ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


ประโยชน์ของ Probiotic ช่วยคุณแม่รับมือ ลูกร้องไห้ไม่มีสาเหตุ

ประโยชน์ของ Probiotic ช่วยคุณแม่รับมือ ลูกร้องไห้ไม่มีสาเหตุ

   ในช่วงเดือนแรกพ่อแม่มือใหม่หลายคนกลุ้มใจที่ ลูกร้องไห้ไม่มีสาเหตุ เสียงแผดร้องกรี๊ด ๆ ดิ้นปัดแขนปัดขา หน้าท้องเกร็ง อาการร้องไห้รุนแรงต่อเนื่องนานหลายชั่วโมง ทางการแพทย์สันนิษฐานว่าเกิดจาก อาการโคลิค ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะใช้จุลินทรีย์โพรไบโอติคเพื่อรักษาอาการให้ดีขึ้น มาดูกันว่าโพรไบโอติคคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร
   ความหมายของ “โพรไบโอติค” คือจุลินทรีย์ที่มีชีวิตซึ่งถือเป็นแบคทีเรียชนิดดีที่ช่วยสร้างสมดุลในร่างกาย พบได้ในอาหารประเภทนมเปรี้ยว โยเกิร์ต และอาหารหมักดอง เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะอาศัยอยู่ในลำไส้ มีประโยชน์หลายประการ ดังนี้
   1.ประโยชน์ข้อสำคัญคือรักษาสมดุลในลำไส้ ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบขับถ่ายให้ทำงานเต็มประสิทธิภาพ ขับถ่ายง่าย
   2.โพรไบโอติคช่วยย่อยสยายโปรตีนและไขมันในทางเดินอาหาร จึงลดปัญหาท้องอืดจุกเสียด ท้องผูก ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของอาการโคลิคทำให้ ลูกร้องไม่หยุด นอกจากแพทย์จะทำการหยดยาเพื่อลดอาการปวดท้องแล้ว พ่อแม่รับมือกับอาการท้องอืดในเด็กได้ง่าย ๆ ด้วยการนวดท้องช่วยให้ลูกผ่อนคลาย ลดอาการแน่นท้องและปวดท้องน้อยลง
   2.กระตุ้นภูมิคุ้มกันทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้น โพรไบโอติคช่วยลดอัตราการติดเชื้อทางเดินหายใจ ช่วยรักษาอาการเจ็บป่วยในระบบทางเดินอาหาร ปรับปรุงการดูดซึมสารอาหารดีขึ้น รวมทั้งป้องกันการติดเชื้อโรคไข้หวัดธรรมดาโรคไข้หวัดใหญ่ และอาการคัดจมูกลดลง เมื่อลูกน้อยแข็งแรงดีไม่เจ็บป่วย อาการร้องไห้งอแงจะลดลงไปมาก
   3.การร้องไห้ติดต่อกันนาน ๆ เด็กจะกลืนลมลงท้องส่งผลให้มีแก๊สในกระเพาะ ปวดท้อง หรือท้องเสีย การใช้โพรไบโอติคช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น ลดระดับความเครียด ความวิตกกังวล และอาการซึมเศร้าอย่างได้ผล
   ทารกร้องไห้ นานเป็นชั่วโมงแทบทุกวันในระยะ 3-4 เดือนแรก พ่อแม่กลุ้มใจเพราะไม่รู้สาเหตุทั้งเหนื่อยและเครียดมากจนบางครั้งเผลอจับลูกเขย่าไม่ยั้งมือซึ่งเป็นอันตรายมากอาจทำให้ลูกบาดเจ็บ เซลล์สมองได้รับความเสียหาย หากปล่อยไว้ให้เหนื่อยแล้วหยุดร้องไปเองลูกก็อาจโตมาเป็นเด็กขี้หงุดหงิด เลี้ยงยาก หากไม่แก้ปัญหาอาจติดเป็นนิสัยและจะกรีดร้องทุกครั้งที่ไม่ได้ดั่งใจ พ่อแม่และสมาชิกครอบครัวควรทำความเข้าใจอาการโคลิคว่าไม่น่ากลัวอย่างที่คิด สามารถรับมือได้ในระดับหนึ่งโดยไม่ใช่ยา พร้อมกับปรึกษาแพทย์ที่อาจพิจารณาความเหมาะสมในการใช้โพรไบโอติคมาเป็นตัวช่วยทำให้ทารกรู้สึกดีขึ้นและหยุดร้องเร็วขึ้น
   ด้วยเหตุนี้ ทันทีที่สงสัยว่าลูกน้อยมีอาการโคลิค กังวลว่าลูกจะเป็นอันตรายเพราะ เด็กร้องไห้ รุนแรงในช่วงเวลาเดียวกันแทบทุกวัน ควรพาลูกไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวินิจฉัยและทำการรักษาอย่างถูกต้อง ซึ่งบางกรณีแพทย์อาจแนะนำให้เปลี่ยนยี่ห้อนมเป็นชนิดโปรตีนย่อยง่าย หรือใช้โพรไบโอติคชนิดที่เหมาะกับภาวะโคลิคที่ต้องการรักษาอย่างปลอดภัยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพที่สุด