เผยกลยุทธ์ขอสินเชื่อ SME แบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกันให้ได้วงเงินสูง พร้อมวิเคราะห์ตลาดสินเชื่อปี 2568 จากมุมมองผู้เชี่ยวชาญ

ทำอย่างไรให้ขอสินเชื่อ SME แบบมีหลักทรัพย์ได้วงเงินสูงสุดในปี 2568
ในปี 2568 ตลาด
สินเชื่อเพื่อธุรกิจ ของไทยมีการแข่งขันสูงขึ้น ทั้งจากธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ เนื่องจากเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปหลังผ่านช่วงผันผวนใน 2–3 ปีที่ผ่านมา ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่า สินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME เติบโตเฉลี่ย 5–7% ต่อปี และประเภทที่ได้รับความนิยมมากคือ
สินเชื่อแบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพราะได้วงเงินสูงและดอกเบี้ยต่ำกว่าแบบไม่มีหลักประกัน
จากประสบการณ์ที่ปรึกษาด้านสินเชื่อ ผมพบว่าผู้ประกอบการที่เตรียมตัวดี เลือกหลักทรัพย์เหมาะสม และมีแผนธุรกิจชัดเจน สามารถขอวงเงินได้สูงกว่ามาตรฐานเฉลี่ย 10–20% ต่อดีล เรามาดูปัจจัยสำคัญกัน
เลือกหลักทรัพย์ค้ำประกันที่มีมูลค่าสูงและสภาพคล่องดี
สถาบันการเงินให้ความสำคัญกับสองเรื่อง คือ มูลค่าประเมิน และ ความสามารถในการเปลี่ยนเป็นเงินสด (สภาพคล่อง) โดยทั่วไปธนาคารจะปล่อยกู้ 60–80% ของมูลค่าประเมิน แต่ถ้าหลักทรัพย์มีสภาพคล่องสูง เช่น เงินฝากประจำ พันธบัตร หรืออสังหาฯ ทำเลเด่น อาจได้สูงถึง 90–95%

ประเภทหลักทรัพย์ที่นิยมใช้ค้ำประกัน
- ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง: วงเงินเฉลี่ย 70–80% ของมูลค่าประเมิน ถ้าทำเลดีและมีศักยภาพพัฒนา อาจได้วงเงินสูงกว่านี้
- เงินฝากและพันธบัตรรัฐบาล: สภาพคล่องสูง วงเงินสูงสุด 90–95%
- หุ้นและหลักทรัพย์จดทะเบียน: ปล่อยกู้ราว 50–70% เพราะมีความผันผวนสูง
- เครื่องจักรและอุปกรณ์: วงเงิน 30–60% เนื่องจากมีการเสื่อมราคาและสภาพคล่องต่ำ

เทคนิคการประเมินมูลค่าเพื่อให้ได้วงเงินสูงสุด
- ใช้ผู้ประเมินที่ได้รับการรับรองจากสมาคมผู้ประเมินค่าทรัพย์สินฯ เพื่อให้รายงานได้รับการยอมรับ
- ปรับปรุงสภาพทรัพย์สินก่อนประเมิน เช่น ซ่อมแซม ทาสี จัดภูมิทัศน์ใหม่
- เตรียมเอกสารครบถ้วน เช่น โฉนดที่ดิน ใบอนุญาตก่อสร้าง แบบแปลนบ้าน/อาคาร

หลักทรัพย์ที่สถาบันการเงินมักให้วงเงินสูงกว่า
- ที่ดินในเขตเมืองและย่านธุรกิจ เพราะมีมูลค่าเพิ่มได้ในอนาคต
- อาคารพาณิชย์/สำนักงานที่มีผู้เช่าเต็มและมีรายได้สม่ำเสมอ
- เงินฝากประจำและพันธบัตรรัฐบาล เนื่องจากความเสี่ยงต่ำและแปลงเป็นเงินสดได้ทันที
- กลยุทธ์เสริมเพื่อเพิ่มโอกาสได้วงเงินสูง
- แผนธุรกิจชัดเจน – ระบุเป้าหมายการใช้เงินและแนวทางสร้างรายได้ พร้อมคาดการณ์กระแสเงินสด
- เครดิตทางการเงินดี – รักษาประวัติชำระหนี้ทั้งของบริษัทและเจ้าของกิจการให้สม่ำเสมอ
- เปรียบเทียบหลายสถาบัน – แต่ละธนาคารมีเกณฑ์และอัตราดอกเบี้ยต่างกัน การขอข้อเสนอจากหลายแห่งจะช่วยให้ได้วงเงินและเงื่อนไขที่ดีที่สุด

แนวโน้มปี 2568 และผลกระทบต่อ SME
ข้อมูลจากสมาคมธนาคารไทยชี้ว่า ในปี 2568 สถาบันการเงินจะใช้เทคโนโลยีการประเมินความเสี่ยง (Credit Scoring) ที่ละเอียดขึ้น ส่งผลให้ผู้กู้ที่มีข้อมูลการเงินโปร่งใสและหลักทรัพย์คุณภาพสูงจะได้เปรียบในการขอ
สินเชื่อแบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกันอย่างมาก ในขณะเดียวกัน ดอกเบี้ยสินเชื่อเพื่อธุรกิจมีแนวโน้มทรงตัวที่ 5–7% ต่อปี ซึ่งยังอยู่ในระดับแข่งขันได้เมื่อเทียบกับหลายประเทศในภูมิภาค
สรุปจากมุมมองที่ปรึกษา
การจะขอสินเชื่อเพื่อธุรกิจแบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกันให้ได้วงเงินสูงสุด ไม่ใช่แค่เรื่องของมูลค่าทรัพย์ แต่คือการผสมผสานระหว่างการเลือกหลักทรัพย์ที่เหมาะสม การเตรียมเอกสาร การรักษาเครดิต และการมีแผนธุรกิจที่น่าเชื่อถือ หากคุณเตรียมครบทั้ง 4 ด้านนี้ โอกาสได้วงเงินสูงสุดตามที่ต้องการก็อยู่ไม่ไกล

? สนใจรับคำปรึกษาฟรีเรื่องการขอสินเชื่อเพื่อธุรกิจ ติดต่อได้ที่
www.easycashflows.comข้อมูลอ้างอิง
ธนาคารแห่งประเทศไทย. (2568). รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงิน ไตรมาส 1 ปี 2568.
https://www.bot.or.thสมาคมธนาคารไทย. (2568). บทวิเคราะห์แนวโน้มสินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME.
https://www.tba.or.thสมาคมผู้ประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย. (2568). มาตรฐานการประเมินค่าทรัพย์สินเพื่อการค้ำประกัน.
https://www.taov.orgกระทรวงพาณิชย์. (2568). รายงานภาวะการค้าและการลงทุนภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม.
https://www.moc.go.th