ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


ข้อดีของการทำการตลาดออนไลน์ (Online Marketing) มีอะไรบ้าง ?

ในปัจจุบันคำว่า การตลาดออนไลน์ หรือ Online Marketing กลายเป็นคำที่มีอิทธิพลต่อการทำธุรกิจของโลกนี้เป็นอย่างมาก เพราะในยุคที่สื่อสังคมออนไลน์กลายเป็นปัจจัยที่ 5 ในการดำเนินชีวิตของประชากรยุคปัจจุบัน เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความเป็นออนไลน์ได้เข้ามาอยู่ในส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คนส่วนใหญ่บนโลกไปแล้ว

ทำให้คำว่า การตลาดออนไลน์ หรือ Online Marketing กลายเป็นกลยุทธ์ในการทำการตลาดที่เข้าถึงลูกค้าในยุคปัจจุบันได้อย่างดีที่สุดและกำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย ด้วยการอาศัยการทำการตลาดผ่านพื้นที่ออนไลน์ แต่เชื่อว่าน้อยคนที่จะรู้ถึงความหมายและความสำคัญของกลยุทธ์นี้อย่างแท้จริง


การตลาดออนไลน์ คือ?

การตลาดออนไลน์ (Online Marketing) คือการทำการตลาดผ่านสื่อออนไลน์ทุกประเภท เช่น เว็บไซต์,โซเชียลมีเดีย รวมถึงการทำโฆษณา (Advertising) บนสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ด้วยเช่น Google, Youtube, Facebook เพื่อการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าบนโลกออนไลน์และสร้างการรับรู้ จนกระทั่งกลุ่มคนเหล่านั้นกลายมาเป็นลูกค้าที่ซื้อสินค้าและใช้บริการของธุรกิจเราในที่สุด


ข้อดีของการทำการตลาดออนไลน์ (Online Marketing) มีอะไรบ้าง ?

จากผลสำรวจของ Hootsuite พบว่า ปี 2022 คนไทยใช้งานสื่อออนไลน์กว่า 78.7% ของจำนวนประชากรทั้งหมดในประเทศ (อันดับ 20 ของโลก) ดังนั้นคุณน่าจะพอเห็นภาพแล้วว่า ทำเลทองของการทำการตลาด ไม่ได้อยู่ที่ย่านไหน จังหวัดอะไรอีกต่อไป แต่อยู่บนพื้นที่ไร้พรมแดนที่เรียกว่า “สื่อออนไลน์” เลยทำให้การทำการตลาดออนไลน์ กลายเป็นกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมและถูกยอมรับในประสิทธิภาพว่า “เป็นกลยุทธ์การตลาดที่ทรงพลังที่สุด” ในยุคนี้

ถึงตรงนี้เราลองมาดูกันดีกว่าว่า ข้อดีของการทำการตลาดออนไลน์ (Online Marketing) มีอะไรบ้าง ?


1.ช่วยธุรกิจเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น

เมื่อโลกของความเป็นออนไลน์ไม่มีพรมแดน จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้การทำการตลาดออนไลน์สามารถช่วยให้ธุรกิจ เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น ช่วยเปิดโอกาสให้ธุรกิจหาลูกค้าใหม่ ๆ ได้เสมอและยังเป็นการทำให้ลูกค้าก็สามารถเข้าถึงตัวธุรกิจได้ง่ายขึ้นเช่นเดียวกัน เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างลูกค้ากับแบรนด์
2. ราคาถูก ค่าใช้จ่ายไม่บานปลาย

หากจะพูดถึงการทำการตลาดหรือการทำโฆษณา ในสมัยที่ยังไม่มีสื่อออนไลน์ หลายคนน่าจะนึกถึงช่องทางคลาสสิคอย่าง โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ ไปจนถึงป้าย Billboard ใหญ่ ๆ ที่ต้องใช้งบประมาณมากมาย ที่ธุรกิจขนาดเล็กไม่มีทางเอื้อมถึง แต่กลับกันในการทำการตลาดออนไลน์นั้น เราไม่จำเป็นต้องมีงบประมาณมากมายขนาดนั้น ก็สามารถทำการตลาด ทำโฆษณาได้ เพียงแค่มีเงินประมาณหลักร้อย หลักพัน คุณก็สามารถเริ่มต้นยิงโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์อย่าง Facebook ได้แล้ว ถือเป็นทางเลือกสำหรับธุรกิจขนาดเล็กอย่างแท้จริง


3. มีข้อมูลออกมาเป็นตัวเลข ใช้วัดผล วิเคราะห์ข้อมูลได้

สำหรับการทำการตลาดออนไลน์นั้น จะมีข้อดีตรงที่ทุกอย่างจะสามารถวัดข้อมูลตัวเลขของค่าต่าง ๆ (Metric) เช่น Reach, View, Impressions, Click, CTR ให้คุณได้เห็นเลยว่ามีลูกค้าหรือผู้ใช้งานของเราสร้าง Action อะไรบ้างบนเว็บไซต์ของเรา มีคนเห็น Online Ads ของเรามากน้อยแค่ไหนในแต่ละวัน แล้วปริมาณนั้นเปลี่ยนไปสู่ลูกค้าที่มากดซื้อสินค้าของเราได้กี่คน ซึ่งคุณสามารถนำข้อมูลตัวเลขที่ได้มานี้ไปประกอบการตัดสินใจและใช้วางแผนการตลาดออนไลน์ในอนาคตต่อไปได้


4. การทำโฆษณาที่เจาะจงกลุ่มลูกค้าได้อย่างละเอียด

ข้อดีที่ทำให้กลยุทธ์ การตลาดออนไลน์ มีประสิทธิภาพอันทรงพลังนั่นก็คือเรื่องของ ความสามารถในการกำหนดกลุ่มเป้าหมายของการทำโฆษณาได้อย่างละเอียด คุณสามารถกำหนดเองได้เลยว่า ในการทำโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์แต่ละครั้ง กลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการให้โฆษณาของคุณไปปรากฏ จะเป็นคนกลุ่มไหน อายุเท่าไร เพศอะไร การศึกษาระดับไหน อาศัยอยู่ที่ใด มีพฤติกรรมประมาณไหน (เจาะได้ละเอียดมาก)


5. ให้คุณทำธุรกิจได้ 24 ชั่วโมง ไม่พลาดทุกโอกาสสำคัญ

เพราะโลกออนไลน์ไม่มีเวลาเปิดปิด ไม่มีวันหยุด ลูกค้าสามารถเข้าถึงธุรกิจคุณได้ตลอดเวลา เพียงแค่มีช่องทางที่มีประสิทธิภาพอย่าง เว็บไซต์ หรือ Facebook Page ก็สร้างโอกาสในการขายให้กับธุรกิจได้ทั้งวันตลอด 24 ชั่วโมง ไม่พลาดทุกโอกาสทางธุรกิจ


ช่องทางในการทำการตลาดออนไลน์ (Online Marketing) มีอะไรบ้าง ?

ช่องทางในการทำการตลาดออนไลน์ ที่คุณควรรู้จักและนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของการทำการตลาดให้แก่ธุรกิจคุณ โดยเราจะสามารถแบ่งสื่อออกเป็น 3 ช่องทางหลัก ได้แก่ Paid Media, Owned Media และ Earned Media โดยแต่ละอย่าง มีรายละเอียดทั้งหมดดังนี้


1. Paid Media

Paid Media คือชนิดของสื่อออนไลน์ที่ธุรกิจต้อง “จ่ายเงิน” เพื่อซื้อพื้นที่ในการเผยแพร่ ยกตัวอย่างเช่น การซื้อโฆษณาบน Facebook, การซื้อโฆษณาบน Search Engine เช่น Google Search Ads, การซื้อโฆษณาก่อนหรือระหว่างวิดีโอบน Youtube ไปจนถึงการซื้อพื้นที่โฆษณาออนไลน์ผ่านสื่อต่าง ๆ ด้วย โดย Paid Media ที่ได้รับความนิยมสำหรับการทำการตลาดออนไลน์ในไทย จะมีดังนี้

● Social Media Ads

Social Media Paid Ads คือการซื้อโฆษณาบนพื้นที่ของสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) ต่าง ๆ เช่น Facebook, Instagram, Twitter, LINE OA ไปจนถึงสื่อใหม่ ๆ อย่าง TikTok เป็นลักษณะของช่องทางการทำ Paid Media ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะมีลูกค้าที่ใช้งานมากมาย เหมาะสำหรับธุรกิจทุกประเภท สามารถทำโฆษณาจามวัตถุประสงค์ได้หลากหลาย

● Search Ads (Search Engine Marketing)

Search Ads (Search Engine Marketing) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า SEM คือการซื้อพื้นที่โฆษณาบนหน้า Search Engine เช่น Google ช่องทางนี้จะเหมาะสำหรับธุรกิจที่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง โดยเมื่อผู้ใช้งานพิมพ์ Keyword ลงไป ก็จะพบกับเว็บไซต์มากมาย ที่เกี่ยวข้องกับ Keyword คำนั้นก็จะแสดงขึ้นมาให้ผู้ค้นหาเลือกเข้าชม แต่ถ้าคุณมีการซื้อโฆษณาแบบ Search Ads ใน Keyword คำนั้น เว็บไซต์ของคุณก็จะมาปรากฏขึ้นเป็นลิงก์แรกของหน้าการค้นหาบน Google ทันที ซึ่งการทำโฆษณาประเภทนี้จะดำเนินการผ่านเครื่องมือที่เรียกว่า Google Ads

● Youtube Ads

YouTube Ads คือการซื้อโฆษณาในรูปแบบวิดีโอแสดงผลผ่าน Youtube โดยตัวโฆษณานั้นจะปรากฏขึ้นในช่วงก่อนเริ่ม (ต้นคลิป) ระหว่างคลิป และท้ายคลิป โดยการทำโฆษณาประเภทนี้จะดำเนินการผ่านเครื่องมืออย่าง Google Ads เช่นกัน


● Display Ads

Display Ads (Google Display Ads) คือการซื้อโฆษณาที่แสดงผลในรูปแบบของ “แบนเนอร์” รูปภาพและตัวหนังสือ ที่จะไปปรากฏตามเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่เป็นพันธมิตรกับทาง Google และมีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ ถือเป็นอีกหนึ่ง Paid Media ที่ได้รับความนิยมไม่น้อย เพราะสร้างโอกาสที่ผู้ใช้งานจะเห็นได้มาก


2. Owned Media

Owned Media คือ ชนิดของสื่อออนไลน์ที่ตัวธุรกิจคุณเองมีสิทธิ์ในการควบคุม จัดการ เนื้อหาคอนเทนต์ทุกอย่างได้ทั้งหมด รวมทั้งเป็นเจ้าของข้อมูลต่าง ๆ ของผู้ใช้งานทุกคน เปรียบเสมือนบ้านของธุรกิจคุณ โดย Owned Media ที่ได้รับความนิยมในไทยจะมีด้วยกันดังนี้

● Social Media

สังคมออนไลน์ที่เราคุ้นเคยกัน ถือเป็น Owned Media ช่องทางสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้นเช่น Facebook, Instagram, Line Official Account, Twitter, TikTok โดย Social Media แต่ละตัวก็จะเหมาะกับลักษณะธุรกิจที่แตกต่างกันออกไปด้วย

● Website

การมีเว็บไซต์ ก็เปรียบเหมือนการ “สร้างบ้าน” ให้กับธุรกิจของคุณ เป็น Owned Media ที่ไม่มีทางเลือนหายไปตามกาลเวลา เป็นช่องทางที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจและแบรนด์ เพิ่มโอกาสในการค้นหาทางโลกออนไลน์ของลูกค้า (สำคัญต่อการทำ SEO) และยังใช้เป็นพื้นที่ในการขายสินค้าให้กับลูกค้าได้ด้วย

● Email Marketing

Email เป็น Owned Media ที่ช่วยทำให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในรูปแบบของอีเมล โดยเป้าหมายของการใช้ Email ไม่ใช่มีไว้เพื่อทำการขายโดยตรง (Direct Sell) แต่จุดประสงค์ของมันคือเพื่อใช้ในการประชาสัมพันธ์, การโฆษณาสินค้าและบริการใหม่ ๆ, การเผยแพร่ ข้อมูลข่าวสาร หรือโปรโมชันต่าง ๆ จากแบรนด์ให้ลูกค้ารับรู้ นับว่าเป็นพื้นที่สื่อที่เหมาะกับการทำธุรกิจประเภท B2B (Business To Business)

● SMS

แต่ถ้าต้องการทำธุรกิจแบบ B2C (Business To Customer) การใช้ SMS หรือข้อความสั้นผ่านโทรศัพท์มือถือถือเป็น Owned Media ที่ตอบโจทย์เพราะเป็นสื่อที่มีผู้ใช้งานเยอะที่สุด เพียงแค่คุณมีฐานข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ มีข้อดีตรงที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว มีเปอร์เซ็นต์ที่ลูกค้าจะเปิดดูมากที่สุด (มากกว่า Email) สามารถวัดผลได้ทันที


Earned Media

Earned Media คือชนิดของสื่อออนไลน์ที่เกิดขึ้นจากการที่ผู้บริโภคพูดถึงสินค้าหรือแบรนด์ของเรา ในลักษณะของการบอกต่อ แนะนำ การคอมเมนท์, แชร์ในโลกออนไลน์ ไปจนถึงการเขียนรีวิวลงในสื่อต่าง ๆ ให้กับแบรนด์ของเราก็นับว่าเป็น Earned Media ด้วยเช่นกัน โดยตัวอย่าง Earned Media ที่มีประสิทธิภาพสำหรับการทำการตลาดออนไลน์ ที่เราอยากแนะนำมีดังนี้

● Influencer Marketing

Influencer Marketing คือ การทำการตลาดออนไลน์ที่อาศัยอิทธิพลของ Influencer หรือบุคคลที่มีชื่อเสียง มีผู้ติดตามในโลกออนไลน์ เป็นตัวกลางในการโน้มน้าวผู้บริโภคให้สนใจแบรนด์ของเราผ่านการสร้างคอนเทนต์ที่หลากหลาย เช่น รีวิว แนะนำ ถ่ายรูปคู่ (Tie-In) เพื่อเป็นการเพิ่มความน่าเชื่อถือและสร้าง Brand Awareness ให้กับธุรกิจจนกลุ่มเป้าหมาย (ผู้ติดตาม) เริ่มสนใจสินค้าและกลายเป็นลูกค้าของธุรกิจคุณในที่สุด

● SEO (Search Engine Optimization)

SEO คือ กระบวนการปรับแต่งเว็บไซต์ที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณติดอยู่ในหน้าแรกของการค้นหาบน Search Engine ใน Keywords นั้น ๆ โดยการทำ SEO นั้นจะมีกฎสำคัญตรงที่เราจะไม่เสียเงินโฆษณาแม้แต่บาทเดียว แต่ต้องอธิบายก่อนว่า แม้การมีเว็บไซต์จะจัดเป็น Owned Media แต่สำหรับการทำ SEO จะเป็นเรื่องของ Earned Media เต็ม ๆ เพราะการทำ SEO คือการทำการตลาดที่เล่นกับระบบ Algorithm ของ Google ที่คุณสามารถปรับแต่งเนื้อหาของเว็บไซต์ เพื่อสร้างอันดับที่ดีบนหน้า Google ซึ่งจะทำให้ลูกค้ากดเข้าไปยังเว็บไซต์ของเรานั่นเอง

● Inbound Marketing

Inbound marketing คือการทำตลาดออนไลน์ที่ใช้วิธีการดึงดูดลูกค้าผ่านวิธีส่งมอบคอนเทนต์หรือเนื้อหาต่าง ๆ ที่มีคุณค่าไปยังผู้รับ โดยที่ธุรกิจจะต้องใช้งบประมาณต่ำที่สุดหรือถ้าเป็นไปได้ต้องห้ามเสียเงินเลย เพราะการที่ธุรกิจของคุณมี “คอนเทนต์ที่มีคุณค่า” เช่น Website Blog, E-Book, Podcast ที่สามารถตอบโจทย์ปัญหาหรือความต้องการของพวกเขาได้ มาเผยแพร่ในสื่อของตัวเอง ลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะยอมสละเวลามาอ่าน, รับชม คอนเทนต์ และเมื่อพวกเขาได้รับคุณค่าที่แท้จริงของแบรนด์คุณที่ส่งมอบผ่านคอนเทนต์ คนกลุ่มนั้นก็จะกลายมาเป็นลูกค้าที่ภักดีกับแบรนด์ของคุณทันที จะเหมาะกับธุรกิจประเภท B2B (Business To Business) ที่สุด


ข้อดีของการทำการตลาดออนไลน์ (Online Marketing) มีอะไรบ้าง ? อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://techwealth99.com/