ดื่มน้ำผึ้งแท้ปลอดภัยจากโรคเบาหวาน


การป่วยเป็นโรคเบาหวานนั้น ผู้ป่วยทุกคนทราบกันดีว่าเราจะต้องหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสชาติหวานมัน รวมทั้งอาหารที่มีปริมาณไขมันและน้ำตาลสูง รวมไปถึงอาหารที่มาจากแป้งก็ควรหลีกเลี่ยงเช่นกันเพราะสุดท้ายแล้วแป้งก็ถูกน้ำย่อยทำให้เป็นน้ำตาล ไม่เป็นผลดีต่อผู้ป่วยโรคเบาหวานเช่นกัน แต่อาหารรสชาติหวานอร่อยอย่างน้ำผึ้งกลับเป็นอาหารที่ไม่เป็นอันตรายต่อโรคเบาหวาน หากดื่ม น้ำผึ้ง ในปริมาณที่เหมาะสมเป็นประจำยังช่วยให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานสุขภาพดีอีกด้วย คนในยุคนี้มักมองเห็นของดีๆที่อยู่รอบตัวกันมากขึ้น เรามักพบว่าคนทั่วไปพยายามหาทางเลือกธรรมชาติในการดูแลสุขภาพ ไม่จำเป็นต้องหาวิธีการทางวิทยาศาสตร์มาช่วยเยียวยาสุขภาพและความเป็นอยู่มากนัก เพราะสุดท้ายแล้วสิ่งใดที่ได้มาจากธรรมชาตินั้นย่อมดีที่สุด และสามารถนำไปใช้ได้อย่างปลอดภัย ดังนั้นแม้น้ำผึ้งนั้นจะเป็นอาหารที่มีรสชาติหวานและอาจสร้างความวิตกกังวลให้กับผู้ป่วยโรคเบาหวาน แต่ก็มีความปลอดภัยเพราะเป็นน้ำผึ้งธรรมชาติที่มีโมเลกุลเดี่ยว ทำให้ไม่มีผลเสียต่อการเพิ่มขึ้นของน้ำตาลในเลือด

น้ำผึ้งกับระดับน้ำตาลในเลือด
การดื่มน้ำผึ้งแท้นั้นจากการวัดระดับน้ำตาลในเลือด พบว่าคนที่ดื่มน้ำผึ้งกลับทำให้พบว่าระดับน้ำตาลในเลือดลดต่ำลงอย่างไม่น่าเชื่อเพราะน้ำผึ้งเป็นอาหารที่ถือว่ามีพลังงานสูงมาก โดยส่วนประกอบหลักของน้ำผึ้งประกอบด้วยน้ำตาล ต่างกับการบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลสูงประเภทอื่น ที่เมื่อผู้ป่วยโรคเบาหวานรับเข้าไปสู่ร่างกายกลับทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นจนน่ากลัว ดังนั้นการดื่มน้ำผึ้งจึงจัดว่ามีความปลอดภัยต่อผู้ป่วยโรคเบาหวานมากๆ ทั้งน้ำผึ้งแท้นั้นยังให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลปกติเมื่อเทียบจากปริมาณที่เท่ากันจึงทำให้เราใช้น้ำผึ้งน้อยกว่า

ปรุงอาหารด้วยน้ำผึ้งแท้
เมื่อเราทราบแล้วว่าน้ำผึ้งแท้ไม่มีผลทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดของเราสูงขึ้น และยังให้ความหวานมากกว่าการใช้น้ำตาลทั่วไปในปริมาณที่เท่าๆกัน จึงแนะนำให้นำน้ำผึ้งมาปรุงอาหารแทนน้ำตาล เพราะจะช่วยให้เราปรุงอาหารได้รสชาติหวานอร่อยโดยใช้ปริมาณที่น้อยกว่าน้ำตาล ทำให้อาหารของเรามีแคลอรี่ที่ต่ำลงไป ปลอดภัยต่อสุขภาพมากขึ้น โดยเราสามารถนำน้ำผึ้งมาปรุงอาหารแทนน้ำตาลในอาหารทุกประเภทเลย และไม่ต้องกลัวว่าจะมีต้นทุนของอาหารที่สูง เพราะการใช้น้ำผึ้งปรุงอาหาร เราสามารถใช้น้อยกว่าน้ำตาลถึง 2 เท่าตัวก็ได้รสชาติที่หวานอร่อยกว่าแล้ว จึงไม่ได้ทำให้ค่าใช้จ่ายหรือต้นทุนของอาหารของเราสูงขึ้นมากมายนัก ทำให้การปรุงอาหารด้วยน้ำผึ้งแท้จึงเป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพอีกทางหนึ่งสำหรับคนที่รักสุขภาพ นอกจากปรุงอาหารทั่วไปแล้ว เรายังสามารถนำมาทำเครื่องดื่มบำรุงสุขภาพ เพราะน้ำผึ้งแท้ย่อมอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุมากมายหลายชนิด ช่วยบำรุงร่างกายแทนอาหารเสริม เป็นทางเลือกในการป้องกันโรคจากธรรมชาติ ทำให้เราสุขภาพดีโดยไม่รู้ตัว

แม้ว่าการดื่มน้ำผึ้งหรือนำน้ำผึ้งมาทดแทนน้ำตาลในการปรุงอาหารและการทำเครื่องดื่ม เราก็ต้องคำนึงอยู่เสมอว่าน้ำผึ้งนั้นแม้จะเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ แต่ยังถูกจัดไว้ว่าเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูง จึงไม่ใช่ยาที่นำมารักษาโรคเบาหวานและใช้ในการดูแลป้องกันโรคที่ดีได้ การดื่มน้ำผึ้งเพื่อรักษาโรคเบาหวานจึงไม่ใช่แนวทางที่ดี เพราะขาดงานวิจัยที่สมบูรณ์เกี่ยวกับสรรพคุณการรักษาและนักวิจัยยังขาดความเชื่อเรื่องการดื่มน้ำผึ้งซึ่งเป็นอาหารที่มีพลังงานสูงจะสามารถนำมารักษาโรคเบาหวานได้จริง ดังนั้นการดื่มน้ำผึ้งที่ดี เรายังต้องควบคุมให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยไม่เกิน 2 ช้อนโต๊ะต่อวันเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เป็นการรับพลังงานเข้าสู่ร่างกายมากเกินไป จากที่เราดูแลสุขภาพและอยากรักษาโรคเบาหวานอยู่แล้ว การที่ดื่มน้ำผึ้งเข้าไปในปริมาณมากกลับกลายเป็นว่าน้ำผึ้งเข้าไปกระตุ้นให้อาการโรคของเบากำเริบขึ้นก็ได้ น้ำผึ้งเป็นอาหารที่มีองค์ประกอบของน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวเป็นหลัก เราสามารถดื่มและนำมาปรุงอาหารได้เป็นประจำโดยที่ไม่ต้องกังวลว่าจะทำให้อ้วน แต่ก็ต้องควบคุมในปริมาณที่เหมาะที่ควรไม่ให้เผลอดื่มมากเกินไปจนไปทำลายสุขภาพของเราได้โดยที่เราไม่รู้ตัว
https://suwanfarmphueng.com/articles/ดื่มน้ำผึ้งแท้ปลอดภัยจ/

ดูแลสุขภาพด้วยการดื่มน้ำผึ้งแท้


การดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ย่อมมาจากหลายกระบวนการ ในชีวิตประจำวันเราต้องออกไปออกกำลังกาย ซื้อผักผลไม้ที่มีประโยชน์ ทำอาหารทานเอง รวมทั้งพักผ่อนให้เพียงพอ ในการดูแลสุขภาพของเราให้แข็งแรงเสมอ จะดีมากถ้าเรารู้เคล็ดลับบางอย่างเพื่อนำมาใช้ปฏิบัติให้ได้ดีในชีวิตประจำวัน สำหรับบทความนี้เราขอแนะนำ น้ำผึ้งแท้จากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น น้ำผึ้งแท้ดอกสาบเสือ หรือ น้ำผึ้งแท้ดอกสาบเสือ ที่จะช่วยให้เราดูแลสุขภาพของเราได้ดีขึ้น ไม่จำเป็นว่าเราจะต้องพึ่งพายาหมอมารักษาโรคเสมอไป ในเมื่อเมืองไทยบ้านเรามีน้ำผึ้งจากธรรมชาติที่จะเข้ามาช่วยรักษาสุขภาพของเราให้แข็งแรงได้ เราไม่จำเป็นต้องสั่งอาหารเสริมหรือยาแพงๆจากต่างประเทศเสมอไป หลายคนคงทราบดีว่าประเทศอื่นๆหลายประเทศต้องสั่งซื้อน้ำผึ้งจากเมืองไทยเพราะไม่สามารถผลิตน้ำผึ้งได้เพียงพอเหมือนบ้านเรา ในเมื่อเรามีสิ่งดีๆแบบนี้ก็ใช้มันให้เป็นประโยชน์
 
วิธีดื่มน้ำผึ้งให้สุขภาพดี
การดื่มน้ำผึ้งเพื่อดูแลสุขภาพนั้น เราจะต้องดื่มอย่างน้อย 1 ช้อนโต๊ะต่อวัน โดยสามารถดื่มน้ำผึ้งแท้ได้มากถึง 2 ช้อนโต๊ะโดยไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เนื่องจากการดื่มน้ำผึ้งนั้นมาพร้อมกับการดูแลรักษาสุขภาพ ช่วยให้เลือดลมไหลดี การที่มีอาการวิงเวียนศีรษะหรือเป็นลมกะทันหัน ทราบหรือไม่ว่าการดื่มน้ำผึ้งเข้ามา แพ้เพียง 1 ช้อนชา ก็ช่วยให้ถูกดูดซึมเข้าสู่เส้นเลือดอย่างรวดเร็ว ช่วยให้เลือดไหลเวียนทั่วร่างกายนำสารอาหารและพลังงานขึ้นไปยังส่วนต่างๆ รับรองเลยว่าจากอาการคล้ายจะเป็นลมก็สดชื่นขึ้น หูตาเริ่มสว่าง หายเหนื่อยล้าหน้ามืดโดยทันที ยิ่งคนที่หน้ามืดคล้ายจะเป็นลมอยู่ ก็จะสดชื่นขึ้น ได้อารมณ์ราวกับตื่นนอน

ช่วยเติมพลังยามเหน็ดเหนื่อย
การดื่มน้ำผึ้งเมื่อรู้สึกเหนื่อยล้านั้นได้ผลดีอย่างมาก เพราะจะช่วยให้เรารู้สึกได้ผ่อนคลายจากความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานมาทั้งวัน ยิ่งคนที่อยากกระตุ้นตัวเองให้สดชื่นขึ้นหรือมีงานต้องทำต่อยิ่งแนะนำให้ดื่มน้ำผึ้งแท้อย่างมาก เมื่อเรารู้สึกเหนื่อยๆแต่มีงานที่ต้องทำต่อ ขอให้หยิบน้ำผึ้งมาทั้งขวด รินใส่ช้อนสัก 1 ช้อนโต๊ะ แล้วดื่มเข้าไปเลย รับรองว่าไม่ว่าวันนี้คุณเหนื่อยมามากแค่ไหน จะหายเหนื่อยอย่างทันที ถ้าหากว่ามีงานต้องทำต่อก็สามารถลุกขึ้นมาทำงานได้ทันที เป็นยาดีที่หลายคนไม่รู้ว่าน้ำผึ้งสามารถให้คุณประโยชน์ได้มากขนาดนี้ เหมาะสำหรับคนทำงานอย่างมาก หลายคนชอบทำงาน บ้างานสุดๆ แต่ก็รู้ดีว่าเมื่อเราทำงานไปสักพัก สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือพลังงานเราหมด รู้สึกล้าขึ้นมาบ้าง ลองดื่มน้ำผึ้งสักนิด รับรองว่าอีก 3 นาที เราจะวิ่งไปลุยงานต่อได้เลย

สุขภาพหัวใจ
ความพิเศษของน้ำผึ้งแท้คือช่วยรักษาโรคหัวใจ หลายคนที่เป็นโรคหัวใจคงทราบดีว่าคุณหมอได้ขอให้เราเลิกทานของมันและของหวาน เพราะทำให้เส้นเลือดของเราเกิดการอุดตัน หัวใจทำงานหนักมากขึ้น แต่ข้อดีกลับได้รับการยกเว้นในการดื่มน้ำผึ้งแท้ เพราะการดื่มน้ำผึ้งไม่เป็นสาเหตุของโรคหัวใจหรือปัญหาหลอดเลือด แต่น้ำผึ้งแท้นั้นกลับอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีคุณค่าและสารต้านอนุมูลอิสระจากเกสรดอกไม้ ช่วยให้เส้นเลือดของเราแข็งแรงขึ้น ช่วยกำจัดของเสียในระบบเลือด ทำให้หัวใจของเราทำงานดีขึ้น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจที่ต้องการดูแลสุขภาพตนเองโดยไม่ต้องพึ่งพายาหมอหรือยาสมุนไพรที่อาจไปทำลายตับไตของเรา การดื่มน้ำผึ้งแท้แต่พอเหมาะในแต่ละวัน ช่วยบำรุงสุขภาพของเราได้ดีมากๆ

ความหวานที่อุดมไปด้วยสารอาหาร
สำหรับคำคมที่ว่าหวานเป็นลมขมเป็นยานั้นอาจมีความจริงซ่อนอยู่ส่วนหนึ่ง แต่ไม่สามารถใช้คำคมนี้ได้กับน้ำผึ้งแท้จากธรรมชาติที่อุดมไปด้วยสารอาหารและแร่ธาตุนานาชนิด ซึ่งมาพร้อมความหอมหวานน่าดื่มกินเป็นอย่างมาก น้ำผึ้งประกอบด้วยวิตามินบี ธาตุเหล็ก สังกะสี รวมทั้งสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อผู้ป่วยโรคหัวใจ การดื่มน้ำผึ้งเป็นอีกทางเลือกที่เราสามารถนำมาป้องกันโรคได้ ทำให้ร่างกายได้รับแร่ธาตุจำเป็น ทั้งองค์ประกอบหลักเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวมีคุณสมบัติช่วยให้เกิดการดูดซึมเข้าสู่เส้นเลือดรวดเร็วโดยที่ไม่ต้องกังวลว่าจะไปสะสมกลายเป็นไขมัน เพราะไม่ทำให้อ้วนขึ้นอย่างแน่นอน
https://suwanfarmphueng.com/articles/ดูแลสุขภาพด้วยการดื่มน/

รวมผลิตภัณฑ์จากน้ำผึ้งที่คุณอาจยังไม่ได้รู้จัก


สำหรับใครที่รักการดื่มน้ำผึ้งเป็นชีวิตจิตใจหรือได้ดื่ม น้ำผึ้งเพื่อสุขภาพ เป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว คงทราบกันดีว่าน้ำผึ้งนั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพเยอะมาก ช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรง มีแร่ธาตุหลากหลายชนิด เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน บำรุงหลอดเลือดให้สมบูรณ์แข็งแรงอยู่เสมอ นอกจากนี้ในปัจจุบันมีกรรมวิธีการผลิตหลากหลาย ช่วยให้สามารถผลิตสินค้าที่ได้จากฟาร์มผึ้งธรรมชาติได้มากขึ้นไม่ว่าจะเป็นเกสรผึ้ง รวงผึ้งธรรมชาติ ไขผึ้ง นมผึ้ง และพิษผึ้งที่มีสรรพคุณนับไม่ถ้วน เราสามารถผลิตสินค้าที่ได้จากผึ้งได้หลากหลายมาก ผึ้งธรรมชาตินั้นจึงมีคุณค่าต่อมวลมนุษย์มาก นอกจากจะเป็นยารักษาโรค เรายังนำน้ำผึ้งมาใช้เป็นผลิตภัณฑ์รักษาแผลใช้ภายนอก หรือใช้เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวในด้านความงามผิวหน้าก็ได้ผลดีไม่น้อยเลย สรรพคุณที่หลากหลายเช่นนี้เทียบได้กับเครื่องสำอางราคาแพงหลายๆตัวในท้องตลาด ซึ่งเครื่องสำอางหลายตัวก็ใช้น้ำผึ้งเป็นส่วนผสมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมจากผู้ใช้เช่นกัน สำหรับบทความนี้จะพาท่านได้รู้จักกับผลิตภัณฑ์ที่ได้มาจากผึ้งธรรมชาติ ให้ท่านได้เลือกนำมาใช้บริโภคอุปโภคกันได้มากขึ้น

น้ำผึ้งแท้จากธรรมชาติ มีประโยชน์หลากหลายและรสชาติที่หวานหอม นอกเหนือจากน้ำผึ้งแล้วนั้น ส่วนประกอบอื่นๆของผึ้งและรังผึ้ง ยังถูกนำเอาไปใช้กับผลิตภัณฑ์อื่นๆ แตกต่างกันออกไป ดังนี้
1.เกสร
เกสรต่างๆมาจากการที่ผึ้งเข้าไปดูดน้ำหวานจากดอกไม้นานาชนิด โดยการที่ผึ้งมักชอบเล่นกับอับเกสรจะทำให้มีเกสรที่ติดตัวผึ้งมา โดยผึ้งจะทำการเขี่ยมารวบรวมเอาไว้เป็นก้อนๆไว้ยังขาหลังของมันหรืออวัยวะที่เรียกว่าตะกร้าเกสร จากนั้นผึ้งจะแบกเกสรเหล่านี้กลับมาไว้ยังรังของมัน เพื่อใช้ในการเลี้ยงตัวอ่อนและเลี้ยงผึ้งงานต่อไป โดยเกสรที่ผึ้งเก็บมานั้นประกอบด้วยสารอาหารมากมาย ซึ่งมีสารอาหารหลักนั่นก็คือโปรตีน โปรตีนจากเกสรดอกไม้เหล่านี้มีประโยชน์ต่อการเติบโตของตัวอ่อนผึ้งอย่างมาก และยังมีประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์อีกด้วย ดังนั้นจึงเกิดผลิตภัณฑ์เกสรผึ้งที่ช่วยบำรุงร่างกายและดีต่อการบำรุงผิวพรรณเป็นอันมาก เนื่องจากโปรตีนเหล่านี้ประกอบด้วยกรดอะมิโนที่ไปเสริมสร้างกลูต้าไธโอนธรรมชาติและช่วยในกระบวนการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวขาวเนียนนุ่ม รอยเหยี่ยวย่อนจางหาย ซึ่งไม่ได้อันตรายเหมือนกับอาหารเสริมทั่วไปเนื่องจากเป็นโปรตีนจากเกสรดอกไม้ซึ่งมาจากธรรมชาติ ไม่ได้มีการใส่สารเคมีปรุงแต่งแต่อย่างใด

2.ไขผึ้ง
โดยทั่วไปแล้วเราจะพบไข (wax) ได้ตามธรรมชาติทั่วไป ซึ่งจำแนกออกมาได้ 3 ประเภทได้แก่ไขจากสัตว์ ไขจากพืช และไขจากปิโตรเลียมหรือแร่ธาตุต่างๆ สำหรับไขที่เราได้มาจากผึ้งนั้นเราจะนับเป็นไขมันจากสัตว์อีกชนิด โดยเราจะเก็บไขผึ้งแท้ได้จากรวงรังผึ้ง ซึ่งไขผึ้งในอดีตนั้นเป็นของมีค่าอย่างมาก สามารถใช้แลกเปลี่ยนสินค้าแทนเงินตราในสมัยนี้ได้เป็นอย่างดี ในอดีตพบว่ามีการนำไขผึ้งไปทำมัมมี่ในประเทศอียิปต์ ใช้ทำพิธีกรรมในหลายๆศาสนา ไขผึ้งแท้สามารถนำไปทำเทียนไขได้อีกด้วย ซึ่งการใช้ไขผึ้งเป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ต่างๆไม่ว่าจะเป็นกาว หมากฝรั่ง ครีมบำรุงผิว โฟมล้างหน้า ช่วยให้มีกลิ่นหอม เป็นเสมือนยาเยียวยาให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ผู้ป่วยที่มีความเครียดสูงจะมีระดับความดันโลหิตลดลงเมื่อได้รับกลิ่นของไขผึ้งบริสุทธิ์ นอกจากนี้เรายังสามารถนำไขผึ้งมาปั้นหุ่นชนิดต่างๆได้อีกด้วย อาทิเช่น หุ่นคน หรือหุ่นบุคคลสำคัญและเป็นที่นิยมมากในการปั้นพระพุทธรูปในวัดวาอารามต่างๆ

3.นมผึ้ง
นมผึ้งหรือเรียกอีกอย่างว่า Royal jelly นมผึ้งนั้นใช้เป็นอาหารให้กับผึ้งนางพญาและผึ้งตัวอ่อนดื่มกินเพื่อเจริญเติบโต นมผึ้งมาจากผึ้งงานที่มีอายุตั้งแต่ห้าถึงสิบห้าวัน ซึ่งผลิตมาจากต่อมที่อยู่ส่วนหัวของผึ้งงาน โดยผึ้งงานจะคายลงไปในหลอดรวงให้แก่ตัวอ่อนและนำมาให้ผึ้งนางพญาอีกด้วย โดยนมผึ้งมีลักษณะสีขาวๆ มีรสชาติเปรี้ยวเผ็ด มีประโยชน์อย่างมากในการเลี้ยงตัวอ่อนของผึ้งทุกชนิด โดยผึ้งวรรณะผึ้งงานจะได้รับนมผึ้งจนอายุครบสามวัน แต่หากตัวอ่อนที่จะเจริญไปเป็นผึ้งนางพญาจะได้รับนมผึ้งมากกว่าปกติ ซึ่งจะได้รับตลอดชีวิตของมัน ด้วยเหตุนี้ผึ้งนางพญาจึงตัวโตกว่าผึ้งในวรรณะอื่นๆ และมีความแข็งแรงกว่ามาก ซึ่งจากการศึกษาโภชนาการของนมผึ้งพบสารอาหารหลากหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน แร่ธาตุและวิตามินหลากหลายชนิด โดยมีวิตามินบีสูงที่สุดจึงช่วยบำรุงสมองให้ฉลาดและมีไหวพริบดีอีกด้วย ด้วยเหตุนี้จึงมีการนำนมผึ้งมาเป็นส่วนผสมของอาหารและใช้กินเป็นอาหารเสริม รวมไปถึงการนำมาผสมกับเครื่องสำอางบำรุงผิวพรรณให้ผ่องใสได้อีกด้วย

4.พิษผึ้ง
พิษผึ้งถ้าถูกต่อยเข้าไปจะได้รับความเจ็บปวดอย่างมาก เพราะพิษของผึ้งที่สกัดมาจากหลายๆแหล่งไม่ว่าที่ใดก็ตามพบว่ามีสารเคมีชนิดเดียวกันได้แก่ โดพามีน ฮิสตามีน อะพามีนและเอนไซต์หลากหลายชนิด ซึ่งมี่อัตราส่วนที่ใกล้เคียงกันมากไม่ว่าจะเป็นผึ้งเลี้ยงหรือผึ้งป่า จึงสรุปได้ว่าผึ้งสามารถสังเคราะห์สารเคมีเป็นพิษขึ้นมาได้เองโดยไม่เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ โดยผลิตภัณฑ์จากพิษผึ้งมีประโยชน์ต่อสุขภาพเช่นกันไม่ว่าจะเป็นการรักษาโรคภูมิแพ้ โรคมาติซัม ในสมัยโบราณประเทศฝั่งตะวันตกใช้ผึ้งต่อยเพื่อรักษาโรคปวดไขข้อกระดูก พบว่าพิษของผึ้งแม้จะทำความเจ็บปวดให้ร่างกายแต่กลับทำให้หายเจ็บปวดจากข้อกระดูกได้
https://suwanfarmphueng.com/articles/combine-honey-products/

สรรพคุณของน้ำผึ้งธรรมชาติ


น้ำผึ้งธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น น้ำผึ้งแท้ดอกสาบเสือ หรือ น้ำผึ้งแท้ดอกสาบเสือ แตกต่างกับน้ำผึ้งขวดที่หาซื้อตามร้านค้าต่างๆ ทั้งในเรื่องของรสชาติและสรรคุณ วันนี้จึงขอมาอธิบายถึงข้อดี และสรรพคุณของน้ำผึ้งธรรมชาติ ให้ได้เข้าใจถึงความต่างของน้ำผึ้งจากท้องตลาดทั่วไป กับน้ำผึ้งแท้จากธรรมชาติ ให้ได้เห็นถึงความต่าง ดังนี้

รวม 5 สรรพคุณของน้ำผึ้งธรรมชาติ
เราอาจจะเห็นน้ำผึ้งที่วางจำหน่ายอยู่ตามท้องตลาดมากมาย มีหลายแบรนด์หลายยี่ห้อมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันภาคเอกชนสามารถทำฟาร์มผึ้งได้เองและเป็นที่แพร่หลายออกไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งคุณประโยชน์ของมันมีหลากหลายมาก สำหรับบทความนี้จะพาไปรู้จักกับสรรพคุณของน้ำผึ้งธรรมชาติ มาดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง
1.เร่งเผาผลาญไขมันสำหรับผู้ป่วยที่มีไขมันสูง เป็นคุณประโยชน์ที่ทุกคนไม่คิดว่าจะเป็นไปได้เพราะด้วยรสชาติหวานของมันอาจทำให้ไม่เป็นมิตรต่อสุขภาพก็ได้ แต่แท้จริงแล้วน้ำผึ้งประกอบด้วยน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวซึ่งช่วยเข้าไปกระตุ้นให้ร่างกายสามารถเผาผลาญพลังงานได้ดีขึ้น จึงไม่แปลกถ้าเคยได้ยินมีคนกล่าวว่าน้ำผึ้งดีต่อผู้ป่วยโรคเบาหวาน เพราะไม่ไปเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดจึงเป็นทางเลือกในการบริโภคให้เราปลอดภัยจากอาหารรสชาติหวาน

2.ลดอาการไอ ด้วยคุณสมบัติของน้ำผึ้งที่นำมาใช้ในการฆ่าเชื้อในลำคอ ผู้ป่วยที่มีอาการไออาจมาจากเสมหะที่ประกอบด้วยแบคทีเรียหลายชนิดอยู่ในลำคอ การดื่มน้ำผึ้งจะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียในลำคอได้เป็นอย่างดี จึงเหมาะแก่การรักษาอาการไอและมีเสมหะ โดยผู้ที่มีเสมหะให้ดื่มน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะก็ช่วยล้างลำคอให้เสียงกลับมาใสในเวลาไม่กี่นาที

3.แก้อาการท้องผูก หลายคนไม่ทราบว่าน้ำผึ้งจะเป็นที่อยู่ของจุลินทรีย์พรีไบโอติกส์และอาจจะไม่น่าเชื่อด้วยเพราะน้ำผึ้งมีคุณสมบัติฆ่าเชื้อ แต่ในความเป็นจริงจุลินทรีย์พรีไบโอติกส์ชนิดนี้แอบแฝงอยู่ในน้ำผึ้งช่วยให้อาการท้องผูกลดลง ช่วยในการทำงานของลำไส้ เพียงดื่มน้ำผึ้งก่อนนอน ตื่นเช้ามาก็เข้าห้องน้ำได้เลย

4.ช่วยให้นอนหลับสบาย ในการทดสอบให้กลุ่มคนดื่มน้ำผึ้ง 1 ช้อนชาก่อนเข้านอน 30 นาทีพบว่าคนที่ดื่มน้ำผึ้งก่อนเข้านอนนั้นหลับสบายขึ้นและนอนหลับได้ยาวนานถึง 8 ชั่วโมงโดยไม่สะดุ้งตื่นหรือฝันร้าย ดังนั้นเรารู้อย่างนี้แล้วก็ไม่ต้องมองหายานอนหลับที่ไหนแล้ว ดื่มน้ำผึ้งกันได้เลย นอกจากประหยัดแล้วยังปลอดภัยด้วย

5.รักษาโรคภูมิแพ้ น้ำผึ้งนั้นมีละอองเกสรแฝงอยู่จำนวนมาก แม้เกสรดอกไม้จะไม่ดีต่อผู้ป่วยภูมิแพ้ แต่พอได้ดื่มน้ำผึ้งเข้าไปกลับกระตุ้นให้ร่างกายเกิดภูมิคุ้มกัน มีการหลั่งสารฮีสตามีนทำให้สุขภาพ ลดอาการน้ำมูกและแพ้อากาศ รวมไปถึงภูมิแพ้อีกหลายชนิด

ไม่เพียงเท่านี้เรายังได้เห็นมีผู้นำน้ำผึ้งมาใช้ในเรื่องของความงาม การดูแลผิวพรรณและรักษาแผลอีกด้วย คุณประโยชน์ของมันหลากหลายมากจนนับไม่ถ้วน ดังนั้นเราเป็นคนที่มีความรู้ควรมีน้ำผึ้งไว้คู่บ้านทดแทนการไปซื้อยาหมอที่อันตรายมารับประทาน
https://suwanfarmphueng.com/articles/properties-of-natural-honey/

Oil and Gas Production Technology


The burst of production growth in the United States, often known as the “Shale Revolution,” was made possible by the introduction of new technology in the oil and natural gas industries. It was formerly prohibitively costly for oil and gas companies to extract reserves of oil and gas from low-permeability geological formations. However, a combination of horizontal drilling and hydraulic fracturing has made it possible for these deposits to be accessed. Up until quite recently, the United States was the greatest user of oil in the world, accounting for 25 percent of the demand that was met worldwide. New developments in the oil and gas industry in the United States have stimulated economic recovery from the financial crisis that occurred in 2008. This has been accomplished through the creation of new jobs, increased investment in oil- and gas-producing regions, and decreased prices paid by consumers for gasoline. Policymakers are concerned that a significant decrease in the amount of petroleum the United States imports would have geopolitical repercussions that go beyond an improvement in the nation’s energy security and might result in altered diplomatic ties with nations that produce oil. In a similar vein, there is some cause for worry over the possibility for lower export profits for traditional producing nations to both contribute to instability and pose a possible danger to the security interests of the United States. These worries, on the other hand, are unjustified because of a common misunderstanding of the function that oil plays in the process of forming diplomatic connections.

The United States is not the only country in which innovative methods of oil and gas extraction are making their way into use. As a result of price signals, multinational oil firms have begun to explore unconventional hydrocarbon resources in Canada, South America, and Africa. These businesses are looking for larger profits by expanding their operations into new territories. Tar sands drilling and deepwater water drilling are two of the most notable examples of these newly developed production methods. In this part of the article, we will examine the many new kinds of technology for the production of oil and gas that are altering the global energy landscape, as well as the consequences these technologies have for the environment.

The Developmental Process, Broken Down into Its Components
The process of extracting oil and gas may be broken down into four distinct phases:
          - exploration
          - well development
          - production
          - site abandonment

The search for rock formations that are connected with oil or natural gas resources is part of the exploration process, which also includes geophysical prospecting and/or exploratory drilling.

After exploration has located an economically recoverable field, the next step is well development, which involves the construction of one or more wells from the beginning (called spudding) to either abandonment if no hydrocarbons are found in sufficient quantities or to well completion if hydrocarbons are found in sufficient quantities. Well development occurs after exploration has located an economically recoverable field.

The process of production involves the extraction of hydrocarbons, the separation of a combination including liquid hydrocarbons, gas, water, and particles, the elimination of ingredients that are not suitable for sale, and the subsequent sale of liquid hydrocarbons and gas. It is common practice for production sites to process crude oil coming from many wells. Oil is almost usually processed in a refinery; natural gas, on the other hand, may be treated to remove pollutants either in the field or at a natural gas processing plant. Both of these facilities are referred to as natural gas processing plants.

When a freshly drilled well does not have the potential to produce profitable amounts of oil or gas, or when a producing well is no longer economically feasible, site abandonment includes capping the well (or wells) and restoring the site.

Innovative Methods and Equipment for Drilling
Vertical drilling has always been the standard method for oil and gas wells. Operators have been able to save time, cut down on their operating expenses, and have a smaller effect on the environment as a direct result of technological improvements. The following methods are included in the next generation of drilling technologies:

Horizontal Drilling
The drilling process for horizontal wells begins with a vertical well that is then turned horizontal inside the rock of the reservoir in order to provide a larger opening to the reservoir. These horizontal “legs” may be more than a mile in length; the greater the exposure length, the greater the amount of oil and natural gas that can be drained, and the quicker it can flow. Horizontal wells are appealing for a number of reasons: (1) they can be utilized in circumstances in which conventional drilling is either not possible or not cost effective; (2) they reduce surface disturbance because they require fewer wells to reach the reservoir; and (3) horizontal wells can produce anywhere from 15 to 20 times as much oil and gas as a vertical well.

Drilling in Multiple Directions
There are instances when oil and natural gas deposits are situated in distinct strata of the earth’s crust. Drilling in many directions at once gives operators the ability to access deposits located at varying depths. Multilateral drilling is one kind of this drilling. This results in a significant boost in output from a single well while simultaneously lowering the total number of wells that need to be dug on the surface.

Extended Reach Drilling
By using drills with extended reaches, producers are able to access deposits that are located at large distances from the drilling rig. This enables producers to access oil and natural gas resources below the surface of places that are not suitable for drilling vertical wells, such as locations that are not yet developed or areas that are ecologically sensitive. Wells can now extend out over 5 miles from the surface position, and hundreds of wells may be drilled from a single location, decreasing surface effects. Additionally, wells can now reach out over 5 miles from the surface

Drilling on Complicated Routes
When trying to target several accumulations from a single well site, complex well routes might have many twists and turns to attempt to navigate around obstacles. When compared to digging many wells, the use of this technique may be more efficient financially, generate less waste, and have a less impact on the surface.

Advantages of Directional Drilling Technologies (Advanced Drilling Methods)
            - Enhance oil production while simultaneously building up reserves.
            - Natural cracks that intersect one another yet are inaccessible through vertical wells
            - preventing the beginning of gas or water coning, which is a phrase used to describe the process that underlies the upward movement of water and/or the downward movement of gas into the perforations of a producing well, in order to increase the amount of oil that is produced from the well.
            - Increasing output from low-volume or low-pressure reservoirs
            - Improving the “sweep efficiency” of waterflooding, also known as the capacity, to extract more oil from a reservoir after the first extraction, is necessary for reservoirs that are injected with fluids in order to boost oil or gas output.

Unconventional Natural Gas
The conventional oil well is not the only way to extract unconventional oil resources; there are other alternative options. However, the oil sands, tar sands, heavy oil, and oil shale resources mentioned above are not covered by the information provided on this page. Natural gas production using unconventional methods is distinguished by the presence of distinctive geologic characteristics, which increase the difficulty of extracting natural gas from reservoirs. Formations such as tight gas, shale gas, hydrates, and coalbed methane are examples of those that are typically more impermeable or have a lower overall permeability.
https://www.gmsthailand.com/blog/oil-and-gas-production-technology/

5 สารอาหารที่พบในน้ำผึ้งแท้


น้ำผึ้งแท้จากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น น้ำผึ้งแท้ดอกสาบเสือ หรือ น้ำผึ้งแท้ดอกสาบเสือ นอกจากมีรสชาติที่หวานถูกปากทุนคนแล้วนั้น ยังมีสารอาหารมากมายที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ผิวพรรณ และอื่นๆ อีกมากมาย วันนี้ทางสุวรรณฟามผึ้งจึงขอนำเสนอ 5 สารอาหารที่ได้รับจากน้ำผึ้งแท้ ดังนี้

5 สารอาหารที่พบในน้ำผึ้งแท้
น้ำผึ้งแท้ที่พวกเราทุกคนรู้จัก ทราบกันหรือไม่ว่าการดื่มน้ำผึ้งเป็นประจำมีประโยชน์มากมายไม่ว่าจะเป็นช่วยละลายเสมหะ แก้อาการไอ ต้านไข้หวัด เพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายและลดอาการโรคภูมิแพ้อีกด้วย สำหรับการใช้ภายนอกก็เห็นผลดีในเรื่องของการสมานแผลทำให้ลดการเกิดรอยแผลเป็น ทั้งยังส่งผลดีในด้านความงาม การบำรุงผิวพรรณอีกด้วย บทความนี้จึงได้รวบรวมสารอาหารมหัศจรรย์ที่อยู่ในน้ำผึ้งแท้มาฝากทุกๆคนเพื่อท่านจะได้ทราบว่าเหตุใดทำไมน้ำผึ้งจึงมีคุณประโยชน์มากมายเช่นนี้
1.สังกะสี น้ำผึ้งแท้อุดมไปด้วยสังกะสี แร่ธาตุที่ช่วยในเรื่องของการเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิต ทั้งยังลดการเกิดสิว ช่วยสมานแผล ลดโอกาสการเกิดแผลเป็นไม่ว่าจะดื่มหรือทาบริเวณ ร่างกายก็สามารถนับสังกะสีจากน้ำผึ้งไปใช้ได้ สังกะสียัช่วยให้เพศชายหลั่งฮอร์โมนเพศได้อย่างเพียงพอ ป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก บำรุงเส้นผมและเล็บมือให้แข็งแรง หากเป็นแผลอักเสบทั้งภายในและภายนอกสามารถเยียวยาด้วยสังกะสีได้ด้วย ซึ่งคนที่เป็นโรคแผลในกระเพาะอาหารก็รักษาได้

2.วิตามินบี น้ำผึ้งยังเป็นแหล่งของวิตามินบีที่ช่วยให้ระบบประสาททำงานอย่างมีประสิทธิภาพ บำรุงสมอง ลดอาการเหน็บชา ช่วยป้องกันโรคทางสมองได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นอัลไซเมอร์ โรคหัวใจและโรคเรื้อรังนานาชนิด เด็กๆในวัยเรียนควรได้รับวิตามินบีสม่ำเสมอจะช่วยให้ความจำดีเป็นคนเฉลียวฉลาด

3.น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว น้ำผึ้งประกอบด้วยกลูโคสและฟรุกโตสในปริมาณที่สูงมากๆ หากได้รับจะช่วยให้ร่างกายนำไปใช้ได้ทัน ดังนั้นเหมาะสมอย่างมากสำหรับคนที่เป็นลมบ่อย ควรได้รับน้ำผึ้งทันทีจะช่วยให้อาการดีขึ้นอย่างทันตา ไม่เป็นอันตรายต่อโรคเบาหวานและยังให้รสชาติหวานกว่าน้ำตาลชนิดอื่นๆ ซึ่งการนำไปปรุงอาหารจะช่วยให้อาหารมีรสชาติถูกปากกว่าน้ำตาลธรรมดามากๆ

4.แหล่งของแร่ธาตุนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นโพแทสเซียม เหล็ก แคลเซียม แมกนีเซียมและโซเดียว สารอาหารเหล่านี้มีความจำเป็นในการเติบโตต่อร่างกายอย่างมาก ร่างกายไม่ควรขาดเป็นเวลานานเพราะทำให้เกิดโรคได้ ด้วยเหตุนี้การดื่มน้ำผึ้งจึงช่วยป้องกันการเกิดโรคหลากหลายชนิด ร่างกายแข็งแรงไม่เป็นหวัดง่ายอีกด้วย

5.สารยังยั้งแบคทีเรีย ในน้ำผึ้งยังประกอบไปด้วยสารยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรียที่ได้จากเกสรดอกไม้ ดังนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนต่างดื่มน้ำผึ้งเพื่อละลายเสมหะแล้วเห็นผลจริง ทั้งยังใช้น้ำผึ้งในการรักษาแผลสดได้ผลดีไม่ทำให้ติดเชื้อในภายหลัง การมีน้ำผึ้งไว้เป็นอุปกรณ์รักษาแผลประจำบ้านนั้นจึงเป็นทางเลือกที่ดี ทั้งยังราคาประหยัดอีกด้วย
https://suwanfarmphueng.com/articles/5-nutrients-in-honey/

5 สารพัดประโยชน์จากน้ำผึ้งธรรมชาติกับการใช้ภายนอก


น้ำผึ้งแท้จากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น น้ำผึ้งแท้ดอกสาบเสือ หรือ น้ำผึ้งแท้ดอกสาบเสือ นั้นหากนำมาดื่มกินเข้าสู่ร่างกายก็จะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารนานาชนิด ช่วยบำรุงร่างกาย เสริมภูมิคุ้มกัน ต้านโรคหวัด เราสามารถนำน้ำผึ้งมาชงเครื่องดื่มแสนอร่อยรับประทาน ไม่ว่าจะเป็นการทำน้ำผึ้งมะนาว การทำน้ำผลไม้ นักผักรวมที่เติมความหวานด้วยน้ำผึ้งทดแทนน้ำตาล นอกจากจะได้คุณประโยชน์มากมายแล้วยังไม่ทำให้อ้วนอีกด้วย แต่หากเรานำมาใช้ภายนอกก็จะมีประโยชน์ไม่น้อยเช่นกัน การใช้น้ำผึ้งนั้นมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งนำมาใช้ทดแทนยาสามัญประจำบ้าน ซึ่งด้วยการที่มันได้มาจากธรรมชาติจึงไม่เป็นอันตรายใดๆต่อสุขภาพของเรา แม้แต่การดื่มน้ำผึ้งสม่ำเสมอก็ไม่ได้ทำให้สุขภาพแย่ลงเช่นกัน มีแต่จะทำให้เรามีร่างกายที่แข็งแรงขึ้นจากสารอาหารหลากหลายชีวิตที่ได้มาจากเกสรดอกไม้ สำหรับบทความนี้เราจะนำเสนอสารพัดประโยชน์ของน้ำผึ้ง เมื่อเรานำน้ำผึ้งมาใช้ภายนอกนั้น เราจะได้รับคุณประโยชน์อะไรบ้างหรือจะใช้ทำอะไรได้บ้างนั้นมาดูกันได้เลย
1.รักษาแผลสด แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก
น้ำผึ้งมีคุณสมบัติในการให้ความชุ่มชื้นทดแทนน้ำเลี้ยงผิวที่ร่างกายสร้างขึ้นได้เป็นอย่างดี เมื่อผิวหนังของเราไปโดนของร้อนไฟไหม้ น้ำร้อนลวกก็สามารถใช้น้ำผึ้งป้ายแผลเพื่อดูดซับความร้อนออกมาก่อนได้รวดเร็ว แม้แต่แผลสด แผลถลอกเราก็สามารถใช้น้ำผึ้งในการฆ่าเชื้อและสมานแผลให้หายได้เร็วขึ้น คุณสมบัติการสมานแผลของมันนั้นมาจากสารอาหารและแร่ธาตุสังกะสีที่มีอยู่มาก สังกะสีนอกจากจะช่วยลดการอักเสบแล้วจะช่วยให้แผลหายเร็วเพราะมันกระตุ้นให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ทั้งยังลดโอกาสการเกิดแผลเป็นอีกด้วย คุณสมบัติของน้ำผึ้งในการฆ่าเชื้อโรคนั้นนำมาใช้ในการรักษาแผลสด ป้องกันไม่ให้เกิดการอักเสบ ช่วยให้ไม่เป็นหนองแผลจะค่อยๆหายเร็วขึ้น ให้เราป้ายน้ำผึ้งไว้รอยๆแผลอย่างสม่ำเสมอเพื่อฆ่าเชื้อโรคและเร่งให้มีการสร้างเนื้อเยื่อใหม่มาทดแทน

2.บำรุงผิวหน้า คืนความชุ่มชื้นแก่ผิว
น้ำผึ้งธรรมชาติมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับน้ำเลี้ยงผิวที่ร่างกายสร้างขึ้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีคนนำน้ำผึ้งมาพอกใบหน้าเพื่อให้ผิวหน้าได้รับความชุ่มชื้น เทคนิคนี้จะช่วยชะลอวัยให้ผิวของเราดูเด็กลงจากการดูแลด้วยการพอกน้ำผึ้งเป็นประจำ หากใครที่ชื่นชอบการดูแลผิวหรือดูแลใบหน้าอยู่แล้วนั้น น้ำผึ้งจะตอบโจทย์ในเรื่องของความงามได้เป็นอย่างดี บางคนนำน้ำผึ้งมาผสมกับน้ำผลไม้ปั่นเพื่อพอกใบหน้าให้ได้วิตามินและเพิ่มความชุ่มชื้นไปในตัว เรายังสามารถนำน้ำผึ้งมาผสมกับน้ำมะนาวมาช่วยในกระบวนการผลัดเซลล์ผิวให้ขาวกระจ่างใสได้อีกด้วย หากไม่มีน้ำมะนาวเราก็สามารถใช้น้ำมะขามเปียก มะกรูดทดแทนกันได้ หากคนที่ชอบบำรุงผิวแบบเบาๆก็แนะนำให้ผสมด้วยน้ำแตงกวา น้ำแอปเปิ้ลจะไม่เร่งให้ผิวเกิดการผลัดเซลล์รุนแรงจนเกินไป

3.น้ำผึ้งช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ
หลายคนคงคิดไม่ถึงว่าประโยชน์ของน้ำผึ้งนั้นสามารถบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะของเราได้จริง เพราะอาจจะไม่ค่อยได้รับความนิยมนัก เพราะคุณสมบัติของเราค่อนข้างเหนียวและล้างออกจากกว่าผลิตภัณฑ์อื่นๆ แต่ด้วยคุณสมบัติที่ให้ความเหนียวอยู่บ้างจะช่วยให้เส้นผมมีน้ำหนักมากขึ้น หนังศีรษะที่แห้งแตกเสียจนเกิดรังแค ไม่ว่าเป็นมายาวนานแค่ไหนหากได้รับน้ำผึ้งจะช่วยให้กลับมาสุขภาพ รังแคหายไปทันที เนื่องจากรังแคต่างๆบนหนังศีรษะมาจากอาการผิวแห้งขาดการบำรุงมานานจนเกิดเซลล์ตายและมีการผลัดเซลล์เกิดขึ้นบ่อยเกินไป

4.รักษาสิว
การใช้น้ำผึ้งพอกหน้านั้นนอกจากจะเป็นการบำรุงผิวหน้าให้ได้รับความชุ่มชื้นแล้ว ยังเป็นการรักษาสิวที่ถูกวิธีอีกด้วย เพราะนอกจากจะคืนความชุ่มชื้นสู่ผิวหน้า น้ำผึ้งยังยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิวอีกด้วย เราสามารถใช้สมุนไพรรักษาสิวหลายชนิดร่วมด้วย เช่นบดขมิ้นมาผสมกับน้ำผึ้งเพื่อบอกหน้าบอกลาสิวกันได้เลย หรือสามารถผสมน้ำผึ้งกับผงชาเขียวช่วยให้สิวหายขาดหรือยุบได้ทันทีทันใดไปเลย บางคนใช้น้ำผึ้งผสมกับผงอบเชยก็ได้ผลดีมากๆเช่นกัน

5.รักษาโรคผิวหนัง
น้ำผึ้งนั้นนอกจากจะให้ประโยชน์ด้านความงามและการรักษาสิวแล้วยังสามารถรักษาโรคผิวหนังได้อีกด้วย หลายๆท่านที่เป็นโรคผิวหนัง มีเชื้อราตามผิวหนัง โดยเฉพาะแผ่นหลัง หากถอดเสื้อออกมาจะเห็นชัดเจนก็ใช้น้ำผึ้งป้ายให้ตรงจุดเป็นประจำทุกวัน เพียงไม่นานท่านก็จะหายจากโรคติดเชื้อราบนผิวหนังได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากมันเป็นยาฆ่าเชื้อราที่ดีอีกตัวหนึ่งด้วย

ไม่เพียงเท่านี้น้ำผึ้งนอกจากจะมีประโยชน์มากมายในการใช้ภายนอกแล้ว การพกน้ำผึ้งไว้คู่บ้านหรือพกติดตัวไปดื่มกินไม่ว่าที่ไหนๆ ก็ช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรง เสริมภูมิคุ้มกันโรค และยังมีรายงานอีกว่าน้ำผึ้งจากธรรมชาติสามารถลดอาการโรคภูมิแพ้ได้อีกด้วย หากเราเป็นคนรักสุขภาพไม่อยากใช้ยาหมอที่ไม่เป็นผลดีต่อตับและไต เพราะยาทั่วไปทำลายตับและไตของเราหนักมาก การดื่มน้ำผึ้งจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่ามาก เพราะด้วยสารอาหารทั้งหมดมาจากธรรมชาติไม่มีการสังเคราะห์ด้วยสารเคมี ดังนั้นหากเราสามารถรักษาด้วยวิธีธรรมชาติได้ก็ควรเลือกวิธีที่ถูกต้องไม่เป็นอันตรายในระยะยาว
https://suwanfarmphueng.com/articles/benefits-of-natural-honey/

รวมสารอาหารที่พบในน้ำผึ้งแท้



น้ำผึ้งแท้จากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น น้ำผึ้งแท้ดอกสาบเสือ หรือ น้ำผึ้งแท้ดอกสาบเสือ ที่หลายคนใช้ดื่มกินรักษาโรคได้นานาชนิดไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ โรคไขมัน โรคความดันโลหิตสูงรวมทั้งโรคทางสมองด้วย ทราบกันหรือยังว่ามันประกอบไปด้วยสารอาหารมากมายนานาชนิดจึงมีผลให้สามารถรักษาโรคได้เยอะมาก จะเห็นได้ว่าแม้จะเป็นอาหารที่ให้พลังงานเยอะหรือเป็นแหล่งของน้ำตาลแต่น้ำผึ้งกลับเปี่ยมล้นไปด้วยคุณค่าโภชนาการมากมายที่มาพร้อมสารอาหารจากเกสรดอกไม้ที่ผึ้งไปเก็บมา ซึ่งเกสรดอกไม้นั้นอย่างที่ทราบดีคือเป็นแหล่งแร่ธาตุธรรมชาติอยู่แล้ว สำหรับบทความนี้จะพาท่านไปรู้จักกับสารอาหารต่างๆที่อยู่ในน้ำผึ้งแท้ธรรมชาติ
1.น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว
น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวนั้นพบได้จากน้ำตาลธรรมชาติที่ผ่านการย่อยมาแล้วหลายขั้นตอน ซึ่งแตกต่างจากน้ำตาลโมเลกุลคู่ที่เพิ่งจะสกัดออกมาจากพืชธรรมชาติ น้ำผึ้งอุดมไปด้วยสารอาหารหลักก็คือน้ำตาลชนิดนี้ ซึ่งข้อดีของน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวคือไม่ทำให้เกิดผลเสียต่อโรคเบาหวาน เพราะไม่ไปกระตุ้นให้เกิดน้ำตาลในเลือดสูงในเวลารวดเร็วเหมือนน้ำตาลอีกชนิด ดังนั้นคนเป็นโรคเบาหวานจึงนิยมนำน้ำผึ้งธรรมชาติมาทำอาหารแทนน้ำตาล นับเป็นไอเดียที่ดีเพราะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอีกด้วย ช่วยให้ผู้ป่วยได้มีโอกาสในการทานของหวานที่ปลอดภัย แต่อย่างไรก็ตามน้ำผึ้งก็ยังเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตเช่นเดียวกับแป้งและน้ำตาลชนิดอื่นๆ ควรดื่มกินในปริมาณที่เหมาะสมไม่มากจนเกินไป

2.สังกะสี
สังกะสีเป็นแร่ธาตุสำคัญที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย การหลั่งฮอร์โมนมาซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ช่วยให้แผลเป็นและแผลสดหายเร็วขึ้น ลดการอักเสบของเนื้อเยื่อ หากร่างกายไม่ได้รับสังกะสีก็จะส่งผลให้ไม่สามารถซ่อมแซมส่วนต่างๆได้ มีการอักเสบเกิดขึ้นและไม่สามารถทำให้สิวหาย สังกะสียังเป็นแร่ธาตุที่พบในน้ำผึ้งธรรมชาติ ดังนั้นคงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เวลาเราเกิดแผลตามร่างกายผู้ใหญ่มักรีบเอาน้ำผึ้งมาคลุกแผลของเราสดๆเลย เนื่องจากน้ำผึ้งอุดมด้วยสังกะสีช่วยสมานแผลและมีผลให้แผลหายเร็วขึ้น

3.โพแทสเซียม
ด้วยปริมาณโพแทสเซียมที่เหมาะสมในน้ำผึ้งช่วยบำรุงกระดูกและฟื้นฟูกล้ามเนื้อ โพแทสเซียมยังช่วยบำรุงหัวใจ ลดระดับความดันโลหิตได้อีกด้วย ทั้งยังช่วยให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรค ไม่เป็นหวัดและส่งเสริมการหลั่งฮอร์โมนในร่างกายอีกด้วย หากอยากได้โพแทสเซียมจากแหล่งอื่นๆนอกจากน้ำผึ้งธรรมชาติ ท่านสามารถรับประทานกล้วยเป็นประจำ ทานถั่วและธัญพืชหลายชนิด รวมไปถึงการทานมะเขือเทศสดก็ช่วยให้ได้รับโพแทสเซียมที่เพียงพอต่อร่างกายเช่นกัน

4.วิตามินบี
ท่านคงได้ยินเป็นประจำเรื่องการดื่มน้ำผึ้งแล้วฉลาดขึ้น ผู้ใหญ่มักให้เด็กๆดื่มน้ำผึ้งเพื่อช่วยให้สมองทำงานได้ดี ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นความจริงเพราะเด็กๆที่ทานน้ำผึ้งสม่ำเสมอจะได้รับวิตามินบีต่างๆเข้าไปสู่ร่างกาย ทั้งช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง ช่วยป้องกันโรคเหน็บชา ทั้งป้องกันอาการทางสมองไม่ว่าจะเป็นโรคพาร์กินสันหรืออัลไซเมอร์ก็สามารถป้องกันได้ด้วยน้ำผึ้งธรรมชาติที่อุดมไปด้วยวิตามินบี

5.วิตามินดี
ถ้าได้น้ำผึ้งธรรมชาติจากรังผึ้งป่าจะอุดมไปด้วยวิตามินดีที่ช่วยบำรุงกระดูกให้แข็งแรง ช่วยบำรุงครรภ์ไม่แท้งลูกได้ง่าย ลดความเสี่ยงโรคเบาหวาน วิตามินดียังป้องกันการเกิดมะเร็งได้ดีอีกด้วย นอกจากนี้เรายังสามารถรับวิตามินดีได้จากการอาบแสงแดดในตอนเช้า แม้ใครจะบอกว่าการอาบน้ำจะทำให้เกิดมะเร็งผิว แต่มีรายได้เมื่อเร็วๆนี้ว่าการได้รับวิตามินดีช่วยป้องกันมะเร็งได้หลายประเภท

6.สารยับยั้งแบคทีเรีย
น้ำผึ้งธรรมชาติที่เป็นน้ำผึ้งแท้จะอุดมไปด้วยสารยังยั้งแบคทีเรียได้แทบทุกชนิด ช่วยให้แผลไม่ติดเชื้อ ละลายเสมหะในลำคอได้เป็นอย่างดี เป็นเหตุผลว่าทำไมมีเสมหะต้องดื่มน้ำผึ้งถึงจะหายได้ สารยับยั้งแบคทีเรียจากน้ำผึ้งธรรมชาตินั้นไม่ทำให้เกิดอันตรายจึงนำไปใช้กับเด็กทารกที่เป็นหวัดได้ ทั้งช่วยรักษาสิว ลดการอักเสบของแผลเป็นได้เป็นอย่างดี

ไม่เพียงแต่การดื่มน้ำผึ้งเป็นประจำช่วยให้เรามีสุขภาพดีเพราะได้รับสารอาหารมากมายเท่านั้น แต่เรายังสามารถใช้น้ำผึ้งใช้ภายนอกเพื่อให้ผลลัพธ์ทางด้านความสวยความงามได้อีกด้วย สาวๆมักจะใช้น้ำผึ้งผสมกับผลไม้หรือสมุนไพรต่างๆเพื่อพอกหน้าบำรุงผิว หรือสามารถผสมน้ำผึ้งกับน้ำตาลทรายสร้างสครับธรรมชาติด้วยตัวเองก็ทำได้ง่ายมาก อาทิเช่น น้ำผึ้งผสมขมิ้นบดละเอียดพวกหน้าช่วยลดสิว หรือจะเป็นการใช้น้ำผึ้งคู่กับโยเกิร์ตเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวของเรา เนื่องจากในน้ำผึ้งนั้นจะมีความชุ่มชื้นที่คืนกลับมาสู่ผิวหน้าและสามารถทดแทนน้ำเลี้ยงผิวได้เป็นอย่างดี การใช้น้ำผึ้งจึงเป็นที่แพร่หลายและได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งหลักฐานการใช้น้ำผึ้งนั้นมีมาตั้งแต่ยุคหิน ซึ่งคนยุคนั้นนำมารักษาโรคควบคู่กับสมุนไพรแทนยา ในอดีตยังมีการใช้ทดแทนแอลกอฮอล์เพื่อฆ่าเชื้อรอบแผลได้อีกด้วย ดังนั้นเราเป็นคนไทยจะมีความโชคดีมากเพราะสามารถหาน้ำผึ้งได้ไม่ยากในราคาไม่แพง ซึ่งฝรั่งตะวันตกต้องสั่งซื้อน้ำผึ้งจากเรา พวกเขาจึงเลือกใช้ยาที่ผลิตเองได้แทนวัตถุธรรมชาติเช่นนี้เพราะหากส่งไปยุโรปหรืออเมริกาย่อมมีราคาสูงมากๆ ไม่เพียงแต่คนไทยเท่านั้นที่โชคดี ชาวเอเชียหลายๆประเทศก็มีฟาร์มผึ้งเช่นกันไม่ว่าจะเป็นจีน เวียดนามและประเทศไทยบ้านเรา
https://suwanfarmphueng.com/articles/combine-nutrients-in-honey/

สูตรพอกหน้าใสด้วยน้ำผึ้งธรรมชาติ


น้ำผึ้งธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น น้ำผึ้งแท้ดอกสาบเสือ หรือ น้ำผึ้งแท้ดอกสาบเสือ มีคุณประโยชน์เยอะแยะมากมาย หากเป็นน้ำผึ้งแท้ที่ได้จากธรรมชาตินั้นมักประกอบด้วยสารอาหารนานาชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นสังกะสี โพแทสเซียม แมกนีเซียม น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว สารต้านอนุมูลอิสระและอื่นๆอีกมากมายหลายชนิด น้ำผึ้งแท้จากธรรมชาติจึงมีประโยชน์หลากหลายในการนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน ทั้งการใช้ภายในและภายนอก ซึ่งหลายคนดื่มน้ำผึ้งเป็นประจำทุกวันเพื่อสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง ซึ่งน้ำตาลจากน้ำผึ้งแท้ก็เป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวที่ไม่ได้ทำลายสุขภาพอีกด้วย นอกจากจะนำมาบำรุงสุขภาพได้หลากหลายแล้ว น้ำผึ้งสามารถนำมาใช้ภายนอกในด้านความงามได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นในด้านความงามเพราะน้ำผึ้งมีคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้น บำรุงผิวของเราได้เป็นอย่างดี แม้จะเป็นคนที่ผิวเสียหรือขาดน้ำก็สามารถเยียวยาได้ทั้งสิ้น บทความนี้จึงขอแนะนำสูตรพอกหน้าด้วยน้ำผึ้งสำหรับบำรุงผิวคุณผู้หญิงให้กลับมามีน้ำมีนวลชวนหลงใหล

สูตรพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มีหลากหลายวิธี ขึ้นอยู่ที่ผิวหน้าและความต้องการของผู้ใช้ วันนี้ทางสุวรรณฟาร์มผึ้งจึงขอแนะนำ 5 วิธีการพอกหน้าให้ใส ลดริ้วรอย กำจัดสิว และยังมีข้อดีอื่นๆอีกมาก ดังนี้
สูตรที่ 1 น้ำผึ้งมะนาว
เพียงใช้น้ำมะนาว 1 ช้อนชาผสมด้วยน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ สูตรนี้นับว่าได้ผลมากในเรื่องของความขาวใสเพราะจะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป ช่วยให้คุณผู้หญิงได้เผยผิวใบหน้าใหม่ที่ซ่อนอยู่ใต้ผิวเดิม ด้วยความเป็นกรดของมะนาวนอกจากจะช่วยให้ผิวกระจ่างใสแล้ว ยังกระตุ้นให้มีการสร้างคอลลาเจนอีกด้วย ข้อดีของการผสมน้ำผึ้งกับมะนาวมาพอกหน้าก็คือไม่เร่งให้เกิดการผลัดเซลล์มากเกินไป เพราะการใช้น้ำมะนาวพอกหน้าโดยตรงอาจเกิดอันตรายทำให้กรดกัดใบหน้าจนเกิดแผลเป็นด้วย แต่ด้วยอานุภาพของน้ำผึ้งธรรมชาติที่ให้ความชุ่มชื้นต่อผิวเป็นอย่างดีจึงช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ ทำให้เกิดความสมดุลของกรดมะนาวกับน้ำผึ้ง ซึ่งเรียกได้ว่าลดความเป็นกรดนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตามการพอกหน้าด้วยสูตรนี้สาวๆต้องดูแลใบหน้าให้ดีเมื่อออกไปยังพื้นที่แจ้งด้วย มิฉะนั้นจะโดนแสงแดดทำร้ายเอาได้ แนะนำให้ใช้ครีมกันแดดเป็นประจำเพื่อป้องกันอันตรายจากแสงแดดและสูตรนี้ก็ไม่ควรใช้ทุกวัน

สูตรที่ 2 น้ำผึ้งผงอบเชย
หากสาวๆท่านใดเป็นสิวอยู่เสมอ นั่นอาจเกิดจากสาเหตุหลักคือมีแบคทีเรียบนใบหน้าหรือใบหน้าไม่ทำรับการทำความสะอาดมากพอและอาจเกิดจากฮอร์โมนเพศไม่สมดุล ยิ่งบางคนใกล้ถึงวันที่ประจำเดือนมาก็จะเป็นสิวหนักมาก ดังนั้นลองใช้ผงอบเชย 1 ช้อนชาผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ สูตรนี้ขึ้นชื่อเรื่องรักษาสิวมาก ยิ่งอบเชยที่มีคุณสมบัติในการยับยั้งแบคทีเรียหากนำมาพอกหน้าก็จะทำให้สิวที่เกิดจากแบคทีเรียยุบอย่างรวดเร็ว และน้ำผึ้งยังยับยั้งการเติบโตของเชื้อโรคชนิดต่างได้เป็นอย่างดี รับรองว่าสิวหนักแค่ไหนสูตรนี้หายเกลี้ยง

สูตรที่ 3 น้ำผึ้งน้ำตาลทราย
ทราบกันหรือไม่ว่าเราสามารถทำสครับผิวหน้าสูตรอ่อนโยนใช้เองได้โดยไม่จำเป็นต้องไปซื้อสครับราคาแพงที่ทำจากสารเคมีเลย ขอแนะนำสูตรน้ำผึ้งผสมน้ำตาลทราย ซึ่งน้ำตาลทรายจะมาเป็นตัวสครับให้เราขัดถูใบหน้าได้ ซึ่งหากผสมกับกับน้ำผึ้งมาสครับใบหน้าจะได้ความอ่อนโยนที่ในการสครับผิวให้กระจ่างใสขึ้นโดยไม่มีการลอกหรือผลัดเซลล์ผิวหนักจนเกิดไป ซึ่งสาวๆที่ไม่ได้มีปัญหาเรื่องผิวหมองคล้ำมายาวนานก็ไม่ควรไปใช้กรดหรือสารเคมีมาลอกผิว ให้ทำสครับง่ายๆก็ช่วยได้แล้ว

สูตรที่ 4 สูตรน้ำผึ้งกล้วยหอม
เพียงฝานกล้วยหอมเป็นชิ้นบางๆแช่ในน้ำผึ้งและพอกให้ทั่วใบหน้าก็จะช่วยให้ผิวของเราได้รับความชุ่มชื้นกลับคืนมา สูตรนี้ได้ผลดีมากเพราะน้ำผึ้งนั้นให้ความชุ่มชื่นแก่ผิวดีอยู่แล้ว พอใช้กล้วยหอมเข้ามาช่วยจะทำให้วิตามินและแร่ธาตุจากกล้วยออกมาด้วย ช่วยให้ผิวแห้งแตกเสียได้รับการบำรุงแบบจัดเต็มไปเลย สูตรนี้เป็นสูตรอ่อนโยนเหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบให้มีการรบกวนเซลล์ผิวมากเกินไป และเป็นสูตรบำรุงผิวสูตรเดียวที่ทำได้บ่อยทุกวันเลยทีเดียวโดยไม่เกิดผลข้างเคียงพอผิวของเรา

สูตรที่ 5 สูตรแครอทน้ำผึ้ง
หากใครมีปัญหาเรื่องริ้วรอยจุดด่างดำบนใบหน้า ไม่เว้นแม้แต่แผลเป็นที่เกิดขึ้นบนใบหน้าสามารถรักษาได้ด้วยตัวเองง่ายๆ เพียงนำแครอทมาปั่นให้มีน้ำออกมาเพียง 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำผึ้งอีก 1 ช้อนโต๊ะแล้วพอกให้ทั่วใบหน้า ถ้าอยากให้เห็นผลเร็วสามารถพอกเฉพาะจุดที่จำเป็น อาทิเช่น รอยแผลเป็น จุดด่างดำ ก็จะช่วยให้ลบรอยแผลเป็นหรือจุดด่างดำต่างๆให้จางลงอย่างรวดเร็ว สูตรนี้ใช้ได้ทั่วไปแม้คนที่ผิวแพ้ง่ายก็สามารถใช้ได้เพราะมีน้ำผึ้งที่ช่วยลดความเป็นกรดไม่ทำให้มีการเร่งผลัดเซลล์ผิวหนักจนเกินไป

เราจะเห็นได้ว่าน้ำผึ้งธรรมชาตินั้นดีต่อสุขภาพผิวของเรามากๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อดีในการรักษาสิว ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย การเพิ่มความชุ่มชื้นเยียวยาผิวแตกเสียให้กลับมามีชีวิตชีวา หรือจะนำมาทำสครับขัดใบหน้าเพื่อเผยผิวเนียนใสก็ย่อมทำได้หมด แม้กระทั่งนำมาผสมกับแครอทก็จะได้สูตรลบเลือนริ้วรอย จุดด่างดำที่เห็นผลดีได้เช่นกัน ของดีจากธรรมชาติที่มีประโยชน์ครบครันเช่นนี้เราไม่จำเป็นต้องใฝ่หาเครื่องสำอางราคาแพงมาใช้กันแล้ว เพราะน้ำผึ้งถูกกว่าเยอะ
https://suwanfarmphueng.com/articles/facial-mask-with-natural-honey/

รวม 5 สูตรวิธีดูแลเส้นผมด้วยน้ำผึ้งแท้จากธรรมชาติ


ประโยชน์ของน้ำผึ้งธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น น้ำผึ้งแท้ดอกสาบเสือ หรือ น้ำผึ้งแท้ดอกสาบเสือ นั้นมีมากมายไม่ใช่เพียงแค่ดื่มกินเข้าไปจะมีผลดีต่อสุขภาพอย่างเดียวเท่านั้น เรายังสามารถใช้น้ำผึ้งมาบำรุงเส้นผมและบำรุงผิวพรรณให้สุขภาพดีได้อีกด้วย นับได้ว่าเป็นประโยชน์ทั้งภายในและภายนอกกันเลยทีเดียว เหตุผลที่น้ำผึ้งนั้นมีประโยชน์มากมายขนาดนี้เป็นเพราะว่าประกอบด้วยสารอาหารมากมายหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นแร่ธาตุต่างๆอันได้แก่ โพแทสเซียม สังกะสี วิตามิน รวมไปถึงสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อสุขภาพ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะเห็นมีการนำน้ำผึ้งมาสร้างเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเพื่อให้ได้ผลดี ทั้งยังพบว่าผลิตภัณฑ์อย่างสบู่ ยาสระผมก็ยังใช้น้ำผึ้งมาเป็นส่วนผสมได้เช่นกันเพื่อใช้ในการยับยั้งแบคทีเรีย รวมถึงการบำรุงเส้นผมและบำรุงผิวให้สุขภาพอยู่เสมอ สำหรับบทความนี้เราขอแนะนำเทคนิคการใช้น้ำผึ้งแท้จากธรรมชาติมาบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะให้สุขภาพดี

โดยทั่วไปอาจจะเห็นได้ว่าการนำ น้ำผึงธรรมชาติ อาจจะนิยมถูกใช้ในการนำไปรับประทาน หลายท่านจึงอาจสงสัยว่าน้ำผึ้งสามารถนำมาดูแลเส้นผมได้จริงเหรอ? ทางสุวรรณฟาม ขอบอกไว้เลยว่าสามารถทำได้จริงและได้ผลดีอีกด้วย ซึ่งวันนี้จึงขอนำเสนอ 5 สูตร การดูแลเส้นผมด้วยน้ำผึ้งแท้จากธรรมชาติ ดังนี้

สูตรที่ 1 น้ำผึ้งผสมน้ำมันมะกอก
สูตรน้ำผึ้งผสมน้ำมันมะกอกเป็นสูตรหมักผมที่มุ่งเน้นให้ผมของคุณผู้หญิงนั้นเรียบตรง จัดทรงง่ายขึ้น การใช้น้ำผึ้งผสมน้ำมันมะกอกช่วยฟื้นบำรุงผมเสียที่มาจากแสงแดดหรือในช่วงที่อากาศหนาวเยอะมากๆ อาจมีภาวะแห้ง ทำให้ผมแห้งเสียหลุดร่วงลงมาได้ง่าย ให้คุณผู้หญิงจัดเตรียมน้ำผึ้ง 3 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะให้เข้ากันแล้วนำมาหมักผมโดยใช้เวลาหมักอย่างน้อย 25 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดหรือแชมพูบางๆ นอกจากนี้สูตรน้ำผึ้งผสมน้ำมันมะกอกนั้นยังสามารถเก็บเอาไว้ใช้ก่อนการสระผมได้อีกด้วย เพื่อเป็นการป้องกันผมเสียจากการสระผมด้วยแชมพูที่มีสารเคมีจึงควรหมักผมด้วยน้ำผึ้งก่อนอย่างน้อย 3 นาทีเสมอจะทำให้สารเคมีไม่สามารถทำลายเส้นผมของเราให้เสียหายได้

สูตรที่ 2 น้ำผึ้งผสมมะกรูด
สูตรนี้เด็ดเอามากๆเหมาะกับคุณสาวๆที่มีรังแกหรือมีอาการคันหนังศีรษะบ่อยๆ แก้อย่างไรก็ไม่หายสักที ขอแนะนำให้ใช้น้ำผึ้ง 3 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำมะกรูด 1 ช้อนโต๊ะหมักให้ทั่วหนังศีรษะ 30 นาที สูตรนี้เหมาะสำหรับการฆ่าเชื้อโรคบนหนังศีรษะ ช่วยขจัดรังแค บำรุงหนังศีรษะให้กลับมาแข็งแรง และยังช่วยป้องกันการกลับมาของรังแคได้อีกด้วย นอกจากนี้สูตรนี้ยังเหมาะกับคุณผู้ชายที่ประสบปัญหารังแคและมีเชื้อราบนหนังศีรษะ เนื่องจากคุณสมบัติของมะกรูดและน้ำผึ้งช่วยยับยั้งแบคทีเรียและฆ่าเชื้อราได้เป็นอย่างดี ไม่เพียงแค่หนังศีรษะเท่านั้น หากเกิดเชื้อราหรือมีอาการคันบริเวณอื่นก็ใช้สูตรน้ำผึ้งผสมมะกรูดได้เช่นกันรับรองได้ว่าเชื้อราตายเรียบเป็นหน้ากองไปเลย

สูตรที่ 3 น้ำผึ้งผสมโยเกิร์ต
สูตรน้ำผึ้งผสมโยเกิร์ตมีจุดเด่นอย่างมากในการคืนความชุ่มชื้นให้เส้นผม ช่วยให้ผมแห้งเสียแตกปลายกลับมาสุขภาพดีมีชีวิตชีวาได้อีกครั้ง เพียงให้ผสมโยเกิร์ต 1 ถ้วยรวมเข้ากับน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ แล้วผสมให้เข้ากันโดยลูบให้ทั่วตั้งแต่โคนถึงปลายผม โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาทีแล้วล้างออกด้วยแชมพูอ่อนๆ เพียงเท่านี้ผมของคุณผู้หญิงที่เคยแห้งเสียแตกปลายก็กลับมาสุขภาพดีได้ไม่ยาก แม้จะมีปัญหาผมเสียติดต่อกันเป็นเวลานานจนบางคนประสบกับปัญหาผมร่วงไปด้วย ก็สามารถใช้น้ำผึ้งเยียวยารักษาได้เช่นกัน ไม่ต้องใช้ยาที่ไหนเลย แค่สูตรน้ำผึ้งผสมโยเกิร์ตทำสม่ำเสมออาทิตย์ละ 2 ครั้ง หรือทำได้บ่อยตามที่ต้องการ

สูตรที่ 4 น้ำผึ้งผสมเบียร์
คุณผู้หญิงคนใดที่ได้ยืดผมดัดผมบ่อยๆ ทราบหรือไม่ว่าอาจทำให้ผมเสียและพันกันในระยะยาว ดังนั้นสำหรับคุณผู้หญิงที่ประสบปัญหาเช่นนี้ขอแนะนำให้ใช้สูตรหมักผมด้วยน้ำผึ้งผสมเบียร์ เพียงใช้เบียร์ 1 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำผึ้ง 3 ช้อนโต๊ะ ชโลมให้ทั่วเส้นผมตั้งแต่รากถึงโคน สูตรนี้จะช่วยฟื้นฟูผมที่เสียจากการยืดดัด ช่วยให้หวีง่ายขึ้นไม่พันกัน ให้เราหมักด้วยสูตรนี้ 30 ถึง 45 นาทีก็จะเห็นผลได้แล้ว หากใครซื้อเบียร์มา 1 กระป๋องก็คงใช้หมักได้หลายเดือนเลย ยกเว้นเสียแต่ดื่มไปหมดเสียก่อน

สูตรที่ 5 น้ำผึ้งไข่แดงและเบบี้ออยล์
สูตรนี้ให้เตรียมน้ำผึ้ง 4 ช้อนโต๊ะผสมไข่แดง 1 ฟองและเบบี้ออยล์ 1 ช้อนโต๊ะให้คนให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน จะได้สูตรน้ำผึ้งไข่แดงและเบบี้ออยล์ สูตรสำหรับบำรุงเส้นผมให้นุ่มลื่นจัดทรงง่ายขึ้น ด้วยคุณค่าของไข่แดงที่มีวิตามินและแร่ธาตุหลากหลายชนิดจะซึมเข้าสู่เส้นผมและทำให้ผมมีน้ำหนักจัดทรงง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งสูตรนี้ยังได้รับความชุ่มชื้นจากเบบี้ออยล์ที่เน้นให้ผมนุ่มลื่นมากยิ่งขึ้น สูตรนี้แม้จะยุ่งยากกว่าสูตรอื่นๆไปบ้าง แต่เป็นสูตรที่ได้ผลดีมาก สามารถคืนสารอาหารที่มีคุณค่าให้เส้นผมของเราได้เป็นอย่างดี แม้ผมจะเสียสะสมเป็นเวลานาน บางคนผมแห้งเสียชี้ฟูมากๆ ก็สามารถให้อาหารเส้นผมด้วยสูตรนี้ ถ้าหากคุณผู้หญิงเวลาน้อย ก็แนะนำให้ทำนานๆครั้ง อาจจะใช้สูตรนี้เพียงเดือนละครั้งก็จะเห็นผลดีเช่นกัน
เราจะเห็นได้ว่าน้ำผึ้งนั้นไม่เพียงแต่มีประโยชน์ในการบำรุงผิวพรรณหรือให้ผลดีในการดื่มกินเพียงอย่างเดียว เราสามารถใช้น้ำผึ้งตามสูตรต่างๆเพื่อฟื้นบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะให้แข็งได้อีกด้วย
https://suwanfarmphueng.com/articles/how-to-care-for-hair-with-honey/

5 สูตรอาหารจากน้ำผึ้งแท้


น้ำผึ้งแท้จากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น น้ำผึ้งแท้ดอกสาบเสือ หรือ น้ำผึ้งแท้ดอกสาบเสือ เป็นแหล่งพลังงานปริมาณสูงอีกแหล่งหนึ่ง ซึ่งการดื่มน้ำผึ้งแท้แม้จะทำให้เราได้รับพลังงานเยอะ แต่กลับไม่ได้เป็นอันตรายต่อสุขภาพเพราะมีสารอาหารหลากหลายชนิดที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย น้ำผึ้งแท้มีทั้งคาร์โบไฮเดรต แร่ธาตุ วิตามินที่ช่วยบำรุงร่างกายทั้งสิ้น ทั้งยังช่วยรักษาโรคภูมิแพ้ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ผู้ดื่มกินเป็นประจำมีร่างกายที่แข็งแรง มีภูมิคุ้มกันที่สมบูรณ์ หากใครที่ป่วยเข้าโรงพยาบาลอยู่บ่อยๆ การพกน้ำผึ้งไว้คู่บ้านนั้นสามารถใช้แทนยารักษาโรคต่างๆได้เป็นอย่างดี ทั้งยังป้องกันโรคหัวใจ ป้องกันโรคมะเร็ง คุณสมบัติของสารต้านอนุมูลอิสระจำนวนมากในน้ำผึ้งช่วยให้หลอดเลือดหัวใจแข็งแรง ระบบไหลเวียนโลหิตดีเยี่ยมเพราะหลอดเลือดไม่เปราะบาง ทั้งยังมีแร่ธาตุบำรุงโลหิตช่วยให้หัวใจทำงานได้ดี ช่วยลดความเครียด ผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้า นอกจากนี้เรายังสามารถนำน้ำผึ้งมาแทนน้ำตาลทรายทั่วไปมาทำอาหารเมนูสุขภาพได้หลากหลายอีกด้วย เพราะการทำอาหารนั้นหากใช้น้ำตาลทรายปริมาณมาก นอกจากจะไม่ให้รสหวานได้เท่าน้ำผึ้งแล้วยังเป็นผลเสียให้เกิดโรคเบาหวานและโรคอ้วน ซึ่งอันตรายต่อสุขภาพมากๆ หลายๆคนจึงใช้น้ำผึ้งมาแทนน้ำตาลเพื่อทำอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เพราะน้ำผึ้งประกอบไปด้วยน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวไม่ทำให้เป็นโรคเบาหวาน ไม่เป็นสาเหตุของโรคอ้วนอีกด้วย

น้ำผึ้งจากธรรมชาติ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในการนำเอามาเป็นวัตถุดิบปรุงอาหาร เพื่อช่วยในการให้ความหวาน และยังมีประโยชน์อีกมากมายอีกด้วย วันนี้ทางสุวรรณฟาม จึงขอนำ 5 สูตรอาหารจากน้ำผึ้งแท้ มาแบ่งปันความรู้ เพื่อช่วยให้ท่านที่สนใจนำน้ำผึ้งแท้ไปรับประทานกันด้วยวิธีง่ายๆ ดังนี้

1.ไก่ต้มซอสน้ำผึ้ง
เพียงนำน่องไก่จำนวน 2 ชิ้นมาคลุกเคล้าด้วยน้ำผึ้งและซอสเทอริยากิ โดยน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะต่อน่องไก่ 1 ชิ้นคลุกเคล้าไปพร้อมๆกับซอสเทอริยากิทิ้งไว้ 30 นาทีและนำมาทอดให้หนังเริ่มสุกเหลือง จากนั้นพลิกไปมาจนกว่าเนื้อด้านในจะสุกทั่วถึงกันทั้งหมดแล้วนำมาต้มในน้ำเดือด สูตรนี้จะได้น่องไก่เทอริยากิสูตรน้ำผึ้งที่เหมาะกับคนรักสุขภาพอย่างมาก นอกจากจะส่งกลิ่นหอมซอสเทอริยากิและความหอมหวานชวนลิ้มลองจากน้ำผึ้งแล้ว ยังมีรสชาติที่กรอบนอกนุ่มในเน้นๆอีกด้วย การใส่น้ำผึ้งผสมลงไปจะทำให้ซึมเข้าเนื้อไก่ จึงส่งผลให้น่องไก่ทอดมีรสหอมหวานติดปาก เหมาะสำหรับทำอาหารเลี้ยงแขกที่มาบ้าน รับรองว่ารู้ถึงกันแน่นอน หรือเป็นสูตรลับสำหรับทำขายก็ได้เพราะสูตรนี้จะให้เนื้อไก่ที่เหลืองน่าทานมากๆ

2.ซี่โครงหมูตุ๋นน้ำผึ้ง
เพียงนำซี่โครงหมูมาทาน้ำมันและทอดให้พอสุก แต่ไม่ต้องสุกมาจากนั้นนำมาคลุกเคล้าด้วยน้ำผึ้ง ซีอิ๊วขาว ซอสมะเขือเทศ พริกไทยและน้ำมันพืชให้เข้ากันหมักไว้ 30 นาที สูตรนี้ให้ใช้น้ำผึ้ง 3 ช้อนโต๊ะขึ้นไปต่อซี่โครงหมูจำนวนครึ่งกิโลกรัม โดยส่วนผสมอื่นๆให้ผสมลงไปพอประมาณตามที่เหมาะสมหรือตามที่เราชอบได้เลย จากนั้นนำไปตุ๋นในน้ำเดือดจนน้ำแห้งพอดี โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาทีขึ้นไป แต่ไม่ควรเกิน 45 นาทีก็จะได้ซี่โครงหมูตุ๋นน้ำผึ้งหอมหวานอร่อย ทั้งได้เนื้อนุ่มน่ารับประทานมากๆ

3.กล้วยอบน้ำผึ้ง
สูตรนี้ไว้ทำขนมปาร์ตี้ด้วยกันกับเพื่อนๆและยังเป็นสูตรง่ายๆชวนรับประทานมากๆ เพียงใช้กล้วยน้ำว้าสัก 10 ผลคลุกเคล้าด้วยน้ำผึ้งครึ่งถ้วยหรือน้ำผึ้งในปริมาณที่เพียงพอ หลังจากนั้นผสมเกลือเล็กน้อย แล้วเข้าตู้อบ 200 องศา 30 นาที แต่บางคนไม่อยากให้กล้วยเละมากก็แนะนำให้เอากล้วยน้ำว้าไปต้มให้พอสุกก่อนในน้ำเดือดแล้วนำมาชุบน้ำผึ้งและโรยเกลือเล็กน้อย จากนั้นนำเข้าตู้อบ 30 นาทีได้เลย เพียงเท่านี้ก็จะได้กล้วยอบน้ำผึ้งแสนอร่อยชวนรับประทานเอามากๆ เหมาะแก่การยกเสิร์ฟเพื่อนๆที่มาบ้านหรือจัดงานเลี้ยงเล็กๆที่อยากได้ขนมหวานไว้ทานตลอดงานก็ทำได้เพราะกล้วยอบน้ำผึ้งไม่ได้ใช้เวลานาน สามารถทำในปริมาณเยอะๆได้

4.น้ำอัญชันน้ำผึ้งมะนาว
หากใครอยากทำเครื่องดื่มหวานเย็นอมเปรี้ยวนิดๆแช่เย็นไว้ทานกันเองในบ้านหรือยกเสิร์ฟแขกที่มาบ้าน ขอแนะนำสูตรน้ำอัญชันน้ำผึ้งมะนาว เพียงใช้น้ำอัญชันคั้นออกมา 1 ลิตร ผสมด้วยน้ำผึ้ง 100 กรัม โดยผสมมะนาวได้ตั้งแต่ 5 ถึง 10 ลูกตามความต้องการก็จะได้สูตรน้ำอัญชันน้ำผึ้งมะนาวที่หวานอมเปรี้ยว รสชาติอร่อยสะใจมากๆ ยิ่งแช่เย็นก็ยิ่งแก้กระหายน้ำในหน้าร้อนแบบนี้ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้น้ำอัญชันน้ำผึ้งมะนาวยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างยิ่ง ช่วยแก้อาการอักเสบในลำคอ ลดเสมหะที่เหนียวมากๆ สามารถแก้ไอได้เป็นอย่างดี ช่วยบำรุงเส้นผมและเล็บให้คงความสวยเงางามอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งน้ำอัญชันผสมน้ำผึ้งมะนาวนั้นมีคุณสมบัติเสมือนสมุนไพรที่ใช้ดื่มก็สามารถแก้โรคหวัดได้อีกด้วย

5.ไข่มุกน้ำผึ้ง
หากอยากทำของหวานอร่อยๆทานเองง่ายๆ ขอแนะนำเมนูไข่มุกน้ำผึ้งแสนอร่อย เพียงนำไข่มุกจำนวน 4 ถ้วย มาต้มในน้ำ 2 ลิตร มาต้มให้เดือดก็จะได้ปริมาณไข่มุกจำนวนหลายถ้วยมากๆ เมื่อต้นจนน้ำเดือดแล้วให้เราใส่น้ำผึ้งลงไป 5 ช้อนโต๊ะ โดยสามารถเก็บในภาชนะที่มาฝาปิดเก็บไว้ในตู้เย็นช่วยให้น้ำผึ้งซึมเข้าสู่ไข่มุกและนำมารับประทานได้ทุกเมื่อที่ต้องการ เป็นเมนูของหวานง่ายๆที่ทานได้เพื่อสุขภาพ เพราะไม่ได้ใช้น้ำตาลทราย ทั้งยังให้สารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายอีกด้วย คนที่เป็นโรคเบาหวานหรือโรคหัวใจก็ควรเปลี่ยนจากน้ำตาลทรายธรรมดามาทำอาหารด้วยน้ำผึ้งเพราะแทบไม่มีผลข้างเคียงต่อสุขภาพของเราเลย
https://suwanfarmphueng.com/articles/5-recipes-cook-from-honey/

ขนาดกระดาษลูกฟูก มีกี่ขนาด ผลิตจากกระดาษประเภทใด


ขนาดกระดาษลูกฟูก มีหลายขนาด เช่น กระดาษลูกฟูก 5 ชั้นลอน BC ขนาด 40×48 นิ้ว, กระดาษลูกฟูก 3 ชั้น ลอน B ขนาด 40×36 นิ้ว ,กระดาษลูกฟูก 3 ชั้น ลอน E ขนาด 13×19 นิ้ว เป็นต้น และผลิตจากกระดาษประเภทกระดาษลูกฟูก 2 ชั้น, 3 ชั้น, 5 ชั้น และกระดาษลูกฟูกม้วน 2 ชั้น กระดาษลูกฟูกทั้งแบบลอน B, BC, E มีแบบผลิตด้วยกระดาษสีธรรมชาติ KT และสีขาว KS จากโรงงานที่ได้มาตฐานโดยตรง วัตถุดิบสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ 100% ไม่เหมือพวกพลาสติกหรือโฟม มั่นใจได้ว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมครับ

ขนาดกระดาษลูกฟูก มีกี่ขนาด ดังนี้

           - กระดาษลูกฟูก 5 ชั้นลอน BC ขนาด 40×48 นิ้ว
           - กระดาษลูกฟูก 3 ชั้น ลอน B ขนาด 40×36 นิ้ว
           - กระดาษลูกฟูก 3 ชั้น ลอน B ขนาด 36×36 นิ้ว
           - กระดาษลูกฟูก 3 ชั้น ลอน B ขนาด 30×30 นิ้ว
           - กระดาษลูกฟูก 3 ชั้น ลอน B ขนาด 24×36 นิ้วสน
           - กระดาษลูกฟูก 3 ชั้น ลอน E ขนาด 14×14 นิ้ว
           - กระดาษลูกฟูก 3 ชั้น ลอน E ขนาด 13×19 นิ้ว
           - กระดาษลูกฟูก 3 ชั้น ลอน E ขนาด 10×12 นิ้ว

กระดาษลูกฟูกผลิตจากกระดาษประเภทใด
กระดาษลูกฟูกนั้นทำมาจากชนิดของกระดาษ KT125/CA125/KT125 มีทั้งแบบแผ่นกระดาษลูกฟูก ลอน E 3 ชั้น หนา 1.6 – 2 มม.,แผ่นกระดาษลูกฟูก ลอน BC 5 ชั้น หนา 6 มม.เป็นต้น ในส่วนของข้อควรระวังในการเลือกใช้กระดาษลูกฟูก ไม่ควรใช้รองของเหลว ผู้ใช้เลือกแผ่นกระดาษให้เหมาะกับกล่องหรือบรรจุภัณฑ์ เก็บให้ห่างจากเปลวไฟเพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดจากความชื้นหรือเพลิงไหม้ ความชื้นและแมลง ไม่ควรใช้ปูทับกระเบื้อง/เซรามิกในงานก่อสร้าง วัตถุดิบเป็นกระดาษสามารถย่อยสลายตามธรรมชาติ กระดาษมีคุณภาพดี ไม่เปื่อย ยุ่ยง่ายและไม่มีกลิ่น น้ำหนักกล่องเบา แข็งแรงด้วยสูตรการผลิตลูกฟูกแบบพิเศษ แผ่นรอง 3E ใช้เพื่อประกบสินค้าขั้นกลางชิ้นงานเพื่อปกป้องความเสียหายครับ

สรุปได้ว่า การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ใดก็ตามเราควรมีความรู้พื้นฐานของบรรจุภัณฑ์นั้นๆว่า ความเหมาะสมกับของแบบใด ตัววัตถุดิบผลิตมาจากอะไร มีประโยชน์อย่างไรส่งผลยังไง ถ้าเรามีความเข้าใจตัวสินค้าในเบื้องต้นก็จะทำให้การใช้บรรจุภัณฑ์ ได้อย่างตอบโจทย์และเหมาะสมอีกทั้งทุกวันนี้การรณรงค์หันมาใช้ของที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติยังถือเป็นเรื่องที่ไม่สามารถมองผ่านได้เลยจากปัญหาด้านต่างๆ จากการที่คนยังใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากโฟม หรือพลาสติก ดังนั้นการเลือกบรรจุภัณฑ์กระดาษถือเป็นตัวเลือกที่ดีครับ และควรศึกษาบรรจุภัณฑ์ให้ดีว่าเหมาะสมกับของที่คุณต้องการใช้ด้วยนะครับ
https://hongthaipackaging.com/blog/size-shockproof-paper/

ขนาดแกนกระดาษ กระบอกโปสเตอร์พร้อมฝา และใช้กับของประเภทใด


ขนาดแกนกระดาษ กระบอกโปสเตอร์พร้อมฝา มีหลายขนาด เช่น มีขนาด: 0.180 × 87 cm, ขนาด: 0.180 × 63 cm, ขนาด 0.018 × 33 cm, ขนาด 0.180 × 45 cm เป็นต้น ตัวความหนาของแกนกระดาษ 1.8 มิลลิมิตร กระดาษทำจากแกน (Coreboard) หนา 350 แกรม หมุนเกลียว 3 รอบ กระบอกใส่โปสเตอร์สีน้ำตาลพร้อมฝาปิด 2 ด้าน เส้นผ่าศูนย์กลาง 3 นิ้ว ผลิตจากโรงงานที่ได้มาตรฐานโดยตรง

ขนาดแกนกระดาษ กระบอกโปสเตอร์พร้อมฝา มีขนาดดังนี้


           - แกนกระดาษโปสเตอร์พร้อมฝา SA0 ขนาด: 0.180 × 87 cm
           - แกนกระดาษโปสเตอร์พร้อมฝา SA1 ขนาด: 0.180 × 63 cm
           - แกนกระดาษโปสเตอร์พร้อมฝา SA2 ขนาด: 0.180 × 45 cm
           - แกนกระดาษโปสเตอร์พร้อมฝา SA3 ขนาด: 0.180 × 33 cm
           - แกนกระดาษโปสเตอร์พร้อมฝา MA3 ขนาด: 0.018 × 33 cm
           - แกนกระดาษโปสเตอร์พร้อมฝา MA2 ขนาด: 0.180 × 45 cm
           - แกนกระดาษโปสเตอร์พร้อมฝา MA1 ขนาด: 0.180 × 63 cm
           - แกนกระดาษโปสเตอร์พร้อมฝา MA0 ขนาด: 0.180 × 87 cm
           - แกนกระดาษ กระบอกโปสเตอร์พร้อมฝา LA3 ขนาด: 7.62 × 33 cm
           - แกนกระดาษ กระบอกโปสเตอร์พร้อมฝา LA2 ขนาด: 7.62 × 45 cm
           - แกนกระดาษ กระบอกโปสเตอร์พร้อมฝา LA1 ขนาด: 7.62 × 63 cm
           - แกนกระดาษ กระบอกโปสเตอร์พร้อมฝา LA0 ขนาด: 7.62 × 87 cm

แกนกระดาษ กระบอกโปสเตอร์พร้อมฝาเหมาะกับสินค้าประเภทใด
แกนกระดาษ กระบอกโปสเตอร์พร้อมฝา ใช้ส่งของออนไลน์ได้ สำหรับใส่สื่อสิ่งพิมพ์ ภาพถ่าย พล็อตเตอร์ กระดาษa1 กระดาษa2 กระดาษa0  กระดาษอิงค์เจ็ท ใช้บรรจุสิ่งของที่มีลักษณะแบนเรียบ ที่สามารถม้วนได้ ม้วนแล้วส่งเลย สะดวก ปลอดภัย แข็งแรง ในส่วนชองสีของฝาจะคละกันขึ้นอยู่กับ lot การผลิต ฝาปิดสองด้านเป็นฝาพลาสติกแข็ง PP ดังนั้นผู้ที่เลือกใช้จึงมั่นใจได้เลยว่าการบรรจุสิ่งของนั้นๆจะได้รับความปลอดภัยแน่นอนครับ


สรุปได้ว่า ขนาดแกนกระดาษ กระบอกโปสเตอร์พร้อมฝา มีความสำคัญเนื่องจากการขนส่งสินของที่เป็นรูปแบบของกระดาษ แผนที่ พิมพ์เขียน แบบร่าง โปสเตอร์ประดับบ้าน นั้น บางครั้งการบรรจุใส่ซองในการขนส่งอาจจะทำให้ตัวเอกสารเกิดความเสียหายได้ ทั้งรูปทรงที่ยับ ทำให้เอกสารไม่เรียบใช้งานได้ยากลำบาก ไม่สวยงาม การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ แกนกระดาษ กระบอกโปสเตอร์พร้อมฝา จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยรักษาตัวสินค้าภายในให้คงสภาพที่สมบูรณ์อีกทั้งตัวบรรจุภัณฑ์ยังผลิตมาจากวัตถุดิบที่มีคุณภาพ จากโรงงานโดยตรง ถือว่าเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ตอบโจทย์การบรรจุสินค้าประเภทนี้ที่ดีที่ไม่ควรมองข้ามครับ แสดงถึงความใส่ใจจากผู้ให้ถึงผู้รับได้อย่างดีเลยครับ
https://hongthaipackaging.com/blog/size-paper-core/

ขนาดช้อนไม้ ส้อมไม้ มีดไม้ แบบพลาสติก มีกี่ขนาด กี่ประเภท

ขนาดช้อนไม้ ส้อมไม้ มีดไม้ และช้อนส้อมพลาสติก มีหลายขนาด เช่น ขนาด 11,14,16,16.5 และ17ซม. เป็นต้น นอกจากนั้นยังสินค้า ไม้เสียบ ขนาด 15 ซม. ที่ได้รับความนิยมอีกด้วย เราไปดูรายละเอียดขนาดช้อนไม้ ส้อมไม้ มีดไม้และช้อนส้อมพลาสติกว่ามีกี่แบบกันค่ะ

ขนาดช้อนไม้ ส้อมไม้ มีดไม้ และช้อนส้อมพลาสติก แบ่งเป็น 2 ประเภท
1. แบบพลาสติก
            - ช้อนสั้น พลาสติกใส(PP) สำหรับใช้ตักข้าว ของหวาน แกง น้ำซุป
            - ส้อมพลาสติก สีขาว 17 ซม. สำหรับใช้จิ้มทานเมนูเส้น สลัด เนื้อสัตว์
            - ช้อนพลาสติก สีขาว 17 ซม. สำหรับใช้ตักข้าว ของหวาน แกง น้ำซุป

2. แบบไม้
            - ช้อนเล็กไม้ ยาว 11 ซม. สำหรับใช้ตักข้าว ของหวาน แกง น้ำซุปได้จริง ใช้คู่กับ ส้อมไม้ 11 ซม.
            - ช้อนไม้ ยาว 14 ซม. สำหรับใช้ตักของหวาน ไอศครีม อาหารว่าง ใช้คู่กับ ส้อมไม้ 14 ซม.
            - ช้อนไม้ ยาว 16 ซม. สำหรับใช้ตักข้าว ของหวาน แกง น้ำซุปได้จริง ใช้คู่กับ ส้อมไม้ 16 ซม.

            - ส้อมเล็กไม้ ยาว 11 ซม. สำหรับจิ้มผลไม้ ขนมหวาน ขนมปังได้ ใช้คู่กับ ช้อนไม้ 11 ซม.
            - ส้อมไม้ ยาว 14 ซม. สำหรับทานข้าว จิ้มผลไม้ เนื้อได้ ใช้คู่กับ ช้อนไม้ 14 ซม.
            - ส้อมไม้ ยาว 16 ซม. สำหรับทานข้าว จิ้มผลไม้ เนื้อได้ ใช้คู่กับ ช้อนไม้ 16 ซม.

            - มีดเล็กไม้ ยาว 14 ซม. สำหรับใช้คู่กับช้อนส้อม สำหรับขนมปัง คว้านผลไม้เนื้อบาง ใช้คู่กับ ส้อม,ช้อนไม้ 14 ซม.
            - มีดไม้ ยาว 16.5 ซม. สำหรับใช้คู่กับช้อนส้อม สำหรับเนื้อสเต๊ก ใช้คู่กับ ส้อม,ช้อนไม้ 16 ซม.
            - ไม้เสียบ ยาว 15 ซม. สำหรับใช้เสียบเนื้อบาร์บีคิว หมาล่า ลูกชิ้นได้

คุณสมบัติของช้อนไม้ ส้อมไม้ มีดไม้
            - น้ำหนักเบา สามารถตัก หยิบจังใช้งานได้จริง
            - สำหรับตกแต่งโต๊ะอาหาร ใช้ในงานเลี้ยง cocktail ปารตี้ต่างๆหรืองาน catering
            - เนื้อไม้สามารถย่อยสลายตามธรรมชาติ ปลอดภัยต่อผู้บริโภค
            - ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ไม่แนะนำให้นำกลับมาใช้อีกครั้ง
สรุปแล้ว ขนาดช้อนไม้ ส้อมไม้ มีดไม้ และช้อนส้อมพลาสติก สามารถใช้คู่กันได้ เช่น ส้อมไม้กับช้อนไม้ 11,14 และ 16 ซม. และคู่กับมีดไม้ ยาว14 และ 16.5ซม. ใช้งานได้จริง สำหรับทานข้าว จิ้มผลไม้ เป็นอุปกรณ์ตกแต่งได้และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย ปัจจุบันเป็นที่นิยมใช้คู่กับถ้วย ชามและกล่องข้าวในการส่งอาหารผ่าน Delivery หากสนใจสินค้าของโรงงานหรือต้องการคำแนะนำสามารถสอบถามกันเข้ามาได้ค่ะ
https://thaifoodpackaging.com/blog/wooden-spoon/

บรรจุภัณฑ์ คือ ? มีประเภทอะไรบ้าง


บรรจุภัณฑ์ คือ สิ่งที่ผลิตขึ้นมาเพื่อจะนำมาห่อหุ้มสิ่งของหรือสินค้าชนิดต่างๆ เพื่อทำการปกป้องหรือป้องกันสินค้าเหล่านั้นจากการขนส่ง และยังเป็นการช่วยเก็บรักษาสินค้าจากปัจจัยภายนอกที่อาจทำให้เกิดความเสียหาย ทั้งยังสามารถยืดอายุสินค้าเหล่านั้นได้ นอกเหนือจากนั้นบรรจุภัณฑ์ยังมีประโยชน์อื่นๆอีกมาก ทั้งยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้หลากหลาย เพราะฉะนั้นการใช้งานจึงอยู่ที่ความต้องการของแต่ละบุคคลนั่นเอง

หน้าที่พื้นฐานในการใช้งานของ บรรจุภัณฑ์
บรรจุภัณฑ์จะมีหน้าที่ในการใช้งานแตกต่างกันออกไป เพราะฉะนั้นบรรจุภัณฑ์จึงถูกผลิตขึ้นมาด้วยวัสดุ และขั้นตอนที่หลากหลาย เพื่อให้ตัวบรรจุภัณฑ์มีคุณภาพ และรองรับการใช้งานได้อย่างครอบคลุม ตรงจุดประสงค์ โดยพื้นฐานแล้วตัวบรรจุภัณฑ์จะถูกแบ่งออกได้ 3 หน้าที่ด้วยกัน ดังนี้
1. บรรจุภัณฑ์ปกป้อง รักษาสินค้าหรือสิ่งของ
บรรจุภัณฑ์ที่ดีจะต้องสามารถรักษาคุณภาพสิ่งของหรือสินค้าที่อยู่ด้านในจากปัจจัย หรือผลกระทบสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นได้ เช่น รักษาสินค้าจากการขนส่ง รักษาสินค้าจากสภาพอากาศ หรือรักษาสินค้าจากสิ่งแปลกปลอม หรือปนเปื่อนที่อาจเกิดจาก แมลง ฝุ่นละออง และอื่นๆ

2. ช่วยให้สะดวกต่อการขนส่ง
บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมจะทำให้สะดวกต่อการขนส่งในด้านต่างๆ เนื่องจากสินค้าหรือสิ่งของแต่ละชนิดจำเป็นต้องมีการเก็บรักษาที่แตกต่างกัน รวมทั้งการขนส่งในแต่ละรูปแบบก็มีขั้นตอนที่แตกต่างกัน ทำให้บรรจุภัณฑ์นั้นต้องออกแบบมาให้รองรับสินค้าเหล่านั้นอย่างเหมาะสม เช่น สินค้าจำพวกแก้วหรือสิ่งของที่แตกหักง่ายก็จำเป็นต้องใช้บรรจุภัณฑ์ที่รับแรงกระแทกได้ดีกว่าบรรจุภัณฑ์ทั่วไป หรือสินค้าจำพวกของเหลวจำพวกน้ำดื่ม, ชา, กาแฟ ก็จำเป็นต้องมีบรรจุภัณฑ์ที่ป้องกันการรั่วซึมได้เป็นอย่างดี

3. กระตุ้นยอดขายหรือใช้เพื่อทำการตลาด
หน้าที่สำหรับบรรจุภัณฑ์สุดท้ายนั้นคือการทำเพื่อกระตุ้นยอดขาย หรือเพื่อทำการตลาด เหตุเพราะบรรจุภัณฑ์เป็นสิ่งแรกที่ผู้บริโภคหรือลูกค้าจะเห็นสินค้าของคุณ ทำให้บรรจุภัณฑ์ที่ถูกออกแบบมาให้มีรูปร่างสวยงาม โดดเด่นย่อมดึงดูดผู้คนได้มากกว่า หรือหากตัวบรรจุภัณฑ์มีการเขียนบอกเล่าถึงสรรพคุณสินค้าเอาไว้เป็นอย่างดี ก็ย่อมทำให้ผู้คนเข้าใจสินค้าของคุณได้ง่ายกว่าสินค้าอื่นๆของคู่แข่งที่ไม่ได้มีการเขียนไว้นั่นเอง

บรรจุภัณฑ์ มีกี่ประเภท
บรรจุภัณฑ์ ในแต่ละประเภทจะถูกแบ่งออกโดยดูจากสิ่งที่นำมาใช้ผลิต ซึ่งในแต่ละประเภทก็จะมีความสามารถในการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป โดยบรรจุภัณฑ์จะถูกแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังต่อไปนี้
1. บรรจุภัณฑ์กระดาษ

บรรจุภัณฑ์กระดาษ ถูกผลิตขึ้นมาจากเยื่อกระดาษชนิดต่างๆ โดยตัวบรรจุภัณฑ์จะมีคณสมบัติแตกต่างกันขึ้นอยู่ที่คุณภาพของกระดาษที่นาใช้ ทั้งยังเป็นบรรจุภัณฑ์รักษ์โลกที่ถูกแบบมาให้สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติได้ หรือสามารถนำไปรีไซเคิลก็ได้ ทำให้บรรจุภัณฑ์กระดาษนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ทดแทนบรรจุภัณฑ์พลาสติก หรือ บรรจุภัณฑ์ชนิดอื่นๆที่ย่อยสลายไม่ได้หรือย่อยสลายได้ยาก เนื่องจากปัญหาของการเกิดโลกร้อนในตอนนี้นั้นนับว่ารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และหนึ่งในเหตุผลที่เกิดนั้นมาจากผลพิษทางขยะที่เกิดขึ้นจากพลาสติกนั่นเอง

ข้อดีของ บรรจุภัณฑ์กระดาษ
          - บรรจุภัณฑ์กระดาษ นับเป็นบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดผลพิษแก่โลก
          - ตัวบรรจุภัณฑ์มีความปลอดภัยไร้สารพิษเจือปน
          - สามารถนำกลับมารีไซเคิลใช้งานใหม่ได้
          - ตัวบรรจุภัณฑ์สามารถใช้ในด้านโฆษณา และกระตุ้นยอดขาย
          - สามารถออกแบบ และเหมาะสำหรับงานพิมพ์ชนิดต่างๆได้ดี

2. บรรจุภัณฑ์พลาสติก

บรรจุภัณฑ์พลาสติก เป็นประเภทที่ทุกคนต่างเคยพบเห็นและใช้งานมาแล้ว โดยตัวบรรจุภัณฑ์พลาสติกนั้นส่วนมากจะทำมาจากพลาสติกที่แบ่งออกได้เป็น 7 ด้วยกัน ได้แก่
           1. พลาสติกโพลีเอทิลีนเทอพาทาเลท
           2. พลาสติกโพลีเอทิลีนชนิดความหนาแน่นสูง
           3. พลาสติกโพลีไวนิลคลอไรด์
           4. พลาสติกโพลีเอทิลีนชนิดความหนาแน่นต่ำ
           5. พลาสติกโพลีโพรพิลีน
           6. พลาสติกโพลีสไตรีน

ข้อดีของ บรรจุภัณฑ์พลาสติก
           - บรรจุภัณฑ์พลาสติกมีราคาที่ค่อนข้างถูก ช่วยลดต้นทุนได้
           - ตัวพลาสติกมีความเหนียว น้ำหนักเบา
           - พลาสติกจะไม่นำความร้อนและกระแสไฟฟ้า
           - บรรจุภัณฑ์พลาสติกสามารถป้องกันการรั่วซึมของอากาศ และน้ำได้ดี
           - บรรจุภัณฑ์พลาสติกยังมีความสามารถทนทานต่อความชื้นและสภาพอากาศได้ ทั้งยังไม่เป็นสนิม
           - สามารถพิมพ์ลวดลายต่างๆลงบนบรรจุภัณฑ์ได้เช่นกัน

3. บรรจุภัณฑ์แก้ว

บรรจุภัณฑ์แก้ว ถูกผลิตขึ้นมาโดยผ่านกระบวนการความร้อน เพื่อขึ้นรูปทรงต่างๆตามต้องการ โดยตัวแก้วจะมีความใสและยังสามารถนำไปทำเป็นสีต่างๆที่ต้องการได้ง่าย จึงถือได้ว่าเป็นบรรจุภัณฑ์ที่จะเน้นความสวยงาม และความหรูหราเป็นหลัก แต่เนื่องจากความที่เป็นแก้วแตกหักได้ง่าย จึงไม่สามารถนำไปใช้เป็นบรรจุภัณฑ์เพื่อการขนส่งได้

ข้อดีของ บรรจุภัณฑ์แก้ว
          - มีความเป็นกลางและไม่ทำปฏิกิริยาใดๆกับสิ่งของที่อยู่ด้านใน ทำให้มีความปลอดภัยสูง
          - สามารถนำกลับมาสร้างใหม่ขึ้นเป็นรูปแบบต่างๆได้ โดยไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงคุณภาพ
          - มีความสามารถทนทานต่อความร้อนและความเย็นได้ดี
          - กระบวนการผลิตแก้ว สามารถใช้เศษชิ้นส่วนแก้วมาหลอมเข้าทำใหม่ได้ ช่วยลดต้นทุนและทรัพยากรในการผลิต

4. บรรจุภัณฑ์โลหะ

บรรจุภัณฑ์โลหะ เป็นประเภทที่ความแข็งแรงมากที่สุดแล้วยังมีความคงทนต่อปัจจัยอื่นๆเช่น สภาพอากาศ แมลง และสิ่งแปลกปลอมอื่นๆ ทำให้มีอายุการใช้สูงและยาวนาน จะพบเห็นได้บ่อยครั้งในสินค้าจำพวก เครื่องดื่มกระป๋องและอาหารสำเร็จรูปเป็นต้น

ข้อดีของ บรรจุภัณฑ์โลหะ
           - บรรจุภัณฑ์ มีความแข็งแรงและทนทานที่สูงมาก
           - ตัวบรรจุภัณฑ์ความทนทานต่อความร้อนระดับที่สาสามารถฆ่าเชื้อด้วยกระบวนการความร้อนได้
           - บรรจุภัณฑ์โลหะ สามารถนำไปหลอมรวม หรือแปรรูปขึ้นมาใช้ใหม่ได้
           - ส่วนของบรรจุภัณฑ์ สามารถป้องกันการซึมผ่านของไอน้ำ และก๊าซต่างๆได้
           - หากต้องการยังมีวิธีการเคลือบผิวส่วนนอกเพื่อป้องกันการสึกกร่อนของโลหะได้
https://thaifoodpackaging.com/blog/what-types-packaging/

ขนาดถุงกระดาษคราฟท์มีหูหิ้ว มีกี่แบบ ?


ขนาดถุงกระดาษคราฟท์มีหูหิ้ว มีหลายขนาด เล็กสุดคือ ขนาด 17x16x18 cm และใหญ่ที่สุด( Size L) ขนาด 31x29x30 cm เป็นต้น ใช้งานได้อเนกประสงค์ เราไปดูขนาดถุงกระดาษคราฟท์ว่ามีกี่แบบกันค่ะ
ขนาดถุงกระดาษคราฟท์มีหูหิ้ว มี 2 แบบ
1. แบบกระดาษคราฟท์สีน้ำตาลธรรมชาติ
            - ถุงกระดาษคราฟท์ (Size Mini) หูหิ้วเกลียว ขนาด 17x16x18 cm
            - ถุงกระดาษคราฟท์ (Size M) หูหิ้วเกลียว ขนาด 24x22x26 cm ใส่กล่องเค้ก 1 ปอนต์
            - ถุงกระดาษคราฟท์ (Size L) หูหิ้วเกลียว ขนาด 28x26x28 cm ใส่กล่องเค้ก 2 ปอนต์
            - ถุงกระดาษคราฟท์ (Size L) หูหิ้วเกลียว ขนาด 31x29x30 cm ใส่กล่องเค้ก 3 ปอนต์
            - ถุงกระดาษคราฟท์ เจาะหู ขนาด 28x15x28 cm (ยxกxส)
            - ถุงกระดาษคราฟท์มีหูหิ้ว สีน้ำตาล ขนาด 21 × 11 × 26 cm เทียบไซส์ร้านกาแฟดัง

2.แบบกระดาษคราฟ์แบบสีต่างๆ
            - ถุงกระดาษคราฟท์มีหูหิ้ว สีขาว ขนาด 21 × 11 × 26 cm เทียบไซส์ร้านกาแฟดัง
            - ถุงกระดาษคราฟท์มีหูหิ้ว สีเหลือง ขนาด 21 × 11 × 26 cm เทียบไซส์ร้านกาแฟดัง
            - ถุงกระดาษคราฟท์มีหูหิ้ว สีแดง ขนาด 21 × 11 × 26 cm เทียบไซส์ร้านกาแฟดัง
            - ถุงกระดาษคราฟท์มีหูหิ้ว สีฟ้า ขนาด 21 × 11 × 26 cm เทียบไซส์ร้านกาแฟดัง
            - ถุงกระดาษคราฟท์มีหูหิ้ว สีชมพูบานเย็น ขนาด 21 × 11 × 26 cm เทียบไซส์ร้านกาแฟดัง
            - ถุงกระดาษคราฟท์มีหูหิ้ว สีกรมท่า ขนาด 21 × 11 × 26 cm เทียบไซส์ร้านกาแฟดัง
            - ถุงกระดาษคราฟท์มีหูหิ้ว สีเขียวเข้ม ขนาด 21 × 11 × 26 cm เทียบไซส์ร้านกาแฟดัง
            - ถุงกระดาษคราฟท์มีหูหิ้ว สีดำ ขนาด 21 × 11 × 26 cm เทียบไซส์ร้านกาแฟดัง

สรุปได้ว่า ขนาดถุงกระดาษคราฟท์ มีหูหิ้ว เป็นถุงสำหรับใส่อาหาร Food delivery และเป็น Shopping bag สำหรับใส่สินค้าทั่วไป ของขวัญ ของฝากได้ สามารถใช้ซ้ำได้ ก้นถุงสามารถขยายได้สามารถนำสติ๊กเกอร์ติด / ปั้มตราแบรนต์ตัวเองได้ ย่อยสลายตามธรรมชาติ 100%อีกด้วย หากสนใจสินค้าของโรงงานหรือต้องการคำแนะนำสามารถสอบถามกันเข้ามาได้ค่ะ
https://thaifoodpackaging.com/blog/kraft-paper-bag/

ขนาดถุงพลาสติกซิปล็อค และสินค้า Sun Products มีกี่แบบ


ขนาดถุงพลาสติกซิปล็อค Sun Products มีทั้งถุงซิปล็อคแบบ 10, 15 , 20 ต่อแพ็ค ถุงขยะมีตั้งแต่ขนาด18*21 นิ้ว, 28*36 นิ้ว, 30*40 นิ้ว ถุงมืออเนกประสงค์ 24,100 ต่อแพ็ค ถุงเติมบุญ Size S,M และถุงซิปล็อคใส่อาหารแบบ 20,40 ถุงต่อแพ็ค ไปดูขนาดขนาดบรรจุภัณฑ์พลาสติก Sun Products ว่ามีกี่แบบกันค่ะ

ขนาดถุงพลาสติกซิปล็อค
             - ถุงซิปล็อค Sunzip Size M มีหูหิ้ว 12 ถุง/แพ็ค ขนาด 38 x 38.5 cm.
             - ถุงซิปล็อค Sunzip Size L มีหูหิ้ว 10 ถุง/แพ็ค ขนาด 50 x 45 cm.

            - ถุงซิปล็อค Sunzip H5 15 ถุง/แพ็ค ขนาด 20 x 14 cm.
             - ถุงซิปล็อค Sunzip H8 10 ถุง/แพ็ค ขนาด 34 x 24 cm.
             - ถุงซิปล็อค Sunzip H7 10 ถุง/แพ็ค ขนาด 28 x 20 cm.
             - ถุงซิปล็อค Sunzip H6 15 ถุง/แพ็ค ขนาด 24 x 17 cm.
             - ถุงซิปล็อค Sunzip H4 20 ถุง/แพ็ค ขนาด 17 x 12 cm.
             - ถุงซิปล็อค Sunzip H3 20 ถุง/แพ็ค ขนาด 15 x 10 cm.
             - ถุงซิปล็อค Sunzip H1 20 ถุง/แพ็ค ขนาด 10 x 7 cm.

             - ถุงเติมบุญ Size S 15 ถุง/แพ็ค ขนาด 18×24 cm.
             - ถุงเติมบุญ Size M 10 ถุง/แพ็ค ขนาด 27 x 27 cm.

             - ถุงซิปล็อคใส่อาหาร 40 ถุง/แพ็ค ขนาด 16.5 x 15 cm.
             - ถุงซิปล็อคใส่อาหาร 20 ถุง/แพ็ค ขนาด 17.8 x 20.5 cm.
             - ถุงซิปล็อคใส่อาหาร 15 ถุง/แพ็ค ขนาด 25 x 30 cm.

สินค้า Sun Products อื่นๆ
ถุงขยะ
             - ถุงขยะ Kitchen Neat 35 ถุง/แพ็ค ขนาด 30×40 นิ้ว
             - ถุงขยะ Kitchen Neat 24 ถุง/แพ็ค ขนาด 24×28 นิ้ว
             - ถุงขยะ Kitchen Neat 50 ถุง/แพ็ค ขนาด 18×21 นิ้ว

             - ถุงขยะ SUNBIN 10 ถุง/แพ็ค ขนาด 30×40 นิ้ว
             - ถุงขยะ SUNBIN 12 ถุง/แพ็ค ขนาด 28×36 นิ้ว
             - ถุงขยะ SUNBIN 18 ถุง/แพ็ค ขนาด 24×28 นิ้ว
             - ถุงขยะ SUNBIN 35 ถุง/แพ็ค ขนาด 18×20 นิ้ว

ถุงมืออเนกประสงค์
             - ถุงมืออเนกประสงค์ 100 ถุง/แพ็ค
             - ถุงมืออเนกประสงค์ 24 ถุง/แพ็ค

สรุปได้ว่า ขนาดบรรจุภัณฑ์พลาสติก Sun Products มีทั้งถุงซิปล็อค,ถุงขยะและถุงมืออเนกประสงค์ พลาสติกเป็นบรรจุภัณฑ์ยอดนิยมที่ไม่ว่าใครก็ใช้เนื่องจากเป็นวัสดุที่น้ำหนักเบา ยืดหยุ่นสามารถใส่ได้ทั้งอาหารร้อนและอาหารเย็น ไม่เปลืองพื้นที่ในการจัดเก็บ สามารถป้องกันน้ำเข้าได้ดีและป้องกันอากาศเข้าได้ หากสนใจสินค้าหรือต้องการคำแนะนำสามารถสอบถามกันเข้ามาได้ค่ะ
https://thaifoodpackaging.com/blog/sun-products/

ขนาดซองกระดาษ ถุงกระดาษ มีกี่แบบ


ขนาดซองกระดาษ ถุงกระดาษ มีตั้งแต่ size XS,S,M,L ซองเล็กสุดคือ size S ขนาด 11×8 cm.(ยxส) และขนาดใหญ่สุดคือ ถุงมีหน้าต่าง ขนาด 22×11.1×28 cm. มีทั้งสีขาวและสีน้ำตาลธรรรมชาติ ย่อยสลายตามธรรมชาติ 100% สามารถนำสติ๊กเกอร์ติด / ปั้มตราแบรนต์ตัวเองได้ ไปดู
ขนาดซองกระดาษ ถุงกระดาษว่ามีกี่แบบกันค่ะ

ขนาดซองกระดาษ ถุงกระดาษ มี 2 แบบ
1. แบบกระดาษคราฟท์สีขาว
            - ซองกระดาษคราฟท์ สีขาว (ใส่เฟรนฟราย) size S ขนาด 11 × 8 cm.(ยxส) สำหรับใส่เฟรนฟราย คุกกี้ ไก่บ็อป
            - ซองกระดาษคราฟท์ สีขาว size M ขนาด 12.8 x 4 x 15.5 cm. สำหรับใส่เฟรนฟราย คุกกี้ ไก่บ็อป
            - ซองกระดาษ สีขาว เปิดข้าง เคลือบ PE ขนาด 15.5 × 15 cm.(ยxส) สำหรับใส่แฮมเบอร์เกอร์ ของทอด
            - ซองกระดาษคราฟ์ สีขาว ซองยาว ขนาด 10.7 x 3 x 22.8 cm. สำหรับใส่คุกกี้ ขนมปัง ของทอด

            - ถุงกระดาษคราฟท์ สีขาว size XS ขนาด 9.5 x 6 x 16.5 cm. สำหรับใส่คุกกี้ ขนมปัง ของทอด ของชำร่วยต่างๆ
            - ถุงกระดาษคราฟท์ สีขาว size S ขนาด 12.5 × 7.8 × 23.5 cm. สำหรับใส่คุกกี้ ขนมปัง ของทอด ของชำร่วยต่างๆ

2. แบบกระดาษคราฟท์สีน้ำตาลธรรมชาติ
            - ถุงกระดาษคราฟท์ สีน้ำตาล เปิดข้าง ขนาด 15 x 15 cm. ใช้สำหรับใส่คุกกี้ ขนมปัง เบอร์เกอร์
            - ถุงกระดาษคราฟท์ สีน้ำตาล size XS ขนาด 9.5 x 6 x 16.5 cm ใช้สำหรับใส่คุกกี้ ขนมปัง เบอร์เกอร์ ของทอด
            - ถุงกระดาษคราฟท์ สีน้ำตาล รุ่นถุงบาง ขนาด 12.5 x 7.8 x 21.7 cm. ใช้สำหรับใส่คุกกี้ ขนมปัง ของทอด
            - ถุงกระดาษคราฟท์ สีน้ำตาล size L ขนาด 14.6 x 9 x 27 cm.ใช้สำหรับใส่คุกกี้ ขนมปัง เบอร์เกอร์ ของทอด
            - ถุงกระดาษคราฟท์ สีน้ำตาล size S ขนาด 13×7.8×21.7 cm.ใช้สำหรับใส่คุกกี้ ขนมปัง เบอร์เกอร์ ของทอด
            - ถุงกระดาษคราฟท์สีน้ำตาล ขนาด 13 x 8 x 22 cm สำหรับใส่สินค้า เช่น พาย คุกกี้ ของทอด ของชำร่วยต่างๆ
            - ถุงกระดาษคราฟท์สีน้ำตาล ขนาด 15 x 9 x 27cm สำหรับใส่สินค้า เช่น พาย คุกกี้ ขนมปัง ของชำร่วยต่างๆ

            - ถุงขนมปังสีน้ำตาล มีหน้าต่าง ลวดรัด ขนาด13×10.8×28 cm.(ยxกxส) ใช้สำหรับใส่สินค้า เช่น  คุกกี้ ขนมปัง ของทอด ของชำร่วยต่างๆ
            - ถุงขนมปังสีขาว มีหน้าต่าง ลวดรัด ขนาด 13×10.8×28 cm.(ยxกxส) ใช้สำหรับใส่สินค้า เช่น คุกกี้ ขนมปัง ของทอด ของชำร่วยต่างๆ
            - ถุงขนมปังสีน้ำตาล มีหน้าต่าง ลวดรัด ขนาด 22 x 11.1 x28 cm.(ยxกxส) ใช้สำหรับใส่สินค้า เช่น พาย คุกกี้ ขนมปัง ของทอด
            - ถุงขนมปังสีขาว มีหน้าต่าง ลวดรัด ขนาด 22×11.1×28 cm.(ยxกxส) ใช้สำหรับใส่สินค้าที่เหมาะสำหรับบรรจุอาหาร ขนมปัง ขนมปังแถว หรือประเภท  ของทอด หรือของชำร่วยต่างๆ

สรุปได้ว่า ขนาดซองกระดาษ ถุงกระดาษ ใช้งานได้อเนกประสงค์ เลือกให้เหมาะกับการใช้งาน กระดาษสีขาวและคราฟท์ Food Grade มีทั้งแบบซอง ถุงแบบมีและไม่มีหน้าต่าง สามารถตกแต่งผูกโบว์ สายคาดสวยๆ เพิ่มมูลค่าสินค้าให้แบรนด์ของคุณได้อย่างดี หากสนใจสินค้าของโรงงานหรือต้องการคำแนะนำสามารถสอบถามกันเข้ามาได้ค่ะ
https://thaifoodpackaging.com/blog/size-grocery-bag/

ขนาดกล่องกระดาษคราฟท์ฝาใส มีกี่ขนาดและแบ่งเป็นประเภทใดบ้าง ?


ขนาดกล่องกระดาษคราฟท์ฝาใส มีหลายขนาด เช่น 20 oz(SS),25 oz(S) ,30 oz(M),40 oz(L),55 oz(XL) จนถึงกล่องใหญ่สุดขนาด 70 oz(XXL) แบ่งตามประเภทกล่อง 1 และ 2 ช่อง บรรจุภัณฑ์ใส่ได้ทั้งของร้อนและเย็น เคลือบ Food grade สะอาดปลอดภัย ทำจากธรรมชาติเยื่อใยยาว ปลอดภัยต่อผู้บริโภค recycle ได้ 100 %

ขนาดกล่องกระดาษคราฟท์ฝาใส
           - กล่องกระดาษคราฟท์ใส่อาหาร ฝาใส 20 oz / 500 มล.(SS) ขนาด 15.5 × 10 × 4 cm
           - กล่องกระดาษคราฟท์ใส่อาหาร ฝาใส 25 oz / 700 มล.(S) ขนาด 16.8 × 11.8 × 4.5 cm
           - กล่องกระดาษคราฟท์ใส่อาหาร ฝาใส 2 ช่อง 25 oz./700 มล. ขนาด 16.5 × 11.5 × 4 cm
           - กล่องกระดาษคราฟท์ใส่อาหาร ฝาใส 30 oz / 900 มล.(M) ขนาด 17 × 13.5 × 4.8 cm
           - กล่องกระดาษคราฟท์ใส่อาหาร ฝาใส 40 oz / 1200 มล.(L) ขนาด 20 × 13.8 × 5 cm
           - กล่องกระดาษคราฟท์ใส่อาหาร ฝาใส 55 oz / 1600 มล.(XL) ขนาด 21.5 × 15.5 × 6 cm
           - กล่องกระดาษคราฟท์ใส่อาหาร ฝาใส 70 oz / 2100 มล.(XXL) ขนาด 22 × 16.5 × 6.5 cm
           - กล่องกระดาษคราฟท์ใส่อาหาร ฝาใส 2 ช่อง 40 oz/1200 มล. ขนาด 19.5 × 14 × 5 cm
           - กล่องกระดาษคราฟท์ใส่อาหาร ฝาใส 2 ช่อง 70 oz/2100 มล. ขนาด 21.5 × 16 × 6.5 cm

ประเภทของกล่องกระดาษคราฟท์ฝาใส
ประเภทแบบ 1 ช่อง
มีขนาดตั้งแต่ 20,25,30,40,55 และ 70 ออนซ์

ประเภทแบบ 2 ช่อง
มีขนาดตั้งแต่ 20,40 และ 70 ออนซ์

กล่องกระดาษคราฟท์ฝาใส บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะกับอาหารหลากหลาย
กล่องกระดาษคราฟท์นั้นเหมาะสำหรับใส่ข้าวและกับข้าว 1-2 อย่าง  อาทิ พวกอาหารตามสั่ง อาหารประเภทเส้น รวมไปถึงของทอดทุกชนิด ของทานเล่น ธุระกิจอาหารญี่ปุ่น ร้านค้าขึ้นห้างหรือแม้แต่ร้านแนว Street Food เป็นต้น เหมาะสำหรับผู้ประกอบการ หรือใช้สำหรับจัดเบรค จัดงานเลี้ยงต่างๆได้พกพาง่ายฝาปิดมิดชิดและตัวกล่องดีไซน์มาให้นำเสนออาหารภายในกล่องให้ดูน่ารับประทานเพราะตัววัสดุเป็น กระดาษ Food Grade สัมผัสอาหารโดยตรง ปลอดภัยจากสารเคมีอันตราย ขึ้นรูปด้วยความรูปโดยไม่ใช้กาว

สรุปได้ว่า ขนาดกล่องกระดาษคราฟท์ฝาใส มีหลายขนาด ซึ่งความเหมาะสมกับอาหารแต่ละประเภทก็ขึ้นอยู่กับสินค้าของผู้ประกอบการนั้นๆ แต่ไม่ว่าจะเป็นอาหารแบบใด ก็มั่นใจได้ว่าการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์กระดาษรักษ์โลกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและย่อมสลายง่ายไม่สร้างขยะรวมไปถึงมลพิษให้กับโลก ยังเป็นวัสดุที่ผลิตมาจากโรงงานที่มีมาตรฐานทำให้ผู้บริโภครวมไปถึงผู้ประกอบการมั่นใจถึงคุณภาพและความปลอดภัยได้เลยครับ
https://thaifoodpackaging.com/blog/size-kraft-paper-food-box-for-packaging/

LNG Plant Maintenance and Integrity


What does the term “asset integrity” means in oil and gas industry?
Asset integrity, also known as asset integrity management systems (AIMS), is the term used to describe an asset’s ability to operate efficiently and accurately while also protecting the health and safety of all personnel and equipment with which it interacts – as well as the measures in place to ensure the asset’s long-term availability. Throughout the life cycle of an asset, from its conception through decommissioning and replacement, asset integrity must be maintained.

Asset integrity management consists of a number of components
Much of the oil and gas industry’s infrastructure is already nearing or has already reached the end of its operational life expectancy, if not already beyond it. Because the cost of replacing assets, as well as the resulting turnaround time, has become unacceptably expensive for so many facilities, asset integrity has now surpassed concepts such as OPEX and Agile as the watchword on everyone’s lips, according to a recent study.

There is an increase in challenges such as vessel inspection, which is a significant contributor to production downtime; and corrosion under insulation, which is a frequent cause of sudden shutdowns; and taking the step to employ new solutions is becoming a necessity in many locations, particularly offshore.

The importance of the human factor
Asset integrity is based on the assumption that the vast majority of people within the organization will carry out their responsibilities correctly. However optimistic this may sound, the vast majority of maintenance, inspection, and data management activities are carried out with the best of intentions. Things, on the other hand, are not always accomplished completely or in the shortest amount of time available. It is unlikely that simple measures, such as increased inspection frequency, can uncover every overlooked problem. It is also unlikely that employees, who are required to increase their inspection labor or who are involved in missed problems, will be enthused about the task at hand.

Some indicators that everything is not well in the field of asset integrity management and inspection include the following:
          - Teams believe that any concerns they have regarding health and safety, or the condition of equipment are not taken seriously, resulting in an atmosphere where errors are not even reported as a result of this perception.
          - Any modifications to asset integrity plans, or even the fundamental operation of the facility, are only implemented after a large-scale event.
          - An inability to distinguish underlying causes from basic defect reports, which often leads to personnel being lulled into an unwarranted feeling of security and overstating the extent to which the facility is safe and operating.
          - Tactic knowledge, rather than a physical and immediately available set of rules, is relied upon in the context of AIM and reporting problems.
          - In the world of maintenance contractors, there is a “lowest bidder” mentality that prevails, and knowledge of and passion for asset integrity are not highly rewarded.

The very real outcome of this kind of environment is that nothing occurs in any meaningful way. Till a significant occurrence forces an organization to adjust, which is typically at tremendous expense, asset integrity is seen as a barely acceptable inconvenience, a type of obstacle to getting the job done properly.

Identifying and filling up the gaps in asset integrity management systems
Despite the fact that there are more AIM systems on the market now than at any previous time in history, there are still no one-size-fits-all solutions available. Although no inspection plan or database can possibly address all of the AIM concerns that might occur, integrity systems are nevertheless seen as distinct from the rest of the organization’s activities. Employees may be reluctant to accept responsibility for their actions, seeing the suite of AIM packages as an effort by the corporation to police them rather than as an intrinsic part of their job description.

The holes in AIM packets must be filled with the vigilance of the same persons from whom they are intended to protect, but a creative strategy may be required to guarantee that this message is received by the intended recipients.

What is the significance of asset integrity management?
A leak from the Piper Alpha oil platform in the North Sea occurred over the period of 22 minutes on July 6, 1988, causing an explosion that killed 167 of the rig’s 229 employees. The leak occurred over the length of 22 minutes. Among other things, this accident is seen as a watershed point in the development of current approaches to both EH&S and AIM in the oil and gas industry, not least because it resulted in each offshore operator investing £1 billion in safety measures.

The United Kingdom government subsequently launched a public enquiry, which was completed in 1990 and made 106 recommendations on how to implement HS&E and AIM initiatives more effectively in the future –  all of which were approved by the oil and gas sector. So, given that we are living and working in an era when significant AIM attempts are being made, what areas should individuals be concentrating their energies on?

Developing a strategic approach to AIM
According to research performed by Oil & Gas IQ, oil and gas operators are increasingly pursuing price-responsive strategies as well as the optimization of existing assets in order to remain competitive. These enterprises, particularly those operating in the North Sea, are now re-evaluating their business processes in order to stay afloat. 51 percent of oil and gas experts are now working on installations that are more than 20 years old and have been in service for more than a decade — with fewer than a third working on installations that are in their first ten years of operation.

More than half of asset integrity professionals have had their budgets reduced, and the average grade given to those professionals’ own firms’ asset integrity management (AIM) rating was 5.4 out of a possible 10. Only 52% of respondents believed that their job load was manageable in terms of achieving objectives and preserving safety –  despite the fact that the vast majority worked with a meager budget of less than £250,000. Unsurprisingly, asset integrity professionals report that the two most pressing concerns they face are keeping assets under budget and the age of the assets themselves. The lack of communication between departments in oil and gas businesses is by far the most serious fault that has been identified, followed by a lack of a safety culture in the industry. There is definitely work to be done.

RBI: Risk-Based Inspection
It is now more necessary than ever to ensure that an effective system of identification is in place, especially since the industry’s infrastructure is rapidly aging and becoming one of its key issues. For example, more than half of pipelines in the United States are at least 50 years old, with 3,300 incidents, including the worst spill in US pipeline history, eighty fatalities and almost 400 injuries in only the last five years. Despite the fact that it may seem apparent, maintaining integrity, preventing corrosion, and repairing damage is similar to seeing an iceberg from a distance.

It is nearly impossible to implement damage mitigation techniques without the assistance of dedicated and experienced professionals. For every readily apparent symptom of corrosion or asset instability, there are dozens of hidden issues: hydrogen attack, high-temperature tempering, thermal fatigue, metallurgy issues, internal system corrosion, and so on. Once it has been determined that a comprehensive examination is required, the following step is to put it into effect.

Among the methods available are risk-based inspections (RBIs), which demand that the risk be reduced while putting in the least amount of work possible in order to expedite the process and free up more time. The problem is that there are an almost limitless number of methods in which we may carry out our maintenance – and with so many hazards (such as calibration uncertainty or equipment accessibility), quantification is just not viable. In order to determine where on the quantitative/qualitative spectrum a corporation is located, it must first choose whether it will depend more heavily on specialists or on data.

Companies will operate in either a reactive or a proactive mode, depending on how effectively or poorly they foster their dependability cultures. It goes without saying that you want to be proactive. Because of a failure to foresee and monitor for hidden difficulties, you will only be able to respond after problems have developed, which will cost you significantly more money in the long run and reward those who have shown the ability to react swiftly. Instead of enhancing the culture, this positive reward serves to promote the tendency to react rather than act.
https://www.gmsthailand.com/blog/lng-plant-maintenance-and-integrity/

LNG Plant Safety


The use of natural gas as a cleaner-burning alternative to other fossil fuels is becoming more popular as the globe works toward decarbonization. Natural gas may be converted to liquefied natural gas (LNG) for storage and transportation purposes, which is safer. Facilities that handle LNG, such as liquefaction plants, regasification plants, and storage facilities, are still connected with the possibility of injury or death from the gas. Understanding these dangers is critical to putting in place the required preventative and mitigation measures to protect people and property.

When it comes to LNG plants, an uncontrolled leak of a cryogenic, poisonous, or combustible fluid is a major concern. Releases of this kind might originate in a variety of locations within the industrial system. When these releases occur, the consequences are determined by what they expose and whether or not they are ignited. For the sake of simplicity, the most significant LNG plant risks may be divided into seven categories.

Natural gas liquids (LNG) take up just 1/600th of the volume of natural gas in its gaseous condition, but they maintain all of the energy potential. As a result, the energy potential of a certain volume of LNG is much larger than the energy potential of a same amount of natural gas in its gaseous condition. The intrinsic features of LNG, as well as the design and operation of LNG facilities and transportation modes, are all taken into consideration when addressing the safety of LNG facilities.

Land-based LNG facilities use impoundment structures surrounding LNG tanks and pipes, which are intended to limit the spread of LNG in the event of an accidental leak. When a release occurs, fire and vapor suppression devices are installed in order to limit the repercussions of the event. Automated fire suppression and vapor suppression systems are activated by gas detectors, fire detectors, temperature sensors, and other sensors. Firefighters may employ water spray to cool heat-affected exposures, or high-expansion foam to lessen the effect of radiant heat on certain exposures in the case of a fire. Vapor fences are constructed at certain sites to prevent fumes from escaping and spreading to neighboring property boundaries. In addition, vacuum jacketed pipe offers an extra layer of protection in the event that the inner pipe ruptures. When operating parameters exceed the usual range, emergency shutdown mechanisms are activated to prevent further damage. The operator of an LNG plant must establish and adhere to thorough maintenance protocols in order to maintain the integrity of the facility’s different safety measures.

Prior to beginning operations, the LNG plant operator must develop precise operating procedures that outline the usual operating parameters for all of the facility’s machinery. Any time a piece of equipment is upgraded or replaced, all associated processes must be examined and, if required, adjusted in order to maintain the system’s integrity. All staff are required to undergo training in operations and maintenance, security, and firefighting before they may begin working. Coordination with local authority and informing them of the sorts of fire control devices accessible inside the facility are essential tasks for an owner or operator. Aside from that, federal requirements need a high level of security for the facility, which includes access control systems, communications systems, enclosure monitoring, and patrolling.

Risks associated with LNG installations include:
Temperature
           - It is possible to have cryogenic liquid releases that induce embrittlement if they come into contact with materials that are not intended to manage such releases, and freeze burns if they come into contact with persons.
           - Turbines, boilers, and engines generate electricity and heat by releasing hot vapor into the atmosphere.

Toxic
           - gas emissions such as hydrogen sulfide (H2S) or ammonia are a concern.

Asphyxiation
           - Releases of nitrogen oxide, carbon monoxide, carbon dioxide, or sulfur dioxide that replace oxygen in an area and may result in asphyxiation are classified as asphyxiation.

Pool Fire
           - Liquid discharges that collect in a pool on the ground or in water and ignite, resulting in a pool fire that might burn for hours or days.

Jet fire
           - Pressurized gas or liquid is released and ignites, resulting in a high heat flux jet fire with a fast rate of spread.

Vapor dispersion/flash fire
           - Gas or liquid discharges that cause a flammable cloud to build in an open area and then ignite, resulting in a brief and powerful flash fire that is hazardous to the surrounding environment.

Explosion of a vapor cloud (VCE)
           - An explosion and pressure wave are caused by the discharge of gas or liquid, which causes a flammable cloud to build in a crowded or confined region and then ignites.

Research and Studies about LNG Safety
Through its Pipeline Safety Research and Development programs, the Federal Highway Administration (PHMSA) sponsors LNG research. The following LNG projects are underway:
           - DTRS56-04-T-0005, Modeling and Assessing a Spectrum of Accidental Fires and Risks in an LNG Facility.
           - DTPH5615T00005, Comparison of Exclusion Zone Calculations and Vapor Dispersion Modeling Tools.
           - DTRS56-04-T-0005, Modeling and Assessing a Spectrum of Accidental Fires and Risks in an LNG Facility.
           - DTPH5615T00008, Statistical Review and Gap Analysis of LNG Failure Rate Table (Statistical Review and Gap Analysis of LNG Failure Rate Table)

An Overview of the History of Vapor Cloud Explosions (VCE)
The recent availability of domestic shale gas has resulted in the construction of LNG export facilities that will be able to liquefy massive amounts of natural gas. When it comes to liquefying natural gas, these facilities need substantially bigger volumes of refrigerants than are generally required in peak shaving or small-scale operations. ethane, propane, ethylene, and iso-butane are among the heavy hydrocarbons found in most refrigerants gases and mixes used in export facilities, and they are referred to as heavy hydrocarbons. These gases are comparable to gases that have caused VCEs at petrochemical sites in the past. However, the Pipeline and Hazardous Materials Safety Administration (PHMSA) is not aware of any valid reports of outdoor natural gas vapor cloud explosions and does not think that there is a danger of vapor cloud explosions (VCEs) owing to the emission of methane in an open area.

The Review of Vapor Cloud Explosion Incidents report was sponsored by the Pipeline and Hazardous Materials Safety Administration (PHMSA) with the primary goal of improving scientific understanding of vapor cloud development and explosion in order to more reliably assess hazards at large liquid natural gas (LNG) export facilities. We must emphasize that the LNG export facilities in operation today have several levels of security in place that were not in place at the sites described in the study. Many of the lessons learnt from these incidents have resulted in the implementation of safety measures that are now needed in LNG installations. Specifically, the purpose of reviewing the specific incidents in this report is to examine the extensive forensic evidence that is available, which provides the information necessary to investigate how the vapor cloud formed and ignited, the amount of overpressure exerted, and other information about the mechanism of VCE.
https://www.gmsthailand.com/blog/lng-plant-safety/

ขนาดจานกระดาษ บรรจุภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมีขนาดอะไรบ้าง?


ขนาดจานกระดาษ มีขนาด 6 นิ้วและ 7 นิ้ว ลวดลายที่หลากหลาย มีให้เลือกใช้ให้เหมาะกับอาหารในแต่ละประเภท อีกทั้งตัววัตถุดิบเป็นกระดาษแบบ food grade ทั้งแบบสีขาว ลายการ์ตูน กระดาษหนา 190 – 240 แกรม เหมาะสำหรับใช้ในงานปาร์ตี้ งานค็อกเทล งานเทสอาหาร งานวันเกิดหรืองานรื่นเริงอื่นๆ ตัวสินค้าผลิตและจำหน่ายจากโรงงานโดยตรงได้มาตรฐานแน่นอนครับ

ขนาดจานกระดาษ
จานกระดาษถือว่าเป็นหนึ่งในบรรจุภัณฑ์กระดาษที่ได้รับความนิยมอย่างมากเนื่องจากสะดวก และมีลวดลายที่สวยเหมาะกับทั้งการจัดงานสังสรรค์ หรือผู้ประกอบการร้านอาหารข้างทางสะดวกในการรับประทานของผู้บริโภคขึ้นอยู่กับการเลือกใช้ให้เหมาะสม กล่าวถึงขนาดจานกระดาษ มีดังนี้
            - จานกระดาษกลมสีขาว FOOD GRADE ขนาด 6 นิ้ว ขนาด: 15.24 ×1 cm
            - จานกระดาษ สีฟ้า 7 นิ้ว ลาย Happy birthday ขนาด: 18 × 1.5 cm
            - จานกระดาษ สีส้ม 7 นิ้ว ลาย Happy birthday ขนาด: 18 × 1.5 cm
            - จานกระดาษสีชมพู 7 นิ้ว ลายจุด Happy birthday ขนาด: 18 × 1.5 cm
            - จานกระดาษสีฟ้า 7 นิ้ว ลายจุด Happy birthday ขนาด: 18 × 1.5 cm
            - จานกระดาษสีชมพู 7 นิ้ว ลายเด็กผู้หญิง(Girl) ขนาด: 19 × 2 cm
            - จานกระดาษสีฟ้า 7 นิ้ว ลายเด็กผู้ชาย(Boy) ขนาด: 19 × 2 cm

จานกระดาษเหมาะกับนำไปใช้กับอาหารแบบใด ?
จานกระดาษ เป็นวัตถุดิบที่ทำมาจากกระดาษอย่างดี กันมันกันซึมได้ รองรับอาหารได้ทั้งประเภทไม่ว่าจะเป็นประเภทผัด ของทอด ขนมไทย เบเกอรี่ต่างๆได้ ถือง่ายมีความถนัดมือ ไม่เหมาะกับอาหารที่เป็นของเหลวอย่างพวก ก๋วยเตี๋ยวหรือราดหน้า จานกระดาษควรใช้ครั้งเดียวทิ้ง

สรุปเกี่ยวกับ ขนาดจานกระดาษ และการเลือกใช้ขนาดจานกระดาษที่เหมาะสม ขนาดจึงถือว่าเป็นเรื่องสำคัญเนื่องจากการเลือกใช้กระดาษให้ถูกกับอาหารหรือพื้นที่ที่เราจะรับประทานอาหาร จะทำให้การจัดสรรปันส่วนง่ายขึ้น อีกทั้งยังพ่วงมากับเรื่องของความสะดวกสบายทั้งในการถือหรือรับประทาน หากสนใจสินค้าของโรงงานหรือต้องการคำแนะนำสามารถสอบถามกันเข้ามาได้ @hongthaionline ครับ
https://thaifoodpackaging.com/blog/size-paper-plate/

ขนาดกล่องพิซซ่า ขนาดกระดาษลูกฟูกรองอาหาร มีกี่ขนาดและนิยมใช้กับอาหารประเภทใดบ้าง ?


ขนาดกล่องพิซซ่า มีหลายขนาด เช่น 6,7,8,9,10,12,14,16 และ 18 นิ้ว แนะนำใช้กับแผ่นกระดาษลูกฟูกรองอาหารควบคู่ไปกับกล่องพิซซ่า สามารถใช้ส่ง delivery เหมาะกับใส่อาหารได้หลากหลายประเภท เช่น กุ้งเผา ปูเผา แหนมเมือง ขนมจีบ เกี๊ยวซ่า ปลาเผา มีทั้งใส่พิซซ่าชิ้นเดียวและเป็นเซต

ขนาดกล่องพิซซ่า
           - กล่องพิซซ่าสามเหลี่ยม สีขาว 21.7 x 15 x 3.5 ซม.
           - กล่องพิซซ่าสี่เหลี่ยม ขนาด 6 นิ้ว 17 x 17 x 3.7 ซม.
           - กล่องพิซซ่าสี่เหลี่ยม ขนาด 7 นิ้ว 17 x 17 x 4 ซม.
           - กล่องพิซซ่าสี่เหลี่ยม ขนาด 8 นิ้ว 20.3 x 20.3 x 4.5 ซม.
           - กล่องพิซซ่าสี่เหลี่ยม ขนาด 10 นิ้ว 25.4 x 25.4 x 4.5 ซม.
           - กล่องพิซซ่าสี่เหลี่ยม ขนาด 12 นิ้ว 30.5 x 30.5 x 4.5 ซม.
           - กล่องพิซซ่าสี่เหลี่ยม ขนาด 14 นิ้ว 34.5 x 34.5 x 4 ซม.
           - กล่องพิซซ่าสี่เหลี่ยม ขนาด 16 นิ้ว 40.7 x 40.7 x 4.5 ซม.
           - กล่องพิซซ่าสี่เหลี่ยม ขนาด 18 นิ้ว 45.7 x 45.7 x 4.5 ซม.
           - กล่องพิซซ่าแปดเหลี่ยม ขนาด 9 นิ้ว 24.7 x 24.7 x 5.3 ซม.
           - กล่องพิซซ่าแปดเหลี่ยม ขนาด 12 นิ้ว 32.6 x 32.6 x 5 ซม.

ขนาดกระดาษลูกฟูกรองอาหารมีทั้งหมด 9 ขนาด
           - กระดาษลูกฟูกรองอาหาร สี่เหลี่ยม ขนาด 6 นิ้ว
           - กระดาษลูกฟูกรองอาหาร สี่เหลี่ยม ขนาด 8 นิ้ว
           - กระดาษลูกฟูกรองอาหาร สี่เหลี่ยม ขนาด 9 นิ้ว
           - กระดาษลูกฟูกรองอาหาร สี่เหลี่ยม ขนาด 10 นิ้ว
           - กระดาษลูกฟูกรองอาหาร สี่เหลี่ยม ขนาด 12 นิ้ว
           - กระดาษลูกฟูกรองอาหาร สี่เหลี่ยม ขนาด 14 นิ้ว
           - กระดาษลูกฟูกรองอาหาร สี่เหลี่ยม ขนาด 16 นิ้ว
           - กระดาษลูกฟูกรองอาหาร แปดเหลี่ยม ขนาด 9 นิ้ว
           - กระดาษลูกฟูกรองอาหาร แปดเหลี่ยม ขนาด 12 นิ้ว

อาหารที่นิยมใช้กับกล่องพิซซ่า
กล่องพิซซ่าเป็นบรรจุภัณฑ์ใส่อาหารที่นิยมใช้กับอาหารหลายแบบ ทั้งอาหารคาวและหวาน
           - อาหารคาว เช่น เกี๊ยวซ่าญี่ปุ่น อาหารทะเลเผา แหนมเนือง ชุดหมูกะทะแบบย่างให้ เป็นต้น
           - อาหารหวาน เช่น ขนมบราวนี่ ชีสทาร์ต เซตขนมไทยตระกูลทองหยิบ ทองหยอด เป็นต้น

สรุปได้ว่า ขนาดกล่องพิซซ่านั้นตอบโจทย์การขายอาหารออนไลน์ที่ปัจจุบันนี้ถือว่ามีอิทธิพลต่อผู้บริโภคอย่างมากและบรรจุภัณฑ์กระดาษอย่าง กล่องพิซซ่าทำจากกระดาษพรีเมี่ยมคุณภาพดี เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กล่องแข็งแรงส่งอาหารผ่าน Delivery ให้ถึงมือลูกค้าได้อย่างมั่นใจ นอกจากจะเพลิดเพลินกับอาหารที่อร่อยแล้วยังได้อาหารที่ปลอดภัยพร้อมกับการใส่ใจสิ่งแวดล้อมด้วย หากสนใจสั่งซื้อสินค้าของโรงงานหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ @hongthaionline ครับ
https://thaifoodpackaging.com/blog/size-pizza-box-food-delivery/

ขนาดกล่องกระดาษใส่อาหาร มีกี่ขนาด แบ่งเป็นประเภทใดบ้าง ?


ขนาดกล่องกระดาษใส่อาหาร มีหลายขนาด เช่น 600 ml,725 ml,1200 ml,1300 ml,1600 ml,2000 ml และแบ่งเป็นประเภทกล่องใส่อาหาร To go ทรงสูง 3 ขนาด(26,45,49 ออนซ์) ,กล่องใส่อาหาร To go ทรงกว้าง 3 ขนาด(16,25,32 ออนซ์),กล่องไก่ทอดสีขาวไซส์ (XS,S,M,XL),กล่องอาหารกระดาษคราฟท์มีหน้าต่าง 3 ขนาด(900,1200,1600 ml),กล่องข้าวใส่อาหารสีขาว สีชมพูสีเหลืองและลายไก่และกล่อง Food grade ใส่เบอร์เกอร์ เป็นต้น

ขนาดกล่องกระดาษใส่อาหารและความจุของกล่อง
          - กล่องข้าวใส่อาหาร 600 ml. ขนาด: 17 × 11 × 3.5 cm
          - กล่องข้าวใส่อาหาร 725 ml. ขนาด: 17.5 × 11.8 × 4.5 cm
          - กล่องข้าวใส่อาหารลายไก่ 725 ml. ขนาด: 17.5 × 11.8 × 4.5 cm
          - กล่องข้าวใส่อาหารสีชมพู 725 ml. ขนาด: 17.5 × 11.8 × 4.5 cm
          - กล่องข้าวใส่อาหารสีเหลือง 725 ml. ขนาด: 17.5 × 11.8 × 4.5 cm
          - กล่องข้าวใส่อาหาร 1300 ml. ขนาด: 18.5 × 18.5 × 7 cm
          - กล่องข้าวใส่อาหาร 2000 ml. ขนาด: 22.5 × 17 × 8 cm
          - กล่องใส่อาหาร To go กล่องเบนโตะ ทรงกว้าง 26 ออนซ์ ขนาด: 8.9 × 11.1 × 6.4 cm
          - กล่องใส่อาหาร To go กล่องเบนโตะ ทรงกว้าง 45 ออนซ์ ขนาด: 12 × 15.2 × 6.4 cm
          - กล่องใส่อาหาร To go กล่องเบนโตะ ทรงกว้าง 49 ออนซ์ ขนาด: 19.7 × 14 × 4.8 cm
          - กล่องใส่อาหาร To go กล่องเบนโตะ ทรงสูง 16 ออนซ์ ขนาด: 7.6 × 5.5 × 8.2 cm
          - กล่องใส่อาหาร To go กล่องเบนโตะ ทรงสูง 26 ออนซ์ ขนาด: 6.7 × 8 × 10.3 cm
          - กล่องใส่อาหาร To go กล่องเบนโตะ ทรงสูง 32 ออนซ์ ขนาด: 7 × 9 × 10.9 cm
          - กล่องกระดาษใส่อาหาร ลายดอกไม้ ไซส์ S ขนาด: 14.9 × 8.9 × 3.2 cm
          - กล่อง Food grade ใส่เบอร์เกอร์,แซนวิช สีขาว ขนาด: 12 × 12 × 8 cm
          - กล่องไก่ทอด สีขาวจุ 3-4 ชิ้น (Size XS) ขนาดเดียวกับ กล่องบอนชอน ขนาด: 13 × 8 × 6 cm
          - กล่องไก่ทอด สีขาวจุ 6-7 ชิ้น (Size S) ขนาดเดียวกับ กล่องบอนชอน ขนาด: 15 × 10 × 6.5 cm
          - กล่องไก่ทอด สีขาวจุ 13-15 ชิ้น (Size M) ขนาดเดียวกับ กล่องไก่บอนชอน ขนาด: 19 × 11.5 × 9 cm
          - กล่องไก่ทอด กล่องใส่ขนม สีขาว (Size S+) ขนาด: 17.8 × 11.4 × 7 cm
          - กล่องไก่ทอด กล่องหมูทอด สีขาว (Size M+) ขนาด: 22.5 × 12.4 × 7.8 cm
          - กล่องไก่ทอด กล่องใส่ข้าวเหนียวหมูทอด สีขาว (Size XL) ขนาด: 23 × 17.9 × 12.7 cm
          - กล่องอาหารกระดาษคราฟท์ มีหน้าต่าง 900 ml ขนาด: 15.2 × 11.5 × 4.8 cm
          - กล่องอาหารกระดาษคราฟท์ มีหน้าต่าง 1200 ml ขนาด: 18 × 12 × 5 cm
          - กล่องอาหารกระดาษคราฟท์ มีหน้าต่าง 1600 ml ขนาด: 18.7 × 13 × 6 cm

ประเภทของกล่องกระดาษใส่อาหาร
กล่องทรงฝาหอย

กล่องทรงสูงและทรงกว้าง มีฝาปิดแบบหูเกี่ยว

กล่องสีขาว ฝาพับ มีรูระบายความร้อน

กล่องกระดาษคราฟท์ ฝาพับ มีหน้าต่างใส

กล่องกระดาษใส่อาหาร ตัวเลือกบรรจุภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ธุรกิจด้านอาหาร
ธุรกิจอาหารในปัจจุบัน มีการพัฒนาไปอย่างมากถ้าเปรียบเทียบกับอดีต อีกทั้งพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ซึ่งก็เป็นไปตามกลไกของตลาดหรือพัฒนาตามเวลา เราจะเห็นได้จากคาเฟ่เก๋ๆ ร้านอาหารที่มีบรรยากาศที่สวยงาม หรือแม้กระทั่งร้านหรูเฟรนไชน์แบรนด์ดังทั้งของทั้งในและต่างประเทศ ก็ถือว่าเป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้บริโภคในการเข้าถึงอาหารการกิน การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่ดี

สรุปได้ว่า ขนาดกล่องกระดาษใส่อาหาร มีให้เลือกหลายขนาดและแบ่งตามประเภท ซึ่งเรียกได้ว่าแทบจะเหมาะกับอาหารทุกแนว เป็นทางเลือกดีๆสำหรับ ธุรกิจขายอาหารเดลิเวอรี่ ธุรกิจเฟรนไชส์ร้านอาหาร อาหารตามสั่ง ร้านอาหารฟาดฟู้ด หากสนใจสั่งซื้อสินค้าของโรงงานหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ @hongthaionline ครับ
https://thaifoodpackaging.com/blog/size-food-paper-box/

ขนาดแก้วกระดาษ มีกี่ขนาด มีกี่แบบและสีอะไรบ้าง ?


แก้วกระดาษ เป็นบรรจุภัณฑ์รักษ์โลกและเป็นบรรจุภัณฑ์ทางเลือกให้กับผู้ประกอบการเลือกใช้แทนแก้วพลาสติก มีน้ำหนักเบาขนย้ายง่าย ขนาดแก้วกระดาษ ทำจากกระดาษพรีเมี่ยมคุณภาพดี ทนทานและป้องกันรั่วซึมได้ กระดาษนำเข้าอย่างดี food grade สามารถย่อยสลายตามธรรมชาติ ปลอดภัยต่อผู้บริโภค เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สัมผัสของเหลวได้โดยตรง ปลอดภัยจากสารเคมีอันตราย แนะนำสำหรับใส่เครื่องดื่มทั้งร้อนและเย็น เช่น กาแฟ ชา เป็นต้น ไปดูขนาดของแก้วกระดาษมีอะไรบ้างค่ะ

ขนาดแก้วกระดาษ มีกี่ขนาด มีกี่แบบและสีอะไรบ้าง
สามารถเลือกใช้ได้ทั้งหมด 60 แบบ มีขนาดตั้งแต่ 4, 6, 8 ,12, 16 และ 22 ออนซ์  มีขายพร้อมฝาแก้ว และปลอกกระดาษสวมแก้ว
- ขนาด 4 ออนซ์
ทำกระดาษ food grade ปริมาณ 100 cc. มีสีขาว และสีน้ำตาล ใช้สำหรับเครื่องดื่มเย็น น้ำ ชา กาแฟแทนแก้วพลาสติกได้
            - แก้วกระดาษ สีน้ำตาล 4 ออนซ์
            - แก้วกระดาษ สีขาว 4 ออนซ์


- ขนาด 6 ออนซ์
กระดาษ food grade ปริมาณ 180 cc. ใช้สำหรับเครื่องดื่มเย็น น้ำ ชา กาแฟแทนแก้วพลาสติกได้ มีสีดำ,สีฟ้าพาสเทล,สีชมพูพาสเทล,สีเขียวมะนาว,สีเหลืองเลมอน และสีขาว
           - แก้วกระดาษ สีดำ 6 ออนซ์
           - แก้วกระดาษ สีฟ้าพาสเทล 6 ออนซ์
           - แก้วกระดาษสีชมพูพาสเทล 6 ออนซ์
           - แก้วกระดาษสีเขียวมะนาว 6 ออนซ์
           - แก้วกระดาษสีเหลืองเลมอน 6 ออนซ์
           - แก้วกระดาษสีขาว 6 ออนซ์

- ขนาด 8 ออนซ์
กระดาษ food grade ปริมาณ 280 cc. ใช้สำหรับเครื่องดื่มเย็น น้ำ ชา กาแฟแทนแก้วพลาสติกได้
            - แก้วกระดาษ สีขาว 8 ออนซ์
            - แก้วกระดาษสีชมพูพาสเทล 8 ออนซ์
            - แก้วกระดาษสีฟ้าพาสเทล 8 ออนซ์
            - แก้วกระดาษสีดำ 8 ออนซ์
            - แก้วกระดาษสีเขียวมะนาว 8 ออนซ์
            - แก้วกระดาษสีเหลืองเลมอน 8 ออนซ์
            - แก้วกระดาษสีฟ้า 8 ออนซ์ ลายจุด Happy Birthday
            - แก้วกระดาษสีชมพู 8 ออนซ์ ลายจุด Happy birthday
            - แก้วกระดาษสีชมพู 8 ออนซ์ ลายเด็กผู้หญิง(Girl)
            - แก้วกระดาษสีฟ้า 8 ออนซ์ ลายเด็กผู้ชาย(Boy)
            - แก้วกระดาษสีชมพู 8 ออนซ์ ลาย Happy Birthday
            - แก้วกระดาษสีฟ้า 8 ออนซ์ ลาย Happy Birthday

- แก้วกระดาษร้อน 2 ชั้น
แก้วกระดาษ 2 ชั้น ปริมาณ 100 cc. ใช้ชิมกาแฟ แก้ว shot ชิมน้ำต่างๆ ใส่ได้ทั้งเครื่องดื่มร้อนและเย็น
สีน้ำตาล
            - แก้วกระดาษร้อน 2 ชั้น สีน้ำตาล 4 ออนซ์ แก้ว shot กาแฟ(ไม่รวมฝา)
            - แก้วกระดาษร้อน 2 ชั้น สีน้ำตาลธรรมชาติ 8 ออนซ์ (ไม่รวมฝา)
            - แก้วกระดาษร้อน 2 ชั้น สีน้ำตาลธรรมชาติ 12 ออนซ์ (ไม่รวมฝา)
            - แก้วกระดาษร้อน 2 ชั้น สีน้ำตาลธรรมชาติ 16 ออนซ์ (ไม่รวมฝา)
สีขาว
            - แก้วกระดาษร้อน 2 ชั้น สีขาว 4 ออนซ์ แก้ว shot กาแฟ(ไม่รวมฝา)
            - แก้วกระดาษร้อน 2 ชั้นสีขาว 8 ออนซ์ (ไม่รวมฝา)
            - แก้วกระดาษร้อน 2 ชั้น สีขาว 12 ออนซ์ (ไม่รวมฝา)
            - แก้วกระดาษร้อน 2 ชั้น สีขาว 16 ออนซ์ (ไม่รวมฝา)

- ขนาด 16 ออนซ์
กระดาษ food grade ปริมาณ 480 cc. ใช้สำหรับเครื่องดื่มเย็น น้ำ ชา กาแฟแทนแก้วพลาสติกได้ มีสีดำ,สีฟ้าพาสเทล,สีชมพูพาสเทล,สีเขียวมะนาว,สีเหลืองเลมอน,สีขาว ลายไทย และลายกราฟิคต่างๆ

- ขนาด 22 ออนซ์
กระดาษ food grade ปริมาณ 660 cc. ใช้สำหรับเครื่องดื่มเย็น น้ำ ชา กาแฟแทนแก้วพลาสติกได้ มีสีดำ,สีฟ้าพาสเทล,สีชมพูพาสเทล,สีเขียวมะนาว,สีเหลืองเลมอน สีขาว และแก้วคราฟท์

- ปลอกสวมแก้ว
กระดาษลูกฟูกลอน E 2 ชั้น หนา 1.5 มม ใช้สวมแก้วเครื่องดื่ม มี 2 ขนาด 8และ16 ออนซ์

สรุปได้ว่า แก้วกระดาษได้เข้ามามีบทบาทแทนแก้วพลาสติกมากขึ้น เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า ผู้ประกอบการต่างๆได้ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ลูกค้ารู้สึกมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพราะแก้วกระดาษสามารถย่อยสลายตามธรรมชาติ และสร้างการจดทำให้ลูกค้าจดจำแบรนด์สินค้าของเราได้อีกด้วย หากสนใจสินค้าของโรงงานหรือต้องการคำแนะนำสามารถสอบถามกันเข้ามาได้ค่ะ
https://thaifoodpackaging.com/uncategorized/paper-glass/