ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


อยากหน้าเรียว “ร้อยไหม” ดีไหม ? ปลอดภัยแค่ไหน อยู่ได้นานหรือไม่ ?


การ “ร้อยไหม” เป็นการปรับรูปหน้าที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ทั้งในกลุ่มดารา เซเลบ และบุคคลทั่วไปที่ต้องการเสริมความงาม แต่ก่อนจะตัดสินใจเข้ารับการร้อยไหม มีหลายสิ่งที่ควรทำความเข้าใจเสียก่อน เพื่อให้การร้อยไหมเป็นไปอย่างปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ

ร้อยไหม ปลอดภัยหรือไม่ ใช้ไหมอะไร ?

การร้อยไหม ถือเป็นหัตถการทางการแพทย์ที่มีความปลอดภัยสูง หากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและใช้ไหมที่ได้มาตรฐาน ไหมที่นิยมใช้ในการร้อยไหม ได้แก่ ไหม PDO (Polydioxanone) ซึ่งเป็นไหมละลายที่ย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ มีความปลอดภัยสูง นิยมนำมาใช้ในการเย็บแผลทางการแพทย์


นอกจากนี้ยังมีไหม PCL (Polycaprolactone) ที่ให้ผลการกระชับได้นานกว่า และไหม PLLA (Polylactate) ที่ทำจากสารโพลีแลคติกแอซิด พัฒนาต่อมาจากไหม PDO จุดเด่นคือมีความแข็งแรง ทนต่อแรงดึงได้ดีที่สุด
 
อย่างไรก็ตาม ไม่ควรทำการร้อยไหมกับสถานเสริมความงามหรือคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน เพราะอาจได้รับการร้อยไหม ด้วยเส้นไหมที่ไม่มีคุณภาพ ร้อยไหมผิดเทคนิค ทำให้เกิดผลข้างเคียงได้

ร้อยไหมตำแหน่งไหนได้บ้าง ตำแหน่งไหนได้รับความนิยม

การร้อยไหมสามารถทำได้หลายตำแหน่งบนใบหน้า เพื่อเสริมความกระชับ เติมเต็มริ้วรอย และปรับรูปหน้าให้สวยงาม ตำแหน่งยอดฮิตที่ได้รับความนิยม ได้แก่

- ร้อยไหมแนวกราม กรอบหน้า ช่วยกระชับผิวหน้าให้เรียวสวย ดูอ่อนเยาว์
- ร้อยไหมหน้าเรียว ยกกระชับใบหน้าให้ตึง และวีเชฟ มากขึ้น
- ร้อยไหมจมูก-ดั้ง ปรับรูปทรงจมูกให้โด่งพุ่งมากขึ้น
- ร้อยไหมหางตา แก้ปัญหาหางตาตก
- ร้อยไหมยกคิ้ว ยกกระชับคิ้วให้ดูสูงขึ้น ไม่หย่อนคล้อย


ร้อยไหม มีข้อเสียหรือผลข้างเคียงหรือไม่

ข้อเสียของการร้อยไหมที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น อาการบวม ช้ำ เจ็บ หลังการร้อยไหม ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่พบได้ในช่วง 3-5 วันแรกและจะค่อย ๆ ทุเลาลง บางคนอาจมีอาการคัน รู้สึกเป็นเม็ดใต้ผิวบริเวณที่ร้อยไหม ซึ่งจะค่อย ๆ หายไปเมื่อไหมเริ่มมีการย่อยสลาย

นอกจากนี้ผลข้างเคียงที่อาจเกิด ได้แก่ การอักเสบติดเชื้อ ไหมโผล่ การระคายเคือง มีติ่งเนื้อ ซึ่งพบได้น้อยหากใช้ไหมที่มีคุณภาพและทำในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน

อีกหนึ่งข้อเสียของการร้อยไหมคือไม่สามารถคงผลได้ถาวร เพราะไหมจะถูกย่อยสลายไปตามเวลา เมื่ออายุการใช้งานผ่านไป  แต่ก็สามารถกลับไปร้อยไหมซ้ำได้ตามความเหมาะสม

อาการหลังร้อยไหมที่ควรรู้

อาการหลังร้อยไหมที่ควรรู้ อาการหลังการร้อยไหมที่พบได้ทั่วไป ได้แก่

- บวม และช้ำแดง เป็นอาการปกติที่พบได้ในช่วงสัปดาห์แรกหลังการร้อยไหม
- อาการคัน และรู้สึกเป็นเม็ดกดเจ็บใต้ผิว เป็นเรื่องปกติที่เกิดจากปฏิกิริยาของร่างกายต่อไหม จะค่อยๆทุเลาลง
- เจ็บ หรือปวด บริเวณที่ฉีด เป็นอาการตกค้างหลังการทำ สามารถรับประทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการได้
- หน้าบวมหรือเบี้ยวชั่วคราว เนื่องจากการฉีดไหมไม่สมดุลหรือเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง ซึ่งจะค่อยๆดีขึ้น

แต่หากมีอาการอื่น ๆ ผิดปกติภายหลังการร้อยไหม เช่น ไข้สูง มีผื่น หนอง แดงบวมมาก ปวดมาก ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษา

หลังร้อยไหม กี่วันถึงเข้าที่ อยู่ได้นานไหม ?

หลังร้อยไหมในช่วง 7-10 วันหลังการร้อยไหมจะมี อาการบวม ชา จะเริ่มลดลง หลังจากนั้นประมาณ 2-4 สัปดาห์ รูปหน้าจะเริ่มเข้าที่ ริ้วรอยตื้นขึ้น ผิวกระชับขึ้น และเมื่อการร้อยไหมเข้าที่เต็มที่ ผลลัพธ์ของการร้อยไหมจะอยู่ได้ประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับประเภทของไหมที่ใช้ สภาพผิว และการดูแลตัวเองหลังร้อยไหม

- กรณีไหมละลาย PDO ผลลัพธ์จะอยู่ได้ราว 6 เดือนถึง 1 ปี
- ไหม PCL ให้ผลที่อยู่ได้นานกว่า โดยอยู่ได้ถึง 1 ปี
- ไหมถาวร PLLA ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานกว่า ประมาณ 18 เดือน

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ผลการร้อยไหมคงอยู่ได้นานที่สุด ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด หมั่นทาครีมกันแดด ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารมีประโยชน์ ออกกำลังกาย เพื่อบำรุงผิวพรรณ ส่งเสริมการผลิตคอลลาเจน และความกระชับของผิว
ก่อนตัดสินใจร้อยไหม ต้องรู้อะไรบ้าง ถึงจะไม่เสี่ยง

หากคุณสนใจอยากร้อยไหม เพื่อความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากการร้อยไหม ควรทำความเข้าใจและเตรียมตัวก่อนตัดสินใจ ดังนี้

- ควรศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับการร้อยไหมจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เข้าใจขั้นตอน ผลลัพธ์ที่คาดหวัง รวมถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
- ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้คำแนะนำรายละเอียดเฉพาะบุคคล วิเคราะห์รูปหน้า เพื่อเลือกรูปแบบการร้อยไหมและไหมที่เหมาะสม
- ตรวจสอบคุณสมบัติ ความน่าเชื่อถือของแพทย์และสถานพยาบาลที่จะเข้ารับการร้อยไหม ว่ามีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ มีความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์สูง
- ตรวจสอบแหล่งที่มาของไหมที่ใช้ ต้องได้มาตรฐาน อย. ไหมต้องใหม่และปราศจากเชื้อ
- ไม่ร้อยไหมในช่วงที่มีประจำเดือน เพราะจะทำให้เกิดอาการบวมช้ำได้มากกว่าปกติ
- หลีกเลี่ยงการร้อยไหมหากมีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคภูมิแพ้
- ปรึกษาแพทย์ให้แน่ใจก่อนทำการร้อยไหม หากเคยทำศัลยกรรมหรือฉีดสารอื่นๆ เช่น ฟิลเลอร์ โบท็อกซ์มาก่อน ควรแจ้งแพทย์อย่างละเอียด
- หยุดยาละลายลิ่มเลือด วิตามิน หรืออาหารเสริมล่วงหน้าอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนร้อยไหม เพื่อลดความเสี่ยงของเลือดออกหรือจ้ำเลือดใต้ผิวหนัง
- ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่ก่อนและหลังการร้อยไหม 1-2 สัปดาห์ เพราะจะทำให้แผลหายช้า

หากเตรียมความพร้อมและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ รวมทั้งดูแลตัวเองให้ดีหลังการร้อยไหม ก็จะช่วยลดความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้

สรุป

การร้อยไหมเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการชะลอวัยและแก้ไขจุดบกพร่องบนใบหน้า ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน การร้อยไหมถือเป็นหัตถการที่ค่อนข้างปลอดภัย ให้ผลเป็นที่น่าพอใจ หากได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเลือกใช้ไหมที่ได้มาตรฐาน

อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยสูงสุด คนที่สนใจร้อยไหมควรศึกษาหาข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ทำความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอน ผลลัพธ์ รวมถึงข้อเสียและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้การเลือกสถานพยาบาลและแพทย์ที่มีความน่าเชื่อถือและความเชี่ยวชาญสูง ก็เป็นอีกเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม