7 วิธีเก็บเงิน มนุษย์เงินเดือน ออมเงินง่าย ทำได้ทุกคน

[พรสัก ส่องแสง]

เงิน ถือว่าเป็นทรัพย์สินที่ทุกคนมีติดตัว ช่วยอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนสินค้าหรือบริการต่างๆ แล้วด้วยความคล่องตัวในการใช้เงิน จึงทำให้หลายคนเผลอใช้เงินเกินรายรับ จนเกิดผลกระทบทางการเงินตามมา โดยเฉพาะพนักงานเงินเดือน ซึ่งจะได้รับเงินเดือนเป็นก้อนช่วงปลายเดือน จึงจำเป็นต้องบริหารจัดการเงินเดือนให้ดี นอกจากการใช้จ่ายประจำวันแล้ว ก็ควรจะมีการเก็บเงินสำรองไว้ในกรณีฉุกเฉิน ดังนั้น จึงขอแนะนำ 7 วิธีเก็บเงิน มนุษย์เงินเดือน เพื่อช่วยให้ทุกคนออมเงินได้ดีขึ้น
1. กำหนดเป้าหมายการออมเงินให้ชัดเจน

วิธีเก็บเงิน มนุษย์เงินเดือนแรก คือ ต้องกำหนดเป้าหมายการออมเงินให้ชัดเจน ว่า ต้องการออมเงินเพื่ออะไรซึ่งทุกคนสามารถกำหนดเป้าหมายการออมเงินได้ง่ายๆ ดังต่อไปนี้

• กำหนดวัตถุประสงค์ทางการเงินให้ชัดเจน มีความเป็นไปได้ สามเหตุสมผล เช่น สำรองเงินก้อนสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน ลงทุนเพื่อการเกษียณ ชำระหนี้สินต่างๆ เดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ ชมคอนเสิร์ต เป็นต้น
• เมื่อมีเป้าหมายแล้ว ก็ลองกำหนดระยะเวลาว่า จะออมเงินให้บรรลุเป้าภายในระยะเวลาเท่าใด หรือกำหนดเป็นเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาว
• กำหนดรายละเอียดการบรรลุเป้าหมายด้วยองค์ประกอบ SMART คือ
  
  
• Specific (เจาะจง): กำหนดเป้าหมายให้มีทิศทางชัดเจน ไม่คลุมเครือ
• Measurable (สามารถวัดได้): กำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จของเป้าหมาย
• Achievable (เป็นไปได้): ตรวจสอบตนเองว่าสามารถออมเงินให้บรรลุตามเป้าหมายได้
• Relevant (สอดคล้อง): มีความสอดคล้องกับความต้องการอื่นๆ
• Time-bound (มีระยะเวลา): กำหนดระยะเวลาที่แน่นอน


• แบ่งเป้าหมายออกเป็นขั้นตอนการออมย่อยๆ เพราะขั้นตอนเล็กๆ ง่ายๆ จะทำให้ออมเงินได้ง่ายขึ้น
• กำกับติดตามผลการออมเงินอย่างสม่ำเสมอ หากเกิดปัญหา ไม่บรรลุผลในระยะสั้น ก็อาจจะต้องกลับมาทบทวนแนวทาง ปรับปรุงแผนการเก็บเงินใหม่ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
• อาจจะบันทึกผลการเก็บเงิน เพื่อติดตามรายได้และค่าใช้จ่ายประกอบ ทำให้เห็นภาพการออมเงินได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งอาจจะบันทึกด้วยสมุด เว็บไซต์ออมเงิน หรือแอปพลิเคชันจากธนาคารหรือสถาบันการเงินต่างๆ ช่วยบริหารจัดการและสรุปผลรายงาน

เมื่อมีเป้าหมายของการออมเงินที่ชัดเจน ก็จะช่วยให้มองเห็นภาพกระบวนการโดยรวมได้ ช่วยให้วางแผนเก็บเงินได้อย่างมีทิศทาง เป็นก้าวแรกของวิธีเก็บเงิน มนุษย์เงินเดือน
2. คำนวณรายรับและรายจ่ายต่อเดือน

อีกหนึ่งแนวทางในวิธีเก็บเงิน มนุษย์เงินเดือนเป็นการประเมินสถานะการเงินของตนเอง โดยเฉพาะรายจ่าย ซึ่งเกิดจากค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน โดยทุกคนสามารถคำนวณรายจ่ายต่อเดือนได้ ดังนี้

• รวบรวมรายจ่ายทั้งหมดในแต่ละเดือน ไม่ว่าจะเป็นค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าบัตรเครดิต ค่าอุปโภคบริโภค เป็นต้น
• แบ่งค่าใช้จ่ายเป็นหมวดหมู่ต่างๆ เช่น ค่าเช่า ค่าสาธารณูปโภค ค่าอาหาร ค่าเดินทาง เป็นต้น
• แยกค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนออกเป็น 2 ประเภท คือ ค่าใช้จ่ายคงที่ เช่น ค่าเช่าที่พัก ค่าเดินทาง ค่างวดต่างๆ และค่าใช้จ่ายตามสภาพความต้องการ เช่น ค่าอาหาร ค่าอุปโภคบริโภค ค่าน้ำ ค่าไฟ เป็นต้น
• สรุปยอดค่าใช้จ่ายคงที่และประมาณการค่าใช้จ่ายตามสภาพความต้องการในแต่ละเดือน
• รวบรวมรายได้ทั้งหมดที่ได้รับในแต่ละเดือน ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน รายได้เสริม เงินสวัสดิการต่างๆ
• นำรายรับและรายจ่ายมาเปรียบเทียบกัน เพื่อให้เห็นส่วนต่าง หากรายรับสูงกว่ารายจ่าย นั่นหมายถึงจำนวนเงินที่สามารถเก็บออมได้ หากแต่ถ้ารายจ่ายสูงกว่ารายรับก็จำเป็นต้องทบทวนค่าใช้จ่ายใหม่ เพื่อให้เกิดความสมดุลทางการเงิน

3. เลือกรูปแบบการเก็บเงิน

จาก 2 วิธีเก็บเงิน มนุษย์เงินเดือนแรก ทำให้ทราบถึงเป้าหมายในการออมเงินหรือรายรับรายจ่ายในแต่ละเดือนเรียบร้อยแล้ว เมื่อมีจำนวนเงินออมในแต่ละเดือน ก็ต้องมาพิจารณาต่อว่า ต้องการออมเงินในรูปแบบใด เช่น

• ต้องการออมเงินเป็นเงินสดเท่านั้น เหมาะสำหรับผู้ไม่ต้องการความเสี่ยงต้องการถือเงินสด เพื่อนำมาใช้จ่ายได้อย่างคล่องตัว ทั้งนี้ สามารถเลือกบัญชีออมที่มีดอกเบี้ยสูงจากธนาคารต่างๆ ได้ โดยจะมีข้อกำหนด เช่น ดอกเบี้ยร้อยละ 2 - 6 จ่ายดอกเบี้ยเป็นรายเดือน ทุก 6 เดือน ออมเงินไม่เกิน 100,000 บาท เป็นต้น
• เลือกเก็บเงินกับแอปพลิเคชันธนาคาร ซึ่งช่วยบริหารจัดการควบคุมค่าใช้จ่าย มีข้อกำหนดว่า เป็นบัญชีเงินฝากเพียงอย่างเดียว ห้ามนำเงินออกมาใช้ ซึ่งกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
• ออมเงินในรูปแบบของการลงทุน เพิ่มรายได้ในอนาคต เช่น หุ้น กองทุน พันธบัตร เป็นต้น ซึ่งใสแต่ละธนาคารก็จะมีข้อกำหนด ดอกเบี้ย ระยะเวลาที่แตกต่างกัน หากเป็นการลงทุนด้วยหุ้นหรือกองทุน ก็จะได้รับผลตอบแทนเป็นรายเดือนหรือรายปีแล้วแต่เงื่อนไข แต่ทั้งนี้ ควรศึกษาข้อมูลใ้ดีก่อนลงทุน เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง มีความผันผวนอยู่ตลอดเวลา

4. คำนวณเงินออมในแต่ละเดือน

ด้วยในแต่ละเดือนมีรายรับและรายจ่ายที่แตกต่างกัน ทำให้มีส่วนต่างที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ อีก 1 วิธีเก็บเงิน มนุษย์เงินเดือนง่าย ๆ คือ การคำนวณเงินออมในแต่ละเดือนให้เป็นยอดคงที่ โดยกำหนดสัดส่วนเงินออมกับรายรับ เป็นการเก็บเงินทุกเดือน เดือนละ 5% - 20% แล้วพิจารณาต่อว่า จำนวนเงินเก็บนี้ พอดีกับส่วนต่างระหว่างรายรับและรายจ่ายหรือไม่ เช่น

• รายรับ 10,000 บาท ต้องการเก็บเงิน 15% คิดเป็น 1,500 บาท โดยมีรายจ่าย 8,000 บาท เท่ากับว่า สามารถเก็บเงินได้ 1,500 บาท อีกทั้งยังมีเงินส่วนต่างอีก 500 บาท เพื่อใช้จ่ายเพิ่มเติมได้อีก ถือว่าเป็นเงินรางวัล สามารถนำไปใช้จ่ายสร้างความสุขได้
• แต่หากบางเดือนมีรายจ่าย 8,500 บาท แม้ว่าจะไม่มีเงินพิเศษ แต่ก็ยังสามารถเก็บเงินได้บรรลุเป้า

ซึ่งวิธีออมเงินมนุษย์เงินเดือนด้วยการคำนวณเงินออมด้วยสัดส่วนนี้ ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยรายรับรายจ่ายของแต่ละคน ที่จะต้องคำนึงถึงอย่างรอบด้าน ได้แก่

• ยอดรายรับทั้งหมดของแต่ละเดือน
• ความจำเป็นของรายจ่ายทั้งหมด สามารถลด หรือตัดค่าใช้จ่ายใดได้บ้าง
• เป้าหมายของการออม
• ระยะเวลาที่จะต้องออมให้ได้ตามเป้าหมาย

แต่ทั้งนี้ นอกจากการเก็บเงินให้บรรลุเป้าหมายแล้ว ก็ควรจะมีความยืดหยุ่นให้แก่ตนเอง หากเดือนใดไม่สามารถเก็บเงินได้ตามเป้า ด้วยสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือหากเก็บเงินได้มากกว่าเป้าหมายก็ควรจะมีรางวัลให้ตนเองบ้าง ถือว่าเป็นการสร้างความสุข ความผ่อนคลาย เพื่อให้วิธีการออมเงิน มนุษย์เงินเดือนนี้ ประสบความสำเร็จในระยะยาว
5. แบ่งเงินใช้รายวัน

การแบ่งเงินใช้รายวัน ซึ่งเป็นวิธีเก็บเงิน มนุษย์เงินเดือน เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายให้ละเอียดขึ้น เป็นระดับวัน ทำให้สามารถออมเงินได้ง่ายขึ้น โดยมีขั้นตอน ดังนี้

• รวบรวมรายจ่ายในแต่ละเดือน ทุกหมวดหมู่ที่ใช้ประจำวัน เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายส่วนตัว เป็นต้น ก่อนจะสรุปยอดค่าใช้จ่ายทั้งเดือน
• คำนวณหาค่าใช้จ่ายในแต่ละวันอย่างชัดเจน โดยคำนึงถึงความแตกต่างในแต่ละวันด้วย เช่น วันทำงาน ซึ่งอาจจะมีค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายส่วนตัว แต่หากเป็นวันหยุด ก็สามารถลดค่าเดินทางออก ทำให้มีเงินใช้แต่ละวันไม่เท่ากัน แต่สอดคล้องกับบริบทจริง

ซึ่งวิธีการเก็บเงิน มนุษย์เงินเดือนนี้ จะทำให้มีเงินออมจำนวนมาก ในกรณีที่รายรับสูงกว่ารายจ่ายอย่างชัดเจน เพราะเป็นการควบคุมค่าใช้จ่ายที่เฉพาะและจำเป็นเท่านั้น ทำให้ส่วนต่างที่เหลือกลายเป็นเงินเก็บโดยอัตโนมัติ
6. จัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย

วิธีเก็บเงิน มนุษย์เงินเดือนยอดนิยมอีกวิธีหนึ่ง คือ การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย เพราะการทำบัญชีในแต่ละวัน จะทำให้มองเห็นค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน ทำให้หลายๆ คนได้วิเคราะห์ความจำเป็นค่าใช้จ่ายแต่ละประเภทว่า มีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน สามารถลดค่าใช้จ่ายประเภทนี้ออกได้หรือไม่ รวมถึงสะท้อนให้เห็นว่า รายรับโดยส่วนใหญ่ถูกใช้จ่ายไปกับสิ่งใด เมื่อกลับมาทบทวนแล้ว จะทำให้บริหารการเงินได้ดีขึ้น

แล้วเพื่อให้การทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายมีประสิทธิภาพ ก็ควรจะมีการบันทึกในทุกๆ วัน หรือทุกครั้งที่มีการใช้จ่าย เพื่อป้องกันการหลงลืม ก่อนจะสรุปยอดในแต่ละวัน แล้วรวบรวมจำนวนเป็นรายเดือน สามารถจดบันทึกด้วยสมุดหรือจะใช้แอปพลิเคชันธนาคารต่างๆ เข้าช่วย เพื่ออำนวยความสะดวกได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว ซึ่งนี่ถือว่าเป็นวิธีออมเงินมนุษย์เงินเดือนที่ได้ผลดีอีกวิธีหนึ่ง
7. มีวินัยในการออมเงิน

สิ่งสำคัญของวิธีเก็บเงิน มนุษย์เงินเดือน คือ มีวินัยในการออมเงิน เพราะทุกวิธีการเก็บเงิน มนุษย์เงินเดือนข้างต้น จะต้องทำอย่างสม่ำเสมอทั้งในระดับรายวันอย่างการทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย หรือระดับรายเดือนอย่างการแบ่งเงินใช้รายวัน ด้วยสถานการณ์การเงินสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา จึงต้องกำกับติดตามทั้งเป้าหมายการออมเงิน จำนวนรายรับ-รายจ่ายในแต่ละเดือน รูปแบบการออมเงิน ซึ่งอาจจะมีความผกผันทางตลาด หรือเปลี่ยนสัดส่วนการออมเงินในแต่ละเดือนได้

การมีวินัยในการเก็บเงินอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง เป็นวิธีเก็บเงิน มนุษย์เงินเดือนที่จะช่วยให้เป็นคนมีความรับผิดชอบ กระตือรือร้น เปิดรับข่าวสารใหม่ๆ รวมถึงทักษะคิดวิเคราะห์อย่างก้าวกระโดด เพราะสมองจะต้องคิดอยู่ตลอดเวลา ว่า จะใช้เงินอย่างไรจึงจะสามารถออมเงินได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
ข้อสรุปของวิธีเก็บเงิน มนุษย์เงินเดือน

ทุกคนย่อมต้องการเก็บเงินเพื่อให้ได้ใช้เงินตามความฝัน จาก 7 วิธีเก็บเงิน มนุษย์เงินเดือนข้างนั้น สามารถทำพร้อมๆ กันได้ โดยเริ่มจากกำหนดเป้าหมายของอารออมเงินก่อน คำนวณรายรับและรายจ่ายในแต่ละเดือน ก่อนจะเลือกรูปแบบออมเงิน ไม่ว่าจะเป็นเก็บเงินสดหรือเลือกลงทุนในรูปแบบต่างๆ ซึ่งวิธีออมเงินมนุษย์เงินเดือนสามารถกำหนดสัดส่วนของเงินออมได้ หรือจะแบ่งเงินใช้รายวัน พร้อมทั้งทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง เพื่อสร้างวินัยในการเก็บเงิน จะเห็นได้ว่า มนุษย์เงินเดือนก็สามารถเก็บเงินได้