ฟิลเลอร์ฟิลเลอร์ (Filler) ฉีดเพื่อเติมเต็มผิวบริเวณร่องลึกให้ตื้นขึ้น รวมทั้งเติมเต็มริ้วรอย ปรับรูปหน้าให้สมส่วน มีมิติ และลดโอกาสการเกิดริ้วรอยร่องลึกในอนาคต ซึ่งแต่ละจุด ไม่ว่าจะเป็นใต้ตา / คาง / ร่องแก้ม /ปาก / ขมับ / หน้าผาก / จมูก แต่ละเคสจะใช้ปริมาณ CC ที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับปัญหาและสภาพผิวของแต่ละเคส ซึ่งคุณหมอจะวิเคราะห์ก่อนฉีดฟิลเลอร์
ในบทความนี้จะพาไปดูว่าแต่ละจุด ควรเติมเต็มฟิลเลอร์ได้กี่ CC ถึงจะเหมาะสม ผลลัพธ์ออกมาสวยงาม ดูเป็นธรรมชาติ การรู้ปริมาณ CC จะได้ช่วยเตรียมงบประมาณในเบื้องต้น เลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ที่สามารถแก้ปัญหาที่ตรงจุด ภายใต้งบประมาณที่กำหนดได้
ฟิลเลอร์ใต้ตาการแก้ปัญหาใต้ตา โดยส่วนมากจะเติมฟิลเลอร์ใต้ตา 2-4 CC ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละเคส เช่น ความลึก ริ้วรอย ความคล้ำของใต้ตา
ในเคสที่มีปัญหาไม่เยอะมาก ก็สามารถเติมฟิลเลอร์ใต้ตาข้างละ 1 cc หรือแบ่งฟิลเลอร์ 1 cc สำหรับฉีดใต้ตาทั้งสองข้างได้ หรือในเคสที่มีปัญหาใต้ตาลึก กระดูกใต้ตามีการยุบตัวมาก ๆ เช่น ในเคสที่อายุมากขึ้น กระดูกเบ้าตาก็จะทรุดตัวลงมากกว่าปกติ แพทย์ก็จะพิจารณาใช้ฟิลเลอร์มากขึ้น
สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คือผลลัพธ์ที่ต้องออกมาดูเป็นธรรมชาติ
ฟิลเลอร์คางส่วนใหญ่แล้วหมอจะฉีดฟิลเลอร์คาง 1 CC โดยจะเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีความคงตัวสูง เพื่อคงสภาพและอยู่ทรงได้นาน
ฟิลเลอร์คาง ไม่สามารถเติมคางให้ยาวลงมาได้เกิน 1 ซม. ในแคสที่มีปัญหาคางสั้น คางตัด คางบุ๋ม ต้องการปรับแก้รูปคางให้ยาวขึ้น ปริมาณฟิลเลอร์เพียง 1 CC ก็สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน
การฉีดฟิลเลอร์คางกับแพทย์ที่มีประสบการณ์จะช่วยคำนวนปริมาณ เลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ฟิลเลอร์ร่องแก้มคุณหมอจะเป็นคนประเมินตามความเหมาะสม ในเคสที่อายุไม่เยอะมาก อายุ 30-40 ปี มีร่องแก้มที่ไม่ลึกมาก ส่วนใหญ่จะใช้ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ทั้ง 2 ข้างแค่ประมาณ 1-2 CC แต่ถ้าในกรณีที่คนไข้ที่อายุเยอะ เช่น 50 ปีขึ้นไป คุณหมอจะพิจารณาใช้ฟิลเลอร์จำนวนหลาย CC (บางเคสใช้ 3-4 CC)
นอกจากนี้อาจจะต้องทำ hifu หรือร้อยไหมร่วมด้วย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์หน้าเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุด
ฟิลเลอร์ปากโดยทั่วไปการฉีดฟิลเลอร์ปากเติมเพียง 1 CC หลังฉีดก็เห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน นอกจากคนที่ปากบางมาก หรืออยากได้ทรงอวบอิ่มแบบฝรั่ง ต้องการเพิ่มวอลลุ่มมาก ๆ อาจจะต้องใช้ 2 CC โดยการจะปรับทรงปากให้สวยงามเหมาะกับรูปหน้าของแต่ละคน ก็จะต้องประเมินความเหมาะสมเป็นเคส ๆ ไป
ฟิลเลอร์ขมับสำหรับฟิลเลอร์ขมับ ในเคสส่วนมากจะใช้ประมาณข้างละ 1-2 CC ขึ้นกับความลึกของขมับตอบ หมอจะช่วยประเมินและแนะนำให้ตามความเหมาะสม แพทย์ประสบการณ์สูงจะเลือกใช้ฟิลเลอร์รุ่นที่เหมาะสมกับโครงสร้างใบหน้า และผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
การฉีดฟิลเลอร์ขมับ เติมเต็มขมับตอบ ขมับยุบ นอกจากจะเป็นการปรับรูปหน้าให้สมส่วน ยังช่วยให้ดูอ่อนเยาว์และสดใสขึ้น รวมถึงช่วยเสริมโหงวเฮ้ง ทั้งในด้านการค้าและธุรกิจ เชื่อว่าคนที่มีขมับเต็มอิ่มจะทำให้รับทรัพย์ มีคนอุปถัมภ์ค้ำชู
ฟิลเลอร์หน้าผากเมื่ออายุมากขึ้น ในเคสที่ร่องหน้าผากบริเวณเหนือคิ้วที่ยุบตัวลง ต้องการเติมฟิลเลอร์ให้ร่องตื้นขึ้น หน้าผากเรียบเข้ารูป อยากให้ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ได้ต้องการความโหนกนูน จะใช้ปริมาณฟิลเลอร์ไม่มาก 1-2 CC ก็เพียงพอแล้ว
ส่วนในเคสที่ต้องการเสริมโหงวเฮ้งหน้าผากให้โหนกนูน ก็สามารถเลือกรูปของคนที่หน้าผากสวย ๆ ไปให้หมอดูเป็นตัวอย่างได้ เพื่อประเมินว่าควรใช้ฟิลเลอร์กี่ cc ถึงจะเหมาะสม
ฟิลเลอร์หน้าผาก ไม่ควรฉีดเกินครั้งละ 5 CC เพราะอาจกิดการกดทับเนื้อเยื่อและบวมลงมาถึงบริเวณรอบดวงตา หมอจะจะค่อย ๆ ทยอยฉีดทีละ 3-5 CC รวม ๆ แล้วฟิลเลอร์ที่ใช้ก็จะอยู่ในช่วง 3-10 CC
ฟิลเลอร์แก้มส้ม ฟิลเลอร์แก้มส้ม โดยทั่วไปใช้ข้างละ 1 CC ขึ้นอยู่กับความต้องการและปัญหาของแต่ละเคส ถ้าใบหน้ามีปัญหามาก แก้มตก แก้มแบน ร่วมกับปัญหาอื่น ๆ เช่น มีร่องใต้ตา ร่องแก้ม มุมปาก ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูโทรม ไม่สดใส แก้ไขได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม
โดยจะเป็นการเติมฟิลเลอร์เข้าไปบริเวณกลางหน้าหรือพวงแก้ม ซึ่งมีการยุบตัวของกระดูก กล้ามเนื้อ ไขมัน ทำให้ผิวหย่อนคล้อย หรือเป็นร่องริ้วรอย สามารถฉีดฟิลเลอร์ร่วมกับฟิลเลอร์ใต้ตา ฟิลเลอร์ร่องแก้ม เพื่อเติมเต็มร่องลึก ก็จะช่วยให้ได้แก้มส้มที่สวย ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
สรุปจะเห็นได้ว่าการฉีดฟิลเลอร์แต่ละจุดใช้ปริมาณ CC ที่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับปัญหา สภาพผิว รวมถึงงบประมาณ ในการเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์และรุ่นฟิลเลอร์ที่เหมาะสม
ฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ที่มีประสบการณ์ จสามารถะวางแผนการรักษา เริ่มแก้ไขที่สาเหตุหลักก่อนตามงบประมาณและความต้องการของคนไข้เป็นหลัก เนื่องจาการฉีดฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็ม HA ที่มีความปลอดภัย สลายได้เอง ไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย สามารถเติมเพิ่มได้เรื่อย ๆ เพื่อผลลัพธ์ที่สวยงาม คงความอ่อนเยาว์ไว้ได้เป็นธรรมชาติมากที่สุด