ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - ษิตร์พัฒจ์ เจิมจริง

หน้า: [1] 2 3
1
หากเราวางแผนชีวิตไว้ดีเช่นไร ในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤตกับสภาพเศรษฐกิจในครอบครัว ปัญหาหนึ่งคือการขาดสภาพคล่องจำนวนเงินและภาระค่าใช้ต่างๆ หากวันหนึ่งประสบปัญหาทางการเงินจนทำให้จ่ายค่าเบี้ยประกันสุขภาพไม่ไหว ทางเลือกต่อไปนี้จะช่วยให้เรายังคงได้รับความคุ้มครองตามสัญญาประกันชีวิต (ขึ้นอยู่กับประเภทและเงื่อนไขของกรมธรรม์) แม้เงื่อนไขอาจต้องเปลี่ยนแปลงไปบ้างสำหรับบางกรณี

1. ชำระเบี้ยประกันในระยะเวลาผ่อนผัน
   ผู้ซื้อประกันชีวิตหลายคนไม่ทราบข้อกำหนดเรื่องระยะเวลาผ่อนผันการชำระเบี้ย 31 วัน นับตั้งแต่วันที่ครบกำหนดชำระเบี้ย ดังนั้น  หากถึงกำหนดชำระแล้วยังมีเงินไม่เพียงพอ  แต่จะสามารถหาเงินมาได้ครบจำนวนทันเวลาดังกล่าว การเลื่อนชำระตามกำหนดมาเป็นช่วงระยะเวลาผ่อนผันก็นับเป็นวิธีแก้ไขปัญหาที่ดี ซึ่งในระหว่างระยะเวลาผ่อนผันกรมธรรม์ยังคงมีผลบังคับ และถ้าระหว่างนั้นเราเสียชีวิต บริษัทจะหักเบี้ยประกันที่ยังไม่ได้จ่ายออกจากทุนประกันชีวิต สิ่งสำคัญคือ ต้องระวังไม่ปล่อยให้พ้นระยะเวลาผ่อนผันถ้าเลยเวลาแล้ว แต่กรมธรรม์ยังมีมูลค่าเวนคืน (คือ เมื่อชำระเบี้ยประกันตั้งแต่ 2 หรือ 3 ปี ขึ้นไป)  กรมธรรม์จะมี “มูลค่าเวนคืน” เป็นจำนวนเงินตามจำนวนที่กำหนดไว้ในตารางมูลค่ากรมธรรม์ ซึ่งเราสามารถขอยกเลิกกรมธรรม์เพื่อรับเงินค่าเวนคืนจากบริษัทได้ แต่จะทำให้ความคุ้มครองทั้งหมดสิ้นสุดลง) บริษัทจะนำมูลค่าเวนคืนมาใช้ในการแก้ไขปัญหาการไม่ชำระเบี้ยประกันของเรา เช่น เปลี่ยนเป็นกรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จหรือเป็นกรมธรรม์แบบขยายเวลาตามข้อ 5 หรือชำระเบี้ยอัตโนมัติตามข้อ 6 ที่จะ กล่าวถึงต่อไป แต่ถ้ากรมธรรม์ไม่มีมูลค่าเวนคืน กรมธรรม์จะขาดอายุและสิ้นผลบังคับ



2. ขอเปลี่ยนงวดการชำระเบี้ยประกัน
   หากประเมินสถานการณ์แล้วว่า จะหาเงินก้อนมาชำระค่าเบี้ยรายปีไม่ทันระยะเวลาผ่อนผันตามข้อ 1 
หรือเก็บเงินก้อนไม่สำเร็จ แต่ยังคงมีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ การเปลี่ยนจากชำระเงินคราวเดียวเป็นก้อนใหญ่รายปี (ราย 12 เดือน) มาเป็นแบ่งชำระ
ทุกเดือน ทุก 3 เดือน หรือ 6 เดือน ก็อาจเป็นทางออกให้เรา แต่วิธีนี้มีข้อเสียคือค่าเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายเมื่อรวมทุกงวดในรอบปีเดียวกันจะสูงกว่า
การชำระ เบี้ยเป็นรายปี ยิ่งแบ่งงวดการชำระมากเท่าไหร่ ค่าเบี้ยประกันโดยรวมจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย จึงควรไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจเปลี่ยนงวดการชำระ

3. ลดจำนวนเงินเอาประกันภัยลง
          หากมองไปในอนาคตแล้วเห็นว่าเบี้ยประกันที่จ่ายอยู่จะเป็นภาระที่มากเกินไปในระยะยาวหรือเห็นว่าจะชำระไม่ไหว การลดจำนวนเงินเอาประกันลงก็จะช่วยให้เบี้ยประกันที่ต้องจ่ายลดลง โดยจำนวนเงินเอาประกันที่ขอลดต้องไม่ต่ำกว่าทุนประกันขั้นต่ำที่กำหนด และต้องไม่มีหนี้กับบริษัทประกันชีวิตนั้นขณะขอลดทุนประกัน

4. เปลี่ยนแบบกรมธรรม์
          เราสามารถขอเปลี่ยนแบบประกันภัยเป็นแบบอื่นตามที่บริษัทกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขไว้ หากมีระบุไว้ในกรมธรรม์หรือได้รับความเห็นชอบจากบริษัท และหากมีส่วนต่างของเบี้ยประกันหรือเงินค่าเวนคืนกรมธรรม์ บริษัทจะคืนเงินให้หลังหักด้วยหนี้สินที่มี หรือเก็บเงินเพิ่มแล้วแต่กรณี แต่ต้องไม่ลืมที่จะพิจารณาก่อนว่าประกันแบบใหม่นั้นตรงตามความต้องการของตัวเองหรือไม่

5. เปลี่ยนเป็น “กรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จ” หรือเป็น “กรมธรรม์แบบขยายเวลา”
          หากคิดแล้วว่าจากนี้ไปจะต้องตัดรายจ่ายค่าเบี้ยประกันออกอย่างถาวรหรือไม่สามารถชำระได้อีก แต่ได้ชำระเบี้ยประกันจนมีมูลค่าเวนคืนกรมธรรม์และกรมธรรม์ยังมีผลบังคับ เรามีสิทธิขอเปลี่ยนเป็นกรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จหรือเป็นกรมธรรม์แบบขยายเวลา สำหรับทั้ง 2 วิธีนี้ ผู้เอาประกันจะไม่ต้องชำระเบี้ยประกันอีกต่อไป แต่ความคุ้มครองของสัญญาเพิ่มเติมที่แนบท้ายกรมธรรม์ก็จะสิ้นสุดลง ซึ่งบริษัทจะนำค่าเวนคืนกรมธรรม์มาคำนวณเป็นเบี้ยประกันภัยชำระครั้งเดียวเพื่อซื้อกรมธรรม์ใหม่ ได้ 2 แบบที่เหมาะกับเรา คือ (1) ระยะเวลาเท่าเดิมแต่เงินเอาประกันลด เรียกว่ากรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จ หรือ (2) เงินเอาประกันเท่าเดิม ระยะเวลาลด เรียกว่ากรมธรรม์ขยายเวลา (คือขยายเวลาต่อไปจากวันที่ใช้สิทธิ ตามจำนวนปีและวันที่ระบุ)

6. นำมูลค่าเวนคืนมาชำระเบี้ยประกันภัยโดยอัตโนมัติ
          เมื่อถึงกำหนดวันสิ้นสุดระยะเวลาผ่อนผันชำระเบี้ยประกัน แล้วยังไม่ได้จ่ายเบี้ยประกัน และไม่ได้ใช้สิทธิตามข้อ 5 บริษัทจะนำมูลค่าเวนคืนในกรมธรรม์มาชำระเบี้ยประกันโดยอัตโนมัติในลักษณะของการกู้ยืม ซึ่งคิดดอกเบี้ยทบต้นในอัตราดอกเบี้ยที่ระบุในกรมธรรม์และบวกเพิ่มดอกเบี้ยอีกร้อยละ 2 ต่อปี โดยมีเงื่อนไขว่าถ้ามูลค่าเวนคืนเพียงพอจ่ายเบี้ยประกัน บริษัทจะกู้ยืมไปเรื่อย ๆ ทุกปี จนกว่ามูลค่าจะเหลือไม่พอ แต่ถ้ามูลค่าเวนคืนไม่พอจ่ายเบี้ยประกัน บริษัทจะแปลงกรมธรรม์เดิมเป็น “กรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จ” หรือ “กรมธรรม์แบบขยายเวลา” (ข้อ 5) โดยอัตโนมัติ ส่วนการชำระคืนเงินกู้นั้น สามารถนำเงินมาจ่ายคืนได้ภายหลังพร้อมดอกเบี้ยตามที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์

2
ห้องน้ำสมัยใหม่ไม่ใช่แค่สถานที่ใช้สำหรับทำธุระส่วนตัวแล้วออกไปเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่ที่ช่วยให้เราสามารถเริ่มต้นและจบวันด้วยความรู้สึกดี ซึ่งหมายความว่าห้องน้ำไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของการใช้งานเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงความสะดวกสบายและความสวยงาม การเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสมจึงสามารถช่วยเสริมทั้งสองด้านนี้ได้ และในบรรดาอุปกรณ์เหล่านี้ อ่างล้างหน้าห้องน้ำก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง มีอ่างล้างหน้าห้องน้ำหลายประเภท ซึ่งแต่ละแบบก็มีข้อดีเฉพาะด้านในเรื่องของสไตล์และการใช้งาน

    1.อ่างล้างหน้าติดผนัง (Wall-Hung Basins)
    เหมาะสำหรับ: ห้องน้ำสมัยใหม่ขนาดกะทัดรัด ที่ต้องการใช้พื้นที่บนพื้นให้มากที่สุด
อ่างล้างหน้าติดผนังจะถูกติดตั้งโดยตรงกับผนัง ทำให้พื้นด้านล่างว่างเปล่า การออกแบบนี้ไม่เพียงแต่ให้ลุคที่ดูเรียบหรูและร่วมสมัย แต่ยังช่วยเพิ่มพื้นที่ว่างด้านล่างให้สามารถใช้งานได้ดีขึ้น อ่างล้างหน้าประเภทนี้เหมาะกับห้องน้ำขนาดเล็กหรือห้องแต่งตัวที่มีพื้นที่จำกัด นอกจากนี้ ยังเป็นอุปกรณ์ที่สามารถปรับใช้ร่วมกับเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ได้หลากหลาย หรือใช้เป็นชิ้นเดียวก็ได้ขึ้นอยู่กับพื้นที่และความชอบของแต่ละคน

    2.อ่างล้างหน้าบนเคาน์เตอร์ (Countertop Basins)
    เหมาะสำหรับ: ห้องน้ำที่มีพื้นที่เคาน์เตอร์กว้าง มักพบในห้องน้ำขนาดใหญ่หรือห้องน้ำหลัก
วางอยู่บนตู้เฟอร์นิเจอร์หรือเคาน์เตอร์ อ่างล้างหน้าประเภทนี้มีชื่อเสียงในด้านความสวยงามและความทันสมัย เป็นจุดศูนย์กลางที่น่ามองในห้องน้ำ มีหลายรูปทรงและวัสดุให้เลือก ทำให้สามารถปรับแต่งให้เข้ากับสไตล์และรสนิยมได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ ยังมีความยืดหยุ่นในการติดตั้ง เข้ากันได้ดีกับเฟอร์นิเจอร์ห้องน้ำหลากหลายแบบ



    3.อ่างล้างหน้าแบบฝังใต้เคาน์เตอร์ (Undercounter Basins)
    เหมาะสำหรับ: ห้องน้ำที่ต้องการความเรียบเนียนและสะอาดเป็นพิเศษ
อ่างล้างหน้าประเภทนี้มักติดตั้งใต้เคาน์เตอร์เพื่อให้ได้รูปลักษณ์ที่เรียบเสมอกันและไร้รอยต่อ อ่างจะมองไม่เห็นจากด้านบน เหลือไว้เพียงขอบและภายในเท่านั้น เป็นตัวเลือกยอดนิยมในกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบความมินิมอลและความเรียบร้อย อ่างล้างหน้าประเภทนี้ง่ายต่อการทำความสะอาดและดูแลรักษา ช่วยเสริมความเรียบร้อยและความสวยงามให้กับดีไซน์ห้องน้ำ

    4.อ่างล้างหน้าฝังครึ่งเคาน์เตอร์ (Semi-Recessed Basins)
    เหมาะสำหรับ: ห้องน้ำที่มีพื้นที่จำกัดแต่ยังต้องการความสวยงามของอ่างบนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า
อ่างล้างหน้าฝังครึ่งเคาน์เตอร์เป็นการผสมผสานระหว่างอ่างบนเคาน์เตอร์และอ่างแบบติดตั้งเข้าไปในเคาน์เตอร์ บางส่วนของอ่างจะตั้งอยู่บนพื้นผิวเคาน์เตอร์ โดยส่วนหน้าของอ่างจะยื่นออกมานอกขอบ การออกแบบนี้ให้ประโยชน์ของอ่างบนเคาน์เตอร์ในขณะที่ช่วยประหยัดพื้นที่บนเคาน์เตอร์ เป็นทางเลือกที่ดีในห้องน้ำที่มีข้อจำกัดด้านพื้นที่ แต่ยังคงต้องการความสวยงามและความสะดวกในการใช้งาน

    5.อ่างล้างหน้าแบบขาตั้ง (Pedestal Sinks)
    เหมาะสำหรับ: การออกแบบห้องน้ำแบบคลาสสิกและดั้งเดิมที่พบได้ในบ้านเก่า
อ่างล้างหน้าประเภทนี้ประกอบด้วยอ่างที่ติดตั้งบนแท่นเสา ซึ่งช่วยสร้างลุคคลาสสิกและไม่มีวันตกยุคได้อย่างลงตัว กระบอกเสาช่วยซ่อนท่อน้ำและสายไฟ ทำให้ห้องน้ำดูเรียบร้อยและสวยงาม มีดีไซน์ที่หลากหลาย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเพิ่มความวินเทจหรือความคลาสสิกให้กับห้องน้ำ

การเลือกใช้อ่างล้างหน้าที่เหมาะสมสามารถเพิ่มความสวยงามและความสะดวกสบายให้กับห้องน้ำได้อย่างมาก ลองพิจารณาเลือกตามพื้นที่และสไตล์ที่ต้องการ เพื่อสร้างห้องน้ำในแบบที่เป็นตัวเองที่สุด


3
ผิวหน้ามีริ้วรอย หย่อนคล้อยเป็นสัญญาณแห่งวัยที่หลีกเลี่ยงได้ยาก แต่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะชะลอและฟื้นฟู สาเหตุของผิวหน้าหย่อนคล้อยคืออะไร และมีวิธีบำรุงรักษาอย่างไรให้ผิวกลับมาดูอ่อนเยาว์อีกครั้ง
เมื่อกาลเวลาผ่านไป สัญญาณแห่งวัยก็เริ่มปรากฏขึ้น หนึ่งในปัญหาที่สร้างความกังวลใจให้กับหลายๆ คนคือ "ผิวหน้าหย่อนคล้อย" ไม่ว่าจะเป็นแก้มที่ดูไม่กระชับ คางสองชั้นที่เริ่มเห็นชัด หรือริ้วรอยที่ปรากฏตามจุดต่างๆ ปัญหาเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อความมั่นใจและภาพลักษณ์โดยรวม

ผิวหน้าหย่อนคล้อยเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ทั้งที่ควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ ดังนี้:
    อายุที่เพิ่มขึ้น: เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินได้น้อยลง ซึ่งเป็นโครงสร้างสำคัญที่ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นและกระชับ
    แสงแดด: รังสี UV จากแสงแดดทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
    การแสดงสีหน้าซ้ำๆ: การยิ้ม ขมวดคิ้ว หรือหรี่ตาซ้ำๆ เป็นเวลานาน ทำให้เกิดริ้วรอยร่องลึกและผิวหย่อนคล้อยได้
    การสูบบุหรี่: สารนิโคตินในบุหรี่ทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวดูแก่กว่าวัย
    การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว: การสูญเสียน้ำหนักอย่างรวดเร็วอาจทำให้ผิวไม่มีเวลาปรับตัว ทำให้เกิดความหย่อนคล้อย
    พันธุกรรม: บางคนอาจมีแนวโน้มที่จะมีผิวหย่อนคล้อยเร็วกว่าคนอื่นเนื่องจากพันธุกรรม



วิธีบำรุงรักษาและชะลอผิวหน้าหย่อนคล้อย
แม้ว่าเราจะไม่สามารถหยุดยั้งกระบวนการชราตามธรรมชาติได้ แต่เราสามารถชะลอและฟื้นฟูยกกระชับหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้นได้ด้วยวิธีการบำรุงที่ถูกต้องและสม่ำเสมอ:

    การดูแลผิวด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสม:
        ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอยด์ (Retinoids): ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ลดริ้วรอย และปรับสภาพผิว
        ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซี (Vitamin C): เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
        ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid): ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ดูอิ่มฟู และลดริ้วรอยตื้นๆ
        ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเปปไทด์ (Peptides): ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น
        ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไนอะซินาไมด์ (Niacinamide): ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว ลดการอักเสบ และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ

ทางเลือกอื่นๆ สำหรับการยกกระชับผิว (ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ):
หากปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อยมีความรุนแรง และการบำรุงด้วยผลิตภัณฑ์เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ อาจพิจารณาทางเลือกอื่นๆ ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่คลินิก เช่น:
    การทำเลเซอร์ยกกระชับ: เลเซอร์บางชนิดสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและยกกระชับผิวได้
    การทำอัลตราซาวด์ยกกระชับ (Ultrasound Lifting): เป็นการใช้พลังงานอัลตราซาวด์เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวที่ลึกขึ้น
    การทำคลื่นวิทยุ (Radiofrequency - RF): เป็นการใช้พลังงานคลื่นวิทยุเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและยกกระชับผิว
    การฉีดฟิลเลอร์ (Fillers): ใช้เพื่อเติมเต็มริ้วรอยร่องลึก และช่วยยกกระชับผิวในบางบริเวณ
    การร้อยไหม (Thread Lifting): เป็นการใช้ไหมทางการแพทย์สอดเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อยกกระชับผิว
    การผ่าตัดดึงหน้า (Facelift Surgery): เป็นวิธีการที่ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุด แต่ก็มีความเสี่ยงและระยะเวลาพักฟื้นที่ยาวนานกว่า

4
ประกันออนไลน์ การวางแผนชีวิตและการวางแผนด้านสุขภาพของคนในสังคมปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การดูแลสุขภาพการกิน การออกกำลังกาย ไปจนถึงการสร้างหลักประกันให้สุขภาพ แต่ก็ยังมีคนจำนวนไม่น้อยมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว
ถ้าใครได้เข้ามาอ่านบทความนี้ มาเปลี่ยน 5 ความเชื่อเดิมๆ เป็นการสร้างแนวคิดใหม่เกี่ยวกับการทำประกันสุขภาพกัน

มาเริ่มกันที่ความเชื่อแรก “แข็งแรงอยู่แล้ว ไม่ต้องทำประกันสุขภาพ”
เป็นความเชื่อที่ผิดอย่างมาก เพราะความเป็นจริงคนที่มีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีประวัติการเจ็บป่วย จะได้รับการพิจารณาจากบริษัทประกันได้ง่ายกว่า แต่ในทางกลับกันหากเรามีสุขภาพที่ไม่แข็งแรงและเคยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลด้วยโรคต่างๆ บริษัทประกันอาจนำข้อมูลส่วนนี้มาพิจารณาเพิ่มเติม ทำให้การทำประกันนั้นยากขึ้น หรือ อาจจะไม่รับไปกันเลยก็ได้



ความเชื่อที่สอง “ประกันสวัสดิการที่ได้จากบริษัท เพียงพอแล้ว”
อย่าพึ่งชะล่าใจไปค่ะ เนื่องจากแต่ละบริษัทมีมาตรการความคุ้มครองสุขภาพของพนักงานที่แตกต่างกันออกไป บางที่ให้การคุ้มครองรอบด้าน แต่บางองค์กรนั้น อาจมีความคุ้มครองที่ไม่ครอบคลุม หรือเพียงพอกับค่ารักษาพยาบาล และต้องไม่ลืมว่าเราไม่ได้ทำงานที่นั้นตลอดไป อีกทั้งการเจ็บป่วยสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรละเลยการพิจารณาการทำประกันแบบส่วนบุคคลติดตัวไว้

ความเชื่อที่สาม “อายุยังน้อย ประกันไม่จำเป็น”
ในขณะที่เราอายุยังไม่มากนัก มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงจึงคิดว่าการทำประกันเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น ทั้งที่ความเป็นจริงการทำประกันคือการบริหารความเสี่ยงในทุกๆ ด้านที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะยิ่งอายุมากความเสี่ยงก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งการทำประกันในขณะที่อายุยังน้อยมีข้อได้เปรียบสูง ทั้งค่าเบี้ยที่ถูกกว่าคนทำประกันในอายุที่มากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้มีเงินสำรองในการรักษาพยาบาลยามฉุกเฉินในอนาคตได้

ความเชื่อที่สี่ “ไม่จำเป็นต้องทำประกันบำนาญ” 
รู้หรือไม่ว่าการมีทางเลือกของแผนประกันบำนาญเป็นเรื่องที่เราควรเตรียมความพร้อมไว้ตั้งแต่อายุยังน้อย เพื่อให้มีค่าใช้จ่ายไว้ดูแลตัวเองในยามที่เกษียณอายุ อีกทั้งหากเราเริ่มทำประกันบำนาญตั้งแต่เนิ่นๆ นอกจากจะชำระเบี้ยในอัตราที่น้อยกว่า ยังอาจเป็นหนึ่งทางเลือกดีๆ ให้เกษียณอายุก่อนกำหนดได้อีกด้วย นอกจากจะได้เก็บเงินเพื่ออนาคตของคุณแล้ว ประกันบำนาญยังลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 300,000 บาทอีกด้วย

ความเชื่อที่ห้า “โรคร้ายแรงเป็นเรื่องไกลตัว”
อันนี้คิดผิดคิดใหม่ได้เลย เพราะทุกวันนี้โลกเราเต็มไปด้วยสารเคมีและมลภาวะอันก่อให้เกิดโรคร้ายไม่ว่าจะเป็น  โรคมะเร็ง โรคปอด โรคหัวใจ และอื่นๆ อีกมากมาย ดังนั้นโรคร้ายล้วนเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเป็นอย่างมาก เราไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายที่เคยแข็งแรง ดังนั้นการมีประกันสุขภาพไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ จึงเป็นเรื่องที่ดีที่สุดเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตที่คุณไม่อาจคาดเดาได้ ประกันสุขภาพที่ไหนดี

จากเหตุการณ์การแพร่ระบาดของเชื่อไวรัสต่างๆที่ผ่านมา ก็ทำให้คุณมองเห็นในส่วนหนึ่งแล้วว่า โรคภัยต่างๆไม่ได้อยู่ไกลตัวคุณเลย รวมถึงการเจ็บป่วย สถิติของผู้ป่วยโรคร้ายที่สูงขึ้นในแต่ละวัน ประกันชีวิตและประกันสุขภาพจึงมีความจำเป็นอย่างมากในปัจจุบันและอนาคตของคุณ ประกันชีวิตและประกันสุขภาพมีหลากหลายรูปแบบที่ออกมาให้คุณได้เลือกทำตรงตามความต้องการของคุณได้อีกด้วย


5
ช่วงนี้อากาศร้อนมาก เรามาช่วยกันรักโลกให้มากขึ้นกันเถอะ ใครมีไอเทมรักษ์โลกเด็ด ๆ ปัง ๆ อยากป้ายยาคอมเมนต์เสนอไอเทมมาเลย



ในยุคที่เราเผชิญกับปัญหาภาวะโลกร้อน การช่วยเหลือโลกและดูแลสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่สำคัญและเราทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ง่ายๆ ผ่านการใช้ไอเทมรักษ์โลก ที่ไม่เพียงแต่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นการส่งเสริมวิถีชีวิตที่ยั่งยืนด้วย.

1. ถุงผ้า
การใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติกเป็นหนึ่งในวิธีง่ายๆ ที่ช่วยลดขยะพลาสติกในสภาพแวดล้อมได้มาก ถุงผ้ามักมีความทนทานและสามารถใช้งานได้ซ้ำหลายครั้ง นอกจากนี้ยังเป็นการลดการผลิตถุงพลาสติกซึ่งเป็นต้นเหตุของมลพิษที่จะทำให้โลกร้อนขึ้น

2. ขวดน้ำรีฟิล
การเปลี่ยนจากการซื้อน้ำดื่มบรรจุขวดมาใช้ขวดน้ำแบบรีฟิล ช่วยลดการใช้พลาสติกขวดเดียวทิ้ง นอกจากนี้ยังเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว คุณสามารถเติมน้ำจากที่บ้านหรือสถานที่ที่มีน้ำสะอาดได้ตลอดเวลา

3. ไฟ LED
การเปลี่ยนหลอดไฟจากหลอดไส้หรือลอดฟลูออเรสเซนต์มาเป็นไฟ LED ช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่า 80% นั่นหมายถึงการลดการใช้พลังงานจากแหล่งที่ผลิตพลังงานที่มักมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

4. แผ่นทำความเย็นจากธรรมชาติ
สำหรับผู้ที่ต้องการคงความเย็นภายในบ้านในช่วงฤดูร้อน การใช้แผ่นทำความเย็นจากธรรมชาติ เช่น แผ่นหวายหรือแผ่นเซรามิค สามารถลดการใช้เครื่องปรับอากาศได้ ช่วยประหยัดไฟฟ้าและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

5. สินค้าจากวัสดุรีไซเคิล
การเลือกซื้อสินค้าที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลไม่เพียงแต่ช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ แต่ยังเป็นการสนับสนุนการผลิตที่ยั่งยืน เช่น กระดาษรีไซเคิล หรือตู้เย็นที่ทำจากวัสดุยั่งยืน


6
ถ้าพูดถึงการวางแผนทางเงินแบบเบสิกแล้ว โดยทั่วไปหลายคนจะมีวิธีการออมเงินในรูปแบบการประกันชีวิต โดยการฝากเงินในรูปแบบการประกันชีวิต ซึ่งเป็นการวางแผนทางการเงินแบบความเสี่ยงต่ำ เพื่อรักษาเงินต้นไม่ให้หายไป แต่ก็ต้องยอมรับสิ่งที่ตามมาว่าเราจะได้รับผลตอบแทนที่น้อย ยิ่งปัจจุบันเป็นยุคที่มีอัตราดอกเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น แต่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ลดลงเรื่อยๆ แน่นอนว่าเราจำเป็นต้องมองหาแผนทางการเงินใหม่เพื่อที่จะได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น อย่างไรก็ดี ประกันออมทรัพย์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับพิจารณาในการวางแผน

เปลี่ยนเงินฝากมาเป็นประกันออมทรัพย์ หรือ ประกันสะสมทรัพย์ ดีกว่าอย่างไร
ก่อนอื่น เราจำเป็นต้องทำความรู้จักกับ ประกันออมทรัพย์ หรือ ประกันสะสมทรัพย์ กันก่อน ซึ่งประกันออมทรัพย์เป็นประกันอีกรูปแบบหนึ่ง ที่มีหลักการคือเน้นการสะสมเงิน (ออมเงินในรูปแบบการประกันชีวิต) พร้อมกับความคุ้มครองชีวิตเพิ่มขึ้นมา โดยเราจำเป็นต้องส่งเบี้ยประกันตามระยะเวลาที่กรมธรรม์ระบุไว้ เมื่อครบกำหนดประกันออมทรัพย์ก็จะจ่ายเงินคืนให้เรา ซึ่งการจ่ายเงินคืนนี้จะเป็นไปตามที่เราตกลง โดยทั่วไปแล้วจะมีการจ่ายคืนเป็นก้อน หรือจ่ายเงินคืนระหว่างทางตลอดสัญญา และในกรณีที่เราเสียชีวิตระหว่างที่ส่งกรมธรรม์ ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จะได้รับเงินก้อนที่เรียกว่า "จำนวนเงินเอาประกัน" ตามที่ระบุไว้ในกรรมธรรม์
ผลตอบแทนมากกว่า
ผลตอบแทนของประกันออมทรัพย์นั้นเราจำเป็นต้องดูจากผลประโยชน์เกี่ยวกับเงินปันผล เงินคืน และเงินครบกำหนดสัญญา ซึ่งถ้ามีการจ่ายคืนแบบ "คงที่" ตรงนี้เราสามารถคำนวณจำนวนเงินได้ทันที ซึ่งมีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ ดังนั้นประกันออมทรัพย์จึงเหมาะสำหรับใครที่มีเป้าหมายเพื่อออมเงินในรูปแบบการประกันชีวิต และทำประกันชีวิตไปพร้อมๆ กัน ซึ่งตรงนี้ให้ผลตอบแทนที่มากกว่าและตรงใจ



ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้
เงินที่ได้รับจากประกันออมทรัพย์นั้นจะไม่มีการเสียภาษีใดๆ นั่นหมายถึงเราจะได้รับเงินเต็มจำนวนเมื่อครบกำหนดสัญญาของประกันออมทรัพย์ ทั้งนี้ยังสามารถใช้สิทธิเพื่อลดหย่อนภาษีได้เมื่อประกันออมทรัพย์ที่มีอายุกรรมธรรม์และคุ้มครองมากกว่า 10 ปีขึ้นไป สามารถลดหย่อนภาษีเงินได้ส่วนบุคคลได้สูงสุดปีละ 100,000 บาท

ได้รับความคุ้มครองเพิ่ม
การวางแผนทางการเงินในรูปแบบประกันออมทรัพย์ นอกจากจะเป็นการสะสมทรัพย์แล้ว ยังมีการคุ้มครองชีวิตเพิ่มเข้ามาด้วย เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินหรือไม่คาดฝันขึ้น ยังมีความคุ้มครองจากประกันออมทรัพย์ที่จะช่วยคุ้มครองดูแลเราและครอบครัว นอกจากนี้ยังสามารถซื้อประกันอื่นๆ เพิ่มเติมได้เช่น ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ โดยที่จะคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล รวมถึงเงินชดเชยรายได้ระหว่างการพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล

ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน
การลงทุนในรูปแบบประกันออมทรัพย์ ถือเป็นการลงทุนระยะยาวและสม่ำเสมอ เป็นการสร้างวินัยในการออมในรูปแบบการประกันชีวิตได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อครบสัญญาตามกรมธรรม์ ผู้ที่ถือประกันจะได้รับผลตอบแทนและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ตามกำหนด นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในด้านการลงทุนหรือวางแผนอนาคตได้อย่างมั่นคง นั่นก็คือ สามารถกู้เงินในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำจากมูลค่าเวนคืนเงินสดตามกรมธรรม์ได้ ซึ่งเป็นข้อดีสำหรับใครที่ต้องการทำการลงทุน

การฝากเงินธรรมดาทั่วไปให้ผลตอบแทนที่น้อยมากในปัจจุบัน และยังต้องมีการเสียภาษี ซึ่งประกันเหมาจ่าย เป็นอีกหนึ่งทางเลือกทางเลือกที่ดี เพื่อเพิ่มเติมผลตอบแทนในระยะยาว และยังสามารถลดหย่อนภาษีได้ แน่นอนว่าข้อดีนี้เหมาะกับใครที่มีรายได้เข้าเกณฑ์เสียภาษี ที่สำคัญยังเหมาะสำหรับใครที่กำลังมองหาการคุ้มครองชีวิต สุขภาพ รวมถึงอุบัติเหตุ ไว้ให้กับตนเองและครอบครัวอีกด้วย



7
ในยุคปัจจุบัน การดูแลสุขภาพกำลังเป็นสิ่งที่ทุกคนให้ความสำคัญ เนื่องจากโรคภัยไข้เจ็บสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา การซื้อประกันสุขภาพจึงกลายเป็นทางเลือกที่เหมาะสมและจำเป็นสำหรับผู้คนหลายคนในปัจจุบัน ไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับการซื้อประกันสุขภาพ และเหตุผลที่ควรพิจารณาในการทำประกันสุขภาพให้กับตัวเองและครอบครัว

1. ทำไมต้องซื้อประกันสุขภาพ

การซื้อประกันสุขภาพช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณจะได้รับการดูแลที่ดีที่สุดเมื่อเจ็บป่วย โดยประกันสุขภาพจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งปัจจุบันค่ารักษาพยาบาลมีแนวโน้มที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีเหตุผลอื่น ๆ ที่ควรพิจารณา ได้แก่:

    การดูแลสุขภาพที่ดี: คุณจะได้รับการเข้าถึงการรักษาที่ทันท่วงทีและมีคุณภาพ
    ลดหย่อนภาษี: ค่าเบี้ยประกันสุขภาพสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ ช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
    ความสบายใจ: ทำให้คุณมีความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล




2. ประเภทของประกันสุขภาพ

การประกันสุขภาพมีหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทอาจมีข้อกำหนดและความคุ้มครองที่แตกต่างกัน ดังนี้

    ประกันสุขภาพแบบรายปี: ให้ความคุ้มครองในระยะเวลาหนึ่งปี สามารถต่ออายุได้
    ประกันสุขภาพแบบตลอดชีพ: มีความคุ้มครองระยะยาว โดยไม่จำกัดอายุ
    ประกันสุขภาพผู้ป่วยใน: คุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษาเมื่อผู้เอาประกันต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
    ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก: คุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษาที่ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล เช่น ค่าหมอ ค่ายา

3. การเลือกซื้อประกันสุขภาพ

เมื่อคุณตัดสินใจที่จะทำประกันสุขภาพ มีข้อควรพิจารณาเพื่อให้คุณได้รับความคุ้มครองที่ตรงตามความต้องการ

    ตรวจสอบความคุ้มครอง: ควรอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับความคุ้มครองที่ประกันนั้นๆ ให้ หากมีการดูแลค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคเฉพาะหรือบริการเสริม เช่น ฟิตเนสก็อาจทำให้ดีขึ้น
    เปรียบเทียบเบี้ยประกัน: เบี้ยประกันในแต่ละบริษัทอาจแตกต่างกัน ควรเปรียบเทียบราคาและความคุ้มครอง
    ตรวจสอบเงื่อนไข: อ่านเงื่อนไขและข้อยกเว้นของประกัน เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะได้รับความคุ้มครองตามที่ต้องการ
    บริการและเครือข่ายของโรงพยาบาล: ตรวจสอบว่าประกันสุขภาพที่เลือกมีเครือข่ายโรงพยาบาลที่สะดวกและเพียงพอสำหรับคุณ

ประกันสุขภาพที่ไหนดีการซื้อประกันสุขภาพเป็นการลงทุนที่สำคัญเพื่อปกป้องสุขภาพของคุณและครอบครัว ไม่ว่าคุณจะเป็นคนทำงาน หรือเป็นเพียงคนที่ต้องการมีสุขภาพดี ประกันสุขภาพจะช่วยให้คุณมีความมั่นใจในชีวิตประจำวัน เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณมีความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับการซื้อประกันสุขภาพ และช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น

8
เมื่อประกันสุขภาพที่คุ้มครองเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล ในท้องตลาดก็มีความหลากหลาย ทั้งแบบประกันสุขภาพ แบบแยกค่ารักษา    ค่ารักษาพยาบาล และแบบประกันเหมาจ่าย ออกเป็นส่วนๆ จุดดีและข้อจำกัดของประกันสุขภาพ ทั้งสองรูปแบบทำงานต่างกัน วันนี้หากจะต้องตัดสินใจเลือก คุณเลือกจากอะไร เลือกได้บ้างหรือยัง ก่อนที่เราจะเลือกมาใช้งานจริง ลองมาดูกัน



ประกันสุขภาพ แยกค่ารักษาพยาบาล หรือวงเงินค่ารักษา 
จะถูกกำหนดโดยอัตราค่าห้อง อาหาร การพยาบาลในกรณีที่เราเป็นผู้ป่วยใน ควรเลือกให้เหมาะสม (สามารถประมาณได้จากค่าห้องโรงพยาบาลที่ตนเองใช้บริการอยู่เป็นประจำ ค้นหาจากในอินเทอร์เน็ต พิมพ์ค่าห้อง ชื่อโรงพยาบาลได้) ถัดมาคือความคุ้มครองจะแยกออกเป็นวงเงินจำกัดในแต่ละส่วน เช่น วงเงินค่ารักษาต่อครั้ง วงเงินค่าผ่าตัด วงเงินค่าตรวจเยี่ยมของแพทย์
ถ้าเลือกค่าห้องที่สูง วงเงินอื่นๆ ก็จะปรับเพิ่มขึ้นตามไปด้วย และจะมีการกำหนดวงเงินค่ารักษาต่อครั้งจำกัดไว้

จุดเด่นที่สำคัญของประกันสุขภาพแบบแยกค่าใช้จ่าย  แม้จะมีการกำหนดวงเงินค่ารักษาแต่ละครั้งสำหรับโรคใดโรคหนึ่ง แต่จะไม่มีการกำหนดวงเงินสูงสุดต่อปี
ทำให้หากปีนั้นป่วย เป็นผู้ป่วยที่ต้องนอนในโรงพยาบาลด้วยโรค A เมื่อรักษาหายแล้ว ต่อมาอีก 1 เดือน เจ็บป่วยอีกและหากต้องนอนในโรงพยาบาลด้วยโรค B จะทำให้วงเงินในการเบิกรักษาเริ่มนับใหม่ได้ ทั้งนี้ ถ้าเป็นโรคเดิมแต่มีระยะเวลาที่เข้าพักรักษาห่างกันเกิน 90 วัน ก็สามารถเริ่มนับใหม่ได้เช่นเดียวกัน

จุดเด่นถัดไปคือ สามารถเลือกความคุ้มครองตามงบประมาณที่มีจำกัดได้ โดยเลือกเปรียบเทียบค่าห้องให้เหมาะสมกับโรงพยาบาลที่ใช้บริการอยู่กับงบประมาณที่จะใช้วางแผนประกันสุขภาพ ทำให้สามารถแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้ ในกรณีที่ต้องเข้าพักรักษาตัว

ข้อจำกัด เมื่อมีการกำหนดวงเงินค่ารักษา ทำให้แต่ละรายการมีวงเงินคุ้มครองจำกัด ซึ่งอาจไม่ครอบคลุมค่ารักษาที่เกิดขึ้นจริงในปัจจุบันที่มีการเพิ่มขึ้นของค่ารักษาตามเทคโนโลยีที่พัฒนาไปรวมถึงอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบัน ทำให้ผู้เลือกประกันสุขภาพประเภทนี้ อาจมีส่วนต่างที่เบิกไม่ได้ในบางรายการ กรณีการรักษาในครั้งนั้นมีขั้นตอนความซับซ้อน

ประกันสุขภาพ แบบเหมาจ่ายค่ารักษา    มีการกำหนดวงเงินรักษาแบบเหมารวมทุกอย่างต่อปี ให้มีวงเงินสูงสุดที่เท่าไร และบางครั้งอาจมีเงื่อนไขที่กำหนดรายละเอียดเป็นวงเงินการรักษาต่อครั้งเพิ่มเติมด้วย เช่น คุ้มครองการรักษาผู้ป่วยในเหมาจ่ายต่อปี 1 ล้านบาท แต่ให้ความคุ้มครองการรักษาต่อครั้งไม่เกิน 500,000 บาท (ให้จำนวนกี่ครั้งต่อปี) หรือไม่จำกัดจำนวนครั้งและเหมาจ่ายทั้งปีทั้งก้อนรวมตลอดทั้งปีที่ได้รับความนิยมกันในปัจจุบัน

จุดเด่นหลัก ความสบายใจเพราะมีวงเงินเหมาจ่ายค่ารักษาต่อปีให้ไม่จำกัดรายการรักษา ซึ่งเป็นวงเงินที่สามารถเลือกระดับความคุ้มครองได้สูงถึงหลักล้าน ทำให้มีโอกาสครอบคลุมค่ารักษาที่เกิดขึ้นจริง แม้ในอนาคตจะมีการปรับราคาค่าบริการสูงขึ้นโดยไม่ต้องคอยกังวลว่าค่าใช้จ่ายที่โรงพยาบาลแยกออกมาเป็นเรื่องต่างๆ จะเกินวงเงินหรือไม่

ข้อจำกัดที่สำคัญ  เบี้ยประกันค่อนข้างสูง ยิ่งเป็นแผนที่วงเงินเหมาจ่ายสูงมากๆ ค่าเบี้ยจะยิ่งสูงขึ้นตามวงเงินคุ้มครองที่เลือก และเพิ่มตามช่วงอายุของผู้เอาประกันที่มากขึ้น ประกันสุขภาพผู้สูงอายุ นอกจากนั้นประกันแบบเหมาจ่าย มีการจำกัดวงเงินเรื่องค่าห้องพักรักษาซึ่งไม่ได้รวมอยู่ในวงเงินเหมาจ่าย ทำให้ผู้ซื้อประกันสุขภาพแบบนี้อาจมีค่าใช้จ่ายส่วนเกินในเรื่องค่าห้องพักเพิ่มเติมในกรณีที่ค่าห้องสูงเกินวงเงินที่กำหนด


ขอบคุณข้อมูลสนับสนุนความรู้ครั้งนี้ โดยคุณณรงค์ศักดิ์ พิริยะพงศ์ นักวางแผนการเงิน CFP

9
ในบ้านของเรา วาล์วฝักบัว และ ก๊อกน้ำ เป็นอุปกรณ์ที่มีบทบาทสำคัญในการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งในการอาบน้ำ การล้างมือ และการทำความสะอาดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับน้ำ
การทำงานของอุปกรณ์เหล่านี้มีความสำคัญในการควบคุมการไหลของน้ำ เพื่อให้เราได้รับความสะดวกสบายและความปลอดภัยที่ดีที่สุด

หน้าที่หลักของก๊อกฝักบัว
1. การควบคุมน้ำไหล
วาล์วฝักบัวทำหน้าที่ควบคุมการไหลของน้ำผ่านฝักบัว น้ำร้อนไหลและน้ำเย็นสามารถถูกควบคุมได้ตามต้องการ ซึ่งช่วยให้เราสามารถอาบน้ำอย่างสะดวกสบาย
2. ระบบการผสมอุณหภูมิ
วาล์วฝักบัวที่มีคุณภาพจะมีระบบการผสมอุณหภูมิที่ทำให้ผู้ใช้งานได้รับอุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสม โดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนบ่อยๆ
3. ความปลอดภัย
การใช้วาล์วฝักบัวที่มีระบบป้องกันน้ำร้อนเกินไปจะช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกน้ำร้อนทำให้เกิดบาดแผล



หน้าที่ของก๊อกน้ำ
1. จ่ายน้ำตามต้องการ
ก๊อกน้ำทำหน้าที่ในการจ่ายน้ำได้อย่างรวดเร็วและสะดวก โดยสามารถเปิด-ปิดได้ง่ายตามต้องการ
2. ประหยัดน้ำ
ก๊อกน้ำที่มีคุณภาพมักมีเทคโนโลยีที่ช่วยในการประหยัดน้ำ ไม่ให้มีการใช้น้ำที่สูญเสียไปโดยใช่เหตุ ทำให้คุณสามารถลดค่าใช้จ่ายในบิลน้ำได้
3. การออกแบบที่ใช้งานง่าย
ก๊อกน้ำมีหลากหลายรูปแบบและการออกแบบที่ใช้งานง่าย ทำให้เข้ากับการใช้งานในแต่ละบ้านและสไตล์การตกแต่ง

หน้าที่ของก๊อกฝักบัว
1. ความสะดวกสบายในการอาบน้ำ
ก๊อกฝักบัวจะช่วยให้การอาบน้ำทำได้อย่างสะดวก โดยน้ำสามารถไหลได้อย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว
2. ประสิทธิภาพในการทำความสะอาด
ก๊อกฝักบัวมีการกระจายของน้ำที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความสะอาด ทำให้คุณสามารถล้างสบู่และแชมพูได้อย่างง่ายดาย
3. การติดตั้งที่ยืดหยุ่น
ก๊อกฝักบัวมักถูกออกแบบให้สามารถติดตั้งได้ง่ายและมีหลากหลายรูปแบบ รวมถึงการปรับความสูงตามต้องการ เพื่อให้เหมาะสมกับทุกคนในครอบครัว

วาล์วฝักบัว ก๊อกน้ำ และก๊อกฝักบัวมีหน้าที่สำคัญในการทำให้ชีวิตประจำวันของเราสะดวกสบายและปลอดภัย การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพจะช่วยให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งาน
คำแนะนำในการเลือกซื้อ
    ตรวจสอบคุณภาพ - ควรเลือกแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและรีวิวดี
    ดูวัตถุดิบ - วัสดุที่ใช้ต้องมีความทนทานต่อการใช้งาน
    พิจารณาการติดตั้ง - วาล์วฝักบัวและก๊อกน้ำควรติดตั้งง่ายและเหมาะกับสไตล์ของห้องน้ำ
การเข้าใจในหน้าที่และความสำคัญของวาล์วฝักบัว ก๊อกน้ำ และก๊อกฝักบัวจะช่วยให้คุณสามารถเลือกอุปกรณ์ที่ตอบโจทย์การใช้งานของคุณได้อย่างเหมาะสมที่สุด

10
ในยุคที่ทุกคนใส่ใจเรื่องความงามและสุขภาพผิวหน้ามากขึ้น เทคโนโลยีในการดูแลผิวหน้าอย่าง HIFU (High Intensity Focused Ultrasound) และ Multipolar RF (Radio Frequency) จึงได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับหน้า ลดเลือนริ้วรอย และปรับรูปหน้าให้สวยงามขึ้น โดยในบทความนี้เราจะพูดถึงเทคโนโลยีทั้งสองอย่างนี้เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น



HIFU (High Intensity Focused Ultrasound)
HIFU เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงในการกระตุ้นผิวชั้นลึก โดยไม่ทำลายผิวชั้นบน ซึ่ง HIFU จะทำให้เกิดการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในผิว ส่งผลให้ผิวดูตึงกระชับและเรียบเนียนขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดเลือนริ้วรอยและเส้นริ้วที่เกิดจากวัยที่เพิ่มขึ้น ผู้ที่ทำการรักษาด้วย HIFU มักจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ และผลลัพธ์จะยาวนานประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี

Multipolar RF (Radio Frequency)
Multipolar RF เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นวิทยุในการกระตุ้นผิว โดยทำงานโดยการสร้างความร้อนในชั้นผิว เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินภายในผิวหนัง ทำให้ผิวหน้าดูเนียนเรียบ กระชับขึ้นและลดเลือนริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการทำ Multipolar RF จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และใช้เวลาเพียงไม่นาน ข้อดีของเทคโนโลยีนี้คือสามารถทำการรักษาได้ในระยะเวลาสั้น โดยไม่ต้องพักฟื้น

ความแตกต่างระหว่าง HIFU และ Multipolar RF
   1. กระบวนการทำงาน: HIFU ใช้คลื่นเสียงเพื่อสร้างความร้อนที่ชั้นผิวลึก ในขณะที่ Multipolar RF ใช้คลื่นวิทยุในการกระตุ้นผิวในระดับตื้นกว่า
   2. ความลึกในการทำงาน: HIFU สามารถทำงานในชั้นผิวที่ลึกกว่า ทำให้เหมาะสำหรับการยกกระชับส่วนที่ต้องการความชัดเจน ในขณะที่ Multipolar RF จะเน้นช่วยปรับผิวที่ตื้นกว่า
   3. เวลาในการเห็นผล: HIFU สามารถเห็นผลได้ชัดเจนในระยะเวลา 2-3 สัปดาห์หลังการทำ ในขณะที่ Multipolar RF ผลลัพธ์อาจใช้เวลานานกว่า

การเลือกใช้เทคโนโลยี HIFU หรือ Multipolar RF สำหรับการยกกระชับหน้าและลดเลือนริ้วรอยนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการและสภาพผิวของแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และสามารถดูแลรักษาความงามได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ควรคำนึงถึงการดูแลผิวพรรณอย่างสม่ำเสมอ ร่วมกับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมเพื่อช่วยสนับสนุนผลลัพธ์จากการรักษาด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ได้อย่างยั่งยืน
ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าทำให้การดูแลผิวหน้าและการลดเลือนริ้วรอยเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกขึ้น ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาวิธีทำให้ผิวหน้ากระชับและดูอ่อนเยาว์

11
ฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET สะดวกสบายเพียงปลายนิ้วสัมผัส
การติดตั้งชักโครกฝารองนั่งอัตโนมัติ คือ ฝารองนั่งระบบอัตโนมัติที่ติดตั้งบนโถสุขภัณฑ์ ช่วยอำนวยความสะดวกทั้งด้านการใช้งานและการทำความสะอาด โดยมาพร้อมก้านฉีดชำระอัตโนมัติ
ระบบเป่าแห้ง ระบบกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์และนวัตกรรมอื่น ๆ ที่ควบคุมผ่านรีโมทคอนโทรลหรือแผงควบคุมเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งสกปรกภายในห้องน้ำ

ถึงตรงนี้หลายคนอาจมีความรู้สึกว่าอยากเป็นเจ้าของฝารองนั่งอัตโนมัติดูบ้าง ซึ่งไม่ใช่เรื่องยุ่งยากแต่อย่างใด นอกจากต้องพิจารณาถึงฟังก์ชันและรูปแบบการใช้งานของฝารองนั่งอัตโนมัติให้ตรงใจแล้ว
สิ่งจำเป็นต้องคำนึงถึงเรื่องของการติดตั้งด้วย 4 ขั้นตอนสำคัญที่จะแนะนำในการเช็คพื้นที่ห้องน้ำ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการติดตั้งฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET

4ขั้นตอนการเช็คพื้นที่ก่อนการติดตั้งฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET

1. เช็คกระแสไฟฟ้าและตำแหน่งปลั๊ก

ฝารองนั่งอัตโนมัติเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้กระแสไฟฟ้าในการทำงาน จึงควรปรับปรุงพื้นที่และเดินสายไฟไว้ใกล้กับห้องน้ำของคุณก่อน จากตำแหน่งที่ตั้งของสุขภัณฑ์
เมื่อหันหน้าเข้าหาโถสุขภัณฑ์ตำแหน่งของปลั๊กจะต้องอยู่ทางซ้ายมือ โดยห่างจากจุดศูนย์กลางของท่อน้ำทิ้งเป็นระยะ 30 ซม. และสูงจากพื้นอย่างน้อย 30 ซม.

 
2. ต้องมีพื้นที่ว่างทั้งซ้าย และขวาของโถสุขภัณฑ์อย่างน้อย 30 ซม.

เนื่องจากฝารองนั่งอัตโนมัติอาจทำให้โถสุขภัณฑ์มีขนาดชักโครกใหญ่ขึ้นจากปกติเล็กน้อยจึงจำเป็นต้องติดตั้งในห้องน้ำที่มีพื้นที่พอสมควร
กล่าวคือควรจะมีพื้นที่ว่างด้านข้างโถสุขภัณฑ์ทั้งด้านซ้ายและด้านขวาอย่างน้อย 30 ซม. และไม่ควรมีสิ่งกีดขวางโถสุขภัณฑ์อีกด้วย

 
3. ตรวจสอบรูปทรงและขนาดของสุขภัณฑ์

การติดตั้งฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET กับโถสุขภัณฑ์เดิมที่มีอยู่ก่อนแล้ว จำเป็นต้องตรวจสอบขนาดและรูปทรงของโถสุขภัณฑ์ หากเป็นโถสุขภัณฑ์ทรง Elongated (โถสุขภัณฑ์ทรงยาว)
ต้องมีระยะรูยึดน็อตที่โถสุขภัณฑ์เพื่อติดตั้งฝารองนั่ง 14 ซม. และระยะจากรูยึดน็อตของฝารองนั่งด้านใดด้านหนึ่งถึงหม้อน้ำเป็นระยะอย่างน้อย 5 ซม.

 
4. โถสุขภัณฑ์ต้องไม่อยู่ในจุดเปียกน้ำ
ตำแหน่งที่ตั้งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมพร้อมสำหรับติดตั้งฝารองนั่งอัตโนมัติ คือ สุขภัณฑ์ห้ามตั้งอยู่ในส่วนที่เปียกน้ำ เช่น น้ำจากฝักบัว นอกจากนี้ไม่ควรใช้น้ำราดไปที่ฝารองนั่งอัตโนมัติโดยตรง
ในการทำความสะอาดชักโครก เนื่องจากฝารองนั่งอัตโนมัติเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ไฟฟ้า ด้วยเหตุนี้การติดตั้งฝารองนั่งอัตโนมัติจึงเหมาะสำหรับการออกแบบห้องน้ำที่แบ่งโซนเปียกและโซนแห้งอย่างชัดเจนเพื่อหลีกเลี่ยงน้ำจะมาโดนสุขภัณฑ์ได้

12
ทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดภาษี 
สร้างเงินออม...พร้อมคุ้มครองชีวิต

         ปัจจุบันผู้มีรายได้สามารถนำเบี้ยประกันชีวิต ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงสุดถึง 300,000 บาทต่อปี ซึ่งเป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับการวางแผนภาษีและเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดภาษี  สร้างเงินออม พร้อมคุ้มครองชีวิต โดยประเภทของเบี้ยประกันชีวิตที่สามารถนำเบี้ยมาลดหย่อนภาษีได้ก็มี  2 ประเภท  ได้แก่ เบี้ยประกันชีวิตแบบทั่วไป และเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ  ซึ่งมีข้อกำหนดเบื้องต้น ดังนี้



1. เบี้ยประกันชีวิตแบบทั่วไป  (กรมธรรม์อายุ 10 ปีขึ้นไป)
ค่าเบี้ยประกันชีวิตของผู้มีเงินได้หักค่าลดหย่อนและได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้เท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท
ทั้งนี้ หากคู่สมรสมีการประกันชีวิต และความเป็นสามีภริยาได้มีอยู่ตลอดปีภาษี ผู้มีเงินได้มีสิทธิหักลดหย่อน สำหรับเบี้ยประกันชีวิตของคู่สมรสที่ไม่มีเงินได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 10,000 บาท
ค่าเบี้ยประกันสุขภาพของผู้มีเงินได้  หักค่าลดหย่อนเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 25,000 บาท แต่เมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตสำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีกำหนดตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ต้องไม่เกิน 100,000 บาท ประกันลดหย่อนภาษี


2. เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ

ค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ หักค่าลดหย่อนในอัตราร้อยละ 15 ของเงินได้ที่นำมาเสียภาษีเงินได้ในแต่ละปี แต่ไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี  ทั้งนี้ ต้องเป็นค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ ความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป และจ่ายผลประโยชน์เงินบำนาญเมื่อผู้มีเงินได้อายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไปถึงอายุ 85 ปีหรือกว่านั้น และเมื่อรวมกับเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เงินสะสมเข้ากองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เงินสะสมเข้ากองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน เงินที่ซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และเงินสะสมเข้ากองทุนการออมแห่งชาติ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท

กรณีไม่มีเบี้ยประกันชีวิตตามข้อ 1 สามารถนำเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญไปหักลดหย่อนแทนเบี้ยประกันชีวิตตามข้อ 1 ก่อนได้ ซี่งจะได้สิทธิลดหย่อนภาษีรวมสูงสุด 300,000 บาท

นอกจากนี้ยังสามารถลดหย่อนภาษีสำหรับลูกกตัญญู คือ ค่าเบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดาของผู้มีเงินได้และคู่สมรส หักค่าลดหย่อนเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท ทั้งนี้ บิดามารดาของผู้มีเงินได้และคู่สมรสต้องไม่มีเงินได้พึงประเมินในปีภาษีที่ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้เกิน 30,000 บาท

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
          บุคคลธรรมดามีหน้าที่ต้องยื่นเงินได้เพื่อเสียภาษีเงินได้ในทุกปี ภายในวันที่ 31 มีนาคมของทุกปี  โดยบุคคลธรรมดาที่มีรายได้เกิน 120,000 บาทต่อปี มีหน้าที่ต้องยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยจะคำนวณจากเงินได้สุทธิประจำปี ซึ่งเกิดจากเงินได้ทั้งปี หักค่าใช้จ่าย และหักค่าลดหย่อน   

วิธีการคำนวณภาษี
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา = [(รายได้ – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน) – เงินบริจาค] x อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
หากรายได้สุทธิไม่เกิน 150,000 บาท ก็จะได้รับการยกเว้นภาษีแต่ถ้าเกินกว่านั้นก็จะเสียภาษีในอัตราก้าวหน้าแบบขั้นบันได

13
ก๊อกอ่างล้างหน้าเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในห้องน้ำ ซึ่งไม่ได้มีเพียงแค่หน้าที่การทำงานในการจ่ายน้ำเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถเพิ่มความงามและสไตล์ให้กับห้องน้ำได้อีกด้วย

ประเภทของก๊อกอ่างล้างหน้า
    ก๊อกแบบโยก (Single Handle Faucet): ใช้งานง่ายและสะดวกสบายเพียงแค่โยกขึ้นหรือลงเพื่อปรับอุณหภูมิของน้ำ
    ก๊อกแบบสองทาง (Double Handle Faucet): มีสองท่อสำหรับจัดการน้ำร้อนและน้ำเย็น สามารถปรับอุณหภูมิได้ตามต้องการ
    ก๊อกเซ็นเซอร์ (Sensor Faucet): ใช้เทคโนโลยีเซ็นเซอร์ตรวจจับมือ ทำให้น้ำไหลออกโดยไม่ต้องสัมผัส สะดวกและช่วยลดการใช้น้ำ
    ก๊อกแบบมีปีก (Wall-Mounted Faucet): ติดผนัง สามารถประหยัดพื้นที่และสร้างความทันสมัยให้กับห้องน้ำ



วิธีการเลือกก๊อกอ่างล้างหน้าให้เหมาะสม
1. เลือกดูจากขนาด และดีไซน์
ให้เลือกก๊อกที่มีขนาดเหมาะสมกับอ่างล้างหน้าขนาดเล็กและพื้นที่ในห้องน้ำ โดยดีไซน์ควรเข้ากับสไตล์การตกแต่งของห้อง เช่น หากห้องน้ำมีสไตล์คลาสสิก ควรเลือกก๊อกที่มีรูปทรงที่สวยงามและมีลูกเล่น

2. เลือกวัสดุที่มีคุณภาพ
  1. สแตนเลส (stainless steel)
    ทนทานต่อการกัดกร่อน: สแตนเลสไม่เกิดสนิมและมีความทนทานต่อการกัดกร่อนจากน้ำและสารเคมี
    ดูแลรักษาง่าย: สามารถทำความสะอาดได้ง่ายและไม่ต้องใช้สารเคมีแรงๆ
    ดีไซน์ที่หรูหรา: ให้ลุคที่ทันสมัยและหรูหรา
2. ทองเหลือง (Brass)
    ความทนทาน: ทองเหลืองเป็นวัสดุที่มีความทนทานและมีอายุการใช้งานยาวนาน
    มีความสวยงาม: มีลุคคลาสสิกที่สามารถให้ความรู้สึกหรูหรากับห้องน้ำ
    ความสามารถในการป้องกันเชื้อแบคทีเรีย: ทองเหลืองมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียตามธรรมชาติ
3. พลาสติก (Plastic)
    น้ำหนักเบา: ง่ายต่อการติดตั้งและเคลื่อนย้าย
    ราคาไม่แพง: เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด
    ไม่เกิดสนิม: ไม่มีปัญหากับการกัดกร่อนจากน้ำ

3. ฟังก์ชันการใช้งานของก๊อกอ่างล้างหน้า
ก๊อกอ่างล้างหน้าเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในห้องน้ำ เพราะไม่เพียงแต่ทำหน้าที่ในการควบคุมการไหลของน้ำเท่านั้น แต่ยังมีฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความพึงพอใจในการใช้งาน
1. ควบคุมอุณหภูมิของน้ำ
ก๊อกอ่างล้างหน้าสามารถปรับอุณหภูมิของน้ำได้ตามที่ผู้ใช้ต้องการ โดยทั่วไปก๊อกแบบโยก (Single Handle) จะเป็นที่นิยมในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถปรับอุณหภูมิได้ง่าย แค่โยกไปทางขวาหรือตรงกลางเพื่อให้ได้อุณหภูมิที่ต้องการ
2. การประหยัดน้ำ
รุ่นใหม่ๆ ของก๊อกอ่างล้างหน้ามักมีฟังก์ชันการประหยัดน้ำ เช่น ระบบลดการไหลของน้ำ (Flow Restrictor) ซึ่งช่วยให้ใช้น้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้รับน้ำที่พอเพียงในการใช้งานโดยไม่สิ้นเปลือง
3. เซ็นเซอร์อัตโนมัติ
ก๊อกอ่างล้างหน้าแบบเซ็นเซอร์ (Sensor Faucet) ทำงานโดยการตรวจจับการเคลื่อนไหว ทำให้น้ำไหลออกโดยอัตโนมัติเมื่อมีมือเข้ามาใกล้ และหยุดเมื่อมือออกไป ซึ่งช่วยลดการสัมผัสและทำให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยประหยัดน้ำได้อีกด้วย
4. สวิตช์น้ำร้อนน้ำเย็น
ก๊อกที่มีฟังก์ชันสองทาง (Double Handle Faucet) จะมีสวิตช์สำหรับน้ำร้อนและน้ำเย็นแยกกัน ทำให้ผู้ใช้สามารถปรับอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความละเอียดมากขึ้น เช่น การล้างมือหรือหน้าที่ต้องการอุณหภูมิที่เฉพาะเจาะจง
5. สายยาง (Pull-out Spray)
บางรุ่นมีฟังก์ชันสายยางที่สามารถดึงออกมาได้ (Pull-out Faucet) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำความสะอาดอ่างล้างหน้าได้ง่ายขึ้น หรือใช้สำหรับการล้างสิ่งของต่างๆ ที่อยู่ในอ่างได้สะดวกยิ่งขึ้น
6. ระบบควบคุมการไหลของน้ำ
ก๊อกบางรุ่นมีระบบควบคุมการไหลของน้ำ (Flow Control) ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับความแรงของน้ำได้ตามต้องการ ช่วยให้สามารถใช้งานได้อย่างเหมาะสมในทุกสถานการณ์
7. ฟังก์ชันการป้องกันการรั่วซึม
ก๊อกที่มีฟังก์ชันป้องกันการรั่วซึมจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดน้ำรั่วที่อาจทำให้เกิดปัญหาความเสียหายต่อพื้นและโครงสร้างของบ้าน

การดูแลรักษาก๊อกอ่างล้างหน้า
    ทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ: ใช้ผ้านุ่มและน้ำสบู่อ่อน ๆ ในการทำความสะอาดก๊อกเพื่อป้องกันการเกิดคราบสะสม
    หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีรุนแรง: การใช้สารเคมีที่รุนแรงอาจทำให้ผิวของก๊อกเกิดการกัดกร่อน ควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เหมาะสม
    ตรวจสอบรั่วซึม: ควรตรวจเช็คการรั่วซึมเป็นระยะ ๆ หากพบปัญหาควรซ่อมแซมทันที เพราะการรั่วซึมสามารถทำให้เกิดความเสียหายได้
การเลือกและดูแลรักษาก๊อกอ่างล้างหน้าอย่างถูกต้องไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับห้องน้ำ แต่ยังช่วยให้การใช้งานสะดวกสบายและยืนยาวไปด้วย


14
new doublo 2.0 เป็นนวัตกรรมล่าสุดในวงการความงามที่เน้นการยกกระชับผิวและลดเลือนริ้วรอย ด้วยการผสานการทำงานของเทคโนโลยี HIFU (High Intensity Focused Ultrasound) และ Multipolar RF (Radio Frequency) ซึ่งทั้งสองเทคโนโลยีนี้สามารถทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในด้านการฟื้นฟูผิว



    HIFU (High Intensity Focused Ultrasound):
        HIFU เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงในการกระตุ้นผิวในระดับลึก โดยมีจุดประสงค์ในการสร้างความร้อนในชั้นผิวหนัง เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ซึ่งมีผลช่วยในการยกกระชับผิวและลดเลือนริ้วรอย บ่อยครั้ง HIFU ใช้ในบริเวณใบหน้า คอ และลำคอ

    Multipolar RF (Radio Frequency):
        Multipolar RF ใช้คลื่นวิทยุในการกระตุ้นระเบียบการไหลเวียนโลหิตในผิวหนังและการสลายไขมันในชั้นใต้ผิวคล้ายกับการให้ความร้อน ซึ่งทำให้เกิดการกระชับผิวและเพิ่มความยืดหยุ่นของผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ การทำงานของ Multipolar RF ยังสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินที่ช่วยทำให้ผิวของผู้ใช้มีความสดใสและเรียบเนียน

การทำงานร่วมกันของ HIFU และ Multipolar RF

1. ช่วยเสริมประสิทธิภาพในการยกกระชับ:
เมื่อ HIFU ทำการกระตุ้นชั้นผิวลึก ทำให้เกิดความร้อนและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ความเข้มข้นจากคลื่น RF ช่วยให้กระบวนการนี้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น การทำงานร่วมกันนี้ยังช่วยให้มีการยกกระชับที่เด่นชัดยิ่งขึ้น

2. การทำงานร่วมกัน เพิ่มความอบอุ่นที่เหมาะสม:
การใช้ Multipolar RF ร่วมกับ HIFU ทำให้การกระจายความร้อนมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งสามารถลดความเจ็บปวดและเพิ่มความสบายขณะทำหัตการได้ ผู้ใช้จะรู้สึกสบายตัวมากขึ้นในระหว่างและหลังการทำหัตถการ

3. ปรับปรุงผลลัพธ์ทั้งระยะสั้นและระยะยาว:
การผสมผสานเทคโนโลยีทั้งสองนี้ไม่เพียงส่งผลดีต่อรูปลักษณ์โพสต์การทำหัตถการ แต่ยังสนับสนุนการสร้างคอลลาเจนใหม่ในระยะยาว โดยช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์และมีสุขภาพดีได้นานขึ้น

4. ขจัดริ้วรอยและฟื้นฟูผิว:
การทำงานร่วมกันของทั้งสองเทคโนโลยีช่วยให้สามารถเข้าถึงปัญหาผิวที่หลากหลายได้พร้อมกัน เช่น การลดริ้วรอย ความหย่อนคล้อย และทำให้ผิวมีความกระชับเรียบเนียน

ข้อดีของ New Doublo 2.0

    ผลลัพธ์ที่มองเห็นได้: เทคโนโลยี HIFU และ Multipolar RF ร่วมกันช่วยให้ผู้ใช้เห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในระยะเวลาอันสั้น
    ปลอดภัยและไม่รุกราน: นวัตกรรมนี้ใช้เทคโนโลยีที่ไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดและใช้กับผิวหนังได้อย่างปลอดภัย
    การฟื้นตัวที่รวดเร็ว: โดยไม่ต้องพักฟื้นจากการทำหัตถการ ผู้ใช้สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที

New Doublo 2.0 เป็นการนำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีในวงการความงามมาผสมผสานกันอย่างลงตัว โดยการทำงานร่วมกันระหว่าง HIFU และ Multipolar RF
ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับประโยชน์จากการยกกระชับผิวและลดเลือนริ้วรอยอย่างมีประสิทธิภาพในขณะที่ปลอดภัยและมีการฟื้นตัวที่รวดเร็ว นับว่าเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการให้ผิวสวยงามและอ่อนเยาว์

15
ปัญหาฝักบัวเสียจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกต่อไป หากทุกคนรู้วิธีเปลี่ยนหัวฝักบัว ด้วยตัวเอง โดยบทความนี้จะมาอธิบายแบบเข้าใจง่าย อ่านจบแล้วทำตามได้เลย ติดตามที่นี่

เชื่อว่า “ฝักบัวเสีย” น่าจะเป็นปัญหาที่กวนใจหลายคนไม่น้อย โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วนที่จำเป็นต้องใช้น้ำ แต่ฝักบัวเจ้ากรรมกลับไม่มีน้ำไหลออกมาเสียดื้อ ๆ อย่างไรก็ตาม หากทุกคนทราบถึงวิธีเปลี่ยนหัวฝักบัวด้วยตัวเอง ปัญหานี้จะกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้น นอกจากนั้นยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายลงได้อีกด้วย ด้วยเหตุนี้ เราจึงขออาสามาแนะนำวิธีเปลี่ยนหัวฝักบัวด้วยตัวเอง อธิบายแบบเข้าใจง่ายสุด ๆ ไล่เลียงทีละขั้นตอน ไม่ว่าใครก็ทำตามได้ ติดตามในบทความนี้ได้เลย



สาเหตุของฝักบัวเสีย
    เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน: หัวฝักบัวอาบน้ำมีอายุการใช้งานเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5-10 ปี ดังนั้น เมื่อใช้งานไปครบระยะเวลาดังกล่าว วัสดุต่าง ๆ ที่เป็นส่วนประกอบของฝักบัว เช่น วาล์วฝักบัว พลาสติก ยาง โลหะ ก็จะเริ่มเสื่อมสภาพตามกาลเวลา
    หัวฝักบัวอุดตัน: น้ำประปาที่ไหลผ่านหัวฝักบัวมักมีสิ่งสกปรกต่าง ๆ เช่น หินปูน ตะกรัน ฝุ่นละออง ปะปนมาด้วย โดยสิ่งสกปรกเหล่านี้อาจไปอุดตันตามรูพรุนของหัวฝักบัว ทำให้น้ำไหลออกมาไม่สะดวก ส่งผลให้ฝักบัวเสียได้ในที่สุด
    สายฝักบัวรั่ว: สายฝักบัวเป็นชิ้นส่วนที่เชื่อมต่อระหว่างฝักบัวกับท่อน้ำ หากสายฝักบัวชำรุดเสียหาย เช่น รอยแตกร้าว รอยรั่วซึม ก็จะทำให้น้ำรั่วออกจากสายฝักบัวได้

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียมสำหรับการเปลี่ยนฝักบัวด้วยตัวเอง

จากเหตุผลในหัวข้อที่แล้ว การที่ฝักบัวเสียจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม หากทุกคนทราบวิธีเปลี่ยนหัวฝักบัว ปัญหาดังกล่าวก็จะไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่คอยกวนใจอีกต่อไป โดยก่อนที่จะไปถึงวิธีเปลี่ยนหัวฝักบัว ก็ต้องรู้ก่อนว่าอุปกรณ์ที่ต้องเตรียมสำหรับการเปลี่ยนฝักบัวด้วยตัวเองมีอะไรบ้าง โดยสามารถแบ่งเป็นข้อ ๆ ได้ดังต่อไปนี้

    - หัวฝักบัวใหม่
    - ประแจเลื่อน
    - เทปพันเกลียว
    - ผ้าสะอาด
    - ไขควง
    - ถุงมือยาง
    - แว่นตานิรภัย



ขั้นตอนการเปลี่ยนหัวฝักบัวอาบน้ำ
    ขั้นตอนที่ 1: ปิดวาล์วน้ำที่เชื่อมต่อกับฝักบัว เพื่อให้น้ำไหลออกจากหัวฝักบัวได้หมดก่อนถอดออก
    ขั้นตอนที่ 2: ถอดหัวฝักบัวตัวเก่าออก โดยใช้ผ้าพันรอบหัวฝักบัวเพื่อป้องกันไม่ให้เกลียวเสียหายจากการหมุน จากนั้นใช้ประแจเลื่อนหมุนหัวฝักบัวทวนเข็มนาฬิกาจนหลุดออก
    ขั้นตอนที่ 3: วิธีเปลี่ยนหัวฝักบัวด้วยตัวเองขั้นตอนต่อมา คือการทำความสะอาดบริเวณท่อน้ำ โดยใช้ผ้าเช็ดให้สะอาด เพื่อขจัดเศษฝุ่นและสิ่งสกปรก
    ขั้นตอนที่ 4: พันเทปพันเกลียวบนเกลียวของหัวฝักบัวใหม่ เพื่อป้องกันน้ำรั่วซึม โดยให้พันเทปตามเข็มนาฬิกาประมาณ 6 รอบ ควรเปลี่ยนแหวนยางกันซึมชิ้นใหม่ เพื่อกันการรั่วซึมเพิ่มขึ้นอีกชั้น
    ขั้นตอนที่ 5: จากนั้นให้นำหัวฝักบัวใหม่ใส่เข้ากับท่อน้ำ แล้วใช้ประแจเลื่อนหมุนหัวฝักบัวตามเข็มนาฬิกาจนแน่น
    ขั้นตอนที่ 6: ปิดท้ายวิธีเปลี่ยนหัวฝักบัวด้วยการเปิดวาล์วน้ำเพื่อตรวจสอบการรั่วซึม หากไม่มีน้ำรั่วซึม แสดงว่าเปลี่ยนหัวฝักบัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว

16
การเงิน | Finance / How To ลดหย่อนภาษีแบบจุใจ
« เมื่อ: เมษายน 02, 2025, 07:33:12 AM »
ประกันลดหย่อนภาษีรู้ไหมว่าเราสามารถซื้อประกันเพื่อนำไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 300,000 บาท ใครที่สงสัยว่าต้องซื้อประกันแบบไหนถึงลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 300,000 บาท ถ้าได้เข้ามาอ่านบทความนี้คลายความสงสัยกัน



วิธีลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาท แบบที่ 1
หลายคนคงทราบกันดีว่าคุณสามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีจาก "เบี้ยประกันชีวิตทั่วไป" ได้ 100,000 บาท ในส่วนนี้สามารถรวมกับ "เบี้ยประกันสุขภาพ" ได้สูงสุดอีก 25,000 บาท และเมื่อรวมกับ "เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ" (ที่ลดหย่อนภาษีได้ 200,000 บาทหลัง) ก็จะสามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 300,000 บาท
**ประกันบำนาญสามารถซื้อได้ 15% ของรายได้รวมในแต่ละปี

วิธีลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาท แบบที่ 2
ถ้าหากคุณมีประกันชีวิต ลดหย่อนภาษี "เบี้ยประกันชีวิต" หรือ "เบี้ยประกันชีวิต+เบี้ยประกันสุขภาพ" แล้ว แต่ยังไม่เต็มสิทธิ์ 100,000 บาท คุณสามารถนำ "เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ" ที่ลดหย่อนภาษีในส่วนของ 200,000 บาทหลัง มาเติมเต็มในส่วนแรกได้ (ก่อนซื้อประกันบำนาญควรสอบถามตัวแทนหรืออ่านรายละเอียดให้ดีก่อนทำประกัน) **ประกันบำนาญสามารถซื้อได้ 15% ของรายได้รวมในแต่ละปี

วิธีลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาท แบบที่ 3
ถ้าหากคุณยังไม่มี "เบี้ยประกันชีวิต" หรือ "เบี้ยประกันสุขภาพ" ใดๆเลย คุณสามารถซื้อ

"ประกันชีวิตแบบบำนาญ" เพื่อนำเบี้ยมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 300,000 บาท เพราะแบบประกันบำนาญบางแบบสามารถลดหย่อนภาษีได้ตั้งแต่ 100,000 บาทแรก จนถึง 200,000 บาทหลัง ทั้งนี้การใช้สิทธิ์จากเบี้ยประกันบำนาญต้องไม่เกิน 15% ของรายได้รวมในแต่ละปี


17
new doublo 2.0 คืออะไร
คือการทำงานร่วมกันของ HIFU และ Multipolar RF ในเวลาเดียวกัน ซึ่งจากงานวิจัยพบว่า ช่วยกระตุ้นการสร้าง collagen และ elastin ได้ดียิ่งขึ้น และเสริมประสิทธิภาพในการรักษาริ้วรอย
ร่องลึกให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจนมากขึ้น เหนือไปกว่าการทำ HIFU เพียงอย่างเดียว ซึ่งเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนและทันใจสำหรับคนที่ต้องการใช้ใบหน้าอย่างรวดเร็ว

ซึ่งการทำงานของ New Doublo 2.0 จะช่วยยกระดับการแก้ปัญหาผิวได้เป็นอย่างดี!


1. เทคโนโลยี HIFU(High Intensity Focus Ultrasound)
ที่ใช้คลื่นเสียงโฟกัสพลังงานลงไปกระตุ้นการสร้าง collagen ในชั้นต่างๆ ของผิว ปรับใช้ได้ทั้งแบบ dot line และ linear เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ที่ต้องการในเวลาอันรวดเร็ว
มีหัวยิงที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้เน้นการยกกระชับหน้า และหัวยิงสำหรับเน้นสลายไขมัน มีเซ็นเซอร์เพื่อช่วยให้ยิงพลังงานได้อย่างปลอดภัย ไม่ค่อยรู้สึกเจ็บ ไม่จำเป็นต้องทายาชา

2. เทคโนโลยีเอกสิทธิ์ของเครื่อง doublo
คือการทำงานร่วมกันของ HIFU และ Multipolar RF ในเวลาเดียวกัน ซึ่งจากงานวิจัยพบว่า ช่วยกระตุ้นการสร้าง collagen และ elastin ได้ดียิ่งขึ้น และเสริมประสิทธิภาพในการรักษาริ้วรอย
ร่องลึกให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจนมากขึ้น เหนือไปกว่าการทำ HIFU เพียงอย่างเดียว ซึ่งเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนและทันใจสำหรับคนที่ต้องการใช้ใบหน้าอย่างรวดเร็ว

3. เทคโนโลยี advance doublo Needle RF
เหมาะสำหรับการรักษาพื้นผิวให้เรียบเนียน กระชับรูขุมขน รักษาหลุมสิว ปรับระดับความลึกของเข็มได้หลายระดับเพื่อให้เหมาะสมกับการแก้ปัญหาในทุกพื้นที่และครอบคลุมการรักษาอย่างดียิ่งขึ้น




18
ก๊อกอ่างล้างหน้าบริเวณอ่างล้างหน้าขนาดเล็กที่ใช้งานมาเป็นระยะเวลานาน จะค่อย ๆ เสื่อมสภาพไปตามอายุการใช้งาน ซึ่งส่งผลให้เกิดปัญหาตามมาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นก็อกน้ำรั่วซึมที่ทำให้สิ้นเปลืองน้ำโดยไม่จำเป็น และเกิดเป็นคราบสกปรก คราบตะกรัน หรือท่อน้ำภายในก๊อกเป็นสนิม รวมถึงปัญหาสิ่งสกปรกสะสมบริเวณปลายปากก๊อกน้ำที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เพราะใช้น้ำที่ปนเปื้อนสิ่งสกปรกเหล่านั้นทุก ๆ วันโดยไม่รู้ตัว และยังมีปัญหาอื่น ๆ ตามมาอีกหลากหลายรูปแบบ

ดังนั้นเมื่อใช้งานก๊อกน้ำบริเวณอ่างล้างหน้ามานานจนเกินอายุการใช้งานหรือเริ่มเสื่อมสภาพ ควรทำการเปลี่ยนก๊อกอ่างล้างมือเสียใหม่เพื่อป้องกันปัญหาต่าง ๆ ตามมา เพราะหากยังคงใช้งานต่อไป อาจทำให้เกิดอันตรายกับคุณและคนในครอบครัวได้ โดยวันนี้ TOTO มีวิธีเปลี่ยนก๊อกน้ําซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ได้กับก็อกน้ำอื่น ๆ มาฝากกัน รับรองว่าเพียงทำตาม 7 ขั้นตอนง่าย ๆ นี้ คุณก็จะได้ใช้ก๊อกน้ำใหม่ที่ทั้งสวยงามและมีประสิทธิภาพ



ประเภทของก๊อกอ่างล้างหน้า

นอกจากก๊อกน้ำแบบก้านโยกที่กล่าวถึงไปแล้ว ก๊อกอ่างล้างหน้ายังแบ่งออกเป็นประเภทอื่น ๆ ได้อีกดังนี้

    ก๊อกน้ำแบบเซ็นเซอร์: ทำงานโดยใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวของมือ ทำให้เปิด-ปิดน้ำได้โดยอัตโนมัติ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายและสุขอนามัย
    ก๊อกน้ำแบบผสม: สามารถปรับอุณหภูมิของน้ำได้ ทำให้สามารถใช้น้ำอุ่นหรือน้ำเย็นได้ตามต้องการ
    ก๊อกน้ำแบบแยก: มีก๊อกสำหรับน้ำร้อนและน้ำเย็นแยกกัน เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิของน้ำอย่างแม่นยำ
    ก๊อกน้ำแบบฝังผนัง: ติดตั้งโดยฝังตัวลงไปในผนัง ทำให้ห้องน้ำดูเรียบง่ายและทันสมัย

วัสดุที่ใช้ผลิตก๊อกน้ำ

    สแตนเลส: มีความแข็งแรง ทนทานต่อการกัดกร่อน ไม่เป็นสนิม และทำความสะอาดง่าย
    ทองเหลือง: มีความแข็งแรง ทนทาน และให้สัมผัสที่หรูหรา
    เซรามิก: มีความสวยงาม ทนทานต่อรอยขีดข่วน และทำความสะอาดง่าย
    วัสดุผสม: เป็นการผสมผสานระหว่างวัสดุต่าง ๆ เพื่อให้ได้คุณสมบัติที่ต้องการ เช่น ความแข็งแรง ความสวยงาม และน้ำหนักเบา

วิธีเลือกซื้อก๊อกอ่างล้างหน้า

นอกจากรูปลักษณ์และฟังก์ชันแล้ว การเลือกซื้อก๊อกอ่างล้างหน้ายังควรพิจารณาถึงงบประมาณที่ตั้งไว้ด้วย ก๊อกน้ำมีราคาแตกต่างกันไปตามวัสดุที่ใช้และฟังก์ชันพิเศษ

ฟังก์ชันพิเศษของก๊อกน้ำ

    ระบบประหยัดน้ำ: ช่วยลดการใช้น้ำโดยไม่จำเป็น
    ระบบปรับอุณหภูมิ: สามารถปรับอุณหภูมิของน้ำได้ตามต้องการ
    ระบบกรองน้ำ: ช่วยกรองสิ่งสกปรกและกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกจากน้ำ

การดูแลรักษาก๊อกน้ำ

    ทำความสะอาดก๊อกน้ำเป็นประจำด้วยน้ำยาทำความสะอาดอ่อน ๆ
    หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อน
    ตรวจสอบและขันน็อตให้แน่นเป็นระยะ

19
การทำประกันสุขภาพสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือเคยเป็นโรคร้ายแรงนั้นมีความซับซ้อน และขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยทั่วไปแล้ว โรคบางประเภทอาจทำให้บริษัทประกันปฏิเสธการรับประกันโดยสิ้นเชิง หรือรับประกันแต่มีเงื่อนไขเพิ่มเติม เช่น เพิ่มเบี้ยประกัน หรือยกเว้นความคุ้มครองบางโรค ต่อไปนี้คือตัวอย่างโรคที่อาจส่งผลต่อการทำประกันสุขภาพ:

โรคร้ายแรง:

    โรคมะเร็ง: โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากยังอยู่ในระยะรักษาหรือมีประวัติการเป็นมะเร็งในระยะเวลาไม่นาน
    โรคหัวใจและหลอดเลือด: เช่น โรคหัวใจขาดเลือด, โรคหลอดเลือดสมอง, โรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้
    โรคไตวายเรื้อรัง: โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอยู่ในระยะที่ต้องฟอกไต
    โรคอัลไซเมอร์: และโรคเกี่ยวกับระบบประสาทอื่นๆ
    โรคเอดส์ (HIV):

โรคเรื้อรัง:

    โรคเบาหวาน: โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดี
    โรคตับแข็ง:
    โรคปอดเรื้อรัง: เช่น ถุงลมโป่งพอง, โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD)
    โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (SLE):
    โรคทางจิตเวช: เช่น โรคจิตเภท, โรคไบโพลาร์

โรคอื่นๆ:

    โรคที่ต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง: หรือมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำสูง
    โรคทางพันธุกรรม: บางโรคอาจทำให้บริษัทประกันปฏิเสธการรับประกัน

ปัจจัยที่มีผลต่อการพิจารณา:

    ระยะเวลาที่เป็นโรค: หากเป็นโรคมานานแล้ว หรือโรคอยู่ในระยะรุนแรง อาจทำให้บริษัทประกันปฏิเสธการรับประกัน
    ระยะเวลาหลังการรักษา: หากเคยเป็นโรค แต่รักษาหายแล้ว และไม่มีอาการมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง อาจมีโอกาสทำประกันได้
    นโยบายของบริษัทประกัน: แต่ละบริษัทประกันมีนโยบายการรับประกันที่แตกต่างกัน

คำแนะนำ:

    ปรึกษาตัวแทนประกัน: ตัวแทนประกันจะสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับแผนประกันที่เหมาะสมกับคุณได้
    เตรียมข้อมูลสุขภาพ: เตรียมข้อมูลสุขภาพของคุณให้พร้อม เพื่อให้บริษัทประกันพิจารณา



เป็นโรคร้ายแรงทำประกันชีวิตได้ไหม

การทำประกันชีวิตสำหรับผู้ที่เป็นโรคร้ายแรงนั้นมีความซับซ้อน และขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ดังนี้:

    ประเภทของโรคร้ายแรง:
        บางโรคอาจทำให้บริษัทประกันปฏิเสธการรับประกันโดยสิ้นเชิง
        บางโรคอาจทำให้บริษัทประกันรับประกัน แต่มีเงื่อนไขเพิ่มเติม เช่น เพิ่มเบี้ยประกัน หรือยกเว้นความคุ้มครองบางโรค
    ระยะเวลาที่เป็นโรค:
        หากเป็นโรคมานานแล้ว หรือโรคอยู่ในระยะรุนแรง อาจทำให้บริษัทประกันปฏิเสธการรับประกัน
        หากเคยเป็นโรค แต่รักษาหายแล้ว และไม่มีอาการมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง อาจมีโอกาสทำประกันได้
    นโยบายของบริษัทประกัน:
        แต่ละบริษัทประกันมีนโยบายการรับประกันที่แตกต่างกัน
        บางบริษัทอาจรับประกันโรคบางประเภท แต่บางบริษัทอาจไม่รับประกัน

โดยทั่วไป:

    หากคุณเป็นโรคมะเร็ง, โรคหัวใจ, โรคหลอดเลือดสมอง หรือโรคไตวายเรื้อรัง อาจเป็นเรื่องยากที่จะทำประกันชีวิต
    แต่ก็มีบริษัทประกันบางแห่งที่รับประกันผู้ที่หายจากโรคร้ายแรงแล้ว โดยมีระยะเวลารอคอย

คำแนะนำ:

    ปรึกษาตัวแทนประกัน: ตัวแทนประกันจะสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับแผนประกันที่เหมาะสมกับคุณได้
    เตรียมข้อมูลสุขภาพ: เตรียมข้อมูลสุขภาพของคุณให้พร้อม เพื่อให้บริษัทประกันพิจารณา

ข้อมูลเพิ่มเติม:

    คุณสามารถติดต่อบริษัทประกันโดยตรง หรือเข้าไปดูรายละเอียดในเว็บไซต์ของบริษัทประกันแต่ละแห่ง

20

หลักการในการทำงานของเครื่อง Ulthera
   ulthera SPT คือการใช้นวัตกรรม อัลเทอร่า ที่มี SPT หรือ See – Plan – Treat คือการยิงคลื่นเสียงพลังงานสูงไปใต้ชั้นผิว ให้ผิวเกิดการหดตัว และมีความยกกระชับหน้าขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจน และอีลาสตินเพื่อฟื้นฟูผิว ซึ่งมีความแม่นยำ และสามารถออกแบบให้เจาะจงกับปัญหา และสภาพผิวของแต่ละคนได้

Ulthera SPT มาจาก See Plan Treat คือเทคนิคในการยิง อัลเทอร่า โดยมีขั้นตอนการทำงาน ดังนี้

S – See

   S หรือ See คือการให้แพทย์สามารถมองเห็นกระบวนการได้ระหว่างการทำหัตถการ (Real-Time visualization) ด้วยเทคโนโลยีที่สามารถแสดงผ่านหน้าจอได้ชัดเจน ให้แพทย์มองเห็นทุกชั้นผิว และสามารถยิงคลื่น MFU-V (Microfocus Ultrasound with Visualization) เข้าไปที่ชั้นผิว SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ได้อย่างแม่นยำ

P – Plan

   P หรือ  Plan คือ การวางแผน เมื่อแพทย์สามารถมองเห็นปัญหาได้อย่างชัดเจนลึกถึงชั้นผิว จึงสามารถวิเคราะห์ ออกแบบ และแก้ไขปัญหาได้อย่างละเอียด

T – Treat

   T หรือ Treat คือความแม่นยำในการรักษา และการยกกระชับ เมื่อแพทย์สามารถเข้าใจถึงปัญหา ก็จะสามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด โดยเฉพาะผู้เข้ารับบริการแต่ละคนที่มาด้วยปัญหาที่แตกต่างกันออกไป สามารถลดอาการเจ็บปวด หรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้



Ulthera SPT ดีอย่างไร?

    สามารถออกแบบการแก้ไขปัญหาที่เฉพาะเจาะจงของแต่ละบุคคลได้ เนื่องจากปัญหาผิวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

    มีความแม่นยำ เพราะแพทย์สามารถเห็นโครงสร้างชั้นลึกถึงชั้นผิวsmas ด้วยเอกสิทธิ์เฉพาะของเครื่อง Ulthera

    ไม่ต้องผ่าตัด Ulthera SPT อาจมีข้อจำกัดอยู่บ้างในเรื่องของราคาที่สูง แต่เมื่อเทียบกับการไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้นนาน ๆ ถือเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยลดการพักฟื้นหลังจากการผ่าตัดได้เป็นอย่างดีและหลังทำไม่มีอาการบวม

    เห็นผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ครั้งแรก Ulthera SPT ถือเป็นนวัตกรรมยกกระชับผิวที่เห็นผลลัพธ์ได้หลังทำทันที และจะเห็นผลได้ชัดขึ้นใน 1-3 เดือน

Ulthera ราคา เท่าไหร่ ?

ulthera นอกจากขึ้นกับเครื่องแท้แล้ว ยังขึ้นกับฝีมือและเทคนิคของแพทย์เป็นสำคัญ เพราะอาศัยเทคนิคและความเชี่ยวชาญ ของแพทย์ในการสแกน และเล็งการยิงชั้น SMAS รวมถึงเข้าใจปัญหาโครงสร้างของใบหน้า จึงจะเกิดผลลัพธ์ที่ดีได้จริง และอยู่ได้นาน 1 ปี ต้องอาศัยเทคนิค และความแม่นยำสูงในการทำ

Ulthera เหมาะกับใคร ?

    ผู้ที่มีผิวหน้าหย่อนคล้อย มีริ้วรอยปานกลาง

    ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าเรียว กรอบหน้าชัดขึ้น

    ผู้ที่มีร่องแก้ม ร่องมุมปาก แก้มหย่อนคล้อย

    ผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยเล็ก ๆ รอบดวงตา ยกคิ้ว หางตา และลดถุงใต้ตา

    ผู้ที่ต้องการกระชับเหนียง คางสองชั้น และลำคอ

    ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้แน่นกระชับ รูขุมขนเล็กลง ผิวเรียบเนียน


21

    1.คุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และมักมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายในการรักษาที่ไม่คาดคิด ประกันอุบัติเหตุช่วยคุ้มครองค่าใช้จ่ายเหล่านี้ ทำให้คุณได้รับการรักษาที่เหมาะสมโดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน

    2.จ่ายค่าชดเชยรายได้เมื่อไม่สามารถทำงานได้ หากอุบัติเหตุทำให้คุณไม่สามารถทำงานได้ชั่วคราวหรือถาวร ประกันอุบัติเหตุจะมอบค่าชดเชยรายได้ ช่วยให้คุณสามารถดำรงชีวิตต่อไปได้โดยไม่ลำบาก

    3.ความคุ้มครองสำหรับกรณีพิการหรือเสียชีวิต ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุรุนแรงจนถึงขั้นพิการหรือเสียชีวิต ประกันอุบัติเหตุจะมอบเงินชดเชยให้กับคุณหรือครอบครัว เพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายและดูแลความเป็นอยู่ของคนที่คุณรัก

    4.คุ้มครองค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูและกายภาพบำบัด หลังจากเกิดอุบัติเหตุ การฟื้นฟูสมรรถภาพหรือการทำกายภาพบำบัดอาจต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายสูง ประกันอุบัติเหตุสามารถช่วยครอบคลุมค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้

    5.คุ้มครอง 24 ชั่วโมงทั่วโลก ประกันอุบัติเหตุมักให้ความคุ้มครองตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนในโลก ดังนั้น ไม่ว่าจะเดินทางหรือทำกิจกรรมใดๆ คุณก็จะได้รับการคุ้มครองเสมอ



    6.ไม่มีข้อจำกัดในการเข้ารักษา คุณสามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลที่คุณต้องการโดยไม่มีข้อจำกัด ทำให้คุณสามารถเลือกสถานที่รักษาที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองได้

    7.คุ้มครองกิจกรรมเสี่ยง บางประกันอุบัติเหตุครอบคลุมกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูง เช่น กีฬาผาดโผน หรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับความเร็ว ช่วยให้คุณสามารถทำกิจกรรมเหล่านี้ได้อย่างมั่นใจ

    8.การวางแผนการเงินอย่างชาญฉลาด การทำประกันอุบัติเหตุเป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนการเงินที่รอบคอบ ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดคิด คุณจะมีเงินสำรองสำหรับรับมือกับสถานการณ์นั้นๆ

    9.การปกป้องครอบครัวจากภาระทางการเงิน หากคุณเป็นเสาหลักของครอบครัว การทำประกันอุบัติเหตุช่วยปกป้องครอบครัวจากภาระทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นหากคุณต้องเผชิญกับอุบัติเหตุร้ายแรง

    10.ความอุ่นใจในชีวิตประจำวัน ประกันอุบัติเหตุทำให้คุณสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมั่นใจและไร้กังวล เพราะคุณรู้ว่ามีการคุ้มครองสำหรับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นทุกเวลา

สรุป การทำประกันอุบัติเหตุเป็นการลงทุนที่ชาญฉลาดในการปกป้องตัวคุณและครอบครัวจากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ทำให้คุณสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจและไร้กังวลเช็คประกันอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

22
ประเภทของโถปัสสาวะชาย

1. โถปัสสาวะชายแบบแขวนผนัง
เป็นโถปัสสาวะที่เหมาะกับห้องน้ำที่มีพื้นที่จำกัด เพราะมีขนาดกะทัดรัดและติดตั้งได้ง่าย โดยใช้ตะขอยึดผนังเพื่อแขวนติดตั้ง และแบบพุกยึดผนังกับโถปัสสาวะ

2. โถปัสสาวะชายแบบตั้งพื้น
เป็นโถปัสสาวะที่สามารถติดตั้งโดยใช้วิธียึดตัวโถเข้ากับพื้นส่วนใหญ่ นิยมใช้โถปัสสาวะที่มีท่อน้ำทิ้งแบบเข้าผนัง เพราะติดตั้งได้ง่ายและสะดวก

จุดเด่นของโถปัสสาวะชาย

ช่วยแบ่งพื้นที่ให้เป็นสัดส่วน
โถปัสสาวะชายช่วยให้พื้นที่ห้องน้ำแบ่งเป็นสัดส่วนได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการตกแต่งแบบแยกส่วนเปียก และส่วนแห้ง

ทำความสะอาดง่าย
โถปัสสาวะชาย ช่วยให้การทำความสะอาดง่ายขึ้นเพราะไม่ต้องกังวลเรื่องคราบที่อาจเกิดขึ้นบนโถสุขภัณฑ์หรือน้ำกระเซ็นเปื้อนพื้น นอกจากนี้ตัวโถปัสสาวะยังมีการเคลือบสาร CEFIONTECT ซึ่งทำให้สุขภัณฑ์เรียบลื่นขจัดสิ่งสกปรกได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น เมื่อรวมกับฟลัชวาล์วระบบเซ็นเซอร์ในตัวที่มาพร้อมระบบชำระล้างอัตโนมัติ ช่วยให้คุณไม่ต้องสัมผัสปุ่มกดหรือก้านกดชำระหลังจากใช้งาน ช่วยลดโอกาสเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อโรค รวมถึงหมดกังวลกับปัญหาเรื่องการลืมกดชำระไปได้เลย

ประหยัดน้ำ
โถปัสสาวะชายนั้นใช้น้ำน้อยกว่าการชำระล้างของโถสุขภัณฑ์ทั่วไปได้เพิ่มเทคโนโลยี EWATER+ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้น้ำผ่านกระบวนการอิเล็กโตรไลซ์ มีคุณสมบัติช่วยลดการเกิดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งทำให้ชำระล้างโถปัสสาวะได้สะอาดหมดจด



5 เทคนิคในการเลือกซื้อโถปัสสาวะชาย

1. พื้นที่สำหรับติดตั้งโถปัสสาวะชาย
ควรเลือกโถปัสสาวะชายให้เหมาะกับขนาดห้องน้ำ โดยโถปัสสาวะแบบตั้งพื้นเหมาะสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป และได้ทุกวัย ตัวโถจึงมักมีขนาดใหญ่กว่าแบบแขวนผนังที่เหมาะสำหรับห้องน้ำที่มีพื้นที่จำกัด แต่อย่างไรก็ตามในปัจจุบันโถปัสสาวะชายแบบตั้งพื้นก็ได้รับการพัฒนาและออกแบบให้มีขนาดเล็กลง เหมาะสำหรับติดตั้งในบ้านมากยิ่งขึ้น

2. ระบบชำระล้าง
ควรเลือกใช้โถปัสสาวะชายที่มีระบบชำระล้างหมดจดโดยไม่ทิ้งกลิ่นไม่พึงประสงค์ และควรเลือกแบบที่ใช้น้ำน้อยกว่าโถสุขภัณฑ์ทั่วไป ที่จะช่วยประหยัดน้ำ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

3. ดีไซน์ของโถปัสสาวะชาย
สำหรับผู้ที่ใส่ใจทั้งดีไซน์และการใช้งาน ควรเลือกโถปัสสาวะชายที่ออกแบบอย่างทันสมัย เหมาะสำหรับการตกแต่งหลากหลายสไตล์ตามความชอบของผู้ใช้งาน ซึ่งจะช่วยสร้างความผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี

4. ฟังก์ชั่นเสริม
นอกจากระบบชำระล้างและระบบประหยัดน้ำแล้ว การเลือกโถปัสสาวะชายก็ควรดูที่ฟังก์ชั่นอื่น ๆ ด้วย เช่น ระบบเซ็นเซอร์ที่ช่วยชำระล้างอัตโนมัติ ระบบประหยัดไฟ ไปจนถึงระบบที่ช่วยสร้างน้ำบริสุทธิ์ภายในตัวโถ ช่วยให้โถปัสสาวะสะอาดมากยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งสารเคมี

5. การทำความสะอาด
สุดท้าย คือ การทำความสะอาด ควรเลือกใช้โถปัสสาวะชายที่สามารถทำความสะอาดได้ง่าย มีพื้นผิวเรียบลื่นเป็นพิเศษ ช่วยให้คราบสกปรกและเชื้อโรคที่มองไม่เห็นเกาะติดได้ยาก อีกทั้งยังลดปริมาณการใช้สารเคมีสำหรับทำความสะอาดได้อีกด้วย

วิธีการทำความสะอาดและดูแลโถปัสสาวะชาย
1. ฉีดน้ำยาทำความสะอาดให้ทั่ว
เริ่มต้นด้วยการฉีดน้ำยาทำความสะอาดให้ทั่วโถปัสสาวะชาย โดยเลือกใช้น้ำยาทำความสะอาดที่ไม่มีฤทธิ์เป็นกรด เพราะน้ำยาที่มีฤทธิ์เป็นกรดอาจกัดกร่อน และทำลายพื้นผิวให้เป็นรอยได้

2. ปล่อยให้น้ำยาไหลลงทั่วโถปัสสาวะ
ยังไม่ต้องใช้ฟองน้ำทำความสะอาดทันที ควรปล่อยให้น้ำยาทำความสะอาดบางส่วนไหลทั่วโถปัสสาวะ และปล่อยให้น้ำยาไหลลงท่อระบายน้ำเล็กน้อย

3. ใช้ฟองน้ำทำความสะอาด
ใช้ฟองน้ำหรือผ้าไมโครไฟเบอร์ขัดน้ำยาทำความสะอาดให้ทั่ว ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผ้าหยาบหรือสกปรก เพราะจะทำให้เกิดร่องรอยบนพื้นผิวโถปัสสาวะชายได้

4. ใช้แปรงขนนุ่มขัดบริเวณที่มีคราบสกปรก
นอกจากการใช้ฟองน้ำแล้ว ควรใช้แปรงที่มีขนนุ่ม เช่น แปรงสีฟัน สำหรับขัดซอกมุมที่เข้าไม่ถึง หรือบริเวณที่มีคราบสกปรกเกาะติด

5. ตรวจสอบระบบระบายน้ำ
นอกจากความสะอาดของโถปัสสาวะชายแล้ว ควรตรวจสอบระบบระบายน้ำให้ดีว่าทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพหรือไม่ เพราะหากระบบระบายน้ำมีปัญหาก็อาจทำให้โถปัสสาวะชำระล้างไม่หมดจด ทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ รวมไปถึงอาจทำให้เชื้อโรคและแบคทีเรียที่มองไม่เห็นสะสมตัวอยู่ได้

โถปัสสาวะชายอาจเป็นสุขภัณฑ์ห้องน้ำที่หลายคนอาจมองข้าม แต่จริง ๆ แล้วมีความสำคัญกว่าที่คิด เพราะนอกจากจะช่วยสร้างสุขอนามัยที่ดีภายในบ้าน และยังช่วยประหยัดน้ำ ยิ่งไปกว่านั้นหากเป็นสุขภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีเพื่อความสะอาดเข้ามาเป็นตัวช่วยในการดูแลรักษาแล้ว ก็จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้งานได้ไม่น้อย



23
ความเสี่ยง
        ประกันแบบออมทรัพย์: ความเสี่ยงต่ำ เงินต้นได้รับการคุ้มครอง และมีการจ่ายเงินคืนแน่นอนเมื่อครบกำหนดสัญญา
        การลงทุน: มีความเสี่ยงสูงกว่า ผลตอบแทนอาจผันผวนตามสภาพตลาด การลงทุนมีโอกาสสูญเสียเงินต้น

    ความคุ้มครอง
        ประกันแบบออมทรัพย์: นอกจากผลตอบแทน ยังให้ความคุ้มครองชีวิต หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน ครอบครัวจะได้รับเงินประกัน
        การลงทุน: ไม่มีความคุ้มครองชีวิตหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ต้องพึ่งพาการลงทุนเพื่อสร้างมูลค่าเท่านั้น

    ความมั่นคงทางการเงิน
        ประกันแบบออมทรัพย์: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นคงและไม่ต้องการรับความเสี่ยงในการลงทุน
        การลงทุน: เหมาะสำหรับผู้ที่ยอมรับความเสี่ยงและต้องการโอกาสในการสร้างผลตอบแทนสูงกว่า

    การวางแผนระยะยาว
        ประกันแบบออมทรัพย์: มีระยะเวลาคงที่และการจ่ายเงินคืนตามกำหนด ช่วยให้วางแผนการเงินระยะยาวได้ง่ายสะสมทรัพย์
        การลงทุน: ผลตอบแทนอาจผันผวนและไม่สามารถคาดการณ์ได้แน่นอน ทำให้การวางแผนระยะยาวอาจซับซ้อนกว่า

    ผลตอบแทน
        ประกันแบบออมทรัพย์: ผลตอบแทนอาจต่ำกว่าเมื่อเทียบกับการลงทุน แต่มั่นคงและรับประกัน
        การลงทุน: มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูง แต่ต้องแลกกับความเสี่ยงที่สูงขึ้น



    สภาพคล่อง
        ประกันแบบออมทรัพย์: การถอนเงินก่อนครบกำหนดอาจมีค่าธรรมเนียมหรือผลตอบแทนลดลง
        การลงทุน: สภาพคล่องขึ้นอยู่กับประเภทของสินทรัพย์ เช่น หุ้นมีสภาพคล่องสูงกว่าอสังหาริมทรัพย์

    การบริหารจัดการ
        ประกันแบบออมทรัพย์: ไม่ต้องใช้เวลาหรือความรู้ในการบริหารจัดการ บริษัทประกันจะดูแลทั้งหมด
        การลงทุน: ต้องใช้เวลาและความรู้ในการติดตามและบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนเอง

    ประโยชน์ทางภาษี
        ประกันแบบออมทรัพย์: เบี้ยประกันบางส่วนสามารถนำไปเป็นประกันลดหย่อนภาษีได้
        การลงทุน: อาจมีประโยชน์ทางภาษีในบางกรณี เช่น การลงทุนใน RMF หรือ SSF แต่ต้องมีเงื่อนไขที่ซับซ้อนกว่า

    การถ่ายทอดมรดก
        ประกันแบบออมทรัพย์: สามารถกำหนดผู้รับผลประโยชน์ได้ชัดเจน และกระบวนการส่งต่อเป็นมรดกทำได้ง่าย
        การลงทุน: การถ่ายทอดมรดกจากการลงทุนอาจซับซ้อน ขึ้นอยู่กับประเภทของสินทรัพย์ที่ถือครอง

    ความยืดหยุ่น
        ประกันแบบออมทรัพย์: มีความยืดหยุ่นน้อยกว่า เพราะต้องทำตามสัญญาที่กำหนดไว้
        การลงทุน: มีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับพอร์ตหรือเปลี่ยนแปลงการลงทุนตามสถานการณ์ได้ตลอดเวลา

การเลือกประกันแบบออมทรัพย์หรือการลงทุนขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ทางการเงิน ความสามารถในการรับความเสี่ยง และความต้องการของแต่ละบุคคล การผสมผสานทั้งสองรูปแบบอาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว

24
เทคโนโลยียกกระชับใบหน้าในปัจจุบันมีอยู่หลายเครื่อง แต่มันจะดีกว่าหรือไม่ถ้าคุณตัดสินใจรับบริการด้วยเครื่องที่ดีที่สุดสำหรับคุณ และหนึ่งในนวัตกรรมเปลี่ยนแปลงความหย่อนคล้อยและริ้วรอยที่เห็นผลคือ เครื่องอัลเทอร่า (Ulthera)

อย่างไรก็ตาม ด้วยชื่อเสียงและประสิทธิภาพของเครื่อง Ulthera จึงทำให้หลายคลินิกมีการคิดราคาค่าทำ Ulthera ค่อนข้างแพง และอาจไม่คุ้มค่าต่อปัญหาผิวที่แตกต่างกันของแต่ละคน รวมถึงการนำเข้าเครื่อง Ulthera ปลอม ที่อาศัยชื่อเสียงของเทคโนโลยีแบรนด์นี้ในการเอาเปรียบผู้บริโภค แต่กลับไม่เห็นผลลัพธ์การรักษาอย่างที่คาดหวัง และยังเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้อีก

การเตรียมตัวก่อนทำ Ulthera
ถึงแม้จะเป็นการทำหัตถการที่เรียบง่ายและไม่ซับซ้อน แต่ผู้เข้ารับบริการก็จำเป็นต้องเตรียมสุขภาพให้พร้อมก่อนวันรับบริการรักษาผิวด้วยเครื่อง Ulthera ซึ่งโดยหลักๆ ได้แก่

    เข้าพบแพทย์เพื่อให้แพทย์วิเคราะห์ปัญหาผิวหน้าและตำแหน่งที่ต้องการรักษา เพื่อกำหนดจำนวนช็อตส์ในการปล่อยพลังงาน
    พักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง
    งดสูบบุหรี่ งดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กิจกรรมที่อาจส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือด เช่น ทำสปา อบไอน้ำ ซาวน่า แช่น้ำร้อน ประมาณ 24 ชั่วโมงก่อนรับบริการ
    แจ้งแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำตัวและยาประจำตัวที่ใช้อยู่ในปัจจุบันก่อนรับบริการ
    ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการงดยา งดอาหารเสริม สมุนไพรบางประเภท เช่น ยากลุ่มแอสไพริน (Aspirin) ยากลุ่มไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) ยาที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด วิตามินอี น้ำมันตับปลา กระเทียม แปะก๊วย
    งดยาทารวมถึงผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว เช่น Tretinoin (Retin-A) สารเรตินอล (Retinols) สารเรตินอยด์ (Retinoid) กรดไกลโคลิก (Glycolic Acid) ครีมกลุ่ม Anti-Aging หรือหากไม่แน่ใจผลิตภัณฑ์ตัวใด ให้ปรึกษาแพทย์ล่วงหน้าก่อน
    งดแต่งหน้า หรือทาเครื่องสำอางใดๆ ในวันมารับบริการ เพราะเจ้าหน้าที่จะต้องมีการทำความสะอาดผิวก่อนให้บริการ
    หากกำลังเป็นโรคหรือภาวะทางผิวหนัง เช่น โรคผิวหนังอักเสบ โรคเริม สิวอักเสบ ควรปรึกษาแพทย์หรือรักษาให้หายเสียก่อนมารับบริการ



การดูแลตนเองหลังทำ Ulthera
เพื่อลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงหลังรักษา รวมถึงเพื่อให้ผลลัพธ์หลังรับบริการเห็นผลได้อย่างเต็มที่ ผู้เข้ารับบริการควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้

    หลังจากรับบริการเสร็จแล้วอาจเกิดปัญหาผิวแดงหรือผิวบวมเล็กน้อย แต่อาการจะดีขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์
    ผู้เข้ารับบริการอาจรู้สึกผิวแห้งขึ้นเล็กน้อยในช่วง 1-3 วันแรก ให้ทาครีมหรือมอยเจอร์ไรเซอร์เพิ่มเติมและหลีกเลี่ยงการล้างหน้า การอาบน้ำด้วยน้ำอุ่นจัดหรือน้ำร้อน
    งดอยู่ในสถานที่ร้อนจัดหรืออุณหภูมิสูง เช่น สปา ซาวน่า อบไอน้ำ รวมถึงที่โล่งแจ้งที่มีแดดจัดประมาณ 1 สัปดาห์
    หากจำเป็นจะต้องออกไปในที่แดดจัด ให้ทาครีมกันแดด SPF 50+ ขึ้นไป
    งดการถู นวด หรือสัมผัสผิวตำแหน่งที่รักษาแรงๆ
    หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่หรือบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระยะยาว เพื่อป้องกันไม่ให้คอลลาเจนผิวถูกทำลายเพิ่มอีก

ทั้งนี้ หลังทำอัลเทอร่า สามารถใช้ชีวิตประจำวันทั่วไปได้ทันที ไม่ต้องมีการพักฟื้นใดๆ สามารถแต่งหน้าทาครีมได้ตามปกติ



25
ทำประกันทั้งทีถ้าสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ด้วย ก็เหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เพราะได้ทั้งความคุ้มครอง และยังช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้ไม่น้อย โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่หลายๆ คนคงกำลังจัดระเบียบการใช้จ่ายของตัวเองและเตรียมเอกสารต่างๆ สำหรับเทศกาลลดหย่อนภาษีปลายปีที่ใกล้เข้ามา แต่หากคุณยังไม่แน่ใจว่าจะต้องซื้อประกันประเภทไหนที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ มีเงื่อนไขเพิ่มเติมอะไรอีกหรือไม่ และจะสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุดเท่าไหร่ วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาไว้ให้แล้ว

ประเภทของประกันที่ลดหย่อนภาษีได้
1. ประกันชีวิต
ประกันชีวิตทั่วไป ลดหย่อนภาษีได้
ประกันที่เน้นให้ความคุ้มครองแก่ผู้ทำประกัน ในกรณีที่เสียชีวิตจากเหตุไม่คาดคิดก็จะได้รับเงินชดเชยตามวงเงินคุ้มครอง มีหลายรูปแบบ เช่น ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ, ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา, ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ และ ประกันชีวิตควบการลงทุน
โดยสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาทตามจำนวนที่จ่ายจริง หรือหากจะนับรวมเงินฝากแบบมีประกันด้วยก็ต้องไม่เกิน 100,000 บาท และใครที่มีคู่สมรสที่ไม่มีรายได้ ซึ่งไม่ได้เพิ่งสมรสภายในปีนี้ ก็สามารถนำเบี้ยประกันมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท เช่นเดียวกัน
เงื่อนไขการนำประกันชีวิตทั่วไปมาลดหย่อนภาษี
-         ต้องเป็นกรมธรรม์ที่มีระยะคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
-         จัดทำกับบริษัทประกันในประเทศไทย
-         หากมีการจ่ายเงินปันผลหรือเงินชดเชย จะต้องไม่เกิน 20% ของเบี้ยประกันชีวิตรายปี
-         ต้องแจ้งต่อบริษัทว่าต้องการนำไปลดหย่อนภาษี

ประกันชีวิตแบบบำนาญ ลดหย่อนภาษีได้
ประกันที่ให้ความคุ้มครองรายได้หลังเกษียณ จะเน้นที่ผลตอบแทนเป็นหลัก เพื่อเป็นหลักประกันรายได้ในยามที่คุณเลิกประกอบอาชีพแล้วนั่นเอง
โดยประกันในรูปแบบนี้จะสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ 15% ของรายได้ (เงินได้ที่ต้องเสียภาษี) สูงสุดไม่เกิน 20,000 บาท หรืออาจลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท เมื่อยังไม่ได้ใช้สิทธิลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิตทั่วไป และเมื่อรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, RMF, กองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน, กบข. และ กองทุนการออมแห่งชาติ จะต้องไม่เกิน 500,000 บาท
นั่นหมายความว่าหากคุณยังใช้สิทธิลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิตทั่วไป ไม่ถึงเพดานสูงสุด 100,000 บาท คุณสามารถนำเบี้ยประกันบำนาญบางส่วนไปหักลบจนครบ 100,000 บาท ก่อนจะนำมาคำนวณหักลบกับ 15% ของรายได้ เป็นส่วนที่สอง
เงื่อนไขการลดหย่อนภาษีของประกันชีวิตแบบบำนาญคือ
-         ต้องเป็นกรมธรรม์ที่มีระยะคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
-         จัดทำกับบริษัทประกันในประเทศไทย
-         จ่ายผลประโยชน์เป็นงวดจำนวนเงินเท่ากัน หรือในสัดส่วนที่มากขึ้น เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ
-         ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันครบถ้วนก่อนที่จะได้รับผลประโยชน์
-         กำหนดช่วงอายุการจ่ายผลประโยชน์ตั้งแต่ 55 - 85 ปี
-         ต้องแจ้งต่อบริษัทว่าต้องการนำไปลดหย่อนภาษี



2. ประกันสุขภาพ
ประกันสุขภาพตนเอง ลดหย่อนภาษีได้
รูปแบบประกันที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ คือประกันที่คุ้มครองอาการบาดเจ็บหรืออุบัติเหตุ มีการชดเชยการทุพพลภาพและการสูญเสียอวัยวะเนื่องจากการเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บ, ประกันอุบัติเหตุเฉพาะ ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล การทุพพลภาพ การสูญเสียอวัยวะและการแตกหักของกระดูก, ประกันโรคร้าย และ ประกันการดูแลระยะยาว
โดยสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท เมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตทั่วไป และเงินฝากแบบมีประกันชีวิตต้องไม่เกิน 100,000 บาท
เงื่อนไขการลดหย่อนภาษีของประกันสุขภาพตนเองคือ
-         จัดทำกับบริษัทประกันในประเทศไทย
-         ต้องแจ้งต่อบริษัทว่าต้องการนำไปลดหย่อนภาษี
ประกันสุขภาพของพ่อแม่ ลดหย่อนภาษีได้
ในกรณีที่คุณจ่ายเบี้ยประกันให้กับพ่อแม่ สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท ในกรณีที่คู่สมรสไม่มีเงินได้ สามารถนำเบี้ยประกันสุขภาพของพ่อแม่ของคู่สมรสมาลดหย่อนในจำนวนสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท ได้เช่นกัน หรือหากมีการร่วมกันจ่ายกับพี่น้อง ก็สามารถนำมาหารเฉลี่ยตามจำนวนพี่น้องได้เช่นกัน
เงื่อนไขการลดหย่อนภาษีของประกันสุขภาพของพ่อแม่คือ
-         ต้องมีความสัมพันธ์เป็นลูกแท้ๆ ที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น
-         ในกรณีลูกบุญธรรมจะไม่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้
-         พ่อแม่มีรายได้ต่อปีภาษีไม่เกิน 30,000 บาท
-         ตัวผู้ลดหย่อนหรือพ่อแม่ต้องอยู่ในประเทศไทยครบ 180 วันภายในปีภาษี
การมีประกันชีวิตที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้จะช่วยให้คุณสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายลงได้ไม่น้อยเลย โดยเฉพาะกับมนุษย์เงินเดือนและผู้ที่มีรายได้ประจำ ก็ควรมองหาตัวเลือกที่สามารถทำให้คุณมีทั้งความคุ้มครองด้านสุขภาพ และสิทธิในการลดหย่อนภาษี


26
ยกกระชับหน้า ปัญหาผิวหย่อนคล้อยเกิดจากการที่จำนวนคอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นผิวถูกรบกวนจากปัจจัยต่าง ๆ และลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เซลล์ผิวสูญเสียความกระชับ ดูหน้าหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอยต่างๆ ที่ทำให้ผิว ใบหน้าแก่เกินวัย โดยปัจจัยที่ส่งผลให้จำนวนคอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นผิวลดลง

    อายุที่เพิ่มขึ้น
    การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
    รังสียูวีในแสงแดด
    การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ

แก้ได้ ด้วย 3 แนวทางยกกระชับหน้าโดยไม่ต้องการฉีดหรือผ่าตัด?
1.  Ulthera
    เครื่องมือยกกระชับหน้าที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากสามารถยกผิว หน้าหย่อนคล้อยให้กลับมากระชับ โดย ulthera จะเป็นการปล่อยพลังงานคลื่นความถี่สูงในรูปแบบอัลตราซาวด์ที่สามารถเข้าสู่ชั้นผิวได้ลึกถึงระดับ SMAS และปล่อยพลังงานความร้อนเข้าไปกระตุ้นชั้น SMAS ที่เสื่อมสภาพให้เกิดการหดตัว ซึ่งผลลัพธ์หลังจากการทำ Ulthera จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่า ใบหน้ายกขึ้น 20% และจะเห็นผลชัดเจนภายใน 1-3 เดือน อยู่ได้นาน 1 ปี ทั้งนี้ต้องอาศัยเทคนิค และความแม่นยำสูงในการทำและยังขึ้นกับฝีมือและเทคนิคของแพทย์เป็นสำคัญ



2. Exilis Ultra 360
    Exilis Ultra 360 คือ การส่งคลื่นความร้อนที่มีความปลอดภัยสูงไปสู่ชั้นผิวหนังเรียกได้ว่าเป็น NEW Model ที่สามารถผสมผสาน ระหว่าง พลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูง (Monopolar RF) และ คลื่นเสียง Ultrasound เข้าไว้ด้วยกัน ทำให้การส่งพลังงานสามารถกระจายได้อย่างทั่วถึง ซึ่ง Exilis Ultra 360 จะส่งผ่านพลังงาน 2 ชนิดเข้าไปกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจน รวมทั้งทำให้คอลาเจนใต้ผิวแข็งแรง ช่วยให้ผิว หน้าหย่อนคล้อยกลับมาเรียบตึง กระชับได้

3. New Doublo 2.0
    New Doublo 2.0 คือ เครื่องมือในการยกกระชับหน้า ที่มาพร้อมกับ Synergy Effect เป็นการรวม 2 พลังงานสำคัญในการกระตุ้นคอลลาเจน ยกกระชับผิว ด้วย คลื่นเสียง - MFU (Micro Focused Ultrasound) และ คลิ่นวิทยุ - RF (Redio Frequency)  ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่มีเฉพาะเครื่อง new doublo 2.0 เครื่องแรกและเครื่องเดียวเท่านั้น
         นอกจากนั้น New Doublo 2.0 ยังมีหัวที่มีลักษณะเป็นเข็มเล็กๆ หรือ Microneedle RF ที่จะมาช่วยเสริมการรักษาทั้งในแง่ของการยกกระชับผิว และปรับ Texture ของผิว ทำให้หลุมสิวบน ใบหน้าตื้นขึ้น กระชับรูขุขมขน ให้ผิวดูเรียบเนียน ละเอียด ลดริ้วรอยตื้นๆ ได้อีกด้วย



27
อย่างที่หลายคนทราบกันดีว่า การมีประกันชีวิตนั้นเป็นตัวช่วยให้เราในวันที่เกิดเหตุฉุกเฉินหรือไม่คาดฝันขึ้นได้ แต่สำหรับหลายคนที่มีรายได้น้อยการซื้อประกันชีวิตเป็นเรื่องที่ต้องคิดและคำนวณอย่างถี่ถ้วน ทั้งเรื่องของการส่งเบี้ยประกันที่เหมาะกับรายได้ ประกันสุขภาพ ลดหย่อนภาษี ความคุ้มครองที่คุ้มค่าและเหมาะกับตัวเอง

วิธีเลือกประกันชีวิตแบบไหนดี ถึงเหมาะกับผู้มีรายได้น้อย?

แม้จะมีรายได้น้อยแต่เราก็สามารถเลือกประกันชีวิตที่เหมาะสมกับตัวเองได้ โดยการคำนวณและประเมินข้อมูลต่างๆ ดังนี้

1. ตั้งงบประมาณที่ต้องการ
อย่างแรกที่เราต้องทำก่อนการเลือกซื้อประกันชีวิตก็คือ การตั้งงบประมาณที่ต้องการเอาไว้ เพื่อให้เราจำกัดตัวเลือกของแผนประกันให้แคบลงได้ และทำให้สามารถเลือกได้ง่ายขึ้น

2. ประเภทของประกันชีวิต
หนึ่งในขั้นตอนที่ทำสำคัญที่สุดของการซื้อประกันชีวิต คือ การเลือกประเภทของประกันชีวิต ซึ่งปัจจุบันประกันชีวิตมีหลากหลายประเภท ทั้งด้านความคุ้มครองและเงื่อนไขที่แตกต่างกัน เราจึงควรเลือกประเภทประกันชีวิตที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ และรายได้หลักของเรา โดยประกันชีวิตนั้นแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้

ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา

ประกันประเภทนี้เหมาะสำหรับ ผู้มีรายได้น้อย เพราะมีเบี้ยประกันไม่สูง แต่การคุ้มครองของประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลาจะคุ้มครองให้แก่ผู้เอาประกันซึ่งเสียชีวิตภายในเวลาที่กำหนดไว้เท่านั้น เช่น 5 ปี 10 ปี  20 ปี หมายความว่าคนทำประกัน จะได้ผลประโยชน์ก็ต่อเมื่อเสียชีวิตเท่านั้น ถ้าครบกำหนดตามสัญญาแล้วยังมีชีวิตอยู่ จะไม่ได้รับเงินคืนใดๆ ทั้งสิ้น

ประกันแบบตลอดชีพ

เป็นประกันชีวิตที่เน้นคุ้มครองในระยะยาว โดยจะจ่ายเบี้ยประกันเป็นระยะเวลาหนึ่ง เช่น 5 ปี 10 ปี 15 ปี หรือ 20 ปี และให้ความคุ้มครองตลอดชีพ หรือจนถึงอายุ 99 ปี ขึ้นกับแต่ละแผนประกันโดยตลอดระยะเวลาจะไม่ได้เงินคืน ประกันชีวิตประเภทนี้จึงเหมาะจะทำไว้เป็นเงินก้อนให้กับลูกหลาน เพื่อเป็นหลักประกันว่าครอบครัวจะไม่ลำบากเมื่อจากไปนั่นเอง



ประกันชีวิตแบบออมทรัพย์
เป็นประกันชีวิตที่ที่ให้ความคุ้มครองพร้อมมีการออมเงินเข้ามาเกี่ยวด้วย โดยจะมีทั้งแบบระยะสั้น กลาง ยาว จุดเด่นประกันชีวิต แบบออมทรัพย์ อยู่ที่เป็นการออมเงินพร้อมกับได้ความคุ้มครองเพิ่มไปด้วยพร้อมๆ กัน ซื้อประกันออนไลน์

ประกันชีวิตแบบเงินได้ประจำ
ประกันชีวิตประเภทนี้ ทางบริษัทประกันจะจ่ายเงินให้กับผู้เอาประกันอย่างสม่ำเสมอทุกเดือน นับแต่ผู้เอาประกันภัยเกษียณอายุ หรืออายุครบ 55 ปี หรือ 60 ปี เป็นต้นไป แล้วแต่เงื่อนไขที่ได้กำหนดไว้

3. เลือกบริษัทประกันที่น่าเชื่อถือ
เลือกประกันชีวิตจากบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ ทั้งด้านชื่อเสียง และหลักความคุ้มครองต่างๆ เพื่อที่เราจะสามารถมั่นใจได้ว่าจะได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า และไม่เสี่ยงต่อการถูกช่อโกงจากบริษัทที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ

4. ระยะเวลาการชำระต้องเหมาะสม
ยิ่งมีรายได้ไม่ได้สูง เรายิ่งจำเป็นต้องดูระยะเวลาการชำระเบี้ยประกันที่มีความเหมาะสมกับความสามารถในการจ่ายค่าเบี้ยประกันของเราให้มากที่สุด โดยระยะเวลาการชำระมีทั้งแบบราย 3 เดือน ราย 6 เดือน รวมถึงการจ่ายแบบรายได้

5. เลือกซื้อประกันผ่านออนไลน์
อีกข้อสำคัญในการเลือกซื้อประกันชีวิต สำหรับผู้มีรายได้น้อย คือการเลือกซื้อประกันผ่านช่องทางออนไลน์ เพราะทำให้เรามีสามารถศึกษาข้อมูลได้อย่างละเอียด ได้ข้อมูลที่หลากหลาย และยังมีเวลาให้เราได้ไตร่ตรองอย่างไม่จำกัดอีกด้วย เพื่อให้สามารถเลือกประกันที่เหมาะสมกับรายได้และตัวเรามากที่สุด

หากพูดถึงประกันชีวิตแบบออนไลน์ ประกันชีวิตของไทยประกันชีวิตเอง ก็มีช่องทางการซื้อขายประกันออนไลน์ที่สะดวก ไว้บริการสำหรับผู้ที่สนใจ ซึ่งเป็นช่องทางที่เราสามารถซื้อประกันออนไลน์ได้ง่าย สะดวก ทั้งยังมีข้อมูลของแผนประกันที่ละเอียดและครบถ้วนอีกด้วย

การทำประกันชีวิตนั้นสำคัญมากสำหรับทุกคน เพราะไม่รู้เลยว่าเราจะเจอกับอุบัติเหตุ หรือเจ็บป่วยขึ้นมาในวันใด และไม่ว่าราจะมีรายได้มากหรือน้อยก็สามารถเลือกทำประกันสุขภาพได้ เพียงแค่ศึกษาข้อมูลและเลือกแผนประกันชีวิตที่เหมาะสมกับรายได้ของเราเท่านั้นเอง

28
ด้วยไลฟ์สไตล์ของคนในปัจจุบันที่นิยมใช้ก๊อกน้ำและก๊อกน้ำฝักบัวแบบผสมคือสามารถใช้ได้ทั้งน้ำร้อน และน้ำเย็น TOTO จึงได้พัฒนานวัตกรรม COMFORT GLIDE โดยปรับปรุงและพัฒนาแผ่นเซรามิกที่อยู่ในวาล์ว ซึ่งเป็นชิ้นส่วนสำคัญภายในก๊อกอ่างล้างหน้าที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย ควบคุมการปล่อยน้ำได้ง่ายดายกว่าเดิมแค่ขยับก้านโยกเพียงเล็กน้อย นอกจากนี้ก๊อกน้ำที่มาพร้อมระบบ COMFORT GLIDE ยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า และมีความเสถียรของแรงในการขยับก้านโยกต่อครั้งได้ดีกว่าก๊อกน้ำทั่ว ๆ ไปอีกด้วย

รูปแบบการติดตั้งก๊อกน้ำฝักบัวตามการใช้งาน
นอกจากรูปแบบก๊อกน้ำและฝักบัวที่เหมาะกับการใช้งานแล้ว รูปแบบการติดตั้งก๊อกน้ำตามการใช้งานก็เป็นอีกปัจจัยที่ต้องคำนึงถึง เนื่องจากต้องเลือกการติดตั้งให้เหมาะสมกับแบบห้องน้ำ โดยรูปแบบการติดตั้งก๊อกมีทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่

    1. ก๊อกน้ำและฝักบัวแบบฝังผนัง
    เหมาะสำหรับอ่างอาบน้ำ อ่างล้างหน้า และฝักบัว เนื่องจากผู้ใช้งานสามารถเลือกตำแหน่งที่ต้องการติดตั้งได้ เหมาะสำหรับห้องน้ำที่มีพื้นที่ขนาดเล็ก เพราะช่วยประหยัดพื้นที่ในการติดตั้งฝักบัวในห้องน้ำ และยังเลือกติดตั้งคู่กับสุขภัณฑ์อื่น ๆ ได้ตามความต้องการ

    2. ก๊อกน้ำและฝักบัวแบบตั้งพื้น
    เหมาะสำหรับการใช้งานกับอ่างอาบน้ำ มีดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ เหมาะกับห้องน้ำที่ต้องการเน้นเรื่องดีไซน์ในการออกแบบ สำหรับก๊อกน้ำแบบตั้งพื้นจาก TOTO ถูกออกแบบให้เลือกจับคู่กับอ่างอาบน้ำแบบต่าง ๆ ได้อย่างลงตัว เหมาะกับการตกแต่งทุกสไตล์

    3. ก๊อกน้ำแบบตั้งเคาน์เตอร์
    เหมาะกับการเป็นก๊อกอ่างล้างหน้า ทั้งอ่างล้างหน้าแบบวาง หรืออ่างล้างหน้าฝังบนเคาน์เตอร์ที่มีช่องสำหรับติดตั้งก๊อกน้ำ ข้อดีคือสามารถบำรุงรักษาได้สะดวก



วิธีเลือกก๊อกน้ำระบบเซ็นเซอร์ ก๊อกน้ำเซ็นเซอร์ รุ่นไหนดี

ปัจจุบันก๊อกน้ำระบบเซ็นเซอร์นั้นได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องจากสะดวกสบาย และช่วยหลีกเลี่ยงการสัมผัสเชื้อโรคได้ดีกว่าก๊อกซิงค์ปกติที่เราต้องเอามือไปสัมผัสเพื่อเปิด - ปิดก๊อกน้ำ โดยวิธีการเลือกก๊อกเซ็นเซอร์มี 4 วิธีหลัก ๆ ได้แก่

    1. สำรวจระบบน้ำและไฟฟ้าสำหรับติดตั้งก๊อกน้ำ
    ก่อนเลือกซื้อก๊อกน้ำระบบเซ็นเซอร์ควรสำรวจระบบไฟฟ้าและระบบประปาภายในบ้านเสียก่อน เนื่องจากก๊อกแต่ละรุ่นนั้นมีเงื่อนไขการติดตั้งที่แตกต่างกันซึ่งอาจส่งผลต่อการใช้งานอีกด้วย

    2. รูปแบบการติดตั้งก๊อก
    โดยปกติก๊อกระบบเซ็นเซอร์นั้นมีทั้งแบบใช้ไฟฟ้าในบ้านและใช้แบตเตอรี่ในตัว แต่ด้วยนวัตกรรม SELF POWER จาก TOTO ที่ได้พัฒนาก๊อกระบบเซ็นเซอร์ที่ไม่ต้องใช้พลังงานไฟฟ้า แต่ใช้พลังงานจากการไหลของน้ำทำหน้าที่ชาร์จแบตเตอรี่ให้ตัวก๊อกทำงาน ซึ่งช่วยประหยัดพลังงาน และลดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา

    3. เลือกจากดีไซน์และการตกแต่งห้องน้ำ
    การเลือกซื้อก๊อกน้ำระบบเซ็นเซอร์ถือเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง จึงควรเลือกดีไซน์ก๊อกที่ถูกใจและเข้ากับสไตล์ห้องน้ำที่สุดเพื่อให้คุ้มค่ากับการลงทุน และอย่าลืมทดลองใช้ก๊อกเพื่อเช็กประสิทธิภาพว่าใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพหรือไม่

    4. ฟังก์ชันการใช้งานของก๊อกเซ็นเซอร์
    สำหรับฟังก์ชันของก๊อกเซ็นเซอร์คุณภาพดีที่ควรพิจารณา คือ ก๊อกที่ใช้ควรจะปล่อยน้ำออกมาทันทีเมื่อยื่นมือเข้าไปใกล้ระยะ และปิดน้ำทันทีเมื่อนำมือออกจากระยะเซ็นเซอร์ นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานเปลี่ยนอุณหภูมิร้อน - เย็นได้โดยไม่ต้องสัมผัสกับก๊อกน้ำอีกด้วย


29
หากพูดถึงการซื้อประกัน คงฟังดูเป็นขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อน ไหนจะการเลือกแผนประกัน ไหนจะต้องพิจารณาค่าเบี้ย แล้วไหนจะเงื่อนไขมากมายที่ต้องทำความเข้าใจ จึงไม่แปลกที่หลายคนจะยังไม่ตกลงปลงใจที่จะซื้อประกันชีวิต เสียชีวิตทุกกรณี ประกันสุขภาพ หรือ ประกันอุบัติเหตุ ให้กับตัวเองสักที
แต่หากพูดถึงความสำคัญแล้ว การมีประกันก็เหมือนการมีแผนสำรองที่ดีในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดต่างๆ เช่น อุบัติเหตุร้ายแรง โรคภัยไข้เจ็บที่อาจจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว และถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนทุกเพศทุกวัย ตราบใดที่คุณไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันพรุ่งนี้

เทคนิคการเลือกซื้อประกัน ด้วยการพิจารณาความเหมาะสมตามช่วงวัย
วันนี้เราจึงขอแนะนำ เทคนิคการเลือกซื้อประกันสำหรับทุกวัย พิจารณาความเหมาะสมตามช่วงวัย พร้อมข้อมูลที่จะช่วยให้คุณสามารถเลือกแผนประกันที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของตัวเอง และคนรอบตัวที่คุณรักอีกด้วย

ประกันสำหรับ วัยเด็ก (0 - 20 ปี)
    ในช่วงวัยนี้ประกันที่ตอบโจทย์มากที่สุดคือ ประกันสุขภาพ และ ประกันอุบัติเหตุ เพราะคุณคงถือเป็นวัยรุ่น วัยใส วัยบ้าบิ่น ที่คุณพ่อคุณแม่รู้สึกเป็นกังวลเป็นพิเศษ ทั้งปัญหาการเจ็บป่วย และอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน ดังนั้นการเลือกซื้อประกันสุขภาพควบคู่ไปกับประกันอุบัติเหตุ ก็จะช่วยให้คุณกล้าออกไปเผชิญโลกกว้าง เรียนรู้การใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ และช่วยทำให้คนทางบ้านที่เป็นห่วงคุณอยู่รู้สึกอุ่นใจมากยิ่งขึ้น
 


ประกันสำหรับ วัยเริ่มทำงาน (21 - 30 ปี)
    แน่นอนว่าช่วงวัยทำงานตอนต้น (First Jobber) สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการสร้างเนื้อสร้างตัว เพื่อให้มีฐานะที่มั่นคงในอนาคต ดังนั้นจึงควรเลือก ประกันออมทรัพย์ และ ประกันอุบัติเหตุ เพราะจะเป็นผู้ช่วยที่ดีในการวางแผนการใช้จ่าย ช่วยให้คุณสามารถเก็บเงินก้อนได้ตามเป้าหมาย และ ยังมีประกันอุบัติเหตุที่จะช่วยดูแลค่ารักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วย และยังมีค่าชดเชยต่างๆ อีกมากมาย

ประกันสำหรับ วัยสร้างครอบครัวและมีบุตร (31 - 50 ปี)
    เป็นช่วงวัยที่คุณเริ่มมีคนสำคัญในชีวิตให้ต้องดูแล การสร้างครอบครัวและวางแผนจะมีเจ้าตัวน้อยก็คงต้องมีการเตรียมความพร้อมไว้อย่างดี ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ หรือ ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา จึงเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์มากที่สุด เพราะเป็นประกันที่เบี้ยไม่สูง และคุ้มครองตามระยะเวลาที่สามารถเลือกได้ เป็นอีกหนึ่งแผนสำรองหากเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นกับคุณ ก็ไม่ต้องกังวลว่าคนที่อยู่ข้างหลังจะต้องลำบาก

 ประกันสำหรับ วัยเกษียณ (51 ปีขึ้นไป)
    ผู้สูงอายุในวัยเกษียณ เป็นวัยที่อาจมีความเสี่ยงสูงที่จะต้องเจอกับโรคภัยไข้เจ็บมากที่สุด การมีประกันสุขภาพผู้สูงอายุ ที่ครอบคลุมโรคยอดฮิตรวมถึงโรคร้ายแรง และ วงเงินการคุ้มครองคุ้มค่า ก็จะช่วยให้คุณป้องกันความเสี่ยง และยังสามารถสนุกกับการใช้ชีวิตและอยู่กับคนในครอบครัวได้อย่างอุ่นใจ

ถึงแม้ว่าในแต่ละช่วงวัยจะมีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาก็คืออุบัติเหตุในชีวิตประจำวัน ดังนั้นการมีประกันอุบัติเหตุคู่ใจที่จะช่วยดูแลความยุ่งยากต่างๆ ทั้งคุ้มครองคุ้มค่าและชดเชยเต็มที่ ก็นับเป็นสิ่งที่จำเป็นกับคนทุกวัยด้วยเช่นกัน

30
เชื่อว่าตั้งแต่เด็กจนโตหลายคนคงเคยผ่านการ
ออมเงิน ในรูปแบบต่างๆ กันมาแล้วทั้งนั้น ตั้งแต่การออมเงินผ่านการหยอดกระปุกในวัยเด็ก มาจนถึงการออมเงินผ่านการฝากธนาคาร การออมในหุ้นหรือกองทุนต่างๆ ซึ่งแต่ละประเภทของการออมก็จะมีค่าตอบแทนที่เราได้กลับมาต่างกัน แต่มีอีกการออมประเภทหนึ่งที่หลายคนไม่รู้หรือมองข้ามไป นั่นก็คือการออมผ่าน ประกันออมทรัพย์ ที่เป็นหนึ่งในรูปแบบการออมที่คุ้มค่าและให้มากกว่าการออมเงิน

 ประกันออมทรัพย์คืออะไร?

    ประกันออมทรัพย์ ประกันเงินออม ประกันสุขภาพ เป็นประกันที่เน้นการออมเงิน คล้ายกับการนำเงินไปฝากธนาคาร แต่สิ่งที่เราจะได้เพิ่มขึ้นจากผลตอบแทนแล้วยังได้รับความคุ้มครองตามมาด้วย โดยเมื่อเราส่งเบี้ยประกันครบตามระยะเวลาที่ระบุในกรมธรรม์ บริษัทประกันก็จะจ่ายเงินคืนให้เรา ซึ่งจะมีการจ่ายทั้งแบบคืนเป็นเงินก้อนครั้งเดียว หรือแบบมีเงินคืนระหว่างทางตลอดสัญญาก็ได้เช่นกัน

 ประโยชน์ของประกันออมทรัพย์

    ในการออมเงินธรรมดา อย่างเช่นการฝากธนาคาร หรือซื้อพันธบัตรนั้น เราจะได้ความมั่นคงและไร้ความเสี่ยง โดยเมื่อเราออมมากขึ้น นานขึ้นเท่าใดก็จะได้เงินสะสมที่มากขึ้นเท่านั้น แต่ประโยชน์ของประกันออมทรัพย์นั้นมีมากกว่าการออมเงิน  เพราะเราจะได้ทั้งเงินออม ผลตอบแทน พร้อมกับการคุ้มครองชีวิตเพิ่มขึ้นมา นอกจากนี้แล้วยังมีข้อดีทั้งการไม่เสียภาษีและการลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย การทำประกันออมทรัพย์จึงเป็นอีกทางเลือกที่ดีกว่าการออมเงินทั่วๆ ไปนั่นเอง

ผลตอบเเทนและสภาพคล่อง

    ผลตอบแทนของประกันออมทรัพย์นั้นไม่ได้สูงมากเมื่อเทียบกับการนำเงินไปลงทุนในประเภทอื่นๆ อย่าง หุ้น หรือกองทุนต่างๆ และการออมประเภทนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นคง มากกว่าผู้ที่รีบร้อนต้องใช้เงิน เพราะประกันออมทรัพย์ค่อนข้างจะมีสภาพคล่องต่ำเมื่อเทียบกับการออมประเภทอื่นๆ ที่สามารถถอน หรือแปลงเป็นเงินสดได้



ระยะเวลาการฝาก

    ระยะเวลาการฝากของประกันออมทรัพย์มีด้วยกันหลายรูปแบบ ทั้งแบบระยะสั้นและระยะยาว โดยมักจะกำหนดเป็นระยะเวลา 5/10 7/15 15/25 1/30 20/20 เป็นต้น ซึ่งตัวเลขเหล่านั้นจะบ่งบอกถึงจำนวนปีที่ชำระเบี้ยประกัน และจำนวนปีที่คุ้มครอง เช่น ประกันชีวิตแบบออมทรัพย์ 5/10 หมายถึง ระยะเวลาจ่ายชำระเบี้ย 5 ปี ให้ความคุ้มครองชีวิต 10 ปี โดยเมื่อครบกำหนดอายุกรมธรรม์ ก็จะได้รับเงินออมและผลประโยชน์ตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ที่กำหนดไว้ เป็นต้น

ภาษีและการลดหย่อนภาษี

    แม้จะมีผลตอบแทนไม่สูงมากเมื่อเทียบกับการออมรูปแบบอื่นๆ แต่การออมผ่านประกันออมทรัพย์นั้น เราจะได้ผลตอบแทนอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะไม่ต้องเสียภาษีเหมือนกับการฝากเงินในธนาคาร หรือการออมรูปแบบอื่นๆ นอกจากนี้อีกหนึ่งข้อที่น่าสนใจของประกันออมทรัพย์คือสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้  หากประกันออมทรัพย์ที่ทำนั้นมีอายุกรมธรรม์มากกว่า 10 ปีขึ้นไป โดยสามารถนำมาประกันสุขภาพ ลดหย่อนภาษีได้ สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท เลยทีเดียว

 ความคุ้มครองชีวิต

    อย่างที่ทราบแล้วว่าประกันออมทรัพย์นั้นจะมีการคุ้มครองชีวิตเพิ่มขึ้นมาจากการออมรูปแบบอื่นๆ ด้วย แต่ไม่เพียงแค่คุ้มครองชีวิตของผู้ทำประกันเท่านั้น เพราะในกรณีที่พ่อแม่ได้จ่ายประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ และได้ทำสัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองผู้ชำระเบี้ยเอาไว้เอาไว้ให้ลูกด้วยนั้น เมื่อวันที่พ่อแม่เสียชีวิต หรือทุพพลภาพ ลูกก็จะได้ผลประโยชน์ตอบแทนนั้นๆ ด้วย

     ประกันออมทรัพย์นั้นถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นคงในชีวิตและการเงิน ซึ่งสำหรับผู้ที่สนใจอยากทำประกันออมทรัพย์

ประกันออมทรัพย์ มันนี่ ฟิต เวลท์ตี้ 11/5 จากไทยประกันชีวิต ก็เป็นอีกตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม เพราะคุณจะได้ทั้งเงินออม ความคุ้มครอง รวมถึงผลตอบแทนที่คุ้มค่ากว่าการออมเงินทั่วๆ ไปอย่างแน่นอน

31
การยื่นภาษี เมื่อก้าวเข้าสู่วัยแห่งการทำงาน เราคงหลีกเลี่ยงไม่ได้กับคำว่า
ภาษี ซึ่งการยื่นภาษี คือ การที่บุคคลที่มีรายได้มากกว่า 10,000 บาทต่อเดือน จะต้องยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ โดยยื่นปีละ 1 ครั้ง เพื่อความสบายใจว่าเราได้ทำถูกต้องตามกฎหมาย มีหลักฐานเพื่อยืนยันรายได้ที่ชัดเจน เพื่อนำไปใช้ในการทำธุรกรรมในอนาคต อีกทั้งยังมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศอีกด้วย แต่ถ้าเราไม่อยากจ่ายภาษีเยอะ เราก็สามารถหาค่า
ลดหย่อนภาษีมาช่วยลดภาระตรงนี้ได้ เช่น เงินค่าเบี้ยประกันลดหย่อนภาษี การบริจาคเงิน เป็นต้น

4 วิธียื่นภาษีผ่านช่องทางออนไลน์
วันนี้เรามี วิธียื่นภาษีผ่านช่องทางออนไลน์ ตัวช่วยการคำนวณ และติดตามผลการยื่นภาษี ที่ง่าย สะดวก และสามารถทำได้ด้วยตัวเองมาแนะนำ

1.E-Filling เว็บไซต์ของกรมสรรพากรโดยตรง

2.RD Smart Tax แอป Official จากกรมสรรพากร

3.ITAX PRO แอปคำนวณภาษี และลดหย่อนพร้อมออกเอกสารให้

4.ITAX CHECK CHECK แอปติดตามผลการคืนเงินภาษี

1.E-Filling เว็บไซต์ของกรมสรรพากรโดยตรง

E-Filing เว็บไซต์ของกรมสรรพากรโดยตรง กรมสรรพากรได้จัดทำระบบการยื่นภาษีแบบออนไลน์ “ภ.ง.ด.90 หรือ ภ.ง.ด.91” เพื่อให้บริการประชาชนสามารถยื่นภาษีได้ง่ายและสะดวกสะดวกยิ่งขึ้น ผ่าน E-FILING ด้วยขั้นตอนง่ายๆ ดังต่อไปนี้

ขั้นตอนยื่นภาษีแบบออนไลน์ผ่าน E-FILING

·เข้าเว็บไซต์ epit.rd.go.th

·คลิก “ยื่นภาษี ภ.ง.ด.90/91”

·ผู้ที่เคยยื่นแบบภาษีออนไลน์แล้ว ให้กรอกหมายเลขผู้ใช้ และรหัสผ่าน (ผู้ที่ไม่เคยยื่นแบบภาษีออนไลน์ให้กด “สมัครสมาชิก”)

·“เลือกรายการเงินได้พึงประเมิน” โดยตรวจสอบว่ารายได้ของผู้ยื่นเป็นแบบไหน

·สำหรับ “เงินที่ได้รับยกเว้น/ค่าลดหย่อน” ผู้ที่เข้าร่วมโครงการ “ช้อปดีมีคืน” จะต้องเลือกเมนูดังกล่าวด้วย

·กรอกรายได้ที่ได้รับรวมทั้งปี พร้อมเลขของบริษัทที่จ่ายเงินให้ผู้ยื่นมากที่สุดในปีนั้น จากข้อมูลใน “ใบ 50 ทวิ”

·กรอกค่าลดหย่อน

·จากนั้นกรอกจำนวนสรุปยอดภาษีเงินที่ได้ต้องได้คืนหรือเงินที่จ่ายเพิ่ม

·กดตรวจสอบข้อมูล หากถูกต้อง ให้กด “ยืนยันการยื่นแบบ”

·ระบบจะแสดงหน้า “ผลการยื่นแบบ” จากนั้นให้นำเอกสารทั้งหมดที่เตรียมมา “ถ่ายรูป/สแกน” เพื่อแนบไปกับการยื่นภาษี

·หากดำเนินการเสร็จสิ้น สามารถติดตามสถานะการคืนภาษีได้ใน “วันถัดไป”   



2.RD Smart Tax แอป Official จากกรมสรรพากร
ยื่นภาษีแบบออนไลน์ผ่าน RD Smart Tax แอปพลิเคชัน Official จากกรมสรรพากร ก่อนจะยื่นภาษีผ่านแอปพลิเคชัน RD Smart TAX แนะนำให้ลงทะเบียนในเว็บไซต์ epit.rd.go.th ของกรมสรรพากรก่อน เพราะต้องใช้รหัสผ่านจากเว็บไซต์มากรอกในแอป ซึ่งถ้าใครเคยลงทะเบียนไว้แล้ว ก็สามารถใช้รหัสผ่านเดียวกันไปกรอกในแอป ได้เลย โดยมีขั้นตอนดังนี้

ขั้นตอนยื่นภาษีแบบออนไลน์ผ่าน
RD Smart Tax แอป Official จากกรมสรรพากร
·โหลดแอปพลิเคชัน RD Smart TAX

·เปิดแอปพลิเคชัน RD Smart TAX แล้วเลือกภาษา

·เลือก "ยื่นแบบออนไลน์" จากนั้นให้เรากรอกเลขบัตรประจำตัวประชาชน และรหัสผ่านที่ลงทะเบียนไว้กับเว็บไซต์กรมสรรพากร

·ต่อมาจะมาที่หน้า "ข้อมูลผู้ใช้" ให้เรากรอกรายละเอียดของตัวเองลงไป

·เลือกรายการลดหย่อนภาษีที่เรามี แล้วกด "ต่อไป"

·จะไปที่หน้า "ยื่นภาษี" ให้เราบันทึกเงินได้, ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรผู้จ่ายเงินได้ จากนั้นกด "ต่อไป"

·จะไปที่หน้า "บันทึกเงินได้ยกเว้น/ค่าลดหย่อน" ส่วนนี้ให้กรอกค่าลดหย่อนต่าง ๆ ที่เรามี

·จะไปที่หน้า "คำนวณภาษี" ระบบจะคำนวณให้ทันทีว่าเราชำระไว้เกิน หรือต้องชำระเพิ่ม

·จากนั้นกด "ยื่นแบบ" และต่อด้วย "ยืนยันการยื่นแบบ" เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

3.ITAX PRO แอปคำนวณภาษี และลดหย่อนพร้อมออกเอกสารให้

ITAX PRO แอปคำนวณภาษี และลดหย่อนพร้อมออกเอกสารให้ เป็นแอปที่สามารถช่วยคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้เงินคืนภาษีสูงสุด โดยไม่ต้องรู้ภาษี รองรับการคำนวณภาษีของ "ภ.ง.ด.90" และ "ภ.ง.ด.91" อีกทั้งยังมีฟังก์ชันการ

วางแผนประหยัดภาษีหรือ ลดหย่อนภาษี ที่ช่วยคำนวณตัวเลขออกมาเพื่อให้ผู้ใช้งานรู้ถึงจำนวนเงินที่ต้องจ่ายเพิ่มหรือได้รับเงินคืนล่วงหน้า ขั้นตอนการใช้ง่ายก็ทำได้ง่ายๆ ดังนี้

ขั้นตอนการใช้งาน
ITAX PRO แอปคำนวณภาษีและวางแผนลดหย่อนภาษี
·เปิดแอปพลิเคชัน ITAX PRO และเข้าสู่ระบบแล้ว แล้วกรอกข้อมูลส่วนตัว รายได้ตลอดปีและภาษีหัก ณ ที่จ่าย จากนั้นตัวแอปก็จำคำนวณมาให้
·สำหรับเมนูในตัวแอป ITAX PRO ก็จะมี 4 เมนูหลักๆ ด้วยกัน คือ “รายได้”, “ลดหย่อน”, “วางแผน” และ “สรุป”
·เมนูรายได้ เราก็กรอกรายได้ทั้งหมดที่เราได้รับ เช่น เงินเดือน, ค่าจ้างทั่วไป, ดอกเบี้ย, เงินปันผล และรายได้อื่นๆ
·เมนูลดหย่อน เป็นเมนูที่เราจะได้รู้ว่าเราจะลดหย่อนภาษีในทางใดได้บ้าง และเราใช้สิทธิลดหย่อนไปแล้วกี่เปอเซ็นต์
·เมนูวางแผน เราสามารถกดเลือกว่า เราจะวางแผนภาษีแบบไหน ซึ่งในแอปพลิเคชันก็จะมีให้เลือก 3 แบบด้วยกันคือ “ลดภาษีเต็ม Max”, “ลดภาษีตามความคุ้มค่า” และ “ลดภาษีตามงบประมาณ” นอกจากนี้ตัวแอปยังเชื่อมกับการลงทุนรูปแบบต่างๆ โดยสามารถคลิกเข้าที่การลงทุนที่เราสนใจ เช่น หากเราอยาก ลดหย่อนภาษีด้วยการซื้อเบี้ยประกันชีวิต ลดหย่อนภาษี เราก็สามารถกดเข้าไปในเมนูอันเดียวกับที่เราใช้เลื่อนในการคำนวณ
·เมนูสรุป จะทำการสรุปว่า เรามีเงินได้ทั้งหมดเท่าไหร่ แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนเท่าไหร่ และเราเสียภาษีอะไรบ้าง รวมถึงมีสิทธิลดหย่อนเท่าไหร่ อีกทั้งยังสามารถกดออกแบบฟอร์มภาษีได้อีกด้วย

4.ITAX CHECK CHECK แอปพลิเคชันสำหรับติดตามผลการคืนเงินภาษี เราสามารถกรอกข้อมูลส่วนตัวเพียงครั้งเดียวจากนั้นก็สามารถตรวจเช็คสถานะเงินคืน ภาษีได้บ่อยเท่าที่ต้องการ วิธีการใช้งาน

·โหลดแอปพลิเคชัน ITAX CHECK CHECK
· จากนั้น กรอกชื่อ-นามสกุล และเลขประจำตัวประชาชนของเรา ก็ติดตามได้แล้วว่า เงินของเราอยู่ในขั้นตอนไหนแล้ว   

32
Exclusive Talk ครั้งนี้ แพรว พาไปทำความรู้จักกับ A-Listic Clinic อีกหนึ่งพิกัดทำสวยที่มาแรงจนคว้ารางวัล Iconic Trusted Beauty Clinic จากเวทีความงามแห่งปี Praew Iconic Beauty 2024 พร้อมเปิดแนวคิดของ “คุณหมอต้อง – แพทย์หญิงต้องหทัย ตั้งสินมั่นคง” และ “คุณหมิว – ปณภัทร พลอึงรัตนวงศ์” สองสาวเก่งผู้ก่อตั้งและผู้บริหารแห่ง A-Listic Clinic


พิกัดทำสวยสไตล์เอลิสต์
คุณหมอต้อง : “จุดเริ่มต้นของ A-Listic Clinic มาจากประสบการณ์ ที่หมอทำงานตรงนี้มา 10 กว่าปีแล้ว ตอนที่ยังไม่ได้มีคลินิกความงามเป็นของตัวเอง  การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์หรือเครื่องมือต่างๆ เราจะไม่สามารถตัดสินใจเองได้ ทำให้เกิดความคิดว่าอยากคัดสรรสิ่งดีๆ ให้กับผู้รับบริการได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นคอนเซ็ปต์ของ A-Listic Clinic จึงเน้นไปที่ความพรีเมียม ซึ่งสอดคล้องกับชื่อที่มาจากคำว่า A-List บวกกับ Aesthetic คือทุกอย่างของเราจะให้ความสำคัญกับคุณภาพที่เหนือกว่ามาตรฐานทั่วไป  เริ่มตั้งแต่การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ เครื่องมือ ตลอดจนการให้บริการเลยค่ะ”



คุณหมิว : “จุดเด่นของ A-Listic Clinic คือเราให้บริการแบบไพรเวท มีความเป็นส่วนตัว พร้อมให้การดูแลความงามและวิเคราะห์ปัญหาอย่างตรงจุด ซึ่งเราช่วยดูแลทั้งภายนอกและภายใน โดยผสมผสานศาสตร์ Anti-Aging และ Aesthetic เข้าด้วยกัน ยกตัวอย่างเช่น เคสที่มาด้วยปัญหาสิว เราจะมีการวิเคราะห์ก่อนว่าต้นเหตุจริงๆ เกิดจากอะไร ฮอร์โมน ปัญหาสุขภาพภายใน หรือปัจจัยภายนอก เพื่อแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด

“สำหรับบริการที่ได้รับความสนใจของเราจะเป็นเรื่องการปรับรูปหน้า ซึ่งเรามีการประยุกต์ใช้หัตถการร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยกกระชับใบหน้า สารลดเลือนริ้วรอย หรือสารเติมเต็ม เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น อีกทั้งตอนนี้มีเรื่องการดูแลรูปร่างที่เพิ่มเติมเข้ามาแล้วกระแสตอบรับดี เป็นโปรแกรมที่คุณหมอต้องออกแบบเทคนิคขึ้นมา ช่วยดูแลทั้งเรื่องการกระชับสัดส่วน สลายไขมัน และเสริมสร้างกล้ามเนื้อไปพร้อมๆ กันด้วยค่ะ”

สร้างสรรค์ความงามแบบเฉพาะบุคคล

คุณหมอต้อง : “นิยามความงามในความคิดของหมอ คือความงามที่มีความเป็นธรรมชาติ และยังมีความเป็นตัวของตัวเองอยู่ แต่จะเป็นเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดในแบบฉบับของแต่ละคน โดยหากพูดถึงผู้รับบริการของ A-Listic Clinic ก็ต้องบอกว่ามีหลายช่วงวัย ถ้าเป็นรุ่นใหญ่ก็จะสนใจดูแลตัวเองในเรื่องการย้อนวัย อยากแลดูเด็กลง แต่ยังคงต้องการความเป็นธรรมชาติด้วย ส่วนรุ่นเล็กจะเน้นไปที่การดูแลหรือแก้ไขให้ดูดีขึ้นในสไตล์ที่ยังเป็นตัวเองอยู่ค่ะ”

คุณหมิว : “เรื่องที่น่าปลื้มใจ คือผู้รับบริการส่วนใหญ่ของเรามักจะศึกษาหาข้อมูลมาก่อนที่จะทำอะไรก็ตาม ซึ่งทำให้เมื่อเข้ามารับคำปรึกษาจริงๆ ก็จะเจอแนวทางของตัวเองได้ง่ายขึ้น ซึ่งแต่ละเคสก็จะมีการวางแผนการรักษาที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความต้องการและปัญหาของแต่ละบุคคล โดย A-Listic Clinic จะมีการออกแบบการรักษาให้เหมาะสมและตอบโจทย์ความต้องการให้มากที่สุด”



มาแรงจนคว้ารางวัลจากเวทีความงามแห่งปี

คุณหมอต้อง : “รางวัลจาก Praew Iconic Beauty 2024 ถือเป็นรางวัลแห่งความภาคภูมิใจ  หมอรู้สึกดีใจมากที่ A-Listic Clinic ได้รับความไว้วางใจจากคณะกรรมการว่าคลินิคของเรามีความน่าเชื่อถือ ซึ่งก็ตรงตามคอนเซ็ปต์ของเราเช่นเดียวกัน คือทุกอย่างต้องมีคุณภาพและได้มาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ หรือเครื่องมือ ต้องเป็นของดีและของแท้

“จากประสบการณ์กว่า 10 ปีของการทำงานในวงการความงาม หมอมองว่าหัวใจสำคัญที่จะทำให้เราอยู่ได้อย่างยั่งยืน คือการมอบความจริงใจให้กับผู้รับบริการ ให้คำแนะนำอย่างตรงไปตรงมา เลือกสิ่งที่เหมาะสมและตอบโจทย์ให้กับเขา เพราะผู้รับบริการส่วนใหญ่เป็นขาประจำที่เชื่อมั่นในฝีมือและคุณภาพของเรา และไว้วางใจกันมานาน”

คุณหมิว : “สิ่งสำคัญของการทำงานในแวดวงความงาม สำหรับหมิวยกให้กับความซื่อสัตย์ คือเราต้องสื่อสารกับผู้รับบริการอย่างตรงไปตรงมา เพื่อแก้ปัญหาหรือตอบโจทย์ความต้องการของเขาได้อย่างตรงจุด รวมถึงเรื่องเครื่องมือและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ก็ต้องใช้ของแท้ และใช้อัตราส่วนตามความเป็นจริง ไม่หลอกลวง ไม่ขายฝัน ต้องทำทุกอย่างอยู่บนความซื่อสัตย์ค่ะ”


https://praew.com/praew-special/546661.html

33
การยืนยันตัวตนอิเล็กทรอนิกส์ (E-KYC) สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยของข้อมูลในการทำธุรกรรมออนไลน์
รู้หรือไม่ E-KYC คืออะไร ?
E-KYC (Electronic Know Your Customer) คือ การยืนยันและพิสูจน์ตัวตนด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมาย เพื่อคุ้มครองการทำธุรกรรมความเสี่ยงระดับปานกลางขึ้นไป
.
ทำไมต้องทำ E-KYC ?
การทำ E-KYC ช่วยป้องกันการแอบอ้างตัวตน และการโจรการกรรมข้อมูล เพราะมีระบบตรวจสอบ ทำให้ยากต่อการปลอมแปลง อีกทั้งยังช่วยรองรับการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ลดภาระการเดินทางของลูกค้า และเพิ่มความสะดวกในการทำธุรกรรมครั้งต่อไป
.
ใครบ้างที่ต้องทำ E-KYC ?
E-KYC ใช้สำหรับการซื้อแบบประกันควบการลงทุน ที่มีความเสี่ยงปานกลาง ได้แก่
- Universal Life (UL)
- Unit Linked (UK)



และการซื้อประกันออนไลน์ผ่านสื่อดิจิทัลแบบไม่พบตัวลูกค้า หรือ Digital Face to Face ได้แก่
- ผู้เอาประกันภัย อายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป
- ผู้ปกครอง กรณีผู้เอาประกันภัยยังไม่บรรลุนิติภาวะ
- ผู้ชำระเบี้ย กรณีผู้เอาประกันภัย หรือผู้ปกครองไม่ได้เป็นผู้ชำระเบี้ยประกันภัย
.
โดยลูกค้าสามารถทำตาม ขั้นตอนการยืนยันตัวตน E-KYC ได้ง่ายๆ ด้วยตัวเองดังนี้
.
ขั้นตอนที่ 1 : คลิก Link ภายใน 6 ชั่วโมง ที่ได้รับจาก SMS หรืออีเมล เพื่อเข้าสู่หน้าเว็บไซต์ สำหรับการยืนยันตัวตน
ขั้นตอนที่ 2 : อัปโหลดหรือถ่ายรูปบัตรประจำตัวประชาชน ด้านหน้า-หลัง ตามขั้นตอนในระบบ แล้วกดปุ่มยืนยันการใช้รูปภาพ เพื่อตรวจสอบข้อมูลกับกรมการปกครอง
ขั้นตอนที่ 3 : ถ่ายรูปเซลฟี่ตัวเอง เพื่อตรวจสอบใบหน้า แล้วกดปุ่มยืนยันการใช้รูปภาพ
.
เพียงเท่านี้ ก็ยืนยันตัวตนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
รวดเร็ว มั่นใจ ปลอดภัย ด้วยระบบ E-KYC

34



ฝักบัวเรนชาวเวอร์น้ำหยดเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในห้องน้ำที่สร้างความรำคาญใจให้กับหลายคน แต่ใครว่าปัญหานี้แก้ไม่ได้ มาดู 5 วิธีแก้น้ำฝักบัวหยดที่ทำได้ง่าย ๆ

ฝักบัวน้ำหยด เป็นปัญหาในห้องน้ำที่หลายบ้านต้องเผชิญกันอยู่บ่อย ๆ โดยน้ำฝักบัวหยดนั้นไม่เพียงแต่ส่งผลให้พื้นห้องน้ำเปียกลื่นเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ ยังส่งผลให้ค่าน้ำพุ่งสูงขึ้นโดยไม่รู้ตัว แต่อย่างไรก็ตามปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาที่จะแก้ไขหรือป้องกันไม่ได้

 
5 วิธีแก้ไขปัญหาฝักบัวน้ำหยด ให้ครบปัญหา
1. ตรวจสอบก๊อกน้ำ
ในหลายกรณีปัญหาฝักบัวน้ำหยดอาจมีต้นตอปัญหาจากก๊อกน้ำ จึงควรเริ่มจากการตรวจสอบก๊อกน้ำเสียก่อนว่ามีปัญหา เสียหาย หรือเสื่อมคุณภาพหรือไม่ โดยวิธีการตรวจสอบง่าย ๆ เพียงทดลองปิดก๊อกน้ำซึ่งเป็นตัวควบคุมแรงดันน้ำ ในกรณีที่เป็นฝักบัวก้านแข็ง หลังจากปิดก๊อกน้ำแล้วหากพบว่ามีน้ำฝักบัวหยดออกมาแสดงว่าก๊อกน้ำนั้นเสื่อมสภาพหรือเสียหาย หรือในกรณีที่ถ้าเป็นฝักบัวสายอ่อน ให้ถอดสายฝักบัวออก หากพบว่ามีน้ำหยดก็อาจหมายความว่าก๊อกน้ำนั้นมีความผิดปกติได้เช่นกัน


 
2. เปลี่ยนก๊อกน้ำ
หากพบปัญหาก๊อกน้ำชำรุดเสียหายซึ่งส่งผลให้เกิดปัญหาน้ำฝักบัวหยด ก็สามารถแก้ไขด้วยการเปลี่ยนก๊อกน้ำอันใหม่ โดยขั้นตอนนี้ทุกคนสามารถทำได้ที่บ้านด้วยการปิดก๊อกน้ำ แล้วถอดก๊อกน้ำออกจากสายฝักบัว จากนั้นจึงเปลี่ยนชิ้นใหม่เข้าไปจากนั้นจึงพันด้วยเทปประปาก็เป็นอันเรียบร้อย

 
3. ทำความสะอาดคราบหินปูนที่หัวฝักบัว
คราบหินปูนหรือคราบสกปรกที่หัวฝักบัวเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้น้ำไหลออกจากฝักบัวได้ไม่สะดวก ซึ่งส่งผลให้เกิดน้ำตกค้างในหัวฝักบัวและเป็นที่มาของน้ำฝักบัวหยดได้ ดังนั้นควรทำความสะอาดหัวฝักบัวอย่างสม่ำเสมอ โดยถอดหัวฝักบัวออกมาทำความสะอาดคราบหินปูนภายในก็จะช่วยยืดระยะเวลาการใช้งานให้ยาวนานได้มากยิ่งขึ้น

สำหรับฝักบัวที่ไม่สามารถถอดหัวออกมาล้างทำความสะอาดได้ สามารถใช้วิธีง่าย ๆ เพียงนำยาสีฟันมาป้ายแล้วขัดหัวฝักบัวให้สะอาด หรือใช้วิธีใช้น้ำส้มสายชูใส่ลงในถุงพลาสติกแล้วนำไปสวมเข้าในหัวฝักบัว รัดปากถุงให้แน่นแล้วทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วเปิดน้ำทิ้งไว้สักพักหนึ่ง แล้วนำแปรงสีฟันมาขัดคราบสกปรกออกก็เป็นที่เรียบร้อย

 
4. ตั้งฝักบัวให้สูงกว่าเครื่องทำน้ำอุ่น
ปัญหาน้ำค้างในหัวฝักบัวอาบน้ำก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ฝักบัวน้ำหยด เนื่องจากหลังใช้งานฝักบัวเสร็จแล้วมักจะยังมีน้ำค้างอยู่ภายในหัวฝักบัวซึ่งเกิดจากแรงดันของเครื่องทำน้ำอุ่น ดังนั้นควรตั้งฝักบัวให้อยู่สูงกว่าเครื่องทำน้ำอุ่นเพื่อป้องกันปัญหาน้ำฝักบัวหยดได้อีกทางหนึ่ง



5. เลือกใช้ฝักบัวที่ผลิตจากวัสดุคุณภาพ
ฝักบัวเป็นอุปกรณ์ที่ผลิตจากวัสดุได้หลายชนิด ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการใช้งาน การตกแต่ง และราคา สำหรับวัสดุที่เหมาะกับการทำฝักบัวมากที่สุดก็คือ สแตนเลส หรือโครเมียม เนื่องจากวัสดุเหล่านี้มีคุณสมบัติแข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้อย่างยาวนานมากกว่าฝักบัวพลาสติก ซึ่งการใช้ฝักบัวที่มีคุณภาพสูงจะช่วยป้องกันน้ำหยดจากฝักบัวได้เช่นกัน


นอกจาก 5 วิธีแก้ไขปัญหาฝักบัวน้ำหยดจะช่วยแก้ปัญหากวนใจในห้องน้ำแล้ว การใช้ฝักบัวที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีอันทันสมัยยังช่วยสร้างความผ่อนคลายให้กับผู้ใช้งานได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยประหยัดน้ำได้ เช่น ฝักบัว AERIAL SHOWER ที่เพิ่มมวลอากาศเข้าไปในสายน้ำ ทำให้ใช้น้ำในปริมาณที่น้อยลง สุขภัณฑ์ชิ้นเดียวนวัตกรรม ACTIVE WAVE ที่สร้างเกลียวน้ำขนาดใหญ่ COMFORT WAVE ซึ่งผสมผสานเกลียวน้ำหลายแบบช่วยให้ความชุ่มฉ่ำทุกสัมผัส และการปล่อยน้ำให้ไหลห่อหุ้มร่างกายโดยไม่กระเซ็นออกด้านข้างของ WARM SPA ช่วยให้ทุกคนในครอบครัวได้รับความสะอาด และผ่อนคลายได้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง


35
ความงาม | Beauty / A-Listic เผยเทรนด์สุขภาพมาแรง
« เมื่อ: มกราคม 17, 2025, 02:41:59 AM »
ธุรกิจการแพทย์ในประเทศไทยเริ่มฟื้นตัว สอดรับกับเทรนด์สุขภาพยุคใหม่ โดยเฉพาะด้านศัลยกรรมและความงาม ยกกระชับหน้า ที่มีเทคนิคการแพทย์ใหม่ๆ หลายรูปแบบมาตอบโจทย์ตลาด และด้าน Anti-Aging หรือ เวชศาสตร์ชะลอวัย ที่กำลังเติบโตอย่างมาก

หมิว - ปณภัทร พลอึงรัตนวงศ์ Co-Founder และ Beauty Assistance จากแบรนด์ A-Listic ผู้เชี่ยวชาญกลยุทธ์การตลาด เปิดเผยถึงเทรนด์สุขภาพในปี 2024 ว่า ธุรกิจด้านสุขภาพที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ของไทยยังคงเป็นด้านศัลยกรรมและความงาม ธุรกิจเกี่ยวกับผู้สูงอายุ และธุรกิจด้าน Anti-Aging หรือ เวชศาสตร์ชะลอวัย ซึ่งมีแนวโน้มที่กำลังเติบโตอย่างมาก

โดยเฉพาะด้านศัลยกรรมและความงาม ที่มีเทคนิคการแพทย์ใหม่ ๆ ที่สามารถตอบโจทย์ตลาด และด้าน Anti-Aging หรือ เวชศาสตร์ชะลอวัย ที่มีทั้งเทคนิคและเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัย สามารถเข้ามาช่วยในการดูแลสุขภาพและชะลอวัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์คนยุคใหม่ที่ต้องการมีบุคลิกที่ดูดีแม้จะสูงวัย และไม่อยากให้ดูแก่ก่อนวัย



มูลค่าของธุรกิจด้านสุขภาพและความงามในช่วง 2-3 ปีมานี้ จะอยู่ที่ประมาณ 2-3 หมื่นล้านบาท และมีอัตราการเติบโต 10-20% ทุกปี ตอนนี้คนให้ความสนใจด้าน Wellness เกี่ยวกับความงามเพิ่มมากขึ้น ซึ่งต้องยอมรับว่าประเทศไทยเองก็มีคลินิกและสถานประกอบการด้านสุขภาพที่มีมาตรฐานและมีคุณภาพสูงอยู่เป็นจำนวนมาก คลินิกด้านความงามที่มีมาตรฐานสูง ๆ ก็จะมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้แลและให้คำปรึกษา อย่าง A-Listic เราก็มีแพทย์หญิงต้องหทัย ตั้งสินมั่นคง

ซึ่งเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ระดับอาจารย์แพทย์ และมีความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคปรับรูปหน้า และการดูแลรูปร่างด้วยนวัตกรรม และผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานระดับโลก ผ่าน US FDA ในทุกหัตถการ มาคอยให้คำปรึกษาและดูแล ซึ่งปัญหาหลักที่พบมากตอนนี้คือ เคสเกี่ยวกับการดูแลรูปร่าง โดยเฉพาะในกลุ่มของผู้ที่เริ่มมีอายุมากขึ้น และมีปัญหาระบบการเผาผลาญที่ลดลงตามวัย ซึ่งวิธีการหรือเทคนิคในปัจจุบันที่ใช้ในการดูแลรูปร่างนั้น ก็จะมีหลากหลายเทคนิค ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ประเมินและแนะนำเทคนิคที่เหมาะสมในการดูแลรูปร่าง โดยจะใช้ระยะเวลาเริ่มต้นที่ 1 เดือน

36
การเงิน | Finance / โปรแกรมคำนวณดัชนีมวลกาย
« เมื่อ: มกราคม 14, 2025, 10:09:25 AM »
ค่า BMI คือค่าดัชนีที่ใช้ชี้วัดความสมดุลของน้ำหนักตัว (กิโลกรัม) และส่วนสูง (เซนติเมตร) ซึ่งสามารถระบุได้ว่า ตอนนี้รูปร่างของคนคนนั้นอยู่ในระดับใด ตั้งแต่อ้วนมากไปจนถึงผอมเกินไป

Body Mass Index (BMI) มีสูตรการคำนวณ = น้ำหนักตัว[Kg] / (ส่วนสูง[m] ยกกำลังสอง) สูตรคำนวณเหมาะสำหรับใช้ประเมินผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป ประโยชน์ของการวัดค่า BMI เพื่อดูอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ตรวจสอบภาวะไขมันและความอ้วน ดังนั้นการทำให้ร่างกายอยู่ในเกณฑ์ปกติจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งกับผู้ที่ต้องการรักษาสุขภาพในระยะยาว



ค่าดัชนีมวลกาย - BMI

อ้วนมาก = 40 ขึ้นไป

ค่อนข้างอันตราย เสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงที่แฝงมากับความอ้วน หากค่า BMI อยู่ในระดับนี้ จะต้องปรับพฤติกรรมการทานอาหาร และควรเริ่มออกกำลังกาย และหากเลขยิ่งสูงกว่า 40.0 ยิ่งแสดงถึงความอ้วนที่มากขึ้น ควรไปตรวจสุขภาพ และปรึกษาแพทย์

อ้วน = 35.0 - 39.9

อ้วนในระดับหนึ่ง ถึงแม้จะไม่ถึงเกณฑ์ที่ถือว่าอ้วนมาก ๆ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคที่มากับความอ้วนได้เช่นกัน ทั้งโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูง ควรปรับพฤติกรรมการทานอาหาร ออกกำลังกาย และตรวจสุขภาพ

น้ำหนักปกติ เหมาะสม = 18.5 - 23.4

น้ำหนักที่เหมาะสมสำหรับคนไทยคือค่า BMI ระหว่าง 18.5-23.4 จัดอยู่ในเกณฑ์ปกติ ห่างไกลโรคที่เกิดจากความอ้วน และมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ น้อยที่สุด ควรพยายามรักษาระดับค่า BMI ให้อยู่ในระดับนี้ให้นานที่สุด และควรตรวจสุขภาพทุกปี

ผอมเกินไป = น้อยกว่า 18.5

น้ำหนักน้อยกว่าปกติก็ไม่ค่อยดี หากคุณสูงมากแต่น้ำหนักน้อยเกินไป อาจเสี่ยงต่อการได้รับสารอาหารไม่เพียงพอหรือได้รับพลังงานไม่เพียงพอ ส่งผลให้ร่างกายอ่อนเพลียง่าย การรับประทานอาหารให้เพียงพอ และการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อสามารถช่วยเพิ่มค่า BMI ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้

ค่า BMI จากโปรแกรมคำนวณนี้ เป็นค่าสำหรับชาวเอเชียและคนไทย ซึ่งอาจแตกต่างกันไปในแต่ละเชื้อชาติ ค่า BMI เฉลี่ยของหญิงไทยคือ 24 และของชายไทยคือ 23.4 สำหรับอายุ 20 ปีขึ้นไป

ความเสี่ยงของสุขภาพจากการมีดัชนีมวลกายสูงเกินมาตรฐาน
เหตุผลที่ใช้ดัชนีมวลกายในการคัดกรองสุขภาพของประชากรทั่วไปเนื่องจากการมีน้ำหนักเกินหรืออ้วนนั้นมีความสัมพันธ์อย่างมากกับปัญหาสุขภาพ การเกิดโรคเรื้อรัง และการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร

ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน หรืออ้วนจะเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพเพิ่มขึ้นเช่น

1.ข้อเสื่อม
2.เบาหวาน
3.มะเร็งบางชนิด
4.ความดันโลหิตสูง
5.โรคหลอดเลือดสมอง
6.โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ หรือตัน
7.หยุดหายใจขณะหลับหรือมีปัญหาทางเดินหายใจ

ค่าดัชนีมวลกาย - BMI กับการทำประกันสุขภาพ
ค่า BMI ต่ำกว่า 18 มีโอกาสรับประกันแต่อาจต้องตรวจสุขภาพ
ค่า BMI 18 - 35 รับแบบปกติ
ค่า BMI 35 ขึ้นไป มีโอกาสรับประกันแต่อาจต้องตรวจสุขภาพ

การที่ค่า BMI ไม่อยู่ในเกณฑ์ปกติบริษัทประกันส่วนใหญ่อาจมีข้อยกเว้นบางโรคที่เกี่ยวข้อง หรืออาจเพิ่มเบี้ยประกัน ขึ้นอยู่กับผลตรวจ และประวัติสุขภาพก่อนทำประกัน ทั้งนี้ต้องแถลงข้อมูลจริงต่อบริษัทประกัน เพื่อป้องกันปัญหาการเคลมทีหลัง

ประกันสำหรับคนอ้วนหรือน้ำหนักเกินมาตรฐาน
ข้อดีของประกันคนน้ำหนักเกินมาตรฐาน
ไม่ตรวจสุขภาพ อนุมัติกรมธรรมภายใน 1 วัน
มีโรคประจำตัวแล้วก็ทำได้
ประกันสุขภาพ ลดหย่อนภาษี ได้ 100,000 บาทแรก
คุ้มครองมากกว่าเบี้ยประกัน
รับรองผลตอบแทน การันตีเงินคืนตลอดสัญญา



cr: https://digitaloffices.thailife.com/kittitad.pan/articles/คำนวนค่าดัชนีมวลกาย-bmi

37
ไอเดียแต่งห้องน้ำสไตล์ยุโรป ทำห้องน้ำใหม่ให้สวยหรูดูอินเตอร์

ไอเดียทำห้องน้ำใหม่ง่าย ๆ เพื่อให้ได้ห้องน้ำสไตล์ยุโรปที่สวยงามดูอินเตอร์ รวมถึงใช้งานสุขภัณฑ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และผ่อนคลายทุกครั้งที่ใช้งาน

ห้องน้ำสไตล์ยุโรปเป็นสไตล์การแต่งห้องน้ำรูปแบบหนึ่ง ซึ่งเน้นให้ห้องน้ำมีพื้นที่โปร่งโล่ง พร้อมสร้างบรรยากาศให้ดูหรูหรา และให้ความรู้สึกผ่อนคลายมากที่สุด วันนี้ TOTO มีไอเดียทำห้องน้ำใหม่ให้ดูดีในสไตล์ยุโรปมาฝากทุกคนกัน เพื่อให้ได้ห้องน้ำที่สวยงามเหมือนกับมีบ้านอยู่ต่างประเทศ

5 ไอเดียแต่งห้องน้ำสไตล์ยุโรป ให้โดนเด่น

1. ปูกระเบื้องโมเสคสีเข้ม

ไอเดียแต่งห้องน้ำสไตล์ยุโรป ทำห้องน้ำใหม่ให้สวยหรูดูอินเตอร์ 1



ไอเดียทำห้องน้ำใหม่ให้เป็นสไตล์ยุโรป เริ่มจากการปูผนังและพื้นด้วยกระเบื้องโมเสคโทนสีน้ำเงินเข้ม เสริมบรรยากาศในห้องน้ำให้ไม่ฉูดฉาดจนเกินไป ช่วยสร้างความรู้สึกผ่อนคลายในทุกครั้งที่ใช้งาน พร้อมใช้ประตูไม้สีอ่อนมาตัด เพื่อสร้างกิมมิกให้ห้องน้ำมีเอกลักษณ์โดดเด่น ยกระดับให้สวยแบบอินเตอร์ในสไตล์ยุโรป

 
2. ติดกระจกเหนือเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าไม้

อ่างล้างหน้าพร้อมเคาน์เตอร์ไม้และกระจกเงา



ห้องน้ำสไตล์ยุโรปสามารถเลือกใช้เคาน์เตอร์ไม้สีอ่อน เพื่อเพิ่มความรู้สึกอบอุ่นแบบในห้องน้ำเมืองหนาว พร้อมทั้งติดตั้งลิ้นชักหรือชั้นวางของสำหรับการจัดเก็บของของใช้ สร้างความเป็นระเบียบที่ดูสะอาดตา อีกทั้งยังแขวนกระจกเงาบานใหญ่ ซึ่งเป็นเทคนิคที่ช่วยทำให้ห้องน้ำดูกว้างและหรูหรามากยิ่งขึ้น นอกจากนี้การเลือกใช้อ่างล้างหน้าแบบฝังใต้เคาน์เตอร์ จะช่วยประหยัดพื้นที่บนเคาน์เตอร์ให้คุณมีพื้นที่ใช้สอยมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้หากเลือกใช้เป็นอ่างล้างหน้าฝังใต้เคาน์เตอร์ ควรใช้เข้าคู่กับก๊อกน้ำทรงเตี้ย เพื่อให้ใช้งานได้อย่างสะดวก และลดโอกาสที่น้ำจะกระเซ็นออกนอกอ่างล้างหน้า

 
3. แต่งโซนอาบน้ำให้โปร่งโล่ง

ห้องน้ำแต่งด้วยฝักบัวสีเงิน



อีกหนึ่งไอเดียของการแต่งห้องน้ำสไตล์ยุโรป คือ การจัดพื้นที่ให้ดูปลอดโปร่ง ทั้งการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ ของแต่งห้อง และสุขภัณฑ์เท่าที่จำเป็น เพื่อประหยัดพื้นที่ให้มากที่สุด ยิ่งบริเวณโซนอาบน้ำ ควรแต่งให้โล่ง อย่างการใช้เพียงฝักบัวเรนชาวเวอร์ถืออาบ หรือ ฝักบัวสายอ่อนสีเงิน ซึ่งนอกจากจะประหยัดพื้นที่แล้ว ยังมีสีที่ตัดกับกระเบื้องโทนเข้ม สร้างความหรูหราดูอินเตอร์ให้ห้องน้ำน่าใช้งานขึ้น และยิ่งใช้คู่กับก๊อกผสมที่มีเทคโนโลยี Thermostat ควบคุมอุณหภูมิคงที่ จะช่วยป้องกันการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของน้ำอย่างฉับพลันจากแรงดันน้ำที่เปลี่ยนไป ทำให้คุณผ่อนคลาย และสุนทรีย์มากขึ้นขณะอาบน้ำ

 
4. ตกแต่งห้องน้ำด้วยต้นไม้

ไอเดียช่วยให้ห้องน้ำของคุณดูสดชื่นมากยิ่งขึ้น คือการตกแต่งห้องน้ำด้วยต้นไม้ ทั้งนี้ หากพื้นที่มีจำกัด อาจเลือกใช้เป็นกระถางต้นไม้แบบแขวนเพดานก็ได้ ให้ความรู้สึกใกล้ชิดกับธรรมชาติ โดยยังประหยัดพื้นที่ภายในห้องน้ำได้อยู่ นอกจากนี้ หากเป็นห้องน้ำขนาดเล็ก อาจเลือกใช้เป็นกระจกทรงสูงเพื่อเปิดรับแสงจากธรรมชาติ จะช่วยให้ห้องน้ำไม่มืดจนเกินไป และยังช่วยลดความชื้น ซึ่งเป็น 1 ในสาเหตุหลักของการเกิดเชื้อราและกลิ่นเหม็นอับภายในห้องน้ำอีกด้วย

 
5. ใช้สุขภัณฑ์อัตโนมัติที่มีเทคโนโลยีทันสมัย



ไอเดียทำห้องน้ำใหม่ ซึ่งช่วยให้ได้ห้องน้ำที่ทันสมัย และใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ คือ การเลือกใช้สุขภัณฑ์ชิ้นเดียว หรือ ชักโครก ที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะสุขภัณฑ์อัตโนมัติที่มีเทคโนโลยีสมัยใหม่หลายอย่าง เช่น ฝารองนั่งและระบบชำระล้างอัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้ไม่ต้องสัมผัสสุขภัณฑ์โดยตรง ลดความเสี่ยงในการสัมผัสสิ่งสกปรก หรือระบบกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ภายในโถสุขภัณฑ์ระหว่างการใช้งาน รวมถึงออกแบบโถสุขภัณฑ์แบบไร้ขอบ เพื่อทำให้ทำความสะอาดได้ง่าย ช่วยลดการสะสมของสิ่งสกปรกอีกด้วย มั่นใจเรื่องสุขอนามัยทุกครั้งเมื่อใช้งาน

 
6. ใช้สุขภัณฑ์แขวนผนังช่วยเพิ่มพื้นที่

ไอเดียแต่งห้องน้ำสไตล์ยุโรป ทำห้องน้ำใหม่ให้สวยหรูดูอินเตอร์ 2

ไอเดียแต่งห้องน้ำสไตล์ยุโรปไอเดียสุดท้าย เป็นการเลือกสุขภัณฑ์แขวนผนังที่นอกจากจะต้องเลือกรุ่นที่ทันสมัยมีเทคโนโลยีช่วยอำนวยความสะดวกในใช้งานแล้ว ช่องว่างบริเวณใต้โถสุขภัณฑ์ประเภทนี้จะช่วยเพิ่มพื้นที่ในห้องน้ำให้ดูกว้างขึ้น อีกทั้งยังทำความสะอาดได้ง่าย ไม่มีคราบสกปรกฝังแน่นที่เกาะติดบริเวณรอบ ๆ ยาแนว ทำให้ห้องน้ำของคุณสะอาดและสวยงามอยู่ตลอดเวลา

 
สำหรับใครที่กำลังทำห้องน้ำใหม่ และสนใจการแต่งห้องน้ำสไตล์ยุโรป ซึ่งให้บรรยากาศที่สวยหรู ดูอินเตอร์ พร้อมให้ใช้งานอย่างผ่อนคลาย สามารถนำไอเดียทั้ง 6 ข้อไปปรับใช้ได้ และสิ่งสำคัญคือการเลือกใช้สุขภัณฑ์คุณภาพดี ซึ่งมีเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานห้องน้ำให้สบายยิ่งขึ้น พร้อมด้วยการออกแบบที่ทันสมัย สวยงาม เข้ากับการตกแต่งหลากหลายสไตล์ เพื่อให้ได้ห้องน้ำที่มีประสิทธิภาพ ใช้งานได้อย่างสะดวก และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

38
ยกกระชับหน้า ปัญหาผิวหย่อนคล้อยเกิดจากการที่จำนวนคอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นผิวถูกรบกวนจากปัจจัยต่าง ๆ และลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เซลล์ผิวสูญเสียความกระชับ ดูหน้าหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอยต่าง ๆ ที่ทำให้ผิว ใบหน้าแก่เกินวัย โดยปัจจัยที่ส่งผลให้จำนวนคอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นผิวลดลง

    อายุที่เพิ่มขึ้น
    การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
    รังสียูวีในแสงแดด
    การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ



แก้ได้ ด้วย 3 แนวทางยกกระชับหน้าโดยไม่ต้องการฉีดหรือผ่าตัด?
1.  Ulthera
   เครื่องมือยกกระชับหน้าที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากสามารถยกผิว หน้าหย่อนคล้อยให้กลับมากระชับ โดย Ulthera จะเป็นการปล่อยพลังงานคลื่นความถี่สูงในรูปแบบอัลตราซาวด์ที่สามารถเข้าสู่ชั้นผิวได้ลึกถึงระดับ SMAS และปล่อยพลังงานความร้อนเข้าไปกระตุ้นชั้น SMAS ที่เสื่อมสภาพให้เกิดการหดตัว ซึ่งผลลัพธ์หลังจากการทำ Ulthera จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่า ใบหน้ายกขึ้น 20% และจะเห็นผลชัดเจนภายใน 1-3 เดือน อยู่ได้นาน 1 ปี ทั้งนี้ต้องอาศัยเทคนิค และความแม่นยำสูงในการทำและยังขึ้นกับฝีมือและเทคนิคของแพทย์เป็นสำคัญ

2. Exilis Ultra 360
   Exilis Ultra 360 คือ การส่งคลื่นความร้อนที่มีความปลอดภัยสูงไปสู่ชั้นผิวหนังเรียกได้ว่าเป็น NEW Model ที่สามารถผสมผสาน ระหว่าง พลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูง (Monopolar RF) และ คลื่นเสียง Ultrasound เข้าไว้ด้วยกัน ทำให้การส่งพลังงานสามารถกระจายได้อย่างทั่วถึง ซึ่ง Exilis Ultra 360 จะส่งผ่านพลังงาน 2 ชนิดเข้าไปกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจน รวมทั้งทำให้คอลาเจนใต้ผิวแข็งแรง ช่วยให้ผิว หน้าหย่อนคล้อยกลับมาเรียบตึง กระชับได้

3. New Doublo 2.0
   New Doublo 2.0 คือ เครื่องมือในการยกกระชับหน้าที่มาพร้อมกับ Synergy Effect เป็นการรวม 2 พลังงานสำคัญในการกระตุ้นคอลลาเจน ยกกระชับผิว ด้วย คลื่นเสียง - MFU (Micro Focused Ultrasound) และ คลิ่นวิทยุ - RF (Redio Frequency)  ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่มีเฉพาะเครื่อง Doublo 2.0 เครื่องแรกและเครื่องเดียวเท่านั้น
         นอกจากนั้น New Doublo 2.0 ยังมีหัวที่มีลักษณะเป็นเข็มเล็กๆ หรือ Microneedle RF ที่จะมาช่วยเสริมการรักษาทั้งในแง่ของการยกกระชับผิว และปรับ Texture ของผิว ทำให้หลุมสิวบน ใบหน้าตื้นขึ้น กระชับรูขุขมขน ให้ผิวดูเรียบเนียน ละเอียด ลดริ้วรอยตื้นๆ ได้อีกด้วย

39
ไอเดียแต่งห้องน้ำโดยใช้อ่างล้างหน้าคู่ เป็นไอเดียที่ได้รับความนิยม และนำไปใช้อย่างแพร่หลาย เนื่องด้วยสวยงามและมีข้อดีที่เหมาะสำหรับหลาย ๆ ครอบครัว

หลายครอบครัวอาจพบปัญหาการแย่งกันใช้ห้องน้ำในช่วงเวลาตอนเช้าอันเร่งรีบ การเลือกแต่งห้องน้ำแบบ Double Sink จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างมาก วันนี้ TOTO มีไอเดียแต่งห้องน้ำโดยใช้อ่างล้างหน้าคู่มาฝากครอบครัวที่มีสมาชิกหลายคน เพื่อให้ได้ใช้งานพร้อมกันอย่างสะดวกสบายมากที่สุด!

ข้อดีการติดตั้งอ่างล้างหน้าคู่
ไอเดียแต่งห้องน้ำด้วยอ่างล้างหน้าคู่ ถือว่าเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย และเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ฮิตของการแต่งห้องน้ำในปัจจุบัน ด้วยมีข้อดีหลายอย่าง ดังนี้

    ใช้งานพร้อมกันได้สะดวก – อ่างล้างหน้าคู่ หรือ Double Sink ถือเป็นไอเทมที่มีประโยชน์อย่างมาก ยิ่งในเวลาเร่งด่วนที่หลายคนต้องการใช้ห้องน้ำเวลาเดียวกัน ก็สามารถใช้งานพร้อมกันได้โดยไม่ต้องแย่งพื้นที่ ทำให้สะดวกสบาย เหมาะกับครอบครัวที่มีสมาชิกหลายคนเป็นอย่างมาก
    แบ่งการใช้งานเป็นสัดส่วน – สำหรับไอเดียแต่งห้องน้ำด้วยการใช้อ่างล้างหน้าคู่ จะช่วยแบ่งพื้นที่การใช้งานของสมาชิกในบ้านให้เป็นสัดส่วนยิ่งขึ้น อย่างเช่น การแบ่งพื้นที่อ่างล้างหน้าของสามีที่ไว้ใช้สำหรับโกนหนวดเครา และฝั่งภรรยาที่ใช้แต่งหน้าหรือบำรุงผิว ซึ่งจะช่วยแบ่งของใช้ให้เป็นสัดส่วน และไม่ปะปนกัน ช่วยให้ห้องน้ำของคุณมีระเบียบมากยิ่งขึ้น
    เพิ่มพื้นที่เก็บของ – การติดตั้งอ่างล่างหน้าคู่ นับเป็นการเพิ่มพื้นที่สำหรับจัดเก็บภายในห้องน้ำให้มากขึ้นอีกเท่าตัว โดยเฉพาะการใช้อ่างล้างหน้าแบบวางบนเคาน์เตอร์ เนื่องจากสามารถเลือกเป็นเคาน์เตอร์แบบตู้ลิ้นชัก หรือเป็นช่องว่างโล่ง ๆ ไว้วางของใช้ส่วนตัวได้มากขึ้นนั่นเอง

ไอเดียแต่งห้องน้ำโดยใช้อ่างล้างหน้าคู่
1.เลือกกระเบื้องหินลายธรรมชาติมอบความสวยงามอย่างคลาสสิก
ไอเดียแต่งห้องน้ำด้วยอ่างล้างหน้าคู่ให้เป็นห้องน้ำสไตล์คลาสสิก สามารถเลือกใช้กระเบื้องหินสีเทาลวดลายธรรมชาติ ปูทั้งส่วนของพื้นและผนัง รวมถึงใช้เคาน์เตอร์สำหรับวางอ่างล้างหน้าเพื่อเสริมให้อ่างสีขาวโดดเด่นขึ้น ประดับด้วยตู้เก็บของไม้สีเข้มใต้เคาน์เตอร์ เพิ่มพื้นที่จัดเก็บและเสริมให้ห้องน้ำสวยคลาสสิกยิ่งขึ้น



2.แต่งห้องน้ำด้วยโทนสีน้ำตาลอ่อนให้ความรู้สึกสุดอบอุ่น
อีกหนึ่งไอเดียการแต่งห้องน้ำที่ให้บรรยากาศอันแสนอบอุ่น ด้วยการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์โทนสีน้ำตาล ทั้งเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าไม้ที่มีลิ้นชักเก็บของ รวมถึงกระเบื้องผนังและพื้นลวดลายสวยงาม และปูพรมสานสีน้ำตาลอ่อน รวมถึงใช้อ่างล้างหน้าคู่ทรงโค้งมน เพิ่มความรู้สึกให้ละมุนและอ่อนโยน



3.ใช้กระจกบานใหญ่เพิ่มความลักซ์ชัวรี่
ห้องน้ำที่ใช้อ่างล้างหน้าคู่สามารถแต่งให้ดูหรูหราในสไตล์ลักซ์ชัวรี่ (Luxury) ได้ง่าย ๆ ด้วยการติดตั้งกระจกขนาดใหญ่ เพื่อให้ห้องน้ำดูกว้างมากขึ้น พร้อมแต่งด้วยกระเบื้องหินอ่อนลายสีเทา ให้บรรยากาศสุดหรูดูแพง อีกทั้งเสริมความลักซ์ชัวรี่ด้วยก๊อกน้ำดีไซน์บางเฉียบ สร้างบรรยากาศให้เหมือนอยู่ในโรงแรมระดับ 5 ดาว



การแต่งห้องน้ำโดยใช้อ่างล้างหน้าคู่ ถือเป็นไอเดียแต่งห้องน้ำที่เหมาะสำหรับบ้านที่มีสมาชิกหลายคน อีกทั้งยังสามารถเลือกใช้อ่างได้หลากหลายแบบ เพื่อให้เข้ากับสไตล์การตกแต่งในบ้าน โดยต้องเลือกใช้อ่างล้างหน้า และสุขภัณฑ์ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานห้องน้ำ รวมถึงมีดีไซน์ที่สวยงาม เข้ากับการแต่งห้องน้ำได้หลากหลายสไตล์ เพื่อให้ได้ห้องน้ำที่สวยงาม มีประสิทธิภาพ และน่าใช้งานมากยิ่งขึ้น


40
ตอนเป็นยังไม่หนาวเท่า เป็นแล้วอาจเริ่มหนาวๆ ร้อนๆ
เด็กมักมีโอกาสโรคติดในช่วงอากาศหนาว ใน 3 กลุ่มโรค และ 5 โรคสำคัญ อาทิ โรคติดเชื้อจากระบบทางเดินหายใจ (โรค covid19, โรคไข้หวัดใหญ่, โรคติดเชื้อ RSV) โรคติดเชื้อจากระบบทางเดินอาหาร โรคท้องร่วงจากเชื้อไวรัสโรต้า ทำให้เกิดโรคอีสุกอีใส ประกันเด็ก



01 กลุ่มโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ
โรค COVID19 | โรคไข้วัดใหญ่ | โรคติดเชื้อ RSV 924 เชื้อไวรัสของ 3 ชนิด มักแพร่กระจายในฤดูฝนและฤดูหนาว ผ่านละออง และการสัมผัส
กลุ่มเสี่ยง เด็กที่ติดเชื้อไวรัสทั้งสามชนิด อาจมีอาการรุนแรง มีภาวะปอดอักเสบ คือ เด็กที่มีลักษณะอ้วนและเด็กเล็ก (มีโอกาสได้รับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่และเชื้ออาร์เอสวี)
อาการ มีไข้หวัด น้ำมูก เจ็บคอ ไอ นอกจากนั้นอาจพบภาวะแทรกซ้อนทางปอด (ปอดอักเสบ) หรือที่เรียกว่า “เชื้อลงปอด” โดยจะมีอาการเหนื่อยหอบร่วมด้วย
ภาวะปอดอักเสบพบได้บ่อยในเด็กที่ติดเชื้ออาร์เอสวี พบได้บ้างในเด็กเล็กที่ติดเชื้อไวร้สไข้หวัดใหญ่ และพบน้อยในเด็กที่ติดเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะสายพันธุ์โอมิครอน
รักษาตามอาการ ยาต้านไวรัสโควิด-19 และยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่แนะนำสำหรับเด็กกลุ่มเสี่ยง เด็กที่มีภาวะปอดอักเสบ หรือแนะนำตามดุลยพินิจของแพทย์ ยาต้าน RSV ยังอยู่ระหว่างการศึกษาวิจัย
ป้องกัน สวมหน้ากาก การเว้นระยะห่าง การล้างมือ และการฉีดวัคซีน
วัคซีน
วัคซีนโควิด-19 ในเด็กนิยมใช้วัคซีนชนิด mRNA ของบริษัทไฟเซอร์ แนะนำในเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป หลังฉีดวัคซีนชุดแรกครบ (3 เข็มสำหรับเด็กอายุ 6 เดือน – 4 ปี และ 2 เข็มสำหรับเด็กอายุ 5 ปีขึ้นไป) ควรฉีดกระตุ้นทุกๆ 6 เดือน
 
วัคซีนไข้หวัดใหญ่แนะนำในเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป โดยฉีดทุกปี ภาครัฐมีบริการวัคซีนโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายสำหรับเด็กกลุ่มเสี่ยง (อายุ 6 เดือน – 2 ปี เด็กอ้วน และเด็กที่ป่วยเป็นโรคเรื้อรัง) 

02. โรคติดเชื้อของระบบทางเดินอาหาร
โรคอุจจาระร่วงจากเชื้อไวรัสโรต้า พบในเด็กอายุ 5 ขวบปีแรก เชื้อแพร่กระจายได้ง่ายผ่านฝอยละอองและการสัมผัส โรคนี้พบได้ตลอดปีแต่พบบ่อยในฤดูหนาว ซึ่งแตกต่างจากโรคอุจจาระร่วงจากเชื้อแบคทีเรียที่มักพบในฤดูร้อน
อาการ ไข้ อาเจียน ถ่ายอุจจาระเป็นน้ำ หากมีภาวะเสียน้ำมากอาจเกิดภาวะช็อคได้
รักษา ตามอาการและดื่มน้ำเกลือแร่
ป้องกัน ควรดื่มนมแม่และการรับวัคซีนโรต้า
วัคซีน
วัคซีนโรต้าเป็นวัคซีนพื้นฐานสำหรับเด็กไทย แนะนำให้หยอด 2 หรือ 3 ครั้ง เมื่ออายุ 2, 4, 6 เดือน   วัคซีนไม่ได้ช่วยป้องกันโรคโดยตรง แต่ช่วยลดความรุนแรงของโรคเท่านั้น
 
03. โรคไข้ออกผื่น
โรคอีสุกอีใสเกิดจากเชื้อไวรัสอีสุกอีใส พบได้ตลอดปีแต่พบบ่อยในฤดูหนาว เพราะเชื้อมีความทนต่อสภาพอากาศเย็น เชื้อแพร่กระจายได้ง่ายในสถานรับเลี้ยงเด็กและโรงเรียนอนุบาล ผ่านทางอากาศ เด็กที่เคยเป็นอีสุกอีใสมีโอกาสเป็นโรคงูสวัดในอนาคตเมื่อภูมิคุ้มกันลดลง ประกันสุขภาพ

กลุ่มเสี่ยง ทารกแรกเกิด เด็กวัยรุ่น และเด็กที่มีภูมิคุ้มกันผิดปกติ
อาการ เด็กที่ติดเชื้อไวรัสอีสุกอีใสจะมีอาการไข้และผื่น โดยผื่นจะมีลักษณะจำเพาะคือ เริ่มจากตุ่มแดง กลายเป็นตุ่มใส ตุ่มหนอง และตกสะเก็ด
รักษา ตามอาการ ยาต้านไวรัสอีสุกอีใสแนะนำในเด็กกลุ่มเสี่ยง มีอาการรุนแรง หรือมีภาวะแทรกซ้อน
ป้องกัน การฉีดวัคซีนเป็นหลัก
วัคซีน
วัคซีนอีสุกอีใสเป็นวัคซีนเสริมสำหรับเด็กอายุ 1 ปีขึ้นไป แนะนำให้ฉีดสองครั้ง ห่างกันอย่างน้อย 1-3 เดือน วัคซีนช่วยป้องกันไม่ให้เป็นโรคหรืออย่างน้อยสามารถช่วยลดความรุนแรงของโรคได้ 


เด็กเล็กๆ มีโอกาสเจ็บป่วย จากโรคเหล่านี้ทุกวัน ส่วนใหญ่กินระยะเวลายาวนาน > ผู้ใหญ่
โดยเฉพาะผู้เป็นพ่อแม่แสนห่วงลูกน้อย หัวใจแทบขาด ตอนได้ยินเสียร้องระงม ต้องคอยสลับกันดูแลเฝ้าไข้ อาจยังผลให้ต้องขาดงาน เฝ้าไข้ เพราะห่วงกังวลลูกน้อย อยากให้หายปลอดภัยเร็วที่สุดนั่นเอง และขอขอบคุณเนื้อหาสนับสนุนความรู้ รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย


รับชมวีดีโอ มรดกเพิ่มพูน (เพื่อผู้สูงอายุ) ประกันเพื่อผู้สูงอายุ
คลิก youtu.be/My738Qb9kj0




41
Ulthera คือ อะไร

   ulthera อัลเทอร่า คือ เครื่องยกกระชับผิวและลดริ้วรอย ที่จะช่วยเรียกคืนผิวอ่อนเยาว์ให้กลับมา โดยใช้เทคโนโลยีคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความถี่สูง (High Intensity Focused Ultrasound) ยิงลงไปใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวหดตัวและยกกระชับขึ้น กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อีลาสติน สามารถแก้ปัญหาผิวได้แม่นยำ ตรงจุด โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น เห็นผลลัพธ์ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ช่วยชะลออายุผิว และลดโอกาสเกิดริ้วรอยในอนาคต



Ulthera มีหัวยิงลงลึกถึงชั้นผิวหลายระดับ เพื่อแก้ปัญหาที่แตกต่างกันในแต่ละชั้นผิว ลงลึกถึงชั้นผิว SMAS

หัวยิงลึก 1.5 mm ลดริ้วรอยผิวชั้นบน ในชั้นหนังกำพร้าและชั้นหนังแท้

หัวยิงลึก 3 mm กระชับชั้นไขมัน กระตุ้นคอลลาเจน ลดความหย่อนคล้อยของผิว

หัวยิงลึก 4.5 mm ยิงชั้นผิว SMAS ชั้นเดียวกับการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า

Ulthera เหมาะกับใคร ?

    ผู้ที่มีผิวหน้าหย่อนคล้อย มีริ้วรอยปานกลาง

    ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าเรียว กรอบหน้าชัดขึ้น

    ผู้ที่มีร่องแก้ม ร่องมุมปาก แก้มหย่อนคล้อย

    ผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยเล็ก ๆ รอบดวงตา ยกคิ้ว หางตา และลดถุงใต้ตา

    ผู้ที่ต้องการกระชับเหนียง คางสองชั้น และลำคอ

    ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้แน่นกระชับ รูขุมขนเล็กลง ผิวเรียบเนียน

 
Ulthera SPT ต่างจาก Ulthera ปกติอย่างไร

   Ulthera SPT คือเทคนิดในการรักษาที่ความละเอียดแม่นยำมากขึ้น เนื่องจากเครื่อง Ulthera มีหน้าจอที่ช่วยแสดงผลขณะยิงให้แพทย์สามารถเห็นโครงสร้างชั้นลึกถึงชั้นผิวsmas จึงมีความแม่นยำต่อจุดที่ต้องการแก้ไขปัญหา และมีความละเอียดแม่นยำสูง เจ็บน้อยกว่า และให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนกว่า

หลักการในการทำงานของเครื่อง Ulthera

   Ulthera SPT คือการใช้นวัตกรรม Ulthera ที่มี SPT หรือ See – Plan – Treat คือการยิงคลื่นเสียงพลังงานสูงไปใต้ชั้นผิว ให้ผิวเกิดการหดตัว และมีความยกกระชับขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจน และอีลาสตินเพื่อฟื้นฟูผิว ซึ่งมีความแม่นยำ และสามารถออกแบบให้เจาะจงกับปัญหา และสภาพผิวของแต่ละคนได้

Ulthera SPT มาจาก See Plan Treat คือเทคนิคในการยิง Ulthera โดยมีขั้นตอนการทำงาน ดังนี้

S – See

   S หรือ See คือการให้แพทย์สามารถมองเห็นกระบวนการได้ระหว่างการทำหัตถการ (Real-Time visualization) ด้วยเทคโนโลยีที่สามารถแสดงผ่านหน้าจอได้ชัดเจน ให้แพทย์มองเห็นทุกชั้นผิว และสามารถยิงคลื่น MFU-V (Microfocus Ultrasound with Visualization) เข้าไปที่ชั้นผิว SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ได้อย่างแม่นยำ

P – Plan

   P หรือ  Plan คือ การวางแผน เมื่อแพทย์สามารถมองเห็นปัญหาได้อย่างชัดเจนลึกถึงชั้นผิว จึงสามารถวิเคราะห์ ออกแบบ และแก้ไขปัญหาได้อย่างละเอียด

T – Treat

   T หรือ Treat คือความแม่นยำในการรักษา และการยกกระชับหน้า เมื่อแพทย์สามารถเข้าใจถึงปัญหา ก็จะสามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด โดยเฉพาะผู้เข้ารับบริการแต่ละคนที่มาด้วยปัญหาที่แตกต่างกันออกไป สามารถลดอาการเจ็บปวด หรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้

Ulthera SPT ดีอย่างไร?

    สามารถออกแบบการแก้ไขปัญหาที่เฉพาะเจาะจงของแต่ละบุคคลได้ เนื่องจากปัญหาผิวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

    มีความแม่นยำ เพราะแพทย์สามารถเห็นโครงสร้างชั้นลึกถึงชั้นผิวsmas ด้วยเอกสิทธิ์เฉพาะของเครื่อง Ulthera

    ไม่ต้องผ่าตัด Ulthera SPT อาจมีข้อจำกัดอยู่บ้างในเรื่องของราคาที่สูง แต่เมื่อเทียบกับการไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้นนานๆ ถือเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยลดการพักฟื้นหลังจากการผ่าตัดได้เป็นอย่างดีและหลังทำไม่มีอาการบวม

    เห็นผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ครั้งแรก Ulthera SPT ถือเป็นนวัตกรรมยกกระชับผิวที่เห็นผลลัพธ์ได้หลังทำทันที และจะเห็นผลได้ชัดขึ้นใน 1-3 เดือน

Ulthera ราคา เท่าไหร่

Ulthera นอกจากขึ้นกับเครื่องแท้แล้ว ยังขึ้นกับฝีมือและเทคนิคของแพทย์เป็นสำคัญ เพราะอาศัยเทคนิคและความเชี่ยวชาญ ของแพทย์ในการสแกน และเล็งการยิงชั้น SMASรวมถึงเข้าใจปัญหาโครงสร้างของใบหน้า จึงจะเกิดผลลัพธ์ที่ดีได้จริง และอยู่ได้นาน 1 ปี ต้องอาศัยเทคนิค และความแม่นยำสูงในการทำ


42
สุขภัณฑ์ห้องน้ำ การบิ้วอินห้องน้ำนั้นสามารถออกแบบได้ง่าย ๆ เพื่อให้คุณได้ห้องน้ำดีไซน์สวยงาม และมีฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้งานตามไลฟ์สไตล์ของคนในครอบครัว 7 เทคนิคบิ้วอินห้องน้ำให้สวยน่าใช้งาน

1. ออกแบบให้เหมาะกับขนาด
เทคนิคแรกที่สำคัญที่สุดในการบิ้วอินห้องน้ำ คือ การออกแบบและจัดวางของใช้ต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับขนาดของห้องน้ำ เนื่องจากการ Built in ห้องน้ำจะไม่ใช้เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว
จึงปรับเปลี่ยนภายหลังได้ไม่สะดวกนัก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องออกแบบให้พอดีตั้งแต่การวางโครงสร้าง เพื่อให้คุณได้ห้องน้ำที่สวย และใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ



2 เลือกผนังและพื้นดีไซน์สวย
ผนังและพื้นในห้องน้ำเป็นอีกปัจจัยสำคัญสำหรับการบิ้วอินห้องน้ำ สิ่งที่ต้องคำนึง คือ ต้องเลือกให้ตรงตามสไตล์ที่ต้องการ และเลือกให้สวยงามเข้ากัน
อย่างการเลือกใช้กระเบื้องลายหินอ่อน หรือลายหินสไตล์ลอฟต์สีเทาอ่อน เสริมด้วยเคาน์เตอร์สีขาวสะอาดบริเวณอ่างล้างหน้าทรงเรขาคณิต นับเป็นการจับคู่ที่เข้ากันได้อย่างลงตัว
สร้างบรรยากาศให้ห้องน้ำดูสวยทันสมัยมากยิ่งขึ้น



3. ใช้สุขภัณฑ์ดีไซน์ทันสมัย
สุขภัณฑ์นับเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก หากคุณมีแผนจะบิ้วอิ้นห้องน้ำ จำเป็นต้องมองหาสุขภัณฑ์ที่มีดีไซน์ทันสมัย และควรเลือกให้เหมาะกับห้องน้ำ
เพราะสุขภัณฑ์มีหลายประเภท เช่น สุขภัณฑ์อัตโนมัติ สุขภัณฑ์ชิ้นเดียว สุขภัณฑ์สองชิ้น สุขภัณฑ์แบบแขวงผนัง พร้อมเทคโนโลยีที่อำนวยความสะดวก อย่าง EWATER+ ที่ใช้ล้างด้านในของสุขภัณฑ์และก้านฉีดชำระทุกครั้งหลังการใช้งาน มีส่วนช่วยลดเชื้อโรคและแบคทีเรียได้ 99.9% โดยไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมี ฝาชักโครก หรือฝารองนั่งระบบอัตโนมัติ อีกทั้งยังการเคลือบผิวให้เรียบลื่น ลดการเกาะติดของสิ่งสกปรก ซึ่งทำให้คุณได้ใช้งานห้องน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ



4. เจาะหน้าต่างบานใหญ่
แสงสว่างภายในห้องน้ำที่เพียงพอจะช่วยสร้างบรรยากาศให้น่าใช้งานมากขึ้น รวมถึงยังมีข้อดีที่ช่วยระบายอากาศ ลดปัญหาความชื้นและกลิ่นไม่พึงประสงค์ ดังนั้นเมื่อคุณจะบิ้วอินห้องน้ำอย่าลืมออกแบบให้มีการเจาะช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ เพื่อเปลี่ยนห้องน้ำของคุณให้สวยและน่าใช้งาน


5. กั้นด้วยกระจกใส
การบิ้วอินห้องน้ำด้วยเทคนิคการใช้กระจกใสกั้นส่วนต่าง ๆ ของห้องน้ำ ทั้งกั้นพื้นที่อาบน้ำออกจากโซนอ่างล้างหน้า หรือกั้นพื้นที่อาบน้ำออกจากพื้นที่ตั้งสุขภัณฑ์ ซึ่งมีข้อดี คือ ทำให้ห้องน้ำมีพื้นที่ที่เป็นสัดส่วน ดูทันสมัยมากขึ้น และการแบ่งโซนแห้งโซนเปียกอย่างชัดเจน จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากการลื่นล้มภายในห้องน้ำได้อีกด้วย ห้องน้ำผู้สูงอายุ

6. เติมชั้นวางของใช้
อีกหนึ่งเทคนิคบิ้วอินห้องน้ำให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือ การทำพื้นที่สำหรับจัดเก็บของใช้ อย่างเช่น การเจาะช่องผนังพร้อมใช้แผ่นไม้สีน้ำตาลเป็นชั้นวางของ ตัดกับผนังห้องน้ำสีขาวได้เป็นอย่างดี สามารถวางของใช้ส่วนตัว ผ้าเช็ดตัว หรือของตกแต่งสวย ๆ ดีไซน์น่ารัก และหากต้องการความเป็นระเบียบมากขึ้น สามารถใช้ตะกร้ามาช่วยจัดเก็บ เพื่อสร้างความเรียบร้อยให้ห้องน้ำ Built in สวยสมบูรณ์แบบ

7. เพิ่มความสดชื่นด้วยต้นไม้
เทคนิคสุดท้ายของการบิ้วอินห้องน้ำ คือ การตกแต่งด้วยต้นไม้เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว การปลูกต้นไม้ในห้องน้ำนอกจากจะช่วยเพิ่มความสดชื่นจากธรรมชาติ ยังช่วยให้บรรยากาศดูร่มรื่นและสวยงามยิ่งขึ้น โดยควรเลือกชนิดของต้นไม้ให้สัมพันธ์กับพื้นที่ในห้องน้ำด้วย หากห้องน้ำมีพื้นที่ไม่มากอาจเลือกเป็นต้นไม้ขนาดเล็ก อย่างพลูด่าง ลิ้นมังกร หรือกวักมรกต เป็นต้น แต่ถ้าห้องน้ำขนาดใหญ่ก็เลือกใช้ต้นไม้ใหญ่ เช่น ต้นจั๋ง หรือจะเป็นต้นไม้แขวนเพดาน อย่างเฟิร์นประเภทต่าง ๆ ได้

สำหรับใครที่กำลังวางแผนบิ้วอินห้องน้ำ สามารถนำเทคนิคดี ๆ ทั้ง 7 ข้อไปปรับใช้ได้ เพื่อให้คุณได้ห้องน้ำใหม่ที่ทันสมัย และใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับทุกคนในบ้านมากที่สุด นอกจากนี้ยังต้องเลือกสุขภัณฑ์และของใช้ในห้องน้ำที่มีคุณภาพดี พร้อมด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้คุณใช้งานห้องน้ำได้เต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งยังดีไซน์อย่างเรียบหรูสวยงาม ออกแบบให้ใช้งานได้อย่างสะดวกและปลอดภัย


43
หมดปัญหาเรื่องกลิ่นไม่พึงประสงค์ในสุขภัณฑ์ห้องน้ำ ด้วย 5 ไอเดียง่าย ๆ ขจัดกลิ่น ไม่พึงประสงค์ในห้องน้ำ ที่จะช่วยให้บรรยากาศในบ้านของคุณดูน่าอยู่มากยิ่งขึ้น และไม่ต้องกังวลกับเรื่องกลิ่นอีกต่อไป
กลิ่นไม่พึงประสงค์ภายในบ้านเป็นปัญหากวนใจสำหรับหลายครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นอับ กลิ่นเหม็นจากส่วนต่าง ๆ ของบ้าน โดยเฉพาะ “ห้องน้ำ” ที่มักเป็นศูนย์รวมของกลิ่นเหม็นเนื่องจากห้องน้ำเป็นที่ทำธุระส่วนตัว แถมยังอับชื้นอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย



ปัญหากลิ่นไม่พึงประสงค์ในห้องน้ำ
ปัญหากลิ่นไม่พึงประสงค์จากห้องน้ำเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็นกลิ่นเหม็นจากท่อระบายน้ำ กลิ่นเหม็นหลังจากการทำธุระส่วนตัว อากาศภายในห้องน้ำที่ถ่ายเทไม่สะดวกจนเป็นศูนย์รวมของกลิ่นอับ และการทำความสะอาดที่ไม่เพียงพอจึงก่อให้เกิดคราบสกปรกสะสมอยู่ตามสุขภัณฑ์ และบริเวณห้องน้ำจนเป็นที่มาของกลิ่นไม่พึงประสงค์นั่นเอง วันนี้ TOTO จึงอยากแนะนำ 5 ไอเดียในการขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์เพื่อไม่ให้ปัญหาเรื่องกลิ่นต้องมารบกวนใจคุณอีกต่อไป

1. ปลูกต้นไม้ช่วยฟอกอากาศ
เริ่มต้นจากวิธีที่ใช้ธรรมชาติเข้าช่วย ด้วยการปลูกต้นไม้เพื่อช่วยฟอกอากาศภายในห้องน้ำ เช่น ว่านหางจระเข้ หรือพลูด่างซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยดูดซับสารเคมีต่าง ๆ ในอากาศได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลูด่างสามารถดูดสารพิษจำพวกแอมโมเนียที่มักมีมากในห้องน้ำ รวมถึงเติบโตได้ดีในที่แสงน้อย ทำให้ปลูกได้ง่ายภายในห้องน้ำ การปลูกต้นไม้เพื่อช่วยฟอกอากาศอาจไม่เห็นผลในทันทีแต่ช่วยฟอกอากาศในระยะยาวโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งสารเคมี แถมยังช่วยให้บรรยากาศในห้องน้ำดูสดชื่นสบายตามากขึ้นได้อีกด้วย

2. มะนาว เปลือกส้ม ตะไคร้ ใบชา ช่วยดับกลิ่น
วิธียอดนิยมที่หลายบ้านเลือกใช้ดับกลิ่นเหม็น คือ การใช้สมุนไพรใกล้ตัวเป็นตัวช่วยในการดับกลิ่นไม่ว่าจะเป็น เปลือกส้ม มะนาว ตะไคร้ ใบเตย และใบชาแห้ง ก็ล้วนเป็นพืชที่หาได้ง่าย และยังมีคุณสมบัติในการช่วยดับกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้เป็นอย่างดี เพียงนำไปวางไว้ในห้องน้ำก็จะช่วยกำจัดกลิ่นเหม็น และเพิ่มกลิ่นหอมจากธรรมชาติให้กับห้องน้ำของคุณได้

3. ถ่านหุงต้มช่วยดูดซับกลิ่น
หลายคนคงคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วว่าถ่านหุงต้มเองก็มีคุณสมบัติช่วยดูดซับกลิ่น ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นอับและกลิ่นเหม็น ผู้ใหญ่ในหลายครอบครัวจึงนิยมวางถ่านไว้ตามมุมต่าง ๆ ของบ้าน รวมไปถึงห้องน้ำผู้สูงอายุด้วยเช่นกัน วิธีใช้ง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน เพียงแค่นำถ่านใส่ถ้วยแล้ววางไว้ในห้องน้ำก็จะช่วยดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้แล้ว



4. ผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นสำเร็จรูป
นอกจากการใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติแล้ว ผลิตภัณฑ์กำจัดกลิ่นแบบสำเร็จรูปที่มีอยู่ตามร้านค้า และห้างสรรพสินค้าทั่วไปก็เป็นทางเลือกที่สะดวกสบายและตอบโจทย์สำหรับใครหลายคน เช่น ถุงหอมดับกลิ่นภายในห้องน้ำ สเปรย์ดับกลิ่น แผ่นน้ำหอม หรือแม้แต่ก้านไม้หอมปรับอากาศ ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายกลิ่นตามความชื่นชอบของแต่ละคน สำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงสารเคมี ปัจจุบันก็มีผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกที่ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและไม่มีสารเคมีตกค้างให้เลือกใช้เป็นจำนวนมากเช่นกัน

5. น้ำยาดับกลิ่นสุขภัณฑ์หลังการใช้งาน
หลายคนอาจรู้สึกกังวลว่าคนที่เข้าห้องน้ำถัดจากเราจะได้กลิ่นไม่พึงประสงค์ที่อาจหลงเหลืออยู่บ้างบริเวณฝาชักโครกหลังทำธุระส่วนตัวเสร็จ วันนี้เราจึงมีสเปร์ยดับกลิ่นที่ทำง่าย ๆ มาแนะนำกันค่ะ เพียงใช้แอลกอฮอล์ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมันหอมระเหยประมาณครึ่งช้อนชา ผสมกับน้ำเปล่าครึ่งถ้วยตวงใส่ลงในขวดสเปรย์ เพียงเท่านี้ก็ใช้ฉีดลงในสุขภัณฑ์หลังการใช้งาน สามารถช่วยระงับกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ในทันที


44
วิธีลดสัดส่วน

   ไขมันหน้าท้อง ถือเป็นส่วนเกินของร่างกาย ที่ทำให้รู้สึกขาดความมั่นใจในรูปร่างและบุคลิกภาพ แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นคือ ยิ่งมีไขมันหน้าท้องมากเท่าไหร่ โอกาสเกิดโรคต่าง ๆ ก็ยิ่งมีมากขึ้น หลายคนจึงพยายามหาวิธีลดไขมันหน้าท้องหรือไขมันส่วนเกิน โดยการลองผิดลองถูก ทั้งอดอาหาร ออกกำลังกายอย่างหนัก เพื่อลดสัดส่วน



ไขมันหน้าท้องสาเหตุ?

   เกิดขึ้นจากการที่ร่างกายมีการรับและสะสมสารอาหารประเภทไขมันเข้าสู่ร่างกายเป็นจำนวนมาก โดยที่ไม่สามารถเผาผลาญได้หมดในแต่ละวัน ได้แก่ อาหารประเภท คาร์โบไฮเดรต น้ำตาลที่ได้รับมากเกินก็จะเปลี่ยนรูปเป็นไขมัน ไม่ใช่เฉพาะไขมัน และเข้าไปเกาะติดอยู่ภายในอวัยวะต่างๆ รวมถึงกล้ามเนื้อหน้าท้องด้วย เมื่อนานวันมากขึ้น ไขมันชนิดนี้ก็จะมีความแข็งตัวมากยิ่งขึ้น และจะดันให้หน้าท้องของเราให้ยื่นออกมาจนเห็นได้ชัดเจน

          ส่วนสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะไขมันในช่องท้อง นอกจากการรับประทานอาหารที่มากเกินไปแล้วอีกอย่างที่สำคัญไม่แพ้กัน คือการไม่ชอบออกกำลังกายไม่ชอบเคลื่อนไหวร่างกาย และยังพบว่าบางครั้งคนที่ทานน้อยแล้วก็ยังมีโอกาสพบภาวะไขมันในช่องท้องได้

 
วิธีลดไขมันส่วนเกิน

   1. เพิ่มการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ อย่างน้อยวันละ 30 นาที 3-5วัน/สัปดาห์ เช่น การวิ่งจ็อกกิ่ง(jogging) เดินเร็วโดยให้มีเหงื่อออกหัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ หรือง่ายๆคือขณะออกกำลังกายพูดเป็นประโยคได้ยากขึ้น

   2. ออกกำลังกายแบบฝึกกล้ามเนื้อ โดยฝึกกล้ามเนื้ออย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง โดยบริหารกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกาย ซึ่งน้ำหนักที่ใช้ควรให้สามารถยกได้ประมาณ 12-15 ครั้ง

   3.ควบคุมอาหาร เพื่อเป็นการจำกัดพลังงานไม่ให้มีการสะสมเพิ่มเติมและในผู้ที่มีไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้องควรจำกัดการบริโภคไขมันและอาหารที่ให้พลังงานสูง

ในยุคและช่วงเวลาที่เร่งด่วน การดูแลอาหารการกิน การออกกำลังกายหรือแม้แต่การดูแลตัวเอง อาจเป็นสิ่งที่ไม่ตอบโจทย์คนทั่วไปในยุคนี้ เมื่อช่วงเวลาในการดูแลตัวเองมีน้อยลง การหาตัวช่วยที่ดีคือคลินิก ก็อาจจะเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์มากกว่า

โปรแกรม EXILIS ULTRA 360  ควบคู่ Emsculpt การสลายไขมัน สร้างกล้ามเนื้อ ของคนยุคใหม่
EXILIS ULTRA 360 คืออะไร?

   ด้วยเทคโนโลยียกกระชับ ที่ใช้พลังงานคลื่นวิทยุเข้มข้น (Volumetric Monopolar Radio Frequency) ร่วมกับ Ultrasound คลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ ลงใต้ชั้นผิว ไปสลายไขมันพร้อมยกกระชับ และกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ผ่านมาตรฐาน USFDA (อย.ประเทศสหรัฐอเมริกา)  EXILIS ULTRA 360 ตอบโจทย์คนมีปัญหาไขมันส่วนเกิน คุณแม่หลังคลอด มีปัญหาต้นแขน ต้นขาหย่อนคล้อย มีเซลลูไลท์

Emsculpt คืออะไร?

   เครื่อง Emsculpt ใช้เทคโนโลยี HIFEM หรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความเข้มข้นสูง เป็นตัวช่วยในการสร้างกล้ามเนื้อ ลดไขมันของคนยุคใหม่ Emsculpt  มีลักษณะพิเศษสามารถส่งพลังงานเข้าถึงชั้นกล้ามเนื้อ ผ่านไขมันใต้ชั้นผิวหนังไปกระตุ้นกล้ามเนื้อได้อย่างกว้างและลึกพร้อมกับเผาผลาญไขมัน ลดไขมันได้ในเวลาเดียวกัน

   Emsculpt ได้รับการรับรองประสิทธิภาพและความปลอดภัยจาก โดยองค์การอาหารและยา (FDA) ทั้งจากประเทศสหรัฐอเมริกา ยุโรปและทั่วโลก

โปรแกรม EXILIS ULTRA 360  ควบคู่ Emsculptเป็นโปรแกรมพิเศษที่คุณหมอต้องแนะนำหนึ่งในตัวช่วยที่กำลังเป็นที่นิยมสร้างกล้ามเนื้อ ลดไขมันในทางกลับกันคือไม่ต้องออกกำลังกายเหมาะสำหรับวิถีชีวิตที่แสนยุ่งวุ่นวายในปัจจุบันมากอีกทั้งยังมีประโยชน์ ในคนที่มีข้อจำกัดในการออกกำลังกายหรือต้องการแก้ไขสัดส่วนเฉพาะจุด


45
ปัจจุบันนี้มะเร็งเต้านมยังเป็นภัยคุกคามร้ายแรงที่สุดในผู้หญิง กล่าวคือพบเป็นอันดับหนึ่งของโรคมะเร็งในผู้หญิง และยังคงมีอัตราเสียชีวิตสูงมาก ทั้งที่การดำเนินโรคนั้นสามารถรักษาได้อย่างหายขาดเมื่อพบในระยะแรก ๆ สะท้อนให้เห็นว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เป็นมะเร็งเต้านมมักตรวจเจอในระยะหลัง ๆ ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุก ๆ คน ควรให้ความสำคัญกับการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมอยู่เสมอ ประกันมะเร็ง



แพทย์หญิงแพรวพรรณ ทองทับ รังสีแพทย์เฉพาะทางด้านรังสีวิทยาวินิจฉัยขั้นสูงด้านเต้านมและรังสีร่วมรักษาของเต้านม โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวว่า ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมบางรายอาจไม่มีอาการแสดงใด ๆ แต่เจอความผิดปกติจากการตรวจคัดกรอง ด้วยการทำแมมโมแกรมและอัลตราซาวนด์ ส่วนอาการที่พบได้บ่อยอย่างหนึ่ง คือการพบเจอก้อนที่เต้านม ซึ่งหากเป็นก้อนที่น่าสงสัยว่าอาจเป็นมะเร็ง จะนำไปสู่การเจาะชิ้นเนื้อเพื่อวินิจฉัยโรคในลำดับต่อไป

การตรวจแมมโมแกรมและอัลตราซาวนด์ เป็นการตรวจคัดกรองเพื่อดูว่าก้อนที่เต้านมมีหน้าตาหรือรูปร่างอย่างไร มีโอกาสที่จะเป็นเนื้องอกชนิดธรรมดาหรือเนื้อร้ายมากน้อยแค่ไหน โดยรังสีแพทย์จะประเมินค่าออกมาเป็นคะแนนที่เรียกว่า BI-RADS คะแนนนี้จะบ่งบอกความน่าจะเป็นในการเป็นมะเร็ง ซึ่งมีค่าตั้งแต่ BIRADS 1 – BIRADS 5 มีความหมายดังนี้

BI-RADS 1 หมายถึง ตรวจไม่พบความผิดปกติใด ๆ แนะนำให้ตรวจคัดกรองปีละ 1 ครั้ง
BI-RADS 2 หมายถึง ตรวจพบสิ่งที่มีได้ตามปกติธรรมชาติในเต้านม เช่น หินปูนธรรมดา ซีสต์หรือถุงน้ำเต้านม ก้อนเนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรง แนะนำให้ตรวจปีละ 1 ครั้ง
BI-RADS 3 หมายถึง ตรวจพบสิ่งที่คาดว่าน่าจะปกติที่พบได้ในเต้านม (probably benign) โอกาสเป็นมะเร็ง 0 – 2% แนะนำตรวจซ้ำทุก ๆ 6 เดือน จนครบ 2 ปี เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอันตราย
BI-RADS 4A หมายถึง ตรวจพบความผิดปกติ มีโอกาสเป็นมะเร็งได้ 2-10 %
BI-RADS 4B หมายถึง ตรวจพบความผิดปกติ มีโอกาสเป็นมะเร็งได้ 10-50 %
BI-RADS 4C หมายถึง ตรวจพบความผิดปกติ มีโอกาสเป็นมะเร็งได้ 50-95 %
BI-RADS 5 หมายถึง ตรวจพบความผิดปกติ โอกาสเป็นมะเร็ง > 95% %
หากตรวจคัดกรองแล้ว เจอความผิดปกติที่มีคะแนนตั้งแต่ BI-RADS 4 ถึง BI-RADS 5 แพทย์จะแนะนำให้เจาะชิ้นเนื้อเพื่อให้ทราบผลการวินิจฉัยที่แน่ชัด โดยการเตรียมตัวสำหรับผู้ที่มีความจำเป็นต้องเจาะชิ้นเนื้อ ในวันที่เจาะไม่จำเป็นต้องงดน้ำงดอาหารก่อนตรวจ แต่หากผู้ป่วยทานยาในกลุ่มที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด มีความจำเป็นต้องแจ้งแพทย์ผู้ทำการรักษาให้ทราบ และจำเป็นต้องหยุดยาก่อนเจาะชิ้นเนื้อประมาณ 5-7 วัน เพื่อไม่ให้มีปัญหาเลือดหยุดยากระหว่างทำหัตถการ

การเจาะชิ้นเนื้อเต้านมทำได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว โดยเริ่มแรกแพทย์จะฉีดยาชาบริเวณที่พบก้อนเนื้อ ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อยในขณะฉีดยาชาเท่านั้น โดยระหว่างการเจาะชิ้นเนื้อผู้ป่วยจะไม่รู้สึกเจ็บเลย แต่จะได้ยินเสียงของเข็มเจาะชิ้นเนื้อระหว่างการเจาะ



ทั้งนี้ ด้วยเทคโนโลยีการเจาะชิ้นเนื้อในปัจจุบันที่สามารถเจาะและดูก้อนเนื้อผ่านการอัลตราซาวนด์หรือแมมโมแกรมทำให้การเจาะชิ้นเนื้อเป็นไปอย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น แม้ว่าก้อนเนื้อนั้นจะคลำไม่ได้ หรือมีขนาดที่เล็กกว่าหนึ่งเซนติเมตร นอกจากนี้ ยังมีความปลอดภัยสูง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงในขั้นตอนการรักษาทั้งหมด โดยผู้ป่วยจะมีเพียงแผลขนาดเล็กเท่ารูเข็มที่ผิวหนังเท่านั้น หลังจากทำหัตถการเสร็จสิ้นแล้ว ผู้ป่วยสามารถกลับได้เลย ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล โดยผู้ป่วยจะได้รับการปิดแผลด้วยพลาสเตอร์กันน้ำ ในระหว่าง 3 วัน ให้ผู้ป่วยดูแลแผลไม่ให้โดนน้ำและไม่ยกของหนัก หรือออกกำลังกาย เช่น เหวี่ยงแขนแรง ๆ นอกจากนั้นแล้วสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ถ้าหากมีอาการปวดสามารถทานยาพาราเซตตามอลเพื่อบรรเทาอาการได้

อย่างไรก็ตาม การเจาะชิ้นเนื้อที่โรงพยาบาลเวชธานี การส่งตรวจผลชิ้นเนื้อด่วนจะใช้เวลาประมาณ 1 วันเท่านั้น ทำให้ผู้ป่วยสบายใจไม่ต้องกังวลกับการรอผลการตรวจนาน ส่วนผลชิ้นเนื้อปกติใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ประกันโรคร้ายแรง



ชมวีดีโอ ประกันเรื่องง่ายใกล้ตัวคุณ ตอน ประกันควบการลงทุน
คลิก
youtu.be/XemirZPs55M



46
การตรวจร่างกายโดยที่ยังไม่มีความผิดปกติใดๆ หรืออาจมีอาการเพียงเล็กน้อย ถือเป็นการค้นหาโรคที่อาจแฝงอยู่โดยยังไม่ปรากฎอาการผิดปกติ ช่วยให้ตรวจพบแนวโน้มการเกิดโรคหรือโรคในระยะเริ่มต้น ส่งผลให้สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกันโรค รวมถึงช่วยลดความรุนแรง และภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้หากพบโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ทั้งนี้ การดูแลร่างกายทั้งการรับประทานอาหารและการออกกำลังกายเป็นประจำอย่างถูกต้องเหมาะสม รวมไปถึงการดูแลทางด้านจิตใจและการนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอ ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เช่นกัน จะเห็นได้ว่า การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ถือเป็นกุญแจสำคัญสู่การมีสุขภาพที่สมบูรณ์แบบ ส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ ครบทั้งการป้องกันและดูแลรักษา เป็นประโยขน์ต่อตัวคุณและครอบครัวอย่างมาก ประกันสุขภาพ



โรคเบาหวาน ปัจจุบันคนไทยเป็นโรคเบาหวานกันมากขึ้น และพบว่าผู้ป่วยเบาหวานมีอายุน้อยลง โดยผลการสำรวจข้อมูลคนไทยที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปี ขึ้นไป ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวานมากถึง 9.5% โดย 2 ใน 3 ของผู้ป่วยเท่านั้นที่ทราบว่าตนเองเป็นโรคเบาหวาน ส่วนที่เหลือ 1 ใน 3 นั้นไม่ได้รับการตรวจและรักษาอย่างถูกวิธี โรคเบาหวานถือว่าเป็นภัยเงียบที่เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย เป็นโรคที่อาจไม่แสดงอาการใดๆ ต้องทำการวินิจฉัยด้วยการตรวจเลือดเพื่อวัดระดับน้ำตาลในเลือดจึงจะทราบว่าเป็นโรคเบาหวาน ทั้งนี้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่นั้นมักตรวจพบว่าเป็นโรคเบาหวานจากการตรวจสุขภาพประจำปี

เกณฑ์การวินิจฉัยเบาหวานมีหลายวิธี เช่น การวัดระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมง ซึ่งค่าปกติของระดับน้ำตาลควรน้อยกว่า 100 มก./ดล. หากมากกว่า 126 มก./ดล. ถือว่าเป็นเบาหวาน อย่างไรก็ตาม หากระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ระหว่าง 100-125 มก./ดล. ถือว่ามีความเสี่ยง หรือเรียกว่าเป็นภาวะเบาหวานแฝงเท่านั้น

นอกจากนี้ สามารถตรวจฮีโมโกลบิน เอ วัน ซี (Hemoglobin A1C - HbA1C) ซึ่งเป็นการตรวจระดับน้ำตาลสะสมในเลือดตลอดระยะเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมาได้เช่นกัน โดยค่าปกติ HbA1C น้อยกว่า 5.7 mg% หากพบค่า HbA1C อยู่ในช่วง 5.7 mg% ถึง 6.4 mg% ถือว่าเสี่ยงเป็นเบาหวาน และเป็นผู้ป่วยเบาหวานเมื่อมีค่า HbA1C มากกว่าหรือเท่ากับ 6.5 mg%


โรคความดันโลหิตสูง โรคนี้เป็นโรคที่ต้องได้รับการดูแลและใส่ใจอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากสามารถส่งผลให้เกิดโรคร้ายแรงอื่นๆ ตามมาได้ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง เป็นต้น ทั้งนี้ ค่าความดันโลหิตของคนปกตินั้นอยู่ที่ 120/80 มิลลิเมตรปรอท ค่าความดันโลหิตที่วินิจฉัยว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูง คือ 140/90 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป

ความน่ากลัวของโรคความดันโลหิตสูง คือ ผู้ป่วยมากกว่า 90-95 เปอร์เซ็นต์ ไม่สามารถตรวจหาสาเหตุที่ชัดเจนของโรคได้ พบเพียงปัจจัยเสี่ยง เช่น อายุที่มากขึ้น การมีน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน อาหารที่รับประทานเป็นประจำ หรือแม้แต่พันธุกรรม นอกจากนี้ ยังมักไม่แสดงอาการ แต่เบื้องหลังนั้นได้สร้างความเสียหายต่อหลอดเลือดและหัวใจอย่างมาก ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพเรื้อรังอื่นๆ ที่อาจตามมาได้ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นต้น


โรคไขมันในเลือดสูง ระดับไขมันในเลือดมีความสำคัญต่อการเกิดภาวะหลอดเลือดแข็ง ตีบ และอุดตัน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิดโรคหัวใจโดยเฉพาะโรคหลอดเลือดหัวใจ นอกจากนั้นผู้ที่มีภาวะไขมันในเลือดสูงยังมีโอกาสเป็นโรคสมองขาดเลือด ส่งผลให้เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาตตามมา หรือเสียชีวิตก่อนวัยอันควรได้ โดยระดับคอเลสเตอรอลปกติที่ยอมรับได้ คือ ไม่เกิน 200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ส่วนไตรกลีเซอไรด์ ควรน้อยกว่า 150 มก./ดล. รวมถึงไขมันชนิดดี (HDL) ควรมีค่ามากกว่า 60 มก./ดล. และไขมันชนิดไม่ดี (LDL) ควรมีค่าน้อยกว่า 130 มก./ดล.

โรคหัวใจ  เป็นโรคที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการทำงานของหัวใจ อาจเป็นในส่วนของหลอดเลือดหัวใจ ลิ้นหัวใจ โรคหัวใจแต่กำเนิด หรือโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นต้น มีปัจจัยเสี่ยงมาจากอายุที่มากขึ้น เพศ พันธุกรรม โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง มีภาวะอ้วน หรือชอบรับประทานอาหารไขมันสูง ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ และไม่ค่อยออกกำลังกาย ทำให้มีอาการเจ็บแน่นหน้าอก หัวใจเต้นเร็ว หายใจไม่เต็มอิ่ม เหนื่อยง่าย คลื่นไส้ ทั้งนี้ เนื่องจากโรคหัวใจเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของทั้งเพศชายและเพศหญิง การตรวจหัวใจในรูปแบบต่างๆ ตามคำแนะนำของแพทย์ผู้ชำนาญการด้านหัวใจ จะช่วยทำนายความเสี่ยงของโอกาสเกิดโรคหัวใจ เพื่อรู้เท่าทันและป้องกันโรคหัวใจได้ตั้งแต่เริ่มต้น เช่น การตรวจแคลเซียมในหลอดเลือดหัวใจ หากได้ค่าการตรวจตั้งแต่ 400 ขึ้นไป ก็บ่งบอกว่าอาจมีภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบแฝงอยู่ เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจขาดเลือดได้ รวมไปถึงการดูแลทางด้านต่างๆ เช่น อาหาร การออกกำลังกาย ก็มีผลต่อสุขภาพและมีข้อห้าม/ข้อควรระวังสำหรับผู้ที่เป็นโรคหัวใจด้วยเช่นกัน ประกันโรคร้ายแรง

โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ค่าความดันโลหิตสูงเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองมากที่สุด การตรวจระดับน้ำตาลในเลือด ความดันโลหิต และไขมันในเลือด เป็นการตรวจเบื้องต้นเพื่อประกอบการวินิจฉัยโรคหลอดเลือดสมอง หากพบข้อบ่งชี้ภาวะหลอดเลือดสมอง อาจต้องมีการตรวจอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ตรวจค่าการอักเสบของหลอดเลือด ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrocardiogram) ว่ามีจังหวะการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติหรือไม่ ตรวจการไหลเวียนเลือดของหลอดเลือดแดงในสมอง (Transcranial Doppler Ultrasound) และตรวจหลอดเลือดแดงบริเวณคอที่ไปเลี้ยงสมองด้วยคลื่นความถี่สูง (Carotid Duplex Ultrasound) ทั้งนี้ การตรวจวินิจฉัยโรคหลอดเลือดสมองด้วยวิธีต่างๆ จะช่วยชี้ตำแหน่งหลอดเลือดสมองผิดปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงหาความเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดสมองได้ก่อนเกิดอาการ แม้การตรวจสุขภาพ จะไม่ได้เป็นการรับประกันว่าผู้ตรวจจะปลอดจากโรคต่างๆ แต่การตรวจสุขภาพในกรณีที่ยังไม่มีอาการ จะช่วยให้ค้นพบโรคตั้งแต่ระยะเริ่มแรก อีกทั้งหากเสริมด้วยการดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูงและอาหารรสจัด ออกกำลังกายเป็นประจำ ลดความเครียด นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และหมั่นสังเกตอาการผิดปกติที่เกิดขึ้น รวมถึงพบแพทย์เพื่อปรึกษาการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมที่สามารถทำได้ก่อนป่วย ก็สามารถส่งเสริมให้มีสุขภาพที่ดีแบบ 360 องศาได้


47

   ปัญหาริ้วรอยสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยเฉพาะถ้าหากต้องเผชิญกับแสงแดดเป็นประจำและเมื่อมีอายุมากขึ้น ผิวเกิดการสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ขาดความชุ่มชื้น ผิวหน้าแห้ง ริ้วรอยจึงเกิดขึ้นได้ง่าย สิ่งที่มักพบได้เป็นจุดแรก ได้แก่ ริ้วรอยรอบดวงตา ซึ่งหากไม่ได้รับการดูแลที่ดี ริ้วรอยก็ยิ่งมากและชัดขึ้นกว่าเดิม

สาเหตุการเกิดริ้วรอยบนใบหน้า

1.อายุ : เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ร่างกายจะผลิตสารสำคัญที่ช่วยให้ผิวดูเต่งตึง ชุ่มชื้น อย่างอิลาสติน กรดไฮยาลูรอน หรือคอลลาเจน ลดน้อยลง ทำให้ความยืดหยุ่นของผิวหนังลดลง ส่งผลให้ผิวเริ่มหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้า อาทิเช่น ริ้วรอยใต้ตา

2. พันธุกรรม

คนเรามีช่วงเวลาที่เริ่มมีริ้วรอยต่างกัน ความลึก ความรุนแรง ความยากง่ายของการเกิดริ้วรอยก็ต่างกัน เนื่องจากผิวของคนเรามีโครงสร้างหรือลักษณะการสร้างสารต่างๆ ไม่เหมือนกันจากการกำหนดโดยพันธุกรรม

3. รังสียูวี (Ultraviolet (UV) light)

รังสียูวีเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยได้มากที่สุด ทั้งยังเร่งให้ริ้วรอยเป็นร่องลึกขึ้นได้มากกว่าเดิมด้วย เนื่องจากรังสียูวีสามารถเข้าไปถึงชั้นผิวหนังด้านใน และทำลายโครงสร้างของคอลลาเจน อิลาสติน และไฟเบอร์ต่างๆในผิว จนทำให้ผิวอ่อนแอ เกิดริ้วรอยได้ง่ายกว่าเดิมได้

4. การสูบบุหรี่และดื่มสุรา

บุหรี่มีผลต่อการสร้างคอลลาเจน และมีผลทำให้ร่างกายเสื่อมเร็วขึ้น (Aging) เซลล์ต่างๆ ในร่างกายทำงานแย่ลง ส่วนสุรามีผลทำให้ผิวขาดน้ำจนเกิดริ้วรอยตื้นๆ ได้

5. การขยับกล้ามเนื้อใบหน้าซ้ำๆ

เมื่อเรายิ้ม หัวเราะ เลิกคิ้ว หรือขมวดคิ้ว มักจะมีผิวบางส่วนที่ถูกกดเข้าหากัน หากผิวหนังส่วนนี้มีความยืดหยุ่นน้อย จะทำให้เกิดเป็นริ้วรอยบนใบหน้าได้ ยิ่งขยับซ้ำๆ ริ้วรอยจะยิ่งชัดขึ้นและเป็นร่องลึก



ริ้วรอยมีกี่ประเภท ?

ริ้วรอยบนใบหน้าแบ่งออก 2 ประเภท คือ

1.ริ้วรอยถาวร (Static line): เกิดจากผิวหนังชั้นบนสุดมีความแห้ง ขาดน้ำ หรือจากอายุที่มากขึ้น สภาพแวดล้อมที่อยู่เช่น อยู่ในสถานที่เย็น ๆ ในห้องปรับอากาศตลอดทั้งวันทำให้ผิวบาง ผิวย่น

2.ริ้วรอยที่เกิดเมื่อขยับ (Dynamic line): สาเหตุจากการหดตัวของกล้ามเนื้อ ส่งผลให้หนังแท้กับหนังกำพร้าดึงเข้าหากัน เกิดเป็นรอยย่น มองเห็นเป็นร่องใหญ่ขึ้น พบได้มากในผู้มีผิวแห้งมาก ๆ และผิวมัน

 
ตำแหน่งริ้วรอยบนในหน้าที่พบบ่อย

โดยปกติแล้วริ้วรอยมักจะเกิดขึ้นในบริเวณเฉพาะบนใบหน้า

    ริ้วรอยใต้ตา: ริ้วรอยรอบดวงตา ริ้วรอยหางตา หรือ ตีนกา เป็นจุดที่สังเกตเห็นได้ง่าย เพราะผิวหนังบริเวณรอบดวงตาบอบบางกว่าบริเวณอื่นบนใบหน้าและเกิดริ้วรอยได้ง่าย

    ริ้วรอยหน้าผาก : บริเวณหน้าผากและหว่างคิ้ว เป็นริ้วรอยที่มาจากการการขยับกล้ามเนื้อใบหน้าซ้ำๆ เมื่อเรายิ้ม หัวเราะ เลิกคิ้ว หรือขมวดคิ้ว เมื่อเวลาผ่านไปมักจะมีร่องลึกขึ้นเรื่อย ๆ รวมถึงบริเวณหน้าผากเป็นจุดที่กว้าง โดนแสง UV ได้มาก ในคนที่ไม่ทาครีมกันแดด และออกแดดบ่อย ริ้วรอยบริเวณหน้าผากจะเกิดขึ้นได้เร็วกว่าผู้อื่น

    ริ้วรอยร่องแก้ม : เป็นอีกจุดที่พบได้ เกิดจากการแสดงสีหน้า เวลายิ้ม และความหย่อนคล้อยของผิว โดยส่วนใหญ่แล้วรอยย่นที่แก้มจะมีลักษณะเป็นร่องลึก เป็นเส้นยาวตั้งแต่บริเวณปีกจมูกโค้งลงมาถึงที่มุมปาก

    ริ้วรอยที่คอ : เป็นริ้วรอยที่เกิดขึ้นได้บ่อย เกิดจากผิวขาดความยืดหยุ่นและความหนาแน่นของผิวที่ลดลง

 
วิธีลดริ้วรอยบนใบหน้า มีอะไรบ้าง
1. ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว

ผลิตภัณฑ์สูตรลดริ้วรอย ควรมีคุณสมบัติในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ต้านอนุมูลอิสระ และช่วยผลัดเซลล์ผิว ซึ่งส่วนผสมที่นิยมใช้กันได้แก่ เรตินอยด์ (Retinoids), วิตามินซี (Ascorbic acid), อัลฟา ไฮดรอกซี แอซิด (AHA), ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide), โคเอนไซม์ คิวเทน (Coenzyme Q10), และกรดไฮยาลูโรนิค
2.การทำทรีทเม้นท์

การดูแลและบำรุงผิวหน้าอย่างล้ำลึกที่สามารถช่วยชะลอและป้องกันปัญหาผิว ซึ่งประกอบด้วยหลายขั้นตอนด้วยกัน ได้แก่ การนวดหน้า การมาสก์หน้า การผลักวิตามินเข้าผิวด้วยความเย็น การทาครีมบำรุง เพื่อผลัดเซลล์ผิวใหม่ให้ผิวหน้ากระชับ ดูกระจ่างใสขึ้น
3. โบท็อก ลดริ้วรอย

ริ้วรอยบนใบหน้าเกิดจากการที่กล้ามเนื้อขยับจนทำให้ผิวหนังพับเกิดรอยเหี่ยวย่นและริ้วรอย การฉีดโบท็อกซ์จะไปออกฤทธิ์กับระบบประสาทและกล้ามเนื้อในบริเวณที่ฉีด เมื่อกล้ามเนื้อคลายตัว ขยับน้อยลง ริ้วรอยในบริเวณดังกล่าวจะค่อยๆ น้อยและจางลง
4. ฟิลเลอร์ Filler

การฉีดฟิลเลอร์ คือ วิธีการรักษาริ้วรอยร่องลึกบนใบหน้า ด้วยการฉีดสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid เข้าไปเติมเต็มในชั้นผิวที่เริ่มเสื่อมสภาพ และมีการยุบตัวลงเมื่ออายุมากขึ้น อาทิเช่น ริ้วรอยใต้ตาและยังช่วงเพิ่มความชุ่มชื้นทำให้ผิว ชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคตได้

5.การทำหัตการด้วยเครื่องมือแพทย์
   5.1 Exilis Ultra 360

Exilis Ultra 360 คือ การส่งคลื่นความร้อนที่มีความปลอดภัยสูงไปสู่ชั้นผิวหนังเรียกได้ว่าเป็น NEW Model ที่สามารถผสมผสาน ระหว่าง พลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูง (Monopolar RF) และ คลื่นเสียง Ultrasound เข้าไว้ด้วยกัน ทำให้การส่งพลังงานสามารถกระจายได้อย่างทั่วถึง ซึ่ง Exilis Ultra 360 จะส่งผ่านพลังงาน 2 ชนิดเข้าไปกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจน รวมทั้งทำให้คอลาเจนใต้ผิวแข็งแรง ช่วยให้ผิวบริเวณที่มีริ้วรอยกระชับได้
   5.2 Ulthera

วิธีลดริ้วรอยด้วย Ulthera เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยในการยกกระชับผิวหน้า ปัจจุบันเริ่มเป็นที่คุ้นเคยมากขึ้น โดยการทำงานของ Ulthera จะไม่ต้องฉีดหรือใช้เข็ม ทำงานโดยใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์ที่ยิงเข้าไปใต้ชั้นผิว เหมาะกับคนที่ต้องการปรับโครงสร้างหน้าและมีริ้วรอยเล็ก ๆ ช่วย ลดริ้วรอย แก้ไขความหย่อนคล้อยและเพิ่มความกระชับให้กับบริเวณผิวหน้า
   5.3. New Doublo 2.0

new doublo 2.0 คือ เครื่องมือในการยกกระชับผิว ที่มาพร้อมกับ Synergy Effect เป็นการรวม 2 พลังงานสำคัญในการกระตุ้นคอลลาเจน ยกกระชับผิว ด้วย คลื่นเสียง - MFU (Micro Focused Ultrasound) และ คลิ่นวิทยุ - RF (Redio Frequency) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่มีเฉพาะเครื่อง Doublo 2.0 เครื่องแรกและเครื่องเดียวเท่านั้น

 

         นอกจากนั้น New Doublo 2.0 ยังมีหัวที่มีลักษณะเป็นเข็มเล็กๆ หรือ Microneedle RF ที่จะมาช่วยเสริมการรักษาทั้งในแง่ของการยกกระชับผิว และปรับ Texture ของผิว ทำให้หลุมสิวตื้นขึ้น กระชับรูขุขมขน ให้ผิวดูเรียบเนียน ละเอียด ลดริ้วรอย ตื้นๆ ได้อีกด้วย

48
ประเทศญี่ปุ่นมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในเรื่องของสุขภัณฑ์ที่ล้ำสมัยและสะอาด ไปดูกันว่าเอกลักษณ์ของสุขภัณฑ์ญี่ปุ่นมีอะไรบ้าง

เมื่อพูดถึง “สุขภัณฑ์” หรือ “ห้องน้ำไฮเทค” ที่สุดล้ำสมัย เต็มไปด้วยนวัตกรรม แน่นอนว่าประเทศญี่ปุ่นย่อมขึ้นมาเป็นชื่อแรกๆ ที่ทุกคนนึกถึง เนื่องจากมีชื่อเสียงและมีความโดดเด่นเป็นอย่างมากในเรื่องของเทคโนโลยีในสุขภัณฑ์อัตโนมัติ
 
1. ทุกความก้าวหน้า มาจากความพยายามไม่สิ้นสุด
โถสุขภัณฑ์เซรามิกชิ้นแรกของประเทศญี่ปุ่น ถือกำเนิดขึ้นในปีค.ศ. 1914 (พ.ศ. 2457) หรือมากกว่า 100 ปีมาแล้ว โดยมิสเตอร์ คาซูชิกะ โอคุระ (Mr. Kazuchika Okura) มีโอกาสได้เดินทางไปยุโรปและรู้สึกประทับใจในเครื่องสุขภัณฑ์เซรามิกเป็นอย่างมาก ประกอบกับในขณะนั้นระบบสุขาภิบาลของประเทศญี่ปุ่นยังไม่ค่อยดีนัก จึงมีความตั้งใจที่จะพัฒนา ด้วยความเชื่อมั่นว่าประเทศญี่ปุ่นเองก็ควรจะมีเครื่องสุขภัณฑ์ที่สะอาดและมีคุณภาพเช่นกัน

ในเวลาต่อมา มิสเตอร์ คาซูชิกะ โอคุระ จึงลงทุนสร้างโรงงานและทำการค้นคว้าวิจัย  พัฒนา ลองผิดลองถูกอยู่กว่า 20,000 ครั้ง ตลอดระยะเวลา 2 ปี จนได้มาซึ่งโถสุขภัณฑ์เซรามิกชิ้นแรกของประเทศญี่ปุ่น จากความสำเร็จดังกล่าว ส่งผลให้ มิสเตอร์ คาซูกะ โอคุระ ก่อตั้งบริษัท โตโยโตคิ ขึ้นในปีค.ศ. 1917 (พ.ศ. 2460) เพื่อเข้าสู่ตลาดเครื่องสุขภัณฑ์อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งต่อมาภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท โตโต้ (TOTO) มาจนถึงปัจจุบัน



2. ความพิถีพิถัน ใส่ใจทุกรายละเอียด
ประเทศญี่ปุ่น ขึ้นชื่อเรื่อง “ความพิถีพิถัน” ใส่ใจในทุกรายละเอียด ซึ่งสิ่งเหล่านั้นล้วนสะท้อนออกมาผ่านวัฒนธรรม และวิถีการใช้ชีวิต ยกตัวอย่างเช่น วัฒนธรรมด้านอาหาร ซึ่ง “วาโชกุ” (Washoku) หรือวัฒนธรรมการรับประทานอาหารแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นนั้น ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก ให้เป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรม[1] หรือ ศิลปะการชงชา (Chadō), การจัดดอกไม้ (Ikebana), การจัดสวนเซน (Karesansui) ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นวัฒนธรรมที่เต็มไปด้วยความพิถีพิถัน มีรายละเอียดในทุกขั้นตอน

สุขภัณฑ์ญี่ปุ่นเองก็เช่นเดียวกัน ทุกกระบวนการคิดค้นเทคโนโลยี เต็มไปด้วยความใส่ใจที่จะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนให้ดียิ่งขึ้น แม้แต่ในรายละเอียดเล็กๆ ที่หลายคนอาจมองข้าม เช่น สุขภัณฑ์ TOTO ที่มีการออกแบบขอบโถไร้ขอบ RIMLESS เพื่อให้ทำความสะอาดง่าย ลดมุมอับที่จะทำให้สิ่งสกปรกสะสม และอุปกรณ์ทำความสะอาดมักเข้าไม่ถึง ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถลดระยะเวลาในการทำความสะอาดห้องน้ำลงได้


3. เทคโนโลยีล้ำสมัย ถูกใจผู้ใช้งานทั้งโลก
หลายคนที่เคยไปท่องเที่ยวยังประเทศญี่ปุ่น หรือ เข้าห้องน้ำภายในห้างสรรพสินค้าบางแห่งในประเทศไทย อาจเคยมีโอกาสได้ใช้งานก้านฉีดชำระที่มากับฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET แล้วรู้สึกตื่นตาตื่นใจ ชื่นชอบในนวัตกรรม และมีความสุขกับการเลือกฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายรูปแบบจากรีโมทคอนโทรล จนรู้สึกไม่อยากออกจากห้องน้ำ ซึ่งบางคนอาจเพิ่งเคยรู้จัก WASHLET ได้ไม่นาน แต่ความจริงแล้วฝารองนั่งล้ำๆ ดังกล่าวมีประวัติความเป็นมานานกว่านั้น

ก่อนหน้านี้ ในประเทศญี่ปุ่นไม่ได้มีวัฒนธรรมในการทำความสะอาดด้วยน้ำ เช่นเดียวกับอีกหลายประเทศทั่วโลกที่นิยมใช้กระดาษทิชชูมากกว่า จนกระทั่งฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET ที่มาพร้อมก้านฉีดชำระ ได้วางจำหน่ายเป็นครั้งแรกเมื่อปีค.ศ. 1980 (พ.ศ. 2523) หรือเมื่อ 42 ปีที่แล้ว โดยบริษัท TOTO และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะผู้ใช้รู้สึกว่าสะอาด ถูกสุขอนามัย อีกทั้งยังสะดวกสบายกว่าการเช็ดด้วยกระดาษชำระ นอกจากนี้ด้วยความที่ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีอากาศหนาว การใช้ฝารองนั่งอุ่นที่ปรับอุณหภูมิได้ จึงตอบโจทย์กับการใช้งานเป็นอย่างมาก ช่วยให้ไม่ต้องสะดุ้งทุกครั้งที่เข้าห้องน้ำ ทำให้ฝารองนั่งไฟฟ้านี้แพร่หลายทั่วประเทศมาจนถึงปัจจุบัน


4. เคารพธรรมชาติ และดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม
ประเทศญี่ปุ่นนั้น ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับทรัพยากรธรรมชาติเป็นอย่างมาก ถึงขนาดที่ก่อให้เกิดคำว่า “Mottainai” (มต-ไต-ไน่) ซึ่งในภาษาญี่ปุ่น โดยทั่วไปแล้วหมายถึงการที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้อย่างคุ้มค่าถึงที่สุด จนนำไปสู่การสูญเสียอย่างน่าเสียดาย (กล่าวคือน่าจะใช้ประโยชน์ได้คุ้มค่ามากกว่านั้น) นอกจากนี้ยังมีความหมายในแง่อื่นๆ อีกทั้งยังเป็นคำที่มักใช้เพื่อกล่าวถึงการแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม เพราะการรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ไม่ได้มีเพียงแค่คอนเซปต์ของ 3Rs อันหมายถึง Reduce (การลด), Reuse (การใช้ซ้ำ), Recycle (การรีไซเคิล) เท่านั้น แต่ยังหมายถึงอีก R หนึ่งนั่นก็คือ “Respect” ความเคารพต่อทรัพยากรของโลกที่ไม่สามารถทดแทนได้นั่นเอง

สุขภัณฑ์ห้องน้ำญี่ปุ่น อย่าง TOTO จึงให้ความสำคัญกับการลดผลกระทบที่จะเกิดกับธรรมชาติให้น้อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการมุ่งเน้นที่จะพัฒนาโถสุขภัณฑ์ประหยัดน้ำ อย่างในปี ค.ศ.1976 (พ.ศ. 2519) TOTO ได้เปิดตัวสุขภัณฑ์ที่ใช้น้ำเพียง 13 ลิตร ต่อการกดน้ำชำระล้างหนึ่งครั้ง ซึ่งเป็นปริมาณที่น้อยกว่าสุขภัณฑ์ในยุคก่อนหน้านั้นมากถึง 35% และในปัจจุบันโถสุขภัณฑ์ของ TOTO พัฒนามาจนใช้ปริมาณน้ำน้อยที่สุดเพียง 3.8 ลิตร สำหรับการกดชำระล้างแบบหนัก และใช้น้ำเพียง 3 ลิตร สำหรับการชำระล้างแบบเบา เมื่อเทียบกับโถสุขภัณฑ์ หรือ ชักโครกทั่วไปในยุคปัจจุบัน (ใช้น้ำ 6 ลิตร) ก็สามารถช่วยประหยัดน้ำได้มากกว่า 36% ด้วยกัน

49
new doublo 2.0 คืออะไร
คือการทำงานร่วมกันของ HIFU และ Multipolar RF ในเวลาเดียวกัน ซึ่งจากงานวิจัยพบว่า ช่วยกระตุ้นการสร้าง collagen และ elastin ได้ดียิ่งขึ้น และเสริมประสิทธิภาพในการรักษาริ้วรอย
ร่องลึกให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจนมากขึ้น เหนือไปกว่าการทำ HIFU เพียงอย่างเดียว ซึ่งเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนและทันใจสำหรับคนที่ต้องการใช้ใบหน้าอย่างรวดเร็ว

ซึ่งการทำงานของ New Doublo 2.0 จะช่วยยกระดับการแก้ปัญหาผิวได้เป็นอย่างดี!


 
1. เทคโนโลยี HIFU(High Intensity Focus Ultrasound)
ที่ใช้คลื่นเสียงโฟกัสพลังงานลงไปกระตุ้นการสร้าง collagen ในชั้นต่างๆ ของผิว ปรับใช้ได้ทั้งแบบ dot line และ linear เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ที่ต้องการในเวลาอันรวดเร็ว
มีหัวยิงที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้เน้นการยกกระชับหน้า และหัวยิงสำหรับเน้นสลายไขมัน มีเซ็นเซอร์เพื่อช่วยให้ยิงพลังงานได้อย่างปลอดภัย ไม่ค่อยรู้สึกเจ็บ ไม่จำเป็นต้องทายาชา

2. เทคโนโลยีเอกสิทธิ์ของเครื่อง doublo
คือการทำงานร่วมกันของ HIFU และ Multipolar RF ในเวลาเดียวกัน ซึ่งจากงานวิจัยพบว่า ช่วยกระตุ้นการสร้าง collagen และ elastin ได้ดียิ่งขึ้น และเสริมประสิทธิภาพในการรักษาริ้วรอย
ร่องลึกให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจนมากขึ้น เหนือไปกว่าการทำ HIFU เพียงอย่างเดียว ซึ่งเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนและทันใจสำหรับคนที่ต้องการใช้ใบหน้าอย่างรวดเร็ว



3. เทคโนโลยี advance doublo Needle RF
เหมาะสำหรับการรักษาพื้นผิวให้เรียบเนียน กระชับรูขุมขน รักษาหลุมสิว ปรับระดับความลึกของเข็มได้หลายระดับเพื่อให้เหมาะสมกับการแก้ปัญหาในทุกพื้นที่และครอบคลุมการรักษาอย่างดียิ่งขึ้น



50


     คืนโลกที่สดใสให้กับผู้สูงวัยที่เป็นต้อกระจก ด้วยการสนับสนุนการผ่าตัดต้อกระจกแก่ผู้ป่วยสูงวัย ที่ด้อยโอกาส ให้สามารถเข้าถึงการรักษาและการ บริการได้เร็วมากขึ้น โดยร่วมกับทีมจักษุแพทย์อาสา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เพื่อลดระยะเวลารอคอยในการผ่าตัดและลดภาวะตาบอด  จากต้อกระจกไม่ให้เป็นภาระต่อครอบครัวและสังคม ประกันสุขภาพ

     จากสถิติของกรมการแพทย์พบว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยที่ต้องเผชิญกับปัญหาโรคตา โดยเฉพาะผู้สูงอายุกว่าร้อยละ 70 โดยมีสาเหตุหลักมาจากภาวะต้อกระจก ซึ่งเป็นโรคที่พบมากในผู้สูงอายุ  โรคต้อกระจกเกิดจากความเสื่อมตามอายุ และหากปล่อยทิ้งไว้จะทวีความรุนแรงมากขึ้นตามลำดับ ในระยะเวลากว่า 15 ปี ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีสัดส่วนโครงสร้างจำนวนผู้สูงอายุทีเพิ่มขึ้นทุกปี เป็นผลให้พบผู้ป่วยที่มีภาวะเป็นโรคต้อกระจกเพิ่มจำนวนมากขึ้น การรักษาทำได้ด้วยการผ่าตัดสลายต้อกระจกซึ่งจะช่วยให้ผู้สูงอายุกลับมามองเห็นได้ชัดเจนขึ้น และสามารถดำรงชีวิตประจำวันได้ตามปกติอีกครั้งหนึ่ง



    การดำเนินโครงการที่ผ่านมา ทีมจักษุแพทย์อาสา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล จะนำทีมแพทย์พยาบาล ออกหน่วยตรวจรักษา ร่วมกับโรงพยาบาลชุมชน หรือโรงพยาบาลประจำจังหวัด และบริษัทจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ ที่ให้การสนับสนุนอุปกรณ์เครื่องมือและยาสำหรับการผ่าตัด โดยค่าใช้จ่ายหลักจะเก็บจากภาครัฐ (โครงการประกันถ้วนหน้า) และมูลนิธิร่วมบริจาคสมทบ ดวงตาละ 10,000.- บาท เพื่อเป็นการช่วยร่นระยะเวลารอคอยในการผ่าตัด เนื่องจากขาดแพทย์รักษา หรือมีผู้ป่วยจำนวนมาก รวมทั้งยังมีผู้สูงอายุที่ไม่มีสิทธิอันเนื่องมาจากเป็นบุคคลไร้สัญชาติ  ไม่มีหลักฐานการแสดงสิทธิในการเป็นพลเมือง ซึ่งมีอยู่จำนวนมากตามชายแดนที่ไม่มีสิทธิในการรักษาพยาบาล


      ดังนั้น เพื่อเป็นการช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับผู้สูงอายุที่เป็นต้อกระจก มูลนิธิ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าว จึงได้สนับสนุนค่าใช้จ่ายการดำเนินโครงการดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง



Cr : thailife.com/ร่วมช่วยเหลือและแบ่งปัน/รายละเอียด/โครงการ%20มองโลกใส%20แม้วัยสูง

หน้า: [1] 2 3