
จากสถิติที่น่าตกใจนี้ ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคเบาหวานขึ้นตา (Diabetic Retinopathy) ซึ่งเป็นหนึ่งในภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญและสามารถนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร หากไม่ได้รับการตรวจคัดกรองและดูแลอย่างทันท่วงที
ทำความรู้จัก "เบาหวานขึ้นตา"เบาหวานขึ้นตาคือภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานที่ส่งผลกระทบต่อดวงตาโดยตรง ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงเป็นระยะเวลานานจะทำลายหลอดเลือดทั่วร่างกาย รวมถึงหลอดเลือดเล็กๆ ที่จอประสาทตา ทำให้หลอดเลือดเหล่านี้เสียหายและทำงานผิดปกติ ความเสี่ยงของการเกิดเบาหวานขึ้นตาจะเพิ่มสูงขึ้นตามระยะเวลาที่เป็นเบาหวานและระดับน้ำตาลในเลือดที่ไม่ได้รับการควบคุม
อาการและการวินิจฉัยสิ่งสำคัญที่ควรทราบคือ เบาหวานขึ้นตามักไม่มีอาการหรือความผิดปกติใดๆ ในระยะเริ่มต้น แม้จะอยู่ในระยะที่รุนแรงแล้วก็ตาม ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะทราบเมื่อโรคดำเนินไปถึงระยะท้าย ซึ่งอาจแสดงอาการดังนี้:
- การมองเห็นลดลง
- มองเห็นจุดหรือเส้นสีดำลอยไปมา หรือเห็นเป็นสีแดงฟุ้งทั่วตา
- มองเห็นภาพบิดเบี้ยว
- มองเห็นภาพบิดเบี้ยว
- แยกแยะสีได้ยากขึ้น
ดังนั้น ผู้ป่วยเบาหวานทุกรายควรได้รับการตรวจตาและขยายม่านตาตรวจจอประสาทตาหรือถ่ายภาพจอประสาทตาโดยเร็วที่สุดหลังจากได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวาน และควรตรวจคัดกรองอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือตามคำแนะนำของจักษุแพทย์ นอกจากนี้ สตรีมีครรภ์ที่เป็นเบาหวานควรได้รับการตรวจตาในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ เนื่องจากระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงอาจส่งผลให้ภาวะเบาหวานขึ้นตารุนแรงขึ้นได้
การป้องกันเบาหวานขึ้นตาการป้องกันที่ดีที่สุดคือการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งรวมถึงการควบคุมระดับไขมันและความดันโลหิตด้วย นอกจากนี้ การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน:
- ควบคุมระดับน้ำตาล
- ระดับไขมันในเลือด และความดันโลหิตสูงให้อยู่ในเกณฑ์ปรกติ
- รับประทานยา/ฉีดยาตามคำแนะนำจากแพทย์
- ปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารและการออกกำลังกาย
- งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
- หมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลงในการมองเห็น หากมีการมองเห็นลดลง หรือมองเห็นผิดปกติ ควรพบจักษุแพทย์ทันที
- ตรวจคัดกรองเบาหวานขึ้นตาเป็นประจำทุกปี หรือตามแพทย์แนะนำ