เมื่อพูดถึงการฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์ หลายคนอาจนึกถึงการฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์ แต่ในปัจจุบันมีอีกหนึ่งทางเลือกที่กำลังได้รับความนิยม เพราะไม่ได้แค่เติมเต็มผิวชั่วคราว แต่เข้าไปฟื้นฟูจากระดับลึก นั่นคือ
Sculptra ทางเลือกที่ช่วยให้ผิวกลับมาแน่นกระชับ ดูสดใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาผลลัพธ์ระยะยาว และต้องการความเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไป
วิธีทำงานของ Sculptra ต่างจากการฉีดทั่วไปยังไงโดยทั่วไป การฉีดฟิลเลอร์จะเน้นการเติมเต็มร่องลึกให้ดูตื้นขึ้นทันทีหลังทำ ในขณะที่ Sculptra ใช้แนวคิดที่แตกต่างออกไป มันไม่ได้เน้นผลลัพธ์ทันตา แต่กระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนขึ้นมาเอง กระบวนการนี้จะใช้เวลา แต่ได้ผลลัพธ์ที่แน่นกระชับแบบยั่งยืน จึงเหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการให้ใครสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจนในวันเดียว
ทำไมผลลัพธ์ถึงดูเป็นธรรมชาติมากกว่าสิ่งที่หลายคนชอบเกี่ยวกับวิธีนี้คือผลลัพธ์ที่เปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไป ผิวจะค่อย ๆ ดูแน่นขึ้น เต่งตึงขึ้น โดยที่ยังคงลักษณะเดิมของใบหน้าไว้ จึงไม่ดูแปลกหรือผิดธรรมชาติ และไม่ต้องกังวลว่าคนรอบข้างจะรู้ว่าคุณ “ไปทำอะไรมา” ต่างจากเทคนิคบางอย่างที่ให้ผลลัพธ์ไว แต่ดูแข็งหรือบวมจนเกินไป
กระบวนการกระตุ้นคอลลาเจนใช้เวลากี่เดือนโดยทั่วไปหลังฉีด ผลลัพธ์อาจยังไม่ชัดเจนในช่วงแรก เพราะต้องอาศัยเวลาให้คอลลาเจนถูกสร้างขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่จะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงประมาณเดือนที่ 2–3 และผลลัพธ์จะดีขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วง 6 เดือนแรก ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบเป็นธรรมชาติที่มาจากภายใน ไม่ใช่แค่การเติมจากภายนอก
ผลลัพธ์ระยะยาวของ Sculptra เทียบกับฟิลเลอร์หากเปรียบเทียบเรื่องความยาวนาน ฟิลเลอร์ทั่วไปจะอยู่ได้ประมาณ 6–12 เดือน แล้วค่อย ๆ สลายไปตามธรรมชาติ แต่สำหรับเทคนิคนี้ ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานถึง 2 ปีขึ้นไป และยังช่วยให้ผิวมีสุขภาพดีขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากเป็นการฟื้นฟูที่ต้นเหตุ ไม่ใช่การปกปิดแบบชั่วคราว จึงเหมาะกับคนที่วางแผนดูแลผิวในระยะยาว
ต้องฉีดซ้ำบ่อยไหม?แม้จะไม่จำเป็นต้องฉีดซ้ำบ่อยเท่าฟิลเลอร์ แต่การฉีดในครั้งแรกมักจะแนะนำให้ทำประมาณ 2–3 ครั้ง โดยเว้นช่วงกันทุก 1–2 เดือน หลังจากนั้นสามารถเว้นระยะยาวได้นานถึงปีหรือมากกว่า โดยไม่จำเป็นต้องเติมทุกครั้ง ช่วยประหยัดทั้งเงินและเวลาในระยะยาว เหมาะกับคนที่อยากดูดีแบบไม่ต้องเข้าคลินิกบ่อย ๆ
