ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากทางเลือกที่ปรึกษาสำหรับผู้ที่ต้องมีบุตร

ปรึกษาคุณหมอเกี่ยวกับภาวะการมีบุตรยาก

ในปัจจุบันที่ไม่ว่าจะด้วยความพร้อมทางด้านการงานหรือการเงิน ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้เหล่าคู่รักเลือกที่จะมีบุตรในมีช่วงวัยที่มีความพร้อม ซึ่งสำหรับหลาย ๆ คนมักมีบุตรในช่วงอายุที่มาก ซึ่งนั่นนับว่าเป็นช่วงวัยที่ช้าเกินกว่าจะมีลูก และทำให้เกิดภาวะการมีบุตรยากขึ้นมา

ดังนั้นผู้ที่ประสบภาวะมีบุตรยากจึงควรเข้ารับฟังคำแนะนำและรักษาจากศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก เพื่อแก้ปัญหานั้น ๆ เพื่อให้ผู้ที่อาจจะมีภาวะมีบุตรยากหรือผู้ที่กำลังประสบภาวะมีบุตรยากสามารถทำความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะนี้ได้มากขึ้น ทางบทความได้รวบรวมข้อมูลว่า ทำไมถึงได้ประสบภาวะการมีบุตรยาก สามารถเข้ารับการรักษาจากโรงพยาบาลหรือศูนย์ผู้มีบุตรยากได้เมื่อไหร่

ภาวะมีบุตรยากเกิดจากอะไร

ภาวะการมีบุตรยาก เป็นภาวะที่สามารถเกิดได้ทั้งเพศชายและเพศหญิง โดยสาเหตุการเกิดภาวะนี้มีหลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของสภาพร่างกายน้ำหนักมากจนผิดปกติ อายุเยอะ หรือพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มสุรา เสพยาเสพติด ความเครียด เป็นต้น

ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อร่างกายทำให้ฮอร์โมนในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลง และอาจทำให้เกิดความผิดปกติต่าง ๆ ตามมา ดังนี้

ความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับฝ่ายชายทำให้มีภาวะการมีบุตรยาก

  • คุณภาพอสุจิไม่ถึงเกณฑ์ทั่วไป
  • ร่างกายผลิตปริมาณอสุจิน้อยกว่าเกณฑ์
  • รูปร่างของอสุจิไม่สมบูรณ์ มีอสุจิที่มีสภาพสมบูรณ์น้อยผิดปกติ
  • อสุจิสามารถเคลื่อนที่ได้ช้ากว่าเกณฑ์ทั่วไป

ความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับฝ่ายหญิงทำให้มีภาวะการมีบุตรยาก

  • ท่อนำไข่ตีบตันหรือมีความผิดปกติ
  • มีประจำเดือนมาไม่ปกติ ทำให้ไม่สามารถคำนวณวันตกไข่ได้
  • ปากมดลูกหรือมดลูกมีความผิดปกติ เช่น มีแผล มีก้อนเนื้อ หรือเกิดการเสื่อมสภาพ

ความผิดปกติดังกล่าวที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้การปฏิสนธิเกิดขึ้นได้ยากมากขึ้น และเกิดภาวะการมีบุตรยากขึ้นมา แต่ก็มีคนส่วนน้อยที่ไม่ได้มีพฤติกรรมเสี่ยงหรือมีความผิดปกติใด ๆ กับร่างกาย แต่กลับไม่สามารถหาสาเหตุการมีบุตรยากได้ด้วยเช่นกัน
   
ควรไปที่ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากเมื่อไหร่?

หากลองมีเพศสัมพันธ์แบบธรรมชาติหลายครั้งแต่กลับไม่ตั้งครรภ์สักที นั่นหมายความว่าคุณอาจจะกำลังประสบปัญหาภาวะการมีบุตรยาก แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าต้องมีเพศสัมพันธ์กี่ครั้ง หรือต้องใช้ระยะเวลาเท่าไหร่ถึงจะมีโอกาสการตั้งครรภ์ได้?

โดยทั่วไปแล้ว หากทั้งฝ่ายชายฝ่ายหญิงมีสภาพร่างกายปกติ และมีเพศสัมพันธ์ด้วยกันอย่างสม่ำเสมออาทิตย์ละประมาณ 2-3 ครั้งโดยไม่ได้คุมกำเนิด ก็จะมีโอกาสการตั้งครรภ์สูง

แต่ถ้าหากลองมีเพศสัมพันธ์ด้วยวิธีดังกล่าวโดยไม่ได้คุมกำเนิดนานกว่า 1 ปี นั่นอาจจะเป็นสัญญาณว่าเป็นภาวะการมีบุตรยาก นอกจากนี้ผู้ที่มีอายุมากกว่า 35 ปีโดยเฉพาะฝ่ายหญิง หรือตัดสินใจที่จะมีลูกช้าเกินไปนั้นก็เป็นเหตุที่ทำให้มีภาวะมีบุตรยากสูงมากขึ้น

ดังนั้นเพื่อที่จะรักษาภาวะบุตรยากนี้ หลาย ๆ คนคงจะสงสัยใช่ไหมว่า ปรึกษามีบุตรยากที่ไหนดี? ตรวจภาวะมีบุตรยากที่ไหนดี? ซึ่งการรักษานั้นจะเริ่มต้นด้วยการเข้าพบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษา แนะนำวิธีที่ใช้ในการดูแลสุขภาพ และแนะนำที่ใช้ในการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพร่างกาย

ซึ่งก่อนที่จะเข้ารับการรักษาแพทย์จะทำการประเมิน สัมภาษณ์ผู้เข้ารับการรักษาทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงก่อนว่ามีปัญหาอะไรบ้าง ดังนี้

ปัญหาที่มักพบกับฝ่ายชาย

  • มีประวัติการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์
  • มีประวัติการผ่าตัดบริเวณใกล้ ๆ ถุงอัณฑะ
  • อัณฑะเคยอักเสบ ติดเขื้อ จากโรคคางทูม
  • มีประวัติการป่วยมะเร็งในวัยเด็กที่จำเป็นต้องเข้ารับการฉายแสงหรือเคมีบำบัด

ปัญหาที่มักพบกับฝ่ายหญิง

  • ประจำเดือนมาไม่ปกติ เช่น ประจำเดือนนาน ๆ มาที ช่วงที่มีประจำเดือนมีปริมาณมากจนเกินไป หรือรู้สึกปวดท้องน้อยอย่างรุนแรงเมื่อมีประจำเดือน
  • เคยหรือมีอาการปวดท้องน้อย
  • เคยผ่าตัดบริเวณอุ้งเชิงกราน หรืออุ้งเชิงกรานเคยอักเสบติดเชื้อ และอาจเป็นส่วนทำให้ท่อนำไข่ตีบตัน

หมายเหตุ เนื่องจากฝ่ายหญิงมีส่วนของร่างกายที่จำเป็นต้องมีเพื่อปฏิสนธิมากกว่าเพศชาย เพราะฉะนั้นจึงพบเพศหญิงที่มีปัญหาภาวะมีบุตรยากมากกว่าเพศชาย   

บริการสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาภาวะการมีบุตรยาก

IVF

หนึ่งในขั้นตอนการรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยวิธี IVF

IVF
IVF (In-Vito Fertilization) หรือการทำเด็กหลอดแก้ว เป็นการคัดเชื้ออสุจิที่สภาพสมบูรณ์แข็งแรงของฝ่ายชาย และเซลล์ไข่ที่มีสภาพสมบูรณ์ของฝ่ายหญิงมาทำการปฏิสนธิในห้องทดลอง เมื่อเซลล์ไข่และเชื้ออสุจิปฏิสนธิสำเร็จและเกิดตัวอ่อนขึ้นมา แพทย์ก็จะนำตัวอ่อนฉีดกลับเข้าไปที่โพรงมดลูกเพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์แบบปกติต่อไป

วิธีรักษานี้จะช่วยเพิ่มโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการตั้งครรภ์เพิ่มขึ้นกว่าการทำ IUI แต่ว่าหากเข้าการรักษาด้วยวิธี IVF มากกว่า 3 ครั้งและไม่ประสบความสำเร็จในการตั้งครรภ์ ทางแพทย์จะแนะนำให้เข้ารับการรักษาด้วยวิธี ICSI

บุคคลที่สามารถรักษาภาวะการมีบุตรยากด้วยวิธี IVF ได้

  • ผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป
  • ผู้ที่พยายามมีบุตร 1 ปีขึ้นไปแต่ไม่ทราบสาเหตุที่ไม่เกิดการตั้งครรภ์
  • ฝ่ายหญิงที่มีปัญหาทางด้านการตกไข่ เช่น ไข่ตกไม่สม่ำเสมอ ไข่ไม่ตกเรื้อรัง หรือมีภาวะถุงน้ำในรังไข่หลายใบ เป็นต้น
  • ฝ่ายชายที่มีปัญหาทางด้านเชื้ออสุจิ เช่น มีเชื้ออสุจิน้อย อสุจิมีลักษณะรูปร่างผิดปกติ

IUI

รักษาภาวะการมีบุตรยากด้วย IUI

IUI (Intra-Uterine Insemination) คือการคัดเลือกเชื้ออสุจิที่มีสภาพสมบูรณ์แข็งแรงฉีดเข้าไปในโพรงมดลูก โดยใช้ท่อพลาสติกขนาดเล็กสอดผ่านมดลูกเพื่อฉีดเชื้อเข้าไปในช่วงใกล้วันไข่ตก หรือช่วงวันไข่ตกพอดี และเชื้ออสุจิที่ฉีดเข้าไปก็จะว่ายไปปฏิสนธิกับเซลล์ไข่

เรียกได้ว่าการรักษาภาวะการมีบุตรยากด้วยวิธีนี้เป็นวิธีที่มีความใกล้เคียงกับการมีเพศสัมพันธ์แบบธรรมชาติมากเนื่องจากเป็นการฉีดเชื้ออสุจิให้ไปปฏิสนธิกับเซลล์ไข่เอง แต่จะมีโอกาสตั้งครรภ์มากกว่าการมีเพศสัมพันธ์อย่างธรรมชาติ

บุคคลที่สามารถรักษาภาวะการมีบุตรยากด้วยวิธี IUI ได้

  • ผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 30 ปี
  • ฝ่ายหญิงที่มีปัญหาปากมดลูก
  • ฝ่ายหญิงที่มีปัญหาทางด้านการตกไข่ เช่น ไข่ตกไม่สม่ำเสมอ ไข่ไม่ตกเรื้อรัง หรือมีภาวะถุงน้ำในรังไข่หลายใบ เป็นต้น

โดยส่วนมากผู้ที่เข้ารับการรักษาด้วยการทำ IUI จะประสบความสำเร็จในช่วงครั้งที่ 3-4 แต่ถ้าหากไม่สำเร็จเกิน 6 ครั้ง ทางผู้เข้ารับการรักษาควรพิจารณาทางเลือกอื่น ๆ ในการรักษาภาวะการมีบุตรยากต่อไป เพราะถ้าเข้ารับการรักษา 6 ครั้งขึ้นไป โอกาสที่จะช่วยเพิ่มการตั้งครรภ์จะเท่าเดิมหรือลดลง

ICSI

วิธีรักษาภาวะการมีบุตรยากด้วย ICSI (อิ๊กซี่)

ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection) คือ การทำเด็กหลอดแก้วอีกประเภทหนึ่งที่หลายคนรู้จักคำว่า อิ๊กซี่ เป็นการรักษาที่ทำให้อสุจิและเซลล์ไข่เกิดการปฏิสนธิกันแบบเจาะจงโดยตรง ทำให้มีโอกาสตั้งครรภ์เพิ่มมากขึ้นกว่าวิธีอื่น ๆ

การทำ ICSI จะนำเชื้ออสุจิมาคัดเลือกหาอสุจิตัวที่มีสภาพสมบูรณ์ แข็งแรงมากที่สุดด้วยกล้องจุลทรรศน์ 1 ตัว แล้วฉีดเข้าไปในเซลล์ไข่ที่มีสภาพสมบูรณ์ 1 ใบด้วยเข็มขนาดเล็ก จากนั้นผู้เชี่ยวชาญจะนำไข่ที่ฉีดอสุจิเข้าไปเลี้ยงในห้องปฏิบัติการเพื่อให้ตัวอ่อนพัฒนาอย่างเต็มที่ และจะฉีดตัวอ่อนกลับเข้าไปในโพรงมดลูกเมื่อตัวอ่อนอยู่ในระยะเวลาที่เหมาะสม

บุคคลที่สามารถรักษาภาวะการมีบุตรยากด้วยวิธี ICSI ได้

  • ผู้ที่มีอายุ 35 ปีเป็นต้นไป
  • ผู้ที่รักษาด้วยวิธีอื่น ๆ เช่น IVF IUI แล้วแต่กลับไม่ตั้งครรภ์
  • ฝ่ายชายที่มีปัญหาเกี่ยวกับร่างกาย เช่น มีปริมาณเชื้ออสุจิน้อย อสุจิไม่สมบูรณ์ เคลื่อนไหวช้า
  • ฝ่ายหญิงที่มีปัญหาเกี่ยวกับร่างกาย เช่น ปัญหาท่อนำไข่ตีบตัน เปลือกเซลล์ไข่หนาแบบผิดปกติ หรือรังไข่เสื่อมสภาพ

ฝากไข่

รักษาภาวะการมีบุตรยากด้วยการฝากไข่

Egg Freezing / Oocyte Cryopreservation) หรือที่เรียกว่าการฝากไข่ เป็นวิธีการเก็บแช่แข็งเซลล์ไข่ไว้ในช่วงที่ยังคงมีสภาพที่สมบูรณ์อยู่ หรือเซลล์ไข่ยังอยู่ในช่วงเจริญพันธุ์ และนำมาผสมกับเชื้ออสุจิของสามีที่ถูกต้องตามกฏหมายเพื่อให้สามารถตั้งครรภ์ในเวลาที่ต้องการ

บุคคลที่เหมาะกับวิธีการฝากไข่

  • ผู้ที่ยังไม่พร้อมที่จะตั้งครรภ์
  • ผู้ที่จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดรังไข่
  • ผู้ที่ป่วยโรคเรื้อรัง หรือเป็นโรคมะเร็ง
  • ผู้ที่มีปัญหาทางพันธุกรรมที่ทำให้รังไข่เสื่อมสภาพเร็วกว่าวัยอันควร

ซึ่งการรักษานี้จะสามารถทำให้มีบุตรในช่วงวัยที่ต้องการ หรือมีบุตรในช่วงที่มีความพร้อมแล้วได้ ซึ่งเซลล์ไข่ที่นำไปแช่แข็งในห้องปฏิบัติการนั้นจะสามารถเก็บได้มากถึง 5-10 ปี

ทำกิฟต์

GIFT (Gamete Intrafallopian Transfer) หรือการทำกิฟต์ เป็นวิธีที่ในสมัยก่อนใช้เพื่อช่วยทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้โดยการนำเซลล์ไข่มาผสมกับอสุจิและใส่กลับเข้าไปในท่อนำไข่เพื่อให้เกิดการปฏิสนธิ ซึ่งขั้นตอนการทำนั้นจะจำเป็นต้องกรีดหน้าท้อง วางยาสลบ ทำให้อาจมีความเสี่ยงอันตรายต่าง ๆ ตามมา เช่น การท้องนอกมดลูก การแท้ง เป็นต้น

เพราะฉะนั้นแพทย์หลาย ๆ ท่านจึงไม่แนะนำให้เลือกการรักษาภาวะการมีบุตรยากด้วยวิธีนี้ เนื่องจากในปัจจุบันมีวิธีที่ปลอดภัยและมีโอกาสประสบความสำเร็จในการตั้งครรภ์มากกว่า เช่น การทำเด็กหลอดแล้ว