ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - ซุปเปอร์ จิระ

หน้า: [1]
1
    ถ้ากำลังมองหาวัสดุสำหรับงานติดตั้งในโครงการใหญ่อยู่ใช่ไหมครับ? ไม่ว่าจะเป็นงานเดินท่อร้อยสายไฟ, ติดตั้งระบบแอร์, ทำโครงสร้างรับแผงโซลาร์เซลล์ หรือทำชั้นวางของในโรงงาน วัสดุที่ตอบโจทย์ได้ดีที่สุดและเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบันก็คือ "รางตัวซี" หรือที่หลายคนเรียกว่า "รางตัวยู" และ "รางสตรัท" นั่นเอง

    บทความนี้คือคู่มือที่จะช่วยให้คุณเข้าใจทุกอย่างเกี่ยวกับรางชนิดนี้ เพื่อให้สามารถเลือกสเปคและสั่งผลิตล็อตใหญ่จากโรงงานได้อย่างถูกต้อง คุ้มค่า และได้สินค้าที่มีคุณภาพตรงตามความต้องการของโครงการ

    ทำความรู้จัก รางตัวซี รางตัวยู: วัสดุอเนกประสงค์ที่ช่วยให้งานเสร็จเร็วขึ้น

    รางสตรัท คือระบบโครงสร้างเหล็กสำเร็จรูปที่ออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ได้ ทำให้สามารถประกอบโครงสร้างต่างๆ ได้โดย ไม่ต้องเชื่อม ช่วยให้ประหยัดเวลา และค่าใช้จ่ายหน้างานได้มากเลยทีเดียว

    ลักษณะของสตรัทช่วยให้ทำงานง่าย และรวดเร็ว

    รูปทรงตัว C ที่มีขอบขอบรางที่พับเข้าด้านในถูกออกแบบมาเพื่อใช้ล็อกกับน็อตโดยเฉพาะ ทำให้ยึดอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างแน่นหนาและรวดเร็ว
    • ปรับเปลี่ยนง่าย สามารถเลื่อนตำแหน่งการยึดได้ตลอดแนวราง ทำให้มีความยืดหยุ่นสูงในการทำงาน
    • มีทั้งแบบทึบและแบบเจาะรู:สามารถเลือกใช้ให้เหมาะกับงานได้ โดยเฉพาะรางสตรัทเจาะรูที่เจาะรูมาให้พร้อมใช้งานจากโรงงาน จะช่วยลดขั้นตอนการทำงานหน้างานไปได้อีกมาก

    วัสดุและการเคลือบผิว: เลือกให้เหมาะกับงาน เพื่อความทนทานสูงสุด

    การเลือกวัสดุ และผิวเคลือบที่เหมาะสม จะช่วยให้โครงสร้างของแข็งแรงทนทาน และใช้งานได้ยาวนาน โดยเฉพาะเมื่อต้องสั่งผลิตในปริมาณมาก

    วัสดุที่นิยมใช้ผลิต
    1. เหล็ก เป็นวัสดุที่แข็งแรงและนิยมใช้มากที่สุด โดยจะมีการเคลือบผิวเพื่อป้องกันสนิม ซึ่งมีให้เลือกหลักๆ คือ:
    • ชุบสังกะสีแบบพรีซิงค์ (Pre-Galvanized) เหมาะสำหรับงานทั่วไปในอาคาร เป็นตัวเลือกที่นิยมใช้กันทั่วไป
    • ชุบสังกะสีแบบจุ่มร้อน (Hot-Dip Galvanized) เหมาะสำหรับงานนอกอาคารที่ต้องทนแดดทนฝน หรือในพื้นที่โรงงานที่มีความชื้นสูง การเคลือบแบบนี้จะหนา ทนทาน และไม่เป็นสนิม

    2. สแตนเลส เหมาะสำหรับพื้นที่พิเศษที่ต้องการความสะอาดสูงและทนทานต่อการกัดกร่อนเป็นพิเศษ เช่น โรงงานผลิตอาหารและยา, โรงงานเคมี หรือพื้นที่ใกล้ทะเล

    เลือกระหว่างรางสตรัทแบบทึบ กับ รางสตรัทเจาะรู
    • รางแบบทึบ (Solid Channel):** ให้ความแข็งแรงในการรับน้ำหนักสูงสุด เหมาะกับงานที่ต้องการความแข็งแรงเป็นพิเศษ หรือต้องการเจาะรูเองตามตำแหน่งที่กำหนด
    • รางสตรัทเจาะรู (Slotted Channel):** เป็นแบบที่ได้รับความนิยมสูง เพราะพร้อมใช้งานได้ทันที ช่วยลดเวลาในการติดตั้งหน้างานได้อย่างชัดเจน เหมาะกับโครงการที่ต้องการความรวดเร็ว

    รางสตรัท รางตัวซี รางตัวยู นำไปใช้งานอะไรได้บ้าง?

    รางชนิดนี้สามารถนำไปใช้งานได้หลากหลายประเภทของโครงการก่อสร้าง และโรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงยังนิยมใช้ในงานโครงสร้างรับน้ำหนักบางชนิด และส่วนประกอบสำหรับชิ้นส่วนทำหน้าที่ยึดเกาะ เช่น
    • งานระบบไฟฟ้า ใช้ทำเป็นโครงสำหรับยึดท่อร้อยสายไฟ, รางเคเบิล (Cable Tray)
    • งานท่อและระบบแอร์ ใช้แขวนท่อลม (Duct), ท่อน้ำดี-น้ำทิ้ง และท่อในระบบต่างๆ
    • โครงสร้างรับแผงโซลาร์เซลล์ เป็นวัสดุหลักในการทำโครงสร้างยึดแผงโซลาร์เซลล์ (Solar Mounting)
    • ชั้นวางของและโครงสร้างทั่วไป ใช้ทำชั้นวางของหนักในโกดัง, โครงสร้างทางเดิน, โครงยึดเครื่องจักร และงาน DIY อื่นๆ

    เช็กลิสต์ก่อนสั่งผลิตรางสตรัท รางตัวซี รางตัวยู - เลือกโรงงานผู้ผลิตอย่างไรให้ได้ของดี มีคุณภาพ
    ถ้าต้องการสั่งผลิต รางตัวซี หรือ รางตัวยู จำนวนมาก การเลือกโรงงานผู้ผลิตที่เชื่อถือได้คือสิ่งสำคัญที่สุด เรามีแนวทางที่คุณควรพิจารณาก่อนเลือกโรงงานเพื่อผลิตชิ้นงานให้คุณ

    • มาตรฐานการผลิต ควรพิจารณาว่าโรงงานใช้เครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพ และมีการดูแลรักษาอย่างถูกต้องหรือไม่? สามารถผลิตรางที่ได้ขนาดมาตรฐานสม่ำเสมอตลอดทั้งเส้นหรือไม่?
    • ตัวเลือกวัสดุ และการเคลือบผิว โรงงานสามารถผลิตตามสเปควัสดุและการเคลือบผิวที่คุณต้องการ (เช่น Hot-Dip Galvanized) ได้หรือไม่?
    • กำลังการผลิต: โรงงานมีศักยภาพในการผลิตเพียงพอต่อจำนวนที่คุณต้องการ และสามารถส่งมอบได้ตามกำหนดเวลาของโครงการหรือไม่?
    • การให้คำปรึกษา: โรงงานมีทีมงานที่สามารถให้ข้อมูลทางเทคนิคและคำแนะนำที่ถูกต้องได้หรือไม่?

    หวังว่าจะช่วยให้คุณเลือกรางตัวซีให้เหมาะสมกับงาน และเลือกโรงงานผลิตที่ได้คุณภาพตามต้องการ ช่วยให้งานของคุณเสร็จเร็ว ได้มาตรฐานทุกโปรเจคนะครับ[/list]

    2
    เอกสารหนักแค่ไหน ทำไมจึงต้องมีชั้นวางของสำหรับเก็บเอกสาร

    เอกสารทางบัญชี เช่น ใบกำกับภาษี, ใบเสร็จ, สมุดบัญชี, งบการเงิน ฯลฯ เป็นเอกสารที่กฎหมายไทยกำหนดให้บริษัทต้องเก็บไว้เพื่อใช้สำหรับตรวจสอบภาษี หรือเป็นหลักฐานอ้างอิงอย่างน้อย 5–10 ปี หลายบริษัทจึงเก็บเอกสารเหล่านี้แยกตามปีไว้ในกล่องกระดาษ ยิ่งถ้าเป็นธุรกิจที่มีรายการซื้อ-ขายเยอะ ๆ เอกสารรวม ๆ กันวางเต็มชั้นวางของแล้วน้ำหนักอาจหลายร้อยกิโลกรัมไปจนถึงเป็นตันได้เลย

    ความสำคัญของการเลือกชั้นวางของสำหรับเก็บเอกสารบัญชีที่เหมาะสม

    การเลือกชั้นเก็บเอกสารบัญชีจึงไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงาม หรือราคาประหยัด แต่ต้องพิจารณาถึงความทนทาน ความปลอดภัย และสามารถใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า เพราะหากพื้นที่เก็บของเต็มบางบริษัทอาจเลือกเช่าคลังเล็กๆ เพื่อเก็บเอกสาร

    ชั้นวางเอกสารที่ดีควรสามารถรับน้ำหนักได้มาก ไม่โก่งงอ ไม่พังง่าย รองรับการใช้งานระยะยาว และหากสามารถปรับความสูงระดับชั้นให้เหมาะกับการใช้งาน ก็จะช่วยให้การจัดการเอกสารในอนาคตง่ายขึ้นมาก

    5 ข้อที่ต้องรู้ก่อนเลือกซื้อชั้นวางของสำหรับเก็บเอกสารบัญชี

    เพื่อให้คุณเลือกชั้นเก็บเอกสารที่ทั้งคุ้มค่า แข็งแรง และใช้งานได้จริง สามารถพิจารณาจาก 5 ข้อสำคัญที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ

    1. เช็คขนาด และน้ำหนักกล่องเอกสาร

    เช็คขนาดกล่องเอกสาร และน้ำหนักของแต่ละกล่อง เพื่อนำมาคำนวนว่าในแต่ละชั้นสามารถวางกล่องได้กี่ใบ และมีน้ำหนักต่อชั้นเท่าไร เพื่อเลือกชั้นวางที่เหมาะสม


    2. โครงสร้างของชั้นวางต้องที่แข็งแรง

    ชั้นวางควรผลิตด้วยเหล็กคุณภาพสูง อาจสังเกตุจากความหนาของเหล็ก ความมั่นคงของชั้นวาง ข้อต่อต่างๆ รอยเชื่อม รวมถึงเนื้อเหล็กต้องมีการเคลือบสีเพื่อป้องกันสนิม ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้สามารถสอบถามจากผู้ขายได้

    3. ขนาดชั้นต้องเหมาะกับกล่องเอกสาร

    ลองคำนวนขนาดของชั้นวางที่ต้องการจากขนาดกล่องเอกสาร ควรเลือกชั้นวางของที่มีขนาดพอเหมาะ และควรปรับสูงระหว่างชั้นสามารถปรับได้ตามขนาดกล่องเอกสาร

    4. ดีไซน์ที่ช่วยให้หยิบใช้งานง่าย

    ควรเลือกชั้นวางที่สามารถหยิบใช้งานได้ง่าย เพื่อให้สามารถค้นหา และจัดระเบียบกล่องเอกสารได้สะดวก

    5. ต้องใช้งานได้คุ้มค่าในระยะยาว

    การเลือกชั้นวางไม่ควรพิจารณาที่ราคาถูกเพียงอย่างเดียว แต่ควรดูถึงความน่าเชื่อถือของผู้ขาย ประสบการณ์ การรับประกัน และบริการหลังการขายด้วย

    ซึ่งในปัจจุบันหลายบริษัทนิยมใช้แร็คที่ใช้ในอุตสาหกรรม มาเป็นชั้นวางเอกสาร วางของใช้ในสำนักงาน ชั้นวางโชว์สินค้าต่าง ๆ กันมากขึ้น เนื่องจากแร็คประเภทนี้มีโครงสร้างที่แข็งแรง สำหรับน้ำหนักได้มากตั้งแต่ 200 กิโลกรัมต่อชั้น ไปจนถึงหลายตันต่อชั้น รวมถึงยังใช้งานได้ง่าย และปรับระยะความสูงระหว่างชั้นได้ง่าย


    3
    รางเดินสายไฟ คืออุปกรณ์ที่ใช้สำหรับจัดระเบียบและป้องกันสายไฟฟ้าต่าง ๆ ในโรงงานอุตสาหกรรม เพราะเป็นอุปกรณ์ที่นำพาสายไฟฟ้า และสายสัญญาณไปยังพื้นที่ส่วนต่าง ๆ ของโรงงาน โดยรางเดินสายไฟนั้นจะมีแบบหลัก ๆ ที่สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 แบบ ดังนี้




    • รางวายเวย์ (Wire Way)
      รางวายเวย์ เป็นรางเดินสายไฟที่มีลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยม ด้านบนมีฝาปิดมิดชิด
    • รางเคเบิลแลดเดอร์ (Cable Ladder)[/size]
      รางเคเบิลแลดเดอร์ ลักษณะคล้ายบันไดมีคานขวางเป็นระยะ ๆ เหมาะสำหรับการเดินสายไฟขนาดใหญ่ จำนวนหลายเส้น
    • รางเคเบิลเทรย์ (Cable Tray)[/size]
      รางเคเบิลเทรย์ เป็นรางเดินสายไฟลักษณะเปิด มีรูพรุนสำหรับระบายความร้อน ออกแบบมาให้มีความแข็งแรง เพื่อรองรับน้ำหนักได้มากขึ้น


    ซึ่งรางเดินสายไฟแต่ละแบบก็จะมีหน้าที่ และจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งทั้งหมดถูกออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวก และช่วยให้ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยความสำคัญของรางเดินสายไฟต่อโรงงานอุตสาหกรรมมีดังนี้

    1. ช่วยจัดเก็บสายไฟ และสายชนิดอื่น ๆ ได้เป็นระเบียบ ช่วยให้ตรวจสอบเส้นทางของสายไฟได้ง่าย ระบุประเภทของสายได้ง่าย

    2. เพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน รางเดินสายไฟเช่น รางไวร์เวย์ (wireway) ที่มีฝาปิด เคเบิ้ล เทรย์ และเคเบิ้ล แลดเดอร์ ช่วยลดความเสี่ยงถูกไฟฟ้าดูด เนื่องจากสัมผัสโดยไม่ตั้งใจ รวมถึงป้องกันการสะดุดล้มได้ดีกว่าสายไฟที่วางกับพื้น

    3. ป้องกันสายไฟชำรุดจากการถูกกดทับ เสียดสี รางเดินสายไฟช่วยป้องกันสายไฟไม่ให้เสียหายจากการถูกอุปกรณ์ต่าง ๆ เสียดสี หรือรถวิ่งทับได้

    4. ระบายความร้อนได้ดี เคเบิ้ลเทรย์ (Cable Tray) ซึ่งเป็นรางเดินสายไฟแบบเปิดช่วยให้อากาศถ่ายเทได้ดี ลดความร้อนสะสมที่อาจทำให้สายไฟฟ้าเสื่อมสภาพเร็ว

    5. ดูแลรักษาได้ง่าย รางเดินสายไฟสามารถผลิตด้วยวัสดุหลากหลายชนิด เช่น เหล็ก สังกะสี อะลูมิเนียม ช่วยให้เลือกใช้งานได้อย่างเหมาะสม รวมถึงยังดูแลรักษาได้ง่าย เช่น งานกลางแจ้งก็ควรเลือกที่เป็นสังกะสี หรือเหล็กชุบซิงก์ที่มีคุณสมบัติไม่เป็นสนิม

    6. ลดความเสี่ยงเกิดกระแสเหนี่ยวนำ การที่รวมเอาสายอย่าง power cable ซึ่งเป็นไฟฟ้าแรงสูงรวมไว้กับสายชนิดอื่น ๆ เช่น สายสัญญาณ อาจทำให้เกิดกระแสรบกวนการทำงานได้ ดังนั้นการใช้รางเดินสายไฟแยกประเภทสายให้เป็นระเบียบจะช่วยลดโอกาสเกิดปัญหานี้ได้

    7. ช่วยให้โรงงานดูมีมาตรฐาน น่าเชื่อถือ การที่ระบบสายไฟฟ้า และสายสัญญาณของโรงงานมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ผู้ที่พบเห็น เช่น ลูกค้าที่เยี่ยมชมโรงงาน



    นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่สำคัญ หากต้องการสั่งผลิตรางเดินสายไฟฟ้าสั่งผลิตรางเดินสายไฟฟ้าที่ควรพิจารณาดังนี้


    1. วัสดุที่เลือกใช้ต้องได้มาตรฐาน 
    วัสดุที่ใช้ผลิตรางเดินสายไฟจะต้องได้มาตรฐาน ซึ่งสามารถขอดูเอกสารรับรองจากโรงงานผู้ผลิตได้


    2. โรงงานผลิตได้มาตรฐาน
    นอกจากโรงงานผลิตจะต้องเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว หากมีมาตรฐานอย่าง ISO9001 ก็จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าการผลิตของโรงงานนั้นมีมาตรฐานไว้ใจได้


    3. มีชนิดของรางที่เหมาะสมกับการใช้งาน
    อย่างที่เกริ่นไปข้างต้นว่ารางเดินสายไฟแต่ละชนิด มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป เช่น หากต้องการรางที่ถ่ายเทอากาศระบายความร้อนได้ดี ก็ควรใช้เป็นรางเคเบิ้ลเทรย์ (Cable tray) ก็จะเหมาะสมกว่า



    4
    ธุรกิจประเภท Trading ที่มีการซื้อขายสินค้า จัดส่งสินค้าอยู่ตลอดเวลา มักนิยมนำส่วนของออฟฟิศมารวมได้ในพื้นที่เดียวกับคลังสินค้า เพื่อการทำงานที่คล่องตัวสามารถรับ-ส่งสินค้าได้รวดเร็วกว่าการมีออฟฟิศ และคลังสินค้าอยู่คนละสถานที่ แต่บางครั้งพื้นที่ออฟฟิศที่ให้มาพร้อมกับคลัง อาจไม่เพียงพอสำหรับพนักงาน หลายบริษัทจึงเลือกใช้ชั้นลอยน็อคดาวน์เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอย



    บทความนี้เราจะแนะนำ 5 ประโยชน์ที่คุณจะได้รับเมื่อใช้ชั้นลอยเพิ่มพื้นที่ในคลังสินค้า

    1. วัสดุทนทาน คุณภาพสูง
    ชั้นลอยน็อคดาวน์ที่ดีควรผลิตด้วยเหล็กที่มีคุณภาพสูง เช่น เหล็กเกรด ss400 ซึ่งนิยมใช้ในงานโครงสร้าง ทำให้รับน้ำหนักได้มาก เพื่อให้การวางสินค้า รวมถึงหากมีพนักงานขึ้นไปใช้งานจะมีความแข็งแรง ทนทาน

    2. สามารถถอดประกอบเพื่อเคลื่อนย้ายได้
    จุดเด่นของชั้นลอยที่เป็นระบบน็อคดาวน์คือสามารถถอดประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ เพื่อทำการเคลื่อนย้ายได้ ทำให้เมื่อต้องการขยับขยาย หรือย้ายคลังสินค้า ก็จะสามารถถอดประกอบ และนำไปติดตั้งยังสถานที่ใหม่ได้ โครงสร้างต่างๆ สามารถนำไปใช้ต่อได้เกือบ 100% ยกเว้นเพียงวัสดุ อุปกรณ์บางชนิดที่ควรเปลี่ยนใหม่

    3. ไม่กระทบกับโครงสร้างอาคาร เพราะใช้โครงสร้างรับน้ำหนักแยกต่างหาก
    ชั้นลอยน็อคดาวน์จะคาน และเสาที่รับน้ำหนักลงสู่พื้นด้านล่างโดยไม่กระทบ หรือเกี่ยวข้องกับโครงสร้างอาคารเดิม ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องทำการปรับปรุง หรือเสริมโครงสร้างอาคาร

    4. รับน้ำหนักได้มาก
    ชั้นลอยน็อคดาวน์ที่ใช้เพิ่มพื้นที่สำหรับคลังสินค้า โรงงาน รวมไปถึงอาคารร้านค้าต่าง ๆ สามารถคำนวนการรับน้ำหนักได้ตั้งแต่ 200 กิโลกรัมต่อตารางเมตร ไปจนถึง 750 กิโลกรัมต่อตารางเมตร ช่วยให้สามารถใช้ชั้นบนที่เพิ่มขึ้นมาวางสต็อคสินค้า อะไหล่ หรือใช้สอยประเภทอื่น ๆ ได้

    5. เพิ่มพื้นที่ได้มากกว่า 2 ชั้น
    สำหรับคลังสินค้าที่มีพื้นที่จำกัด สามารถใช้ชั้นลอยที่สูงได้มากกว่า 2 ชั้น โดยอาจสร้างเป็นชั้นลอย 3 ชั้น เพื่อแบ่งการใช้งานได้อย่างเหมาะสม เช่น ชั้นล่างเป็นพื้นที่เก็บสินค้าที่มีน้ำหนักมากต้องใช้รถฟอร์กลิฟต์เพื่อขนย้าย ชั้นที่ 2 เป็นพื้นที่เก็บของที่มีน้ำหนักไม่มาก ส่วนชั้นที่ 3 อาจใช้เป็นพื้นที่สำนักงาน


    จะเห็นได้ว่าการใช้ชั้นลอยน็อคดาวน์เพิ่มพื้นที่สามารถตอบโจทย์ธุรกิจได้หลายรูปแบบ รวมถึงยังเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพราะสามารถถอดประกอบเพื่อเคลื่อนย้าย และนำกลับมาใช้งานได้เรื่อยๆ ซึ่งก็สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ขายเกี่ยวกับชั้นลอยได้ว่าเป็นทางเลือกเพิ่มพื้นที่ใช้สอยที่เหมาะกับธุรกิจของคุณหรือไม่




    หน้า: [1]