ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - ษิตร์พัฒจ์ เจิมจริง

หน้า: [1] 2 3 4
1
ในช่วงฤดูฝนจนถึงฤดูหนาว พ่อแม่หลายคนเริ่มมีความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของลูกน้อย โดยเฉพาะโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ ซึ่งหนึ่งในไวรัสตัวร้ายที่สร้างความกังวลให้ผู้ปกครองมากที่สุดก็คือ อาการ rsv ในเด็ก (Respiratory Syncytial Virus) ที่มักแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วและเป็นสาเหตุสำคัญของอาการป่วยรุนแรงในเด็กเล็ก โดยเฉพาะ อาการ RSV ในเด็ก ที่หลายครั้งเริ่มต้นคล้ายไข้หวัดธรรมดา แต่สามารถลุกลามจนเป็นอันตรายถึงชีวิต อาการเริ่มต้น อาการรุนแรง และวิธีรับมือกับไวรัส RSV เพื่อให้สามารถดูแลลูกน้อยได้อย่างทันท่วงที

RSV คืออะไร ทำไมถึงอันตรายต่อเด็กเล็ก
ไวรัส RSV เป็นเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจได้ทั้งส่วนบนและส่วนล่าง ความอันตรายของ RSV อยู่ที่การทำให้เกิด "หลอดลมฝอยอักเสบ" (Bronchiolitis) และ ปอดบวม (Pneumonia) โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็กที่มีอายุน้อยกว่า 2 ปี หรือเด็กที่มีภาวะเสี่ยง เช่น คลอดก่อนกำหนด หรือมีโรคประจำตัวเกี่ยวกับปอดและหัวใจ เนื่องจากทางเดินหายใจของเด็กเล็กมีขนาดเล็ก เมื่อเกิดการอักเสบและมีเสมหะจำนวนมาก จึงเกิดการอุดกั้น ทำให้หายใจลำบากและขาดออกซิเจนได้ง่าย



อาการ RSV ในเด็กจากหวัดธรรมดา สู่ภาวะอันตราย
อาการป่วยจากไวรัส RSV มักจะเริ่มแสดงออกภายใน 4-6 วันหลังได้รับเชื้อ โดยอาการในช่วงแรกมักจะคล้ายกับไข้หวัดทั่วไป แต่จะมีลักษณะที่แตกต่างและรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว

1. อาการเริ่มต้น (คล้ายไข้หวัดทั่วไป)
ในช่วง 2-4 วันแรก อาการมักไม่จำเพาะเจาะจง อาจทำให้พ่อแม่เข้าใจผิดว่าเป็นเพียงไข้หวัด
มีไข้: อาจมีไข้ต่ำ ๆ หรือไข้สูง (บางรายอาจสูงถึง 39−40 ติดต่อกันหลายวัน)
น้ำมูกไหล: มักมีน้ำมูกใสในช่วงแรก ก่อนจะข้นและเหนียวขึ้น
ไอ จาม: ไอแห้ง ๆ ในช่วงแรก ก่อนจะพัฒนาเป็นไอมีเสมหะมากและเหนียวข้น

2. อาการที่บ่งบอกถึงความรุนแรง (ควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษ)
หลังจากผ่านไป 2-3 วัน หากอาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในเด็กเล็กและทารก ให้สังเกตอาการที่บ่งชี้ถึงการลุกลามไปยังทางเดินหายใจส่วนล่าง
ไอหนักและนาน: ไอมากจนอาเจียน หรือไอจนเหนื่อยหอบ
หายใจลำบาก/หายใจหอบเหนื่อย:เด็กหายใจครืดคราด เป็นอาการจำเพาะที่สำคัญที่สุด
หายใจเร็ว: หายใจเร็วกว่าปกติ (ควรนับอัตราการหายใจ)
อกบุ๋ม/ปีกจมูกบาน: กล้ามเนื้อหน้าอกหรือซี่โครงยุบลงไปด้านในเวลาหายใจ หรือปีกจมูกขยายใหญ่ขึ้น
มีเสียงหายใจผิดปกติ: ได้ยินเสียงหายใจดัง "วี้ด ๆ" (Wheezing) หรือเสียงครืดคราดในลำคอ (เสมหะเยอะ)
เบื่ออาหาร/กินนมน้อยลง: เด็กไม่ยอมรับประทานอาหารหรือดูดนมน้อยลงมาก อาจนำไปสู่ภาวะขาดน้ำ
ซึมลง/หงุดหงิดง่ายผิดปกติ: เด็กเล็กมีอาการเซื่องซึม งอแง ร้องกวนมากกว่าปกติ หรือปลุกตื่นยาก
ริมฝีปากและปลายเล็บเปลี่ยนสี: ปากหรือปลายนิ้วเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำ (Cyanosis) ซึ่งเป็นสัญญาณของภาวะขาดออกซิเจน ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที หมอเด็ก



2
ในยุคที่แฟชั่นเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ปี 2025 กลายเป็นปีแห่งการผสมผสานสไตล์ต่าง ๆ ที่ลงตัวและสร้างความโดดเด่นให้กับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์ Y2K, E-Girl, การแต่งตัวด้วย Blazer หรือลุค Old Money ที่ให้ความรู้สึกคลาสสิกแต่ก็ยังคงความทันสมัย จะพาไปรู้จักกับเทรนด์แฟชั่นยอดนิยมและแนวทางการแต่งตัวให้นำเทรนด์ได้อย่างมั่นใจ ร้านเสื้อผ้า

เทรนด์แฟชั่นปี 2025 การผสมผสานสไตล์ที่ไร้ขีดจำกัด
ปี 2025 นี้ แฟชั่นเป็นการแสดงออกถึงความเป็นตัวเองอย่างเต็มที่ การนำสไตล์ Y2K, E-Girl, Blazer และ Old Money มาผสมผสานกันอย่างลงตัว กลายเป็นลุคที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว การแต่งตัวในยุคนี้จึงเน้นความสร้างสรรค์และความกล้าแสดงออก



สไตล์ Y2K ย้อนยุค clothes 2000s กลับมาฮิตอีกครั้ง
เทรนด์ Y2K ยังคงเป็นที่นิยมในปี 2025 ด้วยดีเทลเสื้อผ้าสไตล์วินเทจอย่างเสื้อครอปคริสต์มาส, กางเกงบ็อกเซอร์, หรือหมวกบัคเก็ต สีสันสดใสและลายพิมพ์เทคนิคพิเศษทำให้ลุคนี้ดูสนุกสนานและน่ารัก เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบความสนุกสนานและความเป็นตัวเองอย่างเต็มที่

แรงบันดาลใจจาก E-Girl ลุคสุดเท่แบบสายดิจิทัล
E-Girl เป็นสไตล์ที่เน้นความกล้าในการแต่งตัว ผสมผสานความเท่ ความหวาน และความลึกลับด้วยเสื้อผ้าสีดำ, ลายตาข่าย, ทรงผมสีสดใส และเครื่องประดับสุดแปลก ลุคนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการสร้างความแตกต่างและแสดงออกถึงตัวตนบนโลกออนไลน์

การแต่งตัวด้วย Blazer คลังสไตล์คลาสสิกสู่ความทันสมัย
Blazer เป็นไอเท็มที่ไม่มีวันตกยุค สามารถจับคู่ได้หลายลุค ทั้งลุคทางการและลุคแคชชวลในสไตล์โมเดิร์น เช่น ใส่ blazer คู่กับเสื้อยืดและกางเกงยีนส์ หรือใส่ blazer ทับชุดเดรส ก็ได้ลุคที่ดูเรียบร้อยแต่ยังคงความเท่

ลุค Old Money คลาสสิกและหรูหราในทุกโอกาส
สไตล์ Old Money เน้นความเรียบหรูและคลาสสิก เช่น เสื้อเชิ้ตผ้าคุณภาพดี, กระโปรงทรงเอ, หรือสูทเนื้อผ้าดี สีโทนเรียบง่ายเช่น ครีม น้ำตาล เทา เป็นตัวเลือกที่เหมาะกับคนที่ต้องการความสง่าภูมิฐานในทุกสถานการณ์

การผสมผสานสไตล์ให้ลงตัวในปี 2025
จับคู่ Y2K กับ Blazer : เพิ่มความสนุกสนานด้วยเสื้อครอป Y2K คู่กับ blazer สีสดใสหรือพิมพ์ลาย
เติมความเท่ด้วย E-Girl + Old Money : เลือกเสื้อผ้าสีดำและลายตาข่าย ผสมกับเครื่องประดับทองคำเพื่อความหรูหรา
เล่นกับเทคนิคการแต่งตัว : เช่น ใส่ blazer คู่กับกางเกงยีนส์ขาดๆ เพื่อความสบายและดูเท่ในแบบโมเดิร์น

shoppingแฟชั่นในปี 2025 เปิดโอกาสให้สาว ๆ ได้สนุกกับการแต่งตัวและสร้างสไตล์ที่เป็นตัวเองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความสนุกสนานจาก Y2K, ความเท่แบบ E-Girl, ความคลาสสิกของ Blazer หรือความหรูหราแบบ Old Money  การผสมผสานสไตล์เหล่านี้จะทำให้คุณโดดเด่นและเป็นตัวเองในทุกโอกาส


3
แบบห้องน้ำสไตล์มินิมอล (Minimal Style) เป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ด้วยแนวคิด "น้อยแต่มาก (Less is More)" ที่เน้นความเรียบง่าย สะอาดตา ความโปร่งโล่ง และฟังก์ชันการใช้งานที่สมบูรณ์แบบ ทำให้ห้องน้ำกลายเป็นพื้นที่แห่งการพักผ่อนอย่างแท้จริง

1. คุมโทนสีให้ "สะอาดตา" ด้วยสีหลักไม่เกิน 3 สี
หัวใจของมินิมอลคือสีที่เรียบง่ายและเป็นกลาง เพื่อสร้างความรู้สึกสงบและผ่อนคลาย
สีหลัก: เน้นใช้สีโทนสว่างเป็นหลัก เช่น สีขาว (เป็นสีที่ทำให้ห้องน้ำดูกว้างที่สุด), สีครีม หรือ สีเทาอ่อน
สีรอง/สีตัด: สามารถใช้ สีดำ หรือ สีน้ำตาลอ่อน (ลายไม้ธรรมชาติ) เป็นสีตัดในรายละเอียดเล็กน้อย เช่น ก๊อกน้ำสีดำ, ขอบกระจก, หรือเฟอร์นิเจอร์ลายไม้ เพื่อเพิ่มความอบอุ่นและไม่ทำให้ห้องดูจืดชืดจนเกินไป
เคล็ดลับสไตล์มูจิ (Muji Style): หากต้องการให้ห้องน้ำมินิมอลดูอบอุ่นสไตล์มูจิ ให้เพิ่มวัสดุ ลายไม้โทนอ่อน เข้าไป เช่น เคาน์เตอร์ไม้ หรือกล่องเก็บของไม้



2. เลือก "สุขภัณฑ์" รูปทรงเรียบง่ายและเป็นเรขาคณิต
สุขภัณฑ์ คือจุดศูนย์กลางของห้องน้ำ การเลือกดีไซน์จึงต้องสอดคล้องกับสไตล์มินิมอล
โถสุขภัณฑ์ (Toilet): ควรเลือกแบบ ชิ้นเดียว (One-Piece) ที่มีรูปทรงโค้งมนหรือเหลี่ยมที่เรียบง่าย เพราะไม่มีรอยต่อ ทำให้ทำความสะอาดง่ายและดูคลีน หรือเลือกแบบ แขวนผนัง (Wall-Hung) เพื่อซ่อนถังพักน้ำและเผยให้เห็นพื้นที่พื้นห้องน้ำ ทำให้ห้องดูกว้างและโปร่งขึ้น
อ่างล้างหน้า (Wash Basin): เลือกอ่างแบบ แขวนผนัง หรือ อ่างวางบนเคาน์เตอร์ ที่มีรูปทรงวงกลมหรือสี่เหลี่ยมที่ชัดเจน หลีกเลี่ยงอ่างที่มีลวดลายเยอะ

3. สร้างภาพลวงตาด้วย "กระจก" และ "แสงสว่าง"
เนื่องจากห้องน้ำสไตล์มินิมอลส่วนใหญ่มักมีพื้นที่จำกัด เทคนิคนี้จึงสำคัญมากในการทำให้ห้องดูกว้างขึ้น
กระจกเงาบานใหญ่: ติดตั้งกระจกเงาแบบไร้ขอบ หรือขอบเรียบง่าย เต็มผนัง บริเวณอ่างล้างหน้า เพื่อสะท้อนพื้นที่ ทำให้ห้องน้ำดูกว้างขึ้นทันตาเห็น
แสง Warm White: ใช้แสงไฟสีขาวนวล หรือ Warm White ในการให้แสงสว่าง เพื่อสร้างบรรยากาศที่นุ่มนวลและผ่อนคลาย หลีกเลี่ยงแสงสีฉูดฉาด และควรมีแสงสว่างจากธรรมชาติเข้ามาในห้องให้มากที่สุด

4. จัดเก็บของใช้แบบ "ซ่อน" และใช้ "ชั้นลอย"
หัวใจสำคัญที่สุดของมินิมอลคือ ความโล่งบนเคาน์เตอร์ ของใช้ทั้งหมดจะต้องถูกจัดเก็บอย่างเป็นระเบียบ
เน้นตู้บิลท์อิน (Built-in) แบบซ่อน: ติดตั้งตู้เก็บของแบบซ่อนในผนัง หรือใช้ตู้เคาน์เตอร์ที่มีหน้าบานปิดเรียบ ไม่มีมือจับ เพื่อเก็บอุปกรณ์และของใช้ส่วนตัวทั้งหมด
ชั้นวางของแบบลอยตัว: หากจำเป็นต้องวางของ ให้เลือกใช้ชั้นวางของแบบ ลอยตัว (Floating Shelf) ที่ทำจากไม้หรือวัสดุสีเดียวกับผนัง เพื่อใช้พื้นที่ในแนวตั้งและไม่เกะกะสายตา

การออกแบบ แบบห้องน้ำสไตล์มินิมอล คือการเน้นไปที่การใช้งานที่จำเป็น เลือกใช้วัสดุที่ทนทาน และจัดระเบียบของใช้ให้เป็นที่เป็นทางก็จะได้ห้องน้ำที่สวยงาม สงบ และเป็นพื้นที่ที่คุณสามารถใช้เวลาพักผ่อนได้อย่างมีความสุขในทุกวัน


4
ระบบ กระดูกและข้อ คือโครงสร้างหลักที่ทำให้เราสามารถเคลื่อนไหวและใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ เมื่อโครงสร้างนี้เริ่มมีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นอาการ ปวดข้อ ข้อฝืด หรือกระดูกเปราะบาง ย่อมส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตในทุกด้าน การทำความเข้าใจโรคเกี่ยวกับกระดูกและข้อที่พบบ่อย จะช่วยให้คุณสังเกตอาการได้เร็วและเริ่มต้นการดูแลรักษาได้ทันทท่วงที หมอกระดูกและข้อ

1.โรคข้อเสื่อม (Osteoarthritis - OA)
ถือเป็นปัญหาหลักด้านสุขภาพของคนไทย โดยเฉพาะ โรคข้อเข่าเสื่อม ซึ่งเป็นตําแหน่งที่พบมากที่สุด
ความชุก: ปัจจุบันคาดว่ามีผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมในประเทศไทย มากกว่า 6 ล้านคน และพบสูงถึง 34−50% ในกลุ่มผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป
ลักษณะเด่น: เป็นโรคที่เกิดจากการ สึกหรอของกระดูกอ่อนผิวข้อ ตามอายุและการใช้งาน ทำให้เกิดอาการปวด ข้อฝืด และมีเสียงดังในข้อ โดยอาการจะปวดมากขึ้นเมื่อมีการเคลื่อนไหว
สาเหตุ: อายุที่มากขึ้น, น้ำหนักตัวเกิน, การใช้งานข้อหนักซ้ำ ๆ, การบาดเจ็บของข้อ
อาการ: ปวดเมื่อย หรือ ปวดตื้อ ๆ ที่ข้อ โดยเฉพาะ ข้อเข่า และ ข้อสะโพก ปวดมากเมื่อใช้งาน หรือลงน้ำหนัก และอาการดีขึ้นเมื่อพัก ข้อฝืดตึง หลังตื่นนอนหรือนั่งนาน ๆ (มักไม่นานเกิน 30 นาที) อาจมี เสียงกรอบแกรบ เมื่อขยับข้อ



2.โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis)
เป็นภัยเงียบที่คุกคามผู้สูงอายุและผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน มักไม่มีอาการแสดงในระยะแรก แต่เป็นสาเหตุสำคัญที่นำไปสู่การเกิดกระดูกหัก
ความชุก: มีผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนในประเทศไทย มากกว่า 1 ล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามจำนวนประชากรสูงวัย
ลักษณะเด่น: เป็นภาวะที่ มวลกระดูกลดลง ทำให้กระดูกเปราะบางและ หักง่าย แม้จากอุบัติเหตุที่ไม่รุนแรง ตำแหน่งที่หักบ่อยคือ กระดูกสะโพก กระดูกสันหลัง และข้อมือ
สาเหตุ: อายุที่มากขึ้น (โดยเฉพาะหลังอายุ 50 ปี), วัยหมดประจำเดือนในผู้หญิง, ขาดแคลเซียมและวิตามิน D, การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
อาการ: ไม่มีอาการปวด ในระยะแรก สังเกตได้เมื่อเริ่มมี หลังค่อม หรือ ความสูงลดล อาการที่ชัดเจนที่สุดคือ กระดูกหักง่าย (เช่น กระดูกสะโพก กระดูกสันหลัง หรือข้อมือ) จากอุบัติเหตุที่ไม่รุนแรง

วิธีดูแลและป้องกันสุขภาพกระดูกและข้อ ให้แข็งแรง
การมีกระดูกและข้อที่แข็งแรงไม่เพียงแค่ช่วยให้คุณคล่องตัว แต่ยังลดความเสี่ยงการเกิดโรคในระยะยาวได้ด้วย
เสริมแคลเซียมและวิตามิน D ให้เพียงพอ: แคลเซียม (ประมาณ 800−1,000 มิลลิกรัมต่อวัน) ช่วยสร้างมวลกระดูก ส่วน วิตามิน D ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม ควรรับประทานนมและผลิตภัณฑ์จากนม ผักใบเขียว หรืออาหารเสริม
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: เลือกการออกกำลังกายที่มีการลงน้ำหนัก (Weight-Bearing Exercise) เช่น เดินเร็ว วิ่งเหยาะ ๆ หรือเต้นแอโรบิก จะช่วยกระตุ้นการสร้างกระดูกและเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อ
ควบคุมน้ำหนักตัว: น้ำหนักที่เหมาะสมช่วยลดภาระของข้อต่อ โดยเฉพาะข้อเข่าและข้อสะโพก ซึ่งช่วยป้องกัน ข้อเสื่อม ได้เป็นอย่างดี
หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง: งดสูบบุหรี่ และ ลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเป็นปัจจัยที่เร่งให้เกิดกระดูกพรุนและกระตุ้นโรคเก๊าท์
การดูแลสุขภาพกระดูกและข้อเป็นเรื่องที่คุณสามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่วันนี้ หากคุณมีอาการปวดข้อที่เรื้อรัง หรือข้อฝืดตึงตอนเช้าผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกและข้อ ตรวจสุขภาพประจำปี ราคา เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่ตรงจุด

5
ในยุคที่ค่ารักษาพยาบาลพุ่งสูง โดยเฉพาะโรคร้ายแรงอย่าง มะเร็ง การวางแผนทางการเงินเพื่อรับมือจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง การซื้อ ประกัน มะเร็ง ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณอุ่นใจเมื่อต้องเผชิญกับค่ารักษาที่สูงลิ่ว แต่เบี้ยประกันที่คุณจ่ายไปยังสามารถนำไปใช้เป็น ค่าลดหย่อนภาษี ได้อีกด้วย

ประกันมะเร็งลดหย่อนภาษี: เข้ากลุ่ม "ประกันสุขภาพ"
ตามหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากร ประกันมะเร็ง และ ประกันโรคร้ายแรง จัดอยู่ในกลุ่มของ "ประกันสุขภาพ" ซึ่งเบี้ยประกันที่คุณจ่ายไปสามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ โดยมีวงเงินและเงื่อนไขที่ชัดเจนดังนี้

1. วงเงินลดหย่อนภาษีสำหรับ "ประกันสุขภาพตนเอง"
เบี้ยประกันมะเร็งที่คุณทำไว้เพื่อคุ้มครองตัวเอง สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 25,000 บาทต่อปี

ข้อควรรู้เพิ่มเติม:
รวมกับประกันชีวิต: เมื่อรวมกับค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบทั่วไป (เช่น ประกันสะสมทรัพย์ที่มีความคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป) แล้ว ยอดรวมต้องไม่เกิน 100,000 บาท
เป็นความคุ้มครองเฉพาะตัว: ประกันมะเร็งที่นำมาลดหย่อนได้ต้องให้ความคุ้มครองเฉพาะตัวผู้เอาประกันเท่านั้น

2. วงเงินลดหย่อนภาษีสำหรับ "ประกันสุขภาพบิดา-มารดา"
หากคุณซื้อประกันสุขภาพ (ซึ่งรวมถึงประกันมะเร็งด้วย) ให้กับบิดาหรือมารดาของคุณ ก็สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน
ลดหย่อนได้สูงสุด 15,000 บาทต่อปี (สามารถแบ่งจ่ายกับพี่น้องได้ โดยเฉลี่ยตามส่วนที่จ่ายจริง)

เงื่อนไขสำคัญ:
บิดาหรือมารดาต้องมีเงินได้พึงประเมินรวมกันทั้งปี ไม่เกิน 30,000 บาท
คุณต้องเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย
ไม่ต้องมีอายุ 60 ปีขึ้นไป



ประกันมะเร็งแบบไหนที่ลดหย่อนภาษีได้
โดยทั่วไป กรมธรรม์ ประกันโรคร้ายแรง หรือ ประกันมะเร็ง ที่บริษัทประกันระบุว่าเป็นสัญญาเพิ่มเติม (Rider) ที่แนบท้ายกับกรมธรรม์หลัก (เช่น ประกันชีวิต) หรือเป็นกรมธรรม์เดี่ยวแบบที่เน้นความคุ้มครองสุขภาพ/โรคร้าย (เช่น แบบ "เจอ จ่าย จบ" หรือแบบที่จ่ายค่ารักษาตามจริง) มักจะเข้าเกณฑ์การลดหย่อนในส่วนของ "เบี้ยประกันสุขภาพ" ทั้งสิ้น

เคล็ดลับ: เพื่อให้มั่นใจ 100% ควรมองหาข้อความในโฆษณา หรือเอกสารประกอบการขายของผลิตภัณฑ์ประกันนั้น ๆ ที่ระบุชัดเจนว่า "สามารถนำเบี้ยประกันภัยไปลดหย่อนภาษีได้ตามที่กรมสรรพากรกำหนด"
ก่อนตัดสินใจทำประกันมะเร็ง: สิ่งที่คุณต้องรู้
นอกเหนือจากสิทธิลดหย่อนภาษีแล้ว การซื้อประกันมะเร็งยังมีข้อพิจารณาสำคัญที่คุณควรตรวจสอบก่อนตัดสินใจ:
ระยะเวลารอคอย (Waiting Period): ประกันมะเร็งเกือบทุกฉบับจะมีระยะเวลารอคอย (ส่วนใหญ่ 90 วัน) หมายความว่า หากตรวจพบมะเร็งภายในช่วงเวลาดังกล่าว บริษัทประกันจะไม่จ่ายผลประโยชน์
ประวัติสุขภาพเดิม (Pre-existing Condition): กรมธรรม์ส่วนใหญ่ จะไม่คุ้มครอง โรคมะเร็งที่ตรวจพบก่อนวันเริ่มมีผลคุ้มครอง ประกันลดหย่อนภาษีหรือมีสาเหตุสืบเนื่องมาจากการเจ็บป่วย/ความผิดปกติที่มีอยู่ก่อนทำประกัน


6
การเลือก อ่างล้างหน้า ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของความสวยงามเท่านั้น แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อการใช้สอยและการจัดการพื้นที่ในห้องน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างสองรูปแบบยอดนิยมอย่าง อ่างล้างหน้าแบบแขวนผนัง และ อ่างล้างหน้าแบบฝังบนเคาน์เตอร์

1. อ่างล้างหน้าแบบแขวนผนัง (Wall-Hung Basin)
เป็นอ่างล้างหน้าที่ยึดติดกับผนังโดยตรง ไม่ต้องมีขาตั้งหรือเคาน์เตอร์ด้านล่าง เหมาะกับห้องน้ำสไตล์มินิมอล หรือห้องน้ำที่มีพื้นที่จำกัด

ข้อดี:
ประหยัดพื้นที่: ไม่ต้องมีเคาน์เตอร์ ทำให้ห้องน้ำ ดูกว้างขวาง และโปร่งโล่งขึ้นทันที เหมาะสำหรับ ห้องน้ำขนาดเล็ก หรือห้องน้ำแขก
ทำความสะอาดง่าย: พื้นที่ใต้ท้องอ่างโล่ง ทำให้ทำความสะอาดพื้นห้องน้ำได้ง่ายและทั่วถึง ไม่มีการสะสมของฝุ่นและความชื้นใต้ตู้
ติดตั้งง่ายและรวดเร็ว: มีขั้นตอนการติดตั้งที่ซับซ้อนน้อยกว่าการทำเคาน์เตอร์
ปรับระดับความสูงได้: สามารถกำหนดความสูงของอ่างให้เหมาะสมกับผู้ใช้งานได้ง่าย

ข้อเสีย:
ขาดพื้นที่จัดเก็บ: ไม่มีพื้นที่สำหรับวางของใช้ส่วนตัว เช่น สบู่ แปรงสีฟัน หรือเครื่องสำอางอย่างเพียงพอ
งานระบบท่อโชว์: ท่อน้ำทิ้งและงานระบบใต้อ่างอาจจะดูไม่เรียบร้อย หากต้องการปกปิดต้องเลือกใช้รุ่นที่มีขาอ่างครึ่ง/เต็ม หรือติดตั้งร่วมกับตู้เก็บของแบบแขวน
ผนังต้องแข็งแรง: ต้องมั่นใจว่าผนังมีความแข็งแรงพอที่จะรับน้ำหนักตัวอ่างและแรงกดจากการใช้งานได้



2. อ่างล้างหน้าแบบฝังบนเคาน์เตอร์ (Drop-in / Self-Rimming Basin)
อ่างล้างหน้าแบบฝัง เป็นอ่างที่ถูกฝังลงในเคาน์เตอร์หรือท็อปอ่าง โดยมีขอบอ่างยื่นพ้นเคาน์เตอร์ขึ้นมาเล็กน้อย เป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมสูงเพราะตอบโจทย์ทั้งฟังก์ชันและความสวยงาม

ข้อดี:
เพิ่มพื้นที่ใช้สอยและการจัดเก็บ: มี เคาน์เตอร์ ขนาดใหญ่สำหรับวางของใช้ ทำให้ห้องน้ำเป็นระเบียบเรียบร้อย
ความสวยงามหรูหรา: ดีไซน์ดูกลมกลืนและเป็นส่วนหนึ่งของเฟอร์นิเจอร์ ทำให้ห้องน้ำดู หรูหรา ทันสมัย
ปกปิดงานระบบ: โครงสร้างเคาน์เตอร์ช่วย ปกปิดท่อน้ำทิ้ง และงานระบบทั้งหมดได้อย่างมิดชิด
แข็งแรงทนทาน: มีฐานรองรับน้ำหนักที่ดีเยี่ยม

ข้อเสีย:
เปลืองพื้นที่: ต้องใช้พื้นที่มากในการติดตั้งเคาน์เตอร์ จึงไม่เหมาะกับห้องน้ำที่มีพื้นที่จำกัด
ทำความสะอาดยากกว่า: รอยต่อระหว่างขอบอ่างกับเคาน์เตอร์มีโอกาสเกิดคราบสกปรก หรือเชื้อราสะสมได้ง่าย ต้องหมั่นเช็ดทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ
ราคาสูงกว่า: มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับเคาน์เตอร์และท็อปอ่าง


7
ตาแห้ง ถือเป็น ปัจจัยเสี่ยง ที่ส่งเสริมให้เกิด ต้อเนื้อ ได้ง่ายขึ้น เพราะเมื่อดวงตาขาดน้ำตามาหล่อเลี้ยงอย่างเพียงพอ พื้นผิวตาจะเกิดการอักเสบและระคายเคืองอย่างต่อเนื่อง ความไม่สมบูรณ์ของชั้นน้ำตาทำให้ดวงตาอ่อนแอต่อปัจจัยภายนอก เช่น ลมและแสงแดด ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เยื่อบุตาเสื่อมสภาพและเกิดการงอกของต้อเนื้อในที่สุด

ตาแห้ง (Dry Eye Syndrome) คือภาวะที่ปริมาณหรือคุณภาพของน้ำตาที่หล่อเลี้ยงดวงตามีไม่เพียงพอ ทำให้ผิวดวงตาขาดความชุ่มชื้นและเกิดการอักเสบ
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของตาแห้ง
การจ้องหน้าจอเป็นเวลานาน: เมื่อคุณจ้องคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์ จะ กะพริบตาน้อยลง (จากปกติ 20-22 ครั้ง/นาที เหลือเพียง 8-10 ครั้ง/นาที) ทำให้น้ำตาระเหยเร็ว
สิ่งแวดล้อม: ลมแรง ฝุ่นควัน มลภาวะ และความแห้งจากเครื่องปรับอากาศ
อายุที่มากขึ้น: โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน การผลิตน้ำตาจะลดลง
การใช้ยาบางชนิด: เช่น ยาแก้แพ้ หรือยาต้านซึมเศร้า



ต้อเนื้อ (Pterygium) คือเนื้อเยื่อที่งอกมาจากเยื่อบุตาขาว และลุกลามเข้าไปในบริเวณกระจกตา (ตาดำ) โดยมักมีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมสีแดงอมชมพู หากปล่อยทิ้งไว้ ต้อเนื้อจะขยายใหญ่ขึ้นจนอาจบดบังการมองเห็นได้
สาเหตุหลักของต้อเนื้อ
สาเหตุที่ชัดเจนที่สุดของต้อเนื้อคือ การระคายเคืองเรื้อรังที่เยื่อบุตาขาว โดยมีปัจจัยกระตุ้นหลักคือ:
รังสีอัลตราไวโอเลต (UV): การสัมผัสแสงแดดโดยตรงและสะสมเป็นเวลานานโดยไม่มีการป้องกัน
ลม ฝุ่น และควัน: การทำงานหรือทำกิจกรรมกลางแจ้งที่ต้องเผชิญกับสิ่งระคายเคืองเหล่านี้
ภาวะตาแห้งเรื้อรัง: เมื่อตาขาดความชุ่มชื้น เยื่อบุตาจะถูกกระตุ้นและอักเสบง่ายขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การหนาตัวของเนื้อเยื่อจนกลายเป็นต้อเนื้อได้


วิธีป้องกันและชะลอการลุกลาม
การป้องกันที่ดีที่สุดคือการลดพฤติกรรมเสี่ยงและดูแลดวงตาให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ
สวมแว่นกันแดด (UV Protection) เสมอ: นี่คือการป้องกัน ต้อเนื้อ ที่ดีที่สุด โดยเฉพาะเมื่อต้องอยู่กลางแจ้ง เพื่อลดการสัมผัสรังสี UV โดยตรง
ใช้น้ำตาเทียมเป็นประจำ: หากมีอาการ ตาแห้ง ควรใช้น้ำตาเทียมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการระคายเคือง และชะลอการลุกลามของต้อเนื้อ
พักสายตาและเพิ่มการกะพริบตา: ใช้กฎ 20-20-20 (พักสายตาทุก 20 นาที มองไกล 20 ฟุต นาน 20 วินาที) เมื่อต้องจ้องจอเป็นเวลานาน
หลีกเลี่ยงสิ่งระคายเคือง: ใส่แว่นป้องกันตาเมื่อต้องเผชิญกับฝุ่น ควัน หรือลมแรง
ข้อควรจำ: ต้อเนื้อ ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยาหยอดตา การใช้ยาทำได้เพียงลดอาการอักเสบเท่านั้น หากต้อเนื้อลุกลามเข้าตาดำจนส่งผลต่อการมองเห็น จักษุแพทย์จะแนะนำให้ทำการ ผ่าตัดลอกต้อเนื้อ ออก
หากมีอาการระคายเคืองตาเรื้อรัง หรือสังเกตเห็นเนื้อเยื่อสีชมพูยื่นเข้าไปในตาดำ ควรรีบไปพบจักษุแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม ก่อนที่ต้อเนื้อจะลุกลามจนส่งผลกระทบต่อสายตาอย่างถาวร


8
clothing store ช่วงปลายปี 2025 เตรียมตัวเปลี่ยนผ่านสู่ปี 2026 เป็นช่วงเวลาแห่งความสนุกสนานและสไตล์ที่กล้าแสดงออก แฟชั่นไม่ได้จำกัดอยู่แค่ความเรียบง่ายอีกต่อไป แต่เป็นการผสมผสานระหว่างความหรูหราที่สวมใส่สบาย ลายพิมพ์ที่โดดเด่น และสีสันที่อบอุ่น เทรนด์เหล่านี้สะท้อนถึงความต้องการที่จะสนุกกับการแต่งตัว และสร้างลุคที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

1. ลวดลายจัดจ้าน: Animal Print และ Polka Dot กลับมาทวงบัลลังก์
ลวดลายคือสิ่งที่สร้างความโดดเด่นในซีซั่นนี้ โดยเฉพาะสองลายคลาสสิกที่กลับมาแบบเต็มตัว Animal Print (ลายพิมพ์สัตว์): ลายเสือดาว (Leopard Print) และลายม้าลาย (Zebra Print) ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เครื่องประดับอีกต่อไป แต่จะปรากฏบนเสื้อผ้าหลัก เช่น โค้ท, กางเกง, หรือกระโปรง การใส่ลายพิมพ์สัตว์แบบเต็มตัวจะให้ลุคที่ดูมั่นใจและร้อนแรง แต่หากยังไม่กล้า อาจเริ่มต้นจากกระเป๋าหรือรองเท้าก่อน

Polka Dot Revival (ลายจุด) ลายจุดกลับมาในรูปแบบที่สดใสและน่ารัก โดยเฉพาะลายจุดแบบใหญ่ ๆ (Oversized) หรือสีสันที่ไม่คาดคิด เป็นการเพิ่มความสนุกและเติมเต็มความขี้เล่นให้กับลุคที่เรียบง่าย shopping



2. สีสันแห่งความอบอุ่น: Brown (สีน้ำตาล) คือ The New Neutral
หากปีที่แล้วเป็นสีดำหรือสีขาว ปีนี้คือสีน้ำตาลที่กำลังมาแรงที่สุด สีน้ำตาล (Brown) ในเฉดต่างๆ ตั้งแต่สีมอคค่ามูส (Mocha Mousse) ไปจนถึงสีน้ำตาลเข้มช็อกโกแลต ถือเป็นสีกลาง (Neutral) ที่ให้ความรู้สึก มินิมอล, เรียบหรู, และเหนือกาลเวลา (Timeless)
ลุค Old Money: การแต่งกายด้วยโทนสีน้ำตาลทั้งชุด (Tone-on-Tone) หรือการจับคู่กับสีเบจและสีครีม จะช่วยเสริมให้ลุคของคุณดูแพงและสง่างามแบบ Quiet Luxury
การจับคู่สี: ลองจับคู่สีน้ำตาลกับ สีฟ้าอ่อน (Clearwater) หรือ สีเหลืองอ่อน (Butter Yellow) เพื่อสร้างความคอนทราสต์ที่ดูละมุนและมีสไตล์

3. เนื้อผ้าและสไตล์ที่เน้นความนุ่มนวลและเท็กซ์เจอร์
เทรนด์นี้เน้นที่ความรู้สึกสบายเมื่อสวมใส่ และการเพิ่มมิติให้กับชุดด้วยเนื้อผ้าที่น่าสนใจ
Faux Fur (ขนเฟอร์เทียม): ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เสื้อโค้ทอีกแล้ว แต่จะเห็นในรูปแบบของ ผ้าพันคอ (Stoles), กระเป๋าถือ หรือแม้กระทั่งเสื้อตัวสั้น (Bra Tops) เป็นการเพิ่มความหรูหราและผิวสัมผัสที่ดูอบอุ่น
Suede (ผ้าหนังกลับ): ผ้าหนังกลับกลับมาเป็นพระเอก โดยเฉพาะในกลุ่ม แจ็กเก็ตสั้น หรือกระโปรงทรงดินสอ ให้ลุคแบบโบฮีเมียนที่ดูผ่อนคลายแต่ยังคงความประณีต

4. ชิ้นส่วนเด่นที่ต้องมี: กระโปรงทรงดินสอ และกางเกงหลวม
รูปทรงของเสื้อผ้าในครึ่งปีหลังเน้นที่ความสบายแต่ยังคงความเนี้ยบ
The Pencil Skirt (กระโปรงทรงดินสอ): กระโปรงทรงสอบยาวกลับมาฮิตอีกครั้ง ให้ลุคที่ดู สุภาพและเป็นผู้หญิง (Ladylike) สามารถใส่ทำงานหรือใส่ไปงานสำคัญได้
Loose Trousers/Denim (กางเกงและยีนส์ทรงหลวม): กางเกงขากว้างหรือยีนส์ทรงหลวมยังคงครองใจผู้คน เพราะให้ความสบายในการเคลื่อนไหว การจับคู่กางเกงทรงหลวมกับเสื้อตัวสั้นหรือเสื้อยืดเรียบๆ จะช่วยให้ได้ลุคที่สมดุลและทันสมัย

การผสมผสานระหว่าง ความโดดเด่นของลวดลาย และ ความหรูหราที่เรียบง่ายของโทนสีน้ำตาล หากต้องการอัปเดตตู้เสื้อผ้าให้เริ่มต้นจากการลงทุนในเสื้อผ้าโทนสีน้ำตาลคุณภาพดี และเพิ่มความสนุกด้วยเครื่องประดับลายพิมพ์สัตว์หรือลายจุด เพียงเท่านี้ก็พร้อมเฉิดฉายตามเทรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นได้อย่างมั่นใจแล้ว


9
ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในทุกพื้นที่ของบ้าน สุขภัณฑ์อัตโนมัติ (Smart Toilet) หรือที่รู้จักกันในชื่อ "ฝารองนั่งอัตโนมัติ" มาตรฐานใหม่ ที่ช่วยยกระดับสุขอนามัย ความสะดวกสบาย และประสบการณ์ในการใช้ห้องน้ำให้เหนือกว่าสุขภัณฑ์แบบเดิม สุขภัณฑ์อัจฉริยะเหล่านี้จึงได้รับความนิยมและเป็นสิ่งที่ควรมีในห้องน้ำยุคใหม่

5 คุณสมบัติเด่นของสุขภัณฑ์อัตโนมัติ
สุขภัณฑ์อัตโนมัติมาพร้อมฟังก์ชันที่หลากหลาย ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ด้านความสะอาดและความสบายสูงสุด

1. ระบบชำระล้างอัตโนมัติ (Bidet Function)
นี่คือหัวใจสำคัญของสุขภัณฑ์อัตโนมัติ หัวฉีดสามารถปรับตำแหน่ง แรงดันน้ำ และอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำเพื่อการชำระล้างที่ถูกสุขอนามัยที่สุด แทนการใช้กระดาษชำระ ซึ่งช่วยลดการสัมผัสและทำความสะอาดได้อย่างหมดจดกว่ามาก

2. ที่นั่งอุ่นสบาย (Heated Seat)
ฟังก์ชันนี้มอบความสะดวกสบายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในห้องน้ำที่มีอากาศเย็น ที่นั่งสามารถปรับอุณหภูมิให้อุ่นพอดีกับร่างกาย ทำให้ประสบการณ์การเข้าห้องน้ำในตอนเช้าหรือช่วงฤดูหนาวไม่เป็นเรื่องทรมานอีกต่อไป

3. ระบบเป่าลมอุ่น (Warm Air Dryer)
หลังจากชำระล้างแล้ว ระบบเป่าลมอุ่นจะทำงานแทนการใช้กระดาษชำระ เป็นการช่วยให้ผิวแห้งอย่างอ่อนโยนและรวดเร็ว ลดการใช้กระดาษ ทำให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและลดภาระในการกำจัดของเสีย



4. ระบบเปิด-ปิดฝาอัตโนมัติ (Auto Open/Close Lid)
เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวช่วยให้ฝาชักโครกเปิดขึ้นเองเมื่อเดินเข้าไปใกล้ และปิดลงอัตโนมัติเมื่อใช้งานเสร็จสิ้น ลดการสัมผัสโดยตรง ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการรักษาสุขอนามัยในห้องน้ำสาธารณะหรือในบ้านที่มีผู้สูงอายุ ฝารองนั่งชักโครก ผู้สูงอายุ

5. ระบบกำจัดกลิ่นและฆ่าเชื้อ (Deodorizer & Sterilization)
สุขภัณฑ์บางรุ่นมาพร้อมระบบกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์อัตโนมัติ และมีการใช้เทคโนโลยีแสง UV หรือน้ำอิเล็กโทรไลซ์เพื่อฆ่าเชื้อที่หัวฉีดและภายในโถสุขภัณฑ์ ช่วยให้ห้องน้ำสะอาดและสดชื่นอยู่เสมอ

สุขภัณฑ์อัตโนมัติ: มากกว่าความสบายคือสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
การลงทุนในสุขภัณฑ์อัตโนมัติไม่เพียงแต่ให้ความสะดวกสบาย แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพและโลกของเรา

ดีต่อสุขอนามัย: การชำระล้างด้วยน้ำอุ่นช่วยทำความสะอาดได้ล้ำลึกกว่าการเช็ดด้วยกระดาษ ลดการระคายเคือง และเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น ริดสีดวงทวาร
ดีต่อสิ่งแวดล้อม: การลดการใช้กระดาษชำระลงอย่างมาก หมายถึงการลดปริมาณขยะและลดการตัดต้นไม้ ซึ่งเป็นการช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในระยะยาว
เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย: ทั้งเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีข้อจำกัดในการเคลื่อนไหว สามารถใช้งานสุขภัณฑ์อัตโนมัติได้อย่างง่ายดายและปลอดภัย

สุขภัณฑ์อัตโนมัติ คือนวัตกรรมที่เปลี่ยนประสบการณ์ในห้องน้ำสวยๆอย่างแท้จริง ด้วยฟังก์ชันที่ผสานความสะดวกสบาย สุขอนามัย และการรักษาสิ่งแวดล้อมเข้าไว้ด้วยกัน หากกำลังมองหาวิธีอัปเกรดห้องน้ำให้ทันสมัย สะอาด และน่าใช้งาน การติดตั้งสุขภัณฑ์อัจฉริยะนี้คือการลงทุนที่คุ้มค่าและสมเหตุสมผลที่สุดในปัจจุบัน


10
ประสบการณ์ผ่าตัดหัวใจ บายพาสหัวใจ (CABG) ถือเป็นการผ่าตัดใหญ่ที่ช่วยชีวิตผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีอีกครั้ง แม้จะเป็นเรื่องที่น่ากังวล
แต่การทำความเข้าใจในแต่ละขั้นตอนจะช่วยให้ผู้ป่วยและครอบครัวมีความพร้อมลดความกังวลได้มาก

1. ช่วงก่อนการผ่าตัด: การตัดสินใจที่ยากลำบาก
ก่อนการผ่าตัด ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีอาการเจ็บหน้าอก เหนื่อยง่าย หรือมีอาการหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน หลังจากแพทย์วินิจฉัยและพบว่าหลอดเลือดหัวใจตีบหลายเส้น
จนไม่สามารถรักษาด้วยการทำบอลลูนหรือใส่ขดลวดได้ การผ่าตัดบายพาสจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ช่วงนี้คือช่วงที่ผู้ป่วยต้องเผชิญหน้ากับความกังวล ความกลัว และความไม่แน่ใจ
การพูดคุยกับแพทย์อย่างละเอียดเพื่อทำความเข้าใจถึงความเสี่ยงและผลลัพธ์ที่คาดหวังได้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง รวมถึงการได้รับการสนับสนุนทางจิตใจจากครอบครัวและคนรอบข้าง

2. วันผ่าตัด: การเตรียมตัวและความเชื่อมั่น
เมื่อถึงวันผ่าตัด ผู้ป่วยจะถูกเตรียมความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ แพทย์จะงดน้ำและอาหาร มีการโกนขนบริเวณที่ต้องผ่าตัด และเตรียมสายต่างๆ ก่อนนำเข้าห้องผ่าตัด
ผู้ป่วยหลายคนเล่าว่าความรู้สึกในช่วงนี้คือความสงบและวางใจในทีมแพทย์และพยาบาล การผ่าตัดบายพาสมักใช้เวลาประมาณ 3-6 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับจำนวนเส้นเลือดที่ต้องทำทางเบี่ยง
หลังจากนั้นผู้ป่วยจะถูกย้ายไปที่หอผู้ป่วยวิกฤต (CCU หรือ ICU) เพื่อเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิด



3. ช่วงหลังผ่าตัดในห้อง ICU: การฟื้นตัวในระยะวิกฤต
หลังจากผ่าตัด ผู้ป่วยจะถูกย้ายมาที่ห้อง ICU เพื่อให้แพทย์และพยาบาลดูแลอย่างใกล้ชิด ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บปวดบริเวณแผลผ่าตัด และมีสายระโยงระยางเต็มไปหมด เช่น สายระบายเลือด ท่อช่วยหายใจ หรือสายน้ำเกลือ
อาการเจ็บแผลจะดีขึ้นเมื่อได้รับยาแก้ปวดอย่างสม่ำเสมอ โดยทั่วไปผู้ป่วยจะอยู่ในห้อง ICU ประมาณ 1-2 วัน เมื่ออาการคงที่และสามารถหายใจเองได้ดีแล้วจึงจะย้ายไปที่ห้องพักปกติ

4. การพักฟื้นที่ห้องพักปกติ: เริ่มต้นชีวิตใหม่
เมื่อย้ายมาห้องพักปกติ ผู้ป่วยจะได้รับการทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาแข็งแรงโดยเร็วที่สุด การฝึกเดินเป็นก้าวแรกที่สำคัญ การเดินช้าๆ ในระยะสั้นๆ
จะช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ดีขึ้น ผู้ป่วยต้องดูแลแผลผ่าตัดที่หน้าอกและบริเวณที่นำเส้นเลือดมาทำบายพาส (เช่น ขาหรือแขน) ให้สะอาดและแห้งอยู่เสมอ

5. กลับบ้านและการดูแลตัวเองในระยะยาว: ชีวิตหลังการผ่าตัด
การฟื้นตัวเต็มที่หลังการผ่าตัดใช้เวลาประมาณ 6-8 สัปดาห์ ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ แต่ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างอย่างเคร่งครัด

อาหาร: ลดอาหารรสจัด อาหารเค็ม อาหารมัน และอาหารแปรรูป เน้นผัก ผลไม้ และอาหารที่มีกากใยสูง
การออกกำลังกาย: เริ่มต้นจากการเดิน และค่อยๆ เพิ่มความเข้มข้นขึ้นตามคำแนะนำของแพทย์
การพักผ่อน: นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ควรนอนดึก
งดบุหรี่และแอลกอฮอล์: สิ่งเหล่านี้จะทำให้หลอดเลือดกลับมาตีบได้อีกครั้ง
พบแพทย์ตามนัด: การตรวจสุขภาพตามนัดหมายเป็นสิ่งสำคัญในการติดตามผลการรักษาและควบคุมปัจจัยเสี่ยง

ประสบการณ์ผ่าตัดบายพาสหัวใจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เมื่อผ่านพ้นไปแล้ว ผู้ป่วยหลายคนรู้สึกเหมือนได้รับชีวิตใหม่ พวกเขาสามารถกลับมาทำกิจกรรมที่เคยทำได้อีกครั้ง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
การมองโลกในแง่ดี ความมีวินัย และการได้รับการสนับสนุนจากคนรอบข้างหมอหัวใจ คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จ


11
ในขณะที่ลูกน้อยกำลังเติบโตและเรียนรู้ที่จะเดินผู้ปกครองหลายท่านอาจสังเกตเห็นว่าเท้าของลูกดูแบนราบกว่าปกติ ซึ่งอาจสร้างความกังวลได้แต่แท้จริงแล้วอาการ เท้าแบน ในเด็กส่วนใหญ่มักเป็นภาวะที่เกิดขึ้นชั่วคราวและหายได้เองตามธรรมชาติ อย่างไรก็ตามยังมีบางกรณีที่อาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาที่ต้องเฝ้าระวัง

เท้าแบนแบบไหนที่ถือว่าเป็นเรื่องปกติ (เท้าแบนแบบนิ่ม - Flexible Flatfoot)
เท้าแบน แบบนิ่ม เป็นภาวะที่พบได้บ่อยที่สุดในเด็กเล็ก โดยเฉพาะในวัยหัดเดิน (ประมาณ 1-3 ปี) เท้าของเด็กในวัยนี้มักจะดูแบนราบเพราะมีไขมันสะสมอยู่ที่อุ้งเท้าและกล้ามเนื้อยังไม่แข็งแรงพอที่จะสร้างส่วนโค้งขึ้นมาได้

ลักษณะสำคัญของเท้าแบนแบบนิ่ม: เมื่อยืนลงน้ำหนัก เท้าจะดูแบนราบเมื่ออยู่ในท่าพัก (เช่น นั่งห้อยขา) หรือเมื่อลูกเขย่งปลายเท้า ส่วนโค้งของฝ่าเท้าจะปรากฏขึ้นมาให้เห็นโดยทั่วไปแล้ว เด็กจะไม่มีอาการเจ็บปวดใดๆ ภาวะนี้มักจะหายไปได้เองเมื่อเด็กโตขึ้น และกล้ามเนื้อรวมถึงเอ็นที่เท้าแข็งแรงพอที่จะสร้างส่วนโค้งของฝ่าเท้าได้เต็มที่ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในช่วงอายุ 6-8 ปี



เท้าแบนแบบไหนที่ต้องเฝ้าระวัง(เท้าแบนแบบแข็ง - Rigid Flatfoot)
เท้าแบน แบบแข็ง คือภาวะที่ส่วนโค้งของฝ่าเท้าไม่ปรากฏขึ้นเลยในทุกอิริยาบถ ไม่ว่าจะเป็นตอนยืน, นั่ง หรือตอนเขย่งปลายเท้า ภาวะนี้อาจเป็นสัญญาณของปัญหาโครงสร้างกระดูกที่ซับซ้อน เช่น กระดูกเท้าเชื่อมติดกันตั้งแต่กำเนิด ซึ่งเป็น ภัยเงียบ ที่พ่อแม่ต้องใส่ใจ

อาการที่บ่งชี้ว่าควรปรึกษาแพทย์: ลูกบ่นว่ามีอาการปวดหรือตึงที่เท้าและข้อเท้าสังเกตเห็นว่าลูกเดินผิดปกติ หรือเดินลำบากไม่สามารถยืนเขย่งปลายเท้าได้ เท้าดูแบนและแข็ง ไม่มีความยืดหยุ่นในทุกท่าทาง

สรุปและคำแนะนำสำหรับผู้ปกครอง
โรคเท้าแบน ในเด็กส่วนใหญ่ไม่เป็นอันตรายและสามารถหายได้เอง แต่การเฝ้าสังเกตอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

เท้าแบน แบบนิ่ม: ให้สังเกตพัฒนาการตามช่วงวัย หากไม่มีอาการเจ็บปวดก็ไม่ต้องกังวลมากเกินไป
เท้าแบน แบบแข็ง: หากพบอาการตามที่กล่าวมาข้างต้น หรือหากลูกโตเกิน 8 ปีแล้วส่วนโค้งของเท้ายังไม่ปรากฏควรพาไปพบแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกและข้อโดยเร็วที่สุดเพื่อวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม หมอกระดูกและข้อ

การดูแลสุขภาพเท้าของลูกน้อยตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยป้องกันปัญหาในระยะยาวและช่วยให้ลูกมีพัฒนาการในการเดินและทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างเต็มที่


12
การอาบน้ำในแต่ละวันจะเป็นมากกว่าแค่การชำระล้างร่างกาย หากได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่เหนือระดับจากฝักบัวอาบน้ำแบบ Rain Shower ที่จำลองความรู้สึกเหมือนยืนอยู่ท่ามกลางสายฝนธรรมชาติ ฝักบัวประเภทนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยยกระดับห้องน้ำให้ดูหรูหราและผ่อนคลาย แต่การเลือกซื้อฝักบัว Rain Shower ที่เหมาะสมอาจต้องพิจารณาปัจจัยหลายอย่าง นี่คือเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

ทำความเข้าใจคุณสมบัติที่แตกต่างของ ฝักบัว Rain Shower
การเลือก ฝักบัว Rain Shower ที่ดีไม่ใช่แค่การเลือกขนาดใหญ่ที่สุด แต่ควรพิจารณาถึงคุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์การใช้งาน



1. คุณสมบัติพิเศษเพื่อประสบการณ์ที่เหนือกว่า:
เทคโนโลยีประหยัดน้ำ: แม้จะเป็นฝักบัวขนาดใหญ่ แต่หลายรุ่นในปัจจุบันมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ช่วยลดปริมาณการใช้น้ำโดยไม่ลดทอนความรู้สึก เช่น เทคโนโลยีที่ผสมอากาศเข้าไปในสายน้ำ ทำให้หยดน้ำมีขนาดใหญ่ขึ้นแต่ใช้น้ำน้อยลง ซึ่งช่วยประหยัดค่าน้ำได้ในระยะยาว
โหมดการใช้งานที่หลากหลาย: ชุดฝักบัวบางรุ่นมีฟังก์ชันที่สามารถปรับรูปแบบของน้ำได้ เช่น โหมดนวดผ่อนคลาย โหมดน้ำพุ่งแรง หรือโหมดสปานุ่มนวล เพื่อให้คุณสามารถเลือกได้ตามความต้องการในแต่ละวัน

2. การกระจายของน้ำและแรงดัน:
ฝักบัว Rain Shower ที่ดีควรให้การกระจายของน้ำที่สม่ำเสมอและครอบคลุมทั่วร่างกาย ซึ่งจะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและสดชื่นได้อย่างเต็มที่ หากคุณกังวลเรื่องแรงดันน้ำที่บ้าน ควรเลือกฝักบัวที่ออกแบบมาเพื่อทำงานได้ดีกับแรงดันน้ำที่หลากหลาย

ปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาก่อนการตัดสินใจ
1. ขนาดและรูปร่าง:
เลือกขนาดของ หัวฝักบัวอาบน้ำ ให้เหมาะสมกับขนาดของพื้นที่อาบน้ำ ไม่ควรเลือกหัวที่ใหญ่เกินไปจนทำให้ไม่สามารถติดตั้งได้ หรือทำให้น้ำกระเซ็นออกนอกพื้นที่
รูปทรงที่นิยมมีทั้งแบบกลมและสี่เหลี่ยม ซึ่งควรเลือกให้เข้ากับสไตล์โดยรวมของห้องน้ำของคุณ

2. การติดตั้ง (ติดตั้งบนผนัง หรือติดตั้งบนเพดาน):
แบบติดตั้งบนเพดาน: ให้ความรู้สึกที่เหมือนอาบน้ำท่ามกลางสายฝนอย่างแท้จริง แต่การติดตั้งอาจซับซ้อนและต้องมีการเดินท่อบนเพดาน
แบบติดตั้งบนผนัง: มีความสะดวกในการติดตั้งมากกว่า เพราะสามารถต่อจากท่อประปาเดิมบนผนังได้เลย และยังให้ประสบการณ์ใกล้เคียงกับการอาบน้ำฝน

3. วัสดุและพื้นผิว:
ควรเลือกหัวฝักบัวที่ทำจากวัสดุคุณภาพดี เช่น ทองเหลือง หรือสแตนเลส เพื่อความทนทานและป้องกันการกัดกร่อน
พื้นผิวที่เคลือบ เช่น โครเมียม หรือสีด้าน ควรเลือกให้เข้ากับอุปกรณ์อื่นๆ ในห้องน้ำ เพื่อสร้างความกลมกลืนทางด้านดีไซน์

การเลือกฝักบัวอาบน้ำ Rain Shower ที่เหมาะสมคือการลงทุนเพื่อความสุขและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในทุกๆวัน

13
เสื้อผ้าแฟชั่น (Fashion Clothes) ล่าสุดที่ต้องมีติดตู้ไว้ในโลกของการแต่งตัวที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แฟชั่นเสื้อผ้า ไม่ได้เป็นเพียงแค่การแต่งกายตามกระแสแต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยแสดงออกถึงตัวตน และไลฟ์สไตล์ได้อย่างชัดเจน การตามติดเทรนด์ใหม่ๆ และการเลือกซื้อ clothes ที่เหมาะกับเราจึงเป็นเรื่องที่น่าสนุก และสำคัญไม่แพ้กัน

นิยามใหม่ของ แฟชั่นเสื้อผ้า (Fashion Clothes)
แฟชั่นเสื้อผ้า ในยุคนี้ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่บนรันเวย์ แต่หมายถึงสไตล์ที่เข้าถึงได้และสะท้อนถึงความเป็นตัวเอง เสื้อผ้าที่ดีคือเสื้อผ้าที่ทำให้รู้สึกมั่นใจและสบายใจในทุกการเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัวในวันสบายๆ หรือลุคสำหรับโอกาสพิเศษ



เทรนด์แฟชั่นเสื้อผ้าที่ต้องมีติดตู้
การทำความเข้าใจเทรนด์หลักๆ จะช่วยให้เลือกซื้อเสื้อผ้าได้อย่างคุ้มค่าและสร้างสรรค์ นี่คือเทรนด์ยอดนิยมที่ไม่ควรมองข้าม

Minimalist & Functional: เทรนด์นี้เน้นความเรียบง่ายแต่มีคุณภาพดีด้วยการใช้สีโทนกลาง เช่น ขาว, ดำ, เบจ, หรือเทา ทำให้สามารถนำไปมิกซ์แอนด์แมทช์ได้ง่ายและใส่ได้ในทุกโอกาส

Bold & Expressive: สำหรับคนที่ต้องการสร้างความโดดเด่น เทรนด์การใช้สีสันที่สดใสและจัดจ้านกำลังมาแรง เช่น สีชมพูฟูเชีย, สีเขียวมรกต หรือสีส้มอิฐ การเลือก clothes ที่มีสีสันจะช่วยเพิ่มความสนุกและความมั่นใจให้กับลุคของเรา

Y2K & Retro Vibes: แฟชั่นจากยุค 90s และ 2000s ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อครอป, กางเกงทรงหลวม หรือลวดลายกราฟิก การนำไอเท็มวินเทจมาผสมผสานกับเสื้อผ้าสไตล์โมเดิร์นจะช่วยสร้างลุคที่ดูน่าสนใจและไม่ซ้ำใคร

การเลือก ร้านเสื้อผ้า ที่เหมาะสมจะช่วยให้ประหยัดเวลาและมั่นใจว่าจะได้สินค้าที่ตรงใจ แฟชั่นเสื้อผ้า คุณภาพดีที่หลากหลาย เพื่อให้ได้สนุกกับการแต่งตัวและค้นพบสไตล์ที่ใช่สำหรับตัวเอง เรามีทั้ง clothes สไตล์มินิมอล, เสื้อผ้าสีสันสดใส และไอเท็มที่กำลังเป็นที่นิยมในโลกแฟชั่น


14
การมีห้องน้ำที่สวยงามเปรียบเสมือนการสร้างพื้นที่ส่วนตัวสำหรับการพักผ่อนอย่างแท้จริง และหนึ่งในองค์ประกอบที่สามารถยกระดับห้องน้ำธรรมดาให้กลายเป็นมุมโปรดได้ก็คือ อ่างอาบน้ำลอยตัว ด้วยดีไซน์ที่เป็นอิสระและโดดเด่น ทำให้ อ่างอาบน้ำลอยตัว กลายเป็นศูนย์กลางความสนใจที่สะท้อนรสนิยมได้อย่างชัดเจน

อ่างอาบน้ำลอยตัว แตกต่างจากแบบทั่วไปอย่างไร
อ่างอาบน้ำลอยตัว หรือ Freestanding Bathtub คืออ่างที่ถูกออกแบบมาให้ตั้งอยู่ได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งพาโครงสร้างหรือผนังในการรองรับ ซึ่งแตกต่างจากอ่างอาบน้ำแบบบิวท์อินที่ต้องมีการก่อเคาน์เตอร์และติดตั้งชิดผนัง ทำให้ อ่างอาบน้ำลอยตัว มีความยืดหยุ่นในการจัดวางและสามารถทำความสะอาดได้รอบด้าน



ดีไซน์ที่โดดเด่น: เป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นสำคัญที่ช่วยสร้างบรรยากาศที่หรูหราและน่าสนใจให้กับห้องน้ำ
ความยืดหยุ่นในการจัดวาง: สามารถวางได้ทุกตำแหน่งในห้องตามที่ต้องการ ไม่จำกัดแค่บริเวณมุมห้อง
ติดตั้งง่ายกว่า: โดยตัวอ่างเองใช้เวลาในการติดตั้งน้อยกว่าอ่างแบบบิวท์อินที่ต้องก่อสร้าง อุปกรณ์ห้องน้ำ
ทำความสะอาดง่าย: สามารถเข้าถึงและทำความสะอาดได้ทุกซอกทุกมุมรอบตัวอ่าง

ประเภท วัสดุ และสไตล์ที่หลากหลาย
1. ประเภทและรูปทรง
อ่างทรงวงรี: รูปทรงโค้งมนที่นิยมที่สุด เพราะช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายและเข้ากับดีไซน์ห้องน้ำได้หลากหลาย
อ่างทรงสี่เหลี่ยม: ให้ความรู้สึกที่เรียบง่ายและทันสมัย เหมาะสำหรับห้องน้ำสไตล์โมเดิร์น
อ่างทรงคลาสสิก: เช่น อ่างขาตั้งแบบมีขารองรับสี่ขา (Clawfoot Bathtub) ที่ให้ความรู้สึกย้อนยุคแต่หรูหรา

2. วัสดุยอดนิยม
อะคริลิก (Acrylic): วัสดุที่นิยมที่สุด เนื่องจากมีน้ำหนักเบา, รักษาความร้อนได้ดี และมีราคาเข้าถึงง่าย
หินสังเคราะห์ (Solid Surface/Resin): มีน้ำหนักมาก, ให้ความรู้สึกมั่นคง และรักษาอุณหภูมิน้ำได้ดีเยี่ยม มักมีราคาสูงแต่ให้ดีไซน์ที่หรูหราไร้รอยต่อ
เหล็กหล่อ (Cast Iron): วัสดุที่ทนทานและรักษาความร้อนได้ดีเยี่ยม แต่มีน้ำหนักมากที่สุด ทำให้ต้องวางแผนโครงสร้างพื้นให้รองรับได้อย่างเหมาะสม

ข้อควรพิจารณาก่อนการติดตั้ง
แม้ว่าตัวอ่างจะติดตั้งง่าย แต่การวางแผนเรื่องระบบน้ำถือเป็นสิ่งสำคัญ
ระบบประปา: ต้องมีการเตรียมท่อน้ำดีและท่อน้ำทิ้งให้พร้อมที่พื้นบริเวณที่จะวางอ่าง ซึ่งอาจต้องมีการปรับปรุงโครงสร้างห้องน้ำ
น้ำหนัก: ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบว่าพื้นห้องน้ำว่าสามารถรองรับน้ำหนักของ อ่างอาบน้ำ และน้ำเต็มอ่างได้อย่างปลอดภัยหรือไม่

การเลือกอ่างอาบน้ำลอยตัว เป็นการลงทุนเพื่อความสุขและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วยการวางแผนที่เหมาะสม ก็จะได้มุมพักผ่อนที่สวยงามและตอบโจทย์ทุกความต้องการได้อย่างแน่นอน

15
เมื่อมีอาการผิดปกติในระบบทางเดินอาหารอย่างต่อเนื่อง เช่น ปวดท้องเรื้อรัง หรืออาเจียน แพทย์มักจะแนะนำให้ทำการ ส่องกล้องทางเดินอาหาร เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด การส่องกล้องเป็นขั้นตอนที่สำคัญและแม่นยำที่สุดในการค้นหาสาเหตุ ของอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้น บทความนี้จะสรุปให้เข้าใจง่ายๆ ว่า อาการ แบบไหนที่ควรปรึกษาแพทย์ และ สาเหตุ ใดที่ทำให้ต้องพิจารณาการส่องกล้อง ส่องกล้องทางเดินอาหารราคาเท่าไหร่

อาการผิดปกติในระบบทางเดินอาหารที่ไม่ควรมองข้าม
การ ส่องกล้องทางเดินอาหาร มักจะถูกแนะนำเมื่อผู้ป่วยมี อาการ ที่บ่งชี้ถึงความผิดปกติที่ไม่สามารถวินิจฉัยได้จากการตรวจปกติ เช่น:

ปวดท้องเรื้อรัง: มีอาการปวดท้องส่วนบนหรือไม่สบายท้องอย่างต่อเนื่อง
กลืนลำบาก: รู้สึกเจ็บหรือมีอาการติดขัดขณะกลืนอาหาร
อาเจียนบ่อย: มีอาการคลื่นไส้อาเจียนโดยไม่ทราบสาเหตุ
อาเจียนเป็นเลือดหรือถ่ายอุจจาระเป็นเลือด: สัญญาณเตือนที่ต้องรีบพบแพทย์ทันที
น้ำหนักลดลงผิดปกติ: น้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ
อาการแสบร้อนกลางอก (กรดไหลย้อน) ที่ไม่ดีขึ้น: หากรักษาด้วยยาแล้วอาการไม่ดีขึ้น อาจจำเป็นต้องส่องกล้องเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง



สาเหตุและโรคที่จำเป็นต้องส่องกล้องทางเดินอาหาร
การส่องกล้องไม่ได้มีจุดประสงค์เพียงแค่การวินิจฉัย แต่ยังสามารถรักษาได้ในคราวเดียวกัน สาเหตุ ที่ต้องทำการส่องกล้องเพื่อยืนยันโรค ได้แก่:

ภาวะกรดไหลย้อนรุนแรง: เพื่อตรวจดูว่ามีภาวะหลอดอาหารอักเสบ หรือมีการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ในระยะเริ่มต้นหรือไม่
โรคกระเพาะอาหารอักเสบและแผลในกระเพาะ: เพื่อตรวจดูสภาพผนังกระเพาะและหาเชื้อ H. pylori ที่เป็นสาเหตุ
ติ่งเนื้อ (Polyp) หรือเนื้องอก: การส่องกล้องสามารถตรวจพบและตัดติ่งเนื้อออกได้ทันที เพื่อป้องกันการพัฒนาไปเป็นมะเร็ง
มะเร็งกระเพาะอาหารและลำไส้ใหญ่: เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการวินิจฉัยและตรวจคัดกรองมะเร็งในระยะเริ่มต้น ซึ่งทำให้มีโอกาสรักษาให้หายขาดสูง
การหาสาเหตุของการตกเลือดในทางเดินอาหาร: เพื่อหาตำแหน่งและหยุดการตกเลือดที่เกิดขึ้นได้อย่างแม่นยำ

การส่องกล้องทางเดินอาหาร จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้แพทย์สามารถมองเห็นความผิดปกติภายในได้อย่างชัดเจนเพื่อนำไปสู่การรักษาที่ถูกต้อง
และรวดเร็วหากมีอาการที่กล่าวมาข้างต้น อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อการวินิจฉัยที่แม่นยำ โปรแกรมตรวจสุขภาพ


16
ในโลกของประกันสุขภาพ คำว่า "OPD" อาจเป็นคำที่หลายคนเคยได้ยิน แต่ไม่แน่ใจว่าหมายถึงอะไร OPD ย่อมาจาก Outpatient Department หรือแผนกผู้ป่วยนอก ซึ่งหมายถึงการไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาอาการเจ็บป่วยโดยไม่จำเป็นต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลประกัน opd

ประกันสุขภาพ ทั่วไปมักจะคุ้มครองเฉพาะผู้ป่วยใน (IPD) ซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายในการหาหมอทั่วไปเป็นภาระที่หลายคนต้องแบกรับเอง นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมประกัน OPD จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ และแนะนำว่าใครที่เหมาะกับการทำประกันประเภทนี้



ประกัน OPD มีความคุ้มครองกี่แบบ
ความคุ้มครองของประกัน OPD หลักๆ แบ่งออกได้เป็น 3 รูปแบบ ดังนี้

1. แบบจำกัดวงเงินและจำนวนครั้ง (Limit Coverage)
เป็นรูปแบบที่นิยมและมีเบี้ยประกันที่ไม่สูงมากนัก โดยบริษัทประกันจะกำหนดวงเงินและจำนวนครั้งในการเข้ารักษาในแต่ละปี
ตัวอย่าง: คุ้มครอง 1,000 บาท/ครั้ง ไม่เกิน 30 ครั้ง/ปี
ข้อดี: เบี้ยประกันถูก เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ได้เจ็บป่วยบ่อย
ข้อเสีย: หากอาการเจ็บป่วยแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายสูง อาจต้องจ่ายส่วนต่างเอง

2. แบบเหมาจ่ายต่อปี (Annual Lump-Sum Coverage)
เป็นรูปแบบที่ให้ความคุ้มครองที่ยืดหยุ่นกว่า โดยบริษัทประกันจะให้วงเงินรวมต่อปี
ตัวอย่าง: คุ้มครอง 20,000 บาท/ปี
ข้อดี: ไม่จำกัดจำนวนครั้งในการเข้ารักษา ทำให้สามารถไปหาหมอได้บ่อยเท่าที่ต้องการ (ภายในวงเงินที่กำหนด) เหมาะสำหรับผู้ที่เจ็บป่วยบ่อย
ข้อเสีย: มีเบี้ยประกันที่สูงกว่าแบบจำกัดครั้ง

3. แบบมีความรับผิดชอบส่วนแรก (Deductible/Co-Payment)
เป็นรูปแบบที่ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนแรกเองตามที่ตกลงไว้ในกรมธรรม์ก่อนที่บริษัทประกันจะจ่ายส่วนที่เหลือ
ตัวอย่าง: ผู้เอาประกันจ่ายเอง 1,000 บาท/ครั้ง ส่วนที่เหลือบริษัทรับผิดชอบ
ข้อดี: เบี้ยประกันถูกลงอย่างเห็นได้ชัด
ข้อเสีย: ผู้เอาประกันต้องมีเงินสำรองเพื่อจ่ายค่ารักษาพยาบาลส่วนแรกเอง

ใครที่เหมาะกับการทำประกัน OPD บ้าง
การทำประกัน OPD ไม่ได้จำเป็นสำหรับทุกคนแต่เหมาะสำหรับกลุ่มคนดังต่อไปนี้
ผู้ที่ไม่มีสวัสดิการรักษาพยาบาลจากบริษัท: เช่น กลุ่มฟรีแลนซ์, เจ้าของกิจการ หรือผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลด้วยตนเอง
ผู้ที่มีความเสี่ยงในการเจ็บป่วยบ่อย: เช่น ผู้ที่มีอาการภูมิแพ้ตามฤดูกาล, ไมเกรน หรือโรคเรื้อรังที่ไม่ต้องนอนโรงพยาบาลซึ่งการหาหมอบ่อยครั้งอาจทำให้ค่าใช้จ่ายรวมสูงกว่าที่คาดไว้
ผู้ที่ต้องการความอุ่นใจ: สำหรับผู้ที่ต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายในการไปหาหมอเล็กๆ น้อยๆ และไม่ต้องการควักเงินเก็บมาใช้ในส่วนนี้

การเลือกทำประกัน OPD ควรพิจารณาจากความจำเป็น, ลักษณะการใช้ชีวิต, และงบประมาณเพื่อให้ได้ความคุ้มครองที่ตอบโจทย์และคุ้มค่าที่สุดซื้อประกันออนไลน์



17
ปัญหา นอนกรน ไม่ได้เป็นเพียงแค่เสียงรบกวน แต่ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว ทั้งทำให้นอนหลับไม่สนิทตื่นบ่อย และรู้สึกไม่สดชื่นเมื่อตื่นนอน หากกำลังประสบปัญหานี้ และเข้าใจถึงสาเหตุวิธีแก้ ที่ได้ผลจริง

ทำความเข้าใจสาเหตุของการนอนกรน
การ นอนกรน เกิดขึ้นเมื่อทางเดินหายใจส่วนบนแคบลงขณะหลับ ทำให้ลมหายใจผ่านได้ยากขึ้นและเกิดการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อภายในลำคอ ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหานี้ ได้แก่

น้ำหนักตัวเกิน: ไขมันที่สะสมรอบลำคอจะไปกดเบียดทางเดินหายใจ
โครงสร้างทางเดินหายใจ: ผู้ที่มีต่อมทอนซิลโต, เพดานอ่อนยาว หรือลิ้นไก่ยาว อาจมีทางเดินหายใจที่แคบกว่าปกติ
การดื่มแอลกอฮอล์หรือใช้ยาบางชนิด: ทำให้กล้ามเนื้อลำคอคลายตัวมากเกินไป
การนอนหงาย: ตำแหน่งการนอนทำให้ลิ้นตกลงไปอุดทางเดินหายใจได้ง่ายขึ้น



ผลกระทบของการนอนกรนต่อสุขภาพ
การ นอนหลับไม่สนิท เพราะ ตื่นบ่อย จากการหายใจติดขัด ไม่เพียงแต่ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย แต่ยังอาจนำไปสู่ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงของโรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมอง และโรคหัวใจได้

วิธีแก้ปัญหานอนกรนที่ทำได้จริง
การแก้ปัญหา นอนกรน มีหลายวิธี ตั้งแต่การปรับพฤติกรรมไปจนถึงการรักษาทางการแพทย์

1. ปรับพฤติกรรมและวิถีชีวิต
เปลี่ยนท่านอน: ลองนอนตะแคงแทนการนอนหงาย จะช่วยลดการอุดกั้นของลิ้นและเนื้อเยื่อในลำคอได้
ควบคุมน้ำหนัก: การลดน้ำหนักเพียงเล็กน้อยก็สามารถช่วยให้ทางเดินหายใจกว้างขึ้นได้
หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และยา: ควรงดดื่มแอลกอฮอล์และหลีกเลี่ยงยานอนหลับก่อนเข้านอน
ทำความสะอาดจมูก: หากมีการคัดจมูก ควรใช้สเปรย์น้ำเกลือล้างจมูกก่อนนอน เพื่อให้หายใจสะดวกขึ้น

2. ใช้เครื่องมือทางการแพทย์
เครื่อง CPAP (Continuous Positive Airway Pressure): เป็นเครื่องอัดอากาศแรงดันบวกผ่านหน้ากาก ช่วยให้ทางเดินหายใจเปิดอยู่ตลอดเวลาขณะหลับ
อุปกรณ์ในช่องปาก (Oral Appliance): เป็นอุปกรณ์คล้ายรีเทนเนอร์ที่ช่วยเลื่อนขากรรไกรล่างหรือลิ้นมาด้านหน้า เพื่อเปิดทางเดินหายใจ

หากลองปรับพฤติกรรมแล้วอาการ นอนกรน ยังไม่ดีขึ้น หรือรู้สึกว่าตนเอง นอนหลับไม่สนิท ตื่นบ่อย วิธีแก้ ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านหู คอ จมูก หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับ เพื่อตรวจวินิจฉัยและวางแผน วิธีแก้ ที่เหมาะสมที่สุด


18
ในโลกของ เสื้อผ้าแฟชั่น ที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การตามติดเทรนด์ล่าสุดเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นและท้าทายสำหรับปี 2025
วงการแฟชั่นได้นำเสนอสไตล์ที่น่าสนใจและเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ ร้านเสื้อผ้า หรือเป็นคนที่รักการแต่งตัวเทรนด์แฟชั่น
ที่กำลังมาแรงที่สุด เพื่อให้พร้อมสำหรับซีซั่นใหม่ ปี 2025 เป็นปีที่แฟชั่นมีความหลากหลายมากขึ้น ทั้งเรื่องของสไตล์ การเลือกใช้วัสดุ
และแนวคิดด้านความยั่งยืน นี่คือเทรนด์แฟชั่นที่น่าจับตามอง

1.Sustainable & Eco-Friendly Fashion
เสื้อผ้าที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลและออร์แกนิกยังคงเป็นกระแสใหญ่ เช่น
เสื้อผ้าจากเส้นใยธรรมชาติ (ลินิน, ฝ้ายออร์แกนิก, ไม้ไผ่)
แฟชั่น Second-Hand หรือการนำเสื้อผ้าเก่ามาอัปไซเคิล



2.Futuristic Metallic & Techwear
ลุคที่ดูทันสมัยและล้ำยุคกำลังมาแรง เช่น
เสื้อผ้าสีเงิน-เมทัลลิก ผ้าเลื่อม และวัสดุสะท้อนแสง
แฟชั่นแนว Cyberpunk และ Techwear เช่น แจ็คเก็ตสไตล์ยุคอนาคต

3.Soft Femininity & Balletcore
แฟชั่นที่เน้นความอ่อนหวานและโรแมนติก เช่น
เดรสชีฟองพลิ้ว ๆ โทนสีพาสเทล
เสื้อผ้าแนว Balletcore เช่น กระโปรง Tutu และผ้าซาติน

4.Bold Colors & Dopamine Dressing
ปีนี้เสื้อผ้าสีสดใสที่ช่วยเพิ่มพลังบวกจะได้รับความนิยม เช่น
โทนสีส้ม แดง ชมพูบานเย็น และสีเขียวนีออน
การมิกซ์แอนด์แมทช์สีที่ตัดกันแบบสุดโต่ง

5.Grunge Revival & Dark Aesthetic
สไตล์ยุค 90s กำลังกลับมา โดยเฉพาะลุคดิบ ๆ เท่ ๆ เช่น
เสื้อเชิ้ตลายสก็อต + เสื้อยืดวงดนตรี
กางเกงคาร์โก้ + Combat Boots

6.Oversized Everything
เสื้อผ้าทรงหลวมยังคงเป็นที่นิยม เช่น
*เบลเซอร์โอเวอร์ไซส์ กางเกงทรงหลวม
*เสื้อฮู้ดดี้ขนาดใหญ่ ใส่สบายและดูคูล

ปี 2025 เป็นปีที่ร้านเสื้อผ้าในประเทศไทยต้องปรับตัวตามเทรนด์แฟชั่นที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ทั้งในด้านความยั่งยืน การผสมผสานวัฒนธรรม และความทันสมัย ร้านเสื้อผ้าควรเน้นความสร้างสรรค์และความเป็นเอกลักษณ์
เพื่อสร้างความแตกต่างและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัลนี้ อย่าลืมปรับตัวให้ทันเทรนด์และนำเสนอคอลเลคชั่นที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย
เพื่อความสำเร็จในตลาดแฟชั่นปี 2025 นี้


19
ปัญหาข้อเข่าเสื่อม รักษา เป็นภาวะที่หลายคนกำลังเผชิญ โดยเฉพาะเมื่ออายุมากขึ้น หรือจากการใช้งานเข่าอย่างหนักในชีวิตประจำวัน ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การขึ้นลงบันได หรือแม้แต่การทำกิจกรรมง่ายๆ

การปล่อยให้ ปัญหาข้อเข่าเสื่อม ลุกลามโดยไม่ได้รับการ รักษา ที่ถูกต้อง อาจนำไปสู่ภาวะที่รุนแรงขึ้น บทความนี้จะสรุปอาการ สาเหตุ และแนวทางการรักษา พร้อมแนะนำว่าทำไมการปรึกษา หมอกระดูกและข้อ จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด

อาการและสาเหตุของ "ข้อเข่าเสื่อม"อาการที่สังเกตได้
-มีอาการปวดเข่า โดยเฉพาะเมื่อมีการเคลื่อนไหว เช่น เดิน, วิ่ง, หรือขึ้นลงบันได
-มีเสียงดังในข้อเข่า เช่น เสียงกรอบแกรบ หรือเสียงเสียดสี
-ข้อเข่าบวม, ร้อน, หรือมีอาการฝืดตึง โดยเฉพาะในช่วงเช้า
-ไม่สามารถเหยียดหรืองอเข่าได้สุดเหมือนปกติ



สาเหตุหลัก
ข้อเข่าเสื่อม เกิดจากการที่กระดูกอ่อนที่ทำหน้าที่รองรับแรงกระแทกบริเวณข้อต่อเกิดการสึกหรอ ทำให้กระดูกเสียดสีกันโดยตรงจนเกิดอาการปวดและอักเสบ
สาเหตุหลักมักมาจากอายุที่มากขึ้น, น้ำหนักตัวที่มากเกินไป, การใช้งานหนัก หรือการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาในอดีต

แนวทางการรักษาปัญหาข้อเข่าเสื่อม: ไม่ต้องผ่าตัดเสมอไป
การ รักษา ข้อเข่าเสื่อมมีหลายวิธี ซึ่ง หมอกระดูกและข้อ จะเป็นผู้พิจารณาจากระดับความรุนแรงของอาการ

1. การรักษาแบบไม่ผ่าตัด
การลดน้ำหนัก: ช่วยลดแรงกดบนข้อเข่าได้โดยตรง
กายภาพบำบัด: เสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อเข่า
การใช้ยา: ยาแก้ปวด, ยาต้านการอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs)
การฉีดยา: การฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่าเทียม (Hyaluronic Acid) หรือการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น (PRP) เพื่อลดการอักเสบและช่วยฟื้นฟูข้อต่อ

2. การรักษาด้วยการผ่าตัด
เป็นทางเลือกสุดท้ายสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงและไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบอื่นๆ เช่น การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม

หมอกระดูกและข้อ หรือที่เรียกว่า แพทย์ออร์โธปิดิกส์ คือผู้เชี่ยวชาญโดยตรงด้านกระดูก, ข้อต่อ, และกล้ามเนื้อของร่างกาย การปรึกษาแพทย์เฉพาะทางตั้งแต่เนิ่นๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

วินิจฉัยแม่นยำ: แพทย์สามารถวินิจฉัยสาเหตุของอาการปวดได้อย่างถูกต้องด้วยการตรวจร่างกายและภาพถ่ายทางรังสี (X-ray)
วางแผนการรักษาที่เหมาะสม: แพทย์จะช่วยออกแบบแผนการ รักษา ที่เหมาะสมกับอาการและไลฟ์สไตล์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มต้นจากวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด ไปจนถึงการตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัด
ลดความเสี่ยง: การดูแลตัวเองโดยไม่มีความรู้ที่ถูกต้องอาจทำให้อาการแย่ลงได้ การปรึกษาแพทย์จึงเป็นการป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น


20
กองทุนประกันชีวิต คือหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย เพื่อทำหน้าที่คุ้มครองผู้เอาประกันภัยในกรณีที่บริษัทประกันชีวิตที่ทำอยู่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตหรือต้องปิดกิจการลง กองทุนนี้ทำหน้าที่คล้ายกับกองทุนคุ้มครองเงินฝากของธนาคาร เพื่อให้ประชาชนที่ทำประกันชีวิตมั่นใจได้ว่าความคุ้มครองและเงินที่จ่ายไปจะไม่สูญหาย



บทบาทสำคัญของกองทุนประกันชีวิต
กองทุนประกันชีวิตมีหน้าที่หลักในการคุ้มครองผลประโยชน์ของผู้เอาประกันภัย โดยมีขอบเขตการทำงานดังนี้

จ่ายเงินตามกรมธรรม์: กองทุนจะจ่ายเงินผลประโยชน์ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ให้แก่ผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์ตามที่ระบุไว้ซื้อประกันออนไลน์

จ่ายเบี้ยประกันคืน: สำหรับกรณีที่ยังไม่ถึงกำหนดจ่ายผลประโยชน์ กองทุนจะจ่ายเบี้ยประกันคืนให้แก่ผู้เอาประกันภัยตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด

โอนย้ายกรมธรรม์: กองทุนอาจพิจารณาโอนย้ายกรมธรรม์ที่เหลืออยู่ไปยังบริษัทประกันชีวิตที่ยังดำเนินกิจการอยู่ เพื่อให้ผู้เอาประกันภัยยังคงได้รับความคุ้มครองอย่างต่อเนื่อง

บริหารเงินกองทุน: กองทุนจะบริหารจัดการเงินที่ได้จากการเก็บเงินสมทบจากบริษัทประกันชีวิต เพื่อใช้ในการดูแลผู้เอาประกันภัยในกรณีที่จำเป็น

ใครคือผู้ดูแลกองทุนนี้
ในประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการกำกับดูแลและบริหารงานของกองทุนประกันชีวิต ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่าการดำเนินงานเป็นไปตามกฎหมายและเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้เอาประกันภัย

ทำไมถึงต้องมีกองทุนประกันชีวิต
การมีกองทุนประกันชีวิตช่วยสร้างความมั่นใจและเสถียรภาพให้กับอุตสาหกรรมประกันภัยโดยรวม เพราะช่วยลดความเสี่ยงของผู้เอาประกันภัย ทำให้ประชาชนกล้าที่จะวางแผนการเงินและชีวิตผ่านผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตมากขึ้น วางแผนเกษียณ

กองทุนประกันชีวิตเป็นเหมือนตาข่ายนิรภัยที่คอยรองรับและคุ้มครองผลประโยชน์ของคุณ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันกับบริษัทประกันชีวิตที่คุณเลือก ทำให้คุณสามารถทำประกันชีวิตได้อย่างสบายใจและอุ่นใจได้มากขึ้น

21
ในยุคดิจิทัลที่เราต้องใช้สายตาจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนเป็นเวลานาน ปัญหาเกี่ยวกับดวงตาจึงกลายเป็นเรื่องใกล้ตัวที่หลายคนมองข้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จอประสาทตาเสื่อม และ ตาแห้ง ซึ่งเป็นสองภาวะที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและการมองเห็น บทความนี้จะชวนคุณมาทำความเข้าใจสาเหตุ อาการ และวิธีดูแลดวงตาให้ห่างไกลจากปัญหาเหล่านี้

จอประสาทตาเสื่อม โรคที่มองข้ามไม่ได้
จอประสาทตาเสื่อม (Macular Degeneration) คือภาวะที่เซลล์บริเวณจอประสาทตา ซึ่งมีหน้าที่ในการรับภาพและส่งสัญญาณไปยังสมอง เกิดการเสื่อมสภาพลง ทำให้การมองเห็นภาพตรงกลางบิดเบี้ยวหรือพร่ามัว แม้ว่าจอประสาทตาเสื่อมจะมักเกิดกับผู้สูงอายุ แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้กับคนวัยหนุ่มสาวที่มีพฤติกรรมเสี่ยง

อาการของจอประสาทตาเสื่อม
- มองเห็นภาพบิดเบี้ยว โดยเฉพาะเส้นตรง
- มีจุดดำหรือเงาบังภาพตรงกลาง
- มองเห็นภาพไม่ชัดเจน โดยเฉพาะในเวลากลางคืน
- ต้องใช้แสงสว่างมากกว่าปกติในการอ่านหนังสือหรือทำกิจกรรม



วิธีป้องกัน
หลีกเลี่ยงแสงแดดจ้า: สวมแว่นกันแดดที่มีเลนส์ป้องกันรังสี UVA และ UVB
ทานอาหารบำรุงสายตา: เน้นอาหารที่มีวิตามิน A, C, E, สังกะสี และสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผักใบเขียวเข้ม ผลไม้ตระกูลเบอร์รี และปลาทะเล
ตรวจสุขภาพตาประจำปี: หากมีประวัติครอบครัวหรือมีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป ควรเข้ารับการตรวจตาอย่างสม่ำเสมอ

ตาแห้ง ภัยเงียบจากพฤติกรรม
ตาแห้ง (Dry Eye Syndrome) เกิดจากภาวะที่ดวงตาผลิตน้ำตาได้ไม่เพียงพอ หรือน้ำตาไม่มีคุณภาพ ส่งผลให้ดวงตาขาดความชุ่มชื้นและระคายเคือง ภาวะนี้มักเกี่ยวข้องกับการจ้องหน้าจอเป็นเวลานาน การอยู่ในห้องแอร์ และการใส่คอนแทคเลนส์

อาการของตาแห้ง
- แสบตา เคืองตา คันตา
- รู้สึกเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมในดวงตา
- ตาแดง และมีน้ำตาไหลมากกว่าปกติ (เมื่อดวงตาพยายามสร้างน้ำตามาทดแทน)
- มองเห็นภาพไม่ชัดเจนในบางช่วงเวลา

วิธีป้องกันและบรรเทาอาการ
พักสายตาตามกฎ 20-20-20: ทุก 20 นาทีที่จ้องหน้าจอ ให้พักสายตา 20 วินาที โดยมองไปที่วัตถุที่อยู่ห่างออกไป 20 ฟุต (ประมาณ 6 เมตร)
กระพริบตาบ่อยๆ: การกระพริบตาช่วยให้น้ำตากระจายทั่วดวงตา
ใช้ผลิตภัณฑ์น้ำตาเทียม: เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและลดอาการระคายเคือง
ลดการใช้คอนแทคเลนส์: หากใส่เป็นประจำ ควรพักการใช้งานบ้าง

จอประสาทตาเสื่อม และ ตาแห้ง เป็นปัญหาที่ป้องกันได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตและการดูแลสุขภาพตาอย่างสม่ำเสมอ หากคุณมีอาการน่าสงสัย ควรรีบปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกต้อง เพราะการดูแลดวงตาตั้งแต่วันนี้ จะช่วยให้คุณมีสายตาที่ดีไปอีกนาน



22
ก๊อกอ่างล้างหน้า เป็นมากกว่าอุปกรณ์สำหรับเปิด-ปิดน้ำ แต่ยังเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยเสริมให้ห้องน้ำของคุณดูสวยงามและใช้งานได้สะดวกสบาย ในตลาดปัจจุบันมีก๊อกให้เลือกหลายประเภท หลายดีไซน์ และหลายวัสดุ ซึ่งแต่ละแบบก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป การเลือกก๊อกน้ำที่เหมาะสมจึงต้องพิจารณาหลายปัจจัย เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานและสไตล์การตกแต่ง

ประเภทของก๊อกอ่างล้างหน้า
การทำความเข้าใจประเภทของก๊อกน้ำจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าแบบไหนที่เหมาะกับห้องน้ำของคุณ
ก๊อกเดี่ยว (Single-Hole Faucet): เป็นก๊อกน้ำที่มีก้านโยกหรือที่จับเพียงอันเดียวสำหรับควบคุมทั้งน้ำร้อนและน้ำเย็นในตัว เป็นที่นิยมเนื่องจากติดตั้งง่ายและมีดีไซน์ที่ทันสมัย
ก๊อกแบบมีมือจับสองข้าง (Centerset Faucet): ก๊อกประเภทนี้จะมีมือจับสองข้างสำหรับน้ำร้อนและน้ำเย็นแยกกัน โดยมีระยะห่างระหว่างมือจับที่พอดีกับรูมาตรฐานของอ่างล้างหน้า
ก๊อกแบบติดผนัง (Wall-Mounted Faucet): เหมาะสำหรับห้องน้ำสไตล์โมเดิร์นที่ต้องการความเรียบง่ายและดูโล่งตา ติดตั้งบนผนังเหนืออ่างล้างหน้า ทำให้ทำความสะอาดง่ายและช่วยประหยัดพื้นที่บนเคาน์เตอร์
ก๊อกแบบท่อสปา (Spout Faucet): ก๊อกประเภทนี้จะเน้นดีไซน์ที่สวยงามและแปลกตา มักจะปล่อยน้ำออกมาในรูปแบบที่แตกต่างกัน เช่น น้ำตก หรือสายน้ำที่โค้งมน เพื่อสร้างความรู้สึกผ่อนคลาย



วัสดุยอดนิยมสำหรับก๊อกอ่างล้างหน้า
นอกจากดีไซน์แล้ว ยังเป็นอุปกรณ์ห้องน้ำสำคัญที่ต้องมีความทนทานและความสวยงาม
ทองเหลือง: เป็นวัสดุยอดนิยมที่สุด มีความแข็งแรงทนทานสูง ทนต่อการกัดกร่อนได้ดี และสามารถเคลือบผิวได้หลากหลายสี เช่น โครเมียม, นิกเกิล หรือสีดำด้าน
สเตนเลสสตีล: มีความทนทานสูง ไม่เป็นสนิม ทำความสะอาดง่าย และให้ความรู้สึกทันสมัย
ซิงค์อัลลอย: เป็นวัสดุที่น้ำหนักเบาและราคาไม่แพง แต่ความทนทานอาจน้อยกว่าทองเหลืองและสเตนเลสสตีล

เคล็ดลับในการเลือกก๊อกอ่างล้างหน้า
ขนาดและรูของอ่าง: ตรวจสอบขนาดและจำนวนรูบนอ่างล้างหน้าของคุณก่อนซื้อ เพื่อให้แน่ใจว่าก๊อกน้ำที่คุณเลือกสามารถติดตั้งได้อย่างพอดี
สไตล์การตกแต่ง: เลือกก๊อกน้ำที่มีดีไซน์เข้ากันกับสไตล์การตกแต่งโดยรวมของห้องน้ำ เช่น หากห้องน้ำเป็นสไตล์ลอฟท์ ก๊อกน้ำสีดำด้านอาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม
คุณภาพและมาตรฐาน: เลือกซื้อก๊อกน้ำจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือและมีมาตรฐานการผลิต เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพและอายุการใช้งานที่ยาวนาน
การประหยัดน้ำ: พิจารณาก๊อกน้ำที่มีเทคโนโลยีช่วยประหยัดน้ำ เพื่อลดปริมาณการใช้น้ำในแต่ละครั้ง

การเลือกก๊อกอ่างล้างหน้าไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอย่างที่คิด เพียงแค่ทำความเข้าใจคุณสมบัติของแต่ละประเภท และพิจารณาจากความต้องการใช้งานจริง ก็จะได้ก๊อกน้ำที่สวยงาม ทนทาน และใช้งานได้ยาวนานอย่างแน่นอน



23
หลายคนอาจมองว่าเรื่อง “วางแผนเกษียณ” เป็นเรื่องไกลตัว และมักจะผลัดวันประกันพรุ่งอยู่เสมอ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การเริ่มต้นวางแผนตั้งแต่วันนี้ ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ จะช่วยให้คุณมีชีวิตบั้นปลายที่มั่นคงและมีความสุขได้อย่างแท้จริง บทความนี้จะชวนคุณมาทำความเข้าใจว่าทำไมการวางแผนเกษียณถึงสำคัญ และมีขั้นตอนอย่างไรบ้างที่คุณสามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที

การวางแผนเกษียณไม่ใช่แค่เรื่องการเก็บเงิน แต่เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับช่วงชีวิตที่รายได้หลักจากการทำงานจะลดลงหรือหายไปเลย
สร้างความมั่นคงทางการเงิน: เพื่อให้คุณมีเงินใช้จ่ายในชีวิตประจำวันอย่างไม่ติดขัด โดยไม่ต้องพึ่งพาลูกหลาน
ใช้ชีวิตตามที่ฝันไว้: ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวรอบโลก การทำกิจกรรมที่ชอบ หรือใช้เวลาอยู่กับครอบครัวอย่างเต็มที่
รับมือกับค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด: เช่น ค่ารักษาพยาบาลที่อาจสูงขึ้นตามอายุ



การวางแผนเกษียณมีหลายวิธี ไม่มีสูตรตายตัว แต่คุณสามารถเริ่มต้นได้จาก 4 ขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้
1. ตั้งเป้าหมาย: อยากมีเงินใช้จ่ายเท่าไหร่ตอนเกษียณ
ขั้นแรกคือการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน ลองคำนวณดูว่าหลังเกษียณคุณอยากใช้เงินเดือนละเท่าไหร่ หากต้องการใช้ชีวิตแบบเดิม อาจลองประเมินจากค่าใช้จ่ายปัจจุบัน แล้วบวกเพิ่มด้วยอัตราเงินเฟ้อที่คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า เช่น หากปัจจุบันมีค่าใช้จ่ายเดือนละ 20,000 บาท และวางแผนเกษียณในอีก 30 ปีข้างหน้า เงินจำนวนนี้อาจมีมูลค่าเทียบเท่ากับ 50,000 บาทต่อเดือนในอนาคต

2. คำนวณเงินออมที่ต้องมี
เมื่อรู้เป้าหมายแล้ว ก็ถึงเวลาคำนวณว่าคุณต้องมีเงินเก็บก้อนใหญ่เท่าไหร่จึงจะเพียงพอ โดยทั่วไปจะใช้หลักการคำนวณแบบย้อนกลับ เช่น ถ้าอยากมีเงินใช้เดือนละ 50,000 บาท และคาดว่าจะใช้ชีวิตหลังเกษียณไปอีก 20 ปี คุณอาจต้องมีเงินเก็บอย่างน้อย 12 ล้านบาท (50,000 บาท x 12 เดือน x 20 ปี) ซึ่งตัวเลขนี้จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมและคำนวณได้ว่าในแต่ละเดือนคุณควรจะออมเงินเท่าไหร่

3. วางแผนการออมและการลงทุน
การออมเงินอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะสู้กับเงินเฟ้อได้ การลงทุนจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เงินของคุณงอกเงย ลองพิจารณาทางเลือกเหล่านี้:
กองทุนรวม: มีให้เลือกหลากหลายประเภท ตั้งแต่ความเสี่ยงต่ำไปจนถึงความเสี่ยงสูง
หุ้น: เป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน
อสังหาริมทรัพย์: หากมีเงินทุนมากพอ การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อปล่อยเช่าก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ
ประกันชีวิตและบำนาญ: เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณมีเงินใช้จ่ายหลังเกษียณอย่างสม่ำเสมอ

4. ทบทวนแผนอย่างสม่ำเสมอ
สถานการณ์การเงินและเป้าหมายในชีวิตของคุณอาจเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ดังนั้นควรทบทวนแผนเกษียณของคุณอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อปรับปรุงและปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันอยู่เสมอ

เริ่มต้นวางแผนเกษียณตั้งแต่วันนี้
ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ การเริ่มต้นวางแผนเกษียณตั้งแต่วันนี้คือสิ่งที่ดีที่สุด หากคุณอายุยังน้อย มีเวลาให้เงินของคุณงอกเงยอย่างเต็มที่ และหากเริ่มช้าไปบ้าง ก็ไม่ได้หมายความว่าสายเกินไปยังสามารถเริ่มวางแผนได้เลย เพียงแค่ต้องเพิ่มจำนวนเงินออมหรือลงทุนให้มากขึ้น

การวางแผนเกษียณอาจดูเป็นเรื่องซับซ้อน แต่หากเริ่มต้นจากขั้นตอนง่ายๆ ทีละน้อยจะสามารถสร้างความมั่นคงทางการเงินและใช้ชีวิตหลังเกษียณได้อย่างไร้กังวลประกันชีวิตผู้สูงอายุ 80 ปีขึ้นไป


24
ตาเหลืองเป็นอาการที่หลายคนอาจสงสัยว่าเกิดจากอะไร และเป็นสัญญาณเตือนของโรคใดบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของ ตับอักเสบ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของอาการตาเหลือง การเข้าใจสาเหตุและอาการของโรคนี้จะช่วยให้เรารับมือและป้องกันได้อย่างถูกวิธี

ตาเหลืองเกิดจากอะไร
อาการตาเหลืองหรือที่เรียกว่าภาวะดีซ่าน (Jaundice) เกิดจากการสะสมของสารบิลิรูบิน (bilirubin) ซึ่งเป็นผลมาจากการทำงานผิดปกติของตับ ทำให้สารนี้ไม่สามารถถูกขจัดออกจากร่างกายได้อย่างปกติ ส่งผลให้ผิวหนังและตาขาวกลายเป็นสีเหลือง



สาเหตุของตาเหลืองและโรคตับอักเสบ
    ตับอักเสบ (Hepatitis)
    เป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบของเนื้อตับ ซึ่งสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยเฉพาะไวรัสตับอักเสบชนิดต่าง ๆ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคนี้
    ไวรัสตับอักเสบ (Hepatitis Virus)
    เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของตับอักเสบและภาวะดีซ่าน โดยมีหลายชนิด เช่น
    ไวรัสตับอักเสบเอ (HAV)
    ไวรัสตับอักเสบบี (HBV)
    ไวรัสตับอักเสบซี (HCV)
    ไวรัสตับอักเสบดี (HDV)
    ไวรัสตับอักเสบเอฟ (HEV)

ไวรัสเหล่านี้สามารถแพร่กระจายผ่านทางอาหาร น้ำดื่ม การสัมผัสเลือด หรือสารคัดหลั่ง รวมถึงการมีเพศสัมพันธ์ โรคตับอื่น ๆ
    - เช่น ตับแข็ง ตับวาย หรือความผิดปกติของทางเดินน้ำดี ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะดีซ่านเช่นกัน
    - ภาวะแทรกซ้อนจากโรคอื่น ๆ
    เช่น โรคโลหิตจาง โรคตับอ่อนอักเสบ หรือภาวะที่มีการทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดงอย่างรุนแรง

อาการของตาเหลืองและตับอักเสบ
    ๐ ตาขาวและผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีเหลือง
    ๐ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้
    ๐ ปวดท้องบริเวณตับ
    ๐ มีกลิ่นตัวผิดปกติ
    ๐ ปัสสาวะสีเข้มและอุจจาระสีอ่อน

วิธีป้องกันและดูแลตัวเอง
    รักษาความสะอาดและสุขอนามัย ส่วนใหญ่ของไวรัสตับอักเสบสามารถป้องกันได้ด้วยการล้างมืออย่างถูกวิธี
    หลีกเลี่ยงการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน และการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน
    รับวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีและเอ (สำหรับบางชนิด)
    ตรวจสุขภาพเป็นประจำ และรีบพบแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติ

ตาเหลืองเกิดจากหลายสาเหตุ แต่สาเหตุที่พบบ่อยและรุนแรงที่สุดคือ ไวรัสตับอักเสบ ซึ่งเป็นโรคที่ควรได้รับความสนใจเป็นพิเศษ หากปล่อยไว้ไม่รักษา อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ตับวายหรือมะเร็งตับได้ การรู้จักสาเหตุและอาการของตับอักเสบ รวมถึงการป้องกันอย่างถูกวิธี จะช่วยให้ดูแลสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ

25
หัวใจกระตุกเกิดจากอะไร เป็นอาการที่หลายคนอาจเคยประสบ ซึ่งทำให้รู้สึกกลัวและกังวลเกี่ยวกับสุขภาพหัวใจของตนเอง แต่จริง ๆ แล้ว หัวใจกระตุกสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ และบางกรณีก็เป็นอาการของโรคหัวใจที่รุนแรง วันนี้เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุและวิธีป้องกันอาการหัวใจกระตุก

1. ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Arrhythmia)
เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดของหัวใจกระตุก ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของการนำไฟฟ้าในหัวใจ ทำให้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะปกติ เช่น หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ หัวใจเต้นช้าผิดปกติ หรือหัวใจเต้นแบบไม่สม่ำเสมอ ซึ่งอาการนี้อาจทำให้เกิดความรู้สึกหัวใจกระตุกหรือ "สวนหัวใจ" ขึ้นมาได้

2. ความเครียดและความวิตกกังวล
ความเครียดสะสมหรือความวิตกกังวลเป็นปัจจัยที่ทำให้ระบบประสาทอัตโนมัติทำงานผิดปกติ ส่งผลให้หัวใจเต้นเร็วหรือไม่สม่ำเสมอ จนเกิดอาการหัวใจกระตุกและรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

3. การออกกำลังกายหนักเกินไป
การออกกำลังกายที่หักโหมหรือไม่ได้วอร์มอัปก่อนออกกำลัง อาจทำให้หัวใจทำงานหนักเกินไป จนเกิดอาการหัวใจกระตุกหรือ "สวนหัวใจ" ได้ในบางกรณี

4. การบริโภคเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน แอลกอฮอล์ หรือสารกระตุ้นอื่น ๆ
เครื่องดื่มกาแฟ น้ำอัดลม ชาเขียว รวมถึงแอลกอฮอล์และสารเสริมอารมณ์บางชนิด สามารถกระตุ้นให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นเหตุให้เกิดอาการหัวใจกระตุกและ "สวนหัวใจ" ได้



5. โรคหัวใจและเส้นเลือดหัวใจตีบ
โรคหัวใจหลายชนิด เช่น หัวใจวาย หลอดเลือดหัวใจตีบ หรือกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้หัวใจทำงานผิดปกติ ส่งผลให้เกิดหัวใจกระตุกและอาการ "สวนหัวใจ" ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

6. ภาวะผิดปกติของอิเล็กโทรไลต์ในร่างกาย
สารเกลือแร่ในร่างกาย เช่น โพแทสเซียม โซเดียม แมกนีเซียม เมื่อไม่สมดุล จะส่งผลต่อการนำไฟฟ้าของหัวใจ ทำให้เกิดหัวใจกระตุกและอาการ "สวนหัวใจ" ได้เช่นกัน

การสวนหัวใจ (Coronary Angiography) คืออะไร
การสวนหัวใจ หรือที่เรียกกันว่า Coronary Angiography เป็นกระบวนการทางการแพทย์ที่ใช้ในการตรวจสอบหลอดเลือดหัวใจว่ามีการอุดตัน หรือลดการไหลเวียนของเลือดหรือไม่ โดยการฉีดสารสีเข้าไปในหลอดเลือดหัวใจผ่านทางสายสวน (catheter) เพื่อให้แพทย์สามารถมองเห็นภาพของหลอดเลือดหัวใจบนจอภาพและวินิจฉัยโรคหัวใจได้อย่างแม่นยำ

ทำไมถึงต้องทำการสวนหัวใจ
-เพื่อวินิจฉัยโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น หลอดเลือดหัวใจตีบ หลอดเลือดหัวใจอุดตัน
-เพื่อประเมินความรุนแรงของโรคหัวใจ
-สำหรับการวางแผนการรักษา เช่น การทำบอลลูน (angioplasty) หรือการใส่ขดลวด (stent)
-เพื่อประเมินผลหลังการรักษาโรคหัวใจ

การสวนหัวใจ เป็นกระบวนการวินิจฉัยและรักษาโรคหัวใจที่สำคัญ ช่วยให้แพทย์สามารถมองเห็นภาพหลอดเลือดหัวใจและวางแผนการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากคุณมีอาการผิดปกติของหัวใจ เช่น เจ็บแน่นหน้าอก หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือเคยมีประวัติโรคหัวใจ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและตรวจวินิจฉัยอย่างถูกต้อง ตรวจสุขภาพประจำปี ราคา


26
ฝักบัวน้ำไม่แรง หรือฝักบัวที่น้ำหยดเป็นปัญหาที่หลายบ้านพบเจอ ซึ่งนอกจากจะทำให้การอาบน้ำไม่สะดวกแล้ว ยังอาจเป็นสัญญาณของปัญหาภายในระบบประปาที่ต้องได้รับการดูแลก๊อกฝักบัวอย่างถูกวิธี สาเหตุและแนวทางแก้ไขปัญหา ฝักบัวน้ำไม่แรง ฝักบัวน้ำหยด ให้หายขาด

สาเหตุของฝักบัวน้ำไม่แรง หรือน้ำหยด
    สิ่งสกปรกอุดตันในหัวฝักบัว
    เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้แรงดันน้ำลดลง เนื่องจากตะกร้ากรองน้ำในหัวฝักบัวอาจมีคราบหินปูน คราบสิ่งสกปรกสะสม ทำให้น้ำไม่สามารถไหลผ่านได้ดี

    แรงดันน้ำในบ้านต่ำ
    ถ้าระบบประปาในพื้นที่มีแรงดันต่ำ อาจส่งผลให้น้ำไหลไม่แรงเท่าที่ควร โดยเฉพาะในบ้านที่มีหลายชั้น หรือบ้านที่มีการใช้น้ำพร้อมกันจำนวนมาก

    วาล์วหรือหัวฉีดแตกหัก หรือชำรุด
    บางครั้งวาล์วหรือหัวฝักบัวอาจชำรุด เสียหาย ทำให้แรงดันน้ำลดลงหรือหยุดไหล

    ท่อประปาอุดตันหรือเสียหาย
    คราบหินปูน คราบสนิม หรือเศษวัสดุอาจอุดตันในท่อ ทำให้น้ำไหลผ่านได้น้อยลง

    แรงดันน้ำลดลงในช่วงเวลานั้นๆ
    อาจเป็นเพราะการซ่อมแซม ระบบประปาในพื้นที่ หรือเหตุการณ์ฉุกเฉิน



วิธีแก้ไขปัญหาฝักบัวน้ำไม่แรง หรือน้ำหยด
    ทำความสะอาดหัวฝักบัวเป็นประจำ
    นำหัวฝักบัวออกมาแช่ในน้ำส้มสายชูประมาณ 1-2 ชั่วโมง เพื่อช่วยละลายคราบหินปูนและสิ่งสกปรก จากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาดแล้วติดตั้งกลับ

    ตรวจสอบและปรับแรงดันน้ำในบ้าน
    หากแรงดันน้ำต่ำ อาจต้องติดตั้งปั๊มน้ำเสริม หรือปรับวาล์วให้เปิดเต็มที่

    เปลี่ยนหัวฝักบัวใหม่
    ถ้าหัวฝักบัวชำรุดหรือเสียหาย ควรเปลี่ยนเป็นหัวใหม่ เพื่อให้ได้แรงดันน้ำเต็มที่

    ตรวจสอบท่อและวาล์วฝักบัว
    หากพบว่ามีการอุดตันหรือรอยรั่ว ควรเรียกช่างมาทำความสะอาดหรือซ่อมแซมท่อให้เรียบร้อย

    ติดตั้งเครื่องกรองน้ำหรือแรงดันน้ำเพิ่มเติม
    สำหรับพื้นที่ที่มีปัญหาแรงดันน้ำต่ำเป็นประจำ อาจพิจารณาติดตั้งเครื่องช่วยเพิ่มแรงดันน้ำ

คำแนะนำเพิ่มเติมเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต
    ทำความสะอาดหัวฝักบัวอย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง
    ตรวจสอบระบบประปาและอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอ
    ใช้หัวฝักบัวคุณภาพดีและเหมาะสมกับแรงดันน้ำในบ้าน
    ติดตั้งเครื่องกรองน้ำเพื่อป้องกันคราบหินปูนและสิ่งสกปรก

ปัญหา ฝักบัวอาบน้ำไม่แรง หรือ ฝักบัวน้ำหยด เป็นเรื่องที่สามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ หากรู้สาเหตุและดำเนินการตามคำแนะนำที่ได้เสนอไป หมั่นตรวจเช็คและบำรุงรักษาระบบประปาอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยให้อาบน้ำอย่างสะดวกสบาย พร้อมแรงดันน้ำเต็มที่ในทุกวัน

27
ในยุคที่ภาระภาษีมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น การวางแผนภาษีอย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้มีรายได้ทุกระดับ หนึ่งในทางเลือกที่ได้รับความนิยมและตอบโจทย์มากที่สุดคือ ประกันลดหย่อนภาษี และ ประกันควบการลงทุน ที่สามารถช่วยลดภาระภาษี และสร้างผลตอบแทนในระยะยาวได้อย่างมั่นคง

ทำความรู้จักกับประกันลดหย่อนภาษี
ประกันลดหย่อนภาษีเป็นผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ตามกฎหมาย โดยทั่วไปแล้ว จะเป็นประกันชีวิตแบบบำนาญหรือแบบสะสมทรัพย์ ที่ผู้ซื้อสามารถนำเบี้ยประกันไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุดตามที่กำหนด เช่น ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี ซึ่งเป็นหนึ่งในช่องทางลดหย่อนภาษีที่ง่ายและได้รับความนิยมอย่างมาก



ประกันควบการลงทุนคืออะไร
ประกันควบการลงทุน หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ประกันชีวิตแบบยูนิตลิงก์ (Unit-Linked Insurance) เป็นผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ผสมผสานการประกันภัยและการลงทุนไว้ในแผ่นเดียวกัน โดยผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนในกองทุนต่าง ๆ ได้ตามความเสี่ยงและเป้าหมายทางการเงินของตนเอง ซึ่งนอกจากจะได้รับความคุ้มครองชีวิตแล้ว ยังสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากการลงทุนในระยะยาวได้อีกด้วย

ข้อดีของประกันลดหย่อนภาษีและประกันควบการลงทุน
    ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด: ช่วยลดภาระภาษีในแต่ละปี ทำให้มีเงินเหลือใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้น
    สร้างความมั่นคงทางการเงิน: ประกันควบการลงทุนช่วยสร้างผลตอบแทนในระยะยาว เหมาะสำหรับการวางแผนเกษียณหรือการออมระยะยาว
    ความคุ้มครองชีวิต: นอกจากการลงทุนแล้ว ยังได้รับความคุ้มครองจากเหตุการณ์ไม่คาดคิด
    ความยืดหยุ่นในการลงทุน: สามารถเลือกกองทุนและปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนได้ตามความต้องการ

คำแนะนำในการเลือกซื้อประกันลดหย่อนภาษีและประกันควบการลงทุน
    ศึกษารายละเอียดผลิตภัณฑ์: ทำความเข้าใจในเงื่อนไข ข้อดี-ข้อเสีย รวมถึงค่าธรรมเนียมต่าง ๆ
    วางแผนการเงินให้สอดคล้องกัน: เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับเป้าหมายและความสามารถในการชำระเบี้ย
    เปรียบเทียบข้อเสนอจากหลายบริษัท: เพื่อให้ได้เงื่อนไขและผลตอบแทนที่ดีที่สุด
    พิจารณาระยะเวลาการลงทุน: เลือกแผนที่เหมาะสมกับเป้าหมายระยะยาวหรือระยะสั้นของคุณ


ประกันลดหย่อนภาษี และ ประกันควบการลงทุน เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการวางแผนภาษีและสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว ผลประโยชน์ทั้งด้านลดหย่อนภาษีและการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน ทำให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่คุ้มค่าที่สุดในยุคปัจจุบัน ควรศึกษาข้อมูลและวางแผนอย่างรอบคอบ เพื่อให้การลงทุนของคุณเกิดประโยชน์สูงสุด


28
อาการปวดท้องน้อยด้านขวาเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในผู้หญิง ซึ่งอาจมีสาเหตุจากหลายโรคหรือภาวะทางสุขภาพ เช่น ปัญหาเกี่ยวกับปวดท้องน้อยด้านขวา มดลูก หรือโรคลำไส้แปรปรวน (IBS) ซึ่งทั้งสองโรคนี้อาจมีอาการคล้ายคลึงกัน ทำให้การวินิจฉัยเป็นเรื่องที่ซับซ้อน บทความนี้จะช่วยให้เข้าใจความแตกต่างและวิธีดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง

สาเหตุของอาการปวดท้องน้อยด้านขวา: มดลูก กับ ลำไส้แปรปรวน
อาการปวดท้องน้อยด้านขวาเกี่ยวกับมดลูก

    เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis)
    ทำให้เกิดอาการปวดรุนแรงบริเวณท้องน้อยโดยเฉพาะในช่วงรอบเดือน

    ถุงน้ำในรังไข่ (Ovarian cysts)
    ถุงน้ำที่เกิดขึ้นบนรังไข่สามารถทำให้เกิดอาการปวดและแน่นท้องด้านขวา

    ภาวะเยื่อบุมดลูกอักเสบ (Pelvic Inflammatory Disease - PID)
    การติดเชื้อที่อุ้งเชิงกรานอาจทำให้ปวดท้องและมีไข้ร่วมด้วย



อาการปวดท้องน้อยด้านขวาเกี่ยวกับลำไส้แปรปรวน (IBS)
    ลำไส้แปรปรวน (Irritable Bowel Syndrome - IBS)
    เป็นภาวะที่ทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องผูก ท้องเสีย หรือทั้งสองอย่างสลับกัน โดยมักจะเป็น ๆ หาย ๆ และอาจมีลักษณะเป็นๆ ไปตามอารมณ์หรืออาหารที่รับประทาน

เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์
    อาการปวดรุนแรงและต่อเนื่อง
    มีไข้ร่วมกับอาการปวด
    มีเลือดออกผิดปกติ
    อาการท้องเสียหรือต้องถ่ายอุจจาระบ่อยผิดปกติ
    ปวดร่วมกับอาการคลื่นไส้ อาเจียน

วิธีดูแลตัวเองและป้องกัน
    รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูงและสมดุล
    ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
    หลีกเลี่ยงความเครียดและพฤติกรรมที่ทำให้อาการแย่ลง
    เข้ารับตรวจสุขภาพเป็นประจำและปรึกษาแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติ

อาการปวดท้องน้อยด้านขวาอาจเกิดจากทั้งปัญหาเกี่ยวกับมดลูกและโรคลำไส้แปรปรวน ซึ่งอาการทั้งสองโรคนี้อาจมีลักษณะคล้ายคลึงกัน แต่การวินิจฉัยอย่างถูกต้องและการดูแลรักษาที่เหมาะสม (ผ่าตัดมดลูก) จะช่วยให้คุณหายจากอาการและสุขภาพดีขึ้นได้

29
ทำไมประกันชีวิตถึงเป็นทางเลือกยอดนิยมในการลดหย่อนภาษี
ประกันชีวิตไม่ใช่แค่การสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัวเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยลดหย่อนภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย ในยุคที่ค่าครองชีพและภาษีเพิ่มขึ้น การวางแผนภาษีด้วยประกันลดหย่อนภาษีจึงเป็นทางเลือกที่ฉลาดและคุ้มค่ามากที่สุดสำหรับคนที่ต้องการประหยัดภาษีและสร้างความมั่นคงในอนาคต
ประกันชีวิต ลดหย่อนภาษี ได้สูงสุดเท่าไหร่?



ตามกฎหมายภาษีของประเทศไทย ผู้เสียภาษีสามารถนำเบี้ยประกันชีวิตมาใช้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี นอกจากนี้ ยังสามารถนำเบี้ยประกันสุขภาพและประกันสุขภาพกลุ่มมารวมลดหย่อนภาษีได้อีกเช่นกัน แต่ควรตรวจสอบเงื่อนไขและประเภทของประกันให้ละเอียดก่อนซื้อ

ประโยชน์ของการทำประกันชีวิตเพื่อการลดหย่อนภาษี

    ลดภาระภาษี: ช่วยลดจำนวนภาษีที่ต้องชำระในแต่ละปี
    สร้างความมั่นคงทางการเงิน: ให้ความคุ้มครองและสร้างเงินออมในระยะยาว
    วางแผนเกษียณ: เป็นเครื่องมือสำหรับการออมเพื่ออนาคต
    สิทธิประโยชน์ทางภาษี: สามารถนำไปใช้เป็นค่าลดหย่อนภาษีตามกฎหมาย

วิธีเลือกประกันชีวิตที่เหมาะสมเพื่อการลดหย่อนภาษี

    เลือกแผนประกันที่คุ้มค่า: คำนวณเบี้ยประกันและความคุ้มครองว่าคุ้มค่ากับงบประมาณ
    ตรวจสอบเงื่อนไขการลดหย่อนภาษี: ต้องแน่ใจว่าสามารถนำเบี้ยประกันมาหักลดหย่อนภาษีได้
    เลือกบริษัทที่เชื่อถือได้: ควรเลือกบริษัทประกันที่มีความน่าเชื่อถือและมีประวัติด้านการบริการดี
    เปรียบเทียบโปรโมชั่นและสิทธิประโยชน์: คุ้มค่าที่สุดในเรื่องของเบี้ยประกันและผลประโยชน์

การทำประกันชีวิตไม่เพียงแต่ช่วยสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัวเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ดีในการวางแผนภาษีให้คุ้มค่า ด้วยเบี้ยประกันชีวิตที่สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 100,000 บาทต่อปี จึงเป็นทางเลือกที่คนทำงานและเจ้าของธุรกิจไม่ควรมองข้าม ประกันออนไลน์

30
เมื่อเทรนด์แฟชั่นกลายเป็นการแสดงออกของความเป็นตัวเองและความหลากหลาย ทุกชุดที่คุณสวมใส่สามารถบอกเล่าเรื่องราวและอารมณ์ได้อย่างชัดเจน
ปี 2025 เป็นปีที่แฟชั่นมีความหลากหลายมากขึ้น โดยเน้นทั้งความเป็นตัวเอง ความสบาย และความยั่งยืน นี่คือสไตล์ที่มาแรงในปีนี้ เลือก shopping หามาประดับกายได้เลย

1. Coquette & Romantic Feminine
สไตล์หวานละมุนที่มีกลิ่นอายวินเทจและโรแมนติก เดรสลูกไม้ แขนพอง ลายดอกไม้ เสื้อคอระบาย กระโปรงพลีท
โทนสีพาสเทล ขาว ครีม และชมพูบับเบิลกัม

2. Grunge Revival & Dark Aesthetic
กลิ่นอายยุค 90s ที่มีความเท่และดิบเล็กๆ เสื้อเชิ้ตลายสก็อต โค้ทหนัง กางเกงคาร์โก้ เสื้อยืดวงดนตรี สเวตเตอร์โอเวอร์ไซส์
โทนสีดำ เทาเข้ม น้ำตาล และสีไวน์แดง



3. Futuristic & Cybercore
ลุคที่ดูโมเดิร์นและล้ำยุค แบบ Y2K ผสม Techwear เสื้อผ้าเมทัลลิก สีเงิน-โครมสะท้อนแสง กางเกงทรงสปอร์ต แจ็คเก็ตเทคโนโลยี
โทนสีเงิน ดำ น้ำเงินไฟฟ้า และม่วงนีออน

4. Sustainable clothes Minimalism
สไตล์มินิมอลที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและสวมใส่ได้นาน เสื้อผ้าทรงเรียบง่าย ผ้าฝ้าย ลินิน หรือเส้นใยรีไซเคิล โทนสีเอิร์ธโทน เช่น ขาว ครีม น้ำตาล เขียวมะกอก
เสื้อเบลเซอร์โอเวอร์ไซส์ กางเกงขาตรง และรองเท้าหนังมินิมอล

5. Dopamine Dressing & Bold Colors
เทรนด์ที่เน้นความสนุกและสีสันสดใส เสื้อผ้าสีสดใส เช่น ส้มแมนดาริน เหลืองเลมอน ฟ้าคราม เสื้อครอป กางเกงพาราชูต เดรสสีสันสดใส
เน้นความกล้าหาญในการมิกซ์สี

6. Sporty Chic & Athleisure
สไตล์สปอร์ตผสมความแคชชวล ใส่สบายและดูดี เสื้อครอป บรา สปอร์ตเลกกิ้ง แจ็คเก็ตบอมเบอร์ รองเท้าสนีกเกอร์
โทนสีดำ เทา ขาว หรือสีพาสเทลสไตล์สปอร์ต

ปี 2025 เป็นปีที่เต็มไปด้วยแฟชั่นหลากหลายแนว ไม่ว่าจะชอบลุคหวาน เท่ ล้ำอนาคต หรือมินิมอล ก็สามารถเลือกสไตล์ที่เป็นตัวเองได้ หากกำลังมองหาสถานที่ชอปปิ้ง clothing store ที่สามารถเติมเต็มทุกความต้องการด้านแฟชั่นและราคาสุดคุ้ม



31
เมื่อสุขภัณฑ์ส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้ไม่มีความสุขในการขับถ่าย บทความนี้จึงจะมาแนะนำ วิธีแก้ ชักโครกมีกลิ่นเหม็น วิธีดับกลิ่นชักโครกฉบับง่ายๆ ทำตามได้ที่บ้าน
เมื่อ ‘สุขา’ ไม่ใช่สถานที่แห่งความสุขอีกต่อไป เนื่องมาจากสาเหตุ ‘ห้องน้ำมีกลิ่นเหม็น’ เรียกได้ว่าเข้าห้องน้ำเมื่อไร ต้องกลั้นหายใจเมื่อนั้น แม้จะเป็นปัญหาที่ดูเล็กน้อย แต่ก็สร้างความรำคาญใจได้พอสมควร ถึงอย่างไรก็ตามปัญหาห้องน้ำมีกลิ่นเหม็นสามารถแก้ไขได้ และหนึ่งในวิธีที่ได้ผลที่สุดก็คือการลดกลิ่นเหม็นที่ชักโครก ซึ่งถือเป็นจุดที่ส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์มากที่สุด ติดตามวิธีดับกลิ่นชักโครกฉบับง่าย ที่ไม่ว่าใครก็สามารถทำตามที่บ้านได้



ทำไมชักโครกจึงมีกลิ่นเหม็นมากกว่าบริเวณอื่น?
    ปัญหาแรกของการเกิดกลิ่นเหม็นบริเวณชักโครก อาจเริ่มมาจากจุดที่หลายคนมองข้ามคือเรื่องของการติดตั้ง การติดตั้งที่ไม่ถูกวิธี ไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดกลิ่นย้อนในระหว่างการใช้งานได้ หรืออาจมีการรั่วซึมในจุดที่ยาแนวเสื่อมสภาพ ดังนั้นก่อนติดตั้งสุขภัณฑ์ภายในครัวเรือน จึงควรเลือกช่างฝีมือที่ไว้ใจได้ หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนทุกครั้ง เพื่อลดปัญหาตั้งแต่แรกเริ่ม
    ชักโครกเป็นจุดที่เปียกชื้นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งสภาพแวดล้อมเช่นนี้ทำให้แบคทีเรียและจุลินทรีย์ต่าง ๆ เติบโตได้ดีเป็นพิเศษ ดังนั้น หากไม่ได้ทำความสะอาดเป็นเวลานาน ก็ย่อมส่งกลิ่นเหม็นออกมา
    เนื่องจากแบคทีเรียและเชื้อโรค มักมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ทำให้อาจไม่รู้ว่าร่างกายของมนุษย์เรามีแบคทีเรียเกาะอยู่มากมายแค่ไหน และเมื่อเราไปสัมผัสกับชักโครกบ่อยครั้ง แบคทีเรียก็ย่อมเกาะติดกับชักโครกไปด้วย
    นอกจากแบคทีเรียจากร่างกายของเราแล้ว ของเสียที่เราขับถ่ายลงไปในชักโครกก็มีแบคทีเรียและจุลินทรีย์ปนเปื้อนอยู่มากเช่นกัน จึงทำให้เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการที่ชักโครกส่งกลิ่นเหม็นออกมา ฝารองนั่งชักโครก ผู้สูงอายุ

 
วิธีดับกลิ่นชักโครกด้วยการลดการสะสมของแบคทีเรีย
เมื่อได้ทราบแล้วว่าเจ้าแบคทีเรียตัวร้ายคือสาเหตุที่ทำให้ชักโครกมีกลิ่นเหม็น ดังนั้น วิธีกำจัดกลิ่นเหม็นในห้องน้ำที่ตรงจุดก็คือ การลดการสะสมของแบคทีเรียที่ชักโครก ซึ่งอาจฟังดูยาก แต่จริง ๆ แล้วเป็นวิธีดับกลิ่นชักโครกที่เรียบง่าย และทุกคนสามารถทำตามได้ด้วยตัวเองที่บ้าน ดังต่อไปนี้

* ทุกครั้งที่เลือกซื้อน้ำยาทำความสะอาดห้องน้ำและโถสุขภัณฑ์ ควรเลือกชนิดที่มีการรับรองประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย แต่ไม่ควรใช้น้ำยาที่แรงจนเกินไป หรือมีฤทธิ์ในการกัดกร่อนเซรามิก เพราะหากใช้น้ำยาที่แรงจนเกินไป อาจทำให้โถสุขภัณฑ์ของคุณเสื่อมสภาพเร็ว พื้นผิวเซรามิกสึกกร่อน เป็นเหตุให้สิ่งสกปรกเกาะติดบนโถชักโครกได้ง่ายยิ่งขึ้น

* อีกหนึ่งวิธีดับกลิ่นชักโครกแสนง่ายที่หลายคนอาจยังไม่รู้ก็คือ ทุกครั้งที่กดน้ำเพื่อชำระล้างของเสีย ควรปิดฝาชักโครกลงเพื่อลดการฟุ้งกระจายของแบคทีเรีย

* หากต้องการแก้ปัญหาลดกลิ่นเหม็นในห้องน้ำให้มีประสิทธิภาพ ในปัจจุบันมีชักโครกที่มีเทคโนโลยีช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียจำหน่ายในท้องตลาด ดังนั้น สำหรับคนที่กำลังวางแผนซื้อชักโครกใหม่ ก็ควรเลือกชักโครกที่มีคุณสมบัติดังกล่าว เพื่อช่วยลดปัญหากลิ่นสุขภัณฑ์ในอนาคต

* และเลือกโถสุขภัณฑ์อัจฉริยะหรือฝารองนั่งอัตโนมัติ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีช่วยลดเชื้อแบคทีเรีย แบบห้องน้ำ

32
ในยุคที่การวางแผนทางการเงินเป็นสิ่งสำคัญสำหรับอนาคตที่มั่นคง การเลือกใช้ ประกันเพื่อการออมเงิน โดยเฉพาะสะสมทรัพย์จึงเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะนอกจากจะช่วยสร้างวินัยในการออมแล้ว ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณสามารถ ออมอย่างมีระบบ และ สร้างอนาคตอย่างมั่นคง ได้อย่างมั่นใจ

ทำความรู้จักกับประกันเพื่อการออมเงิน สะสมทรัพย์
ประกันสะสมทรัพย์เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ผสมผสานระหว่างความคุ้มครองชีวิตและการออมเงินในรูปแบบเดียวกัน โดยคุณจะชำระเบี้ยเป็นระยะเวลาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เมื่อครบกำหนดสัญญา คุณจะได้รับเงินคืนพร้อมผลตอบแทนที่แน่นอน ช่วยให้การวางแผนการเงินของคุณเป็นระบบและมีเป้าหมายชัดเจน



ข้อดีของการออมด้วยประกันสะสมทรัพย์
สร้างวินัยในการออม
การชำระเบี้ยเป็นประจำทุกงวดส่งเสริมให้คุณมีวินัยในการออมเงินอย่างต่อเนื่อง

ผลตอบแทนที่แน่นอน
เมื่อครบระยะเวลาสัญญา คุณจะได้รับเงินคืนพร้อมดอกเบี้ยตามอัตราที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ทำให้วางแผนอนาคตได้ง่ายขึ้น

ความคุ้มครองชีวิต
นอกจากการออมเงินแล้ว ยังได้รับความคุ้มครองในกรณีเสียชีวิต เพิ่มความมั่นใจให้กับครอบครัว

เป็นหลักประกันทางการเงินในอนาคต
เงินสะสมจากประกันสามารถนำไปใช้เป็นทุนสำรองฉุกเฉิน หรือนำไปต่อยอดทางการเงินในอนาคต

การออมอย่างมีระบบด้วยประกันสะสมทรัพย์
เพื่อให้การออมของคุณมีประสิทธิภาพสูงสุด ควรพิจารณาเลือกแผนประกันที่ตรงกับเป้าหมาย เช่น
- ระยะเวลาการออมที่เหมาะสมกับเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาว
- ผลตอบแทนที่คุ้มค่าและสอดคล้องกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
- เงื่อนไขการรับเงินคืนและความคุ้มครองชีวิตที่ชัดเจน

การวางแผนการออมอย่างมีระบบด้วยประกันสะสมทรัพย์ ช่วยให้คุณสามารถสร้างความมั่นคงทางการเงินได้ในระยะยาว และเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตที่ไม่แน่นอนซื้อประกันออนไลน์


33
ความเหนื่อยล้าจากการทำงานในแต่ละวันนั้น ส่งผลให้ร่างกายต้องการการพักผ่อนอย่างเต็มที่ นอกจากการเอนกายนอนบนเตียงนอนนุ่ม ๆ แล้ว หากได้นอนแช่น้ำใน อ่างอาบน้ำ คงขจัดความอ่อนล้าและเมื่อยล้า ได้มากขึ้นเป็นเท่าตัว แต่การเลือกซื้ออ่างอาบน้ำอาจเป็นเรื่องใหม่สำหรับใครหลายคน จึงหาวิธีการเลือกอ่างอาบน้ำให้เหมาะกับความต้องการ



รูปแบบของอ่างอาบน้ำ
1. อ่างอาบน้ำแบบตั้งพื้นหรือ อ่างอาบน้ำแบบลอย
นิยมใช้กับห้องน้ำที่มีพื้นที่กว้าง อ่างอาบน้ำตั้งแยกกับสุขภัณฑ์อื่น มีรูปทรงที่หลากหลาย ติดตั้งและทำความสะอาดได้ง่าย อีกทั้งสะดวกต่อการเคลื่อนย้ายหรือซ่อมแซมในภายหลัง สามารถวางบริเวณกลางห้องน้ำเพื่อโชว์ความสวยงามของอ่างอาบน้ำได้รอบด้าน

2. อ่างอาบน้ำแบบฝังเคาน์เตอร์
อ่างอาบน้ำประเภทนี้ติดตั้งค่อนข้างยาก เนื่องจากต้องก่อปูนยกสูงจากพื้นเพื่อเป็นฐานรองรับตัวอ่างที่จะฝังลงไป อ่างอาบน้ำประเภทนี้จึงมักตั้งอยู่ติดกำแพงเพื่อช่วยประหยัดพื้นที่

อ่างอาบน้ำแบบลอยคืออะไร?
อ่างอาบน้ำแบบลอยคืออ่างอาบน้ำที่ไม่ได้ติดตั้งกับผนังหรือพื้นโดยตรง แต่จะตั้งอยู่บนขาตั้งหรือฐานที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ ทำให้ดูเหมือนลอยอยู่กลางห้องน้ำ อ่างอาบน้ำแบบนี้มักมีรูปทรงที่สวยงามและหลากหลาย ทำให้คุณสามารถเลือกแบบที่เข้ากับสไตล์การตกแต่งห้องน้ำได้อย่างลงตัว

วิธีเลือกซื้ออ่างอาบน้ำลอยตัว
ขนาดอ่างอาบน้ำ: พิจารณาขนาดของห้องน้ำและพื้นที่ว่างที่คุณมี ก่อนตัดสินใจเลือกซื้ออ่างอาบน้ำ
วัสดุ: อ่างอาบน้ำแบบลอยมักทำจากวัสดุหลากหลายชนิด เช่น อะคริลิก หินเทียม หรือเหล็กหล่อ แต่ละวัสดุจะมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน
รูปทรง: เลือกรูปทรงที่เข้ากับสไตล์การตกแต่งห้องน้ำของคุณ อาจเป็นรูปทรงกลม สี่เหลี่ยม หรือรูปทรงอิสระ
สี: เลือกสีที่เข้ากับโทนสีของห้องน้ำ และสร้างบรรยากาศที่คุณต้องการ

งบประมาณ: กำหนดงบประมาณที่คุณต้องการใช้ในการซื้ออ่างอาบน้ํา ราคา เท่าใด

วิธีติดตั้งอ่างอาบน้ำแบบลอย
การติดตั้งอ่างอาบน้ำลอยตัวจำเป็นต้องมีช่างผู้ชำนาญ เนื่องจากต้องคำนึงถึงเรื่องการระบายน้ำและการรองรับน้ำหนักของอ่างอาบน้ำ อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนโดยรวมประกอบด้วย

เตรียมพื้นที่: ตรวจสอบความแข็งแรงของพื้นที่ที่จะติดตั้งอ่างอาบน้ำ
ติดตั้งระบบท่อน้ำ: เชื่อมต่อท่อน้ำเข้ากับอ่างอาบน้ำ
ติดตั้งฐานรองรับ: ติดตั้งฐานรองรับอ่างอาบน้ำให้มั่นคง
วางอ่างอาบน้ำ: วางอ่างอาบน้ำลงบนฐานรองรับ
ตรวจสอบการรั่วซึม: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีการรั่วซึม


34
มะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ2 รองจากมะเร็งเต้านมในผู้หญิงไทย การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก เป็นขั้นตอนสำคัญในการค้นหาโรคในระยะเริ่มต้นเพื่อให้สามารถรักษาและควบคุมโรคได้ในเวลาที่เหมาะสม

ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก อายุเท่าไหร่ถึงควรเริ่ม
การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก คือการตรวจหาการเปลี่ยนแปลงของเซลล์เนื้อเยื่อบริเวณปากมดลูก ก่อนที่จะเกิดความผิดปกติหรือแสดงอาการ เพื่อหารอยโรคระยะก่อนเป็นมะเร็ง หรือมะเร็งในระยะเริ่มแรก ทำให้สามารถป้องกันและรักษามะเร็งระยะเริ่มแรกอย่างได้ผล

ทั้งนี้มะเร็งปากมดลูก สามารถแบ่งได้เป็น 2 ระยะ คือ
ระยะเริ่มต้น สามารถตรวจคัดกรองตรวจมะเร็งปากมดลูกได้ โดยที่คนไข้ยังไม่มีอาการ
ระยะท้าย หรือคนไข้เริ่มมีอาการแสดง เช่นมีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ มีอาการตกขาวเรื้อรัง หรือมีเลือดออกปนตกขาว อาการเหล่านี้เป็นอาการที่บ่งบอกว่าต้องรีบมาตรวจมะเร็งปากมดลูก เพราะถ้ามีอาการเหล่านี้แล้วปล่อยทิ้งไว้จนมีอาการปวดท้อง ถ่ายเป็นเลือด หรืออุจจาระเป็นเลือด จะเป็นลักษณะอาการที่เชื้อแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ ยากต่อการรักษาและอาจส่งผลให้เสียชีวิตได้ในที่สุด



โดยทั่วไปควรเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเมื่ออายุ 30 ปี แต่อาจเริ่มตรวจได้ตั้งแต่อายุ 25 ปี ตามความเหมาะสม และควรตรวจคัดกรองทุกทุก 1-2 ปี ในกรณีที่ตรวจด้วยวิธี Pap smear หรือ ThinPrep หากตรวจด้วยวิธีตรวจหาเชื่อ HPV DNA สามารถตรวจคัดกรองได้ทุก 3-5 ปี

ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก มีกี่แบบ
ปัจจุบันมีการตรวจคัดกรองตรวจมะเร็งปากมดลูกอยู่ 3 วิธี ได้แก่
1. ตรวจแปปเสมียร์ (Pap smear) เป็นวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก โดยสูตินรีแพทย์จะใช้เครื่องมือลักษณะคล้ายไม้พาย เก็บเนื้อเยื่อบริเวณปากมดลูกก่อนนำส่งตรวจในห้องปฏิบัติการ เพื่อตรวจหาเซลล์ที่ผิดปกติหรือเซลล์ที่มีการเปลี่ยนแปลงซึ่งอาจทำให้เกิดมะเร็งได้
2. การตรวจตินเพร็พ แป๊บเทสต์ (ThinPrep Pap Test) พัฒนามาจากการตรวจวิธีแปปเสมียร์ มีประสิทธิภาพและแม่นยำมากขึ้น โดยมีข้อมูลการศึกษาวิจัยจากสถาบันทั่วโลกพบว่าจากการตรวจหาเซลล์มะเร็งปากมดลูกโดยวิธี Thin prep จะให้ผลละเอียดกว่าการตรวจแบบเก่าวิธีแปปเสมียร์
3. การตรวจหาเชื้อไวรัส HPV ด้วยวิธีการตรวจ DNA ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกแบบเจาะลึกถึงระดับ DNA ด้วย Thin Prep Plus Cervista HPV DNA Testing เป็นการตรวจหาเซลล์มะเร็งปากมดลูกร่วมกับตรวจดีเอ็นเอของเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่ความสัมพันธ์กับการเป็นมะเร็งปากมดลูก ซึ่งสามารถตรวจพบความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ดีกว่าการตรวจ Pap smear อย่างเดียว เพราะสามารถเจาะลึกว่ามีการติดเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูงเป็นมะเร็งหรือไม่ ซึ่งจะช่วยบอกความเสี่ยงต่อการมีรอยโรคแอบแฝงได้เป็นอย่างดี

วิธีเตรียมตัวก่อนตรวจภายใน
1. สามารถตรวจภายในได้ทุกช่วงเวลา ยกเว้นช่วงที่มีประจำเดือน ควรงดตรวจในช่วงนั้น และรอหลังประจำเดือนหมดไปแล้วประมาณ 5 วัน หากมีอาการเลือดออกผิดปกติ สามารถมาตรวจได้ทันทีโดยไม่ต้องรอ
2. หากมีตกขาวผิดปกติ ไม่ควรสอดยา ก่อนมาตรวจ เพราะยาอาจค้างในช่องคลอด และส่งผลให้ตรวจไม่ได้อย่างถูกต้อง
3. ทานอาหารและน้ำได้ตามปกติ ไม่ต้องงดก่อนตรวจ เพราะไม่มีผลกระทบต่อการตรวจภายใน
4. ควรปัสสาวะออกให้หมดก่อนตรวจ เพื่อให้แพทย์สามารถตรวจขนาดของมดลูกและปีกมดลูกได้ชัดเจนขึ้น
5. งดมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมงก่อนตรวจ เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อผลการตรวจ

การตรวจภายในเป็นประจำทุกปีจึงเป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้เราดูแลสุขภาพภายในได้อย่างใกล้ชิด และเมื่อพบความผิดปกติใดๆ ตั้งแต่เนิ่นๆ ก็จะช่วยให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที เพิ่มโอกาสหายขาดและมีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืนตรวจสุขภาพประจำปี ราคา


35
การวางแผนเกษียณเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณมีชีวิตหลังเกษียณที่มั่นคงและสุขภาพดี เทคนิคและคำแนะนำในการวางแผนเกษียณ เพื่อให้สามารถเตรียมตัวและสร้างอนาคตที่มั่นคงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    1. เริ่มวางแผนแต่เนิ่นๆ
    ตั้งเป้าหมายทางการเงินและชีวิตในวัยเกษียณ
    เริ่มออมเงินเพื่ออนาคตตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้มีเงินออมเพียงพอ

    2. ประเมินความต้องการทางการเงินในวัยเกษียณ
    คำนวณค่าใช้จ่ายรายเดือนและรายปี
    คิดคำนวณเงินออมที่ต้องการเพื่อครอบคลุมค่าใช้จ่ายเหล่านั้น

    3. วางแผนการออมและการลงทุน
    เลือกแผนการออมที่เหมาะสม เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุนรวม, หุ้น
    กระจายการลงทุนเพื่อความเสี่ยงที่ต่ำลง



    4. ศึกษาและวางแผนด้านสุขภาพ
    จัดทำประกันสุขภาพและวางแผนการดูแลสุขภาพในอนาคตประกันชีวิตผู้สูงอายุ 80 ปีขึ้นไป
    ออกกำลังกายและรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ

    5. พัฒนาทักษะและความสามารถใหม่
    ฝึกฝนทักษะเพื่อสร้างรายได้เสริมในวัยเกษียณ
    วางแผนการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์

    6. การวางแผนด้านที่อยู่อาศัย
    คิดคำนวณค่าใช้จ่ายด้านที่อยู่อาศัยในวัยเกษียณ
    พิจารณาย้ายไปยังที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมหรือปรับปรุงบ้านให้เหมาะสมกับวัย

    7. การวางแผนทางด้านภาษีและมรดก
    เข้าใจสิทธิประโยชน์ทางภาษีและวางแผนบริหารทรัพย์สิน
    จัดทำพินัยกรรมและวางแผนส่งต่อทรัพย์สิน

การวางแผนเกษียณเป็นกระบวนการที่ต้องเริ่มต้นตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้มีชีวิตหลังเกษียณที่สุขสบายและไร้กังวล ควรจัดทำแผนอย่างเป็นระบบและปรับปรุงตามความเปลี่ยนแปลงของชีวิตและเศรษฐกิจ เพื่อความมั่นคงในอนาคต


36
เมื่อพูดถึงเสื้อผ้าแฟชั่นในปีนี้ ต้องไม่พลาดกับโทนสีแห่งปี 2025 สี Mocha Mousse เป็นหนึ่งในสีที่มีอิทธิพลมากที่สุดในวงการแฟชั่น! ด้วยโทนสีน้ำตาลอุ่นๆ ที่เต็มไปด้วยความคลาสสิกและนุ่มนวล สีนี้ไม่ได้เพียงแค่ให้ความรู้สึกอบอุ่น แต่ยังสามารถนำมามิกซ์แอนด์แมทช์กับสีอื่นๆ ได้อย่างลงตัว และยังสามารถเปลี่ยนลุคของคุณให้ดูเก๋และมีสไตล์มากยิ่งขึ้นได้อีกด้วย
 
คู่สีที่ลงตัวกับ Mocha Mousse โทนสี Mocha Mousse เป็นสีที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถจับคู่ได้หลากหลายสไตล์และอารมณ์ ตามความต้องการของแต่ละคน ด้วยความอุ่นที่มีอยู่ในสีนี้ เราสามารถจับคู่กับหลายๆ สีได้อย่างลงตัว ลองมาดูกันว่าแต่ละสีที่จับคู่กับ Mocha Mousse จะเพิ่มความโดดเด่นให้กับลุคของคุณได้อย่างไร



สีฟ้า: สดใส ชิคแบบมีชีวิตชีวา
การจับคู่ Mocha Mousse กับสีฟ้าคือการผสมผสานระหว่างความอบอุ่นและความสดใสที่มีชีวิตชีวา สีฟ้าอ่อนหรือฟ้าครามสามารถช่วยทำให้ลุคของคุณดูสนุกสนานและมีความสดใสขึ้นในทันที ลุคนี้เหมาะมากกับการใส่ในวันทำงานที่ต้องการความสดชื่น หรือในวันหยุดที่อยากให้ลุคดูสบายๆ และชิคไปพร้อมกัน clothing store

สีแดงสด: โดดเด่น มั่นใจ มีพลัง
ถ้าคุณต้องการลุคที่โดดเด่นและมั่นใจ การจับคู่ Mocha Mousse กับสีแดงสดจะทำให้ทุกสายตาหันมามองคุณทันที ความเผ็ดร้อนของสีแดงสดจะช่วยเพิ่มพลังและความมีเสน่ห์ให้กับโทนสี Mocha Mousse อย่างลงตัว เรียกได้ว่าเป็นการสร้างลุคที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและพลังงานบวกอย่างไม่ต้องสงสัย

สียีนส์เดนิม: คลาสสิก เท่ ใส่ได้ทุกวัน
ถ้าพูดถึงสีที่เป็นอมตะในวงการแฟชั่น คงต้องยกให้กับ สียีนส์เดนิม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสีที่เข้ากันได้ดีมากกับ Mocha Mousse ทั้งนี้ การจับคู่สีนี้ให้ความรู้สึกถึงความเท่และคลาสสิกสุดๆ ลุคนี้เหมาะสำหรับการแต่งตัวในทุกๆ วัน ตั้งแต่วันทำงานไปจนถึงการออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ สีเดนิมจะช่วยเพิ่มความเป็นธรรมชาติให้กับโทนสี Mocha Mousse ที่อบอุ่นได้อย่างดี

สีครีม: เรียบหรู อบอุ่น นุ่มนวล
ถ้าคุณชื่นชอบความเรียบหรูและอบอุ่น สีครีม คือตัวเลือกที่ดีเยี่ยมในการจับคู่กับ Mocha Mousse สีครีมช่วยเสริมให้ลุคดูนุ่มนวลและสบายตา พร้อมทั้งสร้างความรู้สึกที่อบอุ่นและหรูหราไปพร้อมๆ กัน ลุคนี้เหมาะมากสำหรับการแต่งตัวในวันพิเศษหรือวันทำงานที่อยากได้ความดูดีแต่ไม่ดูเว่อร์จนเกินไป

สีเทา: สุขุม มีเสน่ห์ ดูผู้ใหญ่
การจับคู่ Mocha Mousse กับ สีเทา จะสร้างลุคที่ดูมีเสน่ห์และสุขุมเหมาะสำหรับคนที่อยากให้ลุคดูเป็นทางการและน่าเชื่อถือ สีเทาจะช่วยเพิ่มความสมดุลให้กับสี Mocha Mousse ที่ดูอบอุ่น ให้อารมณ์ที่ผู้ใหญ่มากขึ้น จึงเหมาะมากกับการแต่งตัวในโอกาสที่ต้องการให้ดูเป็นผู้ใหญ่ และไม่อยากให้ลุคดูเยอะเกินไป

การจับคู่สี Mocha Mousse กับสีอื่นๆ ไม่เพียงแต่เพิ่มความเก๋ให้กับลุคของคุณ แต่ยังช่วยเสริมความเป็นตัวของตัวเองในสไตล์ต่างๆ ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นความสดใสจากสีฟ้า ความมั่นใจจากสีแดง หรือความเท่จากสียีนส์เดนิม Mocha Mousse คือสีแห่งปีที่สามารถเติมเต็มทุกลุคให้ดูมีเสน่ห์และไม่ซ้ำใครได้อย่างง่ายดาย และไม่ว่าคุณจะเลือกคู่สีไหน ก็สามารถสร้างลุคที่โดดเด่นและมีสไตล์ได้อย่างแน่นอน!
หากคุณกำลังมองหาสถานที่ชอปปิงร้านเสื้อผ้าที่สามารถเติมเต็มทุกความต้องการด้านแฟชั่นและราคาสุดคุ้ม แพลทินัมแฟชั่น มอลล์ มาที่นี่เพื่อช้อปสินค้าดีๆ และมีสไตล์ในราคาที่คุณพอใจ แล้วจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

37
การอาบน้ำเป็นกิจวัตรประจำวันที่สำคัญสำหรับคนส่วนใหญ่ และหัวฝักบัวอาบน้ำที่เลือกใช้อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการอาบน้ำของคุณ รวมถึงการใช้น้ำด้วย ผลกระทบจากการใช้น้ำเกินความจำเป็นไม่ได้มีแค่ผลกระทบกับค่าใช้จ่าย แต่ยังส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมในวงกว้างอีกด้วย ในขณะที่ค่าน้ำของเราเพิ่มสูงขึ้น แต่ปริมาณน้ำบนโลกก็ลดลงอย่างน่ากังวล  นี่คือเหตุผลที่การเลือกอุปกรณ์ในบ้านของเราอย่างมีข้อมูลและรอบคอบเป็นสิ่งสำคัญ เราจะสำรวจวิธีการเลือกหัวฝักบัวที่ประหยัดน้ำและเหมาะสมสำหรับห้องน้ำ



อย่างที่อาจทราบแล้ว ไม่ใช่หัวฝักบัวทุกชนิดที่จะช่วยประหยัดน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น ฝักบัวอาบน้ํารุ่นใหม่หลายรุ่นถูกออกแบบให้มีคุณสมบัติประหยัดน้ำ เช่น ตัวเติมอากาศ (aerator) และตัวจำกัดการไหล (flow restrictor) เพื่อจำกัดการใช้น้ำโดยไม่ลดทอนคุณภาพของการอาบน้ำ เป็นแนวทางเบื้องต้นในการเลือกหัวฝักบัวใหม่ ควรมองหาหัวฝักบัวที่มีระดับคะแนน WELS (Water Efficiency Labelling Scheme) ซึ่งบ่งบอกความสามารถในการประหยัดน้ำของหัวฝักบัว ยิ่งคะแนน WELS สูงเท่าไหร่ หัวฝักบัวก็ยิ่งมีประสิทธิภาพในการใช้น้ำน้อยลงเท่านั้น มีหัวฝักบัวที่ล้ำสมัยหลากหลายแบบ ตั้งแต่หัวฝักบัวแบบมือจนถึงหัวฝักบัวแบบฝน ซึ่งมาพร้อมกับเทคโนโลยีประหยัดน้ำที่กล่าวมาแล้ว

ในทางตรงกันข้ามกับความเข้าใจผิดทั่วไป ขนาดของหัวฝักบัวไม่ได้สัมพันธ์กับการไหลของน้ำเสมอไป การไหลของน้ำขึ้นอยู่กับการออกแบบและชิ้นส่วนภายในของหัวฝักบัว หัวฝักบัวขนาดใหญ่ไม่ได้หมายความว่าจะใช้น้ำมากขึ้นเสมอไป ในทางตรงกันข้าม หัวฝักบัวขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาอย่างดีอาจสามารถกระจายและใช้น้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยลดการใช้น้ำโดยรวมได้

เป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลนักที่จะสมมติว่าหัวฝักบัวแรงดันสูงจะใช้น้ำมากขึ้น แต่ในความเป็นจริง หัวฝักบัวอาบน้ําแบบนี้ได้รับการออกแบบให้สร้างน้ำที่แรง และทรงพลังโดยไม่เพิ่มการใช้น้ำในปริมาณมาก เทคโนโลยีนี้ใช้การผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีเสริมแรงดันและคุณสมบัติประหยัดน้ำ เพื่อให้ทั้งครอบครัวได้สัมผัสการอาบน้ำที่สดชื่น และเต็มอิ่มได้อย่างมีความสุข

38
โรคผิวหนังเด็ก ลูกมีผื่นคันขึ้นตามตัว แต่ไม่มีไข้ โรคผิวหนังอักเสบ เป็นโรคที่พบบ่อยในเด็ก ลูกมีผื่นคันขึ้นตามตัว แต่ไม่มีไข้ มักจะเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรังอยู่นาน เป็นได้ตั้งแต่เด็กอายุ 3 เดือนขึ้นไป จนถึงช่วงวัยรุ่น หรือในผู้ใหญ่
ลักษณะของผื่นแพ้



ในเด็กเล็ก (1 ปีแรก) ลูกมีผื่นคันขึ้นตามตัว แต่ไม่มีไข้จะมีผื่นแดงที่หน้า,คอ,แขน+ขา บริเวณศอก+เข่า เด็กจะมีอาการคันมากขึ้นอาจจะมีสะเก็ดหรือน้ำเหลืองไหลเยิ้มที่ผื่นได้
ในเด็กโตหรือผู้ใหญ่ จะเป็นผื่นแดงที่คอ ข้อพับแขน+ขา หรือลำตัว ถ้าเกามากก็จะเป็นปื้นหนาได้ในบางรายอาจอาจพบร่วมกับผิวหนังอื่น ๆ ได้ เช่น กลากน้ำนม สาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัด แต่อาจเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม เช่น มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคภูมิแพ้ หอบหืด แพ้อากาศหรือผิวหนังอักเสบภูมิแพ้
ปัจจัยหรือตัวกระตุ้นที่ทำให้โรคเป็นมากขึ้น

    *สารระคายเคืองต่าง ๆ เช่น ขนสัตว์ ละอองเกสรดอกไม้ ไรฝุ่น น้ำยาปรับผ้านุ่ม คลอรีนในสระว่ายน้ำ สบู่หอม ครีมบำรุงผิวหรือโลชั่นต่าง ๆ
    *ภาวะติดเชื้อ จากแบคทีเรียหรือเชื้อรา เช่น การเกามากจนเป็นแผล ตุ่มหนองหรือมีผื่นแดงเป็นวงขอบยกนูน และคันมากจากเชื้อรา
    *อากาศร้อน หรือการออกกำลังกายที่ทำให้เหงื่อออกมาก และอากาศหนาวเย็นทำให้ผิวหนังแหงมากขึ้น
    *ความเครียด วิตกกังวล การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในชีวิต เช่น ในเด็กที่ย้ายโรงเรียนใหม่หรือช่วงใกล้สอบ
    *อาหารบางชนิด ที่มักแพ้ได้บ่อยในเด็กเล็ก ๆ เช่น นมวัว ไข่ขาว ถั่ว อาหารทะเล

การรักษา
    หลีกเลี่ยงปัจจัย หรือตัวกระตุ้นต่าง ๆ ข้างต้น
    การใช้ยาทากลุ่ม Steroid อย่างอ่อน แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ยาเพราะต้องมีการปรับยาเป็นระยะ ๆ ตามอาการของโรค
    การให้ยารับประทานพวก Antihistamine เพื่อลดอาการคัน
    ในกรณีที่มีภาวะติดเชื้อแทรกซ้อน เช่น ลูกมีผื่นคันขึ้นตามตัว แต่ไม่มีไข้ มีตุ่มหนอง เป็นแผลหรือผื่นแดงมากขึ้น ควรปรึกษาหมอเด็ก

 

39
คุณมัณฑิตา จินดา หรือ "ครูทิป" เป็นผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการของ Digital Tips Academy เธอมีประสบการณ์ด้านการตลาดดิจิทัลมากกว่า 10 ปี เป็นวิทยากร กูรู ที่ปรึกษาด้านการตลาดออนไลน์ และเคยดำรงตำแหน่งรองประธานฝ่ายการตลาดดิจิทัลและการสื่อสารแบรนด์ของบริษัทเวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนต์ เป็นนักการตลาดดิจิทัลยุคใหม่ เจ้าของหนังสือ ‘ใช้ Facebook ถูกวิธี ยอดขายดีขึ้น 100 เท่า’ หนังสือ Best Seller ติดต่อกัน 9 เดือน และยังได้รับเลือกจาก LINE ประเทศไทย ให้เขียนหนังสือ ‘คู่มือการทำธุรกิจบนไลน์ เป็น TikTok Brand Ambassador 1 ใน 3 คนแรกของประเทศไทย ได้รับเลือกให้เป็น Lazada Expert คนแรกของไทย และยังเป็นผู้จัดงาน Event ทาง Digital Marketing สำคัญต่าง ๆ มากมาย

Digital Tips Academy เป็นสถาบันฝึกอบรมด้านการตลาดดิจิทัลที่มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะและแนวคิดที่ถูกต้องสำหรับเจ้าของธุรกิจและนักการตลาด เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในยุคดิจิทัล



จุดเด่นของ Digital Tips Academy:

    คอร์สสอนสดและออนไลน์: มีหลักสูตรที่ครอบคลุมตั้งแต่การคิดคอนเทนต์ การสื่อสารทางการตลาด การยิงโฆษณา ไปจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อพัฒนาการตลาด
    คอร์สอบรมสำหรับองค์กร: มีหลักสูตรเข้มข้นเพื่อให้พนักงานในองค์กรมีทักษะทางด้านการตลาดและสามารถนำไปปรับใช้ในการทำงานได้อย่างมืออาชีพมากยิ่งขึ้น
    บทความและทรัพยากรเสริม: เว็บไซต์มีบทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับการตลาดดิจิทัล เช่น เทคนิคการตั้งราคา การอ่านภาษากาย และกลยุทธ์การสื่อสาร

Digital Tips Academy เป็นแหล่งเรียนรู้และพัฒนาทักษะด้านการตลาดดิจิทัลที่เหมาะสำหรับเจ้าของธุรกิจ นักการตลาด และองค์กรที่ต้องการเติบโตในยุคดิจิทัล ด้วยหลักสูตรที่ครอบคลุมและการสอนโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์จริงในวงการ Key Success – Strong Community

          คุณทิปให้ข้อคิดว่า ต้องหมั่นพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ไม่หยุดเรียนรู้ เพราะโลกตอนนี้เปลี่ยนแปลงเร็ว เราจำเป็นจะต้องศึกษาและรู้ให้เท่าทัน นอกจากนี้ ก็ต้องให้ความสำคัญกับ community เพราะ การมีฐาน community ที่แข็งแกร่งจะช่วยสร้าง synergy ให้ตามมาในส่วนของเป้าหมายคือ อยากให้ Digital Tips เป็น Hub ความรู้สำหรับนักการตลาดและผู้ประกอบการไทย ดังนั้น เราจึงให้ความสำคัญกับเรื่องความรู้ และการสร้าง networking ให้กับคนทำธุรกิจ รับข้อมูลข่าวสารการทำธุรกิจ

 

40
เครื่อง Ulthera อัลเทอร์ร่า ควรเริ่มทำเมื่อเริ่มมีสัญญาณของ ผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอย หรือคอลลาเจนเริ่มลดลง ซึ่งโดยเฉลี่ยมักอยู่ที่ช่วงอายุประมาณ 30 ปีขึ้นไป เพราะเป็นช่วงที่คอลลาเจนเริ่มเสื่อมถอยอย่างชัดเจนโครงสร้างผิวเริ่มบางลง กรอบหน้าเริ่มไม่ชัด แก้มเริ่มตก แต่ก็สามารถเริ่มได้ตั้งแต่อายุ 24-25 ปี หากมีปัจจัยอื่นๆ เช่น หน้าเริ่มหย่อนเร็วจากพันธุกรรม ลดน้ำหนักไวทำให้หน้าตอบลง แก้มห้อย เจอแสงแดด มีความเครียด หรือพักผ่อนไม่พอเป็นประจำทำให้เกิดความเสื่อมของคอลลาเจนใต้ผิว ใช้หน้าทำงานเยอะ (เช่น พูดบ่อย แสดงสีหน้ามาก)



ข้อดีของการทำ Ulthera อัลเทอร์ร่า ตั้งแต่อายุยังไม่มาก (ประมาณ 25-35 ปี)
1. กระตุ้นคอลลาเจนได้ทันก่อนผิวเสื่อม พลังงานลงลึกถึงชั้น SMAS กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ผลคือ ผิวยังแข็งแรง ยืดหยุ่นดี ดูเฟิร์มต่อเนื่องในระยะยาว

2. รักษากรอบหน้าและโครงสร้างหน้าไว้ได้นานขึ้น เมื่อยังไม่มีแก้มตกมาก การยิง Ulthera จะช่วย “ล็อกหน้า” ให้อยู่ทรง หน้าจะดูสดใส ไม่โทรมเร็ว ไม่ต้องใช้หัตการอื่นเสริมเยอะ

3. ให้ผลลัพธ์ที่ดู "ธรรมชาติ" กว่า ยิ่งผิวเสื่อมน้อย การยิงจะเห็นผลเร็วและละมุน ไม่เปลี่ยนหน้าชัดแบบฮวบฮาบ ไม่ต้องใช้พลังงานแรงมาก ยิงแล้วสบายกว่า ไม่เจ็บมาก

4. ค่าใช้จ่ายระยะยาวอาจถูกกว่าเพราะไม่ต้องใช้หลายเทคโนโลยีมาผสม หรือทำซ้ำถี่ ๆ แบบคนที่ผิวเสื่อมแล้ว ปีละครั้งก็เอาอยู่ ไม่ต้องฟื้นฟูเยอะ เมื่อเปรียบเทียบกับการเริ่มทำตอนอายุมาก (40–50 ปีขึ้นไป)

สรุปสั้น ๆ ว่า ยิ่งเริ่มดูแลเร็ว ผิวยิ่งอยู่กับเราได้นานแบบไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม เหมือนเรา "วางระบบกันทรุด"  ให้กับผิวตั้งแต่ยังดีอยู่ การเริ่มใช้ ulthera ยกกระชับหน้าตั้งแต่อายุน้อยก็เหมือนเป็นการลงทุนเก็งกำไรให้ผิวในระยะยาวนั่นเอง

41
โถปัสสาวะชายเป็นสุขภัณฑ์ที่พบเห็นได้ในห้องน้ำสาธารณะ และมักมีขนาดใหญ่ ทำให้ไม่ค่อยนิยมใช้ภายในบ้านมากนัก แต่ปัจจุบันโถปัสสาวะชายถูกออกแบบให้มีขนาดเล็กกะทัดรัดมากขึ้น หลายครอบครัวจึงเลือกติดตั้งโถปัสสาวะชายไว้ที่บ้านเพื่อความสะดวกสบายด้วยเช่นกัน

ประเภทของโถปัสสาวะชาย
1. โถปัสสาวะชายแบบแขวนผนัง
เป็นโถปัสสาวะที่เหมาะกับห้องน้ำที่มีพื้นที่จำกัด เพราะมีขนาดกะทัดรัดและติดตั้งได้ง่าย โดยใช้ตะขอยึดผนังเพื่อแขวนติดตั้ง และแบบพุกยึดผนังกับโถปัสสาวะ
2. โถปัสสาวะชายแบบตั้งพื้น
เป็นโถปัสสาวะที่สามารถติดตั้งโดยใช้วิธียึดตัวโถเข้ากับพื้นส่วนใหญ่ นิยมใช้โถปัสสาวะที่มีท่อน้ำทิ้งแบบเข้าผนัง เพราะติดตั้งได้ง่ายและสะดวก




จุดเด่นของโถปัสสาวะชาย ช่วยแบ่งพื้นที่ให้เป็นสัดส่วน
โถปัสสาวะชายช่วยให้พื้นที่ห้องน้ำแบ่งเป็นสัดส่วนได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการตกแต่งแบบแยกส่วนเปียก และส่วนแห้งทำความสะอาดง่าย

โถปัสสาวะชายช่วยให้การทำความสะอาดง่ายขึ้นเพราะไม่ต้องกังวลเรื่องคราบที่อาจเกิดขึ้นบนโถสุขภัณฑ์หรือน้ำกระเซ็นเปื้อนพื้น นอกจากนี้ตัวโถปัสสาวะยังมีการเคลือบสาร CEFIONTECT ซึ่งทำให้สุขภัณฑ์เรียบลื่นขจัดสิ่งสกปรกได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น เมื่อรวมกับฟลัชวาล์วระบบเซ็นเซอร์ในตัวที่มาพร้อมระบบชำระล้างอัตโนมัติ ช่วยให้คุณไม่ต้องสัมผัสปุ่มกดหรือก้านกดชำระหลังจากใช้งาน ช่วยลดโอกาสเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อโรค รวมถึงหมดกังวลกับปัญหาเรื่องการลืมกดชำระไปได้เลย
ประหยัดน้ำ

โถปัสสาวะชายนั้นใช้น้ำน้อยกว่าการชำระล้างของโถสุขภัณฑ์ทั่วไปจึงได้เพิ่มเทคโนโลยี EWATER+ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้น้ำผ่านกระบวนการอิเล็กโตรไลซ์ มีคุณสมบัติช่วยลดการเกิดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งทำให้ชำระล้างโถปัสสาวะได้สะอาดหมดจด

5 เทคนิคในการเลือกซื้อโถปัสสาวะชาย

1. พื้นที่สำหรับติดตั้งโถปัสสาวะชาย
ควรเลือกโถปัสสาวะชายให้เหมาะกับขนาดห้องน้ำ โดยโถปัสสาวะแบบตั้งพื้นเหมาะสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป และได้ทุกวัย ตัวโถจึงมักมีขนาดใหญ่กว่าแบบแขวนผนังที่เหมาะสำหรับห้องน้ำที่มีพื้นที่จำกัด แต่อย่างไรก็ตามในปัจจุบันโถปัสสาวะชายแบบตั้งพื้นก็ได้รับการพัฒนาและออกแบบให้มีขนาดเล็กลง เหมาะสำหรับติดตั้งในบ้านมากยิ่งขึ้น

2. ระบบชำระล้าง
ควรเลือกใช้โถปัสสาวะชายที่มีระบบชำระล้างหมดจดโดยไม่ทิ้งกลิ่นไม่พึงประสงค์ และควรเลือกแบบที่ใช้น้ำน้อยกว่าโถสุขภัณฑ์ทั่วไป ที่จะช่วยประหยัดน้ำ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

3. ดีไซน์ของโถปัสสาวะชาย
เลือกดีไซน์ที่เข้ากับสไตล์ของห้องน้ำของคุณ เช่น ดีไซน์โมเดิร์น เรียบง่าย

4. ฟังก์ชั่นเสริม
สุขภัณฑ์ห้องน้ํา นอกจากระบบชำระล้างและระบบประหยัดน้ำแล้ว การเลือกโถปัสสาวะชายก็ควรดูที่ฟังก์ชั่นอื่น ๆ ด้วย เช่น ระบบเซ็นเซอร์ที่ช่วยชำระล้างอัตโนมัติ ระบบประหยัดไฟ ไปจนถึงระบบที่ช่วยสร้างน้ำบริสุทธิ์ภายในตัวโถ ช่วยให้โถปัสสาวะสะอาดมากยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งสารเคมี

5. การทำความสะอาด
สุดท้าย คือ การทำความสะอาด ควรเลือกใช้โถปัสสาวะชายที่สามารถทำความสะอาดได้ง่าย มีพื้นผิวเรียบลื่นเป็นพิเศษ ช่วยให้คราบสกปรกและเชื้อโรคที่มองไม่เห็นเกาะติดได้ยาก อีกทั้งยังลดปริมาณการใช้สารเคมีสำหรับทำความสะอาดได้อีกด้วย

42
shopping mall bangkok ร่วมเข้าสู่การเลือกใช้สีสันในแฟชั่นซึ่งสะท้อนถึงอารมณ์ ความคิดสร้างสรรค์ และการจัดการความ น่าตื่นเต้นและแปลกใหม่ที่จะเติมเต็มตู้เสื้อผ้าของคุณให้เต็มไปด้วยชีวิตชีวา
ปี 2025 เป็นปีที่สีสันมีบทบาทสำคัญในการแต่งตัว โดยเฉพาะการเลือกโทนสีที่สะท้อนอารมณ์และพลังบวก มาดูกันว่าโทนสีเสื้อผ้าแฟชั่นไหนมาแรงในปีนี้



1. สีเหลืองเลมอน (Lemon Yellow)
ให้ความรู้สึกสดใส มีพลัง เหมาะกับฤดูร้อน
มิกซ์แอนด์แมทช์ได้ง่ายกับสีขาว หรือสีฟ้าอ่อน

2. สีฟ้าคราม (Cerulean Blue)
โทนสีฟ้าสบายตา ให้ความรู้สึกสงบและมีสไตล์
เหมาะกับลุคมินิมอลและสไตล์วินเทจ

3. สีชมพูบับเบิลกัม (Bubblegum Pink)
สไตล์ Coquette และ Barbiecore ยังมาแรง
แมทช์กับสีแดงหรือสีเบจได้อย่างลงตัว

4. สีส้มแมนดาริน (Mandarin Orange)
สีส้มสดใสที่เพิ่มความสนุกให้กับการแต่งตัว
ใส่คู่กับสีขาวหรือสีดำให้ลุคดูโดดเด่น

5. สีเขียวมะกอก (Olive Green)
โทนสีเอิร์ธโทนที่เหมาะกับสไตล์มินิมอลและสตรีทแวร์
แมทช์กับสีกากีหรือสีเบจให้ดูแพงขึ้น

6. สีเทาเข้ม (Charcoal Grey)
สีที่ให้ความลึกลับและหรูหราในแบบโมเดิร์น
เหมาะกับเสื้อสูทและลุคเท่ ๆ

7. สีเมทัลลิกและประกายมุก (Metallic & Pearl White)
เทรนด์แฟชั่นอนาคต เน้นความล้ำสมัย
สีเงินและทองมาแรง โดยเฉพาะในแฟชั่นสตรีทและปาร์ตี้ลุค

หากคุณกำลังมองหาสถานที่ชอปปิงที่สามารถเติมเต็มทุกความต้องการด้านแฟชั่นและราคาสุดคุ้ม แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ shopping mall bangkok คือคำตอบที่คุณไม่ควรพลาด! มาที่นี่เพื่อช้อปสินค้าดีๆ และมีสไตล์ในราคาที่คุณพอใจ แล้วจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน


43
การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความสุขและความกังวลใจ อาจเป็นเรื่องดีที่จะเสริมความมั่นใจด้วยการทำประกันคนท้อง เพื่อคุ้มครองค่าใช้จ่ายในการฝากครรภ์ การคลอดบุตร และดูแลสุขภาพของแม่และเด็กในอนาคต

การตั้งครรภ์ต้องใส่ใจเรื่องสุขภาพเป็นพิเศษ เพื่อให้คุณแม่และทารกในครรภ์มีสุขภาพแข็งแรง สมบูรณ์ และเติบโตอย่างปลอดภัย การดูแลสุขภาพในช่วงตั้งครรภ์อย่างมีประสิทธิภาพ
1. รับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ
2. ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม
3. พักผ่อนให้เพียงพอและลดความเครียด
4. เข้ารับการตรวจสุขภาพตามนัดหมาย
5. หลีกเลี่ยงสิ่งเสพติดและสารอันตราย
6. ดูแลสุขอนามัยส่วนตัว



ทำไมควรทำประกันคนท้องเมื่อรู้ตัวว่าตั้งครรภ์
    1.ลดภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพ
    ค่ารักษาพยาบาลในระหว่างตั้งครรภ์และคลอดบุตรอาจสูงขึ้นอย่างมาก การทำประกันสามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้
    2.ให้ความคุ้มครองด้านสุขภาพของแม่และเด็ก
    ประกันสุขภาพสำหรับคนท้องมักครอบคลุมทั้งการตรวจครรภ์ การคลอด และภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งสำคัญมากในช่วงเวลาที่แม่และเด็กต้องการการดูแลเป็นพิเศษ
    3.สร้างความอุ่นใจและความมั่นคงในอนาคต
    การมีประกันช่วยให้คุณมั่นใจว่า จะได้รับการดูแลที่ดีที่สุดในช่วงเวลาสำคัญนี้ พร้อมเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด

คำแนะนำในการเลือกทำประกันคนท้อง
    *ตรวจสอบความคุ้มครอง
    เลือกประกันที่ครอบคลุมค่ารักษาในการฝากครรภ์ การคลอดบุตร รวมถึงภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ

    *ดูระยะเวลาคุ้มครอง
    ควรเลือกแผนที่คุ้มครองตั้งแต่ตั้งครรภ์จนถึงหลังคลอด เพื่อความอุ่นใจในทุกช่วงเวลา

    *เปรียบเทียบแผนประกันจากหลายบริษัทประกันภัย
    เปรียบเทียบความคุ้มครอง ราคาค่ารักษา และเงื่อนไขต่าง ๆ เพื่อเลือกแผนที่เหมาะสมกับความต้องการ

การทำประกันคนท้องเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ เพราะนอกจากจะช่วยลดความกังวลด้านค่าใช้จ่ายแล้ว ยังสร้างความอุ่นใจในช่วงเวลาสำคัญนี้ได้อย่างมั่นคง ควรเลือกแผนประกันที่เหมาะสมและมีความคุ้มครองครอบคลุม เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับทุกเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น ประกันอุบัติเหตุเด็ก


44
ในยุคปัจจุบัน อ่างล้างมือและก๊อกน้ำกลายเป็นอุปกรณ์สำคัญในบ้าน สำนักงาน โรงเรียน ร้านอาหาร รวมถึงสถานที่สาธารณะต่าง ๆ การเลือกอ่างล้างมือและก๊อกน้ำที่ดีไม่เพียงแต่ช่วยให้การล้างมือเป็นไปอย่างสะอาดและปลอดภัย แต่ยังสร้างความสะดวกสบายในการใช้งานอีกด้วย บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับเคล็ดลับในการเลือกอ่างล้างมือและก๊อกน้ำให้เหมาะสมกับความต้องการของคุณ
ทำความรู้จักกับอ่างล้างมือและก๊อกน้ำ

    อ่างล้างมือ: เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับล้างมือและทำความสะอาดบริเวณต่าง ๆ อ่างล้างมือมีให้เลือกหลายแบบ เช่น อ่างแขวนผนัง อ่างวางบนเคาน์เตอร์ หรืออ่างฝังเคาน์เตอร์
    ก๊อกน้ำอ่างล้างมือ: เป็นอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับแหล่งน้ำ เพื่อปล่อยน้ำออกมาสู่ในอ่าง ควรเลือกก๊อกน้ำที่ใช้งานง่าย ทนทาน และดูแลรักษาได้ง่าย



เคล็ดลับเลือกอ่างล้างมือที่เหมาะสม

    วัสดุที่ทนทานและทำความสะอาดง่าย
    ควรเลือกอ่างที่ทำจากเซรามิก, คอนกรีต หรือวัสดุสแตนเลส ซึ่งเป็นวัสดุที่แข็งแรง ทนทาน และดูแลรักษาง่าย

    ขนาดและดีไซน์ที่เหมาะสมกับพื้นที่
    คำนวณพื้นที่ใช้งานเพื่อเลือกขนาดอ่างอุปกรณ์ห้องน้ำที่พอดี ไม่เล็กเกินไปจนใช้งานไม่สะดวก และไม่ใหญ่เกินพื้นที่

    ดีไซน์เข้ากับสไตล์ของพื้นที่
    เลือกดีไซน์ที่กลมกลืนกับการตกแต่ง เช่น โมเดิร์น คลาสสิก หรือมินิมัล ให้ความรู้สึกสวยงามและลงตัว

เคล็ดลับเลือกก๊อกน้ำอ่างล้างมือ

    ฟังก์ชันการใช้งาน
    เลือกก๊อกน้ำที่มีฟังก์ชันปรับอุณหภูมิและแรงดันน้ำได้ง่าย เช่น ก๊อกน้ำผสมอุณหภูมิแบบกดเดียว

    วัสดุและคุณภาพ
    ควรเลือกก๊อกน้ำที่ทำจากทองเหลืองหรือสแตนเลส เพื่อความทนทาน ป้องกันสนิม และง่ายต่อการทำความสะอาด

    การติดตั้งและการดูแลรักษา
    เลือกก๊อกน้ำที่สามารถติดตั้งง่าย พร้อมระบบกันรั่วซึม และดูแลรักษาได้ง่าย

คำแนะนำเพิ่มเติมเพื่อความปลอดภัยและสุขอนามัย
    ควรทำความสะอาดอ่างล้างมือและก๊อกน้ำอ่างล้างมือเป็นประจำ เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อโรค
    เลือกก๊อกน้ำที่มีระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ (sensor) เพื่อความสะดวกและสุขอนามัยที่ดีขึ้น
    ตรวจสอบระบบท่อน้ำและก๊อกน้ำเป็นระยะ เพื่อป้องกันการรั่วซึมและลดการใช้น้ำอย่างสิ้นเปลือง

การเลือกอ่างล้างมือและก๊อกน้ำที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การล้างมือเป็นไปอย่างสะดวก สะอาด และปลอดภัย ควรพิจารณาจากวัสดุ การดีไซน์ ฟังก์ชันการใช้งาน รวมถึงความง่ายในการดูแลรักษา เพื่อให้ได้อุปกรณ์ที่ตอบโจทย์และใช้งานได้นาน ค้นหาอ่างล้างมือและก๊อกน้ำคุณภาพดีที่เหมาะสมกับพื้นที่และความต้องการของคุณ เพื่อความสุขและสุขอนามัยที่ดีในทุกวัน

45
สุขภาพ | Health / RSV ไวรัสร้ายในหน้าฝนของเด็กเล็ก
« เมื่อ: มิถุนายน 30, 2025, 07:06:43 AM »
อาการ rsv ในเด็กอาการคล้ายไข้หวัด ผู้ป่วยมีไข้ ไอ จาม น้ำมูกไหล อาจส่งผลให้ทางเดินหายใจส่วนล่างมีการอักเสบ ทำให้เกิดโรคหลอดลมอักเสบ โรคปอดบวม หรือปอดอักเสบ ในรายที่อาการรุนแรง อาจมีไข้สูง ไอแรง หายใจมีเสียงครืดคราด หอบเหนื่อย หากผู้ป่วยมีไข้สูงมากกว่า 39 องศาเซลเซียส ไอจนอาเจียน หายใจเร็ว หอบจนชายโครงหรืออกบุ๋ม หายใจแล้วมีเสียงวี้ด รับประทานอาหารหรือนมได้น้อย ต้องพึงระวัง เพราะผู้ป่วยที่มีอาการหนักอาจเสียชีวิตเนื่องจากระบบทางเดินหายใจล้มเหลวได้

RSV สามารถติดต่อจากผู้ใหญ่สู่เด็กได้ง่าย
โดยเฉพาะเมื่อผู้ใหญ่ที่เป็นพาหะพบเห็นเด็กแล้วเอามือไปจับแก้ม หอมแก้มเด็ก โดยไม่ได้ทำความสะอาดร่างกายให้ดีเสียก่อน ก็อาจทำให้เด็กได้รับเชื่ออย่างไม่ทันรู้ตัว

RSV สามารถป้องกันการติดเชื้อ
โดยการหมั่นล้างมือของตัวเองและของเด็ก ๆ เพราะการล้างมือจะทำให้เชื้อที่ติดมากับมือลดน้อยลง รับประทานอาหารปรุงสุกใหม่ถูกสุขลักษณะ ออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอ บ้านใดที่มี อาการ rsv ในเด็ก แนะนำให้แยกเด็กป่วยออกจากเด็กปกติและให้เด็กป่วยหยุดเรียนเพื่อลดการนำเชื้อไปแพร่สู่เพื่อนที่โรงเรียน



อาการ RSV ในเด็ก สาเหตุ และวิธีป้องกันอย่างได้ผล
เชื้อไวรัส RSV (Respiratory Syncytial Virus) เป็นสาเหตุหลักของโรคระบบทางเดินหายใจในเด็กเล็ก โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวและปลายฝน ถึงแม้จะเป็นโรคที่พบบ่อย แต่ก็สามารถป้องกันและดูแลได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากรู้จักอาการ สาเหตุ และวิธีป้องกันอย่างถูกวิธี
อาการ RSV ในเด็ก มีอะไรบ้าง

อาการของโรค RSV ในเด็กอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละราย แต่โดยทั่วไปมักมีอาการดังนี้
    - ไอเรื้อรังและมีเสมหะมาก
    - มีไข้ต่ำถึงปานกลาง
    - หายใจลำบาก หอบเหนื่อย หายใจเร็ว
    - จมูกอักเสบ คัดจมูก
    - มีเสียงหวีดหรือเสียงวี้ดขณะหายใจ (Wheezing)
    - เบื่ออาหาร หงุดหงิด งอแง
    - ในกรณีรุนแรง อาจเกิดภาวะหายใจลำบากหรือปอดอักเสบ

สาเหตุของ RSV ในเด็ก
เชื้อไวรัส RSV ติดต่อได้ง่ายและเป็นสาเหตุหลักของโรคทางเดินหายใจในเด็กเล็ก โดยสาเหตุหลักได้แก่
    - การสัมผัสกับสารคัดหลั่งจากทางเดินหายใจของผู้ป่วย RSV เช่น น้ำมูก เสมหะ ไอจาม
    - การใช้ของใช้ร่วมกัน เช่น ผ้าห่ม ของเล่นมือหยิบจับบ่อย ๆ
    - การอยู่ในสถานที่แออัด เช่น โรงเรียน คลินิก สถานรับเลี้ยงเด็ก
    - การไม่ล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสเด็กเล็ก

วิธีป้องกัน RSV ในเด็กอย่างได้ผล
เพื่อป้องกันการติดเชื้อ RSV และลดความเสี่ยงในการเกิดโรครุนแรง ควรปฏิบัติตามแนวทางดังนี้
    1. ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่และน้ำสะอาด
    2. หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไอ จาม
    3. ทำความสะอาดของใช้ ของเล่น ของใช้ส่วนตัวของเด็กเป็นประจำ
    4. ระมัดระวังในสถานที่แออัด ควรเว้นระยะห่างจากผู้ป่วย
    5. สวมหน้ากากอนามัยให้กับผู้ดูแลเด็กและผู้ป่วย
    6. ให้เด็กพักผ่อนเพียงพอ และเสริมภูมิคุ้มกันด้วยอาหารที่มีประโยชน์
    7. สำหรับเด็กที่มีความเสี่ยงสูง เช่น น้ำหนักน้อย คลอดก่อนกำหนด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับวัคซีนป้องกัน RSV (ถ้ามี)

เมื่อเด็กมีอาการควรรีบพบแพทย์ทันที
หากเด็กมีอาการไอเรื้อรัง หายใจเร็ว หอบเหนื่อย หรืองอแงผิดปกติ ควรพาไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและดูแลอย่างเหมาะสม อย่าเพิกเฉยต่ออาการรุนแรง เพราะอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้ คลินิกเด็ก เปิด 24 ชั่วโมง ใกล้ ฉัน


46
การวางแผนเกษียณเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้ชีวิตในวัยเกษียณเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย การใช้ประกันสุขภาพและสิทธิ์ลดหย่อนภาษีเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินและสุขภาพของคุณในอนาคต มาดูกันว่าควรทำอะไรบ้างเพื่อวางแผนเกษียณอย่างมีประสิทธิภาพ



1. วางแผนการเงินเพื่อการเกษียณ
    เริ่มออมเงินตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อสะสมทุนสำหรับอนาคต
    เลือกแผนการออมที่เหมาะสม เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์
    คำนวณเป้าหมายเงินเกษียณให้ชัดเจน เพื่อวางแผนการออมและลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

2. เลือกประกันสุขภาพเพื่อความคุ้มครองในวัยเกษียณ
    เลือกประกันสุขภาพที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายสูง เช่น ค่ารักษาในโรงพยาบาล ค่าผ่าตัด หรือโรคร้ายแรง
    ควรเลือกแผนประกันที่สามารถต่ออายุได้ง่ายและคุ้มค่ากับเบี้ยประกัน
    ตรวจสอบความคุ้มครองและเงื่อนไขของกรมธรรม์อย่างละเอียด เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต

3. สิทธิประโยชน์ด้านภาษีเพื่อการวางแผนเกษียณ
    ใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีจากเบี้ยประกันสุขภาพ ลดหย่อนภาษี และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
    รายละเอียดสิทธิ์ลดหย่อนภาษีในแต่ละปี ควรตรวจสอบตามประกาศของกรมสรรพากร
    การวางแผนภาษีอย่างถูกต้อง จะช่วยให้คุณเหลือเงินมากขึ้นในวัยเกษียณ

4. คำแนะนำเพิ่มเติมเพื่อการวางแผนเกษียณที่ประสบผลสำเร็จ
    เรียนรู้และติดตามข้อมูลข่าวสารทางด้านการเงินและประกัน
    ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและประกันเพื่อวางแผนอย่างมืออาชีพ
    ปรับแผนตามสถานการณ์และเป้าหมายชีวิตของคุณอย่างต่อเนื่อง


การวางแผนเกษียณที่ดีต้องเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ การเลือกประกันสุขภาพที่เหมาะสมและใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีอย่างเต็มที่ จะช่วยให้คุณมีความมั่นคงทางการเงินและสุขภาพในอนาคตอย่างยั่งยืน ซื้อประกันออนไลน์



47
หากต้องการผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมหมอกระดูกและข้อ เพื่อดูแลรักษาอาการบาดเจ็บ ข้อเสื่อม หรือปัญหาเกี่ยวกับกระดูกและข้อ ศัลยแพทย์กระดูกและข้อเป็นคำตอบที่ควรพิจารณา ด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการรักษาโรคเกี่ยวกับกระดูกและข้อ ศัลยแพทย์เหล่านี้สามารถช่วยให้คุณกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติและมีความสุขอีกครั้ง



ศัลยแพทย์กระดูกและข้อคือใคร?
ศัลยแพทย์กระดูกและข้อเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการวินิจฉัยและการรักษาโรคและอาการบาดเจ็บของกระดูก ข้อ กระดูกสันหลัง และเนื้อเยื่อรอบข้าง โดยใช้เทคนิคการผ่าตัด การฉีดรักษา การฟื้นฟูสมรรถภาพ และการดูแลหลังผ่าตัด เพื่อให้ผู้ป่วยฟื้นฟูสมรรถภาพได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย
บริการของศัลยแพทย์กระดูกและข้อ

    การรักษาโรคข้อเสื่อมและโรคข้ออักเสบ
    การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าและข้อสะโพก
    การซ่อมแซมกระดูกหักและอุบัติเหตุ
    การรักษาอาการเจ็บปวดจากหมอนรองกระดูกเคลื่อน
    การดูแลฟื้นฟูสมรรถภาพหลังผ่าตัด
    การตรวจวินิจฉัยและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับปัญหากระดูกและข้อ

เหตุผลที่ควรเลือกศัลยแพทย์กระดูกและข้อมืออาชีพ
    หมอศัลยกรรมที่มีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญสูง
    เทคโนโลยีทันสมัยในการวินิจฉัยและรักษา
    คำแนะนำและการดูแลหลังผ่าตัดที่ดีเยี่ยม
    การรักษาที่เน้นความปลอดภัยและผลลัพธ์ระยะยาว

คำแนะนำก่อนเข้ารับการรักษา
    นัดหมายพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและวางแผนการรักษา
    แจ้งประวัติการเจ็บป่วยและข้อมูลทางการแพทย์ให้ครบถ้วน
    ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

48

          โรคตับอาการ หรือ ไวรัสตับอักเสบ (Hepatitis) คือ การที่ตับมีอาการอักเสบ และติดเชื้อ หากพูดถึงไวรัสตับอักเสบ คนส่วนใหญ่คงคุ้นหูกับ “โรคไวรัสตับอักเสบบี” เพราะพบบ่อยในประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้านอย่าง AEC แต่ความจริงแล้วไวรัสตับอักเสบมีหลายสายพันธุ์ ได้แก่ ไวรัสตับอักเสบเอ บี ซี ดี และอี ซึ่งไวรัสตับอักเสบดี และอี พบได้น้อยมากในปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ตามโรคไวรัสตับอักเสบ ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุของโรคตับแข็ง และมะเร็งตับ จึงควรได้รับการตรวจรักษา เพื่อป้องกันการเกิดโรคดังกล่าว
         


 การติดเชื้อ และอาการของผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบ
การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ :
    ติดจากการทานอาหารจากผู้ป่วย
    การล้างมือไม่สะอาดหลังเข้าห้องน้ำ
    การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อ
    ดื่มน้ำที่มีเชื้อแฝงอยู่

*** ไวรัสตับอักเสบเอ จะไม่ติดต่อทางน้ำลาย และปัสสาวะ ***
           อาการผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบเอ : เป็นไข้ตัวร้อน ร่างกายอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน แน่นบริเวณชายโครงด้านขวา ท้องร่วง อุจจาระสีซีด ปัสสาวะสีเข้ม และมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง
ไวรัสตับอักเสบบี

การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี :
    การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อโดยไม่สวมถุงยางอนามัย
    การใช้เข็มฉีดยา เข็มสักตามตัว และการเจาะหู รวมถึงของใช้ส่วนตัว เช่น แปรงสีฟัน มีดโกน และที่ตัดเล็บร่วมกับผู้อื่น
    การติดเชื้อขณะคลอดจากแม่ที่มีเชื้อ (ถ้าแม่มีเชื้อลูกมีโอกาสได้รับเชื้อ 90%)
    การสัมผัสเลือด น้ำคัดหลั่ง โดยผ่านเข้าทางบาดแผล
*** ไวรัสตับอักเสบบี จะไม่ติดต่อทางลมหายใจ อาหารหรือน้ำดื่ม การให้นม และการจูบกัน (ถ้าปากไม่มีแผล) ***

อาการผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบบี : แบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ
    ระยะเฉียบพลัน ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการภายใน 1-4 เดือน หลังติดเชื้อ
        - มีไข้ ตัวเหลือง ตาเหลือง ปวดท้องด้านชายโครงขวา
        - อาการอื่นๆ ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย เป็นผื่น ปวดข้อ

           อาการตับอักเสบระยะเฉียบพลันจะดีขึ้นใน 1-4 สัปดาห์ และจะหายเป็นปกติเมื่อร่างกายสามารถกำจัดและควบคุมเชื้อไวรัสตับอักเสบได้ ซึ่งมักใช้เวลาไม่เกิน 3 เดือน แต่ผู้ป่วยส่วนน้อย (5-10%) ไม่สามารถกำจัดเชื้อออกจากร่างกายได้หมด ทำให้ผู้ป่วยมีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง

    ระยะเรื้อรัง แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
        พาหะ คือ ผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในร่างกาย ซึ่งผู้ป่วยจะไม่แสดงอาการแต่สามารถแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้ ดังนั้นการแต่งงานหรือมีเพศสัมพันธ์ควรตรวจหาไวรัสตับอักเสบบีก่อน เพื่อป้องกันการติดเชื้อ แต่ผู้ป่วยที่เป็นพาหะผลการตรวจเลือดจะพบค่าการทำงานของตับอยู่ในเกณฑ์ปกติ
        ตับอักเสบเรื้อรัง คือ ผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในร่างกาย และตรวจเลือดพบค่าการทำงานของตับผิดปกติ (การติดเชื้อแบบเรื้อรังมักพบบ่อยในเด็กที่ติดเชื้อตั้งแต่แรกเกิด)
        ผู้ป่วยส่วนมากมักไม่แสดงอาการ แต่ในบางรายอาจมีอาการอ่อนเพลียหรือเบื่ออาหาร

ไวรัสตับอักเสบซี

           การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี : สามารถติดต่อกันทางเลือดหรือการมีเพศสัมพันธ์คล้ายกับไวรัสตับอักเสบบี แต่ไม่สามารถติดต่อกันได้ผ่านการให้นมบุตร และการไอ จามรดกัน
           อาการผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซี : อาการของผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบจะมีการคล้ายกัน คือ ตัวเหลือง ตาเหลือง(หรือที่เรียกกันว่าดีซ่าน) มีปัสสาวะสีเข้ม อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ปวดชายโครงขวา ปวดกล้ามเนื้อและปวดข้อ

           ทั้งนี้การที่จะแยกว่าอาการตับอักเสบเกิดจากเชื้อไวรัสชนิดใด ต้องทำการตรวจร่างกายโดยอายุรแพทย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ ตรวจหาเชื้อไวรัสและภูมิคุ้มกัน ภูมิที่แสดงถึงการติดเชื้อ ต่อไวรัสตับอักเสบชนิดต่างๆ และสามารถป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อได้ โดยการไม่นำตัวเองไปเสี่ยงต่อการติดเชื้อตามที่กล่าวมาข้างต้น และฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันไว้รัสตับอักเสบชนิดต่างๆ

49
โถสุขภัณฑ์เป็นอุปกรณ์ชิ้นสำคัญภายในห้องน้ำ การเลือกรูปทรงของ ขนาดชักโครก โถสุขภัณฑ์จึงสำคัญทั้งในแง่ของการใช้งาน และดีไซน์ที่สะท้อนสไตล์ของคุณ

เมื่อพูดถึงห้องน้ำ สิ่งแรกที่คนนึกถึงมักเป็น “โถสุขภัณฑ์” หรือ ทั่วไปเรียกว่า ขนาดชักโครก เพราะเป็นอุปกรณ์ชิ้นสำคัญที่ขาดไม่ได้ ไม่ได้เพียงแค่ใช้เพื่อการขับถ่ายหรือทำธุระส่วนตัวเท่านั้น หากแต่ยังเป็นสิ่งที่ช่วยยกระดับพื้นที่ห้องน้ำของคุณให้สวยงามมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ นอกจากจะเลือกว่าควรใช้โถสุขภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีด้านความสะอาดเพื่อสุขอนามัยที่ดีแล้วนั้น การเลือกรูปทรงของโถสุขภัณฑ์ก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน มาดูว่าโถสุขภัณฑ์โดยทั่วไปนั้นมีรูปทรงอย่างไรบ้าง และแต่ละทรงเหมาะกับสไตล์ห้องน้ำแบบไหน



รูปทรงของโถสุขภัณฑ์ มีอะไรบ้าง
ในความเป็นจริงแล้ว โถสุขภัณฑ์ หรือ โถชักโครก มีอยู่ด้วยกันหลากหลายรูปทรง แต่โดยทั่วไปมักแบ่งออกเป็น 3 รูปทรงใหญ่ ๆ ซึ่งแต่ละทรงนั้น มีจุดดีและจุดเด่นแตกต่างกันออกไป ดังนี้

1. โถสุขภัณฑ์รูปทรงอีลองเกต (Elongated)
สุขภัณฑ์รูปทรงอีลองเกต มีลักษณะเป็นทรงเรียวยาว นับเป็นหนึ่งในทรงที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะเป็นทรงพื้นฐานของโถสุขภัณฑ์ มีให้เลือกด้วยกันหลากหลายรุ่น หลากหลายดีไซน์ สามารถเลือกติดตั้งคู่กับฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET เพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและสุขอนามัยภายในห้องน้ำได้ โดยมีจุดที่ต้องคำนึงถึงคือ หากเป็นโถสุขภัณฑ์ทรงอีลองเกต (ทรงยาว) จำเป็นต้องมีระยะรูยึดน็อตที่โถสุขภัณฑ์เพื่อติดตั้งฝารองนั่ง 14 ซม. และระยะจากรูยึดน็อตของฝารองนั่งด้านใดด้านหนึ่งถึงหม้อน้ำเป็นระยะอย่างน้อย 5 ซม. ก็จะสามารถใส่คู่กับฝารองนั่งอัตโนมัติได้พอดี

ทั้งนี้ โถสุขภัณฑ์ทรงอีลองเกต เหมาะสำหรับดีไซน์ห้องน้ำทั่วไป ติดตั้งได้ทั้งห้องน้ำขนาดเล็ก มีพื้นที่จำกัด ไปจนถึงห้องน้ำขนาดกว้าง เพราะใช้พื้นที่ในการติดตั้งค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับทรงอื่น ๆ โดยหากห้องน้ำของคุณเป็นสไตล์โมเดิร์น แต่ยังมีความผสมผสานกลมกลืนกับธรรมชาติ ก็สามารถเลือกใช้สุขภัณฑ์อัจฉริยะรูปทรงอีลองเกตได้ ตอบโจทย์ทั้งเรื่องของดีไซน์ที่สวยงาม และฟังก์ชันอัตโนมัติที่ช่วยลดการสัมผัสตัวสุขภัณฑ์ เข้ากับไลฟ์สไตล์ วิถีชีวิตแบบ New Normal

2. โถสุขภัณฑ์รูปทรง D (D-Shape)
สุขภัณฑ์ทรงนี้จะต่างจากทรงอีลองเกตเล็กน้อย ตรงที่จะมีความกว้างมากกว่า สามารถนั่งลงบนโถสุขภัณฑ์ได้อย่างเต็มที่ ลักษณะรูปทรงคล้ายตัวอักษรภาษาอังกฤษตัว D ซึ่งหากเป็นโถสุขภัณฑ์ธรรมดานั้น สามารถเลือกติดตั้งคู่กับฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET ได้เช่นเดียวกับทรงอีลองเกต แต่จำเป็นต้องพิจารณาถึงขนาดของฝารองนั่ง รวมถึงฝาอัตโนมัติต้องเป็นทรง D เช่นเดียวกัน
สำหรับสุขภัณฑ์รูปทรง D-Shape นั้นจะมีดีไซน์โค้งมน เรียบหรู ช่วยให้ห้องน้ำของคุณดูนุ่มนวล ไม่ขรึมมากจนเกินไปนัก เข้ากันได้ดีกับกระเบื้องห้องน้ำโทนสีอ่อน เช่น สีครีม หรือ สีเบจ จะช่วยให้ห้องน้ำของคุณดูสว่าง สดใส มองแล้วรู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น

3. โถสุขภัณฑ์รูปทรงสแควร์ อีลองเกต (Square Elongated)
สำหรับใครที่อยากมองหาความแปลกใหม่ นอกเหนือไปจากทรงกลมมนที่คุ้นเคย โถสุขภัณฑ์รูปทรงสแควร์ อีลองเกต อาจตอบโจทย์ที่คุณมองหา เนื่องจากมีดีไซน์โฉบเฉี่ยว เหลี่ยมมุมของสุขภัณฑ์ ช่วยยกระดับให้พื้นที่ห้องน้ำของคุณดูโดดเด่น มีสไตล์มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะหากติดตั้งคู่กับพื้นกระเบื้องห้องน้ำลายก้างปลา ก็จะทำให้ภาพรวมของห้องดูกลมกลืน เป็นไปในแนวทางเดียวกัน แต่ก็ยังคงมีลูกเล่นที่ทำให้ไม่น่าเบื่อเกินไปนัก สุขภัณฑ์ทรงสแควร์ อีลองเกต มีจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือมีพื้นที่ฝารองนั่งค่อนข้างกว้าง นั่งสบาย เหมาะสำหรับฝารองนั่งชักโครก ผู้สูงอายุ และผู้ที่ชอบใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนาน ๆ แต่ควรติดตั้งในห้องน้ำที่มีขนาดใหญ่ เนื่องจากจำเป็นต้องใช้พื้นที่สำหรับติดตั้งมากกว่ารูปทรงก่อนหน้านี้

50
ปัญหาริ้วรอยเกิดจากอะไร

ริ้วรอยเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในผู้ที่มีอายุ โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่วัยกลางคนขึ้นไป สาเหตุของการเกิดริ้วรอยมีหลายประการ อาทิเช่น
    การลดลงของคอลลาเจนและอีลาสติน: เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ร่างกายผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินได้น้อยลง ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่นและเกิดริ้วรอยง่ายขึ้น
    แสงแดดและรังสี UV: แสงแดดเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวเสื่อมสภาพ รังสี UV ทำลายเนื้อเยื่อผิวและเร่งกระบวนการเกิดริ้วรอย
    พฤติกรรมการใช้ชีวิต: การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ การนอนหลับไม่เพียงพอ และความเครียด สามารถส่งผลต่อสุขภาพผิวและทำให้เกิดริ้วรอยเร็วขึ้น
    การแสดงอารมณ์บ่อย: การแสดงสีหน้าบ่อย เช่น การหัวเราะ หงุดหงิด หรือเครียด เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเส้นริ้วบนใบหน้า
    พันธุกรรม: ปัจจัยด้านพันธุกรรมก็มีผลต่อความยืดหยุ่นของผิวและการเกิดริ้วรอย



วิธียกกระชับหน้าให้แลดูอ่อนเยาว์

1. ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว, การทำทรีทเม้นท์, โบท็อก ลดริ้วรอย, ฟิลเลอร์ Filler
ผลิตภัณฑ์สูตรลดริ้วรอย ควรมีคุณสมบัติในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ต้านอนุมูลอิสระ และช่วยผลัดเซลล์ผิว ซึ่งส่วนผสมที่นิยมใช้กันได้แก่ เรตินอยด์ (Retinoids), วิตามินซี (Ascorbic acid), อัลฟา ไฮดรอกซี แอซิด (AHA), ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide), โคเอนไซม์ คิวเทน (Coenzyme Q10), และกรดไฮยาลูโรนิค

2.การทำหัตการด้วยเครื่องมือแพทย์
   
2.1 Exilis Ultra 360
Exilis Ultra 360 คือ การส่งคลื่นความร้อนที่มีความปลอดภัยสูงไปสู่ชั้นผิวหนังเรียกได้ว่าเป็น NEW Model ที่สามารถผสมผสาน ระหว่าง พลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูง (Monopolar RF) และ คลื่นเสียง Ultrasound เข้าไว้ด้วยกัน ทำให้การส่งพลังงานสามารถกระจายได้อย่างทั่วถึง ซึ่ง Exilis Ultra 360 จะส่งผ่านพลังงาน 2 ชนิดเข้าไปกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจน รวมทั้งทำให้คอลาเจนใต้ผิวแข็งแรง ช่วยให้ผิวบริเวณที่มีริ้วรอยกระชับได้
   
2.2 Ulthera
วิธีลดริ้วรอยด้วย Ulthera เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยในการยกกระชับผิวหน้า ปัจจุบันเริ่มเป็นที่คุ้นเคยมากขึ้น โดยการทำงานของ Ulthera จะไม่ต้องฉีดหรือใช้เข็ม ทำงานโดยใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์ที่ยิงเข้าไปใต้ชั้นผิว เหมาะกับคนที่ต้องการปรับโครงสร้างหน้าและมีริ้วรอยเล็ก ๆ ช่วย ลดริ้วรอย แก้ไขความหย่อนคล้อยและเพิ่มความกระชับให้กับบริเวณผิวหน้า
   
3.3. New Doublo 2.0
New Doublo 2.0 คือ เครื่องมือในการยกกระชับผิว ที่มาพร้อมกับ Synergy Effect เป็นการรวม 2 พลังงานสำคัญในการกระตุ้นคอลลาเจน ยกกระชับผิว ด้วย คลื่นเสียง - MFU (Micro Focused Ultrasound) และ คลิ่นวิทยุ - RF (Redio Frequency) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่มีเฉพาะเครื่อง Doublo 2.0 เครื่องแรกและเครื่องเดียวเท่านั้น

ริ้วรอยเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นตามวัยและปัจจัยเสริมต่าง ๆ ซึ่งสามารถป้องกันและบำรุงรักษาได้ด้วยวิธีการดูแลผิวอย่างเหมาะสม รวมถึงการเลือกใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์เพื่อยกกระชับหน้าให้ดูอ่อนเยาว์และสุขภาพดีขึ้น หากสนใจวิธีการดูแลและฟื้นฟูผิว ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกแนวทางที่เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

หน้า: [1] 2 3 4