ในโลกยุคโลกาภิวัตน์ที่การติดต่อธุรกิจ การศึกษา และการทำงานสามารถข้ามพรมแดนได้อย่างรวดเร็ว “การโอนเงินระหว่างประเทศ” จึงกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันของใครหลายคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ปกครองที่ส่งค่าเล่าเรียนให้ลูกในต่างประเทศ ฟรีแลนซ์ที่รับค่าจ้างจากต่างประเทศ หรือแม้แต่ผู้ประกอบการที่ต้องชำระเงินให้กับคู่ค้าต่างชาติ
หนึ่งในระบบที่ทำให้การโอนเงินข้ามประเทศเป็นไปอย่างมีมาตรฐานและปลอดภัย คือ “SWIFT” และรหัสที่คุณจะต้องใช้ในการโอนผ่านระบบนี้เรียกว่า “SWIFT Code” บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักว่า SWIFT คืออะไร ทำงานอย่างไร และทำไมถึงจำเป็นสำหรับการโอนเงินระหว่างประเทศ
SWIFT คืออะไร?
SWIFT (Society for Worldwide Interbank Financial Telecommunication) คือองค์กรที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1973 โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างเครือข่ายการสื่อสารระหว่างธนาคารทั่วโลก ด้วยระบบการส่งข้อความที่มีมาตรฐานสูง ปลอดภัย และรวดเร็ว ซึ่งปัจจุบัน SWIFT กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักที่ธนาคารทั่วโลกใช้ในการส่งข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงิน เช่น การโอนเงิน การออกหนังสือค้ำประกัน หรือการชำระเงินระหว่างประเทศ
SWIFT ไม่ใช่ตัวกลางที่ถือเงินไว้ระหว่างทาง แต่เป็น “เครือข่ายการส่งข้อความ” ที่แจ้งให้ธนาคารต่างๆ รู้ว่ามีการสั่งโอนเงินจากผู้ส่งไปยังผู้รับ พร้อมรายละเอียดครบถ้วน เช่น ชื่อบัญชี จำนวนเงิน สกุลเงิน และรหัสระบุธนาคารปลายทาง
SWIFT Code คืออะไร?
SWIFT Code (หรือเรียกอีกชื่อว่า BIC - Bank Identifier Code) คือรหัสเฉพาะของแต่ละธนาคารหรือสถาบันการเงินทั่วโลกที่ใช้เพื่อระบุตัวตนปลายทางในการโอนเงินระหว่างประเทศผ่านระบบ SWIFT
โดยปกติแล้ว SWIFT Code จะประกอบด้วย 8 ถึง 11 ตัวอักษรตามโครงสร้างดังนี้:
ตัวอักษร 4 ตัวแรก: ชื่อธนาคาร (Bank Code) เช่น KRT สำหรับ Krungthai
ตัวอักษร 2 ตัวถัดไป: ประเทศ (Country Code) เช่น TH สำหรับประเทศไทย
ตัวอักษร 2 ตัวต่อมา: สถานที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของธนาคาร (Location Code) เช่น BK สำหรับกรุงเทพฯ
ตัวอักษร 3 ตัวสุดท้าย (ถ้ามี): รหัสสาขาย่อยของธนาคาร (Branch Code)
ตัวอย่างเช่น:
KRTHTHBK = ธนาคารกรุงไทย ประเทศไทย สำนักงานใหญ่กรุงเทพฯ
หากคุณใส่รหัสผิด ธนาคารจะไม่สามารถดำเนินการโอนได้ หรือเงินอาจไปผิดที่ จึงต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนทุกครั้ง
การโอนเงินผ่าน SWIFT ทำงานอย่างไร?
เมื่อคุณต้องการโอนเงินไปต่างประเทศผ่านแอปธนาคารหรือเคาน์เตอร์ วิธีการทำงานของระบบ SWIFT จะเป็นไปตามลำดับดังนี้:
ผู้โอนทำรายการ: ใส่ข้อมูลของผู้รับเงินให้ครบถ้วน เช่น ชื่อบัญชี, เลขบัญชี, SWIFT Code, ธนาคารปลายทาง, และสกุลเงิน
ธนาคารผู้ส่งส่งข้อมูลไปยัง SWIFT: ข้อมูลจะถูกแปลงเป็นข้อความที่เป็นมาตรฐานของ SWIFT
SWIFT กระจายข้อความไปยังธนาคารปลายทาง (หรือผ่านธนาคารตัวกลาง): ซึ่งอาจต้องผ่านหลายธนาคารก่อนถึงปลายทาง
ธนาคารผู้รับดำเนินการโอนเข้าบัญชีปลายทาง: เงินจะถูกโอนเข้าบัญชีของผู้รับในต่างประเทศ
ข้อดีของระบบ
โอนเงินแบบ swift code✅ มาตรฐานสากล: ใช้ได้ทั่วโลกกับธนาคารกว่า 11,000 แห่งในกว่า 200 ประเทศ
✅ ปลอดภัย: ข้อมูลธุรกรรมถูกเข้ารหัสและผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวด
✅ ครอบคลุมทุกสกุลเงิน: รองรับธุรกรรมได้แทบทุกสกุลเงินในโลก
✅ ตรวจสอบสถานะได้: ธนาคารสามารถติดตามเส้นทางของธุรกรรมได้ตลอดกระบวนการ
ข้อจำกัดและสิ่งที่ควรรู้ก่อน
โอนเงินต่างประเทศ⏱️ ใช้เวลาในการดำเนินการ: ประมาณ 3–5 วันทำการ (ขึ้นอยู่กับธนาคาร, วันหยุด, Time Zone)

? มีค่าธรรมเนียม:
ค่าธรรมเนียมโอนเงินต่างประเทศ อยู่ที่ประมาณ 300–500 บาทต่อรายการ และอาจมีค่าธรรมเนียมจากธนาคารตัวกลางเพิ่มเติม

? ข้อมูลต้องแม่นยำ: หากใส่ข้อมูลผิด อาจทำให้ธุรกรรมล่าช้าหรือถูกปฏิเสธได้
การ
โอนเงินไปต่างประเทศ swift code เป็นเครื่องมือสำคัญที่เชื่อมต่อการเงินทั่วโลกเข้าด้วยกัน ด้วยมาตรฐานที่ปลอดภัยและครอบคลุม แม้จะใช้เวลานานกว่าการโอนภายในประเทศ แต่ก็ให้ความมั่นใจว่าเงินของคุณจะถึงปลายทางอย่างถูกต้องและปลอดภัย
หากคุณต้องโอนเงินไปต่างประเทศ ไม่ว่าจะเพื่อธุรกิจ การศึกษา หรือครอบครัว สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องเตรียมไว้คือ SWIFT Code ของธนาคารผู้รับ และตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลทุกครั้งก่อนทำรายการ