จับคู่เลเซอร์กำจัดขนที่ “ใช่” สำหรับคุณ Diode Laser กับ YAG ต่างกันอย่างไร

[กมลชนก]

การกำจัดขนด้วยเลเซอร์กลายเป็นหนึ่งในวิธีดูแลผิวที่คนรุ่นใหม่ให้ความนิยมมากที่สุด แต่หลายคนอาจยังสงสัยว่า diode laser กับ yag ต่างกันอย่างไร กันแน่ เพราะชื่อเรียกคล้ายกันแต่ผลลัพธ์และความเหมาะสมกับสภาพผิวกลับไม่เหมือนกันเลย การทำความเข้าใจหลักการทำงานและความแตกต่างนี้ จะช่วยให้เลือกวิธีที่ปลอดภัยและเห็นผลดีที่สุดสำหรับตัวเอง



เข้าใจพื้นฐานของเลเซอร์กำจัดขน
ก่อนจะไปถึงความต่างของสองเทคโนโลยีนี้ เราควรเข้าใจก่อนว่าเลเซอร์กำจัดขนทำงานอย่างไร โดยหลักแล้วเลเซอร์จะปล่อยพลังงานแสงที่มีความยาวคลื่นเฉพาะเจาะจงเข้าสู่รูขุมขน เพื่อทำลายเม็ดสีเมลานินในรากขน ความร้อนที่เกิดขึ้นจะไปยับยั้งการเจริญเติบโตของเส้นขนในอนาคต ทำให้ขนขึ้นช้าลง บางลง และลดลงเรื่อย ๆ เมื่อทำต่อเนื่อง

เจาะลึกเทคโนโลยี Diode Laser
กลไกการทำงานของ Diode Laser
Diode Laser ใช้ความยาวคลื่นประมาณ 800–810 นาโนเมตร ซึ่งสามารถซึมลึกเข้าสู่ผิวในระดับปานกลาง ทำให้เหมาะกับผู้ที่มีผิวโทนขาวถึงผิวสองสี เนื่องจากคลื่นนี้สามารถแยกความแตกต่างระหว่างเม็ดสีผิวกับเม็ดสีในรากขนได้ดี ลดโอกาสการเกิดผิวไหม้หรือรอยแดงหลังทำ
ข้อดีของ Diode Laser
ด้วยความแม่นยำในการจับเม็ดสีในเส้นขน Diode Laser จึงให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและเหมาะกับบริเวณอย่างขา รักแร้ หรือแขนที่มีพื้นที่กว้าง ความรู้สึกขณะทำมักจะอุ่น ๆ มากกว่าร้อน และสามารถทำได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องพักฟื้น

ทำความรู้จักกับ YAG Laser
กลไกของ YAG Laser
YAG Laser หรือที่เรียกว่า Nd:YAG ใช้ความยาวคลื่น 1064 นาโนเมตร ซึ่งมีความสามารถในการทะลุทะลวงลึกกว่าชนิดอื่น เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวเข้มหรือผิวที่มีเม็ดสีมาก เพราะคลื่นความยาวนี้จะไม่ดูดซับเม็ดสีผิวมากนัก ลดความเสี่ยงจากรอยไหม้ได้ดี
จุดเด่นของ YAG Laser
จุดแข็งของ YAG Laser คือความปลอดภัยต่อทุกโทนผิว โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวเข้มหรือเคยแพ้การทำเลเซอร์ชนิดอื่นมาก่อน แม้ผลลัพธ์อาจต้องทำต่อเนื่องหลายครั้งเพื่อให้เห็นการลดลงของขนอย่างถาวร แต่ก็ถือว่าปลอดภัยและเหมาะกับการทำในระยะยาว

เปรียบเทียบ Diode Laser กับ YAG Laser: ความแตกต่างที่ควรรู้
แม้ทั้งสองเทคโนโลยีจะใช้หลักการเดียวกัน แต่สิ่งที่ต่างคือ “ระดับความลึกของคลื่นแสง” และ “การตอบสนองต่อเม็ดสีผิว” Diode Laser ทำงานได้ดีในผิวโทนอ่อนถึงกลาง ส่วน YAG Laser จะตอบโจทย์ผิวโทนเข้มมากกว่า การเลือกเลเซอร์ที่เหมาะจึงขึ้นอยู่กับทั้งสีผิว ความหนาแน่นของขน และความไวของผิวต่อความร้อน
อีกประเด็นที่ควรพิจารณาคือความรู้สึกระหว่างทำ Diode Laser มักให้ความรู้สึกอุ่นและใช้เวลาไม่นาน ขณะที่ YAG Laser อาจรู้สึกจี๊ดเล็กน้อย แต่ปลอดภัยต่อเม็ดสีผิวเข้มมากกว่า
แล้วผิวแบบคุณเหมาะกับเลเซอร์แบบไหน?
หากคุณมีผิวขาวถึงผิวสองสี และต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว Diode Laser อาจเป็นคำตอบที่เหมาะสมที่สุด แต่ถ้าคุณมีผิวเข้ม หรือเคยแพ้แสงเลเซอร์ชนิดอื่น YAG Laser จะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า ทั้งนี้ ควรเข้ารับคำปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสีผิว ความหนาของขน และความไวของผิวก่อนตัดสินใจ

สรุป: ความต่างที่ไม่ควรมองข้าม
การเข้าใจว่า diode laser กับ yag ต่างกันอย่างไร ช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจขึ้น ทั้งในเรื่องของประสิทธิภาพและความปลอดภัย การเลือกเลเซอร์ให้ “เข้ากับผิว” ไม่ใช่แค่เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นการดูแลผิวในระยะยาวอย่างชาญฉลาดและปลอดภัยที่สุด