ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


สุวรรณฟาร์มผึ้ง ผลิตภัณฑ์จากผึ้ง ประโยชน์ของน้ำผึ้ง Suwanfarmphueng

วิธีดูน้ำผึ้งแท้ ดูอย่างไร และวิธีตรวจสอบว่าเป็นของแท้หรือปลอม


วิธีดูน้ำผึ้งแท้ ดูอย่างไร และวิธีตรวจสอบว่าเป็นของแท้หรือปลอม เพื่อเป็นประโยชน์และการเลือกซื้อน้ำผึ้งแท้ที่มีคุณภาพ สำหรับผู้บริโภค เนื่องจากปัจจุบันน้ำผึ้งแท้เป็นของที่หายากและขั้นตอนการเก็บและผลิตค่อนข้างใช้เวลา จึงทำให้มีการนำวัตถุดิบมาผสมกับน้ำผึ้งเพื่อให้ได้ปริมาณเยอะและลักษณะเหมือนน้ำผึ้งแท้ เราจึงต้องมีวิธีการตรวจสอบน้ำผึ้งแท้ด้วยตัวเองกันครับ

วิธีดูน้ำผึ้งแท้ โดยมี 6 วิธี ดังนี้
1. ตรวจสอบด้วยการดูที่ฉลาก
วิธีแรก สามารถทำได้ง่ายๆ โดยเพียงแค่ดูข้างกล่องหรือผลิตภัณฑ์ แล้วให้สังเกตว่ามีการระบุถึงการเพิ่มสสารต่างๆ ลงไปในนั้นไหม หากมีให้ตีความได้เลยว่าน้ำผึ้งขวดนั้นไม่ใช่น้ำผึ้งแท้ 100%
2. ตรวจสอบด้วยการดม การดมกลิ่น ถือเป็นวิธีตรวจสอบอีกอย่างที่ทำได้ง่าย แต่ต้องมีความรู้หรือความคุ้นเคยกับกลิ่นของน้ำผึ้งซักเล็กน้อย เพราะน้ำผึ้งแท้นั้นจะมีกลิ่นหอมหวาน ของน้ำดอกไม้ผสมอยู๋ในตัวกลิ่น ซึ่งสามารถได้กลิ่นที่ชัดเจน แต่หากเป็นน้ำผึ้งปลอม หรือน้ำผึ้งผสมจะได้กลิ่นที่เจือจาง ไปจนกระทั่งไม่ได้กลิ่นเลย
3. ตรวจสอบด้วยการชิม เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถทำได้ทันทีและง่าย โดยให้รับประทานน้ำผึ้งหลังจากเวลาที่ท่านอ่อนเพลีย ประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ และรอให้เวลาผ่านไปประมาณ 20 – 30 นาที หากเป็นน้ำผึ้งแท้จะรู้สึดสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ต่างกันกับน้ำผึ้งปลอม ที่จะไม่ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเลยหรือหากเคยทานน้ำผึ้งแท้ และพอจำรสชาติของมันได้ดีนั้น เพียงแค่ชิมก็อาจทำให้รู้ทันทีว่าน้ำผึ้งแท้หรือปลอม เนื่องจากน้ำผึ้งแท้นั้นจะมีรสชาติของกลิ่นดอกไม้ผสมอยู่ ต่างกับน้ำผึ้งปลอมที่มีเพียงรสชาติหวานเท่านั้นเอง
4. ตรวจสอบด้วยการใช้ไฟ โดยวิธีหลังจากนี้จะเริ่มเป็นการตรวจสอบโดยใช้วัสดุ อุปกรณต่างๆมาช่วย ซึ่งวิธีการตรวจสอบโดยใช้ไฟนี้ ให้นำเอาไม้ขีดไฟมาลองจุ่มลงไปในน้ำผึ้ง และเอามาขีดกับข้างกล่อง ให้สังเกตว่าติดไฟหรือเปล่า หากติดไฟแสดงว่าเป็นน้ำผึ้งแท้ แต่หากไม่ติดไฟ หรือหนักไปจนถึงไม้ขีดเปื่อยยุ่ย แสดงว่าเป็นน้ำผึ้งปลอมแน่นอน
5. ตรวจสอบด้วยกระดาษทิชชู่ เริ่มจากให้นำน้ำผึ้งที่ต้องการตรวจสอบ มาหยดลงบนกระทิชชู่ และเริ่มสังเกตว่าน้ำผึ้งที่หยดไปนั้นซึมผ่านกระดาษทิชชู่ไหม หากเป็นน้ำผึ้งแท้จะยังคงรูปไว้อยู๋บนผิวของทิชชู่ แต่หากเป็นน้ำผึ้งปลอมจะซึมลงกระดาษทิชชู่ทันที
6. ตรวจสอบด้วยการเขย่า เป็นวิธีที่ใช้ทดสอบกับน้ำผึ้งที่มีบรรจุภัณฑ์เป็นขวด ซึ่งวิธีการก็ง่ายเริ่มจากการจับขวดให้แน่นแล้วเขย่าแรงๆ และให้สังเกตดูว่าน้ำผึ้งในขวดเป็นอย่างไร หากเป็นน้ำผึ้งแท้จะมีความหนืด เหนียว และจะทำให้เกิดฟองอากาศขนาดใหญ่ขึ้น แต่หากเป็นน้ำผึ้งปลอมจะเกิดฟองอากาศขนาดเล็ก และยังเกิดรอยแยกชั้นของน้ำตาลกับน้ำผึ้ง ซึ่งหากสังเกตดีๆจะทำให้เราสามารถแยกน้ำผึ้งแท้กับน้ำผึ้งหลอมได้


ลักษณะน้ำผึ้งแท้ มีวิธีดูยังไง
          - น้ำผึ้งแท้ที่ดี สังเกตจากภายนอกจะมีลักษณะข้นหนืด ลองกลับขวดไปมาจะเห็นว่าน้ำผึ้งมีความข้นหนืดและไหลตัวช้า
          - หากมีโอกาสได้ลองชิมก่อนซื้อ รสชาติน้ำผึ้งแท้ที่ดีจะหอมหวานกลิ่นเกสรดอกไม้ ไม่มีรสขมและเปรี้ยว
          - การเลือกซื้อน้ำผึ้งแท้ควรเลือกซื้อกับฟาร์มผึ้ง/บริษัทที่น่าเชื่อถือ มีใบรับรองอย.,กรมปศุสัตว์,ผลคุณภาพน้ำผึ้งจากLaboratory หรือมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม
          - ไม่ควรเลือกซื้อน้ำผึ้งมีการตกผลึกที่ก้นขวดและสีเข้มเกินไป(เนื่องจากน้ำผึ้งแท้เมื่อเก็บไว้นานจะมีสีเข้มขึ้นตามธรรมชาติ)

ลักษณะน้ำผึ้งปลอม มีวิธีดูยังไง
          - เมื่อเก็บน้ำผึ้งไปสักระยะ จะเกิดการแยกชั้น(ยกเว้นน้ำผึ้งผสมแบะแซ)
          - น้ำผึ้งปลอมเมื่อนำไปแช่ในตู้เย็น จะเกิดการตกผลึกที่มีลักษณะเกร็ดแผ่นสี่เหลี่ยมใหญ่ๆ
          - รสชาติน้ำผึ้งปลอม จะไม่หอมกลิ่นเกสรดอกไม้แต่จะมีรสชาติหวานเหมือนทานน้ำตาลอย่างเดียวและเมื่อทานผ่านไป 15-20 นาที หากไม่รู้สึกร่างกายกระปรี้กระเปร่าหรือสดชื่น ให้ฟันธงได้เลยว่าเป็นน้ำผึ้งปลอม เพราะน้ำผึ้งแท้เมื่อทานแล้วจะช่วยให้ร่างกายกระชุ่มกระชวย เนื่องจากน้ำผึ้งแท้เป็นน้ำตาลชนิดหนึ่งที่ร่างกายสามารถดูดซึมนำไปใช้ได้ทันที
          - น้ำผึ้งผสมแบะแซ รสชาติกลิ่นน้ำผึ้งธรรมชาติจะจางลง ทำให้ดูออกยาก ปัจจุบันมีการนำแบะแซมาผสมกับน้ำผึ้ง เพราะมีลักษณะสี กลิ่นและรสชาติคล้ายน้ำผึ้งมาก หากเลือกซื้อน้ำผึ้งแท้ควรเลือกซื้อจากแหล่งน่าเชื่อถือจะดีที่สุด บางคนยังไม่ทราบว่า แบะแซคืออะไร แบะแซ คือ น้ำเชื่อมกลูโคส หรือ กลูโคสไซรัป (Glucose syrup) เป็นสารให้ความหวานชนิดหนึ่ง (Sweetener) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการย่อยโมเลกุลของแป้งให้เล็กลง (Starch hydrolysis) นิยมนำไปใช้ในอุตสาหกรรมเบเกอรี่

คำถามที่พบบ่อย
1. น้ำผึ้งแท้มดไม่ขึ้นจริงไหม

ตอบ : ไม่เป็นความจริง และยังคงเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ ในความเป็นจริงธรรมชาติของมดตอมแทบทุกอย่างที่เป็นของหวาน และสาเหตุบางครั้งมดไม่ตอมน้ำผึ้งเพราะดอกไม้บางชนิดอาจมีความเป็นกรดบางประเภทสูงหรือกลิ่นดอกไม้บางชนิดที่แรงทำให้มดไม่ตอมนั้นเอง

2. น้ำผึ้งขึ้นราได้ไหม
ตอบ : ไม่เป็นความจริง น้ำผึ้งที่ดีและได้มาตรฐานจะไม่เกิดการขึ้นรา เพราะน้ำผึ้งมีคุณสมบัติในการยับยั้งจุลินทรีย์ต่างๆและมีความเข้มข้นสูงมาก หากขึ้นราจริงอาจมีสาเหตุมาจากการปนเปื้อนจากที่อื่น เช่น ใช้ช้อนตักที่ไม่สะอาด,มีน้ำผสมลงไปหรือเปิดฝาทิ้งไว้ เป็นต้น

3. น้ำผึ้งแท้ ไม่มีวันหมดอายุจริงหรือไม่
ตอบ : เป็นความจริง หรือที่ไม่เป็นความจริงเกิดจากการเสื่อมเสียหรือเน่าเสียนั้นเกิดขึ้นได้จาก 2 ปัจจัยหลักๆ ดังนี้
จากการเปลี่ยนแปลงทางเคมี (สารเคมีทำปฎิกิริยากันเอง) และทางชีวภาพ (เน่าบูดเพราะจุลชีพ แบคทีเรีย มีเอนไซม์เข้ามาเกี่ยวข้อง)
ซึ่งกระบวน 2 อย่างนี้ จะไม่มีทางเกิดขึ้นกับน้ำผึ้งแท้ เหตุเพราะตัวน้ำผึ้งมีความเข้มข้นของน้ำตาลและความเป็นกรดสูง จนทำให้แบคทีเรีย และยีสต์ไม่สามารถเติบโตได้ นี่จึงเป็นเหตุว่าทำไมน้ำผึ้งถึงไม่เน่าเสีย คำแนะนำคือควรสั่งน้ำผึ้งทานในปริมาณที่พอเหมาะ อายุของน้ำผึ้งจริงควรเก็บไม่เกิน 2 ปี

4. น้ำผึ้งแท้ เมื่อแช่ตู้เย็นจะตกผลึกจริงหรือไม่
ตอบ : เมื่อนำน้ำผึ้งแช่ตู้เย็นทั้งน้ำผึ้งและน้ำผึ้งปลอมสามารถตกผลึกได้ทั้งสองอย่าง แต่ตกผลึกลักษณะที่แตกต่างกัน จุดสังเกตุหากเป็นน้ำผึ้งแท้เมื่อตกผลึกจะมีลักษณะเหมือนเม็ดทรายเล็กๆ ละเอียดและดูอ่อนนุ่ม
สรุปแล้ว วิธีดูน้ำผึ้งแท้ ดูอย่างไร วิธีตรวจสอบว่าเป็นของแท้หรือปลอมและการตรวจสอบด้วยตัวเองเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ความแม่นยำและได้ผลดีที่สุดคือการนำเข้าห้องทดลอง หรือให้เลือกซื้อน้ำผึ้งจากฟาร์ม/บริษัทที่น่าเชื่อถือ มีใบรับรองที่ได้มาตรฐาน ทางสุวรรณฟาร์มผึ้งที่เป็นเกษตรกรเลี้ยงผึ้ง เรียนรู้เรื่องผึ้ง ผ่านประสบการณ์มากมาย และเข้าใจเรื่องผึ้งอย่างท่องแท้ ทำให้เราได้ผลผลิตจากผึ้งที่มีคุณภาพมากที่สุด ส่งเข้าคัดสรรกับสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดหนองบัวลำพู ได้รับสุดยอดหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ระดับ 5 ดาว และมีอย.รับรองมาตราฐาน ขอเป็นตัวเลือกให้กับผู้บริโภค นอกจากรับประกันว่าผู้บริโภคจะได้น้ำผึ้งแท้ 100% แล้วยังรับประกันความอร่อยของน้ำผึ้งแท้อีกด้วยครับ
https://suwanfarmphueng.com/articles/howto-check-real-honey/

7 ประโยชน์ทางการแพทย์ จาก น้ำผึ้งแท้


น้ำผึ้งแท้ ที่ผลิตมาจากผึ้งนั้นถูกค้นพบและนำมารับประทานมาตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ถูกนำมาใช้เพื่อปรุงอาหาร แปรรูปขึ้นเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆมากมาย เนื่องจากตัวน้ำผึ้งน้ำมีรสชาติที่หอมหวาน ทั้งยังมีประโยชน์ต่างๆในทางการแพทย์อีกด้วย โดยที่จะพูดถึงวันนี้นั้น จะเป็นประโยชน์ในเรื่องของโรคต่างๆที่น้ำผึ้งเข้ามาช่วยรักษาโดยงานวิจัยรองรับ แต่บางวิธีการก็ยังไม่ได้การันตีว่าสามารถใช้ได้จริง หรือมีผลลัพธ์ที่ดีจริงอย่างในงานวิจัย เพราะฉะนั้นหากท่านป่วยเป็นโรคใดก็ตามทางที่ดีที่สุดควรปรึกษาแพทย์โดยตรงถึงวิธีแก้ไขปัญหาของโรคที่ท่านเป็ฯ ส่วนในด้านของน้ำผึ้งที่มีบทบาทช่วยการรักษาโรคต่างๆนั้นจะมีอะไรกันบ้างไปดูกันเลย

7 ประโยชน์ทางการแพทย์ ของ น้ำผึ้งแท้
น้ำผึ้งแท้ ที่ถูกนำมาใช้สอยในทางการแพทย์นั้น จะถูกนำไปใช้กับหลายๆโรค ดังนี้
1.อาการไอ ของเด็กๆ
อาการไอของเด็กอายุ 2 -18 ปั ที่เกิดจากหลายๆปัจจัย ทั้งฝุ่น ละออง ติดเชื้อโรค ซึงไม่ว่าสาเหตุจะเกิดจากปัจจัยใด ก็สามารถใช้น้ำผึ้งเพื่อลดอาการไอได้ เพียงแค้รับประทานน้ำผึ้งแท้ก่อนนอน โดยได้เคยมีการวิจัยยสำรวจประสิทธิภาพของการใช้น้ำผึ้งเปรียบเทียบกับการใช้ยาแก้ไอเดกซ์โทรเมทอร์แฟน (Dextromethorphan) กับเด็กอายุ 2-18 ปีจำนวน 105 คน การทดลองแบ่งออกเป็น 2 วันติดต่อกัน วันแรกคือเมื่อมีอาการแสดงซึ่งจะไม่มีการใช้ยาใดๆ และวันที่ 2 ที่จะให้รับประทานน้ำผึ้งหรือยาแก้ไอรสน้ำผึ้งก่อนนอน ผลออกมาปรากฏว่าผู้ปกครองของเด็กให้คะแนนความพึงพอใจต่อการใช้น้ำผึ้งมากที่สุด โดยได้บอกว่าน้ำผึ้งช่วยลดอาการไอตอนกลางคืน และยังช่วยให้นอนหลับได้ง่ายยิ่งขึ้น

2.แผลไหม้
แผลไหม้ ที่ได้รับจากอุบัติเหตุด้านต่างๆจนเกิดให้เป็นแผล สามารถใช้น้ำผึ้งในการช่วยรักษาแลได้ โดยมีงานวิจัยหนึ่งที่ชี้ถึงประโยชน์ข้อนี้ของน้ำผึ้งก็คือ การทดสอบประสิทธิภาพในการรักษาแผลไหม้ของผ้าพันแผลชุบน้ำผึ้งเปรียบเทียบกับยาซิลเวอร์ซัลฟาไดอะซีน (Silver Sulfadiazene) ในคนไข้ที่มีแผลไหม้ระดับที่ 1 และระดับที่ 2 จำนวน 108 ราย ผลปรากฏว่าน้ำผึ้งเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ใช้ยาซิลเวอร์ซัลฟาไดอะซีน แล้วนั้นผ้าพันแผลที่จุ่มน้ำผึ้งช่วยให้แผลปลอดเชื้อได้มากกว่า เพิ่มการสมานของแผลได้ดี ทั้งยังสามารถช่วยลดในเรื่องของการเกิดแผลเป็นนูนได้อีกด้วย
โดยจากการศึกษาข้อมูลจากงานวิจัยทั้งหลายที่สนับสนุนว่าน้ำผึ้งที่เก็บจากพื้นที่ต่างๆนั้น มีประสิทธิภาพในการช่วยรักษาทั้งแผลไหม้ แผลที่ผิวหนัง แผลกระเพาะอาหาร แผลเรื้อรัง และแผลทั่วไปอื่นๆ ด้วยเหตุที่ว่าคุณสมบัติของตัวน้ำผึ้งนั้นสามารถใช้ในการสมานแพ้ได้ดี ทั้งยังช่วยในกระบวนการกระตุ้นการเติบโตของเนื้อเยื่อ และยังช่วยลดการก่อตัวของแผลเป็น โดยให้เหตุผลว่าว่าตัวน้ำผึ้งนั้นสามารถช่วยลดระดับของสารโพรสตาแกลนดิน (Prostaglandin) รวมทั้งเพิ่มสารไนตริกออกไซด์ (Nitric Oxide) ได้ ซึ่งทั้ง 2 สารนี้ ต่างมีบทบาทสำคัญในกระบวนการรักษาแผล ด้วยเหตุผลเหล่านี้จึงไม่แปลกเลยที่จะน้ำผึ้งมาเพื่อช่วยรักแผลไหม้ตามบริเวณต่างๆ

3.เยื่อบุช่องปากอักเสบจากการฉายรังสี
โรคเยื่อบุช่องปากอักเสบ ที่เกิดจากการฉายรังสีนั้นสามารถใช้น้ำผึ้งเพื่อช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดได้ โดยได้มีงานวิจัยหนึ่งกล่าวไว้ว่า การบริโภคน้ำผึ้ง 20 มิลลิลิตร ต่อวัน หรือการใช้ผ้าก๊อชชุบน้ำผึ้งแล้วนำมาแปะไว้บริเวณแผล จะสามารถช่วยลดอาการเยื่อบุช่องปากอักเสบได้ดี ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งที่ได้นำนักศึกษาจำนวน 28 ราย มาทาน้ำผึ้ง 15 มิลลิลิตรหลังจากการรับการรักษาด้วยรังสีบำบัดทุก 5 ครั้ง ช่วยให้ผลดีต่อผู้ป่วยมะเร็งศีรษะและลำคอที่มีอาการเยื่อบุช่องปากอักเสบได้เช่นกัน
*แต่ถึงแม้ว่าจะมีการวิจัยจากหลายๆกลุ่ม ก็ควรที่จะอ้างอิงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่มีในปัจจุบัน ซึ่งในเรื่องนี้นั้นยะงมีความน่าเชื่อถือที่ต่ำว่าจะได้ผลจริงไหม ทำให้ยังไม่ได้เกิดการแนะนำหรือถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวาง เพราะฉะนั้นการรักษาที่ดีควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง

4.การผ่าตัดรักษาตา
ช่วงเวลาที่ได้รับการผ่าตัดรักษานั้น มีโอกาสเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการติดเชื้อภายในลูกตาหลังการรับผ่าตัดได้ แต่ตัวของน้ำผึ้งนั้นสามารถใช้เพื่อช่วยลดโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ ถึงแม้การติดเชื้อนี้จะเป็นภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักแต่ก็ร้ายแรงมาก ซึ่งได้มีงานวิจัยหนึง ได้นำคนไข้ทั้งหมด 101 คน มาแบ่งกลุ่มออกเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรกให้หยอดน้ำตาเทียมที่เป็นสารละลายจากน้ำผึ้ง และอีกกลุ่มหนึงให้ยาหยอดตาออฟลอกซาซิน (Ofloxacin) โดยให้ทำการหยอดตาก่อนรับการผ่าตัดทุกครั้ง วันละ 5 ครั้ง เป็นเวลา 7 วันก่อนผ่าตัด และหลังจากผ่าตัดเสร็จแล้วหยอดต่อเป็นเวลา 5 วัน โดยได้ผลลัพธ์ว่าเชื้อแบคทีเรียที่เกิดขึ้นไม่ต่างกันมากนัก จึงอาจทำให้เชื่อได้น้ำผึ้งสามารถนำมาป้องกันการติดเชื้อในดวงตาได้ แต่ท้ายสุดแล้วก็ยังเป็ฯเรื่องต้องศึกษาเพิ่มเติมกันต่อไป เพื่อความปลอดภัยของคนไข้และประโยชน์สูงสุดในการรักษา

5.อาการท้องเสีย
อาการท้องเสีย สามารถเกิดได้กับทุกเพศ ทุกวัย โดยเหตุที่น้ำผึ้งสามารถช่วยรักษาอาการโรคนี้ได้นั้นเกิดจากการมีงานวิจัยบางงานที่ชี้ให้เห็นถึงคุณประโยชน์ในการรับประทานน้ำผึ้งเพื่อรักษาอาการท้องเสียในทารกและเด็กเล็ก รวมทั้งสามารถใช้ทดแทนน้ำตาลในสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ได้ ซึ่งผลการวิจัยนี้ยังแนะนำว่าน้ำผึ้งสามารถช่วยลดระยะเวลาของอาการท้องเสียที่เกิดขึ้นจากแบคทีเรียได้ รวมทั้งยังยังสามารถใช้น้ำผึ้งแทนน้ำตาลในภาวะสูญเสียน้ำได้อีกด้วย แต่ก็ยังมีงานวิจัยอีกหลายๆงานวิจัยที่ชี้ว่าน้ำผึ้งนั้นไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆต่อผู้เป็นโรคท้องเสียเช่นกัน เพราะฉะนั้นว่าไม่ว่าท่านจะป่วยเป็นโรคอะไรควรปรึกษาแพทเพื่อความถูกต้อง และช่วยรักษาอาการของโรคนั้นๆได้มีประสิทธิภาพสูงสุด

6.อาการคัน
อาการคัน เป็นอีกสิ่งที่ทำให้ใครหลายๆคนรำคาญ โดยไม่รู้ว่าน้ำผึ้งนั้นมีประสิทธิภาพการรักษาอาการคันได้เป็นอย่าง เนื่องจากมีการศึกษาว่าตัวของน้ำผึ้งนั้นมีคุณสมบัติที่สามารถรักษาอาการคัน หรือระคายเคืองต่างๆของผิวหนังได้ดีกว่ายาทาแก้คันอย่างซิงก์ออกไซด์ (Zinc Oxide) ที่ถูกใช้อยู่ในปัจจุบัน ข้อมูลการศึกษานี้มาจากงานวิจัยที่มีให้ร่วมทดลองจำนวน 31 คน โดยผู้ร่วมทดลองนี้ล้วนเป็นผู้มีอาการคัน ระคายเคืองตามผัวหนัง ข้อพับต่างๆ แล้วจึงนำผู้ร่วมการทดลองแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งใช้การรักษาปกติด้วยขี้ผึ้งซิงก์ออกไซด์ (Zinc Oxide) และอีกกลุ่มหนึงใช้ครีมน้ำผึ้งในการรักษา โดยให้ใช้ทาลงบนพื้นที่ระคายเคืองหรือคันวันละ 2 ครั้ง นานถึง 21 วัน ผลลัพธ์ออกมาว่าผู่ร่วมการทดลองมีอาการดีขึ้น แทบไม่ต่างกันมากนัก ซึ่งบางคนที่ร่วมทดสอบก็มีความรู้สึกว่าน้ำผึ้งช่วยรักษาอาการคันได้ดีกว่า แต่ถึงแม้จะได้รับการรับประกันอยากจากทดลองนี้แต่ก็ยังไม่มีการนำน้ำผึ้งมาใช้ และยังคงต้องรอการพิสูจน์ทางด้านวิทยาศาสตร์ปัจจุบันก่อน

7.เหงือกอักเสบ
โรคเหงือกอักเสบ ได้มีงานวิจัยว่าการรับประทานน้ำผึ้งชนิดเคี้ยววันละ 3 ครั้ง นาน 21 วัน ช่วยลดคราบหินปูน และการมีเลือดออกที่เหงือกได้ดี โดยการวิจัยครั้งนี้ได้มีผู้ร่วมทดลองจำนวน 30 คน โดยได้มีการแบ่งกลุ่มออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งได้รับการรักษาด้วยการเคี้ยวหมากฝรั่งไร้น้ำตาลที่ไม่พบผลการเปลี่ยนแปลงต่อสุขภาพเหงือกและฟัน และอีกกลุ่มได้รับการรักจากน้ำผึ้งชนิดเคี้ยว ซึ่งกลุ่มนี้มีผลออกมาว่าสามารถช่วยลดอาการเลือดออกที่เหงือก และลดคราบหินปูนได้จริง แต่สิ่งเหล่านี้ยังไม่ได้รับประกันในด้านวิทยาศาสตร์ ซึ่งทำให้ยังไม่สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันในปัจจุบันได้
https://suwanfarmphueng.com/articles/7-medical-benefits-from-genuine-honey/

สีของน้ำผึ้ง เป็นอย่างไร?


น้ำผึ้งแท้ เป็นน้ำผึ้งที่เกิดจากมาจากตัวผึ้งโดยไม่มีสิ่งอื่นเจือปน โดยวิธีการพิสูจน์ว่าน้ำผึ้งนั้นแท้ไหมมีอยู่หลากหลายวิธี ซึ่งหากสนใจสามารถอ่านได้ที่ บทความ วิธีตรวจสอบ น้ำผึงแท้ และ เหตุใดน้ำผึ้งจึงไม่มีวันหมดอายุ ? ส่วนท่านที่ทราบถึงวิธีการตรวจสอบน้ำผึ้งแท้อยู่แล้ว หรือผู้ที่ทานน้ำผึ้งเป็นประจำคงเกิดความสงสัยในด้านของสีน้ำผึ้ง ที่มีความแตกต่างกันออกไป บางชนิดก็มีสีน้ำตาลอ่อน บางชนิดเป็นสีน้ำตาลเข้ม และยังมีบางชนิดเป็นสีใสก็ยังมี โดยสาเหตุความต่างของสีน้ำผึ้งนั้นจะเกิดไปมาจากอะไรนั้น หาคำตอบได้ที่บทความด้านล่างนี้

สีของน้ำผึ้ง เป็นอย่างไร?
สีของน้ำผึ้งนั้นเกิดมาจากการที่เมื่อผึ้งไปเก็บน้ำหวานจากดอกไม้มา จะมีอนุเกสรของดอกไม้ติดมากับตัวของน้ำผึ้งด้วย ทำให้ตัวน้ำผึ้งเป็นสีนั้น และยังมีอีกปัจจัยหนึงที่สำคัญสำหรับการเปลี่ยนของสีน้ำผึ้งคือระยะเวลา โดยน้ำผึ้งที่เก็บไว้นานนั้นจะมีสีเข้มขึ้นจนเป็นสีดำ และหากยิ่งเก็บในพื้นที่ร้อนจัดนัก จะยิ่งทำให้ตัวสีของน้ำผึ้งดำเร็วยิ่งขึ้น เนื่องจากตัวความร้อนและแสงแดดนั้นจะเป็นตัวเร่งให้ปฏิกิริยานี้เกิดเร็วขึ้น ด้วยเหตุน้ำควรเก็บน้ำผึ้งไว้ในที่มืดและเย็น แต่ไม่ต้องถึงขั้นใส่ตู้เย็น นอกจากสีของน้ำผึ้งกล่าวมานั้น ยังมีน้ำผึ้งอีกหลากหลายที่ท่านอาจพบเห็นได้ ทั้งสีแดง สีเขียวไปจนกระทั่งสีรุ้งก็เคยมี โดยหลักของสีแปลกๆเหล่านี้ เกิดขึ้นมาจากการที่ผึ้งได้ไปกินน้ำหวานแต่งกลิ่นสีต่างๆ ตามชุมชนมานั่นเอง


ลักษณะของน้ำผึ้งที่ดีนั้นควรมีองค์ประกอบดังต่อไปนี้
          - มีความข้นและหนืดของตัวน้ำผึ้ง จะแสดงให้เห็นว่าตัวน้ำที่ผสมอยู่ในน้ำผึ้งนั้นมีน้อย ทำให้น้ำผึ้งมีความข้นสูง รวมไปถึงคุณภาพของน้ำผึ้งอีกด้วย
          - มีสีของตัวน้ำผึ้งเป็นสีธรรมชาติ โดยสีของน้ำผึ้งที่มาจากธรรมชาตินั้นจะเป็นสีน้ำตาลอ่อน ถึงน้ำตาลใส ไม่ขุ่นทึบ
          - ตัวน้ำผึ้งมีกลิ่นหอมของดอกไม้ เช่น น้ำผึ้งจากดอกลำใย และน้ำผึ้งจากดอกลิ้นจี่ เป็นต้น
          - น้ำผึ้งต้องปราศจาก กาก ไขผึ้ง หรือเศษของตัวผึ้งปะปนอยู่ในน้ำผึ้ง
          - น้ำผึ้งต้องไม่มีกลิ่นเหม็น บูดเปรี๊ยว และไม่มีฟอง
          - ตัวของน้ำผึ้งต้องไม่ได้รับการใส่สารปรุงแต่งสี กลิ่น รสชาติใดๆลงไปในตัวน้ำผึ้ง
หากตัวของน้ำผึ้งมีลักษณะผ่านตามที่กล่าวไว้ด้านบน นั่นก็แสดงได้เลยว่าน้ำผึ้งนั้นมีคุณภาพสูงอย่างแน่นอน
https://suwanfarmphueng.com/articles/how-is-the-color-of-honey/

น้ำผึ้งมะนาว เมนูยอดฮิต กับสรรพคุณที่มากมาย


น้ำผึ้งมะนาว เมนูยอดนิยมที่ทุกท่านต่างต้องรู้จักกันเป็นอย่างดี ด้วยรสชาติหอมหวาน ถูกปาก รวมไปถึงคุณประโยชน์ต่างๆของตัวน้ำผึ้งมะนาวนี้ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ได้รับความนิยมอย่างมากตั้งแต่ในอดีต ยันปัจจุบัน ส่วนสรรพคุณและวิธีการทำอย่างไรนั้นไปดูกันเลย
https://suwanfarmphueng.com/articles/honey-lemon-a-popular-menu/

สรรพคุณ น้ำผึ้งมะนาว
สรรพคุณ ของนำผึ้งมะนาวมีมากมายโดยถูกแบ่งออกได้ ดังนี้
1.แก้อาการไอ
อาการไอ เกิดขึ้นได้กับทุกผู้ ทุกคน ซึ่งหลายๆท่านอาจจะยังไม่ทราบว่าการรักษาการไอนั้นสามารถใช้น้ำผึ้งมะนาวช่วยบรรเทาได้ โดยตัวของน้ำผึ้งนั้นจะเข้าไปช่วยทำให้ลำคอชุ่มชื้น และยังมีสรรพคุณช่วยแก้อาการหวัดได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นหากท่านเกิดอาการไอขึ้นเมื่อไหร่แนะนำให้ดื้มน้ำผึ้งมะนาวทุกครั้ง

2.แก้อาการเจ็บ
การเจ็บคอที่เป็นเหตุมาจากการไอ หรือปัจจัยอื่นๆ ก็สามารถใช้น้ำผึ้งมะนาวช่วยในการบรรเทาอาการเจ็บและยังช่วยให้หายจากอาการเจ็บคอได้ไวยิ่งขึ้น เหตุเพราะตัวน้ำผึ้งมะนาวนั้นมีทั้งวิตามินซี กรดซิตริก และยังมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อไวรัสได้ นี่จึงเป็นเหตุให้หากท่านดื้มน้ำผึ้งมะนาวตอนมีอาการเจ็บคือ จะช่วยทำให้บรรเทาอาการเจ็บคือ และทำให้ลำคอมีความชุ่มชื้นอีกด้วย

3.ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหาร
ตัวของน้ำผึ้งมะนาวนั้นสามารถช่วยปรับสมดุลการทำงานของลำไส้ได้ รวมทั้งยังสามารถช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียในลำไส้ได้อีกด้ว นี่จึงเป็นเหตุให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดียิ่งขึ้น หากท่านได้ดื่มน้ำผึ้งมะนาวอย่างสม่ำเสมอ

4. แก้ท้องผูก ท้องอืด ท้องเฟ้อ
ตัวมะนาวนั้นมีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของลำไสัได้ ถือว่าเป็นยาระบายอ่อนๆ เลยก็ว่าได้ รวมทั้งที่ได้กล่าวมาข้างต้นในเรื่องของน้ำผึ้งมะนาวนั้นช่วยในเรื่องของระบบย่อยอาหารได้ดี ซึ่งมันจะช่วยทำให้เกิดอาการท้องผูก ท้องอืดได้ยาก และหากต้องการใช้น้ำผึ้งมะนาวเพื่อระบายท้อง ควรดื่มในช่วงเช้าตื่นนอน และก่อนนอนของทุกวัน

5. ป้องกันโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
น้ำผึ้งมะนาว ยังสามารถช่วยป้องกันโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้ ซึ่งภาวะของโรคนี้จะเกิดขึ้นกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เนื่องจากตัวของท่อปัสสาวะผู้หญิงนั้นมีขนาดสั้นกว่า รวมทั้งอยู่ใกล้กับทวารหนัก โอกาสติดเชื้อแบคทีเรียจากทวารหนักจึงมีมากกว่าเพศชาย แต่เราสามารถใช้น้ำผึ้งมะนาวเพื่อช่วยป้องกันโรคนี้ได้ ด้วยความสามารถของมะนาวในเการใช้เพื่อเป็นสมุนไพรที่มีโพแทสเซียมสูง ทั้งยังเป็นสารรชีวเคมีตัวนี้ก็มีฤทธิ์ช่วยขับสารพิษที่ตกค้างอยู่ในกระเพาะปัสสาวะออกไปได้ แถมน้ำผึ้งยังมีสรรพคุณที่ทำหน้าที่เป็นยาปฏิชีวนะ ที่จะทำหน้าที่กำจัดเชื้อแบคทีเรียที่อาจหลงเข้ามาในร่างกายเราได้อีกด้วย

6. ช่วยปลุกความสดชื่นให้ร่างกาย
ด้วยตัวของน้ำผึ้งมะนาว มีรสชาติที่หอมหวานและรสเปรี๊ยวซึ่งหากดื่มในตอนเช้าจะทำให้รู้สึกสดชื่น รวมทั้งตัวของน้ำผึ้งมีฟรุกโตสและกลูโคสที่มาจากธรรมชาติแท้ๆ ร่างกายจะทำการดูดซึมได้ง่าย ทำให้ร่างกายที่อ่อนล้าทำให้กระปรี้กระเปร่ามากยิ่งขึ้น รวมไปถึงรสชาติความเปรี๊ยวของมะนาวก็เติมเต็มความสดชื่นได้เป็นอย่างดี

วิธีทำน้ำผึ้งผสมมะนาว
น้ำผึ้งมะนาวสามารถทำได้ด้วยตัวเองและมีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยากนัก โดยมีขั้นตอนทั้งหมดดังนี้
ส่วนผสม
        - น้ำอุ่น 200 มิลลิลิตร
        - มะนาว ครึ่งลูก
        - น้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ
        - เกลือ
        - น้ำแข็ง
วิธีทำ
        1. เริ่มแรกจากการคั้นมะนาวใส่แก้วแยกไว้ก่อน จากนั้นให้เริ่มใส่น้ำผึ้งแล้วคนให้เข้ากัน
        2. ใส่น้ำอุ่นลงเพิ่มเข้าไปในแก้ว ใสเกลือเพื่อเพิ่มรสชาติเล็กน้อย
        3. เตรียมแก้วใบใหม่และใส่น้ำแข็งไว้ หลังจากนั้นเทน้ำผึ้งมะนาวที่ผสมไว้ตั้งแต่แรกลงไป เป็นอันเสร็จ

ตอนนี้เราก็สามารถทำน้ำผึ้งมะนาวได้ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ รวมทั้งรู้ถึงสรรพคุณในการดื่มไปแล้ว แต่นอกเหนือจากประโยชน์ที่กล่าวไปข้างต้นน้ำผึ้งยังมีคุณประโยชน์อื่นๆอีกมากมาย สามารถอ่านสรรพคุณของน้ำผึ้งต่ออีกได้ที่ https://suwanfarmphueng.com/articles/benefits-of-honey/

เกสรผึ้ง คืออะไร และมีสรรพคุณอะไรบ้าง


น้ำผึ้งแท้จากธรรมชาติ นั้นคงเป็นสิ่งที่หลายๆท่านต่างชื่นชอบและนิยมรับประทานกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว แต่ที่จะมาพูดถึงในวันนี้นั้นเป็นเรื่องของ เกสรผึ้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ใครหลายๆท่านอาจจะยังไม่ทราบว่าสามารถนำมาเพื่อรับประทานหรือใช้สำหรับการแปรรูปอื่นๆได้อีกด้วย

เกสรผึ้ง คือ ?
เกสรผึ้ง (Bee Pollen) คือ ละอองเรณูที่เกิดจากเกสรตัวผู้ของดอกไม้ มีลักษณะคล้ายละอองเม็ดเล็กๆ เหมื่อนฝุ่นแป้ง ซึ่งมีวิธีการในการเก็บโดยผึ้งงานจะนำเกสรติดไว้ที่ปลายขาหลังทั้งสองข้างบริเวณอวัยวะที่เรียกว่า ตะกร้าเก็บเกสร แล้วจึงนำกลับมาเก็บไว้ในรัง เพื่อใช้เป็นอาหารให้สำหรับประชากรในรัง โดยเฉพาะใช้เป็นอาหารให้กับตัวอ่อนผึ้ง เกสรของผึ้งนั้น จะมีสีที่หลากหลายตามชนิดของดอกไม้ ซึ่งเมื่อดอกไม้ยังสดก็จะเป็นสีหนึง และเมื่อช่วงดอกไม้เหี่ยวก็จะเป็นอีกสีหนึ่ง มีตั้งแต่ สีขาว สีเหลือง สีน้ำตาล ไปจนถึงสีดำเป็นต้น นอกจากนี้เกสรของผึ้งยังมีประโยชน์อีกมากมาย โดยสามารถนำมาใช้นำมาทำเป็นยา และสมุนไพรต่างๆ ทั้งยังมีคุณสมบัตินการบำบัด และช่วยให้ร่างกายปรับสมดุลได้ดี อีกด้วย

ส่วนประกอบของเกสรผึ้ง
ส่วนประกอบของเกสรผึ้ง อุดมไปด้วยธาตุอาหารและประโยชน์ต่างๆมากมาย ดังนี้
         - คาร์โบไฮเดรต 60 %
         - โปรตีน 20 %
         - ไขมัน 7 %
         - น้ำ 7 %
         - เกลือแร่ 6 %

ประโยชน์และวิธีการนำไปใช้
เกสรน้ำผึ้ง ถูกนิยมนำไปแปรรูปได้หลายรูปแบบ เช่น ในรูปเม็ด แคปซูล ทั้งยังสามารถทานได้แบบสดๆ หรือจะนำมาทำให้แห้งเพื่อรักษาอายุของเกสรผึ้งนานอย่างยาวนาน โดยหากพูดถึงประโยชน์ของเกสรน้ำผึ้ง คงแบ่งออกได้เป็น 3 ด้าน ดังนี้'

1.ใช้เป็นยาบำรุง
เกสรผึ้ง มีส่วนประสมหลายอย่างที่มีประโยชน์ตัวเองเพราะฉะนั้นสามารถรับประทานเพื่อบำรุงด้านต่างๆ ดังนี้
          - ช่วยคลายความเหน็ดเหนื่อยและอ่อนเพลีย
          - ทำให้มีความทรงจำและสมาธิดีขึ้น
          - บำรุงผิวหนังให้ชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้น
          - เพิ่มภูมิต้านทาน
          - ช่วยการเสริมสร้างเม็ดเลือดแดง (เหมาะสำหรับผู้ที่มีโลหิตน้อยหรือโลหิตจาง)
          - บำรุงเส้นผมให้ดกดำและหงอกช้า
          - บำรุงจิตใจสำหรับผู้ที่มีอาการทางจิต ได้รับความกดดันจากความชราหรือซึมเศร้า กลัดกลุ้ม คิดมาก

2.ใช้รับประทาน
เกสรผึ้ง สามารถใช้รับประทานสดๆ ได้ทันที โดยตัวเกสรนั้นถือได้ว่าเป็นอาหารที่ย่อยสลายง่าย และมีส่วนประสมต่างๆที่มีประโยชน์ เหมาะแก่การรับประทานเพื่อดำรงชีวิต และช่วยฟื้นฟูสมดุลของร่างให้สดชื่น กะปรี้กะเปร่า

3.ใช้เป็นสมุนไพร
สมุนไพรทีไ่ด้รับจากเกสรน้ำผึ้ง ช่วยบำบัดและรักษาโลกต่างๆได้ ดังนี้
          - ภูมิแพ้ (แพ้อากาศและฝุ่นละออง)
          - ไมเกรน
          - โพรงจมูกอักเสบหรือไซนัส
          - ความดันโลหิตสูง
          - ไข้หวัดใหญ่
          - รอบเดือนในสตรีไม่ปกติหรือปวดรอบเดือน
          - หืดหอบ
          - ชะลอการตกกระของผิวหนัง
          - ต่อมลูกหมากอักเสบ
          - ปวดแสบปวดร้อนอันเนื่องจากแผลพุพอง
          - ปวดข้อ ปวดกระดูก
          - นอนไม่หลับ
 
อันตรายจากเกสรผึ้งและข้อห้าม
แม้ว่าเกสรผึ้งนั้นจะมีประโยชน์ต่างๆมากมาย แต่ทุกอย่างล้วนมีข้อดีและข้อเสีย ตัวของเกสรผึ้งก็เช่นกัน เหตุเพราะผู้ที่ป่วยเป็นโรคบางชนิด ไม่ควรรับประทานเกสรผึ้งเข้าไป เช่น ผู้ที่แพ้ผลิตภัณฑ์จากผึ้งไม่ควรรับประทานและผู้ที่แพ้ละอองเกสรดอกไม้ไม่ควรรับประทาน เนื่องจากเกสรของผึ้งนั้นไม่ได้เกิดตัวผึ้ง แต่ได้มาจากเกสรตัวผู้ของดอกไม้ชนิดต่างๆ ซึ่งเป็นเหตุให้ผู้ที่แพ้เกสรดอกไม้จึงไม่ควรทาน

ขนาดที่ควรรับประทาน
เกสรผึ้ง สามารถทานได้แบบสดๆ แต่ก็ไม่ควรรับประทานจนมากเกินไป โดยปริมาณที่เหมาะสมนั้นขึ้นอยู่ที่แต่ละบุคคล แต่ที่มีนายแพทย์บางท่านแนะนำให้รับประทานปริมาณ 500 มิลลิกรัม 2 ถึง 3 ครั้งต่อวัน หากเป็นแคปซูลแนะนำให้รับประทาน 3-6 เม็ดต่อวัน เพื่อช่วยให้ร่างกายได้สารอาหารและประโยชน์ต่างๆจากเกสรผึ้ง อย่างครบถ้วน 
https://suwanfarmphueng.com/articles/what-is-kaset-bee/

น้ำผึ้งดอกลำไย คือ ? และคุณประโยชน์ของน้ำผึ้งแท้จากดอกลำไย


ท่านอาจจะรู้จักน้ำผึ้งและรับประทานน้ำผึ้งเป็นประจำอยู่แล้วในชีวิตประจำวัน แต่บางท่านอาจจะยังไม่ทราบว่าตัวน้ำผึ้งเองก็มีหลากหลายชนิดให้เลือกรับประทานกัน โดยที่จะขอพูดถึงวันคือน้ำผึ้งดอกลำไยที่หลายๆท่านอาจจะคุ้นเคยกันดีและถูกพบเห็นได้มากตามท้องตลาดทั่วๆไป

น้ำผึ้งดอกลำไย คือ ?
น้ำผึ้งดอกลำไย เป็นน้ำผึ้งที่ทำมาจากเกสรดอกลำไย ซึ่งจะมีทั้งสีน้ำตาล เหลืองธรรมชาติ โดยเริ่มจากการที่เมื่อผึ้งงานเก็บน้ำหวานจากดอกลำไยลงสู่กระเพาะน้ำหวาน และเมื่อดูดเสร็จจะกลับมาคายน้ำหวานที่รัง ต่อไปก็จะเป็นหน้าที่ของผึ้งงานประจำรัง ผึ้งงานประจำรังจะนำน้ำหวานนี้ไปเก็บไว้ในหลอดรวงน้ำผึ้ง ก่อนที่จะช่วยกันกระพือปีกใส่ให้เกิดการะระเหายของน้ำหวานจนได้เป็นน้ำผึ้งดอกลำไยที่สมบูรณ์

น้ำผึ้งดอกลำไยมีรสหอมหวาน สามารถรับประทานสดๆได้ ทั้งยังถูกนิยมนำไปแปรรูปได้อย่างหลากหลายรูปแบบ โดยตัวของน้ำผึ้งดอกลำไยจะมีสารอาหารมากมาย โดยมีคุณค่าทางโภชนาการดังต่อไปนี้

คุณค่าโดยประมาณทางโภชนาการต่อ 100 กรัม (3.5 ออนซ์)
          - พลังงาน 1,272 kJ (304 kcal) คาร์โบไฮเดรต 82.4 g น้ำตาล 82.12 g ใยอาหาร 0.2 g ไขมัน 0 g โปรตีน 0.3 g
          - วิตามิน ไรโบเฟลวิน(บี2) 0.038 mg ไนอาซิน(บี3) 0.121 mg กรดแพนโทเทนิก(บี5) 0.068 mg วิตามินบี6 0.024 mg โฟเลต(บี9) 2 mg วิตามินซี 0.5 mg
          - แร่ธาตุ แคลเซียม 6 mg เหล็ก 0.42 mg แมกนีเซียม 2 mg ฟอสฟอรัส 4 mg โพแทสเซียม 52 mg โซเดียม 4 mg สังกะสี 0.22 mg
          - องค์ประกอบอื่น น้ำ 17.10 g

คุณประโยชน์ของน้ำผึ้งแท้จากดอกลำไย
ประโยชน์ของน้ำผึ้งดอกลำไยมีหลากหลาย โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิด ดังนี้
          1. คุณประโยชน์ด้านอาหาร โดยการนำน้ำผึ้งดอกลำไยไปใช้เพื่อเป็นส่วนผสมเข้ากับอาหารชนิดต่างๆ เพื่อเพิ่มความหอม รสหวาน ทั้งตัวน้ำผึ้งยังเต็มไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค แถมยังช่วยให้พลังงานแก่ร่างกายมนุษย์ได้อีกด้วย
          2. คุณประโยชน์ด้านเครื่องสำอาง โดยการนำน้ำผึ้งดอกลำไยไปใช้เพื่อแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์รักษาความงามจากธรรมชาติ ซึ่งตัวน้ำผึ้งดอกลำไยนั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัย ทั้งยังทำให้ร่างกายสดชื่นและกระปรี่กระเปร่ามากยิ่งขึ้น
          3. คุณประโยชน์ด้านยา ประโยชน์ด้านนี้หลายๆท่านอาจจะยังไม่ทราบ โดยน้ำผึ้งดอกลำไยมีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตจากแบคทีเรียได้เป็นอย่างดี ทั้งยังช่วยสมานแผลสด กำจัดเชื้อโรค แถมยังบำรุงไตและลำไส้ให้แข็งแรง รวมถึงลดความร้อนในร่างกาย ขับสารพิษออกจากร่างกายได้อีกด้วย

ส่วนประกอบของน้ำผึ้งดอกลำไย
น้ำผึ้ง เป็นวัสดุทางธรรมชาติชนิดแรกๆที่ให้ความหวาน และเป็นที่รู้จักหรือใช้งานก่อนน้ำตาลก้อนเสียอีก โดยในตัวของน้ำผึ้งมีน้ำตาลมากถึง 80% ซึ่งจะประกอบไปด้วยน้ำตาลหลากหลายชนิด เช่น กลูโคส ฟรัทโทสเป็นต้น และแน่นอนนอกจากน้ำตาลที่เป็นส่วนประกอบหลักของน้ำผึ้งแล้ว ยังมีแร่ธาตุ หรือวิตามินต่างๆมากมายในอยู่ในตัวน้ำผึ้ง ถึงแม้จะมีในปริมาณน้อยนิดแต่ก็ช่วยให้ประโยชน์ต่อผู้บริโภคได้
https://suwanfarmphueng.com/articles/longan-flower-honey-is/

น้ำผึ้งดอกสาบเสือ คือ ? มีวิธีรับประทานและคุณประโยชน์อะไรบ้าง


น้ำผึ้ง เป็นสารให้ความหวานชนิดแรกๆที่มนุษย์ค้นพบจากธรรมชาติ โดยเป็นสิ่งที่พบเจอก่อนน้ำตาลเสียอีก นอกจากนั้นน้ำผึ้งยังมีสรรพคุณทางยา และความงามต่างๆอีกมากที่ถูกนำมาแปรรูปและพัฒนามาอย่างยาวนาน นอกจากนี้ตัวน้ำผึ้งยังมีความแตกต่างกันออกไป ซึ่งที่จะกล่าวถึงในวันนี้นั้นจะเป็นของตัวน้ำผึ้งดอกสาบเสือที่หลายๆท่านอาจจะโปรดปรานเป็นอย่างดีว่าจะมีส่วนประกอบ และวิธีการรับประทานเช่นไร


น้ำผึ้งดอกสาบเสือ คือ ?
น้ำผึ้งดอกสาบเสือ คือ น้ำผึ้งที่ได้มาตากน้ำหวานของดอกสาบเสือ โดยตัวดอกสาบเสือนั้นถือเป็นพืชสมุนไพรของทางภาคเหนือในประเทศไทย โดยจุดเริ่มต้นมาจากการที่ผึ้งเก็บน้ำหวานมาจากดอกสาบเสือและใช้เอนไซม์ภายในตัวผึ้งช่วยย่อยน้ำหวาน และนำมาบ่มเพื่อเก็บรักษาไว้ภายในรังผึ้ง นี่จึงช่วยให้ดอกสาบเสือนั้นมีสีเหลืองทอง และจะมีสีเข้มขึ้นเรื่อยๆตามกาลเวลา แถมยังมีกลิ่นหอมหวานเล็กน้อย ปัจจุบันนิยมนำมาใช้เพื่อบริโภค หรือนำไปใช้เป็นสารให้ความหวานผสมเข้ากับอาหารและเครื่องดื่มชนิดต่างๆ

วิธีรับประทาน
น้ำผึ้งดอกสาบเสือ จากทางสุวรรณฟาร์มผึ้งสามารถรับประทานสดๆได้ทันที โดยปริมาณที่แนะนำคือ 1 ช้อนโต๊ะ ต่อครั้ง ซึ่งสามารถรับประทานเป็นประจำได้ นอกเหนือจากนั้นก็นิยมนำไปทาลงบนขนมปัง หรือสามารถเติมลงไปในเครื่องดื่มชนิดต่างๆ เช่น เติมลงในชา กาแฟ นอกจากนี้ก็ยังนำไปผสมเข้ากับอาหารชนิดต่างๆเพื่อใช้ในการปรุงอาหารได้

คุณค่าทางโภชนาการต่อ 100 กรัม (3.5 ออนซ์)
         - พลังงาน 1,272 kJ (304 kcal) คาร์โบไฮเดรต 82.4 g น้ำตาล 82.12 g ใยอาหาร 0.2 g ไขมัน 0 g โปรตีน 0.3 g
         - วิตามิน ไรโบเฟลวิน(บี2) 0.038 mg ไนอาซิน(บี3) 0.121 mg กรดแพนโทเทนิก(บี5) 0.068 mg วิตามินบี6 0.024 m โฟเลต(บี9) 2 mg วิตามินซี 0.5 mg
         - แร่ธาตุ แคลเซียม 6 mg เหล็ก 0.42 mg แมกนีเซียม 2 mg ฟอสฟอรัส 4 mg โพแทสเซียม 52 mg โซเดียม 4 mg สังกะสี 0.22 mg
         - องค์ประกอบอื่น น้ำ 17.10 g
 
คุณประโยชน์ของน้ำผึ้งดอกสาบเสือ
         - เป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญ ช่วยให้ร่างกายสดชื่นและกระปรี่กระเปร่า
         - รับประทานก่อนนอน จะช่วยให้หลับสบายมากขึ้น
         - ช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องเสียและยังช่วยส่งเสริมให้ระบบย่อยอาหารทำงานเป็นปกติ
         - มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัย อีกทั้งยังช่วยบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื่นมากขึ้น
         - ช่วยลดอาการไอและระคายเคืองคอได้
https://suwanfarmphueng.com/articles/sesbania-flower-honey-is/

สรรพคุณของน้ำผึ้ง กับประโยชน์ทางการแพทย์


น้ำผึ้ง สารอาหารหรือน้ำหวานจากธรรมชาติ ที่ได้จากเกสรดอกไม้ป่าหรือได้จากเกสรดอกไม้นานาพันธุ์ รวมทั้งน้ำผึ้งที่ได้จากการเลี้ยงในสวนลำไยแบบปล่อยธรรมชาติ ก็จะทำให้ได้น้ำผึ้งจากดอกลำไย ซึ่ง น้ำผึ้งแท้น้ำ 100% ดูได้จากสินค้าในสุวรรณฟาร์มผึ้ง โดยน้ำผึ้งที่ได้จากแต่ละแหล่งจะมีแร่ธาตุและความสมบูรณ์ของสารอาหารที่แตกต่างกัน และตามหลักการแพทย์แผนไทยน้ำผึ้งยังใช้เป็นส่วนประกอบในยาแผนโบราณหลายชนิด

สรรพคุณของน้ำผึ้ง กับประโยชน์ทางการแพทย์
น้ำผึ้งเป็นสารให้ความหวาน ที่มีการนำมาใช้ประโยชน์อย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะการนำไปเป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอาง เวชสำอาง และยารักษาโรค สรรพคุณของน้ำผึ้งยอมรับกันว่าเป็น “ยาอายุวัฒนะ” และมีการนำน้ำผึ้งที่ได้จากธรรมชาติ และน้ำผึ้งที่ได้จากการเลี้ยง เช่น น้ำผึ้งจากดอกลำไย ไปใช้
ประโยชน์ทางการแพทย์ ดังนี้
          - การรักษาแผล ด้วยคุณสมบัติของน้ำผึ้งที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ จะทำหน้าที่ช่วยยับยั้ง การเจริญเติบโตของแบคทีเรีย สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียช่วยรักษาแผล สมานแผล ลดอาการอักเสบ ทำให้แผลหายเร็วขึ้น
          - แก้อาการนอนไม่หลับ เนื่องจากน้ำผึ้งมีสรรพคุณเป็นยาระงับประสาทอ่อนๆ โดยความหวานของน้ำผึ้งมีคุณสมบัติช่วยให้ร่างกายผลิตเมลาโทนิน ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดอาการง่วงและช่วยให้หลับสบายยิ่งขึ้น
          - บำรุงดูแลสุขภาพ สรรพคุณของน้ำผึ้งช่วยรักษาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องผูก ช่วยบรรเทาอาการท้องเสีย ลดกรดในกระเพาะอาหารโดยน้ำผึ้งที่เก็บจากรังใหม่ๆ จะมีสรรพคุณเป็นยาระบายช่วยแก้อาการท้องผูก ส่วนน้ำผึ้งที่รเก็บไว้นานเกิน 1 ปีขึ้นไป จะช่วยแก้อาการท้องเสีย
          - สรรพคุณที่ระบุไว้ในตำราอาหารและยาของจีน น้ำผึ้งมีคุณสมบัติช่วยลดความแห้งของปอด ทำให้ชุ่มชื้น เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการไอแห้ง ๆ ไม่มีเสมหะ ไอเรื้อรัง ในตำราจีนยังระบุอีกว่า อาจใช้ร่วมกับสมุนไพรอื่น ๆ ได้
          - บำรุงดูแลผิว มีผลงานการวิจัยพบว่าน้ำผึ้งบริสุทธิ์จากธรรมชาติ เช่น น้ำผึ้งจากดอกลำไย ดอกสาบเสื้อ และดอกไม้ป่า มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย “ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์” ซึ่งสารชนิดนี้กำจัดเชื้อโรคได้โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อ จึงนิยมใช้น้ำผึ้งเป็นส่วนประกอบในอุตสาหกรรมเวชสำอางเพื่อใช้ดูแลผิวพรรณ เช่น ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว ได้แก่ สบู่ หรือเจลล้างหน้า รวมไปถึง ครีมพอกหน้า  ครีมขัดหน้า และอื่น ๆ

น้ำผึ้ง นอกจากมีสรรพคุณที่เป็นประโยชน์ทางการแพทย์นำไปเป็นส่วนประกอบในตัวยา เวชสำอาง เครื่องสำอาง และอาหารเสริมต่าง ๆ แล้ว น้ำผึ้งจากธรรมชาติ หรือ นมผึ้งสด ยังสามารถนำมานวดผิวหน้า หรือใช้เป็นสูตรส่วนผสมในพืชสมุนไพร เพื่อใช้บำรุงดูแลผิวพรรณได้หลากหลายสูตร
https://suwanfarmphueng.com/articles/medication-benefits-of-honey/

รู้จักชนิดของผึ้ง และประชากรของผึ้ง


น้ำผึ้งเป็นสารให้ความหวาน ที่เราทราบกันดีว่าได้มาจากการทำหน้าที่ของผึ้งงานแต่ละชนิด นำน้ำผึ้งหรือน้ำหวานจากเกสรดอกลำไย ดอกสาบเสื้อ และดอกไม้ป่า หรือน้ำหวานจากพืชชนิดอื่น ๆ ไปเก็บสะสมไว้ในรังผึ้ง ซึ่งนอกจากน้ำผึ้งที่ได้จะมีรสชาติ ความหอมหวาน และสีที่แตกต่างกันจากชนิดของเกสรดอกไม้ที่ผึ้งนำมาแล้ว น้ำหวานที่ได้จากผึ้งแต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันด้วย

ผึ้งมีกี่ชนิด
ชนิดของผึ้งที่พบในประเทศไทย จากข้อมูลของกรมส่งเสริมการเกษตร พบว่ามีอยู่ 5 ชนิด ได้แก่ ผึ้งหลวง ผึ้งมิ้ม ผึ้งม้าม ผึ้งโพรง และ ผึ้งพันธุ์ ซึ่งแต่ละชนิดมีลักษณะรวมถึงคุณภาพของน้ำผึ้งที่แตกต่างกัน ดังนี้
1. ผึ้งหลวง(Apis dorsata) ผึ้งหลวงเป็นผึ้งพื้นเมืองชนิดหนึ่งของไทยและประเทศอื่น ๆ ทางคาบสมุทรอินเดียและเอเชียอาคเนย์ มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาผึ้งทั้ง 5 ชนิด แข็งแรงมากและเป็นผึ้งที่มีนิสัยดุร้ายเมื่อถูกรบกวน พึ่งหลวงจะสร้างรังขนาดใหญ่อยู่ตามที่สูงๆ รวงผึ้งมีลักษณะเป็นรวงเดียวห้อยอยู่ตามหน้าผา ตามภูเขา โขดหิน ตามชะง่อนผา ตามต้นไม้ใหญ่ มุมตึก หรือชายคาบ้าน ผึ้งหลวงเป็นผึ้งที่แข็งแรงมาก ทำให้บินหาน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ได้ไกล ๆ และหากินเก่ง บางครั้งอาจพบรวงผึ้งขนาดใหญ่มีความกว้างมากกว่า 1 เมตร นํ้าผึ้งชนิดนี้มีคุณภาพเข้มข้น รสหวาน คุณภาพดีกว่าน้ำผึ้งชนิดอื่น แต่เนื่องจากเป็นผึ้งที่มีความดุร้ายจึงไม่นิยมเลี้ยง
2. ผึ้งมิ้ม (Apis florae F.) ผึ้งมิ้ม หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ผึ้งแมลงวัน เนื่องจากพฤติกรรมชอบตอมขนมหวาน และตัวโตเท่าแมลงวัน จัดว่าเป็นผึ้งที่มีขนาดเล็กที่สุด ไม่ดุร้าย ขนาดรังไม่ใหญ่มากนักและมีน้ำผึ้งน้อยเนื่องจากหาน้ำหวานไม่เก่ง มักพบทำรังตามกิ่งไม้ พุ่มไม้เตี้ยๆ หรือกอไผ่ แต่น้ำหวานที่ได้รสหวานแหลมเชื่อกันว่ามีสรรพคุณทางยาสูงกว่าน้ำผึ้งชนิดอื่น  ผึ้งชนิดนี้ไม่นิยมเลี้ยงเนื่องจากชอบอพยพและมีการย้ายรังบ่อย ๆ
3. ผึ้งโพรง (Apis cerana F.) ผึ้งโพรง เป็นผึ้งขนาดกลางตัวใหญ่กว่าผึ้งมิ้มแต่เล็กกว่าผึ้งหลวง ผึ้งชนิดนี้ในธรรมชาติ จะทำรังด้วยการสร้างรวงผึ้งซ้อนกันเป็นหลืบ ๆ อยู่ในโพรงไม้ หรือโพรงหินที่มีปากทางเข้าค่อนข้างเล็ก แต่ภายในมีที่กว้างพอให้ผึ้งสร้างรวงได้ เป็นชนิดที่นิยมนำมาเลี้ยงและได้ผลดีหากเลี้ยงตามสวนมะพร้าว สวนลิ้นจี่ สวนลำไย หรือสวนผลไม้ต่าง ๆ  สามารถผลิตน้ำผึ้งได้ประมาณ 30-50 กิโลกรัม/รัง/ปี
4. ผึ้งม้าม (Apis andreniformis) ผึ้งม้าม เป็นผึ้งที่มีขนาดเล็กเท่ากับผึ้งมิ้ม ขนาดรัง และนิสัยการสร้างรัง การหาอาหาร ไม่แตกต่างไปจากผึ้งมิ้ม แต่จะแตกต่างเฉพาะลักษณะเหล็กไน เส้นปีก และอวัยวะสืบพันธุ์ของผึ้งตัวผู้ ซึ่งจะแยกแยะได้ยากมาก
5. ผึ้งพันธุ์ (Apis mellifera F.) เป็นผึ้งพื้นเมืองของทวีปแอฟริกาและยุโรป มีลำตัวใหญ่รองลงมาจากผึ้งหลวง และใหญ่กว่าผึ้งโพรง ผึ้งชนิดนี้นิยมเลี้ยงมากที่สุด ถูกนำเข้ามาเลี้ยงเพื่อผลิตน้ำผึ้งโดยเฉพาะ พันธุ์ที่นิยมเลี้ยงได้แก่ ผึ้งพันธุ์อิตาเลี่ยน ผึ้งพันธุ์คาร์นิโอลาน ผึ้งพันธุ์คอเคเซี่ยน และผึ้งพันธุ์ดำ 

ประชากรของผึ้ง
ผึ้ง เป็นสัตว์ปีกหรือแมลงที่มีสังคม (Social insect) และแบ่งหน้าที่การทำงานแตกต่างกันไปตามวรรณะของผึ้ง โดยประชากรของผึ้งแบ่งตามวรรณะ ดังนี้
1. ผึ้งนางพญา (Queen) ผึ้งนางพญา เป็นผึ้งตัวใหญ่ อายุขัยของผึ้งนางพญามากกว่า 1 ปี มีบางตัวอายุขัยอาจมากถึง 7 ปี และใน 1 รังจะมีผึ้งนางพญา 1 ตัวเท่านั้น ทำหน้าที่ผสมพันธุ์ วางไข่ และควบคุมประชากรผึ้งวรรณะอื่นด้วยสารเคมีที่เรียกว่าฟีโรโมนส์ไปทั่วรัง เพื่อควบคุมสมาชิกหรือประชากรผึ้งภายในรังให้เป็นไปอย่างเป็นระบบระเบียบ โดยผึ้งนางพญาจะอาศัยอยู่ภายในรัง ไม่ออกหาอาหารแต่จะถูกห้อมล้อมด้วยผึ้งงานคอยดูแลป้อนอาหารและนำของเสียจากนางพญาไปทิ้ง
2. ผึ้งตัวผู้ (Drone) ผึ้งตัวผู้ เป็นประชากรผึ้งที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงฤดูผสมพันธุ์เท่านั้น อายุขัยประมาณ 4-6 สัปดาห์ เป็นผึ้งไม่มีเหล็กไน มีลิ้นสั้นสำหรับเลียรับอาหารจากผึ้งงาน ไม่ออกหาอาหารหรือออกหาน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ป่าและจะทำหน้าที่เพียงอย่างเดียว คือ คอยผสมพันธุ์กับผึ้งนางพญา พฤติกรรมผสมพันธุ์ ในวันที่อุณหภูมิเหมาะสม ผึ้งตัวผู้จะผสมพันธุ์กับผึ้งนางพญา หลังจากผสมพันธุ์ผึ้งตัวผู้จะตกตาย โดยยังค้างอวัยวะสืบพันธุ์ติดอยู่กับผึ้งนางพญา หากหมดฤดูผสมพันธุ์ ถ้าผึ้งตัวผู้ตัวใดไม่ได้ผสมพันธุ์ก็จะถูกไล่ออกจากรังหรือผึ้งงานไม่ป้อนอาหารและตายในที่สุด
3. ผึ้งงาน (Worker) ผึ้งงาน เป็นผึ้งเพศเมียที่เป็นหมัน หรือเกิดจากไข่ที่ได้รับการผสมจากผึ้งตัวผู้ แต่เป็นเพศเมียที่ไม่สมบูรณ์เพศเนื่องจากรังไข่ฝ่อ มีอายุขัยประมาณ 6-8 สัปดาห์ เป็นผึ้งที่มีขนาดเล็กที่สุดใน 3 วรรณะมีหน้าที่ออกหาอาหาร หาน้ำหวานจากธรรมชาติหรือจากการเลี้ยง เช่น จากเกสรดอกลำไย ดอกสาบเสื้อ และดอกไม้ป่า ทำหน้าที่สร้างรังหรือรวงผึ้งจากไขที่ผลิตจากต่อม คอยเลียทำความสะอาดนางพญาและรัง ทำหน้าที่ป้อนอาหารให้แก่ผึ้งนางพญา และผึ้งตัวผู้ ปัจจุบันน้ำหวานหรือผลผลิตที่ได้จากผึ้ง เช่น เกสรผึ้ง ไขผึ้ง นมผึ้งสด รวงผึ้ง ล้วนเป็นเป็นประโยชน์ทั้งต่อสุขภาพและความงาม รวมไปถึงการเลี้ยงผึ้งที่นอกจากเป็นการสร้างรายได้จากการขายน้ำผึ้ง ยังช่วยเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร เนื่องจากผึ้งเป็นแมลงที่ช่วยผสมเกสรของพืชได้ดีที่สุด
https://suwanfarmphueng.com/articles/kind-of-honey-bee/

สังคมของผึ้งและหน้าที่ของผึ้งงาน (The Worker)


ผึ้ง เป็นแมลงที่นอกจากอาศัยอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มใหญ่แล้ว สังคมของผึ้งยังแบ่งวรรณะและแบ่งแยกหน้าที่กันอย่างชัดเจน เช่น ผึ้งนางพญา มีหน้าที่ควบคุมความเป็นอยู่ของประชากรภายในรวงผึ้งหรือรังผึ้ง

ทำหน้าที่วางไข่ เพื่อสร้างประชากรในรังให้เพิ่มขึ้น สำหรับผึ้งตัวผู้หน้าที่สำคัญคือการผสมพันธุ์ เมื่อผสมพันธุ์เพียงครั้งเดียวก็จะตายทันที ส่วนผึ้งงานเป็นประชากรผึ้งที่มีบทบาทสำคัญในการหาน้ำหวานเพื่อให้ได้นมผึ้งสดหรือน้ำผึ้ง
 
หน้าที่ของผึ้งงาน (The Worker)
ผึ้งงาน เป็นแรงงานที่ปฏิบัติภารกิจเกือบทุกอย่างในรัง ตั้งแต่การสร้างหลอดรวงผึ่ง เพื่อเป็นที่วางไข่ให้นางพญา ทำหน้าที่หาอาหาร และสร้างนมผึ้งสด ซึ่งผึ้งงานจะมีอวัยวะพิเศษทำให้สามารถปฏิบัติงานสำคัญ ๆ ภายในรังไข่ มีต่อมไขผึ้ง มีตะกร้อเก็บเกสร และต่อมกลิ่น หน้าที่ของผึ้งงานจะเปลี่ยนไปตามช่วงอายุ อายุของตัวเต็มวัยที่เริ่มมีบทบาทหน้าที่ ได้แก่
           - ผึ้งงานช่วงอายุ 3 วัน หลังจากผึ้งงานออกจากดักแด้ ใน 3 วันแรก ต่อมต่าง ๆ ยังไม่เริ่มพัฒนา หน้าที่ของผึ้งวัยนี้ได้แก่การทำความสะอาดรัง
           - ผึ้งงานช่วงอายุ 3 – 11 วัน ช่วงวัยนี้ต่อมพี่เลี้ยงจะถูกพัฒนาผึ่งงานจะเริ่มทำหน้าที่ให้อาหารตัวอ่อนที่อยู่ในรวงผึ้ง
           - ผึ้งงานช่วงอายุ 12 – 17 วัน เป็นช่วงที่ต่อมผลิตไขผึ้งถูกพัฒนา ผึ้งงานในช่วงวัยนี้จึงมีหน้าที่สร้างและซ่อมแซมรังโดยการใช้ไขผึ้งที่ผลิตได้ ผลิตได้ในการสร้างรัง
           - ผึ้งงานช่วงอายุ 18 – 21 วัน เป็นช่วงโตเต็มวัยและมีความแข็งแรงต่อมพิษจะเริ่มทำงาน ผึ้งที่อยู่ในช่วงวัยนี้จึงคอยทำหน้าที่ปกป้องรวงผึ้งหรือป้องกันรัง
           - ผึ้งงานช่วงอายุ 22 – ตาย ผึ้งที่อยู่ในช่วงวัยนี้ต่อมน้ำลาย และต่อมกลิ่นเริ่มพัฒนา ผึ้งงานวัยนี้จะมีหน้าที่หาอาหาร ยางไม้ น้ำหวานจากเกสรดอกไม้ และน้ำ เพื่อเป็นอาหารในแก่นางพญาที่อยู่ในรวงผึ้ง

สังคมและการทำงานของผึ้งงาน
โดยทั่วไปผึ้งงานจะแบ่งหน้ากันทำงานอยู่ภายในรังและนอกรัง งานหลักของผึ้งงานที่อยู่ภายในหลังได้แก่ การสร้างรวงและเลี้ยงตัวอ่อน ส่วนผึ้งงานที่อยู่ภายนอกรังจะทำหน้าที่หาอาหารและส่วนหนึ่งจะทำหน้าคอยปกป้องรัง โดยบินวนเวียนอยู่บริเวณปากทางเข้ารวงผึ้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ผึ้งจากรังอื่นหรือศัตรูผึ้งเข้ามาขโมยน้ำหวานในรัง การขโมยน้ำหวานเป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นได้เสมอในสังคมของผึ้ง แต่ผึ้งงานที่ทำหน้าที่ปกป้องรังก็จะรับรู้ได้โดยกลิ่นของผึ้งขโมยจะผิดแผกไป และลักษณะการบินจะบินวนเวียนอยู่หน้ารัง เมื่อจับผึ้งขโมยได้ก็จะเข้าทำการต่อสู่กัน โดยใช้ทั้งกรามและเหล็กไนเป็นอาวุธ ส่วนมากผลของการต่อสู้มักจะตายทั้งสองฝ่าย

ภาษาของผึ้งงานที่ใช้สื่อสารกัน
หน้าที่สำคัญของผึ่งงานที่ทำหน้าที่อยู่นอกรัง ได้แก่การหาอาหารและหาน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ เมื่อผึ้งงานตัวใดตัวหนึ่งบินไปพบแหล่งอาหาร ภาษาหรือพฤติกรรมที่ใช้สื่อสารหรือแจ้งให้บรรดาผึ้งงานตัวอื่น ๆ ได้รับรู้ก็คือ เมื่อนำอาหารที่ได้บินกลับมายังรัง จะบอกทิศทางแหล่งอาหารที่ได้ให้กับผึ้งงานที่อยู่ในรังด้วยการเต้นรำเป็นจังหวะ ผึ้งที่เห็นพฤติกรรมนี้จะมารุมตอมเพื่อชิมอาหาร หากรสชาติอาหารเป็นที่ถูกใจ ผึ้งเหล่านั้นจะพากันบินไปยังแหล่งอาหารตามทิศทางที่ได้บอกไว้ทันที

การเต้นรำบอกแหล่งอาหารของผึ้งงานมีอยู่ 2 แบบ ได้แก่ การเต้นรำแบบวงกลมและการเต้นรำแบบส่ายท้อง ซึ่งทั้ง 2 แบบ เป็นการสื่อสารหรือเป็นภาษาของผึ้งที่มีความหมาย ดังนี้
- การเต้นรำแบบวงกลม
การเต้นรำแบบวงกลมของผึ้งงาน เป็นการบอกตำแหน่งหรือแหล่งอาหารในระยะใกล้  ที่อยู่ห่างออกไปไม่เกิน 100 เมตร ผึ้งงานที่พบพบแหล่งอาหารจะกลับมาเต้นตามจุดต่าง ๆ ทั่วรัง เพื่อบอกเพื่อนตัวอื่น ๆ หากแหล่งอาหารที่พบอุดมสมบูรณ์มาก ผึ้งงานที่เป็นนักสำรวจจะเต้นรุนแรงและเร็ว เป็นการกระตุ้นให้บรรดาผึ้งงานบินออกจากรวงผึ้งหรือรังไปยังแหล่งอาหารอย่างรวดเร็ว

- การเต้นแบบส่ายท้องของผึ้งงาน
จะมีลักษณะการเต้นแบบท้องจะส่ายไปมา แล้วหมุนวนเป็นรูปเลข 8 เพื่อบอกแหล่งอาหารที่อยู่ไกลจากรังมากกว่ากว่า 100 เมตร การเต้นบอกทิศทางระหว่างแหล่งอาหาร ที่ตั้งของรัง และดวงอาทิตย์ ผึ้งงานที่ออกไปพบแหล่งอาหารจะเต้นในลักษณะนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก ความรุนแรงของการเต้นเป็นสิ่งบ่งบอกความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งอาหาร ส่วนจำนวนรอบของการเต้น จะบอกระยะทางของแหล่งอาหาร

ผึ้ง เป็นแมลงสังคมที่มีการแบ่งวรรณะเพื่อทำหน้าที่ของตนเองอย่างชัดเจน และหวงแหนเผ่าพันธุ์ผึ้งทุกตัวโดยเฉพาะผึ้งงาน จะทำหน้าที่ปกป้องรังหรือรวงผึ้ง สร้างรัง และหาอาหารจากเกสรดอกไม้ เริ่มตั้งแต่ออกจากดักแด้เป็นผึ้งตัวเต็มวัย พฤติกรรมของผึ้งจะหวงแหนเผ่าพันธุ์เมื่อมีศัตรูมารุกราน จะจู่โจมและต่อสู้จนตายในหน้าที่ทุกตัว ผึ้งที่นำมาเลี้ยงแบบปล่อยในสวนพืชผลไม้ นอกจากให้ผลผลิตเป็นน้ำผึ้งจากดอกลำไย ดอกสาบเสื้อ และดอกไม้ป่า ตามต้องการแล้ว การเลี้ยงผึ้งยังก่อให้เกิดการอนุรักษ์ช่วยขยายพันธุ์ไม้ในธรรมชาติ และทำให้ต้นไม้ติดผลเพิ่มมากขึ้น
https://suwanfarmphueng.com/articles/social-of-honey-bee/

ปัญหาคาใจ “น้ำผึ้งตกผลึก” เป็นของแท้หรือของปลอม


น้ำผึ้ง เป็นผลผลิตของผึ้งที่นอกจากให้ความหวาน ยังมีสรรพคุณทางยาที่เชื่อกันว่าเป็นยาอายุวัฒนะจากธรรมชาติ ทั้ง เกสรผึ้ง ไขผึ้ง นมผึ้งสด และรวงผึ้งหรือรังผึ้ง ล้วนมีคุณสมบัติที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและความงามทั้งสิ้น ไม่ว่าจะทานสด นำไปนวดหน้าเพื่อบำรุงดูแลผิว หรือใช้เป็นสูตรส่วนผสมในเวชสำอางและยาแผนโบราณ จากคุณสมบัติและสรรพคุณเหล่านี้ทำให้น้ำผึ้งแท้ๆมีราคาแพง จนทำให้มีการผลิตน้ำผึ้งปลอมออกมาขาย

น้ำผึ้งปลอม คืออะไรน้ำผึ้งปลอม หมายถึง
น้ำผึ้งแท้ที่มีการปลอมปนโดยการเคี่ยวน้ำตาลผสมปนเข้าไปในน้ำผึ้งเพื่อให้ได้ปริมาณมากขึ้น หรือเป็นน้ำผึ้งที่มีการเติมน้ำตาลหรือเกสรเทียมเพิ่มเข้าไปเพื่อให้มีได้ปริมาณมาก ๆ และมีความคล้ายน้ำผึ้งแท้ที่มาจากธรรมชาติมากที่สุด โดยทั่วไปน้ำผึ้งจากธรรมชาติและได้จากการเลี้ยง เช่น น้ำผึ้งจากดอกลำไย ดอกสาบเสื้อ และดอกไม้ป่า สีจะอ่อนใสเป็นสีเดียวกลมกลืนทั้งหมดไม่แยกชั้น สำหรับวิธีดูหรือสังเกตน้ำผึ้งแท้ด้วยตาเปล่า อาจดูได้จากการตกกตะกอนหากเป็นน้ำผึ้งที่มีการปลอมปนตะกอนจะเป็นสีเข้มแตกต่างจากสีของน้ำผึ้งหรือส่วนที่เป็นของเหลวอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งการตกตะกอนจะเป็นการแยกเอาของแข็งซึ่งอยู่ในรูปของสารแขวนลอยออกจากของเหลว และเมื่อน้ำผึ้งมีการตกผลึกอาจทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นน้ำผึ้งปลอมได้

การตกผลึกของน้ำผึ้ง คืออะไร
โดยทั่วไปน้ำผึ้งแท้ จะเป็นน้ำผึ้งที่ได้จากป่าธรรมชาติและน้ำผึ้งที่ได้จากการเลี้ยง ทำให้น้ำผึ้งที่ได้มีความแตกต่างกัน เช่น น้ำผึ้งป่าอาจได้จากเกสรของดอกไม้หลากหลายชนิด ขณะที่น้ำผึ้งเลี้ยงอาจได้จากดอกไม้ชนิดใดชนิดหนึ่ง เช่น น้ำผึ้งจากดอกลำไย เนื่องจากมีการเลี้ยงหรือเคลื่อนย้ายรังผึ้งเข้าไปตามระยะเวลาการบานของดอกลำใย ทำให้น้ำผึ้งแท้ที่ได้จากป่าและน้ำผึ้งเลี้ยงมีลักษณะและคุณสมบัติแตกต่างกันโดยเฉพาะน้ำผึ้งที่ได้จากดอกไม้ป่า หากเก็บในตู้เย็นจะมีโอกาสตกผลึกได้มากกว่าน้ำผึ้งเลี้ยงและอาจทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นน้ำผึ้งปลอม การตกผลึกเป็นการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของน้ำผึ้ง มีสาเหตุมาจากปริมาณความชื้นในน้ำผึ้งที่ได้จากดอกไม้แต่ละแหล่งและแต่ละชนิดจะแตกต่างกันรวมถึงวิธีการเก็บรักษา เช่น หากเก็บรักษาที่อุณหภูมิต่ำจะชักนำให้เกิดการตกผลึกได้ ซึ่งการตกผลึกก็คือการที่น้ำตาลกลูโคสที่มีอยู่ในน้ำผึ้งเกิดการตกตะกอนแยกตัวจากน้ำผึ้ง ดังนั้นน้ำผึ้งที่มีการตกผลึกจึงไม่ใช่ของปลอมทั้งหมด และสามารถสังเกตได้จากลักษณะผลึกของน้ำผึ้งแท้ที่จะเล็กละเอียด ฟูนุ่ม เมื่อนำมาหยดลงบนนิ้วแล้วใช้นิ้วประกบและคลึงจะละลายง่าย ส่วนผลึกของน้ำผึ้งปลอมจะละลายได้ยาก ลักษณะของผลึกจะหยามและเกาะตัวกันแน่น

คุณสมบัติของน้ำผึ้งตกผลึก แตกต่างจากน้ำผึ้งแท้ทั่วไปหรือไม่
น้ำผึ้งแท้ที่ตกผลึกสามารถรับประทานได้ตามปกติ และสามารถนำไปใช้ประโยชน์อื่น ๆ ได้เช่นเดียวกับน้ำผึ้งแท้ทั่วไป หากไม่ต้องการทานหรือนำไปใช้ในลักษณะตกผลึก สามารถทำให้กลับสู่สภาพเหลวได้โดยการนำไปอุ่นในน้ำร้อนที่อุณหภูมิไม่เกิน 60 องศาเซลเซียส  ในส่วนของการเก็บรักษา ไม่ควรเก็บไว้นานหากเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิปกติน้ำผึ้งแท้ที่ตกผลึกอายุการเก็บรักษาจะลดลง  หากเก็บรักษาที่อุณหภูมิต่ำ เช่น เก็บไว้ในตู้เย็นจะช่วยให้เก็บไว้ได้นาน

วิธีตรวจสอบน้ำผึ้งแท้แบบง่าย ๆ
ด้วยคุณสมบัติของน้ำผึ้งที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายกหลาย รวมทั้ง    สรรพคุณทางยาที่เชื่อกันว่าเป็นยาอายุวัฒนะ ประกอบกับน้ำผึ้งแท้ที่ได้จากป่าธรรมชาติและน้ำผึ้งที่ได้จากการเลี้ยง เช่น น้ำผึ้งจากดอกลำไยดอกสาบเสื้อ และดอกไม้ป่า มีราคาแพง ทำให้มีการปลอมปนหรือผลิตน้ำผึ้งปลอมออกมาจำหน่าย และลักษณะยังคล้ายกันจนแยกแทบไม่ออกหากไม่มีความรู้เกี่ยวกับน้ำผึ้งมาบ้าง สำหรับวิธีตรวจสอบน้ำผึ้งแท้แบบง่าย ๆ เห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว เช่น
          1. ทดสอบโดยนำน้ำผึ้งที่ต้องการทดสอบ หยดลงในถ้วยที่ใส่น้ำเย็นไว้ หากน้ำผึ้งที่หลดลงไป ละลายไปกับน้ำทันทีแสดงว่าเป็นน้ำผึ้งปลอม หากเป็นน้ำผึ้งแท้เมื่อหยดลงไปในน้ำจะม้วนเป็นขดซ้อนกันเรื่อย ๆ
          2. ทดสอบโดยหยดน้ำผึ้งลงบนนิ้ว หากน้ำผึ้งขดจับตัวกันอยู่บนปลายนิ้ว แสดงว่าเป็นน้ำผึ้งแท้ หากเป็นน้ำผึ้งปลอมจะกระจายไปทั่วนิ้ว
          3. ทดสอบโดยการเขย่าขวดน้ำผึ้ง เพื่อดูฟองอากาศและการแยกชั้น หากเป็นน้ำผึ้งแท้จะมีฟองอากาศใหญ่ ลอยตัวเร็วไม่เห็นการแยกชั้นของน้ำผึ้ง ส่วนน้ำผึ้งปลอมจะมีฟองอากาศมาก ลอยตัวช้า มองเห็นการแยกตัวเป็นชั้น
          4. ทดสอบโดยการหยดน้ำผึ้งลงบนกระดาษทิชชู เพื่อตรวจดูการซึมผ่าน หากเป็นน้ำผึ้งแท้จะซึมผ่านกระดาษทิชชูช้ามาก ต่างจากน้ำผึ้งปลอมจะซึมผ่านเร็วหรือทำให้กระดาษทิชชูขาดทะลุ เพราะมีปริมาณของน้ำเจือปนมาก
          5. ทดสอบโดยการเอาหัวไม้ขีดไฟแตะน้ำผึ้งให้ติดปลายไม้ขีดไฟนิดหน่อย จากนั้นจุดไม้ขีดไฟ หากเป็นน้ำผึ้งแท้ ไม้ขีดจะติดไฟและจะเผาน้ำผึ้งไปด้วย ในขณะที่น้ำผึ้งปลอมหรือน้ำผึ้งที่มีการปลอมปนจะจุดไฟไม่ติด

ทราบกันแล้วว่า น้ำผึ้งที่ตกผลึกไม่ใช้น้ำผึ้งปลอม แต่เพื่อความมั่นใจในในเลือกซื้อน้ำผึ้ง วิธีตรวจสอบน้ำผึ้งแท้แบบง่าย ๆ ทั้ง 5 ข้อที่นำมาแนะนำคงเป็นประโยชน์และช่วยให้เลือกซื้อหรือใช้ประโยชน์จากน้ำผึ้งหรือนมผึ้งสดได้อย่างมั่นใจ
https://suwanfarmphueng.com/articles/crystal-honey/

น้ำผึ้งป่า น้ำผึ้งเลี้ยง แตกต่างกันอย่างไร


น้ำหวานที่ได้จากรวงผึ้ง เกิดจากผึ้งงานดูดน้ำหวานจากเกสรดอกไม้นานาชนิดผ่านกระบวนการย่อยภายในลำตัวผึ้ง เมื่อผึ้งบินกลับมาถึงรังจะคายน้ำหวานที่ย่อยแล้วมาเก็บไว้ น้ำผึ้งที่ได้จะถูกทำให้ความชื้นลดลงจนอยู่ในระดับที่เข้มข้น จากนั้นผึ้งจะทำการปิดหลอดรวงผึ้งเพื่อเก็บน้ำหวานไว้เป็นอาหารสำรองในรัง ปัจจุบันน้ำผึ้งหรือนมผึ้งสดสามารถแยกตามลักษณะของผึ้งได้ 2 ชนิด ได้แก่ น้ำผึ้งป่า และน้ำผึ้งเลี้ยง

น้ำผึ้งป่า น้ำผึ้งเลี้ยง แตกต่างกันอย่างไร
น้ำผึ้ง ถือเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่มีคุณภาพ และยังเป็นสินค้าราคาแพงเพราะมีสรรพเป็นยาอายุวัฒนะ อีกทั้งมีประโยชน์ต่อสุขภาพและความสวยความงาม ซึ่งน้ำผึ้งป่าและน้ำผึ้งที่ได้จากการเลี้ยง  มีข้อดีแตกต่างกัน ดังนี้

น้ำผึ้งป่า
น้ำผึ้งป่า ได้จากรังผึ้งพื้นเมือง เช่น ผึ้งหลวง ผึ้งโพรง และผึ้งมิ้ม เป็นน้ำผึ้งที่ได้มาจากเกสรดอกไม้หลากหลายชนิด ข้อด้อยของน้ำผึ้งป่าก็คือไม่สามารถแยกชนิดของดอกไม้หรือพืชที่ผึ้งไปเก็บน้ำหวานมาได้ นิยมหารังผึ้งจากป่าในช่วงเดือน มีนาคม ถึง เดือนเมษายน ของทุกปี เพื่อให้ได้น้ำผึ้งที่มีความชื้นต่ำและมีรสหวานมาก การคั้นหรือบีบเพื่อแยกน้ำผึ้งออกจากรวงผึ้งอาจมีซากตัวผึ้งหรือซากตัวอ่อนผึ้งปะปนออกมาทำให้น้ำผึ้งปรกมีสิ่งเจือปน เป็นสาเหตุทำให้บูดเสียได้  นอกจากนั้นน้ำผึ้งป่ายังมีความชื้นสูง มีโอกาสตกผลึกได้ง่าย มีราคาแพงเพราะหายาก แต่มีข้อดีคือเป็นน้ำผึ้งแท้บริสุทธิ์ 100% จากธรรมชาติ

น้ำผึ้งเลี้ยง
น้ำผึ้งเลี้ยง เป็นการนำพันธุ์ผึ้งจากต่างประเทศ เช่น ยุโรป มาเลี้ยงโดยทั่วไปการเลี้ยงผึ้งแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ ได้แก่ การเลี้ยงแบบปล่อยไว้ตามธรรมชาติ การเลี้ยงแบบกึ่งธรรมชาติ และการเลี้ยงในหีบมีคอนซึ่งแต่ละรูปแบบ มีวิธีการที่แตกต่างกัน ดังนี้
         1. การเลี้ยงแบบปล่อยไว้ตามธรรมยถึง เมื่อพบว่ามีผึ้งมาเกาะอาศัยในโพรงตามบริเวณต่าง ๆ  เมื่อสังเกตเห็นว่ามีน้ำผึ้งพอสมควรก็สามารถตัดกลีบรัง หรือตัดรวงผึ้งบางส่วน เอาน้ำหวานมาใช้ประโยชน์ได้ วิธีนี้ยังช่วยให้ได้น้ำหวานจากรวงผึ้งอย่างต่อเนื่อง
         2. การเลี้ยงแบบกึ่งธรรมชาติทำได้หลายรูปแบบ เช่น การทำรังเลี้ยงให้เพื่อเป็นที่อยู่ของผึ้ง อาจไม้กระดานมาต่อเป็นลังสี่เหลี่ยม ให้มีขนาดกว้าง ยาว สูง ตามสมควร ปิดหัวท้ายให้มิดชิด ด้านหน้าเจาะเป็นรูขนาดโตเท่าหัวแม่มือสัก 1-2 รู พอผึ้งเข้าออกได้ การหาผึ้งมาเลี้ยงในรังเลี้ยงแบบกึ่งธรรมชาตินี้ อาจหาไขผึ้งบริสุทธิ์มาทาด้านในหีบ แล้วนำไปตั้งล่อไว้ในที่ที่เราเห็นว่าผึ้งน่าจะมาทำรังอาศัยอยู่ หรือนำผึ้งพันธุ์ที่ต้องการเลี้ยงไปปล่อยไว้ในรังที่ทำและมีการทาไขผึ้งเอาไว้
         3. การเลี้ยงในหีบมีคอน เป็นวิธีการเลี้ยงสมัยใหม่ที่นิยมกันมาก โดยหีบที่ใช้เลี้ยงผึ้งมีลักษณะเป็นหีบทึบ ด้านหน้ามีรูเข้าออกของผึ้งอยู่ส่วนล่าง ด้านบนทำเป็นฝาปิดเปิดได้ ข้างในหีบทางด้านหน้าและด้านหลังใช้ไม้ระแนงตียึดให้ต่ำลงมาจากขอบหีบ เพื่อเป็นคานให้สามารถวางคอนได้ในภายหลัง ซึ่งการเลี้ยงในหีบมีคอน เป็นการดัดแปลงจากสภาพความเป็นอยู่ตามธรรมชาติของผึ้งนั่นเอง

น้ำผึ้งหรือนมผึ้งสด ที่ได้จากการเลี้ยง โดยเฉพาะการเลี้ยงในสวนไม้ดอกชนิดใดชนิดหนึ่ง หรือเลี้ยงในสวนลำใย ก็จะทำให้ได้น้ำผึ้งจากดอกลำไยที่มีลักษณะหรือกลิ่นเฉพาะ ข้อดีของน้ำผึ้งเลี้ยง ได้แก่ ผู้เลี้ยงสามารถเลือกกลิ่นของน้ำผึ้งได้ เช่น น้ำผึ้งจากดอกลำไย ดอกสาบเสื้อ และดอกไม้ป่า ควบคุมความชื้นได้ง่าย หาซื้อง่าย และมีราคาถูกกว่าน้ำผึ้งป่า แต่มีข้อด้อย คือมักมีสิ่งเจือปนเนื่องจากผู้เลี้ยงบางรายต้องการลดต้นทุน เช่น ใส่น้ำเชื่อม เป็นต้น 

วิธีเลือกและลักษณะของน้ำผึ้งที่ดี
         1. น้ำผึ้งที่ดีต้องมีความข้นและหนืด ซึ่งบ่งบอกว่ามีน้ำหรือมีความชื้นน้อย
         2. น้ำผึ้งที่ดีต้องมีสีตามธรรมชาติ เริ่มตั้งแต่สีเหลืองอ่อนถึงสีน้ำตาล มีลักษณะใส ไม่ขุ่นทึบ
         3. น้ำผึ้งที่ดีต้องไม่มีฟองอากาศ มีสีน้ำตาลอ่อนใส เมื่อทดลองเท หรือหยดใส่แก้วน้ำผึ้งจะหนืดและไหลช้า
         4. น้ำผึ้งที่ดีต้องไม่มีกลิ่นไหม้หรือกลิ่นเหม็นเปรี้ยว บ่งบอกถึงการปลอมปนหรือมีส่วนผสมของน้ำเชื่อมหรือน้ำตาลเคี่ยว
         5. มีกลิ่นหอมของน้ำผึ้งและดอกไม้ตามแหล่งที่ได้มา เช่น การเลี้ยงในสวนลำไย ก็จะทำให้ได้น้ำผึ้งจากดอกลำไย เป็นต้น
         6. สะอาดปราศจากไขผึ้ง เศษตัวผึ้งหรือตัวอ่อนของผึ้งติดมา
         7. น้ำผึ้งที่ดีต้องไม่มีรสขมหรือรสของน้ำตาล และน้ำเชื่อมที่ปลอมปนมา
         8. น้ำผึ้งที่ดีต้องไม่แยกชั้น และต้องเป็นเนื้อเดียวกัน
น้ำผึ้งป่าและน้ำผึ้งเลี้ยง แม้จะมีข้อดีและข้อด้อยที่แตกต่างกัน แต่นำไปใช้ประโยชน์ได้เหมือนกัน เช่น นำไปเป็นส่วนผสมในตัวยา เพื่อเพิ่มความคงตัวและมีรสหวานทำให้ยานั้นรับประทานง่าย นอกจากนั้น น้ำผึ้งยังเป็นอาหารที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย และใช้เป็นยาอายุวัฒนะมาแต่โบราณ การทานน้ำผึ้งหรือนมผึ้งสด นอกจากเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ น้ำผึ้งยังมีสารให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ คือสามารถดึงหรือเก็บความชื้นไว้ได้ จึงถูกนำไปเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ความงามเพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวอีกด้วย
https://suwanfarmphueng.com/articles/wild-honey/

ความแตกต่างของน้ำผึ้ง และลักษณะของน้ำผึ้งที่ดี


น้ำผึ้ง หมายถึง น้ำหวานจากธรรมชาติที่ผึ้งงานเลือกดูดน้ำหวานจากเกสรดอกไม้หรือจากพืชต่าง ๆ ในป่าที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่น ดอกไม้ป่า หรือพืชและดอกไม้เศรษฐกิจที่ปลูกไว้ ซึ่งอาจนำผึ้งเข้ามาเลี้ยงเพื่อให้ดูดกินน้ำหวาน ทำให้น้ำผึ้งที่ได้มีด้วยกัน 2 ชนิด ได้แก่น้ำผึ้งป่าและน้ำผึ้งเลี้ยง ความแตกต่างของน้ำผึ้งป่า น้ำผึ้งเลี้ยง และลักษณะของน้ำผึ้งที่ดีควรเป็นอย่างไร บทความนี้มีคำตอบ

ความแตกต่างของน้ำผึ้งแต่ละชนิด
ความแตกต่างของน้ำผึ้ง นอกจากมีความแตกต่างกันจากแหล่งที่ได้มาซึ่งได้แก่ น้ำผึ้งป่าและน้ำผึ้งเลี้ยง โดยน้ำผึ้งทั้ง 2 ชนิดอาจมีข้อดีข้อด้อยและคุณลักษณะบางอย่างที่แตกต่างกันแล้ว ความแตกต่างของน้ำผึ้งหรือนมผึ้งสด ยังขึ้นอยู่กับชนิดของพืชอาหารที่ผึ้งงานไปดูดน้ำหวานมาเก็บสะสมไว้ในหลอดรวงผึ้ง ซึ่งปกติน้ำหวานที่ได้จากต่อมน้ำหวานของพืชแต่ละชนิด เช่น น้ำผึ้งจากดอกลำไย ดอกสาบเสื้อ และดอกไม้ป่า จะมีกลิ่น รส และสี แตกต่างกันไปตามองค์ประกอบโครงสร้างของน้ำตาลจากพืชและดอกไม้แต่ละชนิด ทำให้น้ำผึ้งหรือนมผึ้งสดมีความแตกต่างกันจนสามารถระบุน้ำผึ้งตามชนิดของพืชอาหารได้ เช่น น้ำผึ้งจากดอกลำไย น้ำผึ้งจากดอกลิ้นจี่ หรือน้ำผึ้งจากดอกสาบเสื้อ ซึ่งน้ำผึ้งแต่ละชนิดจะมีความแตกต่างกัน ดังนี้
1. ความแตกต่างในเรื่องของ รส กลิ่น และสี
ความแตกต่างในเรื่องของรส กลิ่น และสี ของนมผึ้งสด ขึ้นอยู่กับน้ำหวานจากเกสรดอกไม้หรือจากพืชแต่ละชนิดที่ผึ้งงานเก็บมา โดยเกสรของดอกไม้และพืชมีตั้งแต่สีเหลืองอ่อน สีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงน้ำตาลไหม้ ตัวอย่างเช่น น้ำผึ้งจากดอกลำไย จะมีสีเข้ม มีกลิ่นหอมและมีรสหวานกว่าน้ำผึ้งที่ได้จากดอกลิ้นจี่หรือดอกเงาะ

2. ความแตกต่างจากองค์ประกอบของน้ำตาล
เมื่อผึ้งงานเก็บน้ำหวานที่ได้จากเกสรดอกไม้และพืชลงสู่กระเพาะ ภายในจะมีเอนไซม์จากต่อมน้ำลายขับออกมาเปลี่ยนน้ำตาลกลูโคสและฟลุกโทสให้เป็นน้ำตาลแปรรูป ปฏิกิริยาการเปลี่ยนแปลงนี้จะเกิดขึ้นตั้งแต่ผึ้งเริ่มบินกลับรัง เพราะในขณะที่ผึ้งกระพือปีกจะเกิดพลังงานความร้อนช่วยเร่งการทำงานของเอนไซม์ ตลอดจนช่วยเผาผลาญลดความชื้นในน้ำหวานให้กลายเป็นน้ำผึ้งเร็วขึ้น และเมื่อผึ้งบินกลับรังจะคายน้ำหวานแปรรูปนี้ให้กับผึ้งงานประจำรวงผึ้ง เพื่อนำไปเก็บในหลอดรวงน้ำผึ้ง ซึ่งน้ำหวานแปรรูปนี้ยังไม่เป็นน้ำผึ้งที่สมบูรณ์ เนื่องจากยังมีความชื้นในน้ำหวานจำนวนมาก โดยขั้นตอนนี้ผึ้งงานจะช่วยกันกระพือปีกเพื่อให้มีการระเหยของน้ำหวานและทำให้ความชื้นลดลงอย่างต่อเนื่องจนได้น้ำผึ้งที่สมบูรณ์ ก่อนที่จะปิดหลอดรวงผึ้งเก็บไว้เป็นอาหารต่อไป

กระบวนการนี้หากทำการเก็บรวงผึ้งเร็ว น้ำหวานที่ได้ยังมีความชื้นและยังไม่เป็นน้ำผึ้งที่สมบูรณ์ ทำให้องค์ประกอบของน้ำตาล เช่น สัดส่วนของน้ำตาลกลูโคส และน้ำตาลฟลุกโทส ไม่เท่ากันซึ่งมีผลต่อความแตกต่างทางด้านกายภาพของน้ำผึ้ง เช่นทำให้เกิดการตกผลึก

การตกผลึกของน้ำผึ้ง เป็นการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของน้ำผึ้งที่ยังมีปริมาณความชื้นอยู่มาก ตัวอย่างเช่น น้ำผึ้งที่ได้จากการเลี้ยงผึ้งในสวนยางพาราเมื่อนำไปเก็บในตู้เย็นเป็นเวลานานสามารถตกผลึกได้หมด แตกต่างจากน้ำผึ้งที่ได้จากดอกลำไยหากเก็บในลักษณะเดียวกันจะไม่ตกผลึก

ส่วนประกอบและลักษณะของน้ำผึ้งที่ดี
         1. น้ำผึ้งที่ดีควรมีปริมาณความชื้นไม่เกินร้อยละ 21 จะทำให้ได้น้ำผึ้งที่มีรสหวานเข้มข้น สามารถเก็บไว้ได้นานโดยไม่เปลี่ยนสภาพ
         2. น้ำผึ้งที่ดีควรมีน้ำตาลกลูโคส และน้ำตาลฟลุกโทส ไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 สำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก สามารถใช้น้ำผึ้งเป็นสารให้ความหวานแทนแทนน้ำตาลได้ เพราะนอกจากมีความหวานมากกว่าร่างกายยังดูดซึมได้ช้า
         3. แร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายและพบมากในน้ำผึ้งได้แก่ แคลเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัสแมกนีเซียม โซเดียม สังกะสี เหล็ก แมงกานิส ทองแดง แร่ธาตุต่าง ๆแม้จะมีปริมาณไม่มากแต่ก็อยู่ในสัดส่วนที่เหมาะสม การเติมน้ำผึ้งลงในอาหารแทนน้ำตาล จึงเป็นการเพิ่มคุณค่าทางอาหารและเพิ่มปริมาณแร่ธาตุที่จำเป็นแก่ร่างกายอีกด้วย
         4. ในน้ำผึ้งมีวิตามินหลายชนิด เช่น วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี6 วิตามินซี และอื่น ๆ ซึ่งปริมาณวิตามินแต่ละชนิดที่มีอยู่ในน้ำผึ้งจะแตกต่างกันตามที่มาของน้ำผึ้ง เช่น น้ำผึ้งจากดอกลำไย ดอกสาบเสื้อ และดอกไม้ป่า คุณสมบัติของวิตามินเหล่านี้เป็นส่วนที่ทำให้น้ำผึ้งชุ่มคอและเคลือบผิว
         5. ในน้ำผึ้งมีสารแขวนลอย โดยเมเลกุลของสารแขวนลอยจะไม่ตกตะกอนทำให้น้ำผึ้งที่เก็บไว้มีสารแขวนลอยให้เห็น ซึ่งสารแขวนลอยในน้ำผึ้งส่วนใหญ่เป็นเกสรดอกไม้
         6. น้ำผึ้งมีส่วนประกอบของสารอินฮิบิท มีคุณสมบัติในการต่อต้านเชื้อโรคของน้ำผึ้ง ทำให้มีการนำน้ำผึ้งมาใช้ในการรักษาแผลสด ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก และแผลติดเชื้อ
         7. ลักษณะของน้ำผึ้งที่ดีและมีคุณภาพ ไม่ควรมีน้ำเป็นส่วนผสมเกินกว่าร้อยละ 21 เพราะหากมีน้ำเจือปนมากกว่านั้น จะทำให้จุลินทรีย์สามารถเจริญเติบโตและทำลายคุณค่าของน้ำผึ้งได้ ลักษณะของน้ำผึ้งที่ดีควรมีความเข้มข้นและหนืด ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีส่วนผสมของน้ำหรือความชื้นไม่มาก
         8. สีของน้ำผึ้งควรเป็นสีเหลืองอ่อนถึงสีน้ำตาลเข้มตามธรรมชาติของเกสรดอกไม้หรือพืช มีลักษณะใสไม่ขุ่น
         9. มีกลิ่นตามแหล่งที่ได้มาของน้ำหวาน โดยเฉพาะน้ำผึ้งเลี้ยงจะมีกลิ่นหอมของน้ำผึ้งและดอกไม้ตามแหล่งที่ได้มาอย่างชัดเจน ปกติดอกไม้หรือพืชที่ใช้เลี้ยงผึ้งเพื่อผลิตน้ำหวานมีหลายชนิด ที่นิยมนมได้แก่  น้ำผึ้งจากดอกลำไย เพราะมีรสหอมหวานมากกว่าพรรณไม้ชนิดอื่น ๆ
         10. ลักษณะของน้ำผึ้งที่ดี แม้จะเป็นน้ำผึ้งแท้ที่มีคุณภาพ ต้องปราศจากไขผึ้งหรือเศษตัวผึ้งและเศษวัสดุแขวนลอยอื่น ๆ ปะปนอยู่
         11. ลักษณะของน้ำผึ้งที่ดีจะต้องไม่มีกลิ่นบูดเปรี้ยว และไม่มีฟอง

พืชและเกสรดอกไม้ที่เป็นแหล่งอาหารของผึ้ง
น้ำหวานจากพืชและจากเกสรของดอกไม้ เป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของผึ้งและพืชอาหารที่ดียังได้จากพันธุ์ไม้หลายประเภท  เช่น ไม้ป่า ไม้ผล พืชไร่ พืชผัก พืชอาหารสัตว์ พืชคลุมดิน ตลอดจนวัชพืชต่าง ๆ โดยพืชบางชนิดให้น้ำหวานในปริมาณมากแม้จะเป็นดอกไม้เล็ก ๆ ในขณะที่พืชบางชนิดให้เกสรมาก เช่น
         1. พืชที่ให้ปริมาณน้ำหวานมากแต่เกสรน้อย ได้แก่ ดอกสาบเสื้อ ดอกลิ้นจี่ เงาะ มะกอกน้ำ และมันสำปะหลัง
         2. พืชที่ให้ปริมาณเกสรมากแต่ให้น้ำหวานน้อย ได้แก่ วัชพืช พืชตระกูลหญ้า ข้าวโพด หางนกยูงนนทรี ดอกโสน
         3. พืชที่ให้ทั้งปริมาณเกสรและปริมาณน้ำหวานอย่างสมดุล ได้แก่ ดอกลำไย ดอกหญ้า ตีนตุ๊กแกดอกงิ้ว และดอกทานตะวัน

ผลิตผลจากผึ้งที่นำไปใช้ประโยชน์
น้ำผึ้ง นอกจากเป็นผลิตผลจากธรรมชาติที่มีประโยชน์ในหลาย ๆ ด้านรวมทั้งยังมีสรรพคุณเป็นยาอายุวัฒนะที่นำมาเป็นส่วนประกอบในพืชสมุนไพรเพื่อบำรุงดูแลสุขภาพมาแต่โบราณ ผลิตผลจากผึ้ง เช่น เกสรผึ้ง ไขผึ้ง นมผึ้งสด รวมทั้งรวงผึ้ง ยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ได้อีกมากมาย ดังนี้
         1. น้ำผึ้ง เป็นผลิตผลจากผึ้งงาน ที่นอกจากให้ความหวานนิยมทานน้ำผึ้งสดแล้ว ยังใช้ในอุตสาหกรรมยาทั้งแผนปัจจุบันและยาแผนโบราณประเภทสมุนไพร เป็นส่วนประกอบในเวชสำอาง เครื่องสำอางต่าง ๆ น้ำผึ้งมีคุณค่าทางอาหารสูงใช้แทนน้ำตาลปรุงอาหารได้เกือบทุกชนิด ใช้เป็นส่วนประกอบในการทำขนมหวาน ขนมปัง ลูกกวาด และผสมเครื่องดื่ม เช่น น้ำมะนาว
         2. เกสรผึ้ง คือ ละอองเม็ดเล็ก ๆ คล้ายฝุ่นแป้งที่เกิดและหลุดจากช่อเกสรตัวผู้ของดอกไม้ เมื่อผึ้งงานเข้าไปดูดน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ ก็จะติดไว้ที่ปลายขาหลังทั้งสองข้างบริเวณอวัยวะที่เรียกว่า ตะกร้าเก็บเกสร และนำกลับมาเก็บยังรังเพื่อเป็นโปรตีนสำหรับใช้เลี้ยงตัวอ่อน เพราะเป็นแหล่งคุณค่าทางโภชนาการอย่างดี สรรพคุณของเกสรผึ้งช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อ ผิวหนัง กระตุ้นให้เลือดไปเลี้ยงเซลล์ได้อย่างทั่วถึง และยังให้ความชุ่มชื้นต่อผิวหนังที่แห้ง ทำให้มีการนำเกสรผึ้ง ไปเป็นส่วนผสมในในเครื่องสำอางต่าง ๆ เช่น ครีมล้างหน้า ครีมรองพื้น และครีมบำรุงผิว นอกจากนั้นยังเชื่อว่าเกสรผึ้งมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย จึงเป็นผลิตภัณฑ์อีกชนิดหนึ่งของผึ้งที่ได้รับความนิยมในวงการผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
         3. ไขผึ้ง หากเป็นไขผึ้งแท้ต้องเป็นส่วนที่ได้มาจากรวงรังผึ้งเท่านั้น ผลิตออกมาจากต่อมผลิตไขผึ้ง ที่อยู่ที่ผิวด้านล่างส่วนท้องของผึ้ง ปัจจุบันไขผึ้งส่วนใหญ่นิยมใช้เป็นส่วนประกอบในการทำเทียน เนื่องจากมีคุณประโยชน์เพราะควันน้อยและมีกลิ่นหอม นอกจากนั้นยังใช้ผลิต กาว หมากฝรั่ง และดินสอสี รวมทั้งใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง เช่น ครีมล้างหน้า น้ำมันทาผิว และลิปสติก
         4. นมผึ้งสด ผลิตโดยผึ้งงานที่มีอายุประมาณ 5-15 วัน ซึ่งผึ้งงานที่อยู่ในวัยนี้จะมีหน้าที่เลี้ยงดูตัวอ่อน นมผึ้งสดหรือรอยัลเยลลีจึงเป็นอาหารของผึ้งตัวอ่อนและผึ้งนางพญา มีลักษณะสีขาวคล้ายครีม หรือนมข้นหวาน ผึ้งงานจะนำรอยัลเยลลีที่ผลิตขึ้นมาไปเลี้ยงตัวอ่อนของผึ้งทุกวรรณะ ตั้งแต่แรกเกิดจนมีอายุครบ 3 วัน เฉพาะตัวอ่อนที่จะเจริญไปเป็นผึ้งนางพญาเท่านั้น

การศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ทางด้านชีวเคมีพบว่า ในรอยัลเยลลี มีวิตามินอยู่หลายชนิด เช่น วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 5 วิตามินบี 6 และวิตามินอื่น ๆ อีกหลากหลายชนิด ทำให้นมผึ้งสดมีราคาแพงกว่าน้ำผึ้งทั่วไป และมีการนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและเครื่องสำอางต่าง ๆ มากมาย

         5. รวงผึ้ง หรือรังผึ้ง มีสารพรอพโพลิส ซึ่งเป็นสารสกัดจากรังผึ้งประกอบด้วยยางไม้และขึ้ผึ้งประมาณร้อยละ 50-55 มีลักษณะเหนียวข้นเป็นยาง ซึ่งได้มาจากยางของเปลือกไม้ที่ ผึ้งงานรวบรวมไว้ และนำมาผสมกับไขผึ้งเพื่อซ่อมแซมรัง อุดรอยรั่ว ตลอดจนรักษาความสะอาดและป้องกันการระบาดของเชื้อโรคในรังของผึ้ง ถือเป็นสารปฏิชีวนะที่ดีที่สุดตามธรรมชาติ มีคุณสมบัติต่อต้านการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส เชื้อรา และยับยั้งการอักเสบได้ดี นิยมนำมาเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ ต่าง ๆ เช่น สบู่ และยาสีฟัน เพื่อช่วยป้องกันและยับยั้งแบคทีเรีย

ปัจจุบันน้ำผึ้งเป็นผลผลิตจากผึ้งงานที่นำมาใช้ประโยชน์ในหลาย ๆด้าน ทั้งด้านสุขภาพและความงาม เพื่อให้ได้น้ำผึ้งที่มีคุณภาพตามความต้องการ จึงมีการเลี้ยงผึ้งโดยเฉพาะการเลี้ยงในสวนลำไยเพื่อให้ได้น้ำผึ้งจากดอกลำไย ที่เชื่อกันว่าเป็นน้ำผึ้งที่มีคุณภาพดีที่สุดและการเลี้ยงผึ้งยังสามารถนำผลิตผลจากผึ้ง เช่น เกสรผึ้ง ไขผึ้ง นมผึ้งสด และรวงผึ้งไปใช้ประโยชน์ด้านอื่น ๆ ได้อีกมากมาย
https://suwanfarmphueng.com/articles/best-honey-bee/

5 ประโยชน์จากน้ำผึ้ง ดอกลำไย


น้ำผึ้ง เป็นสารให้ความหวานจากธรรมชาติที่มนุษย์รู้จักกันดี สมัยโบราณมีการนำน้ำผึ้งมาใช้ประโยชน์ทั้งในด้านบำรุงดูแลผิวพรรณ และการดูแลสุขภาพ โดยใช้เป็นส่วนประกอบในตำรายาแผนโบราณร่วมกับพืชสมุนไพร เพราะมีสรรพคุณทางยาเป็นยาอายุวัฒนะที่มีประโยชน์หลากหลาย ซึ่งคุณภาพของน้ำผึ้งจากดอกลำไย ถือได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่ดีที่สุด

5 ประโยชน์จากน้ำผึ้ง ดอกลำไย
กระบวนการผลิตน้ำผึ้ง ผึ้งงานจะทำหน้าที่ดูดน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ชนิดต่าง ๆ แล้วเปลี่ยนน้ำหวานหรือน้ำเชื่อมจากดอกไม้ที่เรียกว่าน้ำต้อยให้เป็นน้ำผึ้ง ด้วยการขย้อนน้ำเชื่อมจากเกสรดอกไม้ที่ดูดไว้ออกมาเก็บไว้ในหลอดรวงน้ำผึ้งเพื่อเป็นแหล่งอาหารให้กับตัวอ่อนในรัง โดยน้ำผึ้งที่ได้จากเกสรดอกไม้แต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติแตกต่างกัน ปัจจุบันมีการศึกษาและนิยมเลี้ยงผึ้งในสวนลำไยเพื่อให้ได้น้ำผึ้งจากดอกลำไย กันมากขึ้น เนื่องจากมีคุณประโยชน์และคุณสมบัติที่โดดเด่นชัดเจนกว่าน้ำผึ้งจากเกสรพืชหรือพันธุ์ไม้อื่น ๆ ดังนี้
1. กลิ่นหอมเฉพาะ รสหวาน และไม่เปลี่ยนแปลงตามอุณหภูมิ
โดยทั่วไป น้ำผึ้งจะมีรสหวานตามธรรมชาติอยู่แล้ว เพราะเป็นน้ำหวานจากเกสรดอกไม้นานาชนิดที่ผ่านกระบวนการผลิตจากผึ้งงานจนกลายเป็นสารให้ความหวานที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบมากถึง 80-85 % เช่น กลูโคส และฟรักโทส ซึ่งเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวที่สามารถย่อยเป็นพลังงานให้กับร่างกายได้อย่างรวดเร็ว แต่น้ำผึ้งจากดอกลำไย ที่เกิดจากการเลี้ยงผึ้งภายในสวนลำไยหรืออยู่ข้างๆ สวนลำไย รสหวานกว่าน้ำผึ้งเลี้ยงอื่น ๆ สีสวยออกน้ำตาลไม่เข้มมาก มีกลิ่นหอมของดอกลำไย และสีจะไม่เปลี่ยนแปลงตามอุณหภูมิทั้งการเก็บไว้ในตู้เย็นหรืออากาศเย็น จึงเป็นน้ำผึ้งที่นิยมนำไปใช้เป็นส่วนประกอบในตัวยา อาหารเสริม เครื่องสำอาง เวชสำอาง และเป็นสูตรส่วนผสมในพืชสมุนไพรเพื่อบำรุงดูแลผิว

2. คุณประโยชน์ด้านความงาม
น้ำผึ้งที่ได้จากป่าธรรมชาติมีการนำมาใช้ประโยชน์ด้านดูแลสุขภาพและความงามมาตั้งแต่สมัยโบราณ เช่น การนำน้ำผึ้งสดมาเป็นสูตรส่วนผสมในสมุนไพรไทยเพื่อนวดบำรุงผิวพรรณ บำรุงเส้นผม ปัจจุบันมีการนำน้ำผึ้งมาเป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอางหลากหลายประเภท ทำให้มีการศึกษาและค้นพบว่า น้ำผึ้งจากดอกลำไยเป็นน้ำผึ้งที่มีคุณภาพมากที่สุด เหมาะสำหรับนำไปใช้ประโยชน์ด้านสุขภาพและความงาม เพราะมีสารประกอบที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว เป็นตัวต้านความระคายเคืองและช่วยเสริมสร้างเซลล์ผิวให้แข็งแรง

3. มีประโยชน์ด้านโภชนาการ
น้ำผึ้งเป็นแหล่งของสารอาหารคาร์โบไฮเดรต  มีน้ำตาลฟรุกโทส และกลูโคส ที่ผึ้งย่อยสลายจากน้ำตาลซูโคสในน้ำหวาน นอกจากเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปสร้างพลังงานได้ทันทีแล้ว  การทานน้ำผึ้งในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ผสมกับเครื่องดื่มร้อนหรือเย็น ช่วยคลายความเหน็ดเหนื่อย อ่อนเพลียจากการตรากตรำทำงานหนัก จากการอดนอน และจากการเล่นกีฬา  หรือผสมน้ำผึ้งกับน้ำมะนาวดื่มเพื่อให้ชุ่มคอ ใช้ทาขนมปังเพื่อเพิ่มรสชาติ และใช้หมักอาหารเพื่อความกลมกล่อมทำให้อาหารรสชาติดียิ่งขึ้น

4. ประโยชน์ด้านสุขภาพและมีสรรพคุณทางยา
น้ำผึ้งจากแหล่งธรรมชาติทั่วไปจะได้จากพืชและเกสรดอกไม้หลากหลายชนิด ทำให้กลิ่น รส และสี แตกต่างกันไป นอกจากนั้นองค์ประกอบโครงสร้างของน้ำหวานที่ได้ก็อาจผิดแผกจากกันไปบ้าง จึงทำให้ไม่สามารถระบุน้ำผึ้งตามชนิดของพืชอาหารได้ ต่างจากน้ำผึ้งจากดอกลำไยที่มีกลิ่นหอมเฉพาะ สีสวย และรสหวานจากน้ำตาลฟรุกโทสและกลูโคส ช่วยเสริมสร้างสุขภาพให้แก่ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยระยะพักฟื้น มีธาตุเหล็กมีสรรพคุณช่วยบำรุงและเลือด บำรุงสมอง ช่วยความจำ ทำให้นอนหลับ และยังเป็นยาอายุวัฒนะช่วยบำรุงกำลังได้ดีอีกด้วย

5. ประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ
การเลี้ยงผึ้งหรือทำฟาร์มผึ้งบริเวณสวนลำไย นอกจากจะได้น้ำผึ้งจากดอกลำไย ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่มีคุณภาพ เป็นที่ต้องการของตลาดเนื่องจากนำไปใช้ประโยน์ได้หลายๆด้าน เช่น ด้านความงาม ด้านอาหารหรือโภชนาการ เป็นอาหารเสริม และมีสรรพคุณทางยา ทำให้น้ำผึ้งจากดอกลำไยมีราคาแพง รวมทั้งส่วนประกอบอื่น ๆ เช่น เกสรผึ้ง ไขผึ้ง นมผึ้งสด รวงผึ้ง มีราคาและขายได้เพราะนำไปใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน นอกจากนั้นการเลี้ยงผึ้งหรือทำฟาร์มผึ้งในสวนลำไย ยังช่วยทำการผสมเกสรดอกลำไยทำให้ต้นลำไยติดลูกได้มากยิ่งขึ้น การเลี้ยงผึ้งในสวนลำไยจึงเป็นประโยชน์ในด้านเศรษฐกิจ ทำให้เกษตรกรได้ประโยชน์หลายต่อและมีรายได้เพิ่มมากขึ้น

น้ำผึ้ง เป็นสารให้ความหวานและเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาตินอกจากมีคุณค่าและมีสรรพคุณทางยาที่เป็นประโยชน์ทั้งด้านสุขภาพและความงามแล้ว น้ำผึ้งจากดอกลำไยยังมีคุณลักษณะที่โดดเด่นและเป็นน้ำผึ้งที่คุณภาพ มีกลิ่นเฉพาะที่เพียงดมหรือชิมความหวานก็สามารถแยกแยะได้อย่างชัดเจนว่าเป็นน้ำผึ้งแท้หรือเป็นน้ำผึ้งที่มีสิ่งปลอมปน แม้จะมีราคาแพงกว่าน้ำผึ้งทั่วไปแต่ก็ได้รับความนิยมและบรรจุในบรรจุภัณฑ์หลายขนาดให้เลือกซื้อ ปัจจุบันการหาซื้อน้ำผึ้งจากดอกลำไยทำได้ไม่ยาก นอกจากซื้อจากฟาร์มเลี้ยงผึ้งโดยตรง ยังสามารถค้นหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตและสั่งซื้อน้ำผึ้งดอกลำไยได้จากเว็บไซต์ของฟาร์มเลี้ยงผึ้งได้อีกหนึ่งช่องทาง ซึ่งมีข้อดีเพราะเชื่อมั่นได้ว่าจะได้น้ำผึ้งแท้ที่มีคุณภาพจากฟาร์มเลี้ยงผึ้งโดยตรง
https://suwanfarmphueng.com/articles/benefit-of-longan-honey/

10 ประโยชน์ของน้ำผึ้ง ด้านสุขภาพและความงาม


เชื่อว่าคนส่วนใหญ่เคยใช้ประโยชน์จากน้ำผึ้งในด้านใดด้านหนึ่งหรือหลาย ๆ ด้านมาแล้ว ทั้งการนำมาเป็นส่วนประกอบในสมุนไพรเพื่อบำรุงสุขภาพ ผสมในเครื่องดื่มเพื่อให้ความหวานแทนน้ำตาล ดื่มน้ำผึ้งสดเพื่อใช้เป็นยาอุวัฒนะ การนำเกสรผึ้ง ไขผึ้ง นมผึ้งสด และรวงผึ้ง มาใช้ประโยชน์อื่น ๆ รวมทั้งนำน้ำผึ้งมาใช้ด้านสุขภาพและความงาม แต่อาจ ไม่ทราบว่าน้ำผึ้งมีประโยชน์ต่อสุขภาพและความงามอย่างไร บทความนี้เรามีความรู้ดี ๆ มาแนะนำ

10 ประโยชน์ของน้ำผึ้ง ด้านสุขภาพและความงาม
น้ำผึ้ง สารให้ความหวานที่เปรียบเสมือนผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ซึ่งผ่านกระบวนการผลิตจากผึ้งงานโดยการดูดกินน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ จนทำให้ได้น้ำผึ้งจากดอกลำไย , ดอกสาบเสื้อ และดอกไม้ป่า หรือจากพืชต่าง ๆ สรรพคุณของน้ำผึ้งนอกจากเป็นยาอายุวัฒนแล้ว ยังนำมาใช้ในด้านสุขภาพและความงาม เช่น อาหารเสริมหรือเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางและเวชสำอาง เนื่องจากมีประโยชน์ที่หลากหลาย ดังนี้
1. ปกป้องผิว ป้องกันการถูกทำลายจากรังสียูวี น้ำผึ้ง มีประสิทธิภาพในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ เพราะมีสารแอนติออกซิเดนท์ จึงมีคุณสมบัติในการปกป้องผิวจากรังสียูวีซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญทำให้ผิวเกิดริ้วรอยก่อนวัย จึงมีการใช้น้ำผึ้งเป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์บำรุงและป้องกันผิวจากแสงแดด เพื่อช่วยยืดอายุการเกิดริ้วรอยก่อนวัย และคงความอ่อนเยาว์ให้กับผิว โดยไม่มีอันตรายจากสารเคมีใด ๆ

2. อุดมไปด้วยวิตามินนานาชนิด คุณสมบัติที่โดดเด่นของน้ำผึ้ง คืออุดมไปด้วยวิตามินนานาชนิด เช่น วิตามินบี วิตามินซี มีฟอสฟอรัส แคลเซียม เกลือแร่ และแร่ธาตุ ซึ่งมีประโยชน์ต่อระบบไหลเวียนของเลือด ซึ่งมีส่วนช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส การทานน้ำผึ้งสดดีต่อสุขภาพ เพราะมีคุณค่าทางอาหารช่วยเสริมสร้างร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรงโดยเฉพาะน้ำผึ้งจากดอกลำไย ที่ยอมรับกันว่าเป็นน้ำผึ้งที่ดีที่สุด

3. เป็นสารให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ น้ำผึ้ง เป็นสารให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ เพราะมีสรรพคุณในการเป็นตัวกักเก็บน้ำที่ให้ความชุ่มชื้นไว้กับผิวเป็นตัวต้านความระคายเคืองที่ทำให้ผิวเกิดริ้วรอยได้ง่าย ดังนั้น น้ำผึ้ง จึงเป็นส่วนประกอบสำคัญของเครื่องสำอางหลากหลายชนิดที่ให้ความชุ่มชื้นกับผิว เพราะสามารถดึงและเก็บความชื้นไว้ได้ ทำให้ผิวหนังมีความอ่อนนุ่ม ยืดหยุ่นโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ปกป้องและบำรุงผิวสำหรับคนที่มีผิวแพ้ง่ายหรือผิวแห้ง

4. เสริมสร้างเซลล์ผิว ทำให้ผิวหนังแข็งแรง น้ำผึ้ง มีคุณสมบัติเป็นสารแอนติออกซิแดนท์หรือสารต้านอนุมูลอิสระ ที่นอกจากมีบทบาทสำคัญในการปกป้องและป้องกันผิวจากแสงแดดหรือรังสียูวีแล้ว ยังทำหน้าที่ในการเสริมสร้างเซลล์ผิวหนังใหม่ เนื่องจากผิวอาจมีภาวะแห้งกร้านจากสภาวะแวดล้อมภายนอก และปัญหาจากวัยที่เพิ่มมากขึ้นทำให้การผลัดเซลล์ผิวไม่สม่ำเสมอ ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของน้ำผึ้งจึงนอกจากจะมีคุณสมบัติในการเสริมสร้างเซลล์ผิว ทำให้ผิวหนังแข็งแรงแล้ว ยังไม่ทำให้เกิดอาการแพ้เพราะไม่มีส่วนผสมของสารเคมีใด ๆ

5. ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย น้ำผึ้ง มีคุณสมบัติเป็นสารต่อต้านจุลินทรีย์ และยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย โดยสารที่ชื่อว่า “ไฮโดรเจรเปอร์ออกไซด์” สารชนิดนี้กำจัดเชื้อโรคได้โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อ ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่มีการนำน้ำผึ้งที่มีคุณภาพ เช่น น้ำผึ้งจากดอกลำไย ไปใช้เป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอาง และเวชสำอางต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ในการรักษาโรคผิวหนัง รวมถึงเรื่องความสวยความงามด้วย

6. ช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง เงางาม น้ำผึ้ง เป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่นอกจากใช้บำรุงดูแลสุขภาพแล้ว ยังใช้ประโยชน์ด้านความสวยความงามตั้งแต่สมัยโบราณ เช่น นำมาบำรุงเส้นผม เพื่อให้มีสภาพแข็งแรง เส้นผมมีน้ำหนักเป็นเงางาม ไม่แห้งเสีย และช่วยขจัดรังแคได้ โดยนำน้ำผึ้งผสมกับน้ำมันมะกอกแล้วใช้หมักผม ทำให้หนังศีรษะนุ่มชุ่มชื้น ช่วยขจัดรังแค ทำให้ผมนุ่มมีน้ำหนักและสวยเป็นเงางาม หรือ หมักผมด้วยน้ำผึ้งและไข่แดง เพื่อกระตุ้นการทำงานของรูขุมขนให้มีประสิทธิภาพ ช่วยให้เส้นผมยาวเร็วขึ้น

7. เป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาล ในน้ำผึ้งมีส่วนประกอบของน้ำตาลฟรุกโทสและกลูโคส เป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปสร้างพลังงานได้ทันที การทานน้ำผึ้งแทนน้ำตาลยังย่อยง่ายกว่า แต่ให้พลังงานมากกว่าน้ำตาล นอกจากนั้นน้ำผึ้งยังมีรสหวานกว่า ทำให้ใช้ในปริมาณที่น้อย สำหรับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนักจึงนิยมใช้น้ำผึ้งแทนน้ำตาล

8. น้ำผึ้งเพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกาย การดื่มน้ำผึ้งทุกรูปแบบทั้งการดื่มน้ำผึ้งสดหรือผสมในเครื่องดื่มต่าง ๆ แทนน้ำตาลหรือน้ำหวาน ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกาย เช่น การผสมน้ำผึ้งจากดอกลำไยกับน้ำมะนาว หรือใช้น้ำผึ้งชงกาแฟแทนน้ำตาล ใช้ทาขนมปังแทนนม หรือใช้ปรุงอาหารแทนน้ำเชื่อม เมื่อร่างกายสดชื่นเป็นการบำรุงดูแลสุขภาพจากภายในสู่ภายนอก ทำให้สวยสดใสไม่เกิดริ้วรอยก่อนวัย

9. น้ำผึ้งเป็นอาหารเสริมจากธรรมชาติ น้ำผึ้งแท้ที่ดีและมีคณภาพ เช่น น้ำผึ้งจากดอกลำไย ดอกสาบเสื้อ และดอกไม้ป่า มีคุณค่าทางอาหารเป็นอาหารเสริมบำรุงร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรง เสริมสร้างวิตามิน และแร่ธาตุที่ร่างกายขาดหายไป ช่วยให้ระบบการย่อยอาหารและระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น เป็นยาอายุวัฒนะ เสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศให้สมบูรณ์แข็งแรง และชะลอความชราของผู้สูงอายุช่วยให้แลดูอ่อนกว่าวัยอยู่เสมอ 10. ใช้เป็นสูตรส่วนผสมในสมุนไพรเพื่อบำรุงดูแลผิว น้ำผึ้งแท้จากธรรมชาติ มีการนำมาใช้เป็นเป็นสูตรส่วนผสมในสมุนไพรเพื่อบำรุงดูแลผิวพรรณ มาตั้งแต่โบราณ ปัจจุบันในธุรกิจสปาหรือคนที่มีผิวบอบบางแพ้ง่ายก็นิยมใช้น้ำผึ้งคุณภาพดี เช่น น้ำผึ้งจากดอกลำไยดอกสาบเสื้อ และดอกไม้ป่า มาใช้เป็นสูตรส่วนผสมในสมุนไพรเพื่อบำรุงดูแลผิวหลากหลายสูตร ดังนี้
         - สูตรผิวหน้าเนียนใสด้วยน้ำผึ้ง ให้นำน้ำผึ้งจำนวน 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำมะขามเปียกคั้นข้นๆ จำนวน 2 ช้อนโต๊ะ จากนั้นคนส่วนผสมให้เข้ากันแล้วนำมาพอกให้ทั่วผิวหน้าเว้นบริเวณรอบดวงตา แล้วนวดเบาๆ แล้วพอกทิ้งไว้ 15-20 นาที ล้างออกด้วยน้ำเปล่าให้สะอาด ทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง จะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดร่วงออกไปเผยผิวใหม่ที่เนียนใสแลดูอ่อนกว่าวัย
         - สูตรน้ำผึ้งหัวไช้เท้าป้องกันสิว เพียงนำน้ำผึ้งแท้ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับเนื้อหัวไช้เท้าปั่นละเอียด 1 ถ้วย ปั่นให้ส่วนผสมละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นล้างทำความสะอาดผิวหน้า ซับหน้าให้แห้งนำส่วนผสมที่ปั่นไว้มาพอกหน้าทิ้งไว้ 10-15 นาทีแล้วล้างออก ทำอย่างสม่ำเสมอเพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ช่วยป้องกันการเกิดสิวได้อย่างเห็นผล และยังช่วยบำรุงผิวหน้าให้นุ่มชุ่มชื้น เนื่องจากหัวไช้เท้าเป็นพืชที่อุดมด้วยวิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินอี ที่มีประโยชน์ต่อผิว
         - สูตรน้ำผึ้งกระชับรูขุมขน เพียงนำน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับเนื้อแอปเปิลปั่นละเอียด โดยใช้แอปเปิล 1 ผล มาปอกเปลือกล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เอาแกนกลางออก จากนั้นนำไปปั่นให้ละเอียด เมื่อน้ำผึ้งกับเนื้อแอปเปิลผสมจนเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว นำมาทาให้ทั่วผิวหน้านวดเบาๆ ประมาณ 5 นาทีแล้วพอกทิ้งไว้ 15-20 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น กระชับรูขุมขนด้วยการเช็ดผิวหน้าด้วยน้ำเย็นอีกครั้ง สูตรนี้ทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งช่วยกระชับรูขุมขนป้องกันการเกิดสิว และทำให้ผิวหน้าเนียนสวย

น้ำผึ้ง ถือเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงดูแลผิวจากธรรมชาติ ที่นอกจากมีประโยชน์ด้านความงามตามที่กล่าวมาแล้ว ปัจจุบันน้ำผึ้งยังมีบทบาทสำคัญและนิยมนำไปเป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอาง เวชสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงดูแลผิวหลากหลายชนิด รวมทั้งการทานน้ำผึ้งเป็นอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ แต่ต้องพิจารณาเลือกน้ำผึ้งแท้หรือน้ำผึ้งจากดอกลำไยดอกสาบเสื้อ และดอกไม้ป่า ที่ไม่มีสารปลอมปนอื่นใด ซึ่งสามารถหาซื้อได้จากฟาร์มเลี้ยงผึ้งโดยตรงหรือสั่งซื้อออนไลน์จากเว็บไซต์ของฟาร์มเลี้ยงผึ้งที่มีอยู่มากมาย
https://suwanfarmphueng.com/articles/10-benefit-of-honey/

เกสรผึ้ง คืออะไร


ปัจจุบันน้ำผึ้งแท้คุณภาพดีที่นิยมทานหรือนำมาใช้ประโยชน์ด้านดูแลสุขภาพและความงาม ได้แก่น้ำผึ้งจากดอกลำไย ดอกสาบเสื้อ และดอกไม้ป่า เป็นน้ำผึ้งที่ได้จากป่าธรรมชาติและได้จากการเลี้ยงผึ้ง ไว้ตามสวนไม้ดอกและพืชผลต่าง ๆ เพื่อให้ได้น้ำหวานหรือน้ำผึ้งที่มีลักษณะตามต้องการ นอกจากนั้นการดูดกินน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ของผึ้ง ยังทำให้ได้เกสรผึ้งที่มีคุณประโยชน์มากมาย

เกสรผึ้ง คืออะไร
เกสรผึ้ง (Bee Pollen) คือ ละอองเรณูของดอกไม้ ลักษณะคล้ายฝุ่นแป้งที่เกิดและหลุดจากช่อเกสร ตัวผู้ของดอกไม้นานาชนิด ขณะที่ผึ้งงานเข้าไปดูดน้ำหวานและคลุกเคล้ากับอับเกสร ให้เกสรติดตามตัว และใช้ขาปัดเขี่ยรวมกันเป็นก้อนเล็ก ๆ ติดไว้ที่ปลายขาหลังทั้งสองข้างบริเวณอวัยวะที่เรียกว่า ตะกร้าเก็บเกสร จากนั้นผึ้งจะบินมายังรังเพื่อเก็บเกสรผึ้ง ไว้เป็นอาหาร

ประโยชน์ของเกสรผึ้ง
เกสรผึ้ง ถือเป็นอาหารเสริมจากธรรมชาติที่มีความปลอดภัย เพราะเป็นแหล่งรวมวิตามินจากธรรมชาติ อุดมด้วยสารอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและในเกสรผึ้งยังมีวิตามินมากกว่า 22 ชนิด แร่ธาตุ 16 ชนิด และเอนไซม์ 94 ชนิด ประโยชน์ของเกสรผึ้งช่วยในการบำรุงสมอง และระบบประสาท ช่วยในการเสริมสร้างพลังและปรับสมดุลให้กับร่างกาย วิธีการเก็บเกสรผึ้ง ปัจจุบันการเลี้ยงผึ้งนอกจากได้น้ำผึ้งคุณภาพดีตามต้องการแล้ว ส่วนต่าง ๆ ที่ได้จากการเลี้ยง เช่น เกสรผึ้ง ยังเป็นสุดยอดอาหารจากธรรมชาติที่ส่งผลดีต่อสุขภาพในหลาย ๆ ด้าน ทำให้ฟาร์มเลี้ยงผึ้งมีการเก็บและนำเกสรผึ้งไปทำให้แห้งโดยกรรมวิธีที่ไม่สูญเสียคุณค่าทางอาหาร โดยมีวิธีการเก็บ ดังนี้
           1. ใช้ตะแกรงสำหรับดักเกสร สอดไว้ตรงทางเข้าทางออกของรังผึ้งซึ่งผึ้งงานจะบินเข้าออกเป็นประจำ
           2. เลือกขนาดตะแกรงให้โตพอที่ตัวผึ้งลอดผ่านไปได้พอดี เมื่อขาหลังของผึ้งจะครูดกับตะแกรงทำให้เกสรที่ติดมากับขาผึ้งร่วงลงถาดรองรับพอดี
           3. จากนั้นผู้เลี้ยงจะเก็บเกสรผึ้งไปตากในที่ร่มที่มีลมโกรกประมาณ 2 – 3 วัน เมื่อแห้งดีแล้วให้เก็บใส่ภาชนะปิดฝาเพื่อป้องกันความชื้นและเก็บไปรับประทานได้นานถึง 2 ปี

การเลี้ยงผึ้งของแต่ละฟาร์ม นอกจากจะได้น้ำผึ้งตามต้องการแล้ว ส่วนประกอบอื่น ๆ ที่ได้จากการเลี้ยงผึ้งและการคั้นน้ำผึ้ง เช่น ไขผึ้ง นมผึ้งสด รวงผึ้ง และเกสรผึ้ง ยังนำมาใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ได้หลากหลาย รวมถึงน้ำผึ้งสดที่มีประโยชน์ด้านสุขภาพและความงามและยังเป็นยาอายุวัฒนะทานแล้วบำรุงสุขภาพได้ดีอีกด้วย
https://suwanfarmphueng.com/articles/bee-pollen/

ประโยชน์เกสรผึ้ง ดีอย่างไรต่อสุขภาพ


เกสรผึ้ง เป็นเกสรตัวผู้ของพืช ที่มีลักษณะเป็นละอองเม็ดเล็ก ๆ เมื่อผึ้งงานเข้าไปคลุกเคล้าขณะดูด  น้ำหวานจากเกสรดอกไม้ ละอองเหล่านั้นก็จะติดตามตัวโดยผึ้งงานจะใช้ขาปัดเขี่ยรวมกันเป็นก้อนเล็ก ๆ ติดไว้ที่ปลายขาหลังทั้งสองข้าง แล้วนำกลับไปเก็บไว้ที่รังเพื่อใช้เป็นอาหาร นอกจากนั้นเกสรผึ้งยังเป็นแหล่ง คุณค่าทางโภชนาการที่มีประโยชน์และดีต่อสุขภาพของคนเราอีกด้วย

เกสรผึ้ง มีประโยชน์อย่างไรต่อสุขภาพ
เกสรผึ้ง (Bee Pollen) มีสารอาหารและแร่ธาตุที่มีประโยชน์มากมาย อาทิเช่น คาร์โบไฮเดรต กรดอะมิโน ไขมัน เกลือแร่ น้ำ และวิตามินต่าง ๆ จำนวนมาก เกสรผึ้งถูกเก็บและนำไปตากในที่ร่มจนแห้งจะมีคุณค่าทางโภชนาการที่ดีต่อสุขภาพ ดังนี้
           1. เกสรผึ้งมีฤทธิ์ต่อการทำงานของแบคทีเรียและช่วยควบคุมแบคทีเรียในลำไส้
           2. การทานเกสรผึ้ง ช่วยเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกาย ส่งผลให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อโรคได้ดีขึ้น
           3. ช่วยบรรเทาอาการของโรคภูมิแพ้ ภูมิแพ้อากาศและฝุ่นละออง
           4. สำหรับคนที่เป็นไซนัส การทานเกสรผึ้ง 1 ช้อนชาผสมกับน้ำอุ่น หรือ ผสมน้ำผึ้งเล็กน้อย ดื่มทุกวัน ๆ ละ 2 ครั้ง ติดต่อกัน 2 สัปดาห์ จะรู้สึกดีขึ้น
           5. เกสรผึ้ง ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อผิวหนัง ทำให้เลือดไปเลี้ยงเซลล์ผิวหนังได้อย่างทั่วถึง ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส
           6. เกสรผึ้งยังเป็นสารช่วยบำรุงและเสริมสร้างบำรุงเส้นผมให้ดกดำและหงอกช้า ผมมีน้ำหนัก ไม่แห้ง ชี้ฟู
           7. การทานเกสรผึ้ง ช่วยบำรุงสมองและลดความตึงเครียด ช่วยควบคุมระบบประสาทให้อยู่ในสภาพปกติ
           8. สำหรับผู้ที่เลือดน้อยหรือเป็นโรคโลหิตจาง การทานเกสรผึ้งยังช่วยเสริมสร้างเม็ดเลือดแดง
           9. สำหรับผู้ที่มีอาการทางจิต อยู่ในภาวะซึมเศร้า กลัดกลุ้ม หรือได้รับความกดดัน เกสรผึ้งมีสรรพคุณในการรักษาและบรรเทาอาการของโรค
           10. เกสรผึ้ง ยังถือเป็นสารฮอร์โมนธรรมชาติที่ช่วยกระตุ้นและบำรุงระบบสืบพันธุ์ทั้งชายและหญิง

ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ทำให้ผู้ที่มีบุตรยากอาจมีบุตรได้ เนื่องจากเกสรผึ้งมีสรรพคุณทำให้สตรีตกไข่ดีขึ้น และสร้างความแข็งแรงให้ตัวสเปิร์มและเพิ่มปริมาณตัวสเปิร์ม การทานเกสรผึ้งมีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลาย ๆ ด้าน และการทานเกสรผึ้งที่ให้ผลดีควรทานหลังอาหารหรือทานเกสรผึ้งร่วมกับน้ำผึ้ง ในระยะแรก หากสามารถปรับตัวได้แล้วก็สามารถทาน เกสรผึ้ง ก่อนอาหารได้ตามปกติ การเก็บเกสรผึ้งควรเก็บในอุณหภูมิปกติและปราศจากความชื้น ทางฟามร์ผึ้งของเรามีเกสรผึ้งขายขนาด 100 กรัม และเกสรผึ้งขายขนาด 1000 กรัมด้วยนะคะ
https://suwanfarmphueng.com/articles/benefit-of-bee-pollen/

วิธีการทำ น้ำผึ้งมะนาวโซดา


หากพูดถึงเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพนั้น หลายๆท่านคงคิดถึงน้ำผึ้งมะนาวโซดาเป็นแน่ ด้วยรสชาติที่อร่อย สดชื่น มีกลิ่นที่หอมหวาน รวมถึงยังช่วยล้างพิษในลำไส้ได้เป็นอย่างดี จึงทำให้ดีต่อสุขภาพ โดยวิธีการทำก็แสนง่าย ดังต่อไปนี้

ส่วนผสม
           - น้ำผึ้ง
           - น้ำร้อน
           - น้ำมะนาวแท้
           - โซดา
           - น้ำแข็ง
วิธีทำ
           - ใส่น้ำผึ้งลงในแก้ว 2 ช้อนโต๊ะ
           - เติมน้ำร้อน 1 ช้อนโต๊ะ (เพื่อละลายน้ำผึ้ง)
           - คนให้เข้ากัน
           - เติมน้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
           - เติมน้ำแข็งให้เต็มแก้ว
           - ใส่โซดา 1/2 ขวด
           - ตกแต่งให้สวยงามด้วย มะนาวฝานเป็นแบบแว่น รวงผึ้งสดๆ 1 ชิ้นเล็ก
โดยสามารถดูวีดีโอการทำได้ด้านล่าง เท่านี้ก็จะได้เป็นน้ำผึ้งมะนาวโซดาแสนชื่นใจ
https://suwanfarmphueng.com/articles/how-to-make-honey-lemon-soda/

น้ำผึ้ง ควรทานเท่าไหร่ถึงจะพอดี และโทษของการรับประทานน้ำผึ้งมากเกินไป


น้ำผึ้ง ถึงแม้จะมีสรรพคุณประโยชน์ต่างๆมากมาย แต่การรับประทานที่มากจนเกินไปนั้นก็อาจส่งผลกระทบในด้านร้ายได้ เพราะฉะนั้นทางสุวรรณฟาร์มผึ้งจึงมาบอกเล่าว่าควรรับประทานน้ำผึ้งเท่าไหร่จึงจะพอดี และได้รับประโยชน์สูงสุด จะเป็นอย่างไรนั้นไปดูกันเลย

น้ำผึ้ง ควรทานเท่าไหร่ถึงจะพอดี
ปริมาณที่เหมาะสมในการกินน้ำผึ้งต่อวันนั้นควรอยู่ที่ 3-5 ช้อนโต๊ะ ไม่ควรมากไปกว่านี้ต่อหนึ่งวัน โดยการกินนั้นก็ควรแบ่งแยกช่วงเวลาออกจากกัน คือ กินน้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะในช่วงเช้าเพื่อช่วยให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่า และค่อยทานเพิ่มอีก 1 ช้อนโต๊ะตบท้ายในช่วงเวลาก่อนนอน เหตุที่ให้รับแนะนำให้รับประทานแค่ช่วงเช้า 2-3 ช้อนโต๊ะ กับช่วงก่อนนอน 1 ช้อนโต๊ะนั้น เพราะระหว่างวันท่านอาจจะได้รับประทานอาหารต่างๆที่ใช้น้ำผึ้งมาประกอบในอาหาร ซึ่งรวมกันออกมาแล้วก็จะได้ไม่เกิน 5-6 ช้อนโต๊ะต่อวัน

*น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะนั้น จะให้พลังงานถึง 60 แคลอรี่ ซึ่งเป็นการบริโภคที่พอดีกับความต้องการของร่างกายแล้ว ควรระวังในเรื่องการกินอาหารอื่นๆ ที่ให้แคลอรี่เพิ่มมากขึ้นสูงเกินไปเพื่อสุขภาพที่ดี

โทษของการทานน้ำผึ้งมากเกินไป คือ
แน่นอนการรับประทานอะไรก็ตามที่มากจนเกินไป ย่อมเกิดผลเสียได้ น้ำผึ้งเองก็เช่นกัน ซึ่งหากรับประทานในจำนวนมากก็จะทำให้เกิดโทษได้ ดังนี้
             - อาจทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเสียขึ้นได้ เนื่องจากตัวน้ำผึ้งมีน้ำตาลฟรุกโตสอยู่มาก ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาในการดูดซึมในลำไส้ หากรับประทานในจำนวนมาก
             - ตัวน้ำผึ้งไม่ควรให้ผู้ป่วยเบาหวานรับประทาน เพราะจะให้ไปเพิ่มน้ำตาลในเลือด
             - ส่งผลให้อ้วนขึ้น หากรับประทานเป็นจำนวนมากติดต่อกัน
https://suwanfarmphueng.com/articles/that-should-fit-and-the-penalty-for-traveling-too-much/

น้ำผึ้งดอกลำไย น้ำผึ้งดอกไม้ป่า และ น้ำผึ้งดอกลิ้นจี่ต่างกันอย่างไร ?


น้ำผึ้ง เป็นอาหารหวานที่ผึ้งผลิตโดยใช้น้ำต้อยจากดอกไม้ น้ำผึ้งมักหมายถึงชนิดที่ผลิตโดยผึ้งน้ำหวานในสายพันธุ์ Apis เนื่องจาก เป็นผึ้งเก็บน้ำหวานให้คุณภาพสูง และสามารถเลี้ยงระบบกล่องได้ น้ำผึ้งมีประวัติการบริโภคของมนุษย์มายาวนาน และถูกใช้เป็นสารให้ความหวานในอาหารและเครื่องดื่มหลายชนิด นอกจากนี้น้ำผึ้งยังมีบทบาทในศาสนาและสัญลักษณ์นิยม รสชาติของน้ำผึ้งแตกต่างกันตามน้ำต้อยที่มา และมีน้ำผึ้งหลายชนิดและเกรดที่สามารถหาได้ แต่จะพูดถึงในบทความนี้นั้นจะมีน้ำผึ้งทั้งหมด 3 ชนิด ตามหัวข้อบทความ ส่วนจะมีความแตกต่างกันยังไรบ้างนั้นไปดูกันเลย

น้ำผึ้งดอกลำไย น้ำผึ้งดอกไม้ป่า และน้ำผึ้งดอกลิ้นจี่ ต่างกันอย่างไร ?
น้ำผึ้งทั้ง 3 ชนิดที่จะกล่าวถึงนี้นั้น จะมีชื่อเรียกที่ไม่เหมื่อนกันขึ้นอยู่กับชนิดของดอกไม้ที่ตัวผึ้งได้ไปทำการเก็บมา โดยจะมีจุดเด่นและความแตกต่างกันออกไปดังนี้
น้ำผึ้งดอกลำไย
มีสีออกน้ำตาลอ่อน โดดเด่นที่กลิ่นหอม มีรสหวานกว่าน้ำผึ้งดอกลิ้นจี่ และตัวสีของน้ำผึ้งเข้มกว่า ทั้งตัวน้ำผึ้งจะไม่เปลี่ยนแปลงตามอุณหภูมิหากแช่ไว้ในตู้เย็น

น้ำผึ้งดอกลิ้นจี่
มีสีเหลืองอำพันสวยงาม ทั้งตัวสีของน้ำผึ้งชนิดจะไม่เปลี่ยนตามชาวงเวลา มีรสหอมหวานกลมกล่อมพอดี ซึ่งน้ำผึ้งชนิดนี้จะตกผลึกหากเจออากาศเย็น หรือถูกนำไปแช่ใว้ในตู้เย็น

น้ำผึ้งดอกไม้ป่า
เป็นน้ำผึ้งที่จะทำการเก็บเกี่ยวในช่วงเดือน ธันวาคม ไปจนถึง มกราคม โดยช่วงเก็ฐน้ำผึ้งชนิดมาใหม่ๆนั้นจะมีสีเหลืองออกน้ำตาลอ่อน และจะมีสีเข้มขึ้นตามช่วงเวลาในการเก็บ นอกจากนี้จะตกผลึกหากเจออากาศเย็น หรือถูกนำไปแช่ใว้ในตู้เย็น
https://suwanfarmphueng.com/articles/longan-flower-honey-wild-flower-honey-and-honey/

วิธีเก็บน้ำผึ้งจากฟาร์มผึ้ง


การเก็บรังผึ้ง น้ำผึ้ง จากฟาร์มผึ้งนั้นจำเป็นต้องเรียนรู้ศึกษาให้ดีเสียก่อน เพื่อป้องกันการบาดเจ็บและอันตรายจากพิษผึ้ง ซึ่งมีเหตุการณ์ผู้ที่เสียชีวิตเพราะมันอยู่บ่อยครั้ง ด้วยเหตุนี้ผมจึงอยากเขียนถึงวิธีการเก็บรังผึ้งจากฟาร์ม จะเป็นอย่างไรนั้นไปดูกันเลย


วิธีวิธีเก็บรังผึ้งจากฟาร์มผึ้ง
ในแต่ละฟาร์มผึ้งอาจจะมีวิธีการเก็บรังผึ้งหรือน้ำผึ้งที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่ที่ความชำนาญและความถนัดของผู้เก็บ แต่หากพูดถึงวิธีการพื้นฐานในการเก็บนั้นก็จะมีด้วยกัน 2 วิธี ดังต่อไปนี้


การเก็บน้ำผึ้งในรูปแบบเก่า
รูปแบบการเก็บน้ำผึ้งแบบเก่าจะทำเมื่อรังผึ้งถูกเลี้ยงไว้ได้ 3 เดือน โดยให้สังเกตว่ารวงผึ้งที่สร้างเอาไว้นั้นมีขนาดใหญ่พอให้เก็บแล้วหรือยังก่อน เมื่อปริมาณมากพอตามที่ต้องการแล้วก็ให้เริ่มทำการเก็บ

มาถึงจุดนี้การเก็บอาจจะมีขั้นแตกต่างกันตามสถานที่ผึ้งอาศัยอยู่ อย่างเช่นบางคนเลี้ยงผึ้งไว้ในคอน บางคนเลี้ยงผึ้งในโพรง หรือบางคนต้องการเก็บน้ำผึ้งจากรังผึ้งตามธรรมชาติ แต่ในกรณีการเลี้ยงผึ้ในรูปแบบเก่านี้จะเลี้ยงผึ้งในโพรงไม้ หรือกล่องไม้เท่านัเน

โดยเริ่มแรกให้ทำการใช้มีดตัดรวงผึ้งออก แต่อย่าให้หมดเหลือเอาไว้สัก 3-4 รวง ขึ้นอยู่ที่ขนาดของรวงผึ้งนั้นๆ แล้วเตรียมตะแกงกับถังเอาไว้ ต่อจากนั้นนำรวงผึ้งที่ได้มาสับอีกทีบนตะแกรง เพื่อทำให้น้ำผึ้งจากในรวงไหลลงถังเก็บ แล้วบ่อยทิ้งไว้สัก 3-4 วัน ส่วนของผงหรือฝุ่นจะลอยตัวขึ้นอยู่ด้านบนให้การเอาออก เมื่อเสร็จแล้วก็จะได้รับน้ำผึ้งบริสุทธิ์ที่เหมาะกับการนำไปรับประทานนั่นเอง

*ไม่ควรใช้มือบีบเค้นรวงผึ้งเพื่อรีดน้ำผึ้ง เพราะจะทำให้มีสิ่งเจือปนลงไป

การเก็บน้ำผึ้งในรูปแบบใหม่
การเก็บน้ำผึ้งรูปแบบใหม่จำเป็นต้องมีถังสกัด โดยเราจะเริ่มจากการยกรังผึ้งออกจากตอน แล้วทำการเขย่าผึ้งให้หลุดออกจากคอนให้หมดก่อนเสียก่อน แล้วจึงใช้มีดปาดส่วนของแผ่นไขผึ้งที่ปิดน้ำผึ้งอยู่ออกเสียก่อน ต่อจากนั้นนำไปใส่ในถังสลัดน้ำผึ้งแล้วก็จะได้เป็นน้ำผึ้งบริสุทธิ์ออกมา พร้อมสำหรับการนำไปใส่ขวดขายหรือรับประทานนั่นเอง
https://suwanfarmphueng.com/articles/collect-honey-from-farm/

เมนูสดชื่น เลมอนดองน้ำผึ้ง Lemon Honey Preserve



สูตร : เลมอนดองน้ำผึ้ง Lemon Honey Preserve 1 กระปุก
           1. เลมอน 2 ลูก
           2. เกลือ 2 ช้อนโต๊ะ (สำหรับขัดผิวเลมอน)
           3. Baking Soda (ผงฟู) 2 ช้อนโต๊ะ (สำหรับขัดผิวเลมอน)
           4. น้ำผึ้งดอกไม้ป่า 200 กรัม
           5. กระปุกเล็ก 1 (ฆ่าเชื้อลวกน้ำร้อนแล้ว)

วิธีทำ
           - ขัดผิวเลมอนกับเกลือให้ทั่วทั้งลูก ออกแรงขัดเล็กน้อย และแช่ในน้ำผสมเกลือต่อ 5 นาที เพื่อลดความขมจากเปลือก

           - ขัดผิวเลมอนกับผงฟูให้ทั่วทั้งลูก ออกแรงขัดเล็กน้อย และแช่ในน้ำผสมผงฟูต่อ 5 นาที เพื่อลดความขมจากเปลือก ล้างน้ำให้สะอาดอีกรอบ ใช้กระดาษซับให้เลมอนแห้ง

           - หั่นเลมอนเป็นแว่นหนาพอดีประมาณ 2 มิลลเมตร เอาเม็ดออก และเรียงใส่ในกระปุกที่ลวกน้ำร้อนแล้ว เทน้ำผึ้งที่เตรียมไว้ ให้ท่วมเลมอนที่เรียงในขวดโหล ปิดฝาให้แน่น แช่ตู้เย็นอุณหภูมิปกติ 1 วัน ก็สามารถนำมาทำเครื่องดื่มได้


https://suwanfarmphueng.com/articles/lemon-honey/

เคล็ดลับเมนูนี้ :
           - หากดองไว้ 4 วันขึ้นไป สามารถทานได้เลมอนทั้งชิ้น โดยไม่มีความขม
           - สูตรนี้แนะนำใช้กับน้ำผึ้งดอกไม้ป่า จะมีกลิ่นหอมละมุนมาก สนใจสั่งซื้อ น้ำผึ้งดอกไม้ป่าจากฟาร์มโดยตรง ได้ที่ https://suwanfarmphueng.com/shop/