Empathy คืออะไร แตกต่างจาก Sympathy อย่างไรบ้าง?หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า Empathy แต่ยังสงสัยว่าแท้จริงแล้ว Empathy คืออะไร และทำไมการมีทักษะนี้จึงสำคัญต่อทั้งชีวิตส่วนตัวและการทำงาน คำว่า
Empathy แปลว่า การเข้าใจผู้อื่นในมุมมองของเขา เหมือนเราได้ลองใส่รองเท้าของอีกคน และรู้สึกถึงประสบการณ์ ความคิด และความรู้สึกของเขาอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่เห็นใจจากภายนอก
บทความนี้จะพาไปรู้จักว่า Empathy คืออะไร ความแตกต่างระหว่าง Empathy vs Sympathy คืออะไร ประเภทของ Empathy มีกี่รูปแบบ และการฝึกทักษะการเข้าใจผู้อื่นให้กับตัวเองและพนักงานองค์กรทำได้อย่างไรบ้าง?
ความหมายของ Empathy คืออะไรการเข้าใจผู้อื่นหรือ Empathy หมายถึงความสามารถในการรับรู้ เข้าใจ และเห็นอกเห็นใจความรู้สึกของผู้อื่น โดยไม่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง จุดเด่นของผู้ที่มี Empathy คือสามารถมองสถานการณ์จากมุมมองของผู้อื่น มีความเข้าอกเข้าใจผู้อื่น และตอบสนองด้วยความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นได้
การมี Empathy ดีทั้งในแง่ของตัวบุคคลและการทำงานและภายในองค์กร โดยในแง่ตัวบุคคล คนที่มี Empathy มักมีความสานสัมพันธ์ทางสังคมที่ลึกซึ้งและมั่นคง ช่วยลดความขัดแย้ง หรืออคติที่มีต่อผู้อื่น และสามารถสื่อสารได้ดีขึ้น นอกจากนี้คนที่มี Empathy ในตัวเองจะเป็นคนที่สามารถตัดสินใจอย่างมีสติ ไม่เอาอารมณ์ตัวเองเป็นที่ตั้งอีกด้วย ก่อให้เกิดแรงผลักดันในการช่วยเหลืออย่างไม่เห็นแก่ตนเอง
ซึ่งในแง่การทำงานและภายในองค์กร เพื่อนร่วมงานหรือผู้นำที่มี Empathy จะช่วยเพิ่มความไว้วางใจ ปรับปรุงประสิทธิภาพ และสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดีกับลูกน้องได้ ส่งผลให้การทำงานร่วมกันมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ผ่านการเข้าใจมุมมองของผู้อื่น จนทำให้เกิดไอเดียใหม่ ๆ ได้มากกว่าเพื่อนร่วมงานหรือผู้นำที่ไม่มี Empathy นอกจากนี้องค์กรที่มี Empathy สูงจะมีอัตราการลาออกน้อยกว่าอีกด้วย
Empathy vs Sympathy ต่างกันอย่างไรEmpathy คือ ความสามารถในการเข้าใจความรู้สึกและมุมมองของผู้อื่นเสมือนเราเป็นเขา เป็นทักษะการเข้าใจผู้อื่นที่ลึกกว่าเพียงแค่สงสาร เพราะ Empathy มุ่งไปที่การเห็นอกเห็นใจผู้อื่นและรับรู้สิ่งที่เขากำลังเผชิญ
ในขณะที่ Sympathy คือ การรู้สึกเห็นใจหรือสงสารจากมุมมองของเราเอง โดยไม่ได้เข้าใจจริง ๆ ว่าอีกฝ่ายกำลังรู้สึกอย่างไร
ความแตกต่างสำคัญของ Empathy มักสร้างการเชื่อมโยงทางอารมณ์ที่แน่นแฟ้นกว่า ช่วยให้เราฟังอย่างตั้งใจ ไม่ตัดสิน และเปิดพื้นที่ให้อีกฝ่ายได้พูด ส่วน Sympathy มักเป็นการปลอบใจหรือให้คำแนะนำสั้น ๆ เช่น “ฉันเสียใจด้วย” โดยไม่ได้สัมผัสถึงความรู้สึกลึกซึ้งของอีกฝ่าย
ประเภทของ Empathy มีอะไรบ้างEmpathy หรือทักษะการเห็นอกเห็นใจผู้อื่นที่สามารถแสดงออกได้หลายรูปแบบ ซึ่งนักจิตวิทยาแบ่ง Empathy ออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ โดยแต่ละประเภทมีบทบาทและการใช้งานต่างกัน ทั้งในชีวิตประจำวันและในการทำงาน ดังนี้
- Emotional Empathy หมายถึง ความสามารถในการรับรู้และรู้สึกร่วมไปกับอารมณ์ของผู้อื่น เช่น ถ้าเพื่อนเศร้า เราก็รู้สึกเศร้าตาม เป็นการเข้าใจผ่านอารมณ์โดยตรง
- Cognitive Empathy คือ การใช้เหตุผลและมุมมองทางความคิดเพื่อเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่าย แม้จะไม่ได้รู้สึกตามเต็มที่ แต่สามารถมองเห็นปัญหาจากมุมมองของเขาได้ชัดเจน เหมาะกับการทำงานที่ต้องใช้การเจรจาและแก้ปัญหา
- Compassionate Empathy เป็นการผสมผสานระหว่างการเข้าใจและการลงมือช่วยเหลือ ไม่เพียงแค่รับรู้ความรู้สึกของผู้อื่น แต่ยังผลักดันให้เราแสดงออกหรือช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเขาจริง ๆ
การฝึกทักษะ Empathy ให้แก่บุคลากรภายในองค์กรการฝึกทักษะ Empathy ให้พนักงานช่วยสร้างบรรยากาศเชิงบวก เพิ่มความร่วมมือ และส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง โดยวิธีฝึกทักษะการมี Empathy ให้พนักงาน ได้แก่
- สร้างหลักสูตร Empathy for Teamwork ผ่านการจัดโปรแกรมฝึกอบรมที่เน้นการพัฒนา Empathy ผ่านการเรียนรู้ร่วมกัน ช่วยให้พนักงานเข้าใจกันในมุมมองที่ต่างและสร้างบรรยากาศปลอดภัยทางจิตใจ
- ใช้ Empathy Mapping ในการฝึกฝน โดยการให้พนักงานลองสมมติสถานการณ์โดยสวมบทบาท เป็นเพื่อนร่วมงานหรือลูกค้า เพื่อเข้าใจความคิด ความรู้สึก และปัญหาของผู้อื่นโดยไม่ตัดสิน
- ส่งเสริมทักษะ Intrapersonal (เข้าใจตนเอง) สนับสนุนให้พนักงานฝึก self-awareness และตระหนักรู้ในอารมณ์ของตัวเอง เพราะการเข้าใจตัวเองเป็นพื้นฐานสำคัญสู่การเข้าใจผู้อื่น
- เพิ่มการใช้ Active Listening ในทีม ฝึกให้ฟังเพื่อเข้าใจ ไม่ใช่แค่เพื่อโต้ตอบ โดยให้ความสำคัญกับทั้งคำพูดและความหมายที่ไม่ออกเสียง เช่น น้ำเสียงและท่าทาง เพื่อสร้างความไว้วางใจและการเชื่อมโยงที่ลึกซึ้งขึ้น
- เปลี่ยน Empathy ให้กลายเป็น Action (Compassionate Empathy) ที่ไม่ใช่แค่เข้าใจ แต่สร้างการตอบสนองที่จริงใจ เช่น การสอบถามอย่างเปิดใจเมื่อเพื่อนร่วมงานเผชิญปัญหา หรือเสนอความช่วยเหลือ เช่น ฟัง ปรึกษา หรือแบ่งเบาภาระ เพื่อส่งเสริมบรรยากาศที่ใส่ใจและพร้อมช่วยเหลือจริง
ความสำคัญของ Empathy กับการทำงานการมี Empathy ในที่ทำงาน นอกจากจะช่วยสร้างบรรยากาศเชิงบวก เพิ่มประสิทธิภาพ และลดความขัดแย้งในทีมได้ ยังมีความสำคัญด้านอื่น ๆ อีก เช่น
- การมี Empathy ช่วยสร้างความเข้าใจและความสัมพันธ์ที่ดียิ่งขึ้น ทำให้เพื่อนร่วมงานรู้สึกว่าได้รับการยอมรับ ทำให้เกิดความใกล้ชิดและเชื่อใจมากขึ้นในทีม
- ช่วยเพิ่มความร่วมมือกันภายในทีม ผ่านการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เข้าใจมุมมองของกันและกัน ส่งผลให้การทำงานร่วมกันมีคุณภาพ ลดความขัดแย้งระหว่างบุคคลได้
- กระตุ้น Engagement และการอยู่ร่วมองค์กร (Retention) ทำให้พนักงานที่รู้สึกว่าองค์กรมี Empathy มักมีแนวโน้มที่จะอยู่ยาวและทุ่มเทให้กับองค์กรมากขึ้น ด้วยความรู้สึกว่าอยู่ในที่ที่ใส่ใจเรา
- เพิ่มประสิทธิภาพงานและการสื่อสาร ผู้นำหรือพนักงานที่ใช้ Empathy เป็นแนวทางสื่อสาร จะทำให้ทีมรู้สึก ถูกฟัง และสื่อสารอย่างเปิดเผย ส่งผลให้การทำงานราบรื่นขึ้นและเกิดผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
- ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม การมองจากมุมมองของผู้อื่นช่วยให้เกิดไอเดียใหม่ ๆ และแนวทางแก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค์ที่หลากหลายและตรงกับความต้องการจริง
Empathy หรือการเข้าใจผู้อื่น คือทักษะที่ควรมีในสังคมEmpathy คือ ความสามารถในการเข้าใจและเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ซึ่งแตกต่างจาก Sympathy ที่มักเป็นการสงสารเพียงอย่างเดียว การมี Empathy ไม่ว่าจะในชีวิตประจำวันหรือในที่ทำงาน ล้วนช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ลดความขัดแย้ง และเสริมบรรยากาศการทำงานเชิงบวก การฝึกทักษะการเข้าใจผู้อื่นอย่างลึกซึ้งนี้ยังช่วยให้พนักงานทำงานร่วมกันได้ราบรื่น เกิดความคิดสร้างสรรค์ และเพิ่มประสิทธิภาพองค์กรได้อย่างยั่งยืน