:Pลองนึกภาพว่าคุณมีบ้านที่ผ่อนหมดแล้ว หรือที่ดินที่ได้มาจากครอบครัว ยังวางทิ้งไว้เฉย ๆ ไม่มีใครใช้ ไม่มีรายได้ แล้วถ้าเราบอกว่า ทรัพย์สินเหล่านี้สามารถเปลี่ยนเป็น “ทุนก้อนโต” สำหรับต่อยอดธุรกิจคุณได้ โดยที่ยังไม่ต้องขาย ไม่ต้องย้ายออก น่าสนใจมั้ยครับ?
:'(ใช่เลย! วันนี้เราจะชวนคุณมารู้จักกับ
สินเชื่อแบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกันทางเลือกการเงินที่กำลังมาแรงในปี 2025 เพราะมันไม่ใช่แค่การกู้เงิน แต่คือ “การใช้ทรัพย์ที่คุณมีอยู่แล้วให้สร้างอนาคตใหม่ให้ธุรกิจของคุณได้”

emo52ทำไมใครๆ ก็พูดถึง “สินเชื่อมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน”?
เพราะในยุคที่ดอกเบี้ยยังคงสูง ความเข้มงวดของเครดิตบูโรก็ไม่ได้น้อยลง การจะขอสินเชื่อได้ง่ายๆ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ สำหรับเจ้าของธุรกิจ โดยเฉพาะ SME หรือเจ้าของกิจการรายย่อยที่ต้องการทุนหมุนเร็วแต่ไม่มี Statement เงินเดือนให้ดูสวยๆ
นี่แหละครับที่ สินเชื่อมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เข้ามาเป็น “ตัวช่วยลับ” ที่หลายธุรกิจใช้กันเงียบๆ
ทรัพย์มีมูลค่า + เอกสารสิทธิ์ชัดเจน = กู้เงินง่าย วงเงินสูง ดอกเบี้ยต่ำ
โดยเฉพาะทรัพย์อย่าง บ้าน ที่ดิน โรงงาน อาคารพาณิชย์ หรือแม้แต่ห้องชุด ก็สามารถนำมาจำนองเพื่อขอสินเชื่อได้หมด ขอแค่คุณเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ และหลักทรัพย์ไม่มีปัญหาคดีความ
จุดแข็งของสินเชื่อแบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ที่คนทำธุรกิจควรรู้
1. ดอกเบี้ยต่ำกว่าอย่างรู้สึกได้
ถ้าเคยกู้สินเชื่อบุคคลหรือบัตรเครดิต ดอกเบี้ย 18-25% ต่อปีก็คงไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ถ้าคุณเอาที่ดินไปค้ำประกัน คุณอาจได้อัตราดอกเบี้ยแค่ 6-10% ต่อปีเท่านั้น แล้วคิดดูสิว่า เงิน 1 ล้าน ถ้าต่างกันแค่ 10% ต่อปี คุณประหยัดไปกี่บาท?
2. วงเงินสูงแบบจับต้องได้
ธนาคารหรือสถาบันการเงินมักให้วงเงินกู้ 70-90% ของมูลค่าหลักทรัพย์ นี่หมายความว่า ถ้าคุณมีที่ดินราคา 10 ล้านบาท คุณอาจกู้ได้ถึง 7-9 ล้านบาทเลยทีเดียว ไม่ต้องขายของ ไม่ต้องรอพาร์ทเนอร์ เท่ากับว่า “ทรัพย์ที่คุณถืออยู่มีค่าเท่าเงินสด”
3. เครดิตบูโรไม่เป๊ะ ก็ยังมีหวัง
ในโลกความจริง คนทำธุรกิจหลายคนอาจเคยล้มหรือพลาดชำระล่าช้า แต่หากคุณมีหลักทรัพย์ที่มั่นคง สถาบันการเงินก็ยังพร้อมพิจารณา เพราะเขามีทางเลือกในการเรียกคืนเงินถ้าคุณผิดนัด — ตรงนี้ถือเป็นจุดได้เปรียบของ สินเชื่อมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน มากกว่าการกู้แบบไม่มีหลักทรัพย์
4. ผ่อนยาวๆ ไม่อึดอัด
ระยะเวลาผ่อนชำระของสินเชื่อประเภทนี้ยืดได้ยาวถึง 10-30 ปี แล้วแต่เงื่อนไขของแต่ละเจ้า ทำให้คุณไม่ต้องกังวลเรื่องค่างวดรายเดือนเกินกำลัง
แล้วธุรกิจแบบไหนเหมาะกับสินเชื่อนี้?
ธุรกิจ SME ที่ต้องการเงินทุนขยายกิจการ แต่ไม่อยากโดนดอกเบี้ยบีบคอ
เจ้าของกิจการที่ต้องการรีไฟแนนซ์หนี้ดอกสูงให้ผ่อนเบาขึ้น
ผู้ประกอบการที่อยากลงทุนซื้อเครื่องจักร เพิ่มสายการผลิต แต่ไม่อยากเสี่ยงสภาพคล่อง
คนที่มีทรัพย์สินว่างเปล่า ไม่ได้ใช้สร้างรายได้
ถ้าคุณอยู่ในกลุ่มนี้ ลองพิจารณา สินเชื่อมีหลักทรัพย์ ไว้ในแผนกลยุทธ์การเงินของธุรกิจเลยครับ
เคสจริงที่หลายคนไม่รู้ว่าทำได้
คุณศักดิ์ เจ้าของโรงงานผลิตอาหารแช่แข็ง ต้องการขยายโรงงานแห่งที่ 2 แต่ไม่อยากใช้เงินทุนหมุนเวียน เลยใช้ที่ดินโรงงานเดิมมาจำนองขอสินเชื่อ ได้วงเงิน 12 ล้านบาท ไปใช้ลงทุนซื้อเครื่องจักรใหม่ โดยที่ไม่ต้องรบกวนเงินเดือนพนักงานเลยแม้แต่นิดเดียว
คุณเมย์ เจ้าของธุรกิจออนไลน์ มีบ้านผ่อนหมดแล้ว แต่ต้องการทุน 3 ล้านบาทไปเปิดสาขาร้านค้าปลีก ใช้บ้านค้ำประกันขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินเอกชน ได้วงเงินเต็มพร้อมระยะผ่อน 15 ปี จ่ายสบายกว่าที่คิด
แล้วมีอะไรต้องระวังไหม?
แน่นอนว่าทุกสินเชื่อก็มีด้านที่ต้องใคร่ครวญ:
ถ้าผิดนัดชำระ ทรัพย์ที่ค้ำไว้อาจถูกยึดได้
ค่าใช้จ่ายแฝง เช่น ค่าประเมิน ค่าจดจำนอง หรือค่าธรรมเนียมต่างๆ ควรสอบถามให้ครบ
ความสามารถในการชำระคืน อย่าคิดว่าใช้หลักทรัพย์แล้วกู้ได้เท่าไรก็เอาหมด ต้องดูรายได้ของธุรกิจด้วยว่าพอจะจ่ายรายเดือนไหวแค่ไหน
สรุปแบบคนทำธุรกิจ: จะเอายังไงดี?
ถ้าคุณมีทรัพย์สินอยู่ในมือ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ที่ดิน หรืออาคาร แล้วกำลังต้องการเงินทุนมาขยายกิจการ รีไฟแนนซ์หนี้ หรือเสริมสภาพคล่อง สินเชื่อแบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน คือหนึ่งในตัวเลือกที่คุ้มค่า
มันไม่ใช่แค่ “กู้เงินง่าย” แต่มันคือการ “ใช้สิ่งที่มีให้ได้ประโยชน์สูงสุด” โดยยังรักษาทรัพย์นั้นไว้ในมือ
ไม่ต้องขาย ไม่ต้องย้าย ไม่ต้องหาผู้ร่วมทุน แค่รู้จักใช้ทรัพย์ให้ถูกจังหวะ ก็ทำให้ธุรกิจก้าวต่อได้แบบไม่สะดุด
อยากรู้รายละเอียดมากกว่านี้?
เว็บไซต์ของเรารวบรวมข้อมูล
สินเชื่อแบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ไว้ครบถ้วน พร้อมทีมที่ปรึกษามืออาชีพที่จะช่วยวางแผนให้คุณเข้าถึงแหล่งเงินทุนอย่างมั่นใจ คลิกเข้ามาพูดคุยกับเราได้เลย
#สินเชื่อมีหลักทรัพย์ #สินเชื่อมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน #สินเชื่อธุรกิจ #กู้เงินเพื่อธุรกิจ #รีไฟแนนซ์หนี้ #แหล่งเงินทุนสำหรับเจ้าของกิจการ