โครงการประชุมเสวนาเชิงวิชาการด้านธุรกิจเกษตรภาควิชาเศรษฐศาสตร์เกษตรและส่งเสริมเผยแพร่การเกษตร คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
1. ชื่อโครงการ “ระบบเครือข่าย - โอกาสใหม่สู่ตลาดจีน”
2. ผู้รับผิดชอบโครงการ ภาควิชาเศรษฐศาสตร์เกษตรและส่งเสริมเผยแพร่การเกษตร
คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
โดยความร่วมมือของนักศึกษาหลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต
สาขาธุรกิจเกษตร (ภาคพิเศษ)
3. หลักการและเหตุผลเมื่อสิ้นสุดปี พ.ศ. 2552 ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนได้กลายเป็นประเทศที่มีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศมากเป็นอันดับที่สามของโลก รองจากประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศญี่ปุ่น มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ยในรอบสามสิบสูงที่สุดในโลก เป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่เป็นอันดับสองของโลก รองจากประเทศสหรัฐอเมริกา
ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนมีจำนวนประชากร 1,300 ล้านคน มีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศอยู่ที่ 4,910,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเทียบเป็นมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศในความเท่าเทียมกันของอำนาจซื้อ (purchasing power parity) ที่ 8,770,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นับเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งยังมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 8.7% ดังนั้นกำลังซื้อของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนจึงมีมูลค่ามหาศาล และมีแนวโน้มที่จะขยายตัวขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง ดังเช่นเช่นที่ผ่านมา
ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์ทางการค้ากับประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนมาอย่างยาวนาน มีวัฒนธรรมประเพณีที่ใกล้เคียงกัน มีพรมแดนทางบกห่างกันเพียงไม่กี่ร้อยกิโลเมตร มีช่องทางติดต่อขนส่งสินค้าที่หลากหลาย ทั้งทางบก ทางลำน้ำ (แม่น้ำโขง) ทางเรือเดินทะเล และทางอากาศ นอกจากนี้ ชาวจีนยังนิยมบริโภคข้าวหอมมะลิ และผลไม้จากประเทศไทย เช่น ลำไย ทุเรียน มังคุด ขนุน มะม่วงน้ำดอกไม้ กล้วยไข่ เป็นต้น ดังนั้นประเทศไทยจึงน่าจะมีโอกาสที่ดีในการเข้าไปมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่มีมูลค่ามหาศาลของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลการค้าระหว่างประเทศไทยและประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ปรากฏว่า ประเทศจีนนำเข้าสินค้าจากประเทศไทยเพียง 24,900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 2.47 นับเป็นแหล่งนำเข้าสินค้าอันดับที่ 9 ของจีน และหากพิจารณาเฉพาะสินค้าเกษตร ในช่วงครึ่งปีแรกของปี พ.ศ. 2552 ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนนำเข้าสินค้าเกษตรจากไทยเป็นมูลค่าเพียง 1,046.21 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เท่านั้น
การที่มูลค่าสินค้าเกษตรที่นำเข้าจากประเทศไทยไม่อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจนี้ เป็นสิ่งที่เกิดจากปัญหาทั้งจากฝ่ายไทยและฝ่ายจีน ซึ่งท่านอาจารย์อักษรศรี พานิชสาส์น ได้ให้ความเห็นว่า
ปัญหาจากฝ่ายจีน ได้แก่1) ปัญหาจากการใช้มาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (non-tariff barriers: NTBs) เช่น ขั้นตอนและพิธีการด้านกงศุลกากรในการนำเข้า การกำหนดปริมาณนำเข้า (quota) รวมทั้งการกำหนดเงื่อนไขปลีกย่อยในการนำเข้า ซึ่งสินค้าต้องผ่านการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ของจีน ต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายเพิ่ม นอกจากนี้ในแต่ละด่านแต่ละมณฑลก็ยังคงมีความเข้มข้นและเข้มงวดแตกต่างกันไป เจ้าหน้าที่รัฐยังมีการใช้ดุลพินิจและการเลือกปฏิบัติในการนำกฎระเบียบและมาตรการต่างๆ มาใช้
2) ปัญหาข้อจำกัดในการกระจายสินค้าในตลาดจีน และขั้นตอนกฎระเบียบต่างๆ ของจีนที่เกี่ยวกับการกระจายสินค้าไปสู่ตลาดระดับมณฑล
3) ระบบการค้าอยู่ในการกำกับโดยรัฐ ระเบียบขั้นตอนการนำเข้าซับซ้อน และการปฏิบัติงานของหน่วยงานประเทศจีนยังคงมีความไม่แน่นอน เปลี่ยนแปลงได้ ตลอดจนในเรื่องของความโปร่งใสในการปฏิบัติงาน
4) ปัญหาระบบการชำระเงินในประเทศจีน ในบางพื้นที่ บางมณฑล ยังไม่เป็นระบบสากลมากนัก ระบบธนาคารของจีนยังมีปัญหาและยังไม่พัฒนาไปมากเท่าที่ควร การทำการค้าในบางมณฑลยังคงอาศัยระบบความไว้วางใจกัน
5) การยึดในตัวบุคคลในการทำธุรกิจในจีน ทำให้จำเป็นต้องใช้สายสัมพันธ์ (guanxi) ในการสร้างเครือข่ายในการทำตลาดในระดับท้องถิ่นของจีน เป็นต้น
6) ในปัจจุบัน ข้อตกลงเขตการค้าเสรีไทย-จีน ได้มีผลบังคับใช้อย่างสมบูรณ์ ทำให้ไม่มีการเก็บภาษีการนำเข้าระหว่างกัน อย่างไรก็ตาม ประเทศจีนยังมีการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในสินค้าเกษตร ดังนั้นราคาสินค้าเกษตรที่ขายในประเทศจีนจึงมีราคาสูงขึ้น ทำให้อุปสงค์ (demand) ในสินค้าไทยลดลง ไม่เป็นไปตามเจตนารมย์ของการทำความตกลงดังกล่าว
ปัญหาจากฝ่ายไทย ได้แก่1) ข้อจำกัดของผู้ประกอบการไทยเอง เช่น นักธุรกิจไทยมักจะไม่ศึกษาข้อมูลด้านการตลาด ทั้งระดับเมือง และมณฑลของจีนให้ถ่องแท้ ไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกลไกและระบบการค้าภายในของตลาดจีนมากนัก และไม่เข้าใจวัฒนธรรมทางธุรกิจของจีน ที่ผ่านมา นักธุรกิจไทยมักจะทำการค้าผ่านพ่อค้าคนกลาง (ส่วนใหญ่เป็นชาวฮ่องกง) และไม่เข้าใจวิธีการกระจายสินค้าในประเทศจีน เป็นต้น
2) นักธุรกิจไทยไม่สนใจการทำตลาดในจีนอย่างเพียงพอและต่อเนื่อง ทำให้สินค้าไทยยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย ในบางมณฑล/พื้นที่ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับตลาดของจีนทั้งประเทศ รวมทั้งการไม่รักษาคุณภาพของสินค้า ส่งผลต่อภาพลักษณ์ไทยในสายตาคนจีน เช่น ปัญหาสินค้าปลอมปน ปลอมแปลง และสินค้าไม่ได้มาตรฐานเป็นต้น
3) ผู้ประกอบการไทยส่วนมากไม่รู้ภาษาจีนในระดับที่ใช้งานได้ จึงมีปัญหาการติดต่อสื่อสารกับฝ่ายจีน
จากปัญหาที่กล่าวมา หนทางแก้ไขปัญหาอุปสรรคในการส่งสินค้าไปสู่ตลาดจีนมีหลายด้านที่ต้องดำเนินการ ทั้งในระดับรัฐบาลและในระดับเอกชน ซึ่งสำหรับในด้านเอกชน อันได้แก่ เกษตรกร ผู้ส่งออกสินค้า และผู้กระจายสินค้าฝ่ายไทยในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ต้องร่วมมือกันเพื่อสร้างเครือข่ายการส่งออกสินค้าเข้าสู่ตลาดจีน แทนที่จะพึ่งพาคนกลางหรือผู้กระจายสินค้าของฝ่ายจีน
สาขาวิชาธุรกิจเกษตร (ภาคพิเศษ) ภาควิชาเศรษฐศาสตร์เกษตรและส่งเสริมและเผยแพร่การเกษตร คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้เล็งเห็นถึงปัญหาและความสำคัญดังกล่าว จึงประสงค์ที่จะจัดงานประชุมเสวนาทางวิชาการ ในหัวข้อ “ระบบเครือข่าย - โอกาสใหม่สู่ตลาดจีน” ซึ่งการจัดประชุมเสวนาทางวิชาการครั้งนี้ ได้ เชิญวิทยากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการทำการค้ากับ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนมาบรรยายถึงการเข้าสู่ตลาดในประเทศสาธารณรัฐ ประชาชนจีน ระบบการการจัดการขนส่งสินค้า โลจีสติกส์ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และการสร้างเครือข่ายการค้าในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อส่งเสริมมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน
4. วัตถุประสงค์1. เพื่อส่งเสริมการส่งออกสินค้าเกษตรหลักไปสู่ประเทศจีนโดยการสร้างระบบเครือข่าย
2. เพื่อบริการวิชาการแก่สังคมเพิ่มความรู้ความเข้าใจในการส่งสินค้าเกษตรไปยังประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน
5. ประเด็น1. วิธีการเข้าสู่ตลาดในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนปัจจุบันและอนาคต
2. การใช้ระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อช่วยในการขายและกระจายสินค้าในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน
3. ระบบการขนส่งสินค้า โลจีสติกส์ ที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
4. วิธีการสร้างระบบเครือข่ายการค้าเพื่อการส่งออกของผู้ที่เกี่ยวข้องขนาดกลางและกลุ่มอาชีพ
6. วัน เวลา และสถานที่วันเสาร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 เวลา 8.00 น. ถึง 17.00 น. ณ ห้องแสนตอง
โรงแรมโลตัสปางสวนแก้ว จังหวัดเชียงใหม่
7. ผู้เข้าร่วมสัมมนาผู้เข้าร่วมการสัมมนา ประกอบด้วย
1. ผู้จัดกิจกรรม
คือ นักศึกษาสาขาธุรกิจเกษตร (ภาคพิเศษ) รุ่นที่ 3 จำนวน 30 คน
2. ผู้เข้าร่วมการสัมมนา
แบ่งเป็น
1) กลุ่มเกษตร ผู้ประกอบการ และผู้สนใจทั่วไป จำนวน100 คน
2) อาจารย์ประจำภาควิชาเศรษฐศาสตร์เกษตรและส่งเสริมเผยแพร่การเกษตร คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จำนวน 10 ท่าน
3) วิทยากรรับเชิญ จำนวน 3 ท่าน
4.) ผู้ดำเนินรายการ จำนวน 3 ท่าน
4) นักศึกษาสาขาธุรกิจเกษตร (ภาคพิเศษ) รุ่นที่ 1 ,2 และ 4 จำนวน 70 คน
8. ผลที่คาดว่าจะได้รับ1. ผู้เข้าร่วมการสัมมนาสามารถนำข้อมูลที่ได้ไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจของตนเองได้
2. ผู้ผลิต ผู้ลงทุน และผู้ส่งออก มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และปรับปรุงคุณภาพของสินค้า ทำให้สินค้าตรงกับความต้องการของตลาดจีนมากขึ้น
3. ผู้ผลิต ผู้ลงทุน และผู้ส่งออก เห็นประโยชน์และช่องทางในการสร้างระบบเครือข่ายการค้าสินค้าไทยสำหรับตลาดในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน
4. ผู้เข้าร่วมสัมมนาเข้าใจในระบบขนส่งสินค้า โลจิสติกส์ เพื่อนำไปปรับใช้ในธุรกิจของตน
9. วิธีการดำเนินงาน1. การรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นก่อนการสัมมนา ในการรวบรวมข้อมูลผู้ค้าที่มีการรวมกลุ่มในการจำหน่ายสินค้าเกษตร และผู้ประกอบการที่ส่งสินค้าไปจำหน่ายประเทศจีน พร้อมทั้งข้อมูลระบบการขนส่งสินค้า โลจิสติกส์ ระบบการเก็บภาษีของแต่ละมณฑล รวมถึงความต้องการข้อมูลทางสถิติในการนำสินค้าเกษตร
2. ในวันงานสัมมนาจะแบ่งการสัมมนาเป็นสองรูปแบบคือ
2.1 การบรรยายพิเศษ เรื่อง โครงข่ายสายใย-การค้าในประเทศจีน โดย คุณณรงค์ เจียวรนนท์
2.2 การบรรยายเรื่อง “ระบบการค้าอิเล็กทรอนิกส์ (ecommerce/e-logistics)” โดย กระทรวง
พาณิชย์
2.3 การบรรยาย “ทางเลือกด้านโลจิสติกส์” โดย ดร.ปุ่น เที่ยงบูรณะธรรม
2.4 มีการร่วมระดม ระหว่างผู้ประกอบการและกลุ่มผู้เกษตรกร
10. ราคาบัตรเข้าร่วมงานสัมมนาท่านละ 300 บาท (สามร้อยบาทถ้วน) สนใจติดต่อ
หวาน E-mail:Ritayyx@hotmail.com
11. กำหนดการประชุมเสวนา “การวางระบบเครือข่ายสู่ตลาดจีน”
วันเสาร์ ที่ 29 พฤษภาคม 2553
ณ ห้องแสนตอง โรงแรมโลตัสปางสวนแก้ว
เวลา กิจกรรม
08:00 – 08:45 น. -ลงทะเบียน
08:30 – 09:00 น. -พิธีเปิดกล่าวรายงาน
โดย คณบดีคณะเกษตรศาสตร์ รศ.ธีระ วิสิทธิ์พานิช
-กล่าวเปิดงาน
โดย อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ศ.ดร. พงษ์ศักดิ์ อังกสิทธิ์
09:00 – 10:30 น. -บรรยายพิเศษ โครงข่ายสายใย-การค้าในประเทศจีน
โดย...ผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด....(คุณ ณรงค์
เจียรวนนท์ .. หวังเพียงอย่างยิ่ง)
-พักทานของว่าง
10:30 – 12:30 น. เสวนาในหัวข้อ “การวางระบบเครือข่ายของผู้ประกอบการ/กลุ่มเกษตรกร - แนวทางที่เป็นไปได้
–สมาคมผู้ค้าลำไย ,ข้าว,มะม่วง,ส้ม
-กลุ่มเกษตรกรผู้ค้าลำไย,ข้าว,มะม่วง,ส้ม
ดำเนินการโดย สมาคมสื่อมวลชนเกษตรแห่งประเทศไทย
12:30 – 13:30 น. พักรับประทานอาหารกลางวัน
13:30 – 14:30 น. การเสวนาในหัวข้อ “ระบบการค้าอิเล็กทรอนิกส์ (ecommerce/e-logistics)”
ช่วยท่านได้อย่างไร โดย กระทรวงพาณิชย์
14:30 – 15:30 น. -ทางเลือกด้านโลจิสติกส์
โดย ดร.ปุ่น เที่ยงบูรณะธรรม
15:30 – 17:00 น. ระดมความคิดเห็นเพื่อวางระบบเครือข่ายการค้าสู่จีน
–สมาคมผู้ค้าลำไย ,ข้าว,มะม่วง,ส้ม
-กลุ่มเกษตรกรผู้ค้าลำไย,ข้าว,มะม่วง,ส้ม
และผู้ร่วมประชุมทุกส่วน
ดำเนินการโดย ศ.ดร.อารีย์ วิบูลย์พงษ์ และ รศ.ดร. ทรงศักดิ์ ศรีบุญจิตต์