตนเลส 304 ทนทานต่อการกัดกร่อนและทนต่อความร้อน ส่วนก๊อกน้ำที่เคลือบโครเมียมจะทนทานต่อสารเคมีและรอยขีดข่วน

16
ลดสัดส่วน - ปัญหาโรคอ้วน น้ำหนักเกินค่ามาตรฐาน หรือ รูปร่างไม่ได้สัดส่วน ถือเป็นปัญหายอดฮิตในสังคมปัจจุบัน  เนื่องจากปัจจัยทั้งด้านชนิดของอาหาร ความสะดวกสบายในการสั่งมาส่ง รวมถึงลักษณะการทำงาน การเดินทางที่ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ไม่ว่างออกกำลังกาย และเงื่อนไขข้อจำกัดอื่นๆอีกมากมาย

   แต่รู้หรือไม่ว่า การมีน้ำหนักเกินค่ามาตรฐาน จะทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพตามมามากมาย เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคข้อเข่าเสื่อม ภาวะการหยุดหายใจขณะหลับ และโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ
   การประเมินว่า น้ำหนักของตัวเราเทียบส่วนสูงอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมหรือไม่ สามารถหาได้จาก ค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index: BMI) ซึ่งสามารถใช้คัดกรองเพื่อระบุผู้ที่มีน้ำหนักเกิน หรือภาวะอ้วนและผู้ที่มีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานในผู้ใหญ่ที่อายุ 20 ปีขึ้นไป

   วิธีการคำนวนค่า BMI =   น้ำหนักตัว (กิโลกรัม)  ÷  ส่วนสูง (เมตร)2
      เช่น สูง 168 cm หนัก 58kg มี BMI = 58 ÷ (1.68 x 1.68) = 20.549


สำหรับการแปลผลนั้น ค่า BMI ในช่วง 18.5 – 22.90 ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่สำหรับคนเอเชีย ถ้าค่าBMI ตั้งแต่ 23 ขึ้นไป ถือว่าน้ำหนักเกินแล้ว ทั้งนี้อาจมีข้อยกเว้นในกรณีที่มีมวลกล้ามเนื้อมาก อาจทำให้ค่า BMI สูงกว่าเกณฑ์ แม้จะมีรูปร่างดี



การลดน้ำหนัก ≠ การลดสัดส่วน

   การลดน้ำหนัก คือ การเน้นไปที่การลดมวลไขมันทั่วทั้งตัว ไม่ได้เน้นไปที่การปรับส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายเป็นพิเศษ วิธีลดน้ำหนักที่ได้ผลเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปคือ การควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย โดยเฉพาะการออกกำลังกายแบบ cardio ซึ่งจะช่วยในการเผาผลาญพลังงาน เมื่อพลังงานที่ใช้ไปมากกว่าพลังงานจากอาหารที่ได้รับ ก็จะทำให้ร่างกายดึงเอาพลังงานสำรองที่เก็บอยู่ในรูปไขมันออกมาใช้ ทำให้น้ำหนักลดลง

   ในด้านของการลดสัดส่วนนั้น  จะมุ่งเน้นผลลัพธ์ไปที่รูปร่างและสัดส่วนเฉพาะที่ เช่น รอบเอว ต้นขา ต้นแขน หรือสะโพก โดยการลดสัดส่วนนั้นจะมีเป้าหมายเป็นการลดไขมันส่วนเกินของร่างกาย เพื่อให้เห็นสัดส่วนที่ดูกระชับสมส่วนมากขึ้น ขั้นตอนในการลดสัดส่วนนั้นมักจะซับซ้อนกว่าการลดน้ำหนัก เพราะจะต้องมีการออกกำลังกายแบบ weight training เฉพาะกล้ามเนื้อที่ต้องการให้ตรงจุด เพื่อเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและลดไขมันเฉพาะที่

   สำหรับการลดสัดส่วนนั้น จึงนิยมใช้ทางลัดทางการแพทย์เพื่อแก้ไขปัญหานี้เป็นส่วนใหญ่ ได้แก่ การใช้ยาฉีดสลายไขมันเฉพาะจุด ซึ่งอาจทำให้ไขมันลดลง แต่มีปัญหาผิวย่อน ไม่กระชับ หรือการใช้เครื่องมือแพทย์เพื่อกระชับสัดส่วน แต่มักประสบปัญหาสามารถลดสัดส่วนได้ในช่วงแรก แต่ไม่สามารถคงผลลัพธ์นั้นไว้ได้ในระยะยาว

แล้วแพทย์แนะนำอย่างไร
   คลินิกสำหรับการลดสัดส่วนนั้น คุณหมอต้องได้ทำการวางโปรแกรมพิเศษเป็น signature servise เพื่อตอบโจทย์ทั้งในแง่การลดสัดส่วน กระชับผิว รวมไปถึงการสร้างกล้ามเนื้อเพื่อเสริมประสิทธิภาพในการลดสัดส่วน และไม่เกิดการโยโย่ตามมา จึงมีการดีไซน์โปรแกรม Body Sculpt ซึ่งเป็นการใช้เครื่อง Exilis Ultra 360 ในการสลายไขมัน ควบคู่ไปกับการใช้เครื่อง Emsculpt เพื่อสร้างกล้ามเนื้อ ในพื้นที่เดียวกัน ทำให้เห็นผลลัพธ์ในการลดสัดส่วนได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

Exilis Ultra 360 คืออะไร
   เป็นเทคโนโลยียกกระชับ ที่ใช้พลังงานคลื่นวิทยุ (Radio Frequency) ในการยกกระชับผิวในชั้นบน ร่วมกับ คลื่นเสียง (Ultrasound) ซึ่งช่วยสลายไขมันใต้ชั้นผิวหนัง จึงสามารถสลายไขมันไปพร้อมกับกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน  ช่วยแก้ไขปัญหาสำหรับผู้มีไขมันส่วนเกินเฉพาะจุดพร้อมกับการทำให้ผิวแน่นกระชับยิ่งขึ้น สามารถใช้ได้กับหลายพื้นที่ เช่น ต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง รอบเอว สะโพก ปีกหลัง เป็นต้น 

    เครื่อง Exilis Ultra 360 ได้รับการรับรองจาก USFDA ว่ามีประสิทธิภาพในการลดไขมันเฉพาะจุด ช่วยกระชับผิว และลดเซลลูไลต์ได้ ตามที่มีงานวิจัยรับรอง
แล้ว Emsculpt คืออะไร?
   เครื่อง Emsculpt ใช้เทคโนโลยี HIFEM(High-Intensity Focused Electromagnetic) หรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความเข้มข้นสูง เป็นตัวช่วยในการสร้างกล้ามเนื้อ ส่งพลังงานเข้าไปเพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อให้เกิดการหดตัว เสมือนการออกกำลังกาย โดยจะกระตุ้นด้วยความถี่ที่สูงเกินกว่าสมองจะสั่งการได้ หรือที่เรียกว่าSupramaximal muscle contraction ซึ่งการใช้เครื่อง Emsculpt กระตุ้นกล้ามเนื้อนี้ สามารถทำให้เกิดการหดตัวของกล้ามเนื้อเลียนแบบการออกกำลังกายที่กล้ามเนื้อมัดนั้นได้ถึง 20,000 ครั้ง ภายใน 30 นาที ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพ เช่น หากเราใช้เครื่องกระตุ้นที่กล้ามเนื้อหน้าท้อง ก็เทียบเท่ากับเรา sit- up ไป 20,000 ครั้งในครึ่ง ชม เลยทีเดียว

   ซึ่งการใช้เครื่อง Emsculptกระตุ้นกล้ามเนื้อนี้ ผ่านการรับรองประสิทธิภาพและความปลอดภัยจาก USFDA ตามงานวิจัยพบว่า จะทำให้ร่างกายตอบสนองด้วยการสร้างมวลกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นประมาณ 20 % เลยทีเดียว และยังพบว่า เมื่อมวลกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น การเผาผลาญก็เพิ่มขึ้น จึงทำให้มวลไขมันในบริเวณดังกล่าว ลดลงไปประมาณ 20 % ด้วยเช่นกัน

โปรแกรม Body Sculpt จึงเป็นโปรแกรมพิเศษที่คุณหมอต้องแนะนำ ให้หนึ่งในตัวช่วยในการลดสัดส่วนเฉพาะจุด ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ ลดไขมัน และกระชับผิวไปพร้อมกัน เหมาะสำหรับวิถีชีวิตที่แสนยุ่งวุ่นวายในปัจจุบัน เพราะสามารถย่นระยะเวลาในการอกกำลังกายไปได้มาก อีกทั้งยังมีประโยชน์ ในคนที่มีข้อจำกัดในการออกกำลังกาย หรือมีปัญหาต้องการแก้ไขสัดส่วนเฉพาะจุด


17
ในยุคนี้ การวางแผนการเงินเป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกคน การเลือกประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพที่เหมาะสมไม่ใช่แค่เรื่องความคุ้มครองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประกันที่สามารถช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงินในอนาคต เช่น ประกันควบการลงทุน และประกันเพื่อการออมเงิน ซึ่งแต่ละแบบมีความแตกต่างกันอย่างไร? บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเพื่อเลือกแผนที่เหมาะสมกับเป้าหมายทางการเงินของคุณ

ประกันควบการลงทุน (Unit-Linked Insurance) คืออะไร
    ความหมาย: เป็นประกันชีวิตที่ผสมผสานการคุ้มครองและการลงทุนในกองทุนต่าง ๆ โดยผู้เอาประกันสามารถเลือกลงทุนในกองทุนที่สนใจได้
    จุดเด่น: โอกาสสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน พร้อมความคุ้มครองชีวิตในกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพ
    ข้อเสีย: ความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดทุน อาจมีผลตอบแทนไม่แน่นอน

ประกันเพื่อการออมเงิน (Endowment Insurance) คืออะไร
    ความหมาย: เป็นประกันชีวิตที่ออกแบบมาเพื่อสะสมเงินออมระยะยาว โดยจะจ่ายเงินคืนเมื่อครบกำหนดสัญญาหรือตอนเสียชีวิต
    จุดเด่น: เน้นความมั่นคงในการออมเงิน มีผลตอบแทนแน่นอนตามอัตราที่กำหนด
    ข้อเสีย: ผลตอบแทนต่ำกว่าการลงทุนในตลาดทุน แต่มีความเสี่ยงน้อยกว่า



ข้อดีและข้อเสีย
    ประกันควบการลงทุน
        ข้อดี: โอกาสรับผลตอบแทนสูง จากการลงทุนในตลาดทุน ลดหย่อนภาษีได้ตามกฎหมายกำหนด
        ข้อเสีย: ความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด

    ประกันเพื่อการออมเงิน
        ข้อดี: ผลตอบแทนแน่นอน ปลอดภัย เน้นความมั่นคง ลดหย่อนภาษีได้
        ข้อเสีย: ผลตอบแทนต่ำกว่าแบบลงทุน ภาระค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายต่อเนื่อง

เลือกประกันแบบไหนที่เหมาะกับคุณ
    ถ้าคุณมองหาโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงและรับความเสี่ยงได้ ควรพิจารณาประกันควบการลงทุน
    ถ้าคุณต้องการความปลอดภัยและผลตอบแทนแน่นอนในระยะยาว การเลือกประกันสะสมทรัพย์ เพื่อการออมเงินจะเป็นตัวเลือกที่ดี

การเลือกประกันควบการลงทุนหรือประกันเพื่อการออมเงินขึ้นอยู่กับเป้าหมายทางการเงินและความเสี่ยงที่คุณยอมรับ หากต้องการผลตอบแทนสูงและรับความเสี่ยงได้ ประกันควบการลงทุนเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ แต่ถ้าคุณเน้นความมั่นคงและแน่นอนในผลตอบแทน ประกันเพื่อการออมเงินคือคำตอบที่เหมาะสมที่สุด

18
ถ้าพูดถึงการวางแผนทางเงินแบบเบสิกแล้ว โดยทั่วไปหลายคนจะมีวิธีการออมเงินในรูปแบบการประกันชีวิต โดยการฝากเงินในรูปแบบการประกันชีวิต ซึ่งเป็นการวางแผนทางการเงินแบบความเสี่ยงต่ำ เพื่อรักษาเงินต้นไม่ให้หายไป แต่ก็ต้องยอมรับสิ่งที่ตามมาว่าเราจะได้รับผลตอบแทนที่น้อย ยิ่งปัจจุบันเป็นยุคที่มีอัตราดอกเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น แต่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ลดลงเรื่อยๆ แน่นอนว่าเราจำเป็นต้องมองหาแผนทางการเงินใหม่เพื่อที่จะได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น อย่างไรก็ดี ประกันออมทรัพย์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับพิจารณาในการวางแผน

เปลี่ยนเงินฝากมาเป็นประกันออมทรัพย์ หรือ ประกันสะสมทรัพย์ ดีกว่าอย่างไร
ก่อนอื่น เราจำเป็นต้องทำความรู้จักกับ ประกันออมทรัพย์ หรือ ประกันสะสมทรัพย์ กันก่อน ซึ่งประกันออมทรัพย์เป็นประกันอีกรูปแบบหนึ่ง ที่มีหลักการคือเน้นการสะสมเงิน (ออมเงินในรูปแบบการประกันชีวิต) พร้อมกับความคุ้มครองชีวิตเพิ่มขึ้นมา โดยเราจำเป็นต้องส่งเบี้ยประกันตามระยะเวลาที่กรมธรรม์ระบุไว้ เมื่อครบกำหนดประกันออมทรัพย์ก็จะจ่ายเงินคืนให้เรา ซึ่งการจ่ายเงินคืนนี้จะเป็นไปตามที่เราตกลง โดยทั่วไปแล้วจะมีการจ่ายคืนเป็นก้อน หรือจ่ายเงินคืนระหว่างทางตลอดสัญญา และในกรณีที่เราเสียชีวิตระหว่างที่ส่งกรมธรรม์ ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จะได้รับเงินก้อนที่เรียกว่า "จำนวนเงินเอาประกัน" ตามที่ระบุไว้ในกรรมธรรม์
ผลตอบแทนมากกว่า
ผลตอบแทนของประกันออมทรัพย์นั้นเราจำเป็นต้องดูจากผลประโยชน์เกี่ยวกับเงินปันผล เงินคืน และเงินครบกำหนดสัญญา ซึ่งถ้ามีการจ่ายคืนแบบ "คงที่" ตรงนี้เราสามารถคำนวณจำนวนเงินได้ทันที ซึ่งมีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ ดังนั้นประกันออมทรัพย์จึงเหมาะสำหรับใครที่มีเป้าหมายเพื่อออมเงินในรูปแบบการประกันชีวิต และทำประกันชีวิตไปพร้อมๆ กัน ซึ่งตรงนี้ให้ผลตอบแทนที่มากกว่าและตรงใจ



ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้
เงินที่ได้รับจากประกันออมทรัพย์นั้นจะไม่มีการเสียภาษีใดๆ นั่นหมายถึงเราจะได้รับเงินเต็มจำนวนเมื่อครบกำหนดสัญญาของประกันออมทรัพย์ ทั้งนี้ยังสามารถใช้สิทธิเพื่อลดหย่อนภาษีได้เมื่อประกันออมทรัพย์ที่มีอายุกรรมธรรม์และคุ้มครองมากกว่า 10 ปีขึ้นไป สามารถลดหย่อนภาษีเงินได้ส่วนบุคคลได้สูงสุดปีละ 100,000 บาท

ได้รับความคุ้มครองเพิ่ม
การวางแผนทางการเงินในรูปแบบประกันออมทรัพย์ นอกจากจะเป็นการสะสมทรัพย์แล้ว ยังมีการคุ้มครองชีวิตเพิ่มเข้ามาด้วย เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินหรือไม่คาดฝันขึ้น ยังมีความคุ้มครองจากประกันออมทรัพย์ที่จะช่วยคุ้มครองดูแลเราและครอบครัว นอกจากนี้ยังสามารถซื้อประกันอื่นๆ เพิ่มเติมได้เช่น ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ โดยที่จะคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล รวมถึงเงินชดเชยรายได้ระหว่างการพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล

ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน
การลงทุนในรูปแบบประกันออมทรัพย์ ถือเป็นการลงทุนระยะยาวและสม่ำเสมอ เป็นการสร้างวินัยในการออมในรูปแบบการประกันชีวิตได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อครบสัญญาตามกรมธรรม์ ผู้ที่ถือประกันจะได้รับผลตอบแทนและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ตามกำหนด นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในด้านการลงทุนหรือวางแผนอนาคตได้อย่างมั่นคง นั่นก็คือ สามารถกู้เงินในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำจากมูลค่าเวนคืนเงินสดตามกรมธรรม์ได้ ซึ่งเป็นข้อดีสำหรับใครที่ต้องการทำการลงทุน

การฝากเงินธรรมดาทั่วไปให้ผลตอบแทนที่น้อยมากในปัจจุบัน และยังต้องมีการเสียภาษี ซึ่งประกันเหมาจ่าย เป็นอีกหนึ่งทางเลือกทางเลือกที่ดี เพื่อเพิ่มเติมผลตอบแทนในระยะยาว และยังสามารถลดหย่อนภาษีได้ แน่นอนว่าข้อดีนี้เหมาะกับใครที่มีรายได้เข้าเกณฑ์เสียภาษี ที่สำคัญยังเหมาะสำหรับใครที่กำลังมองหาการคุ้มครองชีวิต สุขภาพ รวมถึงอุบัติเหตุ ไว้ให้กับตนเองและครอบครัวอีกด้วย

19
ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจที่เป็นโรคร้ายแรงเกิดจากเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza virus) ซึ่งมีหลายสายพันธุ์ โดยสายพันธุ์หลัก ๆ ที่ก่อให้เกิดโรคในมนุษย์มีดังนี้

สายพันธุ์ของไข้หวัดใหญ่
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A: เป็นสายพันธุ์ที่พบได้บ่อยและมีความรุนแรงที่สุดมีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมได้ง่าย ทำให้เกิดสายพันธุ์ย่อยใหม่ ๆ อยู่เสมอ
สามารถพบได้ในสัตว์หลายชนิด เช่น นก สุกร และมนุษย์ ตัวอย่างสายพันธุ์ย่อยที่สำคัญ ได้แก่ H1N1 (ไข้หวัดใหญ่ 2009) และ H3N2

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B: พบได้เฉพาะในมนุษย์มีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมน้อยกว่าสายพันธุ์ A โดยทั่วไปมีความรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์ A

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ C: พบได้น้อยกว่าสายพันธุ์ A และ B โดยทั่วไปมีอาการไม่รุนแรง คล้ายไข้หวัดธรรมดาไม่ค่อยก่อให้เกิดการระบาด



อาการของไข้หวัดใหญ่จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่โดยทั่วไปจะมีอาการดังนี้:
ไข้สูง, ปวดศีรษะ, ปวดเมื่อยตามตัว, เจ็บคอ, ไอ, คัดจมูก, อ่อนเพลีย

ความรุนแรงของโรคขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของไวรัสและสุขภาพของผู้ป่วย โดยผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน ได้แก่:
เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคปอด โรคหัวใจ หรือโรคเบาหวาน หญิงตั้งครรภ์

วิธีการรักษา
การรักษาตามอาการ:พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมาก ๆ ใช้ยาลดไข้และยาแก้ปวด ยาแก้ไอและยาแก้คัดจมูก

การรักษาด้วยยาต้านไวรัส:
ยาต้านไวรัส เช่น โอเซลทามิเวียร์ (Oseltamivir) และซานามิเวียร์ (Zanamivir) สามารถช่วยลดความรุนแรงของโรคและระยะเวลาการป่วยได้ ยาเหล่านี้ควรใช้ภายใน 48 ชั่วโมงหลังจากเริ่มมีอาการ
การป้องกัน:
การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นวิธีป้องกันที่มีประสิทธิภาพที่สุด การล้างมือบ่อย ๆ การหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยการปิดปากและจมูกเมื่อไอหรือจาม หากมีอาการรุนแรงหรือมีภาวะแทรกซ้อน ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

ค่ารักษาไข้หวัดใหญ่ในโรงพยาบาลเอกชนนั้นแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น
ความรุนแรงของอาการ: หากมีอาการรุนแรงหรือมีภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดอักเสบ ค่ารักษาจะสูงขึ้น
ระยะเวลาในการรักษา: หากต้องนอนโรงพยาบาลเป็นเวลานาน ค่ารักษาจะสูงขึ้น
โรงพยาบาล: โรงพยาบาลเอกชนแต่ละแห่งมีค่ารักษาที่แตกต่างกัน
การตรวจวินิจฉัย: การตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม เช่น การตรวจเลือด การเอกซเรย์ หรือการตรวจทางห้องปฏิบัติการ จะเพิ่มค่าใช้จ่าย
ยาและเวชภัณฑ์: ยาและเวชภัณฑ์ที่ใช้ในการรักษา จะมีผลต่อค่าใช้จ่าย
โดยทั่วไปแล้ว ค่ารักษาไข้หวัดใหญ่ในโรงพยาบาลเอกชนอาจมีค่าใช้จ่ายประมาณดังนี้:

ค่าตรวจผู้ป่วยนอก (OPD): ประมาณ 1,000 - 10,000 บาทต่อครั้ง
ค่ารักษาผู้ป่วยใน (IPD): ประมาณ 46,000 - 72,000 บาท ขึ้นไปต่อการนอนโรงพยาบาล 1 ครั้ง
ข้อควรทราบ
ค่ารักษาที่กล่าวมาเป็นเพียงค่าประมาณ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้
หากซื้อประกันออนไลน์ ควรตรวจสอบความคุ้มครองและเงื่อนไขกับบริษัทประกัน

คำแนะนำ
หากมีอาการไข้หวัดใหญ่ ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษา การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นวิธีป้องกันที่มีประสิทธิภาพ
ควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง โดยการพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

20


    1. ความสูงที่เหมาะสม
    ควรเลือกใช้สุขภัณฑ์ที่มีความสูง 40-45 ซม. เพราะเหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นบุคคลทั่วไป เด็ก ผู้สูงอายุ ไปจนถึงผู้ที่ใช้วีลแชร์ เนื่องจากขณะใช้งานผู้ใช้งานจะนั่งลงบนโถสุขภัณฑ์ และเหยียบพื้นได้เต็มเท้าพอดี
    2. รูปทรงโถสุขภัณฑ์
    สำหรับรูปทรงโถสุขภัณฑ์ที่นั่งสบาย ควรเลือกใช้ทรงวงรี หรือทรงอีลองเกตที่เป็นทรงมาตรฐาน รองรับสรีระร่างกายได้อย่างเหมาะสม
    3. ระบบชำระล้าง
    ควรเลือกระบบชำระล้างที่ทำความสะอาดได้หมดจด ไม่เหลือคราบสิ่งสกปรกตกค้าง ซึ่งจะช่วยเรื่องการประหยัดน้ำได้โดยตรง เพราะในสุขภัณฑ์ที่ไม่มีคุณภาพ ทำให้ต้องกดชำระหลาย ๆ ครั้ง เป็นการสิ้นเปลืองน้ำโดยไม่จำเป็น ซึ่งเรื่องระบบชำระล้าง และความประหยัดน้ำ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณาคู่กัน
    4. เลือกสุขภัณฑ์ที่ดูแลง่าย
    เพราะสิ่งสกปรก เชื้อโรคและเชื้อไวรัสที่มองไม่เห็นนั้นมีอยู่ทุกที่ โดยเฉพาะบนโถชักโครก ดังนั้นควรเลือกชักโครกที่ทำความสะอาดง่าย สะอาดได้อย่างยาวนาน ไม่ต้องทำความสะอาดบ่อยครั้ง เพื่อปกป้องทุกคนในครอบครัวจากเชื้อโรค และลดการสัมผัสสารเคมีจากน้ำยาล้างห้องน้ำได้อีกด้วย
    5. เลือกแบรนด์ที่เป็นที่รู้จัก
    เพราะแบรนด์ที่มีชื่อเสียง จะช่วยให้เข้าถึงข้อมูลการใช้งานได้มากขึ้น รวมถึงยังได้รับบริการที่มีคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นการให้คำปรึกษาด้านการเลือกซื้อ ไปจนถึงบริการติดตั้ง และบริการหลังการขายที่ครอบคลุม จึงช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะได้เครื่องสขภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ใช้งานได้อย่างยาวนาน



ประเภทโถสุขภัณฑ์ห้องน้ำของ
    1. โถสุขภัณฑ์ชิ้นเดียว
    มีจุดเด่นอยู่ที่ดีไซน์และทำความสะอาดง่าย เนื่องจากโถส้วมถูกเชื่อมกับถังพักน้ำแบบไร้รอยต่อ ช่วยให้ติดตั้งและทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น
    2. โถสุขภัณฑ์แบบสองชิ้น
    โถชักโครกประเภทนี้ จะมีรอยต่อระหว่างตัวโถส้วมและถังพักน้ำ ซึ่งหากถังพักน้ำมีความเสียหาย มีรอยร้าว ก็สามารถเปลี่ยนอะไหล่เฉพาะส่วนได้โดยง่าย
    3. โถสุขภัณฑ์แขวนผนัง
    การติดตั้งโถแบบนี้จะช่วยให้ง่ายต่อการทำความสะอาดเป็นพิเศษ เพราะโถชักโครกไม่อยู่ติดกับพื้นแต่จะแขวนอยู่กับผนังแทน ดังนั้นผนังบ้านต้องรับน้ำหนักได้ดี และมีระยะท่อตามที่กำหนดไว้อย่างได้มาตรฐาน จึงจะสามารถติดตั้งได้
    4. โถสุขภัณฑ์ตั้งพื้น
    โถลักษณะนี้จะมีหม้อน้ำซ่อนผนังหรือใช้ฟลัชวาล์วซ่อนผนัง สามารถรับน้ำหนักได้มากเพราะมีฐานที่มั่นคง อีกทั้งการที่ไม่เห็นถังพักน้ำ ยังช่วยทำให้ห้องน้ำของคุณดูโดดเด่น มีสไตล์มากยิ่งขึ้น

จุดเด่นของโถสุขภัณฑ์ห้องน้ำ
สิ่งสำคัญที่สุดของโถสุขภัณฑ์ คือความสะอาด หากไม่ทำความสะอาดเป็นประจำ อาจก่อให้เกิดคราบสกปรก จนกลายเป็นแหล่งรวมเชื้อโรคและแบคทีเรียชนิดต่าง ๆ ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้ใช้งานได้ ด้วยเหตุนี้ จึงได้พัฒนาสาร CEFIONTECT ซึ่งเป็นสารชนิดพิเศษที่ทำให้ผิวอุปกรณ์ชักโครกเรียบลื่น ทำความสะอาดง่าย ช่วยลดความถี่ในการทำความสะอาด และลดการใช้น้ำยาล้างห้องน้ำ ซึ่งถือเป็นการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย

นอกจากความสะอาดแล้ว สิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการประหยัดน้ำจึงได้พัฒนาระบบชำระล้างที่เรียกว่า TORNADO FLUSH โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการชำระล้างด้วยกระแสน้ำที่แรง และหมุนวนครบ 360 องศา ทำให้โถสุขภัณฑ์สะอาดทั่วทุกทิศทางด้วยปริมาณน้ำที่น้อยลง โดยสุขภัณฑ์ใช้น้ำน้อยที่สุดเพียง 3.8 ลิตรเท่านั้น ถือเป็นตัวช่วยประหยัดน้ำและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย


21
ถ้าพูดถึงการวางแผนทางเงินแบบเบสิกแล้ว โดยทั่วไปหลายคนจะมีวิธีการออมเงินในรูปแบบการประกันชีวิต โดยการฝากเงินในรูปแบบการประกันชีวิต ซึ่งเป็นการวางแผนทางการเงินแบบความเสี่ยงต่ำ เพื่อรักษาเงินต้นไม่ให้หายไป แต่ก็ต้องยอมรับสิ่งที่ตามมาว่าเราจะได้รับผลตอบแทนที่น้อย ยิ่งปัจจุบันเป็นยุคที่มีอัตราดอกเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น แต่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ลดลงเรื่อยๆ แน่นอนว่าเราจำเป็นต้องมองหาแผนทางการเงินใหม่เพื่อที่จะได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น อย่างไรก็ดี ประกันออมทรัพย์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับพิจารณาในการวางแผน

เปลี่ยนเงินฝากมาเป็นประกันออมทรัพย์ หรือ ประกันสะสมทรัพย์ ดีกว่าอย่างไร
ก่อนอื่น เราจำเป็นต้องทำความรู้จักกับ ประกันออมทรัพย์ หรือ ประกันสะสมทรัพย์ กันก่อน ซึ่งประกันออมทรัพย์เป็นประกันอีกรูปแบบหนึ่ง ที่มีหลักการคือเน้นการสะสมเงิน (ออมเงินในรูปแบบการประกันชีวิต) พร้อมกับความคุ้มครองชีวิตเพิ่มขึ้นมา โดยเราจำเป็นต้องส่งเบี้ยประกันตามระยะเวลาที่กรมธรรม์ระบุไว้ เมื่อครบกำหนดประกันออมทรัพย์ก็จะจ่ายเงินคืนให้เรา ซึ่งการจ่ายเงินคืนนี้จะเป็นไปตามที่เราตกลง โดยทั่วไปแล้วจะมีการจ่ายคืนเป็นก้อน หรือจ่ายเงินคืนระหว่างทางตลอดสัญญา และในกรณีที่เราเสียชีวิตระหว่างที่ส่งกรมธรรม์ ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จะได้รับเงินก้อนที่เรียกว่า "จำนวนเงินเอาประกัน" ตามที่ระบุไว้ในกรรมธรรม์
ผลตอบแทนมากกว่า
ผลตอบแทนของประกันออมทรัพย์นั้นเราจำเป็นต้องดูจากผลประโยชน์เกี่ยวกับเงินปันผล เงินคืน และเงินครบกำหนดสัญญา ซึ่งถ้ามีการจ่ายคืนแบบ "คงที่" ตรงนี้เราสามารถคำนวณจำนวนเงินได้ทันที ซึ่งมีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ ดังนั้นประกันออมทรัพย์จึงเหมาะสำหรับใครที่มีเป้าหมายเพื่อออมเงินในรูปแบบการประกันชีวิต และทำประกันชีวิตไปพร้อมๆ กัน ซึ่งตรงนี้ให้ผลตอบแทนที่มากกว่าและตรงใจ



ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้
เงินที่ได้รับจากประกันออมทรัพย์นั้นจะไม่มีการเสียภาษีใดๆ นั่นหมายถึงเราจะได้รับเงินเต็มจำนวนเมื่อครบกำหนดสัญญาของประกันออมทรัพย์ ทั้งนี้ยังสามารถใช้สิทธิเพื่อลดหย่อนภาษีได้เมื่อประกันออมทรัพย์ที่มีอายุกรรมธรรม์และคุ้มครองมากกว่า 10 ปีขึ้นไป สามารถลดหย่อนภาษีเงินได้ส่วนบุคคลได้สูงสุดปีละ 100,000 บาท

ได้รับความคุ้มครองเพิ่ม
การวางแผนทางการเงินในรูปแบบประกันออมทรัพย์ นอกจากจะเป็นการสะสมทรัพย์แล้ว ยังมีการคุ้มครองชีวิตเพิ่มเข้ามาด้วย เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินหรือไม่คาดฝันขึ้น ยังมีความคุ้มครองจากประกันออมทรัพย์ที่จะช่วยคุ้มครองดูแลเราและครอบครัว นอกจากนี้ยังสามารถซื้อประกันอื่นๆ เพิ่มเติมได้เช่น ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ โดยที่จะคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล รวมถึงเงินชดเชยรายได้ระหว่างการพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล

ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน
การลงทุนในรูปแบบประกันออมทรัพย์ ถือเป็นการลงทุนระยะยาวและสม่ำเสมอ เป็นการสร้างวินัยในการออมในรูปแบบการประกันชีวิตได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อครบสัญญาตามกรมธรรม์ ผู้ที่ถือประกันจะได้รับผลตอบแทนและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ตามกำหนด นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในด้านการลงทุนหรือวางแผนอนาคตได้อย่างมั่นคง นั่นก็คือ สามารถกู้เงินในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำจากมูลค่าเวนคืนเงินสดตามกรมธรรม์ได้ ซึ่งเป็นข้อดีสำหรับใครที่ต้องการทำการลงทุน

การฝากเงินธรรมดาทั่วไปให้ผลตอบแทนที่น้อยมากในปัจจุบัน และยังต้องมีการเสียภาษี ซึ่งประกันเหมาจ่าย เป็นอีกหนึ่งทางเลือกทางเลือกที่ดี เพื่อเพิ่มเติมผลตอบแทนในระยะยาว และยังสามารถลดหย่อนภาษีได้ แน่นอนว่าข้อดีนี้เหมาะกับใครที่มีรายได้เข้าเกณฑ์เสียภาษี ที่สำคัญยังเหมาะสำหรับใครที่กำลังมองหาการคุ้มครองชีวิต สุขภาพ รวมถึงอุบัติเหตุ ไว้ให้กับตนเองและครอบครัวอีกด้วย

22
ปัญหาฝักบัวน้ำไม่แรงสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยแต่ละสาเหตุมีวิธีการแก้ไขที่แตกต่างกันไป ก๊อกฝักบัว แบบไหนดี เพื่อให้น้ำไหลได้แรงดั่งใจอีกครั้ง ฝักบัวน้ำไม่แรง เป็นหนึ่งในปัญหาที่คอยกวนใจใครหลาย ๆ คนอยู่เป็นประจำ เวลาอาบน้ำ ทำให้คุณไม่สามารถใช้งานฝักบัวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หากคุณกำลังมองหาสาเหตุและวิธีแก้ไขเพื่อให้น้ำไหลแรงได้ดั่งใจ



5 สาเหตุของฝักบัวน้ำไม่แรงและวิธีการแก้ไข
1. สิ่งสกปรกอุดตันฝักบัว
หากคุณใช้งานฝักบัวมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง แล้วเกิดปัญหาน้ำไม่แรงขึ้น อาจมีสาเหตุมาจากการอุดตันของคราบสกปรกหรือตะกอนต่าง ๆ ที่ปนเปื้อนมากับน้ำ ซึ่งมักจะฝังตัวอยู่ในบริเวณหัวฝักบัว สายยาง และท่อทางเดินน้ำ ทำให้น้ำฝักบัวไหลไม่แรงเท่าที่ควร

วิธีแก้ไข
ถ้าปัญหาฝักบัวน้ำไม่แรงเกิดจากสาเหตุข้างต้นนี้ล่ะก็ วิธีการแก้ไขในเบื้องต้น คือ ให้ถอดฝักบัวมาทำความสะอาด หากมีสิ่งอุดตันไม่มาก ให้ล้างด้วยน้ำสะอาด แต่หากมีสิ่งอุดตันติดแน่นมาก ให้ใช้น้ำยาแช่เอาไว้ หรืออาจจะแช่ด้วยน้ำส้มสายชูผสมกับน้ำเปล่า แล้วจึงใช้แปรงขัดออก ก็จะช่วยขจัดสิ่งที่อุดตันให้หายไปได้
 
2. แรงดันน้ำไม่มากพอ
สาเหตุหลัก ๆ อีกอย่างที่ทำให้ก๊อกฝักบัวน้ำไม่แรง คือ ปัญหาแรงดันน้ำที่เบาเกินไป รวมถึงขนาดปั๊มน้ำที่ขนาดเล็กและไม่เพียงพอต่อการใช้งานในบ้าน ส่งผลให้น้ำที่ไหลออกมาเบา หลาย ๆ บ้านเกิดปัญหานี้ในช่วงเวลาที่มีการเปิดน้ำพร้อมกันทีเดียวหลายจุด

วิธีแก้ไข
วิธีแก้ปัญหานี้ต้องใช้ผู้ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ เข้ามาตรวจเช็ครายละเอียดของปั๊มน้ำ ซึ่งเราต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมพอดีกับบ้าน ทั้งจำนวนชั้น จำนวนสมาชิก และจุดที่สามารถเปิดใช้น้ำด้วย เพื่อให้มีแรงดันน้ำที่เพียงพอกับการใช้งาน และทำให้คุณได้ใช้ฝักบัวที่น้ำไหลแรงดั่งใจต้องการ
 
3. เครื่องทำน้ำอุ่นชำรุด
อีกหนึ่งสาเหตุที่หลายคนคาดไม่ถึง คือ การเกิดปัญหากับเครื่องทำน้ำอุ่นที่เกิดการชำรุด แล้วส่งผลให้น้ำฝักบัวไม่แรง โดยส่วนใหญ่ที่พบเจอนั้น เป็นการรั่วซึมของหม้อทำน้ำอุ่น ซึ่งทำให้น้ำที่จะไหลไปยังฝักบัวรั่วซึมออกมาและเบาลงนั่นเอง บางครั้งอาจเกิดจากเครื่องทำน้ำอุ่นที่ไม่ได้ชำรุด แต่เกิดคราบตะกรันสะสมที่ฟิลเตอร์ตัวกรองสิ่งสรกปกอุดตัน เป็นเหตุให้น้ำไหลเบาได้เช่นกัน

วิธีแก้ไข
ส่วนวิธีการแก้ไข ทำได้โดยการเช็คฟิลเตอร์ตัวกรองและทำความสะอาดเบื้องต้นก่อน ถ้าทำความสะอาดแล้ว น้ําของฝักบัวยังไหลเบาอยู่ จึงค่อยทำการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนเครื่องทำอุ่นใหม่ ก็จะหมดปัญหาไปในทันที แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าปัญหาจะไม่กลับมาอีก หากคุณไม่หมั่นตรวจเช็คเครื่องทำน้ำอุ่นอย่างเป็นประจำ อาจทำให้ฝักบัวน้ำไม่แรงอีกได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้หากยังใช้งานเครื่องทำน้ำอุ่นที่ชำรุดต่อไป อาจก่อให้เกิดอันตรายอื่น ๆ ตามมาได้อีกด้วย

 
4. ระบบกรองน้ำมากเกินไป
การมีระบบกรองน้ำหลายชั้นมีข้อดีอย่างหนึ่ง คือ ช่วยให้คุณได้ใช้น้ำที่ได้สะอาด ปลอดภัย และกรองสิ่งปรกออกไปให้มากที่สุด แต่ข้อเสียที่อาจจะตามมา คือ ทำให้เกิดปัญหาน้ำฝักบัวไหลเบา เนื่องจากน้ำต้องไหลผ่านการกรองหลายชั้นมากเกินไป ซึ่งคุณคงจะไม่ชอบปัญหานี้แน่ ๆ

วิธีแก้ไข
และปัญหานี้สามารถแก้ได้จากเลือกใช้ฝักบัวที่มีระบบกรองน้ำเพียง 1-2 ชั้น หรือลดชั้นกรองให้น้อยลงไปจากฝักบัวเดิมที่ใช้อยู่ เพื่อให้น้ำได้ไหลผ่านระบบกรองเร็วขึ้น เป็นการช่วยปรับให้น้ำฝักบัวไหลแรงมากขึ้นด้วย
 


5. ฝักบัวไม่มีคุณภาพ
หลายครั้งปัญหาเกิดขึ้นจากคุณภาพของฝักบัวอาบน้ำที่ไม่ได้มาตรฐาน  ทั้งจากวัสดุใช้ที่ไม่มีคุณภาพในการผลิต รวมถึงไม่ได้ออกแบบให้ตอบโจทย์การใช้งานที่ต้องการน้ำไหลแรงนั่นเอง


23
ริ้วรอย คือ สภาพของผิวซึ่งมีรอยพับเป็นเส้น เป็นร่องบนผิวหนัง โดยธรรมชาติแล้ว คนเราจะเริ่มมีริ้วรอยเพิ่มมากขึ้นตามวัย เพราะเกิดจากโครงสร้างของผิวเสื่อมสภาพตามอายุที่เพิ่มขึ้น ช่วงอายุแตกต่างกันไปตามลักษณะพันธุกรรม การดูแลผิว และพฤติกรรมในการใช้ชีวิต ผู้ที่พักผ่อนน้อย ดูแลสุขภาพไม่ดี มีเรื่องเครียด ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ หรือตากแดดโดยไม่ป้องกันผิว ก็อาจจะเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ง่ายกว่าคนในวัยเดียวกันที่ใส่ใจดูแลผิวและสุขภาพ

   เมื่อเริ่มเกิดริ้วรอยขึ้นแล้ว หากปล่อยทิ้งไว้ไม่ดูแลรักษา ริ้วรอยต่าง ๆ ก็มักจะพัฒนาต่อเนื่องจากตื้น จนกลายเป็นร่องลึกและเห็นเป็นริ้วรอยถาวร แก้ไขได้ลำบากในที่สุด



ริ้วรอยแบ่งเป็นชนิดไหนได้บ้าง และวิธีแก้ไข
ริ้วรอยที่เป็นร่องตื้น ๆ (fine lines, rhytids)
   เป็นริ้วรอยที่มักเกิดในบริเวณที่ผิวเริ่มเสื่อมสภาพ ขาดcollagen และ elastin มักพบในพื้นที่ที่ผิวบอบบาง ขาดการบำรุง มีความชุ่มชื้นไม่เพียงพอ เช่น บริเวณรอบดวงตา ริมฝีปาก
   การแก้ไข มักใช้เครื่องมือทางการแพทย์เพื่อ rejuvenation ทำทรีตเม้นต์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น รวมไปถึงการใช้ตัวยา เช่น hydrodelux, exosome เพื่อกระตุ้นการสร้าง collagen

ริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า (dynamic lines)
   เป็นริ้วรอยที่เกิดขึ้นเมื่อมีการแสดงสีหน้า เกิดจากการขยับของกล้ามเนื้อบนใบหน้า เช่น การขมวดคิ้ว เลิกหน้าผาก ซึ่งเมื่อมีการขยับซ้ำ ๆ ทำบ่อย ๆ ก็จะทำให้ผิวหนังชั้นบนที่ถูกพับตามรอยกล้ามเนื้อถูกเร่งให้เสื่อมสภาพได้ง่าย และสามารถพัฒนาไปเป็นริ้วรอยถาวรได้
   การแก้ไข ทำได้โดยการใช้ Botulinum Toxin (BOTOX) เพื่อช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อในบริเวณที่มีปัญหา ทำให้กล้ามเนื้อขยับได้น้อยลงในตำแหน่งที่เหมาะสม

ริ้วรอยถาวร (static lines)
   เป็นริ้วรอยที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของผิวหนัง เป็นส่วนที่มี collagen และ elastin ในผิวลดน้อยลง ขาดความยืดหยุ่น ทำให้มองเห็นเป็นเส้นร่องลึก เห็นได้ชัดเจนโดยไม่ต้องแสดงสีหน้า
   แก้ไขโดยการใช้เครื่องมือแพทย์เพื่อช่วยในการฟื้นฟูคุณภาพผิว เน้นไปที่ผิวบน เช่น การใช้ Needle RF ร่วมกับตัวยาที่ช่วยกระตุ้นการสร้าง collagenในการรักษา

ริ้วรอยร่องพับ (folds)
   เป็นริ้วรอยที่เกิดจากความหย่อนคล้อยของผิวบนใบหน้า ทำให้ผิวหย่อนลงมาจนเกิดร่องพับ เช่น ร่องแก้ม ร่องข้างมุมปาก
   แก้ไขโดยใช้เครื่องมือแพทย์เพื่อยกกระชับหน้า ทำให้ผิวที่หย่อนคล้อยมีความแน่น และยกโครงสร้างหน้าให้ดีขึ้น อาจใช้ควบคู่กับการปรับรูปหน้าด้วย filler เพื่อแก้ไขปัญหาร่องพับที่ลึกมาก

การป้องกัน
1.   ใช้ครีมบำรุงผิวที่เน้นให้ความชุ่มชื้นอย่างสม่ำเสมอ ป้องกันไม่ให้ผิวแห้ง เพราะผิวที่ขาดน้ำจะเกิดริ้วรอยได้ง่ายกว่า
2.   ทาครีมกันแดด เมื่อต้องเผชิญกับรังสี UV เนื่องจาก ในแสงแดดและแสงจ้าจากไฟ spotlight มีรังสี UVA ซึ่งจะทำลายทำให้เซลล์เราเสื่อมสภาพได้ง่าย
3.   งดการสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะยิ่งทำให้ผิวขาดน้ำ และมีสารอนุมูลอิสระที่เร่งให้เกิดความเสื่อมของเซลล์ได้ง่าย
4.   พักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง เข้านอนเป็นเวลา เพื่อให้ hormone ที่ช่วยยับยั่งความชรา สร้างและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
5.   ทานอาหาร หรือsupplement ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์


24
หากเราวางแผนชีวิตไว้ดีเช่นไร ในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤตกับสภาพเศรษฐกิจในครอบครัว ปัญหาหนึ่งคือการขาดสภาพคล่องจำนวนเงินและภาระค่าใช้ต่างๆ หากวันหนึ่งประสบปัญหาทางการเงินจนทำให้จ่ายค่าเบี้ยประกันสุขภาพไม่ไหว ทางเลือกต่อไปนี้จะช่วยให้เรายังคงได้รับความคุ้มครองตามสัญญาประกันชีวิต (ขึ้นอยู่กับประเภทและเงื่อนไขของกรมธรรม์) แม้เงื่อนไขอาจต้องเปลี่ยนแปลงไปบ้างสำหรับบางกรณี

1. ชำระเบี้ยประกันในระยะเวลาผ่อนผัน
   ผู้ซื้อประกันชีวิตหลายคนไม่ทราบข้อกำหนดเรื่องระยะเวลาผ่อนผันการชำระเบี้ย 31 วัน นับตั้งแต่วันที่ครบกำหนดชำระเบี้ย ดังนั้น  หากถึงกำหนดชำระแล้วยังมีเงินไม่เพียงพอ  แต่จะสามารถหาเงินมาได้ครบจำนวนทันเวลาดังกล่าว การเลื่อนชำระตามกำหนดมาเป็นช่วงระยะเวลาผ่อนผันก็นับเป็นวิธีแก้ไขปัญหาที่ดี ซึ่งในระหว่างระยะเวลาผ่อนผันกรมธรรม์ยังคงมีผลบังคับ และถ้าระหว่างนั้นเราเสียชีวิต บริษัทจะหักเบี้ยประกันที่ยังไม่ได้จ่ายออกจากทุนประกันชีวิต สิ่งสำคัญคือ ต้องระวังไม่ปล่อยให้พ้นระยะเวลาผ่อนผันถ้าเลยเวลาแล้ว แต่กรมธรรม์ยังมีมูลค่าเวนคืน (คือ เมื่อชำระเบี้ยประกันตั้งแต่ 2 หรือ 3 ปี ขึ้นไป)  กรมธรรม์จะมี “มูลค่าเวนคืน” เป็นจำนวนเงินตามจำนวนที่กำหนดไว้ในตารางมูลค่ากรมธรรม์ ซึ่งเราสามารถขอยกเลิกกรมธรรม์เพื่อรับเงินค่าเวนคืนจากบริษัทได้ แต่จะทำให้ความคุ้มครองทั้งหมดสิ้นสุดลง) บริษัทจะนำมูลค่าเวนคืนมาใช้ในการแก้ไขปัญหาการไม่ชำระเบี้ยประกันของเรา เช่น เปลี่ยนเป็นกรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จหรือเป็นกรมธรรม์แบบขยายเวลาตามข้อ 5 หรือชำระเบี้ยอัตโนมัติตามข้อ 6 ที่จะ กล่าวถึงต่อไป แต่ถ้ากรมธรรม์ไม่มีมูลค่าเวนคืน กรมธรรม์จะขาดอายุและสิ้นผลบังคับ



2. ขอเปลี่ยนงวดการชำระเบี้ยประกัน
   หากประเมินสถานการณ์แล้วว่า จะหาเงินก้อนมาชำระค่าเบี้ยรายปีไม่ทันระยะเวลาผ่อนผันตามข้อ 1 
หรือเก็บเงินก้อนไม่สำเร็จ แต่ยังคงมีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ การเปลี่ยนจากชำระเงินคราวเดียวเป็นก้อนใหญ่รายปี (ราย 12 เดือน) มาเป็นแบ่งชำระ
ทุกเดือน ทุก 3 เดือน หรือ 6 เดือน ก็อาจเป็นทางออกให้เรา แต่วิธีนี้มีข้อเสียคือค่าเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายเมื่อรวมทุกงวดในรอบปีเดียวกันจะสูงกว่า
การชำระ เบี้ยเป็นรายปี ยิ่งแบ่งงวดการชำระมากเท่าไหร่ ค่าเบี้ยประกันโดยรวมจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย จึงควรไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจเปลี่ยนงวดการชำระ

3. ลดจำนวนเงินเอาประกันภัยลง
          หากมองไปในอนาคตแล้วเห็นว่าเบี้ยประกันที่จ่ายอยู่จะเป็นภาระที่มากเกินไปในระยะยาวหรือเห็นว่าจะชำระไม่ไหว การลดจำนวนเงินเอาประกันลงก็จะช่วยให้เบี้ยประกันที่ต้องจ่ายลดลง โดยจำนวนเงินเอาประกันที่ขอลดต้องไม่ต่ำกว่าทุนประกันขั้นต่ำที่กำหนด และต้องไม่มีหนี้กับบริษัทประกันชีวิตนั้นขณะขอลดทุนประกัน

4. เปลี่ยนแบบกรมธรรม์
          เราสามารถขอเปลี่ยนแบบประกันภัยเป็นแบบอื่นตามที่บริษัทกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขไว้ หากมีระบุไว้ในกรมธรรม์หรือได้รับความเห็นชอบจากบริษัท และหากมีส่วนต่างของเบี้ยประกันหรือเงินค่าเวนคืนกรมธรรม์ บริษัทจะคืนเงินให้หลังหักด้วยหนี้สินที่มี หรือเก็บเงินเพิ่มแล้วแต่กรณี แต่ต้องไม่ลืมที่จะพิจารณาก่อนว่าประกันแบบใหม่นั้นตรงตามความต้องการของตัวเองหรือไม่

5. เปลี่ยนเป็น “กรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จ” หรือเป็น “กรมธรรม์แบบขยายเวลา”
          หากคิดแล้วว่าจากนี้ไปจะต้องตัดรายจ่ายค่าเบี้ยประกันออกอย่างถาวรหรือไม่สามารถชำระได้อีก แต่ได้ชำระเบี้ยประกันจนมีมูลค่าเวนคืนกรมธรรม์และกรมธรรม์ยังมีผลบังคับ เรามีสิทธิขอเปลี่ยนเป็นกรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จหรือเป็นกรมธรรม์แบบขยายเวลา สำหรับทั้ง 2 วิธีนี้ ผู้เอาประกันจะไม่ต้องชำระเบี้ยประกันอีกต่อไป แต่ความคุ้มครองของสัญญาเพิ่มเติมที่แนบท้ายกรมธรรม์ก็จะสิ้นสุดลง ซึ่งบริษัทจะนำค่าเวนคืนกรมธรรม์มาคำนวณเป็นเบี้ยประกันภัยชำระครั้งเดียวเพื่อซื้อกรมธรรม์ใหม่ ได้ 2 แบบที่เหมาะกับเรา คือ (1) ระยะเวลาเท่าเดิมแต่เงินเอาประกันลด เรียกว่ากรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จ หรือ (2) เงินเอาประกันเท่าเดิม ระยะเวลาลด เรียกว่ากรมธรรม์ขยายเวลา (คือขยายเวลาต่อไปจากวันที่ใช้สิทธิ ตามจำนวนปีและวันที่ระบุ)

6. นำมูลค่าเวนคืนมาชำระเบี้ยประกันภัยโดยอัตโนมัติ
          เมื่อถึงกำหนดวันสิ้นสุดระยะเวลาผ่อนผันชำระเบี้ยประกัน แล้วยังไม่ได้จ่ายเบี้ยประกัน และไม่ได้ใช้สิทธิตามข้อ 5 บริษัทจะนำมูลค่าเวนคืนในกรมธรรม์มาชำระเบี้ยประกันโดยอัตโนมัติในลักษณะของการกู้ยืม ซึ่งคิดดอกเบี้ยทบต้นในอัตราดอกเบี้ยที่ระบุในกรมธรรม์และบวกเพิ่มดอกเบี้ยอีกร้อยละ 2 ต่อปี โดยมีเงื่อนไขว่าถ้ามูลค่าเวนคืนเพียงพอจ่ายเบี้ยประกัน บริษัทจะกู้ยืมไปเรื่อย ๆ ทุกปี จนกว่ามูลค่าจะเหลือไม่พอ แต่ถ้ามูลค่าเวนคืนไม่พอจ่ายเบี้ยประกัน บริษัทจะแปลงกรมธรรม์เดิมเป็น “กรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จ” หรือ “กรมธรรม์แบบขยายเวลา” (ข้อ 5) โดยอัตโนมัติ ส่วนการชำระคืนเงินกู้นั้น สามารถนำเงินมาจ่ายคืนได้ภายหลังพร้อมดอกเบี้ยตามที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์

25
ห้องน้ำสมัยใหม่ไม่ใช่แค่สถานที่ใช้สำหรับทำธุระส่วนตัวแล้วออกไปเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่ที่ช่วยให้เราสามารถเริ่มต้นและจบวันด้วยความรู้สึกดี ซึ่งหมายความว่าห้องน้ำไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของการใช้งานเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงความสะดวกสบายและความสวยงาม การเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสมจึงสามารถช่วยเสริมทั้งสองด้านนี้ได้ และในบรรดาอุปกรณ์เหล่านี้ อ่างล้างหน้าห้องน้ำก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง มีอ่างล้างหน้าห้องน้ำหลายประเภท ซึ่งแต่ละแบบก็มีข้อดีเฉพาะด้านในเรื่องของสไตล์และการใช้งาน

    1.อ่างล้างหน้าติดผนัง (Wall-Hung Basins)
    เหมาะสำหรับ: ห้องน้ำสมัยใหม่ขนาดกะทัดรัด ที่ต้องการใช้พื้นที่บนพื้นให้มากที่สุด
อ่างล้างหน้าติดผนังจะถูกติดตั้งโดยตรงกับผนัง ทำให้พื้นด้านล่างว่างเปล่า การออกแบบนี้ไม่เพียงแต่ให้ลุคที่ดูเรียบหรูและร่วมสมัย แต่ยังช่วยเพิ่มพื้นที่ว่างด้านล่างให้สามารถใช้งานได้ดีขึ้น อ่างล้างหน้าประเภทนี้เหมาะกับห้องน้ำขนาดเล็กหรือห้องแต่งตัวที่มีพื้นที่จำกัด นอกจากนี้ ยังเป็นอุปกรณ์ที่สามารถปรับใช้ร่วมกับเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ได้หลากหลาย หรือใช้เป็นชิ้นเดียวก็ได้ขึ้นอยู่กับพื้นที่และความชอบของแต่ละคน

    2.อ่างล้างหน้าบนเคาน์เตอร์ (Countertop Basins)
    เหมาะสำหรับ: ห้องน้ำที่มีพื้นที่เคาน์เตอร์กว้าง มักพบในห้องน้ำขนาดใหญ่หรือห้องน้ำหลัก
วางอยู่บนตู้เฟอร์นิเจอร์หรือเคาน์เตอร์ อ่างล้างหน้าประเภทนี้มีชื่อเสียงในด้านความสวยงามและความทันสมัย เป็นจุดศูนย์กลางที่น่ามองในห้องน้ำ มีหลายรูปทรงและวัสดุให้เลือก ทำให้สามารถปรับแต่งให้เข้ากับสไตล์และรสนิยมได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ ยังมีความยืดหยุ่นในการติดตั้ง เข้ากันได้ดีกับเฟอร์นิเจอร์ห้องน้ำหลากหลายแบบ



    3.อ่างล้างหน้าแบบฝังใต้เคาน์เตอร์ (Undercounter Basins)
    เหมาะสำหรับ: ห้องน้ำที่ต้องการความเรียบเนียนและสะอาดเป็นพิเศษ
อ่างล้างหน้าประเภทนี้มักติดตั้งใต้เคาน์เตอร์เพื่อให้ได้รูปลักษณ์ที่เรียบเสมอกันและไร้รอยต่อ อ่างจะมองไม่เห็นจากด้านบน เหลือไว้เพียงขอบและภายในเท่านั้น เป็นตัวเลือกยอดนิยมในกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบความมินิมอลและความเรียบร้อย อ่างล้างหน้าประเภทนี้ง่ายต่อการทำความสะอาดและดูแลรักษา ช่วยเสริมความเรียบร้อยและความสวยงามให้กับดีไซน์ห้องน้ำ

    4.อ่างล้างหน้าฝังครึ่งเคาน์เตอร์ (Semi-Recessed Basins)
    เหมาะสำหรับ: ห้องน้ำที่มีพื้นที่จำกัดแต่ยังต้องการความสวยงามของอ่างบนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า
อ่างล้างหน้าฝังครึ่งเคาน์เตอร์เป็นการผสมผสานระหว่างอ่างบนเคาน์เตอร์และอ่างแบบติดตั้งเข้าไปในเคาน์เตอร์ บางส่วนของอ่างจะตั้งอยู่บนพื้นผิวเคาน์เตอร์ โดยส่วนหน้าของอ่างจะยื่นออกมานอกขอบ การออกแบบนี้ให้ประโยชน์ของอ่างบนเคาน์เตอร์ในขณะที่ช่วยประหยัดพื้นที่บนเคาน์เตอร์ เป็นทางเลือกที่ดีในห้องน้ำที่มีข้อจำกัดด้านพื้นที่ แต่ยังคงต้องการความสวยงามและความสะดวกในการใช้งาน

    5.อ่างล้างหน้าแบบขาตั้ง (Pedestal Sinks)
    เหมาะสำหรับ: การออกแบบห้องน้ำแบบคลาสสิกและดั้งเดิมที่พบได้ในบ้านเก่า
อ่างล้างหน้าประเภทนี้ประกอบด้วยอ่างที่ติดตั้งบนแท่นเสา ซึ่งช่วยสร้างลุคคลาสสิกและไม่มีวันตกยุคได้อย่างลงตัว กระบอกเสาช่วยซ่อนท่อน้ำและสายไฟ ทำให้ห้องน้ำดูเรียบร้อยและสวยงาม มีดีไซน์ที่หลากหลาย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเพิ่มความวินเทจหรือความคลาสสิกให้กับห้องน้ำ

การเลือกใช้อ่างล้างหน้าที่เหมาะสมสามารถเพิ่มความสวยงามและความสะดวกสบายให้กับห้องน้ำได้อย่างมาก ลองพิจารณาเลือกตามพื้นที่และสไตล์ที่ต้องการ เพื่อสร้างห้องน้ำในแบบที่เป็นตัวเองที่สุด


26
ผิวหน้ามีริ้วรอย หย่อนคล้อยเป็นสัญญาณแห่งวัยที่หลีกเลี่ยงได้ยาก แต่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะชะลอและฟื้นฟู สาเหตุของผิวหน้าหย่อนคล้อยคืออะไร และมีวิธีบำรุงรักษาอย่างไรให้ผิวกลับมาดูอ่อนเยาว์อีกครั้ง
เมื่อกาลเวลาผ่านไป สัญญาณแห่งวัยก็เริ่มปรากฏขึ้น หนึ่งในปัญหาที่สร้างความกังวลใจให้กับหลายๆ คนคือ "ผิวหน้าหย่อนคล้อย" ไม่ว่าจะเป็นแก้มที่ดูไม่กระชับ คางสองชั้นที่เริ่มเห็นชัด หรือริ้วรอยที่ปรากฏตามจุดต่างๆ ปัญหาเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อความมั่นใจและภาพลักษณ์โดยรวม

ผิวหน้าหย่อนคล้อยเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ทั้งที่ควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ ดังนี้:
    อายุที่เพิ่มขึ้น: เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินได้น้อยลง ซึ่งเป็นโครงสร้างสำคัญที่ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นและกระชับ
    แสงแดด: รังสี UV จากแสงแดดทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
    การแสดงสีหน้าซ้ำๆ: การยิ้ม ขมวดคิ้ว หรือหรี่ตาซ้ำๆ เป็นเวลานาน ทำให้เกิดริ้วรอยร่องลึกและผิวหย่อนคล้อยได้
    การสูบบุหรี่: สารนิโคตินในบุหรี่ทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวดูแก่กว่าวัย
    การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว: การสูญเสียน้ำหนักอย่างรวดเร็วอาจทำให้ผิวไม่มีเวลาปรับตัว ทำให้เกิดความหย่อนคล้อย
    พันธุกรรม: บางคนอาจมีแนวโน้มที่จะมีผิวหย่อนคล้อยเร็วกว่าคนอื่นเนื่องจากพันธุกรรม



วิธีบำรุงรักษาและชะลอผิวหน้าหย่อนคล้อย
แม้ว่าเราจะไม่สามารถหยุดยั้งกระบวนการชราตามธรรมชาติได้ แต่เราสามารถชะลอและฟื้นฟูยกกระชับหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้นได้ด้วยวิธีการบำรุงที่ถูกต้องและสม่ำเสมอ:

    การดูแลผิวด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสม:
        ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอยด์ (Retinoids): ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ลดริ้วรอย และปรับสภาพผิว
        ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซี (Vitamin C): เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
        ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid): ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ดูอิ่มฟู และลดริ้วรอยตื้นๆ
        ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเปปไทด์ (Peptides): ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น
        ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไนอะซินาไมด์ (Niacinamide): ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว ลดการอักเสบ และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ

ทางเลือกอื่นๆ สำหรับการยกกระชับผิว (ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ):
หากปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อยมีความรุนแรง และการบำรุงด้วยผลิตภัณฑ์เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ อาจพิจารณาทางเลือกอื่นๆ ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่คลินิก เช่น:
    การทำเลเซอร์ยกกระชับ: เลเซอร์บางชนิดสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและยกกระชับผิวได้
    การทำอัลตราซาวด์ยกกระชับ (Ultrasound Lifting): เป็นการใช้พลังงานอัลตราซาวด์เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวที่ลึกขึ้น
    การทำคลื่นวิทยุ (Radiofrequency - RF): เป็นการใช้พลังงานคลื่นวิทยุเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและยกกระชับผิว
    การฉีดฟิลเลอร์ (Fillers): ใช้เพื่อเติมเต็มริ้วรอยร่องลึก และช่วยยกกระชับผิวในบางบริเวณ
    การร้อยไหม (Thread Lifting): เป็นการใช้ไหมทางการแพทย์สอดเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อยกกระชับผิว
    การผ่าตัดดึงหน้า (Facelift Surgery): เป็นวิธีการที่ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุด แต่ก็มีความเสี่ยงและระยะเวลาพักฟื้นที่ยาวนานกว่า

27
ประกันออนไลน์ การวางแผนชีวิตและการวางแผนด้านสุขภาพของคนในสังคมปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การดูแลสุขภาพการกิน การออกกำลังกาย ไปจนถึงการสร้างหลักประกันให้สุขภาพ แต่ก็ยังมีคนจำนวนไม่น้อยมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว
ถ้าใครได้เข้ามาอ่านบทความนี้ มาเปลี่ยน 5 ความเชื่อเดิมๆ เป็นการสร้างแนวคิดใหม่เกี่ยวกับการทำประกันสุขภาพกัน

มาเริ่มกันที่ความเชื่อแรก “แข็งแรงอยู่แล้ว ไม่ต้องทำประกันสุขภาพ”
เป็นความเชื่อที่ผิดอย่างมาก เพราะความเป็นจริงคนที่มีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีประวัติการเจ็บป่วย จะได้รับการพิจารณาจากบริษัทประกันได้ง่ายกว่า แต่ในทางกลับกันหากเรามีสุขภาพที่ไม่แข็งแรงและเคยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลด้วยโรคต่างๆ บริษัทประกันอาจนำข้อมูลส่วนนี้มาพิจารณาเพิ่มเติม ทำให้การทำประกันนั้นยากขึ้น หรือ อาจจะไม่รับไปกันเลยก็ได้



ความเชื่อที่สอง “ประกันสวัสดิการที่ได้จากบริษัท เพียงพอแล้ว”
อย่าพึ่งชะล่าใจไปค่ะ เนื่องจากแต่ละบริษัทมีมาตรการความคุ้มครองสุขภาพของพนักงานที่แตกต่างกันออกไป บางที่ให้การคุ้มครองรอบด้าน แต่บางองค์กรนั้น อาจมีความคุ้มครองที่ไม่ครอบคลุม หรือเพียงพอกับค่ารักษาพยาบาล และต้องไม่ลืมว่าเราไม่ได้ทำงานที่นั้นตลอดไป อีกทั้งการเจ็บป่วยสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรละเลยการพิจารณาการทำประกันแบบส่วนบุคคลติดตัวไว้

ความเชื่อที่สาม “อายุยังน้อย ประกันไม่จำเป็น”
ในขณะที่เราอายุยังไม่มากนัก มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงจึงคิดว่าการทำประกันเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น ทั้งที่ความเป็นจริงการทำประกันคือการบริหารความเสี่ยงในทุกๆ ด้านที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะยิ่งอายุมากความเสี่ยงก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งการทำประกันในขณะที่อายุยังน้อยมีข้อได้เปรียบสูง ทั้งค่าเบี้ยที่ถูกกว่าคนทำประกันในอายุที่มากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้มีเงินสำรองในการรักษาพยาบาลยามฉุกเฉินในอนาคตได้

ความเชื่อที่สี่ “ไม่จำเป็นต้องทำประกันบำนาญ” 
รู้หรือไม่ว่าการมีทางเลือกของแผนประกันบำนาญเป็นเรื่องที่เราควรเตรียมความพร้อมไว้ตั้งแต่อายุยังน้อย เพื่อให้มีค่าใช้จ่ายไว้ดูแลตัวเองในยามที่เกษียณอายุ อีกทั้งหากเราเริ่มทำประกันบำนาญตั้งแต่เนิ่นๆ นอกจากจะชำระเบี้ยในอัตราที่น้อยกว่า ยังอาจเป็นหนึ่งทางเลือกดีๆ ให้เกษียณอายุก่อนกำหนดได้อีกด้วย นอกจากจะได้เก็บเงินเพื่ออนาคตของคุณแล้ว ประกันบำนาญยังลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 300,000 บาทอีกด้วย

ความเชื่อที่ห้า “โรคร้ายแรงเป็นเรื่องไกลตัว”
อันนี้คิดผิดคิดใหม่ได้เลย เพราะทุกวันนี้โลกเราเต็มไปด้วยสารเคมีและมลภาวะอันก่อให้เกิดโรคร้ายไม่ว่าจะเป็น  โรคมะเร็ง โรคปอด โรคหัวใจ และอื่นๆ อีกมากมาย ดังนั้นโรคร้ายล้วนเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเป็นอย่างมาก เราไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายที่เคยแข็งแรง ดังนั้นการมีประกันสุขภาพไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ จึงเป็นเรื่องที่ดีที่สุดเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตที่คุณไม่อาจคาดเดาได้ ประกันสุขภาพที่ไหนดี

จากเหตุการณ์การแพร่ระบาดของเชื่อไวรัสต่างๆที่ผ่านมา ก็ทำให้คุณมองเห็นในส่วนหนึ่งแล้วว่า โรคภัยต่างๆไม่ได้อยู่ไกลตัวคุณเลย รวมถึงการเจ็บป่วย สถิติของผู้ป่วยโรคร้ายที่สูงขึ้นในแต่ละวัน ประกันชีวิตและประกันสุขภาพจึงมีความจำเป็นอย่างมากในปัจจุบันและอนาคตของคุณ ประกันชีวิตและประกันสุขภาพมีหลากหลายรูปแบบที่ออกมาให้คุณได้เลือกทำตรงตามความต้องการของคุณได้อีกด้วย


28
ช่วงนี้อากาศร้อนมาก เรามาช่วยกันรักโลกให้มากขึ้นกันเถอะ ใครมีไอเทมรักษ์โลกเด็ด ๆ ปัง ๆ อยากป้ายยาคอมเมนต์เสนอไอเทมมาเลย



ในยุคที่เราเผชิญกับปัญหาภาวะโลกร้อน การช่วยเหลือโลกและดูแลสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่สำคัญและเราทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ง่ายๆ ผ่านการใช้ไอเทมรักษ์โลก ที่ไม่เพียงแต่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นการส่งเสริมวิถีชีวิตที่ยั่งยืนด้วย.

1. ถุงผ้า
การใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติกเป็นหนึ่งในวิธีง่ายๆ ที่ช่วยลดขยะพลาสติกในสภาพแวดล้อมได้มาก ถุงผ้ามักมีความทนทานและสามารถใช้งานได้ซ้ำหลายครั้ง นอกจากนี้ยังเป็นการลดการผลิตถุงพลาสติกซึ่งเป็นต้นเหตุของมลพิษที่จะทำให้โลกร้อนขึ้น

2. ขวดน้ำรีฟิล
การเปลี่ยนจากการซื้อน้ำดื่มบรรจุขวดมาใช้ขวดน้ำแบบรีฟิล ช่วยลดการใช้พลาสติกขวดเดียวทิ้ง นอกจากนี้ยังเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว คุณสามารถเติมน้ำจากที่บ้านหรือสถานที่ที่มีน้ำสะอาดได้ตลอดเวลา

3. ไฟ LED
การเปลี่ยนหลอดไฟจากหลอดไส้หรือลอดฟลูออเรสเซนต์มาเป็นไฟ LED ช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่า 80% นั่นหมายถึงการลดการใช้พลังงานจากแหล่งที่ผลิตพลังงานที่มักมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

4. แผ่นทำความเย็นจากธรรมชาติ
สำหรับผู้ที่ต้องการคงความเย็นภายในบ้านในช่วงฤดูร้อน การใช้แผ่นทำความเย็นจากธรรมชาติ เช่น แผ่นหวายหรือแผ่นเซรามิค สามารถลดการใช้เครื่องปรับอากาศได้ ช่วยประหยัดไฟฟ้าและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

5. สินค้าจากวัสดุรีไซเคิล
การเลือกซื้อสินค้าที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลไม่เพียงแต่ช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ แต่ยังเป็นการสนับสนุนการผลิตที่ยั่งยืน เช่น กระดาษรีไซเคิล หรือตู้เย็นที่ทำจากวัสดุยั่งยืน


29
ถ้าพูดถึงการวางแผนทางเงินแบบเบสิกแล้ว โดยทั่วไปหลายคนจะมีวิธีการออมเงินในรูปแบบการประกันชีวิต โดยการฝากเงินในรูปแบบการประกันชีวิต ซึ่งเป็นการวางแผนทางการเงินแบบความเสี่ยงต่ำ เพื่อรักษาเงินต้นไม่ให้หายไป แต่ก็ต้องยอมรับสิ่งที่ตามมาว่าเราจะได้รับผลตอบแทนที่น้อย ยิ่งปัจจุบันเป็นยุคที่มีอัตราดอกเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น แต่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ลดลงเรื่อยๆ แน่นอนว่าเราจำเป็นต้องมองหาแผนทางการเงินใหม่เพื่อที่จะได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น อย่างไรก็ดี ประกันออมทรัพย์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับพิจารณาในการวางแผน

เปลี่ยนเงินฝากมาเป็นประกันออมทรัพย์ หรือ ประกันสะสมทรัพย์ ดีกว่าอย่างไร
ก่อนอื่น เราจำเป็นต้องทำความรู้จักกับ ประกันออมทรัพย์ หรือ ประกันสะสมทรัพย์ กันก่อน ซึ่งประกันออมทรัพย์เป็นประกันอีกรูปแบบหนึ่ง ที่มีหลักการคือเน้นการสะสมเงิน (ออมเงินในรูปแบบการประกันชีวิต) พร้อมกับความคุ้มครองชีวิตเพิ่มขึ้นมา โดยเราจำเป็นต้องส่งเบี้ยประกันตามระยะเวลาที่กรมธรรม์ระบุไว้ เมื่อครบกำหนดประกันออมทรัพย์ก็จะจ่ายเงินคืนให้เรา ซึ่งการจ่ายเงินคืนนี้จะเป็นไปตามที่เราตกลง โดยทั่วไปแล้วจะมีการจ่ายคืนเป็นก้อน หรือจ่ายเงินคืนระหว่างทางตลอดสัญญา และในกรณีที่เราเสียชีวิตระหว่างที่ส่งกรมธรรม์ ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จะได้รับเงินก้อนที่เรียกว่า "จำนวนเงินเอาประกัน" ตามที่ระบุไว้ในกรรมธรรม์
ผลตอบแทนมากกว่า
ผลตอบแทนของประกันออมทรัพย์นั้นเราจำเป็นต้องดูจากผลประโยชน์เกี่ยวกับเงินปันผล เงินคืน และเงินครบกำหนดสัญญา ซึ่งถ้ามีการจ่ายคืนแบบ "คงที่" ตรงนี้เราสามารถคำนวณจำนวนเงินได้ทันที ซึ่งมีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ ดังนั้นประกันออมทรัพย์จึงเหมาะสำหรับใครที่มีเป้าหมายเพื่อออมเงินในรูปแบบการประกันชีวิต และทำประกันชีวิตไปพร้อมๆ กัน ซึ่งตรงนี้ให้ผลตอบแทนที่มากกว่าและตรงใจ



ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้
เงินที่ได้รับจากประกันออมทรัพย์นั้นจะไม่มีการเสียภาษีใดๆ นั่นหมายถึงเราจะได้รับเงินเต็มจำนวนเมื่อครบกำหนดสัญญาของประกันออมทรัพย์ ทั้งนี้ยังสามารถใช้สิทธิเพื่อลดหย่อนภาษีได้เมื่อประกันออมทรัพย์ที่มีอายุกรรมธรรม์และคุ้มครองมากกว่า 10 ปีขึ้นไป สามารถลดหย่อนภาษีเงินได้ส่วนบุคคลได้สูงสุดปีละ 100,000 บาท

ได้รับความคุ้มครองเพิ่ม
การวางแผนทางการเงินในรูปแบบประกันออมทรัพย์ นอกจากจะเป็นการสะสมทรัพย์แล้ว ยังมีการคุ้มครองชีวิตเพิ่มเข้ามาด้วย เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินหรือไม่คาดฝันขึ้น ยังมีความคุ้มครองจากประกันออมทรัพย์ที่จะช่วยคุ้มครองดูแลเราและครอบครัว นอกจากนี้ยังสามารถซื้อประกันอื่นๆ เพิ่มเติมได้เช่น ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ โดยที่จะคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล รวมถึงเงินชดเชยรายได้ระหว่างการพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล

ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน
การลงทุนในรูปแบบประกันออมทรัพย์ ถือเป็นการลงทุนระยะยาวและสม่ำเสมอ เป็นการสร้างวินัยในการออมในรูปแบบการประกันชีวิตได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อครบสัญญาตามกรมธรรม์ ผู้ที่ถือประกันจะได้รับผลตอบแทนและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ตามกำหนด นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในด้านการลงทุนหรือวางแผนอนาคตได้อย่างมั่นคง นั่นก็คือ สามารถกู้เงินในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำจากมูลค่าเวนคืนเงินสดตามกรมธรรม์ได้ ซึ่งเป็นข้อดีสำหรับใครที่ต้องการทำการลงทุน

การฝากเงินธรรมดาทั่วไปให้ผลตอบแทนที่น้อยมากในปัจจุบัน และยังต้องมีการเสียภาษี ซึ่งประกันเหมาจ่าย เป็นอีกหนึ่งทางเลือกทางเลือกที่ดี เพื่อเพิ่มเติมผลตอบแทนในระยะยาว และยังสามารถลดหย่อนภาษีได้ แน่นอนว่าข้อดีนี้เหมาะกับใครที่มีรายได้เข้าเกณฑ์เสียภาษี ที่สำคัญยังเหมาะสำหรับใครที่กำลังมองหาการคุ้มครองชีวิต สุขภาพ รวมถึงอุบัติเหตุ ไว้ให้กับตนเองและครอบครัวอีกด้วย



30
ในยุคปัจจุบัน การดูแลสุขภาพกำลังเป็นสิ่งที่ทุกคนให้ความสำคัญ เนื่องจากโรคภัยไข้เจ็บสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา การซื้อประกันสุขภาพจึงกลายเป็นทางเลือกที่เหมาะสมและจำเป็นสำหรับผู้คนหลายคนในปัจจุบัน ไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับการซื้อประกันสุขภาพ และเหตุผลที่ควรพิจารณาในการทำประกันสุขภาพให้กับตัวเองและครอบครัว

1. ทำไมต้องซื้อประกันสุขภาพ

การซื้อประกันสุขภาพช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณจะได้รับการดูแลที่ดีที่สุดเมื่อเจ็บป่วย โดยประกันสุขภาพจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งปัจจุบันค่ารักษาพยาบาลมีแนวโน้มที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีเหตุผลอื่น ๆ ที่ควรพิจารณา ได้แก่:

    การดูแลสุขภาพที่ดี: คุณจะได้รับการเข้าถึงการรักษาที่ทันท่วงทีและมีคุณภาพ
    ลดหย่อนภาษี: ค่าเบี้ยประกันสุขภาพสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ ช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
    ความสบายใจ: ทำให้คุณมีความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล




2. ประเภทของประกันสุขภาพ

การประกันสุขภาพมีหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทอาจมีข้อกำหนดและความคุ้มครองที่แตกต่างกัน ดังนี้

    ประกันสุขภาพแบบรายปี: ให้ความคุ้มครองในระยะเวลาหนึ่งปี สามารถต่ออายุได้
    ประกันสุขภาพแบบตลอดชีพ: มีความคุ้มครองระยะยาว โดยไม่จำกัดอายุ
    ประกันสุขภาพผู้ป่วยใน: คุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษาเมื่อผู้เอาประกันต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
    ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก: คุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษาที่ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล เช่น ค่าหมอ ค่ายา

3. การเลือกซื้อประกันสุขภาพ

เมื่อคุณตัดสินใจที่จะทำประกันสุขภาพ มีข้อควรพิจารณาเพื่อให้คุณได้รับความคุ้มครองที่ตรงตามความต้องการ

    ตรวจสอบความคุ้มครอง: ควรอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับความคุ้มครองที่ประกันนั้นๆ ให้ หากมีการดูแลค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคเฉพาะหรือบริการเสริม เช่น ฟิตเนสก็อาจทำให้ดีขึ้น
    เปรียบเทียบเบี้ยประกัน: เบี้ยประกันในแต่ละบริษัทอาจแตกต่างกัน ควรเปรียบเทียบราคาและความคุ้มครอง
    ตรวจสอบเงื่อนไข: อ่านเงื่อนไขและข้อยกเว้นของประกัน เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะได้รับความคุ้มครองตามที่ต้องการ
    บริการและเครือข่ายของโรงพยาบาล: ตรวจสอบว่าประกันสุขภาพที่เลือกมีเครือข่ายโรงพยาบาลที่สะดวกและเพียงพอสำหรับคุณ

ประกันสุขภาพที่ไหนดีการซื้อประกันสุขภาพเป็นการลงทุนที่สำคัญเพื่อปกป้องสุขภาพของคุณและครอบครัว ไม่ว่าคุณจะเป็นคนทำงาน หรือเป็นเพียงคนที่ต้องการมีสุขภาพดี ประกันสุขภาพจะช่วยให้คุณมีความมั่นใจในชีวิตประจำวัน เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณมีความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับการซื้อประกันสุขภาพ และช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น

31
เมื่อประกันสุขภาพที่คุ้มครองเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล ในท้องตลาดก็มีความหลากหลาย ทั้งแบบประกันสุขภาพ แบบแยกค่ารักษา    ค่ารักษาพยาบาล และแบบประกันเหมาจ่าย ออกเป็นส่วนๆ จุดดีและข้อจำกัดของประกันสุขภาพ ทั้งสองรูปแบบทำงานต่างกัน วันนี้หากจะต้องตัดสินใจเลือก คุณเลือกจากอะไร เลือกได้บ้างหรือยัง ก่อนที่เราจะเลือกมาใช้งานจริง ลองมาดูกัน



ประกันสุขภาพ แยกค่ารักษาพยาบาล หรือวงเงินค่ารักษา 
จะถูกกำหนดโดยอัตราค่าห้อง อาหาร การพยาบาลในกรณีที่เราเป็นผู้ป่วยใน ควรเลือกให้เหมาะสม (สามารถประมาณได้จากค่าห้องโรงพยาบาลที่ตนเองใช้บริการอยู่เป็นประจำ ค้นหาจากในอินเทอร์เน็ต พิมพ์ค่าห้อง ชื่อโรงพยาบาลได้) ถัดมาคือความคุ้มครองจะแยกออกเป็นวงเงินจำกัดในแต่ละส่วน เช่น วงเงินค่ารักษาต่อครั้ง วงเงินค่าผ่าตัด วงเงินค่าตรวจเยี่ยมของแพทย์
ถ้าเลือกค่าห้องที่สูง วงเงินอื่นๆ ก็จะปรับเพิ่มขึ้นตามไปด้วย และจะมีการกำหนดวงเงินค่ารักษาต่อครั้งจำกัดไว้

จุดเด่นที่สำคัญของประกันสุขภาพแบบแยกค่าใช้จ่าย  แม้จะมีการกำหนดวงเงินค่ารักษาแต่ละครั้งสำหรับโรคใดโรคหนึ่ง แต่จะไม่มีการกำหนดวงเงินสูงสุดต่อปี
ทำให้หากปีนั้นป่วย เป็นผู้ป่วยที่ต้องนอนในโรงพยาบาลด้วยโรค A เมื่อรักษาหายแล้ว ต่อมาอีก 1 เดือน เจ็บป่วยอีกและหากต้องนอนในโรงพยาบาลด้วยโรค B จะทำให้วงเงินในการเบิกรักษาเริ่มนับใหม่ได้ ทั้งนี้ ถ้าเป็นโรคเดิมแต่มีระยะเวลาที่เข้าพักรักษาห่างกันเกิน 90 วัน ก็สามารถเริ่มนับใหม่ได้เช่นเดียวกัน

จุดเด่นถัดไปคือ สามารถเลือกความคุ้มครองตามงบประมาณที่มีจำกัดได้ โดยเลือกเปรียบเทียบค่าห้องให้เหมาะสมกับโรงพยาบาลที่ใช้บริการอยู่กับงบประมาณที่จะใช้วางแผนประกันสุขภาพ ทำให้สามารถแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้ ในกรณีที่ต้องเข้าพักรักษาตัว

ข้อจำกัด เมื่อมีการกำหนดวงเงินค่ารักษา ทำให้แต่ละรายการมีวงเงินคุ้มครองจำกัด ซึ่งอาจไม่ครอบคลุมค่ารักษาที่เกิดขึ้นจริงในปัจจุบันที่มีการเพิ่มขึ้นของค่ารักษาตามเทคโนโลยีที่พัฒนาไปรวมถึงอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบัน ทำให้ผู้เลือกประกันสุขภาพประเภทนี้ อาจมีส่วนต่างที่เบิกไม่ได้ในบางรายการ กรณีการรักษาในครั้งนั้นมีขั้นตอนความซับซ้อน

ประกันสุขภาพ แบบเหมาจ่ายค่ารักษา    มีการกำหนดวงเงินรักษาแบบเหมารวมทุกอย่างต่อปี ให้มีวงเงินสูงสุดที่เท่าไร และบางครั้งอาจมีเงื่อนไขที่กำหนดรายละเอียดเป็นวงเงินการรักษาต่อครั้งเพิ่มเติมด้วย เช่น คุ้มครองการรักษาผู้ป่วยในเหมาจ่ายต่อปี 1 ล้านบาท แต่ให้ความคุ้มครองการรักษาต่อครั้งไม่เกิน 500,000 บาท (ให้จำนวนกี่ครั้งต่อปี) หรือไม่จำกัดจำนวนครั้งและเหมาจ่ายทั้งปีทั้งก้อนรวมตลอดทั้งปีที่ได้รับความนิยมกันในปัจจุบัน

จุดเด่นหลัก ความสบายใจเพราะมีวงเงินเหมาจ่ายค่ารักษาต่อปีให้ไม่จำกัดรายการรักษา ซึ่งเป็นวงเงินที่สามารถเลือกระดับความคุ้มครองได้สูงถึงหลักล้าน ทำให้มีโอกาสครอบคลุมค่ารักษาที่เกิดขึ้นจริง แม้ในอนาคตจะมีการปรับราคาค่าบริการสูงขึ้นโดยไม่ต้องคอยกังวลว่าค่าใช้จ่ายที่โรงพยาบาลแยกออกมาเป็นเรื่องต่างๆ จะเกินวงเงินหรือไม่

ข้อจำกัดที่สำคัญ  เบี้ยประกันค่อนข้างสูง ยิ่งเป็นแผนที่วงเงินเหมาจ่ายสูงมากๆ ค่าเบี้ยจะยิ่งสูงขึ้นตามวงเงินคุ้มครองที่เลือก และเพิ่มตามช่วงอายุของผู้เอาประกันที่มากขึ้น ประกันสุขภาพผู้สูงอายุ นอกจากนั้นประกันแบบเหมาจ่าย มีการจำกัดวงเงินเรื่องค่าห้องพักรักษาซึ่งไม่ได้รวมอยู่ในวงเงินเหมาจ่าย ทำให้ผู้ซื้อประกันสุขภาพแบบนี้อาจมีค่าใช้จ่ายส่วนเกินในเรื่องค่าห้องพักเพิ่มเติมในกรณีที่ค่าห้องสูงเกินวงเงินที่กำหนด


ขอบคุณข้อมูลสนับสนุนความรู้ครั้งนี้ โดยคุณณรงค์ศักดิ์ พิริยะพงศ์ นักวางแผนการเงิน CFP

32
ในบ้านของเรา วาล์วฝักบัว และ ก๊อกน้ำ เป็นอุปกรณ์ที่มีบทบาทสำคัญในการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งในการอาบน้ำ การล้างมือ และการทำความสะอาดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับน้ำ
การทำงานของอุปกรณ์เหล่านี้มีความสำคัญในการควบคุมการไหลของน้ำ เพื่อให้เราได้รับความสะดวกสบายและความปลอดภัยที่ดีที่สุด

หน้าที่หลักของก๊อกฝักบัว
1. การควบคุมน้ำไหล
วาล์วฝักบัวทำหน้าที่ควบคุมการไหลของน้ำผ่านฝักบัว น้ำร้อนไหลและน้ำเย็นสามารถถูกควบคุมได้ตามต้องการ ซึ่งช่วยให้เราสามารถอาบน้ำอย่างสะดวกสบาย
2. ระบบการผสมอุณหภูมิ
วาล์วฝักบัวที่มีคุณภาพจะมีระบบการผสมอุณหภูมิที่ทำให้ผู้ใช้งานได้รับอุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสม โดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนบ่อยๆ
3. ความปลอดภัย
การใช้วาล์วฝักบัวที่มีระบบป้องกันน้ำร้อนเกินไปจะช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกน้ำร้อนทำให้เกิดบาดแผล



หน้าที่ของก๊อกน้ำ
1. จ่ายน้ำตามต้องการ
ก๊อกน้ำทำหน้าที่ในการจ่ายน้ำได้อย่างรวดเร็วและสะดวก โดยสามารถเปิด-ปิดได้ง่ายตามต้องการ
2. ประหยัดน้ำ
ก๊อกน้ำที่มีคุณภาพมักมีเทคโนโลยีที่ช่วยในการประหยัดน้ำ ไม่ให้มีการใช้น้ำที่สูญเสียไปโดยใช่เหตุ ทำให้คุณสามารถลดค่าใช้จ่ายในบิลน้ำได้
3. การออกแบบที่ใช้งานง่าย
ก๊อกน้ำมีหลากหลายรูปแบบและการออกแบบที่ใช้งานง่าย ทำให้เข้ากับการใช้งานในแต่ละบ้านและสไตล์การตกแต่ง

หน้าที่ของก๊อกฝักบัว
1. ความสะดวกสบายในการอาบน้ำ
ก๊อกฝักบัวจะช่วยให้การอาบน้ำทำได้อย่างสะดวก โดยน้ำสามารถไหลได้อย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว
2. ประสิทธิภาพในการทำความสะอาด
ก๊อกฝักบัวมีการกระจายของน้ำที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความสะอาด ทำให้คุณสามารถล้างสบู่และแชมพูได้อย่างง่ายดาย
3. การติดตั้งที่ยืดหยุ่น
ก๊อกฝักบัวมักถูกออกแบบให้สามารถติดตั้งได้ง่ายและมีหลากหลายรูปแบบ รวมถึงการปรับความสูงตามต้องการ เพื่อให้เหมาะสมกับทุกคนในครอบครัว

วาล์วฝักบัว ก๊อกน้ำ และก๊อกฝักบัวมีหน้าที่สำคัญในการทำให้ชีวิตประจำวันของเราสะดวกสบายและปลอดภัย การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพจะช่วยให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งาน
คำแนะนำในการเลือกซื้อ
    ตรวจสอบคุณภาพ - ควรเลือกแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและรีวิวดี
    ดูวัตถุดิบ - วัสดุที่ใช้ต้องมีความทนทานต่อการใช้งาน
    พิจารณาการติดตั้ง - วาล์วฝักบัวและก๊อกน้ำควรติดตั้งง่ายและเหมาะกับสไตล์ของห้องน้ำ
การเข้าใจในหน้าที่และความสำคัญของวาล์วฝักบัว ก๊อกน้ำ และก๊อกฝักบัวจะช่วยให้คุณสามารถเลือกอุปกรณ์ที่ตอบโจทย์การใช้งานของคุณได้อย่างเหมาะสมที่สุด

33
ในยุคที่ทุกคนใส่ใจเรื่องความงามและสุขภาพผิวหน้ามากขึ้น เทคโนโลยีในการดูแลผิวหน้าอย่าง HIFU (High Intensity Focused Ultrasound) และ Multipolar RF (Radio Frequency) จึงได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับหน้า ลดเลือนริ้วรอย และปรับรูปหน้าให้สวยงามขึ้น โดยในบทความนี้เราจะพูดถึงเทคโนโลยีทั้งสองอย่างนี้เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น



HIFU (High Intensity Focused Ultrasound)
HIFU เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงในการกระตุ้นผิวชั้นลึก โดยไม่ทำลายผิวชั้นบน ซึ่ง HIFU จะทำให้เกิดการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในผิว ส่งผลให้ผิวดูตึงกระชับและเรียบเนียนขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดเลือนริ้วรอยและเส้นริ้วที่เกิดจากวัยที่เพิ่มขึ้น ผู้ที่ทำการรักษาด้วย HIFU มักจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ และผลลัพธ์จะยาวนานประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี

Multipolar RF (Radio Frequency)
Multipolar RF เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นวิทยุในการกระตุ้นผิว โดยทำงานโดยการสร้างความร้อนในชั้นผิว เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินภายในผิวหนัง ทำให้ผิวหน้าดูเนียนเรียบ กระชับขึ้นและลดเลือนริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการทำ Multipolar RF จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และใช้เวลาเพียงไม่นาน ข้อดีของเทคโนโลยีนี้คือสามารถทำการรักษาได้ในระยะเวลาสั้น โดยไม่ต้องพักฟื้น

ความแตกต่างระหว่าง HIFU และ Multipolar RF
   1. กระบวนการทำงาน: HIFU ใช้คลื่นเสียงเพื่อสร้างความร้อนที่ชั้นผิวลึก ในขณะที่ Multipolar RF ใช้คลื่นวิทยุในการกระตุ้นผิวในระดับตื้นกว่า
   2. ความลึกในการทำงาน: HIFU สามารถทำงานในชั้นผิวที่ลึกกว่า ทำให้เหมาะสำหรับการยกกระชับส่วนที่ต้องการความชัดเจน ในขณะที่ Multipolar RF จะเน้นช่วยปรับผิวที่ตื้นกว่า
   3. เวลาในการเห็นผล: HIFU สามารถเห็นผลได้ชัดเจนในระยะเวลา 2-3 สัปดาห์หลังการทำ ในขณะที่ Multipolar RF ผลลัพธ์อาจใช้เวลานานกว่า

การเลือกใช้เทคโนโลยี HIFU หรือ Multipolar RF สำหรับการยกกระชับหน้าและลดเลือนริ้วรอยนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการและสภาพผิวของแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และสามารถดูแลรักษาความงามได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ควรคำนึงถึงการดูแลผิวพรรณอย่างสม่ำเสมอ ร่วมกับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมเพื่อช่วยสนับสนุนผลลัพธ์จากการรักษาด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ได้อย่างยั่งยืน
ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าทำให้การดูแลผิวหน้าและการลดเลือนริ้วรอยเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกขึ้น ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาวิธีทำให้ผิวหน้ากระชับและดูอ่อนเยาว์

34
ฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET สะดวกสบายเพียงปลายนิ้วสัมผัส
การติดตั้งชักโครกฝารองนั่งอัตโนมัติ คือ ฝารองนั่งระบบอัตโนมัติที่ติดตั้งบนโถสุขภัณฑ์ ช่วยอำนวยความสะดวกทั้งด้านการใช้งานและการทำความสะอาด โดยมาพร้อมก้านฉีดชำระอัตโนมัติ
ระบบเป่าแห้ง ระบบกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์และนวัตกรรมอื่น ๆ ที่ควบคุมผ่านรีโมทคอนโทรลหรือแผงควบคุมเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งสกปรกภายในห้องน้ำ

ถึงตรงนี้หลายคนอาจมีความรู้สึกว่าอยากเป็นเจ้าของฝารองนั่งอัตโนมัติดูบ้าง ซึ่งไม่ใช่เรื่องยุ่งยากแต่อย่างใด นอกจากต้องพิจารณาถึงฟังก์ชันและรูปแบบการใช้งานของฝารองนั่งอัตโนมัติให้ตรงใจแล้ว
สิ่งจำเป็นต้องคำนึงถึงเรื่องของการติดตั้งด้วย 4 ขั้นตอนสำคัญที่จะแนะนำในการเช็คพื้นที่ห้องน้ำ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการติดตั้งฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET

4ขั้นตอนการเช็คพื้นที่ก่อนการติดตั้งฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET

1. เช็คกระแสไฟฟ้าและตำแหน่งปลั๊ก

ฝารองนั่งอัตโนมัติเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้กระแสไฟฟ้าในการทำงาน จึงควรปรับปรุงพื้นที่และเดินสายไฟไว้ใกล้กับห้องน้ำของคุณก่อน จากตำแหน่งที่ตั้งของสุขภัณฑ์
เมื่อหันหน้าเข้าหาโถสุขภัณฑ์ตำแหน่งของปลั๊กจะต้องอยู่ทางซ้ายมือ โดยห่างจากจุดศูนย์กลางของท่อน้ำทิ้งเป็นระยะ 30 ซม. และสูงจากพื้นอย่างน้อย 30 ซม.

 
2. ต้องมีพื้นที่ว่างทั้งซ้าย และขวาของโถสุขภัณฑ์อย่างน้อย 30 ซม.

เนื่องจากฝารองนั่งอัตโนมัติอาจทำให้โถสุขภัณฑ์มีขนาดชักโครกใหญ่ขึ้นจากปกติเล็กน้อยจึงจำเป็นต้องติดตั้งในห้องน้ำที่มีพื้นที่พอสมควร
กล่าวคือควรจะมีพื้นที่ว่างด้านข้างโถสุขภัณฑ์ทั้งด้านซ้ายและด้านขวาอย่างน้อย 30 ซม. และไม่ควรมีสิ่งกีดขวางโถสุขภัณฑ์อีกด้วย

 
3. ตรวจสอบรูปทรงและขนาดของสุขภัณฑ์

การติดตั้งฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET กับโถสุขภัณฑ์เดิมที่มีอยู่ก่อนแล้ว จำเป็นต้องตรวจสอบขนาดและรูปทรงของโถสุขภัณฑ์ หากเป็นโถสุขภัณฑ์ทรง Elongated (โถสุขภัณฑ์ทรงยาว)
ต้องมีระยะรูยึดน็อตที่โถสุขภัณฑ์เพื่อติดตั้งฝารองนั่ง 14 ซม. และระยะจากรูยึดน็อตของฝารองนั่งด้านใดด้านหนึ่งถึงหม้อน้ำเป็นระยะอย่างน้อย 5 ซม.

 
4. โถสุขภัณฑ์ต้องไม่อยู่ในจุดเปียกน้ำ
ตำแหน่งที่ตั้งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมพร้อมสำหรับติดตั้งฝารองนั่งอัตโนมัติ คือ สุขภัณฑ์ห้ามตั้งอยู่ในส่วนที่เปียกน้ำ เช่น น้ำจากฝักบัว นอกจากนี้ไม่ควรใช้น้ำราดไปที่ฝารองนั่งอัตโนมัติโดยตรง
ในการทำความสะอาดชักโครก เนื่องจากฝารองนั่งอัตโนมัติเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ไฟฟ้า ด้วยเหตุนี้การติดตั้งฝารองนั่งอัตโนมัติจึงเหมาะสำหรับการออกแบบห้องน้ำที่แบ่งโซนเปียกและโซนแห้งอย่างชัดเจนเพื่อหลีกเลี่ยงน้ำจะมาโดนสุขภัณฑ์ได้

35
ทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดภาษี 
สร้างเงินออม...พร้อมคุ้มครองชีวิต

         ปัจจุบันผู้มีรายได้สามารถนำเบี้ยประกันชีวิต ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงสุดถึง 300,000 บาทต่อปี ซึ่งเป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับการวางแผนภาษีและเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดภาษี  สร้างเงินออม พร้อมคุ้มครองชีวิต โดยประเภทของเบี้ยประกันชีวิตที่สามารถนำเบี้ยมาลดหย่อนภาษีได้ก็มี  2 ประเภท  ได้แก่ เบี้ยประกันชีวิตแบบทั่วไป และเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ  ซึ่งมีข้อกำหนดเบื้องต้น ดังนี้



1. เบี้ยประกันชีวิตแบบทั่วไป  (กรมธรรม์อายุ 10 ปีขึ้นไป)
ค่าเบี้ยประกันชีวิตของผู้มีเงินได้หักค่าลดหย่อนและได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้เท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท
ทั้งนี้ หากคู่สมรสมีการประกันชีวิต และความเป็นสามีภริยาได้มีอยู่ตลอดปีภาษี ผู้มีเงินได้มีสิทธิหักลดหย่อน สำหรับเบี้ยประกันชีวิตของคู่สมรสที่ไม่มีเงินได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 10,000 บาท
ค่าเบี้ยประกันสุขภาพของผู้มีเงินได้  หักค่าลดหย่อนเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 25,000 บาท แต่เมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตสำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีกำหนดตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ต้องไม่เกิน 100,000 บาท ประกันลดหย่อนภาษี


2. เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ

ค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ หักค่าลดหย่อนในอัตราร้อยละ 15 ของเงินได้ที่นำมาเสียภาษีเงินได้ในแต่ละปี แต่ไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี  ทั้งนี้ ต้องเป็นค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ ความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป และจ่ายผลประโยชน์เงินบำนาญเมื่อผู้มีเงินได้อายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไปถึงอายุ 85 ปีหรือกว่านั้น และเมื่อรวมกับเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เงินสะสมเข้ากองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เงินสะสมเข้ากองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน เงินที่ซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และเงินสะสมเข้ากองทุนการออมแห่งชาติ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท

กรณีไม่มีเบี้ยประกันชีวิตตามข้อ 1 สามารถนำเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญไปหักลดหย่อนแทนเบี้ยประกันชีวิตตามข้อ 1 ก่อนได้ ซี่งจะได้สิทธิลดหย่อนภาษีรวมสูงสุด 300,000 บาท

นอกจากนี้ยังสามารถลดหย่อนภาษีสำหรับลูกกตัญญู คือ ค่าเบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดาของผู้มีเงินได้และคู่สมรส หักค่าลดหย่อนเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท ทั้งนี้ บิดามารดาของผู้มีเงินได้และคู่สมรสต้องไม่มีเงินได้พึงประเมินในปีภาษีที่ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้เกิน 30,000 บาท

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
          บุคคลธรรมดามีหน้าที่ต้องยื่นเงินได้เพื่อเสียภาษีเงินได้ในทุกปี ภายในวันที่ 31 มีนาคมของทุกปี  โดยบุคคลธรรมดาที่มีรายได้เกิน 120,000 บาทต่อปี มีหน้าที่ต้องยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยจะคำนวณจากเงินได้สุทธิประจำปี ซึ่งเกิดจากเงินได้ทั้งปี หักค่าใช้จ่าย และหักค่าลดหย่อน   

วิธีการคำนวณภาษี
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา = [(รายได้ – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน) – เงินบริจาค] x อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
หากรายได้สุทธิไม่เกิน 150,000 บาท ก็จะได้รับการยกเว้นภาษีแต่ถ้าเกินกว่านั้นก็จะเสียภาษีในอัตราก้าวหน้าแบบขั้นบันได

36
ก๊อกอ่างล้างหน้าเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในห้องน้ำ ซึ่งไม่ได้มีเพียงแค่หน้าที่การทำงานในการจ่ายน้ำเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถเพิ่มความงามและสไตล์ให้กับห้องน้ำได้อีกด้วย

ประเภทของก๊อกอ่างล้างหน้า
    ก๊อกแบบโยก (Single Handle Faucet): ใช้งานง่ายและสะดวกสบายเพียงแค่โยกขึ้นหรือลงเพื่อปรับอุณหภูมิของน้ำ
    ก๊อกแบบสองทาง (Double Handle Faucet): มีสองท่อสำหรับจัดการน้ำร้อนและน้ำเย็น สามารถปรับอุณหภูมิได้ตามต้องการ
    ก๊อกเซ็นเซอร์ (Sensor Faucet): ใช้เทคโนโลยีเซ็นเซอร์ตรวจจับมือ ทำให้น้ำไหลออกโดยไม่ต้องสัมผัส สะดวกและช่วยลดการใช้น้ำ
    ก๊อกแบบมีปีก (Wall-Mounted Faucet): ติดผนัง สามารถประหยัดพื้นที่และสร้างความทันสมัยให้กับห้องน้ำ



วิธีการเลือกก๊อกอ่างล้างหน้าให้เหมาะสม
1. เลือกดูจากขนาด และดีไซน์
ให้เลือกก๊อกที่มีขนาดเหมาะสมกับอ่างล้างหน้าขนาดเล็กและพื้นที่ในห้องน้ำ โดยดีไซน์ควรเข้ากับสไตล์การตกแต่งของห้อง เช่น หากห้องน้ำมีสไตล์คลาสสิก ควรเลือกก๊อกที่มีรูปทรงที่สวยงามและมีลูกเล่น

2. เลือกวัสดุที่มีคุณภาพ
  1. สแตนเลส (stainless steel)
    ทนทานต่อการกัดกร่อน: สแตนเลสไม่เกิดสนิมและมีความทนทานต่อการกัดกร่อนจากน้ำและสารเคมี
    ดูแลรักษาง่าย: สามารถทำความสะอาดได้ง่ายและไม่ต้องใช้สารเคมีแรงๆ
    ดีไซน์ที่หรูหรา: ให้ลุคที่ทันสมัยและหรูหรา
2. ทองเหลือง (Brass)
    ความทนทาน: ทองเหลืองเป็นวัสดุที่มีความทนทานและมีอายุการใช้งานยาวนาน
    มีความสวยงาม: มีลุคคลาสสิกที่สามารถให้ความรู้สึกหรูหรากับห้องน้ำ
    ความสามารถในการป้องกันเชื้อแบคทีเรีย: ทองเหลืองมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียตามธรรมชาติ
3. พลาสติก (Plastic)
    น้ำหนักเบา: ง่ายต่อการติดตั้งและเคลื่อนย้าย
    ราคาไม่แพง: เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด
    ไม่เกิดสนิม: ไม่มีปัญหากับการกัดกร่อนจากน้ำ

3. ฟังก์ชันการใช้งานของก๊อกอ่างล้างหน้า
ก๊อกอ่างล้างหน้าเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในห้องน้ำ เพราะไม่เพียงแต่ทำหน้าที่ในการควบคุมการไหลของน้ำเท่านั้น แต่ยังมีฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความพึงพอใจในการใช้งาน
1. ควบคุมอุณหภูมิของน้ำ
ก๊อกอ่างล้างหน้าสามารถปรับอุณหภูมิของน้ำได้ตามที่ผู้ใช้ต้องการ โดยทั่วไปก๊อกแบบโยก (Single Handle) จะเป็นที่นิยมในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถปรับอุณหภูมิได้ง่าย แค่โยกไปทางขวาหรือตรงกลางเพื่อให้ได้อุณหภูมิที่ต้องการ
2. การประหยัดน้ำ
รุ่นใหม่ๆ ของก๊อกอ่างล้างหน้ามักมีฟังก์ชันการประหยัดน้ำ เช่น ระบบลดการไหลของน้ำ (Flow Restrictor) ซึ่งช่วยให้ใช้น้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้รับน้ำที่พอเพียงในการใช้งานโดยไม่สิ้นเปลือง
3. เซ็นเซอร์อัตโนมัติ
ก๊อกอ่างล้างหน้าแบบเซ็นเซอร์ (Sensor Faucet) ทำงานโดยการตรวจจับการเคลื่อนไหว ทำให้น้ำไหลออกโดยอัตโนมัติเมื่อมีมือเข้ามาใกล้ และหยุดเมื่อมือออกไป ซึ่งช่วยลดการสัมผัสและทำให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยประหยัดน้ำได้อีกด้วย
4. สวิตช์น้ำร้อนน้ำเย็น
ก๊อกที่มีฟังก์ชันสองทาง (Double Handle Faucet) จะมีสวิตช์สำหรับน้ำร้อนและน้ำเย็นแยกกัน ทำให้ผู้ใช้สามารถปรับอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความละเอียดมากขึ้น เช่น การล้างมือหรือหน้าที่ต้องการอุณหภูมิที่เฉพาะเจาะจง
5. สายยาง (Pull-out Spray)
บางรุ่นมีฟังก์ชันสายยางที่สามารถดึงออกมาได้ (Pull-out Faucet) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำความสะอาดอ่างล้างหน้าได้ง่ายขึ้น หรือใช้สำหรับการล้างสิ่งของต่างๆ ที่อยู่ในอ่างได้สะดวกยิ่งขึ้น
6. ระบบควบคุมการไหลของน้ำ
ก๊อกบางรุ่นมีระบบควบคุมการไหลของน้ำ (Flow Control) ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับความแรงของน้ำได้ตามต้องการ ช่วยให้สามารถใช้งานได้อย่างเหมาะสมในทุกสถานการณ์
7. ฟังก์ชันการป้องกันการรั่วซึม
ก๊อกที่มีฟังก์ชันป้องกันการรั่วซึมจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดน้ำรั่วที่อาจทำให้เกิดปัญหาความเสียหายต่อพื้นและโครงสร้างของบ้าน

การดูแลรักษาก๊อกอ่างล้างหน้า
    ทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ: ใช้ผ้านุ่มและน้ำสบู่อ่อน ๆ ในการทำความสะอาดก๊อกเพื่อป้องกันการเกิดคราบสะสม
    หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีรุนแรง: การใช้สารเคมีที่รุนแรงอาจทำให้ผิวของก๊อกเกิดการกัดกร่อน ควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เหมาะสม
    ตรวจสอบรั่วซึม: ควรตรวจเช็คการรั่วซึมเป็นระยะ ๆ หากพบปัญหาควรซ่อมแซมทันที เพราะการรั่วซึมสามารถทำให้เกิดความเสียหายได้
การเลือกและดูแลรักษาก๊อกอ่างล้างหน้าอย่างถูกต้องไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับห้องน้ำ แต่ยังช่วยให้การใช้งานสะดวกสบายและยืนยาวไปด้วย


37
new doublo 2.0 เป็นนวัตกรรมล่าสุดในวงการความงามที่เน้นการยกกระชับผิวและลดเลือนริ้วรอย ด้วยการผสานการทำงานของเทคโนโลยี HIFU (High Intensity Focused Ultrasound) และ Multipolar RF (Radio Frequency) ซึ่งทั้งสองเทคโนโลยีนี้สามารถทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในด้านการฟื้นฟูผิว



    HIFU (High Intensity Focused Ultrasound):
        HIFU เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงในการกระตุ้นผิวในระดับลึก โดยมีจุดประสงค์ในการสร้างความร้อนในชั้นผิวหนัง เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ซึ่งมีผลช่วยในการยกกระชับผิวและลดเลือนริ้วรอย บ่อยครั้ง HIFU ใช้ในบริเวณใบหน้า คอ และลำคอ

    Multipolar RF (Radio Frequency):
        Multipolar RF ใช้คลื่นวิทยุในการกระตุ้นระเบียบการไหลเวียนโลหิตในผิวหนังและการสลายไขมันในชั้นใต้ผิวคล้ายกับการให้ความร้อน ซึ่งทำให้เกิดการกระชับผิวและเพิ่มความยืดหยุ่นของผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ การทำงานของ Multipolar RF ยังสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินที่ช่วยทำให้ผิวของผู้ใช้มีความสดใสและเรียบเนียน

การทำงานร่วมกันของ HIFU และ Multipolar RF

1. ช่วยเสริมประสิทธิภาพในการยกกระชับ:
เมื่อ HIFU ทำการกระตุ้นชั้นผิวลึก ทำให้เกิดความร้อนและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ความเข้มข้นจากคลื่น RF ช่วยให้กระบวนการนี้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น การทำงานร่วมกันนี้ยังช่วยให้มีการยกกระชับที่เด่นชัดยิ่งขึ้น

2. การทำงานร่วมกัน เพิ่มความอบอุ่นที่เหมาะสม:
การใช้ Multipolar RF ร่วมกับ HIFU ทำให้การกระจายความร้อนมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งสามารถลดความเจ็บปวดและเพิ่มความสบายขณะทำหัตการได้ ผู้ใช้จะรู้สึกสบายตัวมากขึ้นในระหว่างและหลังการทำหัตถการ

3. ปรับปรุงผลลัพธ์ทั้งระยะสั้นและระยะยาว:
การผสมผสานเทคโนโลยีทั้งสองนี้ไม่เพียงส่งผลดีต่อรูปลักษณ์โพสต์การทำหัตถการ แต่ยังสนับสนุนการสร้างคอลลาเจนใหม่ในระยะยาว โดยช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์และมีสุขภาพดีได้นานขึ้น

4. ขจัดริ้วรอยและฟื้นฟูผิว:
การทำงานร่วมกันของทั้งสองเทคโนโลยีช่วยให้สามารถเข้าถึงปัญหาผิวที่หลากหลายได้พร้อมกัน เช่น การลดริ้วรอย ความหย่อนคล้อย และทำให้ผิวมีความกระชับเรียบเนียน

ข้อดีของ New Doublo 2.0

    ผลลัพธ์ที่มองเห็นได้: เทคโนโลยี HIFU และ Multipolar RF ร่วมกันช่วยให้ผู้ใช้เห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในระยะเวลาอันสั้น
    ปลอดภัยและไม่รุกราน: นวัตกรรมนี้ใช้เทคโนโลยีที่ไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดและใช้กับผิวหนังได้อย่างปลอดภัย
    การฟื้นตัวที่รวดเร็ว: โดยไม่ต้องพักฟื้นจากการทำหัตถการ ผู้ใช้สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที

New Doublo 2.0 เป็นการนำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีในวงการความงามมาผสมผสานกันอย่างลงตัว โดยการทำงานร่วมกันระหว่าง HIFU และ Multipolar RF
ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับประโยชน์จากการยกกระชับผิวและลดเลือนริ้วรอยอย่างมีประสิทธิภาพในขณะที่ปลอดภัยและมีการฟื้นตัวที่รวดเร็ว นับว่าเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการให้ผิวสวยงามและอ่อนเยาว์

38
ปัญหาฝักบัวเสียจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกต่อไป หากทุกคนรู้วิธีเปลี่ยนหัวฝักบัว ด้วยตัวเอง โดยบทความนี้จะมาอธิบายแบบเข้าใจง่าย อ่านจบแล้วทำตามได้เลย ติดตามที่นี่

เชื่อว่า “ฝักบัวเสีย” น่าจะเป็นปัญหาที่กวนใจหลายคนไม่น้อย โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วนที่จำเป็นต้องใช้น้ำ แต่ฝักบัวเจ้ากรรมกลับไม่มีน้ำไหลออกมาเสียดื้อ ๆ อย่างไรก็ตาม หากทุกคนทราบถึงวิธีเปลี่ยนหัวฝักบัวด้วยตัวเอง ปัญหานี้จะกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้น นอกจากนั้นยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายลงได้อีกด้วย ด้วยเหตุนี้ เราจึงขออาสามาแนะนำวิธีเปลี่ยนหัวฝักบัวด้วยตัวเอง อธิบายแบบเข้าใจง่ายสุด ๆ ไล่เลียงทีละขั้นตอน ไม่ว่าใครก็ทำตามได้ ติดตามในบทความนี้ได้เลย



สาเหตุของฝักบัวเสีย
    เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน: หัวฝักบัวอาบน้ำมีอายุการใช้งานเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5-10 ปี ดังนั้น เมื่อใช้งานไปครบระยะเวลาดังกล่าว วัสดุต่าง ๆ ที่เป็นส่วนประกอบของฝักบัว เช่น วาล์วฝักบัว พลาสติก ยาง โลหะ ก็จะเริ่มเสื่อมสภาพตามกาลเวลา
    หัวฝักบัวอุดตัน: น้ำประปาที่ไหลผ่านหัวฝักบัวมักมีสิ่งสกปรกต่าง ๆ เช่น หินปูน ตะกรัน ฝุ่นละออง ปะปนมาด้วย โดยสิ่งสกปรกเหล่านี้อาจไปอุดตันตามรูพรุนของหัวฝักบัว ทำให้น้ำไหลออกมาไม่สะดวก ส่งผลให้ฝักบัวเสียได้ในที่สุด
    สายฝักบัวรั่ว: สายฝักบัวเป็นชิ้นส่วนที่เชื่อมต่อระหว่างฝักบัวกับท่อน้ำ หากสายฝักบัวชำรุดเสียหาย เช่น รอยแตกร้าว รอยรั่วซึม ก็จะทำให้น้ำรั่วออกจากสายฝักบัวได้

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียมสำหรับการเปลี่ยนฝักบัวด้วยตัวเอง

จากเหตุผลในหัวข้อที่แล้ว การที่ฝักบัวเสียจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม หากทุกคนทราบวิธีเปลี่ยนหัวฝักบัว ปัญหาดังกล่าวก็จะไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่คอยกวนใจอีกต่อไป โดยก่อนที่จะไปถึงวิธีเปลี่ยนหัวฝักบัว ก็ต้องรู้ก่อนว่าอุปกรณ์ที่ต้องเตรียมสำหรับการเปลี่ยนฝักบัวด้วยตัวเองมีอะไรบ้าง โดยสามารถแบ่งเป็นข้อ ๆ ได้ดังต่อไปนี้

    - หัวฝักบัวใหม่
    - ประแจเลื่อน
    - เทปพันเกลียว
    - ผ้าสะอาด
    - ไขควง
    - ถุงมือยาง
    - แว่นตานิรภัย



ขั้นตอนการเปลี่ยนหัวฝักบัวอาบน้ำ
    ขั้นตอนที่ 1: ปิดวาล์วน้ำที่เชื่อมต่อกับฝักบัว เพื่อให้น้ำไหลออกจากหัวฝักบัวได้หมดก่อนถอดออก
    ขั้นตอนที่ 2: ถอดหัวฝักบัวตัวเก่าออก โดยใช้ผ้าพันรอบหัวฝักบัวเพื่อป้องกันไม่ให้เกลียวเสียหายจากการหมุน จากนั้นใช้ประแจเลื่อนหมุนหัวฝักบัวทวนเข็มนาฬิกาจนหลุดออก
    ขั้นตอนที่ 3: วิธีเปลี่ยนหัวฝักบัวด้วยตัวเองขั้นตอนต่อมา คือการทำความสะอาดบริเวณท่อน้ำ โดยใช้ผ้าเช็ดให้สะอาด เพื่อขจัดเศษฝุ่นและสิ่งสกปรก
    ขั้นตอนที่ 4: พันเทปพันเกลียวบนเกลียวของหัวฝักบัวใหม่ เพื่อป้องกันน้ำรั่วซึม โดยให้พันเทปตามเข็มนาฬิกาประมาณ 6 รอบ ควรเปลี่ยนแหวนยางกันซึมชิ้นใหม่ เพื่อกันการรั่วซึมเพิ่มขึ้นอีกชั้น
    ขั้นตอนที่ 5: จากนั้นให้นำหัวฝักบัวใหม่ใส่เข้ากับท่อน้ำ แล้วใช้ประแจเลื่อนหมุนหัวฝักบัวตามเข็มนาฬิกาจนแน่น
    ขั้นตอนที่ 6: ปิดท้ายวิธีเปลี่ยนหัวฝักบัวด้วยการเปิดวาล์วน้ำเพื่อตรวจสอบการรั่วซึม หากไม่มีน้ำรั่วซึม แสดงว่าเปลี่ยนหัวฝักบัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว

39
การเงิน | Finance / How To ลดหย่อนภาษีแบบจุใจ
« เมื่อ: เมษายน 02, 2025, 07:33:12 AM »
ประกันลดหย่อนภาษีรู้ไหมว่าเราสามารถซื้อประกันเพื่อนำไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 300,000 บาท ใครที่สงสัยว่าต้องซื้อประกันแบบไหนถึงลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 300,000 บาท ถ้าได้เข้ามาอ่านบทความนี้คลายความสงสัยกัน



วิธีลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาท แบบที่ 1
หลายคนคงทราบกันดีว่าคุณสามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีจาก "เบี้ยประกันชีวิตทั่วไป" ได้ 100,000 บาท ในส่วนนี้สามารถรวมกับ "เบี้ยประกันสุขภาพ" ได้สูงสุดอีก 25,000 บาท และเมื่อรวมกับ "เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ" (ที่ลดหย่อนภาษีได้ 200,000 บาทหลัง) ก็จะสามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 300,000 บาท
**ประกันบำนาญสามารถซื้อได้ 15% ของรายได้รวมในแต่ละปี

วิธีลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาท แบบที่ 2
ถ้าหากคุณมีประกันชีวิต ลดหย่อนภาษี "เบี้ยประกันชีวิต" หรือ "เบี้ยประกันชีวิต+เบี้ยประกันสุขภาพ" แล้ว แต่ยังไม่เต็มสิทธิ์ 100,000 บาท คุณสามารถนำ "เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ" ที่ลดหย่อนภาษีในส่วนของ 200,000 บาทหลัง มาเติมเต็มในส่วนแรกได้ (ก่อนซื้อประกันบำนาญควรสอบถามตัวแทนหรืออ่านรายละเอียดให้ดีก่อนทำประกัน) **ประกันบำนาญสามารถซื้อได้ 15% ของรายได้รวมในแต่ละปี

วิธีลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาท แบบที่ 3
ถ้าหากคุณยังไม่มี "เบี้ยประกันชีวิต" หรือ "เบี้ยประกันสุขภาพ" ใดๆเลย คุณสามารถซื้อ

"ประกันชีวิตแบบบำนาญ" เพื่อนำเบี้ยมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 300,000 บาท เพราะแบบประกันบำนาญบางแบบสามารถลดหย่อนภาษีได้ตั้งแต่ 100,000 บาทแรก จนถึง 200,000 บาทหลัง ทั้งนี้การใช้สิทธิ์จากเบี้ยประกันบำนาญต้องไม่เกิน 15% ของรายได้รวมในแต่ละปี


40
new doublo 2.0 คืออะไร
คือการทำงานร่วมกันของ HIFU และ Multipolar RF ในเวลาเดียวกัน ซึ่งจากงานวิจัยพบว่า ช่วยกระตุ้นการสร้าง collagen และ elastin ได้ดียิ่งขึ้น และเสริมประสิทธิภาพในการรักษาริ้วรอย
ร่องลึกให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจนมากขึ้น เหนือไปกว่าการทำ HIFU เพียงอย่างเดียว ซึ่งเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนและทันใจสำหรับคนที่ต้องการใช้ใบหน้าอย่างรวดเร็ว

ซึ่งการทำงานของ New Doublo 2.0 จะช่วยยกระดับการแก้ปัญหาผิวได้เป็นอย่างดี!


1. เทคโนโลยี HIFU(High Intensity Focus Ultrasound)
ที่ใช้คลื่นเสียงโฟกัสพลังงานลงไปกระตุ้นการสร้าง collagen ในชั้นต่างๆ ของผิว ปรับใช้ได้ทั้งแบบ dot line และ linear เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ที่ต้องการในเวลาอันรวดเร็ว
มีหัวยิงที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้เน้นการยกกระชับหน้า และหัวยิงสำหรับเน้นสลายไขมัน มีเซ็นเซอร์เพื่อช่วยให้ยิงพลังงานได้อย่างปลอดภัย ไม่ค่อยรู้สึกเจ็บ ไม่จำเป็นต้องทายาชา

2. เทคโนโลยีเอกสิทธิ์ของเครื่อง doublo
คือการทำงานร่วมกันของ HIFU และ Multipolar RF ในเวลาเดียวกัน ซึ่งจากงานวิจัยพบว่า ช่วยกระตุ้นการสร้าง collagen และ elastin ได้ดียิ่งขึ้น และเสริมประสิทธิภาพในการรักษาริ้วรอย
ร่องลึกให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจนมากขึ้น เหนือไปกว่าการทำ HIFU เพียงอย่างเดียว ซึ่งเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนและทันใจสำหรับคนที่ต้องการใช้ใบหน้าอย่างรวดเร็ว

3. เทคโนโลยี advance doublo Needle RF
เหมาะสำหรับการรักษาพื้นผิวให้เรียบเนียน กระชับรูขุมขน รักษาหลุมสิว ปรับระดับความลึกของเข็มได้หลายระดับเพื่อให้เหมาะสมกับการแก้ปัญหาในทุกพื้นที่และครอบคลุมการรักษาอย่างดียิ่งขึ้น




41
ก๊อกอ่างล้างหน้าบริเวณอ่างล้างหน้าขนาดเล็กที่ใช้งานมาเป็นระยะเวลานาน จะค่อย ๆ เสื่อมสภาพไปตามอายุการใช้งาน ซึ่งส่งผลให้เกิดปัญหาตามมาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นก็อกน้ำรั่วซึมที่ทำให้สิ้นเปลืองน้ำโดยไม่จำเป็น และเกิดเป็นคราบสกปรก คราบตะกรัน หรือท่อน้ำภายในก๊อกเป็นสนิม รวมถึงปัญหาสิ่งสกปรกสะสมบริเวณปลายปากก๊อกน้ำที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เพราะใช้น้ำที่ปนเปื้อนสิ่งสกปรกเหล่านั้นทุก ๆ วันโดยไม่รู้ตัว และยังมีปัญหาอื่น ๆ ตามมาอีกหลากหลายรูปแบบ

ดังนั้นเมื่อใช้งานก๊อกน้ำบริเวณอ่างล้างหน้ามานานจนเกินอายุการใช้งานหรือเริ่มเสื่อมสภาพ ควรทำการเปลี่ยนก๊อกอ่างล้างมือเสียใหม่เพื่อป้องกันปัญหาต่าง ๆ ตามมา เพราะหากยังคงใช้งานต่อไป อาจทำให้เกิดอันตรายกับคุณและคนในครอบครัวได้ โดยวันนี้ TOTO มีวิธีเปลี่ยนก๊อกน้ําซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ได้กับก็อกน้ำอื่น ๆ มาฝากกัน รับรองว่าเพียงทำตาม 7 ขั้นตอนง่าย ๆ นี้ คุณก็จะได้ใช้ก๊อกน้ำใหม่ที่ทั้งสวยงามและมีประสิทธิภาพ



ประเภทของก๊อกอ่างล้างหน้า

นอกจากก๊อกน้ำแบบก้านโยกที่กล่าวถึงไปแล้ว ก๊อกอ่างล้างหน้ายังแบ่งออกเป็นประเภทอื่น ๆ ได้อีกดังนี้

    ก๊อกน้ำแบบเซ็นเซอร์: ทำงานโดยใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวของมือ ทำให้เปิด-ปิดน้ำได้โดยอัตโนมัติ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายและสุขอนามัย
    ก๊อกน้ำแบบผสม: สามารถปรับอุณหภูมิของน้ำได้ ทำให้สามารถใช้น้ำอุ่นหรือน้ำเย็นได้ตามต้องการ
    ก๊อกน้ำแบบแยก: มีก๊อกสำหรับน้ำร้อนและน้ำเย็นแยกกัน เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิของน้ำอย่างแม่นยำ
    ก๊อกน้ำแบบฝังผนัง: ติดตั้งโดยฝังตัวลงไปในผนัง ทำให้ห้องน้ำดูเรียบง่ายและทันสมัย

วัสดุที่ใช้ผลิตก๊อกน้ำ

    สแตนเลส: มีความแข็งแรง ทนทานต่อการกัดกร่อน ไม่เป็นสนิม และทำความสะอาดง่าย
    ทองเหลือง: มีความแข็งแรง ทนทาน และให้สัมผัสที่หรูหรา
    เซรามิก: มีความสวยงาม ทนทานต่อรอยขีดข่วน และทำความสะอาดง่าย
    วัสดุผสม: เป็นการผสมผสานระหว่างวัสดุต่าง ๆ เพื่อให้ได้คุณสมบัติที่ต้องการ เช่น ความแข็งแรง ความสวยงาม และน้ำหนักเบา

วิธีเลือกซื้อก๊อกอ่างล้างหน้า

นอกจากรูปลักษณ์และฟังก์ชันแล้ว การเลือกซื้อก๊อกอ่างล้างหน้ายังควรพิจารณาถึงงบประมาณที่ตั้งไว้ด้วย ก๊อกน้ำมีราคาแตกต่างกันไปตามวัสดุที่ใช้และฟังก์ชันพิเศษ

ฟังก์ชันพิเศษของก๊อกน้ำ

    ระบบประหยัดน้ำ: ช่วยลดการใช้น้ำโดยไม่จำเป็น
    ระบบปรับอุณหภูมิ: สามารถปรับอุณหภูมิของน้ำได้ตามต้องการ
    ระบบกรองน้ำ: ช่วยกรองสิ่งสกปรกและกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกจากน้ำ

การดูแลรักษาก๊อกน้ำ

    ทำความสะอาดก๊อกน้ำเป็นประจำด้วยน้ำยาทำความสะอาดอ่อน ๆ
    หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อน
    ตรวจสอบและขันน็อตให้แน่นเป็นระยะ

42
การทำประกันสุขภาพสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือเคยเป็นโรคร้ายแรงนั้นมีความซับซ้อน และขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยทั่วไปแล้ว โรคบางประเภทอาจทำให้บริษัทประกันปฏิเสธการรับประกันโดยสิ้นเชิง หรือรับประกันแต่มีเงื่อนไขเพิ่มเติม เช่น เพิ่มเบี้ยประกัน หรือยกเว้นความคุ้มครองบางโรค ต่อไปนี้คือตัวอย่างโรคที่อาจส่งผลต่อการทำประกันสุขภาพ:

โรคร้ายแรง:

    โรคมะเร็ง: โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากยังอยู่ในระยะรักษาหรือมีประวัติการเป็นมะเร็งในระยะเวลาไม่นาน
    โรคหัวใจและหลอดเลือด: เช่น โรคหัวใจขาดเลือด, โรคหลอดเลือดสมอง, โรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้
    โรคไตวายเรื้อรัง: โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอยู่ในระยะที่ต้องฟอกไต
    โรคอัลไซเมอร์: และโรคเกี่ยวกับระบบประสาทอื่นๆ
    โรคเอดส์ (HIV):

โรคเรื้อรัง:

    โรคเบาหวาน: โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดี
    โรคตับแข็ง:
    โรคปอดเรื้อรัง: เช่น ถุงลมโป่งพอง, โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD)
    โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (SLE):
    โรคทางจิตเวช: เช่น โรคจิตเภท, โรคไบโพลาร์

โรคอื่นๆ:

    โรคที่ต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง: หรือมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำสูง
    โรคทางพันธุกรรม: บางโรคอาจทำให้บริษัทประกันปฏิเสธการรับประกัน

ปัจจัยที่มีผลต่อการพิจารณา:

    ระยะเวลาที่เป็นโรค: หากเป็นโรคมานานแล้ว หรือโรคอยู่ในระยะรุนแรง อาจทำให้บริษัทประกันปฏิเสธการรับประกัน
    ระยะเวลาหลังการรักษา: หากเคยเป็นโรค แต่รักษาหายแล้ว และไม่มีอาการมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง อาจมีโอกาสทำประกันได้
    นโยบายของบริษัทประกัน: แต่ละบริษัทประกันมีนโยบายการรับประกันที่แตกต่างกัน

คำแนะนำ:

    ปรึกษาตัวแทนประกัน: ตัวแทนประกันจะสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับแผนประกันที่เหมาะสมกับคุณได้
    เตรียมข้อมูลสุขภาพ: เตรียมข้อมูลสุขภาพของคุณให้พร้อม เพื่อให้บริษัทประกันพิจารณา



เป็นโรคร้ายแรงทำประกันชีวิตได้ไหม

การทำประกันชีวิตสำหรับผู้ที่เป็นโรคร้ายแรงนั้นมีความซับซ้อน และขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ดังนี้:

    ประเภทของโรคร้ายแรง:
        บางโรคอาจทำให้บริษัทประกันปฏิเสธการรับประกันโดยสิ้นเชิง
        บางโรคอาจทำให้บริษัทประกันรับประกัน แต่มีเงื่อนไขเพิ่มเติม เช่น เพิ่มเบี้ยประกัน หรือยกเว้นความคุ้มครองบางโรค
    ระยะเวลาที่เป็นโรค:
        หากเป็นโรคมานานแล้ว หรือโรคอยู่ในระยะรุนแรง อาจทำให้บริษัทประกันปฏิเสธการรับประกัน
        หากเคยเป็นโรค แต่รักษาหายแล้ว และไม่มีอาการมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง อาจมีโอกาสทำประกันได้
    นโยบายของบริษัทประกัน:
        แต่ละบริษัทประกันมีนโยบายการรับประกันที่แตกต่างกัน
        บางบริษัทอาจรับประกันโรคบางประเภท แต่บางบริษัทอาจไม่รับประกัน

โดยทั่วไป:

    หากคุณเป็นโรคมะเร็ง, โรคหัวใจ, โรคหลอดเลือดสมอง หรือโรคไตวายเรื้อรัง อาจเป็นเรื่องยากที่จะทำประกันชีวิต
    แต่ก็มีบริษัทประกันบางแห่งที่รับประกันผู้ที่หายจากโรคร้ายแรงแล้ว โดยมีระยะเวลารอคอย

คำแนะนำ:

    ปรึกษาตัวแทนประกัน: ตัวแทนประกันจะสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับแผนประกันที่เหมาะสมกับคุณได้
    เตรียมข้อมูลสุขภาพ: เตรียมข้อมูลสุขภาพของคุณให้พร้อม เพื่อให้บริษัทประกันพิจารณา

ข้อมูลเพิ่มเติม:

    คุณสามารถติดต่อบริษัทประกันโดยตรง หรือเข้าไปดูรายละเอียดในเว็บไซต์ของบริษัทประกันแต่ละแห่ง

43

หลักการในการทำงานของเครื่อง Ulthera
   ulthera SPT คือการใช้นวัตกรรม อัลเทอร่า ที่มี SPT หรือ See – Plan – Treat คือการยิงคลื่นเสียงพลังงานสูงไปใต้ชั้นผิว ให้ผิวเกิดการหดตัว และมีความยกกระชับหน้าขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจน และอีลาสตินเพื่อฟื้นฟูผิว ซึ่งมีความแม่นยำ และสามารถออกแบบให้เจาะจงกับปัญหา และสภาพผิวของแต่ละคนได้

Ulthera SPT มาจาก See Plan Treat คือเทคนิคในการยิง อัลเทอร่า โดยมีขั้นตอนการทำงาน ดังนี้

S – See

   S หรือ See คือการให้แพทย์สามารถมองเห็นกระบวนการได้ระหว่างการทำหัตถการ (Real-Time visualization) ด้วยเทคโนโลยีที่สามารถแสดงผ่านหน้าจอได้ชัดเจน ให้แพทย์มองเห็นทุกชั้นผิว และสามารถยิงคลื่น MFU-V (Microfocus Ultrasound with Visualization) เข้าไปที่ชั้นผิว SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ได้อย่างแม่นยำ

P – Plan

   P หรือ  Plan คือ การวางแผน เมื่อแพทย์สามารถมองเห็นปัญหาได้อย่างชัดเจนลึกถึงชั้นผิว จึงสามารถวิเคราะห์ ออกแบบ และแก้ไขปัญหาได้อย่างละเอียด

T – Treat

   T หรือ Treat คือความแม่นยำในการรักษา และการยกกระชับ เมื่อแพทย์สามารถเข้าใจถึงปัญหา ก็จะสามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด โดยเฉพาะผู้เข้ารับบริการแต่ละคนที่มาด้วยปัญหาที่แตกต่างกันออกไป สามารถลดอาการเจ็บปวด หรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้



Ulthera SPT ดีอย่างไร?

    สามารถออกแบบการแก้ไขปัญหาที่เฉพาะเจาะจงของแต่ละบุคคลได้ เนื่องจากปัญหาผิวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

    มีความแม่นยำ เพราะแพทย์สามารถเห็นโครงสร้างชั้นลึกถึงชั้นผิวsmas ด้วยเอกสิทธิ์เฉพาะของเครื่อง Ulthera

    ไม่ต้องผ่าตัด Ulthera SPT อาจมีข้อจำกัดอยู่บ้างในเรื่องของราคาที่สูง แต่เมื่อเทียบกับการไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้นนาน ๆ ถือเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยลดการพักฟื้นหลังจากการผ่าตัดได้เป็นอย่างดีและหลังทำไม่มีอาการบวม

    เห็นผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ครั้งแรก Ulthera SPT ถือเป็นนวัตกรรมยกกระชับผิวที่เห็นผลลัพธ์ได้หลังทำทันที และจะเห็นผลได้ชัดขึ้นใน 1-3 เดือน

Ulthera ราคา เท่าไหร่ ?

ulthera นอกจากขึ้นกับเครื่องแท้แล้ว ยังขึ้นกับฝีมือและเทคนิคของแพทย์เป็นสำคัญ เพราะอาศัยเทคนิคและความเชี่ยวชาญ ของแพทย์ในการสแกน และเล็งการยิงชั้น SMAS รวมถึงเข้าใจปัญหาโครงสร้างของใบหน้า จึงจะเกิดผลลัพธ์ที่ดีได้จริง และอยู่ได้นาน 1 ปี ต้องอาศัยเทคนิค และความแม่นยำสูงในการทำ

Ulthera เหมาะกับใคร ?

    ผู้ที่มีผิวหน้าหย่อนคล้อย มีริ้วรอยปานกลาง

    ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าเรียว กรอบหน้าชัดขึ้น

    ผู้ที่มีร่องแก้ม ร่องมุมปาก แก้มหย่อนคล้อย

    ผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยเล็ก ๆ รอบดวงตา ยกคิ้ว หางตา และลดถุงใต้ตา

    ผู้ที่ต้องการกระชับเหนียง คางสองชั้น และลำคอ

    ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้แน่นกระชับ รูขุมขนเล็กลง ผิวเรียบเนียน


44

    1.คุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และมักมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายในการรักษาที่ไม่คาดคิด ประกันอุบัติเหตุช่วยคุ้มครองค่าใช้จ่ายเหล่านี้ ทำให้คุณได้รับการรักษาที่เหมาะสมโดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน

    2.จ่ายค่าชดเชยรายได้เมื่อไม่สามารถทำงานได้ หากอุบัติเหตุทำให้คุณไม่สามารถทำงานได้ชั่วคราวหรือถาวร ประกันอุบัติเหตุจะมอบค่าชดเชยรายได้ ช่วยให้คุณสามารถดำรงชีวิตต่อไปได้โดยไม่ลำบาก

    3.ความคุ้มครองสำหรับกรณีพิการหรือเสียชีวิต ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุรุนแรงจนถึงขั้นพิการหรือเสียชีวิต ประกันอุบัติเหตุจะมอบเงินชดเชยให้กับคุณหรือครอบครัว เพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายและดูแลความเป็นอยู่ของคนที่คุณรัก

    4.คุ้มครองค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูและกายภาพบำบัด หลังจากเกิดอุบัติเหตุ การฟื้นฟูสมรรถภาพหรือการทำกายภาพบำบัดอาจต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายสูง ประกันอุบัติเหตุสามารถช่วยครอบคลุมค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้

    5.คุ้มครอง 24 ชั่วโมงทั่วโลก ประกันอุบัติเหตุมักให้ความคุ้มครองตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนในโลก ดังนั้น ไม่ว่าจะเดินทางหรือทำกิจกรรมใดๆ คุณก็จะได้รับการคุ้มครองเสมอ



    6.ไม่มีข้อจำกัดในการเข้ารักษา คุณสามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลที่คุณต้องการโดยไม่มีข้อจำกัด ทำให้คุณสามารถเลือกสถานที่รักษาที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองได้

    7.คุ้มครองกิจกรรมเสี่ยง บางประกันอุบัติเหตุครอบคลุมกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูง เช่น กีฬาผาดโผน หรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับความเร็ว ช่วยให้คุณสามารถทำกิจกรรมเหล่านี้ได้อย่างมั่นใจ

    8.การวางแผนการเงินอย่างชาญฉลาด การทำประกันอุบัติเหตุเป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนการเงินที่รอบคอบ ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดคิด คุณจะมีเงินสำรองสำหรับรับมือกับสถานการณ์นั้นๆ

    9.การปกป้องครอบครัวจากภาระทางการเงิน หากคุณเป็นเสาหลักของครอบครัว การทำประกันอุบัติเหตุช่วยปกป้องครอบครัวจากภาระทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นหากคุณต้องเผชิญกับอุบัติเหตุร้ายแรง

    10.ความอุ่นใจในชีวิตประจำวัน ประกันอุบัติเหตุทำให้คุณสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมั่นใจและไร้กังวล เพราะคุณรู้ว่ามีการคุ้มครองสำหรับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นทุกเวลา

สรุป การทำประกันอุบัติเหตุเป็นการลงทุนที่ชาญฉลาดในการปกป้องตัวคุณและครอบครัวจากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ทำให้คุณสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจและไร้กังวลเช็คประกันอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

45
ประเภทของโถปัสสาวะชาย

1. โถปัสสาวะชายแบบแขวนผนัง
เป็นโถปัสสาวะที่เหมาะกับห้องน้ำที่มีพื้นที่จำกัด เพราะมีขนาดกะทัดรัดและติดตั้งได้ง่าย โดยใช้ตะขอยึดผนังเพื่อแขวนติดตั้ง และแบบพุกยึดผนังกับโถปัสสาวะ

2. โถปัสสาวะชายแบบตั้งพื้น
เป็นโถปัสสาวะที่สามารถติดตั้งโดยใช้วิธียึดตัวโถเข้ากับพื้นส่วนใหญ่ นิยมใช้โถปัสสาวะที่มีท่อน้ำทิ้งแบบเข้าผนัง เพราะติดตั้งได้ง่ายและสะดวก

จุดเด่นของโถปัสสาวะชาย

ช่วยแบ่งพื้นที่ให้เป็นสัดส่วน
โถปัสสาวะชายช่วยให้พื้นที่ห้องน้ำแบ่งเป็นสัดส่วนได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการตกแต่งแบบแยกส่วนเปียก และส่วนแห้ง

ทำความสะอาดง่าย
โถปัสสาวะชาย ช่วยให้การทำความสะอาดง่ายขึ้นเพราะไม่ต้องกังวลเรื่องคราบที่อาจเกิดขึ้นบนโถสุขภัณฑ์หรือน้ำกระเซ็นเปื้อนพื้น นอกจากนี้ตัวโถปัสสาวะยังมีการเคลือบสาร CEFIONTECT ซึ่งทำให้สุขภัณฑ์เรียบลื่นขจัดสิ่งสกปรกได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น เมื่อรวมกับฟลัชวาล์วระบบเซ็นเซอร์ในตัวที่มาพร้อมระบบชำระล้างอัตโนมัติ ช่วยให้คุณไม่ต้องสัมผัสปุ่มกดหรือก้านกดชำระหลังจากใช้งาน ช่วยลดโอกาสเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อโรค รวมถึงหมดกังวลกับปัญหาเรื่องการลืมกดชำระไปได้เลย

ประหยัดน้ำ
โถปัสสาวะชายนั้นใช้น้ำน้อยกว่าการชำระล้างของโถสุขภัณฑ์ทั่วไปได้เพิ่มเทคโนโลยี EWATER+ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้น้ำผ่านกระบวนการอิเล็กโตรไลซ์ มีคุณสมบัติช่วยลดการเกิดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งทำให้ชำระล้างโถปัสสาวะได้สะอาดหมดจด



5 เทคนิคในการเลือกซื้อโถปัสสาวะชาย

1. พื้นที่สำหรับติดตั้งโถปัสสาวะชาย
ควรเลือกโถปัสสาวะชายให้เหมาะกับขนาดห้องน้ำ โดยโถปัสสาวะแบบตั้งพื้นเหมาะสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป และได้ทุกวัย ตัวโถจึงมักมีขนาดใหญ่กว่าแบบแขวนผนังที่เหมาะสำหรับห้องน้ำที่มีพื้นที่จำกัด แต่อย่างไรก็ตามในปัจจุบันโถปัสสาวะชายแบบตั้งพื้นก็ได้รับการพัฒนาและออกแบบให้มีขนาดเล็กลง เหมาะสำหรับติดตั้งในบ้านมากยิ่งขึ้น

2. ระบบชำระล้าง
ควรเลือกใช้โถปัสสาวะชายที่มีระบบชำระล้างหมดจดโดยไม่ทิ้งกลิ่นไม่พึงประสงค์ และควรเลือกแบบที่ใช้น้ำน้อยกว่าโถสุขภัณฑ์ทั่วไป ที่จะช่วยประหยัดน้ำ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

3. ดีไซน์ของโถปัสสาวะชาย
สำหรับผู้ที่ใส่ใจทั้งดีไซน์และการใช้งาน ควรเลือกโถปัสสาวะชายที่ออกแบบอย่างทันสมัย เหมาะสำหรับการตกแต่งหลากหลายสไตล์ตามความชอบของผู้ใช้งาน ซึ่งจะช่วยสร้างความผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี

4. ฟังก์ชั่นเสริม
นอกจากระบบชำระล้างและระบบประหยัดน้ำแล้ว การเลือกโถปัสสาวะชายก็ควรดูที่ฟังก์ชั่นอื่น ๆ ด้วย เช่น ระบบเซ็นเซอร์ที่ช่วยชำระล้างอัตโนมัติ ระบบประหยัดไฟ ไปจนถึงระบบที่ช่วยสร้างน้ำบริสุทธิ์ภายในตัวโถ ช่วยให้โถปัสสาวะสะอาดมากยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งสารเคมี

5. การทำความสะอาด
สุดท้าย คือ การทำความสะอาด ควรเลือกใช้โถปัสสาวะชายที่สามารถทำความสะอาดได้ง่าย มีพื้นผิวเรียบลื่นเป็นพิเศษ ช่วยให้คราบสกปรกและเชื้อโรคที่มองไม่เห็นเกาะติดได้ยาก อีกทั้งยังลดปริมาณการใช้สารเคมีสำหรับทำความสะอาดได้อีกด้วย

วิธีการทำความสะอาดและดูแลโถปัสสาวะชาย
1. ฉีดน้ำยาทำความสะอาดให้ทั่ว
เริ่มต้นด้วยการฉีดน้ำยาทำความสะอาดให้ทั่วโถปัสสาวะชาย โดยเลือกใช้น้ำยาทำความสะอาดที่ไม่มีฤทธิ์เป็นกรด เพราะน้ำยาที่มีฤทธิ์เป็นกรดอาจกัดกร่อน และทำลายพื้นผิวให้เป็นรอยได้

2. ปล่อยให้น้ำยาไหลลงทั่วโถปัสสาวะ
ยังไม่ต้องใช้ฟองน้ำทำความสะอาดทันที ควรปล่อยให้น้ำยาทำความสะอาดบางส่วนไหลทั่วโถปัสสาวะ และปล่อยให้น้ำยาไหลลงท่อระบายน้ำเล็กน้อย

3. ใช้ฟองน้ำทำความสะอาด
ใช้ฟองน้ำหรือผ้าไมโครไฟเบอร์ขัดน้ำยาทำความสะอาดให้ทั่ว ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผ้าหยาบหรือสกปรก เพราะจะทำให้เกิดร่องรอยบนพื้นผิวโถปัสสาวะชายได้

4. ใช้แปรงขนนุ่มขัดบริเวณที่มีคราบสกปรก
นอกจากการใช้ฟองน้ำแล้ว ควรใช้แปรงที่มีขนนุ่ม เช่น แปรงสีฟัน สำหรับขัดซอกมุมที่เข้าไม่ถึง หรือบริเวณที่มีคราบสกปรกเกาะติด

5. ตรวจสอบระบบระบายน้ำ
นอกจากความสะอาดของโถปัสสาวะชายแล้ว ควรตรวจสอบระบบระบายน้ำให้ดีว่าทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพหรือไม่ เพราะหากระบบระบายน้ำมีปัญหาก็อาจทำให้โถปัสสาวะชำระล้างไม่หมดจด ทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ รวมไปถึงอาจทำให้เชื้อโรคและแบคทีเรียที่มองไม่เห็นสะสมตัวอยู่ได้

โถปัสสาวะชายอาจเป็นสุขภัณฑ์ห้องน้ำที่หลายคนอาจมองข้าม แต่จริง ๆ แล้วมีความสำคัญกว่าที่คิด เพราะนอกจากจะช่วยสร้างสุขอนามัยที่ดีภายในบ้าน และยังช่วยประหยัดน้ำ ยิ่งไปกว่านั้นหากเป็นสุขภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีเพื่อความสะอาดเข้ามาเป็นตัวช่วยในการดูแลรักษาแล้ว ก็จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้งานได้ไม่น้อย



46
ความเสี่ยง
        ประกันแบบออมทรัพย์: ความเสี่ยงต่ำ เงินต้นได้รับการคุ้มครอง และมีการจ่ายเงินคืนแน่นอนเมื่อครบกำหนดสัญญา
        การลงทุน: มีความเสี่ยงสูงกว่า ผลตอบแทนอาจผันผวนตามสภาพตลาด การลงทุนมีโอกาสสูญเสียเงินต้น

    ความคุ้มครอง
        ประกันแบบออมทรัพย์: นอกจากผลตอบแทน ยังให้ความคุ้มครองชีวิต หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน ครอบครัวจะได้รับเงินประกัน
        การลงทุน: ไม่มีความคุ้มครองชีวิตหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ต้องพึ่งพาการลงทุนเพื่อสร้างมูลค่าเท่านั้น

    ความมั่นคงทางการเงิน
        ประกันแบบออมทรัพย์: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นคงและไม่ต้องการรับความเสี่ยงในการลงทุน
        การลงทุน: เหมาะสำหรับผู้ที่ยอมรับความเสี่ยงและต้องการโอกาสในการสร้างผลตอบแทนสูงกว่า

    การวางแผนระยะยาว
        ประกันแบบออมทรัพย์: มีระยะเวลาคงที่และการจ่ายเงินคืนตามกำหนด ช่วยให้วางแผนการเงินระยะยาวได้ง่ายสะสมทรัพย์
        การลงทุน: ผลตอบแทนอาจผันผวนและไม่สามารถคาดการณ์ได้แน่นอน ทำให้การวางแผนระยะยาวอาจซับซ้อนกว่า

    ผลตอบแทน
        ประกันแบบออมทรัพย์: ผลตอบแทนอาจต่ำกว่าเมื่อเทียบกับการลงทุน แต่มั่นคงและรับประกัน
        การลงทุน: มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูง แต่ต้องแลกกับความเสี่ยงที่สูงขึ้น



    สภาพคล่อง
        ประกันแบบออมทรัพย์: การถอนเงินก่อนครบกำหนดอาจมีค่าธรรมเนียมหรือผลตอบแทนลดลง
        การลงทุน: สภาพคล่องขึ้นอยู่กับประเภทของสินทรัพย์ เช่น หุ้นมีสภาพคล่องสูงกว่าอสังหาริมทรัพย์

    การบริหารจัดการ
        ประกันแบบออมทรัพย์: ไม่ต้องใช้เวลาหรือความรู้ในการบริหารจัดการ บริษัทประกันจะดูแลทั้งหมด
        การลงทุน: ต้องใช้เวลาและความรู้ในการติดตามและบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนเอง

    ประโยชน์ทางภาษี
        ประกันแบบออมทรัพย์: เบี้ยประกันบางส่วนสามารถนำไปเป็นประกันลดหย่อนภาษีได้
        การลงทุน: อาจมีประโยชน์ทางภาษีในบางกรณี เช่น การลงทุนใน RMF หรือ SSF แต่ต้องมีเงื่อนไขที่ซับซ้อนกว่า

    การถ่ายทอดมรดก
        ประกันแบบออมทรัพย์: สามารถกำหนดผู้รับผลประโยชน์ได้ชัดเจน และกระบวนการส่งต่อเป็นมรดกทำได้ง่าย
        การลงทุน: การถ่ายทอดมรดกจากการลงทุนอาจซับซ้อน ขึ้นอยู่กับประเภทของสินทรัพย์ที่ถือครอง

    ความยืดหยุ่น
        ประกันแบบออมทรัพย์: มีความยืดหยุ่นน้อยกว่า เพราะต้องทำตามสัญญาที่กำหนดไว้
        การลงทุน: มีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับพอร์ตหรือเปลี่ยนแปลงการลงทุนตามสถานการณ์ได้ตลอดเวลา

การเลือกประกันแบบออมทรัพย์หรือการลงทุนขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ทางการเงิน ความสามารถในการรับความเสี่ยง และความต้องการของแต่ละบุคคล การผสมผสานทั้งสองรูปแบบอาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว

47
เทคโนโลยียกกระชับใบหน้าในปัจจุบันมีอยู่หลายเครื่อง แต่มันจะดีกว่าหรือไม่ถ้าคุณตัดสินใจรับบริการด้วยเครื่องที่ดีที่สุดสำหรับคุณ และหนึ่งในนวัตกรรมเปลี่ยนแปลงความหย่อนคล้อยและริ้วรอยที่เห็นผลคือ เครื่องอัลเทอร่า (Ulthera)

อย่างไรก็ตาม ด้วยชื่อเสียงและประสิทธิภาพของเครื่อง Ulthera จึงทำให้หลายคลินิกมีการคิดราคาค่าทำ Ulthera ค่อนข้างแพง และอาจไม่คุ้มค่าต่อปัญหาผิวที่แตกต่างกันของแต่ละคน รวมถึงการนำเข้าเครื่อง Ulthera ปลอม ที่อาศัยชื่อเสียงของเทคโนโลยีแบรนด์นี้ในการเอาเปรียบผู้บริโภค แต่กลับไม่เห็นผลลัพธ์การรักษาอย่างที่คาดหวัง และยังเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้อีก

การเตรียมตัวก่อนทำ Ulthera
ถึงแม้จะเป็นการทำหัตถการที่เรียบง่ายและไม่ซับซ้อน แต่ผู้เข้ารับบริการก็จำเป็นต้องเตรียมสุขภาพให้พร้อมก่อนวันรับบริการรักษาผิวด้วยเครื่อง Ulthera ซึ่งโดยหลักๆ ได้แก่

    เข้าพบแพทย์เพื่อให้แพทย์วิเคราะห์ปัญหาผิวหน้าและตำแหน่งที่ต้องการรักษา เพื่อกำหนดจำนวนช็อตส์ในการปล่อยพลังงาน
    พักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง
    งดสูบบุหรี่ งดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กิจกรรมที่อาจส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือด เช่น ทำสปา อบไอน้ำ ซาวน่า แช่น้ำร้อน ประมาณ 24 ชั่วโมงก่อนรับบริการ
    แจ้งแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำตัวและยาประจำตัวที่ใช้อยู่ในปัจจุบันก่อนรับบริการ
    ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการงดยา งดอาหารเสริม สมุนไพรบางประเภท เช่น ยากลุ่มแอสไพริน (Aspirin) ยากลุ่มไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) ยาที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด วิตามินอี น้ำมันตับปลา กระเทียม แปะก๊วย
    งดยาทารวมถึงผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว เช่น Tretinoin (Retin-A) สารเรตินอล (Retinols) สารเรตินอยด์ (Retinoid) กรดไกลโคลิก (Glycolic Acid) ครีมกลุ่ม Anti-Aging หรือหากไม่แน่ใจผลิตภัณฑ์ตัวใด ให้ปรึกษาแพทย์ล่วงหน้าก่อน
    งดแต่งหน้า หรือทาเครื่องสำอางใดๆ ในวันมารับบริการ เพราะเจ้าหน้าที่จะต้องมีการทำความสะอาดผิวก่อนให้บริการ
    หากกำลังเป็นโรคหรือภาวะทางผิวหนัง เช่น โรคผิวหนังอักเสบ โรคเริม สิวอักเสบ ควรปรึกษาแพทย์หรือรักษาให้หายเสียก่อนมารับบริการ



การดูแลตนเองหลังทำ Ulthera
เพื่อลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงหลังรักษา รวมถึงเพื่อให้ผลลัพธ์หลังรับบริการเห็นผลได้อย่างเต็มที่ ผู้เข้ารับบริการควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้

    หลังจากรับบริการเสร็จแล้วอาจเกิดปัญหาผิวแดงหรือผิวบวมเล็กน้อย แต่อาการจะดีขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์
    ผู้เข้ารับบริการอาจรู้สึกผิวแห้งขึ้นเล็กน้อยในช่วง 1-3 วันแรก ให้ทาครีมหรือมอยเจอร์ไรเซอร์เพิ่มเติมและหลีกเลี่ยงการล้างหน้า การอาบน้ำด้วยน้ำอุ่นจัดหรือน้ำร้อน
    งดอยู่ในสถานที่ร้อนจัดหรืออุณหภูมิสูง เช่น สปา ซาวน่า อบไอน้ำ รวมถึงที่โล่งแจ้งที่มีแดดจัดประมาณ 1 สัปดาห์
    หากจำเป็นจะต้องออกไปในที่แดดจัด ให้ทาครีมกันแดด SPF 50+ ขึ้นไป
    งดการถู นวด หรือสัมผัสผิวตำแหน่งที่รักษาแรงๆ
    หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่หรือบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระยะยาว เพื่อป้องกันไม่ให้คอลลาเจนผิวถูกทำลายเพิ่มอีก

ทั้งนี้ หลังทำอัลเทอร่า สามารถใช้ชีวิตประจำวันทั่วไปได้ทันที ไม่ต้องมีการพักฟื้นใดๆ สามารถแต่งหน้าทาครีมได้ตามปกติ



48
ทำประกันทั้งทีถ้าสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ด้วย ก็เหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เพราะได้ทั้งความคุ้มครอง และยังช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้ไม่น้อย โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่หลายๆ คนคงกำลังจัดระเบียบการใช้จ่ายของตัวเองและเตรียมเอกสารต่างๆ สำหรับเทศกาลลดหย่อนภาษีปลายปีที่ใกล้เข้ามา แต่หากคุณยังไม่แน่ใจว่าจะต้องซื้อประกันประเภทไหนที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ มีเงื่อนไขเพิ่มเติมอะไรอีกหรือไม่ และจะสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุดเท่าไหร่ วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาไว้ให้แล้ว

ประเภทของประกันที่ลดหย่อนภาษีได้
1. ประกันชีวิต
ประกันชีวิตทั่วไป ลดหย่อนภาษีได้
ประกันที่เน้นให้ความคุ้มครองแก่ผู้ทำประกัน ในกรณีที่เสียชีวิตจากเหตุไม่คาดคิดก็จะได้รับเงินชดเชยตามวงเงินคุ้มครอง มีหลายรูปแบบ เช่น ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ, ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา, ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ และ ประกันชีวิตควบการลงทุน
โดยสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาทตามจำนวนที่จ่ายจริง หรือหากจะนับรวมเงินฝากแบบมีประกันด้วยก็ต้องไม่เกิน 100,000 บาท และใครที่มีคู่สมรสที่ไม่มีรายได้ ซึ่งไม่ได้เพิ่งสมรสภายในปีนี้ ก็สามารถนำเบี้ยประกันมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท เช่นเดียวกัน
เงื่อนไขการนำประกันชีวิตทั่วไปมาลดหย่อนภาษี
-         ต้องเป็นกรมธรรม์ที่มีระยะคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
-         จัดทำกับบริษัทประกันในประเทศไทย
-         หากมีการจ่ายเงินปันผลหรือเงินชดเชย จะต้องไม่เกิน 20% ของเบี้ยประกันชีวิตรายปี
-         ต้องแจ้งต่อบริษัทว่าต้องการนำไปลดหย่อนภาษี

ประกันชีวิตแบบบำนาญ ลดหย่อนภาษีได้
ประกันที่ให้ความคุ้มครองรายได้หลังเกษียณ จะเน้นที่ผลตอบแทนเป็นหลัก เพื่อเป็นหลักประกันรายได้ในยามที่คุณเลิกประกอบอาชีพแล้วนั่นเอง
โดยประกันในรูปแบบนี้จะสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ 15% ของรายได้ (เงินได้ที่ต้องเสียภาษี) สูงสุดไม่เกิน 20,000 บาท หรืออาจลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท เมื่อยังไม่ได้ใช้สิทธิลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิตทั่วไป และเมื่อรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, RMF, กองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน, กบข. และ กองทุนการออมแห่งชาติ จะต้องไม่เกิน 500,000 บาท
นั่นหมายความว่าหากคุณยังใช้สิทธิลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิตทั่วไป ไม่ถึงเพดานสูงสุด 100,000 บาท คุณสามารถนำเบี้ยประกันบำนาญบางส่วนไปหักลบจนครบ 100,000 บาท ก่อนจะนำมาคำนวณหักลบกับ 15% ของรายได้ เป็นส่วนที่สอง
เงื่อนไขการลดหย่อนภาษีของประกันชีวิตแบบบำนาญคือ
-         ต้องเป็นกรมธรรม์ที่มีระยะคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
-         จัดทำกับบริษัทประกันในประเทศไทย
-         จ่ายผลประโยชน์เป็นงวดจำนวนเงินเท่ากัน หรือในสัดส่วนที่มากขึ้น เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ
-         ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันครบถ้วนก่อนที่จะได้รับผลประโยชน์
-         กำหนดช่วงอายุการจ่ายผลประโยชน์ตั้งแต่ 55 - 85 ปี
-         ต้องแจ้งต่อบริษัทว่าต้องการนำไปลดหย่อนภาษี



2. ประกันสุขภาพ
ประกันสุขภาพตนเอง ลดหย่อนภาษีได้
รูปแบบประกันที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ คือประกันที่คุ้มครองอาการบาดเจ็บหรืออุบัติเหตุ มีการชดเชยการทุพพลภาพและการสูญเสียอวัยวะเนื่องจากการเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บ, ประกันอุบัติเหตุเฉพาะ ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล การทุพพลภาพ การสูญเสียอวัยวะและการแตกหักของกระดูก, ประกันโรคร้าย และ ประกันการดูแลระยะยาว
โดยสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท เมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตทั่วไป และเงินฝากแบบมีประกันชีวิตต้องไม่เกิน 100,000 บาท
เงื่อนไขการลดหย่อนภาษีของประกันสุขภาพตนเองคือ
-         จัดทำกับบริษัทประกันในประเทศไทย
-         ต้องแจ้งต่อบริษัทว่าต้องการนำไปลดหย่อนภาษี
ประกันสุขภาพของพ่อแม่ ลดหย่อนภาษีได้
ในกรณีที่คุณจ่ายเบี้ยประกันให้กับพ่อแม่ สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท ในกรณีที่คู่สมรสไม่มีเงินได้ สามารถนำเบี้ยประกันสุขภาพของพ่อแม่ของคู่สมรสมาลดหย่อนในจำนวนสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท ได้เช่นกัน หรือหากมีการร่วมกันจ่ายกับพี่น้อง ก็สามารถนำมาหารเฉลี่ยตามจำนวนพี่น้องได้เช่นกัน
เงื่อนไขการลดหย่อนภาษีของประกันสุขภาพของพ่อแม่คือ
-         ต้องมีความสัมพันธ์เป็นลูกแท้ๆ ที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น
-         ในกรณีลูกบุญธรรมจะไม่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้
-         พ่อแม่มีรายได้ต่อปีภาษีไม่เกิน 30,000 บาท
-         ตัวผู้ลดหย่อนหรือพ่อแม่ต้องอยู่ในประเทศไทยครบ 180 วันภายในปีภาษี
การมีประกันชีวิตที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้จะช่วยให้คุณสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายลงได้ไม่น้อยเลย โดยเฉพาะกับมนุษย์เงินเดือนและผู้ที่มีรายได้ประจำ ก็ควรมองหาตัวเลือกที่สามารถทำให้คุณมีทั้งความคุ้มครองด้านสุขภาพ และสิทธิในการลดหย่อนภาษี


49
ยกกระชับหน้า ปัญหาผิวหย่อนคล้อยเกิดจากการที่จำนวนคอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นผิวถูกรบกวนจากปัจจัยต่าง ๆ และลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เซลล์ผิวสูญเสียความกระชับ ดูหน้าหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอยต่างๆ ที่ทำให้ผิว ใบหน้าแก่เกินวัย โดยปัจจัยที่ส่งผลให้จำนวนคอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นผิวลดลง

    อายุที่เพิ่มขึ้น
    การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
    รังสียูวีในแสงแดด
    การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ

แก้ได้ ด้วย 3 แนวทางยกกระชับหน้าโดยไม่ต้องการฉีดหรือผ่าตัด?
1.  Ulthera
    เครื่องมือยกกระชับหน้าที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากสามารถยกผิว หน้าหย่อนคล้อยให้กลับมากระชับ โดย ulthera จะเป็นการปล่อยพลังงานคลื่นความถี่สูงในรูปแบบอัลตราซาวด์ที่สามารถเข้าสู่ชั้นผิวได้ลึกถึงระดับ SMAS และปล่อยพลังงานความร้อนเข้าไปกระตุ้นชั้น SMAS ที่เสื่อมสภาพให้เกิดการหดตัว ซึ่งผลลัพธ์หลังจากการทำ Ulthera จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่า ใบหน้ายกขึ้น 20% และจะเห็นผลชัดเจนภายใน 1-3 เดือน อยู่ได้นาน 1 ปี ทั้งนี้ต้องอาศัยเทคนิค และความแม่นยำสูงในการทำและยังขึ้นกับฝีมือและเทคนิคของแพทย์เป็นสำคัญ



2. Exilis Ultra 360
    Exilis Ultra 360 คือ การส่งคลื่นความร้อนที่มีความปลอดภัยสูงไปสู่ชั้นผิวหนังเรียกได้ว่าเป็น NEW Model ที่สามารถผสมผสาน ระหว่าง พลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูง (Monopolar RF) และ คลื่นเสียง Ultrasound เข้าไว้ด้วยกัน ทำให้การส่งพลังงานสามารถกระจายได้อย่างทั่วถึง ซึ่ง Exilis Ultra 360 จะส่งผ่านพลังงาน 2 ชนิดเข้าไปกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจน รวมทั้งทำให้คอลาเจนใต้ผิวแข็งแรง ช่วยให้ผิว หน้าหย่อนคล้อยกลับมาเรียบตึง กระชับได้

3. New Doublo 2.0
    New Doublo 2.0 คือ เครื่องมือในการยกกระชับหน้า ที่มาพร้อมกับ Synergy Effect เป็นการรวม 2 พลังงานสำคัญในการกระตุ้นคอลลาเจน ยกกระชับผิว ด้วย คลื่นเสียง - MFU (Micro Focused Ultrasound) และ คลิ่นวิทยุ - RF (Redio Frequency)  ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่มีเฉพาะเครื่อง new doublo 2.0 เครื่องแรกและเครื่องเดียวเท่านั้น
         นอกจากนั้น New Doublo 2.0 ยังมีหัวที่มีลักษณะเป็นเข็มเล็กๆ หรือ Microneedle RF ที่จะมาช่วยเสริมการรักษาทั้งในแง่ของการยกกระชับผิว และปรับ Texture ของผิว ทำให้หลุมสิวบน ใบหน้าตื้นขึ้น กระชับรูขุขมขน ให้ผิวดูเรียบเนียน ละเอียด ลดริ้วรอยตื้นๆ ได้อีกด้วย



50
อย่างที่หลายคนทราบกันดีว่า การมีประกันชีวิตนั้นเป็นตัวช่วยให้เราในวันที่เกิดเหตุฉุกเฉินหรือไม่คาดฝันขึ้นได้ แต่สำหรับหลายคนที่มีรายได้น้อยการซื้อประกันชีวิตเป็นเรื่องที่ต้องคิดและคำนวณอย่างถี่ถ้วน ทั้งเรื่องของการส่งเบี้ยประกันที่เหมาะกับรายได้ ประกันสุขภาพ ลดหย่อนภาษี ความคุ้มครองที่คุ้มค่าและเหมาะกับตัวเอง

วิธีเลือกประกันชีวิตแบบไหนดี ถึงเหมาะกับผู้มีรายได้น้อย?

แม้จะมีรายได้น้อยแต่เราก็สามารถเลือกประกันชีวิตที่เหมาะสมกับตัวเองได้ โดยการคำนวณและประเมินข้อมูลต่างๆ ดังนี้

1. ตั้งงบประมาณที่ต้องการ
อย่างแรกที่เราต้องทำก่อนการเลือกซื้อประกันชีวิตก็คือ การตั้งงบประมาณที่ต้องการเอาไว้ เพื่อให้เราจำกัดตัวเลือกของแผนประกันให้แคบลงได้ และทำให้สามารถเลือกได้ง่ายขึ้น

2. ประเภทของประกันชีวิต
หนึ่งในขั้นตอนที่ทำสำคัญที่สุดของการซื้อประกันชีวิต คือ การเลือกประเภทของประกันชีวิต ซึ่งปัจจุบันประกันชีวิตมีหลากหลายประเภท ทั้งด้านความคุ้มครองและเงื่อนไขที่แตกต่างกัน เราจึงควรเลือกประเภทประกันชีวิตที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ และรายได้หลักของเรา โดยประกันชีวิตนั้นแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้

ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา

ประกันประเภทนี้เหมาะสำหรับ ผู้มีรายได้น้อย เพราะมีเบี้ยประกันไม่สูง แต่การคุ้มครองของประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลาจะคุ้มครองให้แก่ผู้เอาประกันซึ่งเสียชีวิตภายในเวลาที่กำหนดไว้เท่านั้น เช่น 5 ปี 10 ปี  20 ปี หมายความว่าคนทำประกัน จะได้ผลประโยชน์ก็ต่อเมื่อเสียชีวิตเท่านั้น ถ้าครบกำหนดตามสัญญาแล้วยังมีชีวิตอยู่ จะไม่ได้รับเงินคืนใดๆ ทั้งสิ้น

ประกันแบบตลอดชีพ

เป็นประกันชีวิตที่เน้นคุ้มครองในระยะยาว โดยจะจ่ายเบี้ยประกันเป็นระยะเวลาหนึ่ง เช่น 5 ปี 10 ปี 15 ปี หรือ 20 ปี และให้ความคุ้มครองตลอดชีพ หรือจนถึงอายุ 99 ปี ขึ้นกับแต่ละแผนประกันโดยตลอดระยะเวลาจะไม่ได้เงินคืน ประกันชีวิตประเภทนี้จึงเหมาะจะทำไว้เป็นเงินก้อนให้กับลูกหลาน เพื่อเป็นหลักประกันว่าครอบครัวจะไม่ลำบากเมื่อจากไปนั่นเอง



ประกันชีวิตแบบออมทรัพย์
เป็นประกันชีวิตที่ที่ให้ความคุ้มครองพร้อมมีการออมเงินเข้ามาเกี่ยวด้วย โดยจะมีทั้งแบบระยะสั้น กลาง ยาว จุดเด่นประกันชีวิต แบบออมทรัพย์ อยู่ที่เป็นการออมเงินพร้อมกับได้ความคุ้มครองเพิ่มไปด้วยพร้อมๆ กัน ซื้อประกันออนไลน์

ประกันชีวิตแบบเงินได้ประจำ
ประกันชีวิตประเภทนี้ ทางบริษัทประกันจะจ่ายเงินให้กับผู้เอาประกันอย่างสม่ำเสมอทุกเดือน นับแต่ผู้เอาประกันภัยเกษียณอายุ หรืออายุครบ 55 ปี หรือ 60 ปี เป็นต้นไป แล้วแต่เงื่อนไขที่ได้กำหนดไว้

3. เลือกบริษัทประกันที่น่าเชื่อถือ
เลือกประกันชีวิตจากบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ ทั้งด้านชื่อเสียง และหลักความคุ้มครองต่างๆ เพื่อที่เราจะสามารถมั่นใจได้ว่าจะได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า และไม่เสี่ยงต่อการถูกช่อโกงจากบริษัทที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ

4. ระยะเวลาการชำระต้องเหมาะสม
ยิ่งมีรายได้ไม่ได้สูง เรายิ่งจำเป็นต้องดูระยะเวลาการชำระเบี้ยประกันที่มีความเหมาะสมกับความสามารถในการจ่ายค่าเบี้ยประกันของเราให้มากที่สุด โดยระยะเวลาการชำระมีทั้งแบบราย 3 เดือน ราย 6 เดือน รวมถึงการจ่ายแบบรายได้

5. เลือกซื้อประกันผ่านออนไลน์
อีกข้อสำคัญในการเลือกซื้อประกันชีวิต สำหรับผู้มีรายได้น้อย คือการเลือกซื้อประกันผ่านช่องทางออนไลน์ เพราะทำให้เรามีสามารถศึกษาข้อมูลได้อย่างละเอียด ได้ข้อมูลที่หลากหลาย และยังมีเวลาให้เราได้ไตร่ตรองอย่างไม่จำกัดอีกด้วย เพื่อให้สามารถเลือกประกันที่เหมาะสมกับรายได้และตัวเรามากที่สุด

หากพูดถึงประกันชีวิตแบบออนไลน์ ประกันชีวิตของไทยประกันชีวิตเอง ก็มีช่องทางการซื้อขายประกันออนไลน์ที่สะดวก ไว้บริการสำหรับผู้ที่สนใจ ซึ่งเป็นช่องทางที่เราสามารถซื้อประกันออนไลน์ได้ง่าย สะดวก ทั้งยังมีข้อมูลของแผนประกันที่ละเอียดและครบถ้วนอีกด้วย

การทำประกันชีวิตนั้นสำคัญมากสำหรับทุกคน เพราะไม่รู้เลยว่าเราจะเจอกับอุบัติเหตุ หรือเจ็บป่วยขึ้นมาในวันใด และไม่ว่าราจะมีรายได้มากหรือน้อยก็สามารถเลือกทำประกันสุขภาพได้ เพียงแค่ศึกษาข้อมูลและเลือกแผนประกันชีวิตที่เหมาะสมกับรายได้ของเราเท่านั้นเอง

หน้า: [1] 2 3