ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


หนังตาตก ปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม ทำความเข้าใจสาเหตุ วิธีแก้ไขและป้องกัน ตั้งแต่เนิ

 หนังตาตก ปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม ทำความเข้าใจสาเหตุ วิธีแก้ไขและป้องกัน ตั้งแต่เนิ่น ๆ
 

 
" หนังตาตก " ปัญหาที่พบได้ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะในวัยรุ่น วัยทำงาน หรือผู้สูงอายุ อาการที่ดูเหมือนจะไม่ร้ายแรงนี้ อาจส่งผลกระทบต่อบุคลิกภาพ ความมั่นใจ และอาจถึงขั้นส่งผลต่อการมองเห็นได้หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษา
 
บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจ สาเหตุที่แท้จริงของหนังตาตก วิธีการแก้ไขที่หลากหลาย ตั้งแต่การดูแลตัวเองเบื้องต้น ไปจนถึงการรักษาด้วยวิธีการทางการแพทย์ รวมถึงวิธีป้องกันไม่ให้หนังตาตกกลับมาเป็นซ้ำอีก
 


 
หนังตาตก คืออะไร ?
 
หนังตาตก คือภาวะที่เปลือกตาบนหย่อนคล้อยหรือตกลงมามากกว่าปกติ ทำให้ดวงตาดูอ่อนล้า ไม่สดใส และใบหน้าดูมีอายุมากขึ้น บางครั้งหากหนังตาตกมากอาจส่งผลให้การมองเห็นถูกบดบังได้ ภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งกับตาข้างเดียวหรือพร้อมกันทั้งสองข้าง 
 
โดยภาวะหนังตาตก สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้ 
 

1. หนังตาตกจากเปลือกตาหย่อน (Dermatochalasis)
เป็นภาวะที่เกิดจากผิวหนังบริเวณเปลือกตาหย่อนคล้อย แต่ขอบตายังคงอยู่ในตำแหน่งปกติ ผิวหนังที่หย่อนลงจะทำให้เปลือกตาดูตก และหางตาดูเฉียงลง ในกรณีที่อาการไม่รุนแรง อาจทำให้ชั้นตาไม่เท่ากัน แต่หากผิวหนังหย่อนมาก อาจบดบังการมองเห็นและเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตประจำวันได้
 
2. หนังตาตกจากกล้ามเนื้อเปลือกตา (Ptosis)

 

 

ภาวะนี้เกิดจากกล้ามเนื้อที่ใช้ในการยกเปลือกตาทำงานผิดปกติ ทำให้ขอบเปลือกตาด้านบนตกลงมากว่าปกติ ลักษณะเหมือนลืมตาไม่สุด และหางตาตกลงด้วย ภาวะนี้ต่างจากหนังตาตกจากความหย่อนคล้อยของผิวหนัง เพราะเกิดจากความผิดปกติของกล้ามเนื้อโดยตรง
 


 
อาการหนังตาตก เกิดจากอะไร ?
 
หนังตาตกสามารถเกิดจากหลายปัจจัย โดยสาเหตุหลัก ๆ ได้แก่
 
  • อายุที่เพิ่มขึ้น : เมื่อเราอายุมากขึ้น กล้ามเนื้อและผิวหนังบริเวณรอบดวงตาจะเสื่อมสภาพ ทำให้เปลือกตาหย่อนคล้อยลง เกิดเป็นภาวะหนังตาตก
  • กรรมพันธุ์ : ภาวะหนังตาตกสามารถถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ได้ โดยมีโอกาสสูงในกรณีที่ครอบครัวมีประวัติ
  • ผลกระทบจากการฉีดโบท็อกผิดวิธี : การฉีดโบท็อกที่ไม่ถูกต้องหรือในปริมาณที่มากเกินไป โดยแพทย์ที่ขาดประสบการณ์ หรือบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์ อาจทำให้กล้ามเนื้อรอบดวงตาอ่อนแรงลงชั่วคราว ส่งผลให้หนังตาตกได้
  • อุบัติเหตุหรือบาดเจ็บ : การบาดเจ็บบริเวณดวงตา เช่น การผ่าตัดหรือการกระแทกรุนแรง สามารถทำให้กล้ามเนื้อหนังตาเสียหายได้

 
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่สามารถส่งผลให้เกิดหนังตาตกได้ เช่น มีก้อนเนื้อโตหรือสิ่งผิดปกติในดวงตา การขยี้ตาบ่อย ๆ โดนแดดมากเกินไป หรือความเครียด ภาวะขาดน้ำ
 


 
หนังตาตก แก้ไขได้ไหม ?
 
อาการหนังตาตกสามารถแก้ไขได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับสาเหตุและระดับความรุนแรงของอาการ ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 วิธีหลัก ได้แก่
 
  • การรักษาหนังตาตกแบบไม่ต้องผ่าตัด

 
เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการหนังตาตกไม่รุนแรงมาก เช่น เปลือกตาหย่อนเล็กน้อยหรือชั้นตาไม่เท่ากัน สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด อาทิ การร้อยไหมยกหางตา หรือการใช้เทคโนโลยียกกระชับผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้หนังตาตึงขึ้นอย่าง Hifu, Ulthera หรือ Thermage ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ต้องพักฟื้นและเห็นผลเร็ว
 

 
  • การรักษาหนังตาตกแบบผ่าตัด

 
ในกรณีที่หนังตาตกอย่างรุนแรงจนส่งผลต่อการมองเห็นหรือการใช้ชีวิตประจำวัน การผ่าตัดยกเปลือกตาจะช่วยแก้ไขปัญหาหนังตาตก ทำให้การมองเห็นชัดเจนขึ้น และเป็นวิธีที่ให้ผลลัพธ์ถาวร เหมาะกับผู้ที่ต้องการการแก้ไขอย่างสมบูรณ์
 

 
ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเลือกวิธีใดก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ผู้ที่มีประสบการณ์สูงเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับลักษณะและสภาพหนังตาของแต่ละบุคคล
 


 
ป้องกันอย่างไรไม่ให้หนังตาตก ?
 
แม้ว่าอาการหนังตาตกจะเป็นปัญหาที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ทั้งหมด โดยเฉพาะเมื่อเกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้นหรือกรรมพันธุ์ แต่ก็สามารถป้องกันและชะลอการเกิดได้ด้วยวิธีการดูแลดวงตาและผิวพรรณรอบดวงตา ดังนี้
 
  • หลีกเลี่ยงการขยี้ตาบ่อย ๆ : การขยี้ตาบ่อย ๆ จะทำให้ผิวหนังบริเวณรอบดวงตาอ่อนแอลงและหย่อนคล้อยได้
  • ปกป้องดวงตาจากแสงแดด : ใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงและสวมแว่นกันแดดเมื่อออกกลางแจ้ง เพื่อปกป้องผิวจากรังสี UV ที่อาจทำให้ผิวรอบดวงตาเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
  • พักผ่อนให้เพียงพอ : การพักผ่อนอย่างเพียงพอจะช่วยฟื้นฟูสภาพผิวและกล้ามเนื้อตารอบดวงตา ทำให้ดวงตาดูสดใส
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสายตา : ผักผลไม้ที่อุดมด้วยวิตามินซีและโอเมก้า 3 สามารถช่วยบำรุงผิวรอบดวงตาและชะลอความหย่อนคล้อยได้
  • นวดคลึงเบา ๆ รอบดวงตา : ช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อตาและทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น ควรนวดวันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 5 นาที จะเริ่มเห็นผลหลังทำต่อเนื่อง 2-4 สัปดาห์
  • ประคบร้อน-เย็นสลับกัน : ใช้ผ้าชุบน้ำร้อนและน้ำเย็นประคบสลับกันบริเวณรอบดวงตา เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและผ่อนคลายกล้ามเนื้อตา ควรทำวันละ 1-2 ครั้ง
  • บริหารดวงตา : เช่น การกลอกตา, การเลิกคิ้ว, และการหลับตาแน่น ๆ ทำวันละ 10 ครั้ง ช่วยให้กล้ามเนื้อตาแข็งแรง

 
การดูแลดวงตาอย่างต่อเนื่องเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการชะลอการเกิดหนังตาตกและรักษาสภาพดวงตาให้ดูอ่อนเยาว์นานที่สุด
 


 
สรุป หนังตาตก
 
หนังตาตกเป็นปัญหาที่สามารถแก้ไขได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีการผ่าตัดหรือใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ไม่ต้องผ่าตัด การปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินและเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้ การดูแลดวงตาให้ดี หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้ผิวรอบดวงตาหย่อนคล้อย เช่น การขยี้ตาบ่อย ๆ และการป้องกันแสงแดด จะช่วยชะลอการเกิดหนังตาตก ทำให้ดวงตาดูสดใสและมีชีวิตชีวาได้ยาวนานขึ้น